บุพเพวายร้าย(สอง)
01
อดีต ชื่อ เด็กชายชนะชัย
ปัจจุบัน ชื่อ นายชนะชัย
ชื่อผมพ่อเป็นคนตั้งให้ เพราะผมอยากให้ผมเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างในชีวิต และเอาชนะตัวเองซึ่งถือว่าเป็นชัยชนะเหนือชันชนะ
** * **
ผมเดินเข้าไปในผับที่ตอนนี้เปิดเสียงหนวกหูมาก แต่ก็ดีมันทำให้คึกกว่าเดิม พอเข้าไปก็เดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะประจำที่นัดไว้กับไอ้วุฒิไอ้แบงค์ แต่พวกมันมาถึงก่อนหน้าผมแล้ว
ผมเดินเข้าด้านใน ผ่านผู้หญิง ผู้ชาย ที่ดิ้นกันกระจาย เข้าไปด้านในอีก ก็เห็นเพื่อนเกลอที่นั่งเด่นโคตรๆนั่งกันอยู่ ผมโบกมือให้ไอ้แบงค์ที่หันมาเห็นผม พร้อมผมก็เดินไปด้วย
ก็งี้แหละหล่อสุดมักมาที่หลัง เพื่อความเด่น กิ้ว~
“ ไหนว่าปรางจะมาด้วย?” ไอ้แบงค์ถาม เพราะตอนแรกผมบอกว่าจะมากลับปราง แต่สุดสวยมีธุระเลยไม่ได้มา
“ มีธุระ” ผมตอบ หันไปมองไอ้วุฒิ ทำเข้มนะมรึงไม่พูดไม่จา ก็เก็กหล่อไปงั้นแหละเมียหาย 2 ปีตามไม่เจอแม้ฝุ่น..ที่พูดนี่ก็สงสารครับ
แต่ก็เข้าใจมันอยู่ครับ จนตอนนี้ 2 ปีแล้วไม่มีข่าวคราวจุมเลย ถึงแม้ว่าจะเคยรู้ว่าจุมอยู่ไหนถึง 3 ครั้ง แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีแม้แต่เงาจุม เลยไม่รู้ว่าจุมอยู่ที่นั่นจริงๆหรือเปล่า?
มีครั้งหนึ่ง คือครั้งล่าสุดสัก 3 เดือนที่แล้วได้ ได้ข่าวว่ามีคนจุมอยู่เชียงใหม่ (จากรูปที่พวกนักสืบนั่นแหละ)พวกผมก็ยกพลคนเหนือ ไปตามจุม ตามที่นักสืบได้ให้ข้อมูลมา ไอ้วุฒิมันดีใจมากคิดว่าครั้งนี้ยังไงก็ต้องเจอจุมแน่ แต่ผมกับแบงค์แอบหวั่นใจว่าจะไม่เจอจุม อยากจะพูดให้มันเตรียมใจไว้บ้าง แต่ผมเห็นหน้ามันแล้วพูดไม่ออก สุดท้ายก็ไม่เจอจุม เป็นแบบนี้ 3 ครั้งใน 2 ปีที่จุมหนีไป
สงสารมันก็สงสาร แต่ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก ถึงแม้จะจ้างนักสืบร่วมกับไอ้แบงค์ก็ตาม นักสืบของพวกผมก็ไม่ต่างจากนักสืบพ่อแม่ไอ้วุฒิ คือคว้าน้ำเหลว
สุดยอดครับ ไม่คิดว่าจุมจะหนีไอ้วุฒิได้เด็ดขาดขนาดนี้ ขั้นเทพ..
“ ....................” ไอ้วุฒิมันเปลี่ยนจากเมื่อก่อนครับ เปลี่ยนไปเป็นเข้มขรึม แม้จะอยู่กับพวกผมที่เป็นเพื่อนสนิทก็ตาม แต่คนที่ดีใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นพ่อแม่มัน เพราะมันกลับไปช่วยงานของครอบครัว แบบว่าเต็มตัวเลยก็ว่าได้ มันคงหาอะไรทำเผื่อจะได้ไม่นึกจุมมั้ง
แต่ว่ามันโหดขึ้นหรือเปล่าผมไม่แน่ใจนะ เรื่องนี้ อย่างเมื่อวาน ผมไปหามันที่โรงแรมว่าจะชวนมันไปกินข้าว แต่ไปเห็นมันกำลังไล่พนักงานออก ไม่ได้ไล่โวยวายเหมือนที่มันชอบทำนะครับ แต่ไล่แบบหน้านิ่งๆ เสียงพูดราบเรียบ ฟังแล้วผมขนลุกแทน
หวังว่าถ้ามันเจอจุมแล้วมันคงจะไม่พูดแบบนั้นกับจุม ไม่งั้นจุมคงได้หนีไปอีก
“ แบงค์มรึงกลับมาคบกับเจนเหรอ?” ผมถาม เห็นปรางเล่าให้ฟัง
“ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่กลับมาคุยกันเหมือนเดิม” ไอ้แบงค์บอก ผมว่าก็ดีครับกลับมาคบกัน ไอ้แบงค์มันจะได้ลืมจุมในความรู้สึกรักแบบนั้น
ว่าแล้วจุมนี่ก็มีอิทธิพลกับชีวิตพวกผมมากที่เดียว
“ นั่น!!” ไอ้วุฒิมันพูด ตาเพ่งมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนแดนซ์เอามันส์อยู่อีกด้านที่ผมเพิ่งเดินผ่านมา มันลุกขึ้นก่อนที่จะนั่งลง
“ ไม่ใช่” ไอ้วุฒิพูดเสียงเบา แล้วกรอกเหล้าเข้ามาปาก มันคงคิดว่าเป็นจุมครับ ผมกับไอ้แบงค์มองหน้ากันแต่ไม่พูด แล้วไอ้แบงค์มันก็มองไปยังที่ที่ไอ้วุฒิมันมองเมื่อกี้ ยังได้อีกนะมรึง..
จ้องมองอยู่นานเลยครับ ก่อนที่ก้มหน้า แสดงสีหน้าไม่ต่างจากไอ้วุฒิ
จุมจะมาที่แบบนี้ได้ยังไง น้องเขาเป็นเด็กดีจะตาย แต่ว่า 2 ปีนี่ก็ไม่รู้ว่าจุมเปลี่ยนไปเป้นแบบไหน
พรวด!
ไอ้วุฒิมันลุกขึ้น
0.O+!?
“ ไปไหน?” ผมถาม
“ หาไรทำ” ไอ้วุฒิมันตอบ แล้วเดินไปแดนซ์กับพวกนั้นซ่ะงั้น ยังไม่พอมันยังไม่ไซร์ผู้ชายที่ท่าทางคล้ายจุมอีก ฝ่ายนั้นพอเห็นหล่อขั้นเทพก็ไม่ปฎิเสธ คลอเคลียมันยังจะได้เสียกัน สุดท้ายไม่วายจบที่ที่SEX อีกตามเคย
ผมถอนหายใจ หันหน้ากลับมา
“ เป็นไรถอนหายใจ” ไอ้แบงค์ถาม
“ กรูนอยด์กับเพื่อน” ผมบอกจิบเหล้าในแก้วนิดหนึ่ง ไม่อยากเมาเท่าไรครับ เพราะปรางขอไว้ไม่อยากให้ทำร้ายสุขภาพตัวเอง เป็นไงล่ะ แฟนเขา แสนดีใช่ป่ะ? เพราะงี้และผมถึงได้ทั้งรักทั้งหลง
“ ....................” (ไอ้แบงค์)
“ มรึงล่ะทำใจได้หรือยัง?” ผมถาม
“ ทำใจไม่ได้ก็ต้องทำ แต่จะให้เลิกตามหา กรูไม่เลิก ยังไงก็ก็ยังรัก และเป็นห่วงไม่รู้ว่าตอนนี้จุมอยู่ยังไง กินอิ่มนอนหลับหรือเปล่า”
“ อย่างน้อย จุมก็คงไม่ต้องคอยผวาว่าจะโดนไอ้วุฒิมันทำร้าย หรือกระชากขึ้นมาจากเตียงตอนนอนแหละ” ผมบอกไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอพูดแล้วมันมีผลกับความรู้สึกมากเลยครับ
ภาพจุมก็ฉายขึ้นมาในหัวทันที ครั้งสุดท้ายที่เจอ วันลอยกระทง แค่หน้าก็ดูไม่ได้ ถึงจะไม่รอยซ้ำ แต่ตาก็บวมแดง มีแววหวาดระแวง ....
“ ......................” ไอ้แบงค์มันมองหน้าผม.........
“กรูมาคิดๆดู สงสารไอ้วุฒิก็จริง แต่สงสารจุมด้วย ตอนที่น้องโดนไอ้วุฒิมันทำร้าย เราก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ครั้งสุดท้ายที่เจออจุมตอนลอยวันกระทง ตอนที่น้องเขาไปแยกมรึงจากไอ้วุฒิ เสื้อแขนยาวที่ใส่มันเลื่อนลงมา กรูเห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือแล้วหัวใจกระตุกวูบเลย แบบว่าเลือดมันซึมออกมา มรึงคิดดูขนาดมือยังขนาดนั้นแล้วที่อื่นจะขนาดไหน..แล้วหัวใจจะเป็นยังไง...”
“ ......................” (ไอ้แบงค์)
“ ถ้าจุมตกระกำลำบากจริงป่านนี้คงกลับมาแล้ว ยังไงจุมก็มีแม่อยู่ที่นี่” ผมปลอบไอ้แบงค์ แต่มันไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไรครับ เพราะมันมีคำตอบหนึ่งว่าทำไมถึงไม่กลับมา เพราะไอ้วุฒิ พวกผมเลยพากันนิ่งเงียบ ผมหันไปอีกทาง ไปมองไอ้วุฒิ .....
แผลที่มันใหม่อยู่ตลอดเวลา มันคงเจ็บน่าดู
กริ้งๆ โทร-สับผมดังพร้อมสั่น ผมเอาโทร-สับที่วางบนโต๊ะตั้งแต่ตอนมาถึงขึ้นมาดู
‘ปราง’ มีอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้เห็นไปว่าไปทำธุระกับเพื่อน ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าธุระอะไรผมไม่ได้ถาม เพราะเรา 2 คนเชื่อใจกันอยู่แล้ว
“ ฮัลโหลยาหยี?”
“ ชนะ ตอนนี้ยังอยู่ที่ผับหรือเปล่า?” เสียงหวานๆถาม
“ อยู่จ้ะ” มีอะไรเหรอ หรือว่าจะมาหา ทนคิดถึงเขาไม่ไหวอ่ะดิ^^ “ปรางมีไรหรือจะมาเดี๋ยวชนะไปรับ”
“ เปล่ามีเรื่องจะคุยด้วย งั้นปรางรอที่คอนโดนะ”
“ จ้า~ชนะกลับไม่เกินเที่ยงคืน” ผมบอกวันนี้ได้นอนกอดปรางแล้ว
“ยิ้มอะไร?” ไอ้แบงค์ถาม เมื่อผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
“ วันนี้ปรางมาค้างด้วย” ผมบอก เพราะปกติผมจะไปค้างที่คอนโดปรางครับ ปรางไม่ค่อยอยากมาที่คอนโดผมเท่าไร เพราะมาที่ไรไอ้แบค์มาหมกตัวอยู่ทุกที
“ งั้นวันนี้ก็รีบกลับดิ”
“ เออ 5 ทุ่มกรูกลับ ฝากมรึงดูไอ้วุฒิด้วย” ผมบอกหันไปมองไอ้วุฒิ....
คุณอย่าเผลอ ผมขอเตือน ไม่งั้นอาจมีใครทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยน
.
.
ผมกลับถึงคอนโดเกือบเที่ยงคืน มาถึงหน้าห้องก็รูดการ์ดเข้าไป เห็นปรางนั่งรอผมตรงโชฟาหน้าโทรทัศน์(ห้องรับแขก)
“ปราง?” ปรางหันมามองผม ท่าทางจะไม่รู้ตัวว่าผมเข้ามาแล้ว
“ เหม่ออะไรอยู่?” ผมถาม ดูสีหน้าปรางน่าจะมีเรื่องในใจ แต่ผมก็ดีใจที่ปรางเลือกมาหาผม
“ มาแล้วเหรอ?” ปรางถาม พอดีกับผมนั่งลงชิดตัวเธอ ปรางเป็นผู้หญิงตัวเล็กครับ ผิวขาว ตาหวาน ผมมองแต่ละทีใจละลาย^^
“ ปรางมีอะไรไหม เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” ผมถาม มือก็ลูบผมสีน้ำตาลที่เธอย้อมออกมาเป็นเป็นธรรมชาติมากนุ่มด้วย
“ชนะปรางมีเรื่องจะบอก” ปรางพูดดูจริงจังเล่นเอาผมเครียดเลย
“ อะไรล่ะ?” ผมถาม มือเริ่มเป็นปลาหมึกเอาโอบไหล่บางๆได้กลิ่นหอมๆดีจัง อยากทำมากกว่าโอบไหล่แล้วครับ
ไม่เอาอย่าหื่น เตือนตัวเองครับ แฟนกำลังมีเรื่องไม่สายใจ อย่าคิดแต่จะเอาฝ่ายเดียว ต้องให้คำปรึกษาเขาก่อน ต้องเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ ดีไหมล่ะครับผมถ้าอยากได้ผมเป็นแฟนเสียใจด้วยหัวใจมีเจ้าของแล้ว ^V^
ปรางหันมามองผมเอามือข้างขวาจับหน้าลูบเบาๆ หล่อใช่ไหมล่ะแฟนปราง อันนี้ชนะรู้ตัวดี
“ ปรางมีเรื่องจะบอก?” ปรางพูดแต่ไม่บอกสักทีว่าเรื่องอะไร
“บอกมาเลยชนะรอฟังนานแล้ว”
“ ปรางท้อง”
ปรางท้อง
ปรางท้อง O.+!?
ห๊ะ !!ปรางท้อง[/size]
เสียงผมพูดบอกตัวเองในหัวมันดังมาก
เสียงว่า ปรางท้อง มันดังมากจนพาหัวใจเต้นแรง
ท้องได้ยังไง ผมก็ป้องกันทุกครั้ง........
“ ....................” ผมมองหน้าปรางที่กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ปรางเป็นคนท้อง ผมไม่ได้ท้องยังจะมาสงสัยอะไรอีก!
หมับ!?
ผมจับไหล่ปรางเข้ามากอด เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ผมจะมาไม่เข้าใจอะไรตอนนี้ ผมเป็นผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับ แค่นี้ปรางก็คงสับสนและกังวลมากพอแล้ว
“ กี่เดือน?” ผมถาม
“ 2 เดือน” ปรางตอบกอดผมกลับ เธอกอดผมแน่นมาก ผมยิ่งกอดปรางแน่นมากขึ้นอีกเธอจะได้อุ่นใจ
“ เทอมนี้ก็ด็อปเรียน แล้วไปดูแลตัวเอง เรื่องพ่อแม่ปรางเราก็ไปบอกท่านด้วยกัน” ผมบอกในหัวพยายามคิดหาทางออก เรื่องผมกับปรางคบกันพ่อแม่ปรางรู้เรื่อง พ่อผมก็รู้ แต่เรื่องปรางท้องคงทำให้พ่อแม่ปรางไม่ไม่พอใจแน่ๆ แต่ผมพร้อมรับผิดชอบและจะแต่งงานกับปราง หากท่านต้องการโดยไม่รอให้ผมเรียนจบก่อน
“ ชนะ” เสียงแหบพร่า
“ ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ยังไงเขาก็ลูกของเรา ชนะไม่ทอดทิ้งปรางแน่”
“ ฮือๆ
ชนะ ชนะ” ปรางร้องไห้ดันไหล่ผม แล้วเช็ดน้ำตา แต่ผมกอดปรางไว้อีกครั้ง
“ ชนะรู้ว่าปรางกลัวและสับสน แต่ไม่ว่าอะไร เรา 3 คนจะอยู่ด้วยกัน”
“ ฮือๆ”
“ ชนะรักปราง” ผมบอกร่างเล็กๆที่ผมกอดร้องสะอื้น สั่นเทา ผมจะปกป้องคนที่ผมรักเอง
“ชนะรักปรางและไม่ยอมให้ปรางต้องเผชิญปัญหาคนเดียว” ผมบอกให้ปรางมั่นใจ ว่าผมพร้อมจะรับผิดชอบ
“ เราจะอยู่ด้วยกัน 3 คน ทั้งที่ปรางไม่ท้องกับชนะเหรอ?”
“.....................................”(ผม)
เหมือนผมโดนไม้ฟาดหัวเข้าอย่างจัง วงแขนที่กอดปรางคลายออกไม่รู้ตัว ผมจ้องหน้าของปรางที่มีน้ำตาเต็มหน้า
“ปราง” ผมพูด เสียงเบามากจนแค่เป็นการขยับริมฝีปากแบบไม่มีสียง
“ ชนะ ปรางขอโทษ”
“ ปรางแค่ลองใจชนะ.. ปรางท้องก็ต้องท้องกับชนะสิ” ผมว่า แรงเจ็บที่เหมือนโดนฟาดหัวยังคงอยู่
“ ปรางเหงา.....” นั่นเหรอคือคำตอบ
มันไม่ใช่!“ แล้วไงปราง
แล้วไง!?” ผมบอกยืนขึ้น หัวร้อนหน้าร้อน จนตามั่วไปพักๆ
“ ปรางรู้ว่าตัวเองผิด แต่ชนะก็ผิดด้วย ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ปรางเลย” ไม่มีเวลาให้ แต่นั่นมันปรางขอเองไม่ใช่หรือไง ที่บอกเรา 2 คนไม่จำเป็นต้องตัวติดกันขอให้เรารักกันเข้าใจกันก็พอ
“ เลยนอกใจกันใช่ไหม?” ผมถาม มองปรางที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้ว แต่ยังมีครางน้ำตาบนใบหน้าเนียนๆ
“ ชนะเองก็เคยไม่ใช่หรือไง มันจะเป็นอะไรถ้าปรางจะทำบ้าง” ปรางพูดใบหน้าเริ่มนิ่ง ตาดวงตาสั่นระริก
“............” ใช่ผมก็เคยนอกใจ แต่ผมรักปรางคนเดียวพวกนั้นก็แค่เล่นๆ แต่ที่ปรางทำมันไม่มากเกินไปหรือไง!?
“ ในเมื่อเราเท่าเทียมกัน ปรางก็ไม่ผิด” น้ำตาปรางเริ่มไหลออกมาอีก
“ แล้วมาบอกชนะทำไม!
ก็ไปบอกมันเซ่!” ผมตะโกน
เคยนอกใจ แต่พอตัวเองโดนนอกใจบ้างมันโคตรจะเจ็บแสบ
“ ..............บอกแล้ว แต่เขาถามว่า ใช่ลูกเขาหรือเปล่า?”
“.....................” ผมอึ้งไปก่อนที่จะพูดว่า
“ เลยมาบอกชนะ..”
“ปรางไม่มีทางเลือก”
“ จะให้ชนะรับเป็นพ่อ...” ปรางไม่ตอบผมยืนค้างยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ความจริงแค่ประโยคเดียวแต่มันเหมือนคลื่นร้อนซัดกระหนัด รุนแรงมากจนยืนแทบไม่อยู่
“ ........................” ทำไมมันถึงอย่างงี้ไปได้
ทำไม ผมก้มหน้ามองปรางที่นั่งอยู่ แล้วเข้าใจคำของไอ้วุฒิที่ว่าทั้งรักทั้งแค้นขึ้นมาทันที ผมอยากจะเข้าไปกระชากไหล่ปรางถามว่าทำไม!
ทำไมถึงได้ทำกับผมขนาดนี้ นอกใจยังไม่พอยังคิดจะให้ผมรับเป็นพ่อให้อีก
ผมเบือนหน้าหนีจากร่างคนที่ผมรัก
เจ็บ!
ม า ก “..............” ไม่มีคำพูดใดๆที่จะพูดตอนนี้มันสับสน จนด้วยความคิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ผมถอยหลังออกมา 2 ก้าวก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกมานอกห้อง เดินไปหยุดหน้าลิฟท์ กดปุ่มลง
พยายามปล่อยให้สมองมันว่างเปล่าไม่ให้คิดไม่เจ็บปวดแต่ทำไม่ได้ มันคิดมากหาเหตุผลที่ทำให้เรื่องราวมันเกิดขึ้น มันเจ็บปวดเพราะไม่อาจปฎิเสธได้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
ปราง
ผมรักปราง
ตอนนี้ก็รัก
แต่รู้สึกผิดหวัง ผู้หญิงที่ดีที่สุดของผม บอกผมว่าท้องกับคนอื่น ทั้งๆที่...
กริ่ง~ เสียงลิฟท์หยุดและเปิดออก ผมก้าวเข้าไปกดชั้นต่ำสุด ชั้นใต้ดิน..
มาถึงชั้นใต้ดินไปผมเดินยังรถสีดำของผม เปิดประตูเข้าไปแล้วทิ้งร่างกายลงบนเบาะอย่างหมดแรง ผมไม่รู้หรอกว่าจะไปไหน แต่ก็ไม่อยากอยู่ในห้อง..
ผมฟุบหน้าลงบนพวงมาลัย ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ
ที่ปรางบอกผมว่า เธอเหงา หมายความว่านั่นเป็นความผิดของผมอย่างงั้นเหรอ!?
มันไม่ใช่!
ไม่ใช่! ผมรักปรางแล้วผมจะผิดได้ยังไง!
“ ทำไมปราง
ทำไม!” ผมตะโกนคนเดียวในรถ ก่อนที่ใช้เท้าเหยียบจนมิดในการออกตัวรถครั้งแรก รถกระชากออกไปจากชั้นจอดรถที่เงียบงัน
ขับออกไปก็วิ่งบนถนนที่แทบไม่มีรถสักคัน เหยียบเร่ง 110 120 130 140 อย่างไม่กลัวตาย หวังจะให้ความอึดอัดในใจมันทุเลาแต่มันยิ่งรุนแรงขึ้น
.......................รุนแรงขึ้น
สุดท้ายผมจอดรถตรงสี่แยกทั้งที่เป็นไปเขียว
“ ...................” มือผมกำพวงมาลัยแน่น แน่นจนข้อนิ้วขาวซีด
“ ท้อง ท้อง
ท้องแล้วไงวะ!” ผมว่าเสียงดัง
ก่อนที่จะตกในความเงียบอีกครั้ง
** ** ** **
ทำไมแค่ 50%

ปล. ท่านเจ้สอง อย่าย้ายบุพเพวายร้ายไปนิยายจบแล้วเน้อเจ้าค่ะ เรื่องราวยังไม่จบเลย T^T