บุพเพวายร้าย(สอง)
14.20%
ผมนอนยิ้มอยู่บนเตียงนอนพลิกไปพลิกมาหลังจากไปส่งจักรกับมาแล้ว ผมเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ที่จักรเหมือนจะยอมรับผมมากขึ้น
แค่จักรยอมให้ผมไปรับ ผมก็เป็นบ้าขนาดนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ
แต่ความคิดก็มีหน้าไอ้แบงค์แวบเข้ามา นั่นทำให้ใจผมสลดลง
“ กรูจะเป็นเพื่อนกับมรึง” ผมพูด สลัดไอ้แบงค์ออกจากหัวและใจ แต่มันยากเต็มทน
“ ..................”
สับสน และเจ็บปวด
ผมยังรู้สึกกับไอ้แบงค์อยู่ และก็สนใจจักรมากด้วย ความรู้สึกแบบนี้ผมก็เพิ่งเคยรู้สึก ผมคิดว่ากับไอ้แบงค์มันน่าจะเป็นความรู้สึกของเพื่อนและเซ็กซ์ที่มันดีจนเหลือเชื่อ แต่ผมรับรู้ว่ามันใม่ใช่ แล้วกับจักรอีก ผมสนใจจักรชอบจักรอยากรู้จักจักรให้มากกว่านี้ ทั้งที่ผมก็รักไอ้แบงค์
ความรู้สึกผมทับซ้อน เหมือนคนเห็นแก่ตัวที่อยากได้ทั้งไอ้แบงค์และจักร แต่มันเป็นไม่ได้ โลกของความจริงผมต้องเลือก
แต่
ผมเลือกไม่ได้ เพราะทั้งไอ้แบงค์และจักรต่างก็ไม่เลือกผม มีเพียงผมที่ดันทุรัง คาดหวังลมๆแล้งๆว่าไอ้แบงค์มันอาจจะชอบผมบ้าง แอบหวังว่าจักรจะยกโทษให้ผมแล้วผมก็จะมีสิทธิ์จีบจักรต่อไป
แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ไอ้แบงค์ให้ผมเป็นได้แค่เพื่อน จักรเกลียดผมเข้าไส้ สิ่งที่สัมผัสได้มันคือความว่างเปล่า
“ ..........” ผมมองไปรอบๆห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนว่าขาดบางสิ่งบางอย่างไป จนทำให้หัวใจเต้นระริกหวั่นไหวและอึดอัด
ภาพไอ้แบงค์เป็นเงาจางๆเดินว่อนในห้องผมก็ปรากฏขึ้น ทั้งภาพมันที่เปิดตู้กำลังหาเสื้อตัวเองที่ปะปนอยู่กับเสื้อผม ทั้งที่ผมบอกให้มันเอาเมื่อมาเผื่อผมด้วย ทั้งที่มันนั่งเก้าอี้รอผมแต่งตัว ทั้งไอ้แบงค์ที่นอนข้างๆผม มันหลับตาสนิท ยังไม่ตื่น ที่และตัวผมมักจะตื่นขึ้นมาและพบว่าผมกำลังเอาขา แขนก่ายกอดมันอยู่เพราะนอนดิ้นเป็นปกติ...
แต่แล้วภาพไอ้แบงค์ที่กำลังหลับสนิทก็แปรเปลี่ยนเป็นจักรที่นอนตัวสั่น เปลือกตาบางที่หลับอยู่กำลังสั่นเหมือนฝันร้ายพร้อมขนตาหนาที่ชื้นน้ำตา
“........................”
ผม ........
เหตุการณ์ผมกำลังข่มขืนจักรแบบป่าเถื่อนมันก็ปรากฏตามมาในดวงตาจผมต้องหลับลง ให้มันหายไป แต่มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด ....
“....................”
ตัวผมกำลังเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยทางแยกท่ามกลางลมหนาวมหาศาล ผมรู้สึกอย่างงั้น ผมโดดเดี่ยวในผู้คนมากมาย
.
.
.
2 โมง 40 ผมมาถึงคณะ และขึ้นไปชั้นที่จักรเรียน ถึงแม้ว่าผมจะมีเบอร์จักรแต่ก็ไม่คิดจะโทร กลัวว่าจักรจะไม่พอใจและพาลโกรธผมอีก เลยต้องขึ้นมารอจะได้ไม่คลาดกัน
บ่าย 3 โมง ห้องที่จักรเรียนอยู่ก็มีนิสิตเดินออกมา และจักรด้วย ผมที่ยืนอยู่ทางเดินยิ้มให้จักรเมื่อน้องเขามองเห็นผม
“ ...............” จักรหันกลับไป คุยกับเพื่อนเหมือนเดิม ผมหน้าเสีย หรือว่าจะจักรจะไม่ให้ผมไปส่งแล้ว หรือว่าไม่พอใจอะไรผมอีก
หรือว่าไม่พอใจที่ผมมารออยู่ตรงนี้
“...........” ผมเดินตามจักรไปอยู่หน้าลิฟท์
“ .................” จักรไม่ได้คุยกับผม ราวกับว่าผมเป็นตัวอะไรที่ไม่ควรจะสนใจ
“จักรตกลงมรึงยังไปดูหนังกับพวกกรูป่ะ?” 1 ใน3คนวันนั้นถามจักร หางตาเหลือบมองผมแวบหนึ่ง
“ ไป” จักรบอก
“ แล้ว....แล้ว ...” คนเดิมว่า หันมาทางผม
“ ก็เป็นคนขับรถกรู พวกมรึงก็ไปด้วยกันนี่แหละจะได้ประหยัดแท็กซี่” จักรบอกอีก
“ จะดีเหรอ พวกกรูไปเองดีกว่า เกรงใจพี่เขา”
“ ไม่ต้องเกรงใจ เขาอาสามาเอง ไม่ได้ขอร้อง...” จักรบอก ลิฟท์เปิดออก นิสิตก็กรูกันเข้าไป รวมทั้งผมด้วย
ติ้ด------------------
เสียงลิฟท์เตือนว่าน้ำหนักเกิน
“ ออกไป” จักรพูด
เงียบทั้งลิฟท์
“ ..................” ผมยืนอยู่หน้าจักรหันกลับไป
“ ออกไป” จักรพูดอีก ผมรู้ตัวแล้วว่าจักรหมายถึงผม เลยเดินออกมา มองดูลิฟฺปิด ก่อนที่จะวิ่งลงบันไดไปให้ทันจักร(จากชั้น 7 )
ผมวิ่งลงบันไดชั้นแล้วชั้นเล่า จนมาถึงชั้น 1 ลิฟท์ตัวที่จักรอยู่เพิ่งชั้น 3 ผมหายใจหอบด้วยความโล่งอกที่จักรยังไม่ออกมา
กริ่ง! ปุ่มกดชั้น1 บอกว่าลิฟท์มาถึงชั้นนี้แล้ว ประตูลิฟท์เปิดออกจักรและคนอื่นๆเดินออกมา ผมยิ้มให้จักรที่กำลังมองมา (เหนื่อยครับเหงื่อเริ่มออกแล้วด้วย แต่ยิ้มสู้ไว้ก่อน)
เพื่อนจักร 3 โทนกลุ่มเดิมมองผมอย่างงงว่าพี่มาถึงตั้งแต่เมื่อไร
“ จักร รถพี่จอดอยู่ด้านนี้” ผมบอกจะเดินนำไป
“ กรูจะรออยู่ถนนตรงป้าย” จักรบอก( 3 โทน มองหน้ากันอึ้งๆกกับคำพูดของจักร)
“ งั้นไปรอพี่ได้เลย เดี๋ยวพี่ไป” ผมบอกเดินไปอีกด้านกับที่จักรเดินไป ผมไปยังรถที่จอดอยู่ ก่อนที่ขับรถไปหาจักรตามที่บอก เมื่อผมจอดจักรก็เปิดประตูด้านหลังเข้ามานั่งรวมทั้งเพื่อน 3 โทน โดยไม่มีใครมาด้านหน้า เหมือนกับว่าผมเป็นแค่คนขับรถจริงๆ
“ ไปห้างP” จักรสั่ง ผมมองจักรจากกระจกเหนือหัว เราสบตากันในกระจก ผมเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน และขับรถออกไป
** **
ไม่ไหว
ขอนอน
คำผิด ขอบคุณ 
ท่านchae
ท่านnone_ny
ท่านกระต่ายชมจันทร์ (กลับมาแล้วเหรอเน้อ)
ท่านmaras_fay ชอบกินกล้วย?

เหอะๆ ชนะเอ๊ยเจ็บไหมหละนั่น
แต่ก็รู้สึกว่าหลังๆแนวโน้มจะดีขึ้น
....T^T.......
....
+
บุพเพวายร้าย(สอง)
14.80%
พอรถเข้ามาจอดในลานจอดรถชั้น 1 จักรและพวกก็ออกมา ตอนอยู่ในรถผมถามพวกน้องเขาว่าชื่ออะไรกันบ้าง พลคนที่ตัวสูงที่สุดกลุ่มคิวคล้ำเหมือนคนฝั่งทะเล เลงตัวเล็กที่สุดน่าจะสัก 160 ได้ ตัวขาว ตาเชื้อชั้นเดียวแบบเชื้อจีน ใบหน้าตกกระเล็กน้อย และฐาตัวเกือบเท่าจักรแต่สูงกว่าเล็กน้อย ดูเรียบร้อยมากแต่กลับย้อมผมสีเขียวเทา
“ จะดูหนังเรื่องอะไร?” ผมถามหลังจากเดินตามจักรและพวกทัน
“ T ครับพี่เพื่อนผมบอกโคตรมันส์” เลงบอกผม ผมหันไปหาจักร(จักรเดินกลางระหว่างเพื่อนและผม)
“ ..............”
เงียบ 3 โทนทำหน้าเลิ่กลัก จนมาถึงโรงหนัง ซื้อตั๋ว ได้รอบ 5 โมง 10 หมายความว่าเหลือเวลาอีก เกือบ 2ชั่วโมงกว่าหนังจะฉาย ผมเลยชวนจักรไปหาอะไรกิน พวกผมก็เลยไปกินร้าน N เป็นร้านเบเกอรี่ที่วันรุ่นชอบมานั่งซิวกัน
พวกผมนั่งโต๊ะกลม ข้างขวาผมเป็นจักร และข้างซ้ายเป็นพล พนักงานใส่ชุดยูนิฟอร์มน่ารักเอาเมนูมาให้
“ สั่งอะไรเต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยง” ผมบอกเพราะเป็นพี่ก็ต้องเลี้ยงอยู่แล้ว..
“ ทำเบ่ง” ทั้งโต๊ะเงียบ ผมหันไปมองเจ้าต้นเสียง จักรเป็นคนพูดครับ
“ ไม่เป็นไรพี่ พวกผมเกรงใจ” เลงบอก กระทุ่งเอวจักรเบาๆด้วย
“ ไม่เป็นไร พี่คิดจะเลี้ยงพวกเราอยู่แล้ว” ผมว่า หันหน้าไปหาจักรอีก
“ จักร พี่สั่งเหมือนจักรนะ” ผมบอก ไม่ใช่ไม่มีหัวคิดแต่อยากกินแบบเดียวกัน
“ ไม่มีหัวคิด!”
เงียบ! อีกครั้งครับ ก่อนที่จักรจะสั่งว่า
“ เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ อันนี้แล้วก็อันนี้ ไม่ดีกว่าเปลี่ยนเป็นเอาทั้งหน้านี้แหละ” 3 โทนตาโตเท่าไข่ห่านหันไปมองเพื่อนที่สั่ง
“ จักร จะกินหมดเหรอ?” (ฐา)
“ ก็มีคนอยากเลี้ยง” จักรว่าทำลอยหน้าลอยตา น้อง3โทนหันมามองผมตาปริบๆ ก่อนที่ เลงเจ้าตัวเล็กจะยืนขึ้น!?
“ ผมจะไปซื้อของ ...” เลงบอกผม เพื่อนอีก 2 คนลุกขึ้นตามเหมือนเก้าอี้ร้อน
“ ไม่เห็นพวกมรึงพูดถึงว่าจะซื้อของ?” จักรแย้ง เพราะเพื่อนกำลังตีจาก..
“ กรูเพิ่งนึกขึ้นได้” เลงตอบ
“ ส่วนกรูกับไอ้พลจะไปเป็นเพื่อนมัน”
“ แล้วใครอยู่เป็นเพื่อนกรู” จักรถามเงยหน้าพูดกับเพื่อน เพราะเพื่อนยืนตัวเองยังนั่งอยู่
“ ก็ผัวมรึงไง จะงอนจะง้อกันก็ตามสบาย พวกกรูไปล่ะ เออนี่ตั๋ว” เลงว่าวางตั๋วหนัง 2 ใบไว้แล้วเดินออกไป จักรหันมองพนักงานที่ยืนรับออเดอร์ก่อนที่จะยืนขึ้น!?
“ เอ้ยไอ้เลง มันไม่ใช่ผะ...” จักรว่าไม่กล้าพูดคำว่าผัวออกไป เพราะหากจะพูดให้เลงกับพวกที่เดินจะถึงประตูแล้วก็คงต้องเสียงดังพอจะได้ยินกันทั้งร้าน
“ .....ไรวะ!?” จักรว่าจะเดินตามไป ผมดึงแขนไว้
“ ปล่อย!”
“ สั่งอะไรไว้ มาจัดการ. ...” ผมพูด ส่งสายตาให้พนักงานว่าเอาตามที่จักรสั่งไปก่อนหน้านี้
“ ..............” จักรบิดแขนให้ผมปล่อย ผมก็ปล่อย
“ หรือว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ” ผมว่า
“ แล้วไง!” แต่ก็จักรก็นั่งลงแต่ไม่ใช่ที่เดิมนั่งเว้นเก้าอี้ไป 1 ตัว
“ สั่งหมดทั้งหน้า กินให้หมดด้วย” ผว่าดีใจที่จักรยอมนั่งลง
“มรึงสั่งกรูได้ตั้งแต่เมื่อไร!”
“ พี่แค่บอก”
“ บอกก็ไม่ฟัง มรึงไม่ได้เป็นอะไรกับกรู!”
“ ไม่เป็นก็ไม่เป็น” ผมบอกไม่อยากตอแยเดี๋ยวจะพาลโกรธขึ้นมาอีก ยิ่งดุๆอยู่ด้วย
จากนั้นพนักงานก็เอาเค้ก 1 ชิ้นในจานเล็กๆมาวาง เริ่มจากจานที่ 1 จานที่2 จานที่3 จานที่4จานที่5..........จานที่8....................จานที่12
ผมมองเค้กที่เสริ์ฟไม่หยุดแล้วยิ้ม จักรปั้นหน้ายักย์
“ อีกกี่ชิ้นถึงจะหมดครับ?” จักรถามหน้าเสียเพราะตอนนี้มีจานเค้กบนโต๊ะไม่ต่ำว่า 20 ชนิด
“ หมดแล้วค่ะ” พนักงานบอก วางจนสุดท้ายลง ผมนับดู 25 จานพอดิบพอดี คือหมดทั้งหน้าแล้วครับดีไม่สั่งเอาทั้งเล่ม
“ จะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มไหมค่ะ?” พนักงานถาม เพราะพวกผมยังไม่ได้สั่ง มีแค่น้ำเปล่าที่เสริ์ฟเท่านั่น
“ ผมเอาคาปูชิโนปั่นครับ” ผมสั่งหันไปหาจักรว่าเอาอะไร
“ชานม” จักรสั่ง ก่อนที่พนักงานจะเดินออกไป
“ อันนี้ก็น่าอร่อยเนอะ” ผมว่าเอาช้อนตักเค้กสีดำแต่มีสตอเบอรี่สีสดวางด้านบน พอกินดูแล้วก็อร่อยดีครับหวานไม่เลี่ยน ออกขมนิดหน่อย
“ กินดูสิ อร่อยจริงๆ” ผมว่าเอาช้อนตักยกป้อนจักร
“ กรูกินเองได้” จักรว่าตักกินเองแต่ชิ้นเดียวกับผม^^
“............” พอกินแล้วจักรเงียบแปลว่าอร่อย
ผมกับจักรนั่งกินไปเรื่อยๆไม่ได้คุยกัน(ผมก็ชอบของหวานอยู่นะครับ) ผมก็แอบมองจักรไปด้วยเรื่อยๆ พอจักรหันมาก็ปะทะสายตาผมเต็มๆ
งานเข้า ! o.0
“มองไร?” ก็น่ารักน่าหยิกน่าหอมแก้ม ถ้าผมพูดแบบนี้ออกไปมีหวังคอหลุดจากบ่า
“ ..........ก็มีจักรกับพี่แค่ 2 คน ไม่ให้พี่มองจักรแล้วจะให้พี่มองใคร” ผมบอกเป็นกลางๆไว้เดี๋ยวเข้าตัว จะยุ่ง
“ ...........”
ในที่สุดก็อิ่มกันทั้งผมและจักร แต่เค้กยังเหลือมากกว่าครึ่ง
“ ..........” ทว่าจักรก็ยังกินต่อไปครับ ดูจากสีหน้าแล้วพยายามน่าดู
“ อิ่มแล้วก็ไม่ต้องฝืนกินหรอก” ผมบอกเอาจานที่จักรจะกินออกมา
“ เหลือตั้งเยอะเสียดาย” จักรบอก
“ ไม่ต้องเสียดาย เดี๋ยวก็ได้อ้วก” ผมว่ายกแก้วน้ำให้ จักรมองผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดึงแก้วไปกิน
“ กินทิ้งๆขว้างสักวันจะได้อดตาย” จักรบอก
“ แต่ถ้ากินหมดนี่จะได้ตายจริงๆ”
“ เรื่องของกรู!”
“ แต่เงินพี่จ่าย” ผมปากไวพูดไปไม่ทันคิด จักรจ้องผมเขม็ง ซวยแล้วผม |||.|||
“ อยากเลี้ยงเองช่วยไม่ได้!” พูดจบก็ลงขึ้นเดินตัวปลิวออกจากร้าน
“จักร!?” ผมควักเงินจากกระเป๋าวางไว้ 3000 พันน่าจะพอ แล้ววิ่งตามจักรออกไป ออกมานอกร้านหันซายแลขวา เห็นจักรเดินลิ่วๆสัก 100 เมตรได้
ผมก็วิ่งตาม
“ ............”วิ่งตามทันก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรก็เดินข้างๆเฉยๆ
“ ...........” จักรหันมามอง ผมยิ้ม
“ เลิกตามกรูสักที!”พูดพร้อมเดินหนี แต่ผมหน้าด้านพอที่จะเดินตาม
จักรเดินลงบันได้เลื่อน ผมก็เดินตามเหมือนเงาตามตัวจน กระทั้งมาถึงชั้นหนึ่ง จักรก็เดินออกไปด้านนอก เดินไปยังป้ายรถเมล์ที่มีคนยืนอยู่เป็น 10 20คน
“จักรจะกลับใช่ไหม พี่ไปส่ง”ผมถามคิดว่าจักรคงจะไม่ดูหนังแล้ว แน่นอนว่าจักรทำเป็นไม่ได้ยิน ผมก็เลยยืนอยู่ตรงนั้นด้วย รถเมล์ผ่านคันแล้วคันเล่าแต่จักรยังนิ่งอยู่จนกระทั่งรถเมล์สีเขียวที่คันเล็กกว่าปกติมา จักรถึงได้ขึ้นไปพร้อมคนอื่นๆทั้งๆที่ในรถก็มีคนยืนเต็ม
ผมก็ด้วยครับเห็นจักรขึ้นไปก็ตามขึ้นไปยืนเบียดเสียดในรถที่ร้อนจนเหงื่อออกแทบจะทันทีที่ขึ้นไป
“ ...................” จากนั้นคนขับกระชากรถออก ผมแทบหัวคม่ำเพราะไม่ทันตั้งตัว แต่จักรที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไร
ในรถร้อนมาก ทั้งคนก็เบียดกันจนได้กลิ่นเหงื่อ เหงื่อผมไหลออกเป็นน้ำเลย แล้วรถก็ขับราวกับว่าแข่งฟอร์มุล่า จอดแต่ละครั้งก็หยุดแทบจะทันทีไม่มีผ่อนไม่มีเบาจนคนในรถโยกไปมา
และผมรู้สึกเหมือนจะอ้วก......
“ 7 บาทเพ่!” น้องผู้ชายตัวดำบอกผมพร้อมถือกระบอกลายคิตตี้ในมือ ผมควักกระเป๋าเอาแบงค์ 500 ให้ไปอย่างทุลักทุเล เพราะคนแน่นมาก น้องตัวดำมองหน้าผม
“ 7 บาทให้ 500 ไม่มากไปเหรอเพ่!” พูดเหมือนว่าผมผิดมาก คนในรถก็หันมามองผมครับ
“ .........” ผมหันไปมองจักร เห็นว่าจักรกำลังยิ้ม
“ จักรพี่ยืม 7 บาทก่อนได้ไหม?” ผมถาม จักรหันหลังให้ผมราวกับว่าไม่รู้จักผม
อ้าว 0.0
“ เอาไปเลยน้อง ไม่ต้องทอน” ผมบอก น้องตัวดำจ้องผม
“ จริงดิ”
“ พี่ทิป” ผมบอก ไม่สนใจอะไรแล้วร้อนจนเหนียวตัว
“ ไม่ขอคืนตอนท้ายนะ”
“ เออน้องเอาไปเถอะ!” ผมว่าตัดรำคาญ น้องตัวดำก็เดินไปเก็บคนอื่นก็ข้างๆผมนี่แหละ
โอ๊ย! ผมเวียนหัวช่วยขับรถให้เหมือนคนขับทีเถอะ
มือผมที่จับราวด้านบนชื้นเหงื่อ ในรถที่แน่นเอี้ยดแบบนี้ไม่รู้กลิ่นอะไรต่อกลิ่นอะไร
ทำไมไม่ถึงสักที วะ!
“ .....................”
ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะถึง เพราะตอนนี้รถติดไปแดงอยู่ในถนนที่มีรถเต็มทุกพื้นพี่
ไม่ไหวแน่ๆ
“ ...........จักร” ผมเรียก
“ ..............” จักรไม่ตอบ
“ จักร” เงียบอย่างเคย
“ จักร”
เงียบครับ
“ จักร!” ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“ จักร!” หันมามองผมทั้งรถยกเว้นจักร!?
“ จักร พี่ว่าเราลงตรงนี้เถอะ” ผมบอกรถติดไฟแดงอยู่ซึ่งคิดว่ายังอีกนานกว่าจะเขียว
“......................”
“ พี่จะไม่ไหวแล้ว” ผมบอก มือเย็นแต่เหงื่ออก รู้สึกเหมือนอากาศไม่พอหายใจ
“ ................”
“ จักร!”
หมับ!?
“ ปล่อย ไอ้ ..”
ผมดึงแขนจักรให้เดินตามผมเบียดคนออกมาจากรถ
พอออกมานอกรถอากาศด้านนอกดีจนเหลือเชื่อ
“ ปล่อยกรู มรึงอยากลงก็ลงไปคนเดียว!” จักรบอกสะบัดแขน แต่ผมก็ลากจักรผ่านรถที่ติดอยู่ขึ้นฟุตบาทจนได้
“ ปล่อย กรู!” จักรว่าผมก็ปล่อยครับ เพราะไม่มีแรงแล้ว เสียงที่ผมได้ยินก็เบาลง พื้นเอียง
ตัวเบา??!!
“ เอ้ย!” เสียงจักรดังเข้ามาในโสตประสาท
.
.
.
.
“ หนู ...........คงรู้สึกตัวแล้วล่ะ” เสียงผู้หญิงดูมีอายุ
ผมลืมตาขึ้นช้าๆเห็นหน้าเหี่ยวๆใกล้แค่คืบผมตกใจถอยตัวหนี
“ ..................” ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ตรงหน้าออกไปเป็นถนนรถพากันวิ่งอย่างเร่งรีบ ข้างซ้ายเป็นรถเข็นขายลูกชิ้น และยายที่ผมเห็นเมื่อกี้ อีกด้านเป็นจักรนั่งชันเข้าข้างหนึ่ง และมีคน 3 คนมองผมอย่างสนใจ
เกิดอะไรขึ้น....
“ พี่...” (ผม)
“ มรึงเป็นลม” จักรบอก พร้อมยัดยาดมใส่มือผมแล้วลุกขึ้นยืน (ผมนั่งพิงกำแพงอยู่ครับ)
เป็นลม ผมเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อ แต่ทุกอย่างมันบอกอย่างงั้น
ผมเป็นลม
“ ตัวเท่าควาย เป็นลมเพราะขึ้นรถเมล์!” จักรย้ำผมแทบแทรกแผ่นดิน
“.................................” ผมมองหน้าด้านจักรที่ยืนมองไปถนน ผมเป็นลมจักรก็ยังอยู่ มันหมายความว่าจักรเป็นห่วงผมใช่ไหม? และตอนที่ผมตื่นขึ้นมายังเห็นสีหน้าเป็กังวลของจักรด้วย ในมือผมมียาดมสีขาวที่จักรเอาให้...
“ ..................” ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดมากเมื่อคิดได้อย่างงั้น
ผมยังรู้สึกมึนอยู่นิดหน่อย แต่มีเรียวแรงอยู่เลยลุกขึ้น ทว่าโงนเงนจนยายและจักรเข้ามาประครอง
“ พ่อหนุ่มนั่งพักก่อน” ยายเอาเก้าอี้พลาสติกสีเขียวมาให้ผมนั่ง ผมก็นั่งลงโดยมีจักรช่วย
แบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ สีหน้าจักรก็ดูเป็นห่วงผม...^^
เป็นลมไม่อายแล้วแต่ดีใจมากกว่า..อย่างงี้ต้องสำออยหน่อย
“ .............” ผมเอามือจับหัวแล้วทุบเบาๆ
“ เป็นอะไรอีกล่ะ!?”
“ปวดหัว” พูดพร้อมเอาหางตาลอบมองจักร
“ แค่นี้ทำเป็นจะตาย!”
“ ..............” ผมทำเป็นเจ็บปวดมากมาย
“ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่ให้ และก็กลับบ้านไปซ่ะ!” จักรบอกจะเดินไปเรียกแท็กซี่ ผมคว้าแขนจักร
“ จักร”
“ อะไร!”
“ ไปแท็กซี่พี่ว่าพี่ต้องหลับแน่ และตอนนี้พี่คลื่นไส้” คลื่นไส้น่ะจริงครับ มันพะอืดพะอมมาก และผมคอแห้ง
“ เอาถุงไหม?” ยายขายลูกชิ้นถาม คิดว่าผมจะอ้วกแล้วเลยจะให้ถุงพลาสติก แต่มันไม่ใช่อย่างั้นสิครับ
“ก็ดีครับ” ผมว่า จักรเดินไปเอาถุงกับยายมาให้
“ นั่งอยู่ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน” จักรบอก ผมพยักหน้าแอบยิ้ม
นั่งไปสักพัก ยายก็มาถาม
“ กินอะไรก่อนไหม?”
“ ไม่เป็นไรครับ” ผมว่า แต่ยายก็เอาลูกชิ้นใส่ถุงมาให้
“ กินอะไรก่อนจะได้มีแรง” ยายว่า ผมก็รับมาครับ ยายแกอุตสาห์เอามาให้
“ เท่าไรครับ?” ผมถามเอากระเป๋าออกมา จะหยิบเงินให้
“ ไม่เป็นไรอันนี้ ป้าให้” ยายบอกยิ้มจนตีนกาขึ้น
“ ไม่ต้องให้หรอกครับป้า คนนี้เขารวย” จักรบอกดึงกระเป๋าเงินจากมือผมไป แล้วเอาธนบัตร 100 บาทยื่นให้ป้าไป
“ แบงค์ 100 ก็มีทำไมตอนอยู่ในรถไม่ให้กระเป๋ารถเมล์ไป”
“ พี่ขี้เกียจรำคาญ คนก็แน่นอัดกันยิ่งกว่าทูน่ากระป๋อง” ผมว่า ตอนนั้นจักรรับเงินทอนจากยายแล้วใส่คืนในกระเป๋าให้ผม
“ ลูกชิ้นก็กินเข้าไปดิ” จักรบอก
“ ตรงนี้?” ผมหันซ้ายหันขวา คนเดินผ่านไปผ่านมา ข้างหน้า 3 ก้าวเป็นถนน
“ ก็ตรงนี้แหละจะตรงไหน จะได้มีแรงกลับบ้านสักที!” ผมมองลูกชิ้นในถุงพลาสติก แล้วหันไปมองจักรที่ทำหน้าว่าจะกินไม่กิน
หันไปอีกด้านยายจ้องผมเหมือนกำลังลุ้นเชียร์บอล
“..............”
ผมกลับมามองถุงลูกชิ้นอีก ผมก็ไม่ได้มีแรงขนาดนั้น จะให้กลับก็กลับได้ แต่กินก็กินครับ
“..................”
“ เดี๋ยวเอาน้ำให้ เดี๋ยวลูกชิ้นติดคอตาย” จักรพูดแล้วเดินไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลแล้วกลับมาพร้อมน้ำเปล่า 1 ขวด
*** *** ** *** ***
พรุ่งนี้ครบ 100 วัน อยากบอกว่าอบอุ่นมากมาย
คำผิด ขอบคุณท่านChae
ชอบชนะอ่ะ
.............
..