บุพเพวายร้าย(สอง)
10.70%
เพราะไอ้แบงค์มันไม่เชื่อใจผม เลยไม่ยอมให้ผมไปส่งจักร ผมมันไม่น่าเชื่อขนาดเลยเหรอว่าผม...
.
.
.
ผมกลับคอนโด(หลังจากไปส่งยูแล้ว ส่วนซี่ซีไปกับชิด) ผมเปิดห้องเข้าไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงรู้สึกเหนื่อยแทบขาดใจ ผมจะต้องทำยังไงถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เป็นชนะชัยคนเดิม...
ผมกดโทรศัพท์โทรหาไอ้แบงค์ขณะที่นอนอยู่
ตืด ตืด ตืด
“................” ผมรอไอ้แบงค์รับสายด้วยใจจดจ่อ
“ ฮัลโหล –นะ” เสียงไอ้แบงค์งัวเงี้ย มันคงนอนแล้ว เพราะตอนนี้ตี 2
“ แบงค์ มีเรื่องอยากถาม”
“ อะไร?”
“ มรึงคิดว่ากรูจะกลับไปทำร้ายจักรใช่ไหม?” ไอ้แบงค์เงียบไปก่อนที่จะตอบว่า
“ ใช่” เสียใจ แต่คิดแล้วไม่มีผิด ไอ้แบงค์มันไม่เชื่อใจผม
“ มรึงอย่าเอากรูไปเปรียบกับไอ้วุฒิ” ผมบอกทั้งน้อยใจและไม่พอใจ
“ ชนะ กรูไม่ได้เอามรึงไปเปรียบกับใคร แต่กรูรู้จักมรึงดีว่ามรึงเป็นคนใจร้อน” ไอ้แบงค์บอกว่ารู้จักผมดีแต่ความจริงแล้วมันไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้เลยว่าผมรู้สึกยังไง
“ มรึงไม่เคยรู้อะไรเลย!!” ผมว่าลุกขึ้นนั่ง
“ แล้วทำไมถึงไม่บอกกรูว่ากรูไม่รู้อะไร?!” ผมเงียบ
“ เพราะมรึงไม่จำเป็นต้องรู้” ผมบอกเริ่มใส่อารมณ์
“ ก็เพราะงี้ไงล่ะ กรูถึงต้อง...”
“ ต้องอะไร!? มรึงไม่เคยเข้าใจอะไรว่ากรูรู้สึกยังไง...” ขอบตาผมอุ่นและร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“ เดี่ยวกรูไปหา....”
“ ไม่ต้อง อย่ามา........กรูเข้าใจแล้ว กรูเข้าใจ” ผมบอกเอามือทาบเปลือกตาที่มีน้ำไหลออกมา
“ ชนะ.........” “ เรื่องจักร กรูจะรับผิดชอบเอง มรึงไม่ต้องห่วง” ทั้งๆที่คนที่ผิดคือจักรที่แย่งปรางไปจากผม ที่ทำปรางท้องแล้วไม่รับ คิดว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำในสิ่งที่จักรได้รับ และยิ่งตอนนี้ .........
“ มรึงจะรับผิดชอบยังไง?”
“ มรึงอยากให้กรูรับผิดชอบยังไงพูดมาดิ” หัวใจผมกำลังโดนบีบด้วยความรู้สึกของตัวเอง
“ ไม่ต้องทำอะไร แค่มรึงให้เรื่องมันจบไปก็พอแล้ว เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา”
“ รึว่ามรึงชอบจักร?” ผมถาม ไอ้แบงค์เงียบไปครู่หนึ่ง
“ กรูไม่ได้สนใจน้องเขาด้วยซ้ำ เห็นเขาเป็นน้อง…”
“ เหรอ?” ผมว่า
“ ...........................”(ไอ้แบงค์)
“ ยังไงก็ตามแต่ มรึงบอกกรูว่ามรึงอยากให้กรูรู้ว่าทำแล้วมันจะมีผลอะไรตามมากรู......เอา...น้องเขาเป็นแฟนเลยดีไหม? แบบรับผิดชอบผู้หญิงไง”
“ ชนะ!” “ แค่นี้นะ กรูง่วง และไม่ต้องมาหากรู” ผมบอกแล้วกดปิดเครื่องก่อนที่จะนอนลง
ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำประชด เพราะไอ้แบงค์มันดูเป็นห่วงจักรเหลือเกิน มันทำให้ผมดูแย่...
ทำไมผมถึงได้ทำอะไรไม่มีเหตุผลถึงเพียงนี้
** ** **
ผมตื่นขึ้นมา 9 โมง แล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ใส่เสื้อเซิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กับยีนต์สีเข้ม ก่อนที่คว้ากุญแจเดินออกไปห้องมา ผมจะไปหาจักร
ตลอดทางผมคิดว่าจะหาเรื่องอะไรไปหาจักร และยังพ่อแม่จักรอีก ...ผมเลยซื้อขนมเค้กร้านทางที่จะไปบ้านจักร จะไม่ไปมือเปล่า เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปตีซี้ครอบครัวจักรได้ยังไง
ตอนนี้ผมก็มาจอดรถหน้าบ้านแล้ว คิดแล้วว่าเป็นไงเป็นกัน เลยเดินไปกดกริ้ง และก็มีคนมาเปิดเป็นน้องของจักรครับ
“ สวัดดีค่ะ พี่มาหาพี่จักรหรือค่ะ?” น้องเขาพูดพร้อมเปิดประตูให้ผม
“ ครับ น้อง ......” ผมไม่รู้ชื่อน้องเขาครับ
“ พิ้งค่ะ” พิ้งบอก น้องเขาหน้าคล้ายจักรๆครับ
“ ................นี่..พี่ซื้อมาฝาก” ผมว่าพร้อมยื่นถุงขนมเค้กที่ซื้อมาให้
“ ขอบคุณค่ะ” พิ้งว่าเดินพาผมเข้าไปในบ้าน แม่จักรเดินออกมาจากห้องมาเจอผมบอกผมว่าจักรอยู่บนห้องขึ้นไปหาได้เลย เหมือนคิดว่าจักรนัดกับผมไว้
“ เดี๋ยวหนูพาไปค่ะ” พิ้งบอกเดินนำผมขึ้นไปชั้น พร้อมเคาะประตูห้องห้องที่ป้ายพิมพ์สีรุ้งเขียนว่า ‘สุดหล่อ’ ผมลอบยิ้ม
ก๊อก ก๊อก
“ พี่จักร พี่ชนะมาหา!” พิ้งบอก และหันมายิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินไป
แกร๊ก ประตูเปิดเร็วมาก
“ ............” ผมยิ้มเมื่อจักรจ้องมองผม เหมือนไม่เชื่อว่าผมยืนอยู่ตรงนี้
“ มรึง!?” จักรว่าพร้อมจะปิดประตูแต่ผมเอามือจับขอบประตูไว้และดันเข้าไปข้างใน แรงผมชนะจักร ผมรีบพาตัวเองเข้าไปในห้องจักรก่อนที่จะปิดประตูตามหลัง
“ .........................” จักรเดินถอยหลัง สายตามองผมโกรธเคือง
“ มรึงมาที่นี่ทำไม!” ผมยิ้มยังไม่ได้ตอบแต่เดินไปรอบๆห้อง ทั้งโต๊ะที่มีชั้นหนังสือวางอยู่ข้างๆ มีหนังสือเรียน และหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่เป็นชั้นๆ มีโต๊ะคอมฯที่หน้าจอเปิดค้างไว้ผมก้มลงมองดูเป็นเวปอ่านการ์ตูนออนไลน์ และสุดท้ายผมลงไปนั่งบนเตียง(ผ้าปูที่นอนสีเขียวอ่อนๆ)
“ ก็แค่อยากมาดูมบ้านเมีย” ผมบอกยิ้มรู้อยู่แล้วว่าพูดแบบนี้จักรยิ่งโกรธเกลียดผม
“ กรูไม่ใช่เมียมรึง!” จักรพูดเสียงดังตัวสั่นเพราะโกรธ
“ ฮ~า” ผมลากเสียงยาว กางแขนนอนลงบนเตียง
“ ออกไปจากบ้านกรู!” จักรว่า แต่ไม่ได้เดินมาใกล้ผมแต่อย่างใด
“ ไม่ออก” ผมบอกดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม ทำเหมือนเป็นบ้านตัวเองอย่างไงอย่างงั้น
“ ไอ้หน้าด้าน!” “ ป่ะ เดี๋ยวพาไปดูหนัง” ผมบอก แกมสั่ง
“ มรึงต้องการอะไร!?” ผมลุกขึ้นมา แอนหลังเอาแขนทั้ง 2 ข้างเยียดค้ำกับเตียง
“ อยากเป็นแฟนพี่ไหม?”
“ สวะ ออกไปจากบ้านกรู!” จักรบอกขึ้นเสียงสูง ผมก็หงิดหงุดครับ เพราะผมพูดด้วยดีๆ
“ ทำไม รึว่าชอบไอ้แบงค์” ผมถาม
“ ก็ดีกว่ามรึง!” ผมลุกขึ้น
“ ดีกว่าแล้วไง รึว่าได้ไอ้แบงค์เป็นผัวแล้ว” ผมถามเดินเข้าไปหา
“ แล้วมรึงเกี่ยวไรด้วย!”
“ อยากรู้ว่าเกี่ยวไม่เกี่ยว เดี๋ยวก็รู้” ผมบอกเดินเบียดตัวจักรเข้าไปจนติดผนัง พร้อมจับแขนจักรไว้ไม่ได้เอามาทำร้ายผมได้แล้วก้มลงบดจูบลงปากจักรแบบแรงๆ จักรดิ้นขลุกขลัก แต่หนีไปไม่ได้ ถึงจะเป็นอย่างงั้นแต่ก็ไม่ยอมให้ผมได้ใช้ลิ้นเข้าไปในปาก
“ ..............” ตาจักรมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา แต่ก็จ้องผมด้วยความเกลียดแบบเข้าไส้ผมเอาปากออกมาแล้วพูดว่า
“ ............เกี่ยวรึยัง?” ผมพุด จักรไม่ตอบหันหน้าหนี น้ำตาไหลอาบแก้มลงมา ผมรู้สึกผิดแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงผมก็แย่เหมือนกัน ผมไม่มีทางออก ผมไม่รู้ต้องทำยังไง จนต้องดึงจักรเข้ามาเกี่ยว แต่จักรก็ใช่ว่าไม่เกี่ยวข้อง ถ้าจักรไม่ทำปราท้อง...ถ้า ถ้า.. ผมก็คงไม่มีอะไรกับไอแบงค์และผมก็คงจะไม่รู้สึกกับไอ้แบงค์แบบนี้
ผมเหมือนกำลังโยนทุกอย่างไปที่จักรทั้งที่ใช่และไม่ใช่
“ ................ไอ้แบงค์มันมีแฟนแล้ว อย่าไปยุ่งกับมัน และจักรก็เป็นเมียพี่ ........” จักรหันควับมาจ้องผม หน้าเชิดขึ้นเล็กหน้อย
“ ไปแต่งตัว เดี๋ยวพาไปดูหนัง” ผมบอก ปล่อยจักรให้เป็นอิสระ แขนจักรที่ผมกำไว้เมื่อกี้เป็นรอยแดง...
“ มรึงแค้นกรูเรื่องพี่ปรางใช่ไหม?”
“ .....................” ผมเงียบ
“ กรูกับพี่ปรางไม่ได้มีอะไร กัน และเรื่องที่พี่เขาท้องกรูก็ไม่รู้ ถ้ามรึงรู้แล้วก็ไปปล่อยกรูไปตามทางของกรู” จักรก็แค่พูดให้ผมยอมรามือ ทั้งที่ตอนนี้ที่ผมทำแทบจะไม่เกี่ยวกับปรางแล้ว ...
“ ไปแต่งตัว!” ผมบอกเสียงเข้ม
“ .............” จักรเดินเปิดตู้เอาเสื้อกับกางเกงออกมา แล้วเดินเข้าห้องน้ำ ผมถอนหายใจโล่งอกที่จักรไม่ต่อต้านผมต่อ
ผมกำลังทำบ้าอยู่เนี่ย!!
“ ....................”
สักครึ่งชั่วโมงได้จักรก็ยังไม่ออกมา มิน่าถึงได้ยอมเปลี่ยนเสื้อแต่โดยดี
ผมเลยเดินไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“ จักร เสร็จรึยัง?” ผมถาม
“ ยัง!” เสียงจักรตอบห้วน
“ รึอยากจะให้ช่วย” ผมบอกแนวขู่พร้อมจับลูกบิดแรงๆให้คนข้างในตกใจว่าผมจะพังประตูเข้าไป
“ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว!” จักรบอกเสียงรีบร้อน พร้อมทั้งเปิดประตูออกมา(แผนได้ผล)
“ ………นึกว่าอยากให้ช่วยถอด” ผมว่ายิ้มๆ รู้สึกสนุก
“ ไอ้ลามก!” จักรว่าผมเอามือกอดตัวเองทั้งที่ใส่เสื้ออยู่
“ ก็นะ” ผมว่า ทำทีจะเดินไปหา แต่จักรก็พูดขึ้นมาก่อน
“ จะพาไปดูหนังก็ไปเซ่!” จักรว่าวิ่งไปหน้าประตูและเปิดประตูด้วย ผมหัวเราะหึๆ
“ เร็วดิ” จักรเร่ง คงไม่อยากอยู่ในห้องกับผม 2 ตัวสอง
“ อยากดูหนังขนาดนั้นก็ไม่บอก พี่จะได้พาไป” ผมบอก จักรส่งสายตาค้อนผมด้วยความไม่พอใจมากที่สุด ดูจากหน้าแล้วไม่ได้อยากไปดูหนังเลยสักนิด
“...........................” ผมเงียบแต่ยิ้ม เดินตามจักรลงบันได จักรเดินเข้าไปในครัว ผมก็เดินเข้าไปด้วย
“ แม่จักรออกไปดูหนัง” จักรบอกแม่ที่กำลังเปิดตู้เย็น ท่านหันมามองผมและจักร
“ เดี๋ยวเย็นๆผมพามาส่งนะครับ” ผมว่ายิ้มโปรยเสน่ห์
“ จ้ะ” แม่จักรยิ้ม ท่าทางไว้ใจผมมาก
ในรถจักรไม่พูด เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ จะเที่ยงแล้ว กินอะไร?” ผมถามขับรถไปเรื่อยๆ
“ ไม่หิว” จักรพูดไม่ได้หันกลับมา ผมรู้ครับว่าจักรไม่ได้อยากมา แค่หน้าผมน้องเขายังไม่มอง
“ จักร เราจะพูดกันดีๆไม่ได้รึไง” ผมถาม
“ จะให้พูดกับคนที่ข่มขืนตัวเองดีๆ ไม่มีวัน” พูดไม่ยอมหันมา ผมเลี้ยวรถเข้าถนนของห้าง เพื่อเข้าไปลานจอดรถ ซึ่งเป็นทางแคบๆเข้าไป
“ ...........” ผมเอารถเข้าไปจอดได้ทำเลดีพอควรคืออยู่ใกล้ทางเข้าประตูห้าง และเวลากลับก็แค่ถอยแล้วก็ออกไปได้เลย
ผมเปิดประตูรถออกมา ครู่หนึ่งแล้วแต่จักรยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ ผมที่เหมือนพูดเองทำเองอยู่ฝ่ายเดียวเริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่ แค่พามากินข้าวดูหนังอะไรหนักหนา พาไปข่มขืนก็ไม่ใช่!!
ผมเปิดประตูรถข้างที่จักรนั่ง
“ ลงมา” ผมบอกพยายามที่จะระงับอารมณ์ร้อนๆที่สุดแล้ว ซึ่งจักรก็ยอมออกมา
“ ...........” ผมดึงแขนจักรให้เดินตาม
“ ไม่ต้องจับ เดินเองได้!” จักรบอกผม ทั้งเดินและดึงแขนผมออกจากมือตัวเอง
“ รู้วjาเดินเองได้ แต่อยากปราบพยศ”
“ ผมอาย!” จักรว่า ตอนนั้นพวกผมกำลังเดินผ่านเคาร์เตอร์เครื่องสำอาง พนักงานสาวมองพวกผม ผมยิ้มตอบ
“ พี่ก็อายเหมือนกัน” ผมว่า
“ มรึงโกหก!” จักรพูด
“ .....รู้ได้ไง?” ผมถามเดินเลี้ยวแล้วพาจักรขึ้นบันไดเลื่อน ผู้ชาย 2 คนเดินจับมือกัน มีคนมองเป็นเรื่องธรรมดาครับ และยิ่งอีกคนพยายามดึงมือกลับอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ด้วย
“ ถ้ามรึงอาย มรึงยิ้มทำไม!”
“ หรือจะให้ทำหน้ายักย์เหมือนใครบ้างคน” ผมว่า ก็อายอยู่นิดหน่อยครับ เพราะคนเริ่มมองเยอะขึ้นแล้ว
“ มรึงแกล้งกรู!”
“ รู้ตัวก็ดี” ผมว่ายักไหล่
“ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว!” จักรด่าผมแต่ไม่ดังมากนะครับ เพราะจักรก็คงไม่กล้ามากเท่าไรคนเยอะขนาดนี้
“ กินไร?” ผมถามเป็นทองไม่รู้ร้อน จักรก็เริ่มไม่ขัดขืนผมแล้ว คงรู้แล้วว่ายิ่งแกะมือผมออกคนก็ยิ่งมอง
“ กินไอ้นี่แหละ” จักรหหยุดเดินหน้าร้าน
เป็นร้านอาหารอิสาน ที่ตกแต่งด้วยไม้เหมือนภัตตคาร
“ อย่าบอกว่าอยากกินส้มตำ” ผมว่า
“ เออ” จักรตอบ ผมคิดว่าจักรคงไม่อยากเดินไปไกลกว่านี้มากกว่า
“ ก็ได้” ผมว่าพาเข้าไปในร้าน พนักงานแต่งชุดพืนเมืองประยุกต์สวัดดีตามธรรมเนียมและพาพวกผมเข้าไปข้างใน ที่เป็นชุดโต๊ะไม้ พร้อมกับมีพนักงานมาเสริ์ฟน้ำและเอาเมนูมาให้
ผมอ่านเมนูที่มี 4 แผ่นคร่าวๆ ผมเคยกินอาหารอิสานนะครับไม่ใช่ไม่เคย แต่ร้านนี้ไม่เคยเข้า
“ ส้มตำ ไทย ..........จักรกินเผ็ดได้ไหม?” ผมถามจักรดูหน้าแล้วน่าจะกินเผ็ดไม่ได้
“ อยากสั่งอะไรก็สั่ง ทำตามใจตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่รึไง!” ผมเลยหันไปสั่งพนักงานชายว่าเอาส้มตำไทยไม่เผ็ด
“ เอาน้ำตก ซุปหน่อไม้เผ็ดๆ แล้วก็ไก่ย่าง หมูแดดเดียวย่าง” จักรสั่งคืนเมนูให้พนักงาน
“ แล้วต้มแซบเผ็ดๆ” จักรสั่งอีกอย่าง ส่วนผมสั่งข้าวสวย 2 จานเผื่อจักรด้วย เพราะจักรไม่ได้สั่ง ส่วนเครื่องดื่ม ผมเห็นว่ามีน้ำสมุนไพรเลยสั่งน้ำตะไคร้หอมให้จักรและผมด้วย
“ คล่องเลยนะเรา มาบ่อยล่ะสิ”
“ ..............” จักรยักคอซ้ายขวากวนบาทาผมมากๆครับ
ผมกับจักรนั่งเงียบกันจนอาหารทยอยมาเสริ์ฟ ผมรู้สึกว่าจักรอารมร์ดีขึ้นมานิดหน่อย
ต้มแซ่บที่ถูกนำมาเสริ์ฟแดงมากๆท่าทางคงจะเผ็ดน่าดูเพราะจักรสั่งไปว่าเผ็ดๆ และยังน้ำตก และชูปหน้อไม้ด้วย ผมก็เพิ่งรู้ว่าซุบหน่อไม้มีแบบเผ็ดด้วยนึกว่ามีรสเดียว
“ ถ้ามรึงกินเผ็ดไม่ได้ ก็สั่งอย่างอื่นมา” จักรว่า
“ ไม่เป็นไรพี่กินได้” ผมบอก เพราะผมกินเผ็ดได้พอดู
“ อย่าฝืนเลย ลูกคุณหนูอย่างมรึงอย่ามาทำเก่ง” ผมขมวดคิ้วสงสัย ในท่าทีของจักร ที่ดูเป็นห่วงผมแบบแปลกๆ
** ** **
ทุกๆท่าน และท่านที่บอกคำผิด 