
บุพเพวายร้าย
25
.-
.
ผมสะดุ้งตื่น ตาจับจ้องเพดานสีขาว แล้วลุกขึ้นมาจำได้ว่าต้องไปทำกับข้าว
ตอนนี้กี่โมงแล้ว? ผมลืมตั้งนาฬิกาปลุกอีกแล้ว
“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปกินข้าว” ผมหันไปมองต้นเสียงพี่วุฒิยืนอยู่ข้างเตียง ผมนิ่งแต่หวาดกลัวอย่างประปลาด
“ กับข้าว ผมยังไม่ได้ทำ ..” ผมมองแอบลอบมองสีหน้าพี่วุฒิ
“ กรูสั่งกับข้าวจากโรมแรมมาแล้ว” พี่วุฒิบอกเดินออกไป
ผมงง? งงอะไร
“ ..................” สั่งจากโรงแรมของพี่วุฒิเหรอ? ผมคิดเดินเข้าห้องน้ำ เท้าที่เหยียบพื้นทำให้รู้สึกเย็น
“................” เมื่อคืนผม อยู่ในห้องน้ำ แต่ตอนตื่นอยู่บนเตียงได้ยังไง นั่นมันประหลาด...หรือผมลอยมา..? หรือพี่วุฒิพาผมมา น่าจะเป็นอย่างงั้น
พี่วุฒิ!!?
ผมก้มมองมือมีพลาสเตอร์ติดเหมือนเดิมแต่ไม่ใช่ลายเมื่อคืน อันใหม่? ได้ยังไง? ผมสงสัย จ้องมองมือ คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยนั่งลงเผื่อจะคิดออก
“.......................” ผมเหมือนมีบางสิ่งไม่เข้าใจ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ ...............................”
.
.
ควับ! อยู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดออก ถึงแต่เดิมมันจะปิดไม่สนิทก็ตาม
“ ทำอะไร? ทำไมไม่อาบน้ำ” พี่วุฒิถาม ผมผงกหัวเร็วๆบอกพี่วุฒิจะอาบน้ำแล้ว ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลยมองมองเห็นเท้าพี่วุฒิใส่สะริ้ปเปอร์ พี่วุฒิยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติ่ง
“ .....................เร็วๆจะ 7 โมงแล้ว กว่าจะกินข้าวอีกเดี๋ยวสาย....”
“ครับ” ผมบอก แต่ยังไม่ได้ทำอะไร เพราะรอให้พี่วุฒิออกไปก่อน
“ ..............เดี๋ยวกรูออกไปรอ และอย่าให้กรูรอนาน”
“ครับ” “..........ถ้ากรูเข้ามาอีก แล้วมรึงยังไม่ทำอะไร กรูจะอาบให้มรึงเอง!” พี่วุฒิพูด นั่นทำให้ผเงยหน้ามองพี่วุฒิพร้อมกับตาที่ลืมโตกว่าปกติ
“เดี๋ยวผมจะอาบแล้วครับ” ผมบอกรวดเร็วทันทีที่พี่วุฒิพูดจบ ทำเอาแทบสำลัก
“ .......................” แล้วพี่วุฒิก็เดินออกไป ผมจึงรีบแปรงฟันอาบน้ำให้เสร็จ ก่อนที่พี่วุฒิจะเข้ามาอีก
พอผมแต่งตัวในชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาจากห้อง มือกำสายกระเป๋าเป้แน่น
“........................” พี่วุฒินั่งเก้าอี้รออยู่กับโต๊ะที่มีกับข้าววางไว้เรียบร้อย ผมก็เดินไปนั่งข้างพี่วุฒิโดยพี่วุฒิไม่ได้บอก
บนโต๊ะมีเป็ดย่างหั่นสวยงาม มีเครื่องเคียงเป็น ผักดอง ถั่วอบในจานใหญ่กว่าที่ใช้ในบ้าน , ผัดเปรี้ยวหวานปลาทอด และซุปไก่ดำที่เป็นถ้วยเล็กๆ 2 ถ้วยวางข้างจานผมและพี่วุฒิ
“ กินแล้วเดี๋ยวไปส่งโรงเรียน” พี่วุฒิว่าตักเป็ดย่างให้ผม จากนั้นตักให้ตัวเองแล้วลงมือกิน
“ .......................” ผมมองพี่วุฒิแล้วมองจานข้าวผมที่มีเป็ดย่าง 2 ชิ้นบนข้าวสีขาว ?
“ เหม่ออะไร รีบกิน!” “ คะครับ” ผมว่าตักทั้งข้าวทั้งปากทั้งเป็ดเข้าปาก
“ ไม่ต้องรีบ ไม่มีใครแย่ง หรือว่าหิว?” พี่วุฒิถาม
“ ...........................” ก็ไหนพี่บอกผมว่าให้รีบ ....หรือว่าอะไรหรือว่าผมทำอะไรไม่ถูกใจพี่ .... กลืนไม่ลงข้าวรสหวานจางๆยังอยู่ในปาก
“ ............................ไม่ต้องมองกรู กรูถามมรึงว่า หิว... .. ช่างเถอะ .....” พี่วุฒิพูดตัดบทแล้วกินต่อ
“ ..............................” ไม่มีการพูดคุยกันอีก จนกระทั่งมาถึงโรงเรียน พี่วุฒิจอดรถอีกด้านของรั้วโรงเรียน
“ 4 โมง อย่าให้กรูรอ และถ้ามีกิจกรรมอะไรก็ต้องบอกกรูก่อน ไม่ใช่ให้กรูมารอ...”
“ ...............................” พี่วุฒิบอกเสียงเข้ม ผมมองออกไปนอกรถ ตอนนี้มีนักเรียน 4 คนกำลังยกมือไหว้อาจารย์เวรรับนักเรียนตอนเช้าที่หน้าประตูโรงเรียน
“ เข้าใจไหม!” ผมสะดุ้งหันกลับไปหาพี่วุฒิ
“เข้าใจครับ เข้าใจครับ” ผมรับตัวสั่น
“ .................................” พี่วุฒิไม่พูดแต่ขมวดคิ้ว หรือว่าไม่เชื่อผม..!!
“ พี่ครับ ผมเข้าใจจริงๆครับ” “ ....................................”
“ พี่ครับ ผมเข้าใจแล้วจริงๆ.......” พี่วุฒิกำลังโกรธอยู่อย่างแน่นอนเพราะพี่วุฒิไม่พูด...ทำไม!?
“..................”
“ ผมเข้าใจจริงๆ เมื่อกี้ผมฟังพี่อยู่ตลอด ผมได้ยิน ผมเข้าใจ จริงๆนะครับ ผมจำได้....ต้องออกมารอพี่ตอน 4 โมงใช่ครับ?....ตอน 4 โมงผมจำได้….พี่เงียบทำไมครับ หรือว่าผมทำให้พี่โกรธ……”“ ..........................” พี่วุฒิยังไม่พูดอีก เอาแต่จ้องผมอย่างเดียว
“ พี่ครับ ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย ผมไม่รู้ ผมทำอะไรครับ ผมทำอะไร ? อย่าโกรธผมนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ.....พี่ครับ...” น้ำตามันเริ่มคลอ ความกลัวเริ่มปกคลุมร่างกาย
“ อย่าร้อง เช็ดน้ำตา!” พี่วุฒิบอก ผมมือเอาปาดน้ำตาตามที่โดนสั่งก่อนที่มันจะไหลลงมา
“ ........................”
“ กรูไม่ได้โกรธ และก็ลงไปได้แล้ว หรือวันนี้มรึงจะไม่ไปโรงเรียน”
“ ไปครับ ไป” ผมบอกเปิดประตูออกมา
.....พี่วุฒิก็ขับออกไปแทบจะทันที
“ .......................” ผมมองรถพี่วุฒิที่หายไป...แล้วเดินเข้าโรงเรียน......
.
.
“ จุม จุม ไอ้จุมอาจารย์ถามมรึงอ่ะ” เสียงจักรด้านหน้าผมบอก
“ ไอ้จุม!” เสียงดังกว่าเดิมผมเลยต้องหันมองด้วยความสงสัย เรียกผมทำไม?
“อาจารย์ถามมรึง”จักรบอก ผมมองรอบตัวเพื่อนในห้องมองผมทุกคนร่วมทั้งอาจารย์เนตรดาวที่กำลังเดินมาหาผม สีหน้าเรียบเฉย
“จุมฟ้า คำตอบข้อนี้คืออะไร?” อาจารย์เนตรถาม จ้องหน้าผม
“..................” ผมหันมองกระดานเผื่อว่าจะมีโจทย์เขียนไว้แต่ไม่มีเลย แล้วผมจะตอบได้ยังไง
ข้างหลังอาจารย์ จักรยกสมุดเขียนตัวเลขตัวโตที่สุดเท่าที่จะเขียนได้ไว้
24.8 “ ...................” นั่นคงจะเป็นคำตอบ
“ จุมฟ้า” อาจารย์เนตรดางเร่ง
“ 24.8 ครับ” ผมตอบ แต่ผมว่าอาจราย์คงรู้แหละครับว่ามีคนช่วยผม
“ จุมฟ้า คาบต่อไปครูขอให้เธอตั้งใจมากกว่านี้”
“ครับ” ผมบอกนั่งลงเมื่ออาจารย์เดินไปหน้าชั้น จักรหันหน้ามายกนิ้วให้ผม ผมยิ้มตอบเจื่อนๆ
“.....................”
.
.
ตอนเที่ยงในโรงอาหารผมนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกับจักร ยู และซีซี่
“ จุมวันนี้มรึงเป็นอะไรว่ะ เหม่อได้อีก” จักรถามผมที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ เหมือนกัน
“ ไม่มีอะไร” ผมตอบ รู้สึกอิ่มแล้ว เสียงจ้อแจในโรงอาหารทำให้ปวดหัวขึ้นมา
“ อย่าบอกว่าอิ่มแล้ว”ยูถาม ผมพยักหน้า ยูเลยเอาตะเกียบคีบลูกชิ้นผมไป “กรูขอ..”
“ ไอ้ตะกละ”(จักร)
“ ยู หิวมากขนาดนั้นทำไมไม่กินของเมียล่ะ?” ซีซี่ว่าเอาลูกชิ้นของตัวเองให้ยู
“ แค่คิดว่าเป็นของมรึงก็ก็จะอาเจียน นังตุ๊ดฟาย แต่มรึงเอาให้กรูไม่อยากให้เสียน้ำใจ กินก็ได้”
ผมหันกลับมาจากยูและซีซี่ จึงรู้ว่าจักรกำลังจ้องผมอยู่
“ มีอะไรบอกได้ ปรึกษาได้นะเฟ้ย!” จักรบอกเหมือนไม่ค่อยจริงจัง แต่ผมว่าเขาจริงจังล่ะครับ
“ ไม่มีหรอก ขอบใจนะ” ผมบอก มองออกไปนอกโรงอาหาร ที่เป็นผักสวนครัวของวิชาเกษตร ตอนนี้คะน้ากำลังงามได้ที่เลยล่ะครับ
“ ...............................”
อยากกลับบ้าน
“ จุมมือไปโดนไรมา ว่าจะถามตั้งแต่เช้าแล้ว” (ยู)
“มีดบาด”
“ มรึงไปทำอีกท่าไหนว่ะ หรือว่ามรึงทำกับข้าว” (ยู)
“ ใช่ แต่รีบไปหน่อย เลยบาดมือเอา” ผมบอกยกมือขึ้นมาดู แล้วเอานิ้วมืออีกข้างมาลูบพลาสเตอร์
“ .......... กรูว่ามรึงแปลกๆ” ซีซี่ว่าแล้วหันไปหาจักร กับยูที่กำลังพยักหน้าเห็นด้วยกับซีซี่
ผมแปลกๆเหรอ ?
“ วันนี้ทั้งวันมรึงเหม่อตอลด บางครั้งกรูเรียกก็ไม่ได้ยิน แล้วยังจะว่ามรึงไม่มีอะรอีกหรือวะ”
“ ตามรึงยังบวมอีก”(ยู)
“ แต่พวกกรูก็ไม่ได้บอกให้มรึงต้องเล่าอะไรให้พวกกรูฟังหรอก พวกเราเป็นรู้จะจักกัน ได้เป็นเพื่อนกันไม่ถึงอาทิตย์จะให้เล่าเรื่องหนักหนาฟ้าถล่มก็ใช่เรื่อง แต่ถ้ามีปัญาอะไรก็ปรึกษาได้” จักรบอก ผมไล่มองหน้าจักร ยู ซี่ซี่ทีละคน ซึ้งใจมากเลยครับ แต่ปัญหาในอกผมนั้น ใครก็ช่วยไม่ได้หรอก
“ ขอบคุณ” ผมบอก แล้วก้มมองพลาสเตอร์บนนิ้วมือใจลอยไปถึงคนที่ติดพลาสเตอร์ให้
พี่วุฒิ...ครับ
ผม.................รู้สึกว่างเปล่าแต่กลับอึดอัด เหมือจะหายใจไม่ออกแต่ก็แค่คิดไปเอง...
ตอนเย็น ผมไม่ได้ทำเขตรับผิดชอบ เพราะวันนี้เวรผมทำความสะอาดห้อง ซึ่งรวมจักร และยูด้วย จากนั้นเกือบๆ 4 โมงถึงได้เดินไปหน้าโรงเรียน
พอผมเดินถึงหน้าโรงเรียนก็มองเห็นรถพี่วุฒิจอดรออยู่แล้ว แต่พี่เขาก็ไม่ได้ออกมาจากรถ ผมเลยบอกจักร กับยูว่าพี่มารับแล้ว แล้วก็วิ่งไปที่รถ
ขามันสั่น ร่างกายหนาวไม่รู้ตัว หนาวจนสะท้าน.....
“ ...........................” ไปถึงรถก็เปิดประตูเข้าไปนั่ง แอร์หนาวมากหนาวจนขนลุก
“ กรูเอาของที่มรึงต้องใช้มาแล้ว”
“...............?............”
“เดี๋ยวกรูพากลับบ้าน”
“จริงหรือครับ?” ผมว่าหันไปหาพี่วุฒิปากฉีกยิ้ม
“ กรูเป็นเพื่อนมรึงเรอะ! กรูพูดอย่างไงก็ต้องอย่างงั้น” พี่วุฒิว่าขณะที่เลี้ยวรถเข้าถนนใหญ่
“ ขอโทษครับ ผมแค่แปลกใจ” ผมบอกหันกลับมา
“ ........... ...และก็ทำหน้าให้มันดี ๆ อย่าทำเหมือนว่ากรูทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมรึง”
“ครับ” (พยักหน้าหลายครั้ง) นึกขึ้นได้โทรบอกแม่ดีกว่า
“จะโทรไปไหน?”
“ โทรบอกแม่ว่าผมจะไปครับ”“ไม่ต้องกรูโทรบอกแม่มรึงแล้วว่าพวกเราจะไป ...ท่านบอกว่าต้องเข้าเวรถึงทุ่มหนึ่ง และจะซื้อกับข้าวกลับมาด้วย แต่ถ้าหิวให้กินก่อน” ผมพยักหน้าเข้าใจ เหม่อมองออกไปนอกรถ ดีกว่าจะหันหน้ามาทางพี่วุฒิ จนถึงบ้าน
พวกผมขึ้นไปในห้องของผม ในนั้นข้าวของบางตา เพราะขนไปคอนโดมากพอควร มาคิดดูแล้วผมไปอยู่คอนโดกับพี่วุฒิแม่ก็คงเหงาน่าดู
“ พี่ครับ ถ้าพี่จะกลับก็กลับไปเลยครับ ผมอยู่ได้” พี่วุฒิขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนสงสัยในคำพูดของผม
“ไปไหน?”
“ พี่วุฒิมาส่งผมแล้วก็จะคอนโดไม่ใช่หรือครับ?”
“ ใครบอกมรึง กรูจะมาอยู่กับมรึงต่างหาก” พูดจบพี่วุฒิก็นอนแผ่ราบกับเตียง
โดยปกติถ้าพี่วุฒิมาค้างบ้านผม ผมต้องนอนข้างล่างครับ เพราะเตียวผมเป็นเตียวเดียวนอน 2 คนจะแคบไป ผมจะต้องเอาฟูกมาปูข้างเตียงนอน แน่นอนว่าแม่ไม่รู้ พอเห็นว่าพี่วุฒิจะค้างกับผมด้วย ผมก็เลยเปิดตู้หาฟูกที่ใช้ประจำออกมาเตรียมไว้ เพราะไม่ได้เอาไปคอนโดด้วย
“.......... ..”
“ วันนี้มรึงนอนบนเตียง ไม่ต้องลงไปนอนข้างล่าง” พี่วุฒิบอก ผมหันกลับไปหาพี่วุฒิด้วยความสงสัย หมายความว่าพี่วุฒิจะเป็นคนนอนข้างล่างเอง พี่วุฒิคงนอนไม่ได้เพราะฟูกของผมมันบางมาก เพราะงั้นมันจะไม่นุ่มเหมือนเตียง
“ ไม่เป็นไรครับพี่นอนข้างบนเถอะ ผมนอนข้างล่างเอง เพราะข้างล่างพื้นมันแข็งพี่วุฒินอนแล้วจะไม่ชินนะครับ”
“ใครบอกว่ากรูจะนอนข้างล่างกรูก็จะนอนบนเตียงเหมือนกัน” พี่วุฒิบอก
“ แต่ว่า...” “ อย่าขัดใจกรู เปิดพัดลมร้อน!” พี่วุฒิสั่งผมก็เปิดให้ และยังบอกไม่ให้พัดลมส่ายอีก
“ เมื่อไรจะติดแอร์วะ ร้อนจะตาย” พี่วุฒิว่าลุกขึ้นนั่งแล้วหันมามองผม
“ มรึงมานั่งบนเตียงกับกรู จะไปนั่งตรงนั้นทำไม มันก็ไม่โดนพัดลมดิ
โง่จริงมรึง! ” พี่วุฒิบอกลุกขึ้นมาแล้วยื่นแขนมาหาผมป็นเรียกไปในตัว
“ ไม่เป็นไรครับผมไม่ร้อน” ผมบอกแค่นั่งอยูบนเก้าอี้ตรงนี้ก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
“ ร้อนไม่ร้อนก็ต้องมา เร็วๆ” พี่วุฒิเสียงกระด้างจนผมต้องไปนั่งบนเตียงกับพี่วุฒิ พอผมนั่งปั๊บพี่วุฒิก็ดึงตัวเข้าไปกอด รวบกอดทั้งแขนทั้วตัว(สะดุ้งเลยครับ)
ร่างกายผมเกร็งเหมือนจะต่อต้านแต่มันไม่ทำ เพราะมันไม่กล้า.....
“.......................”
“ 3 วั..น..........”
“ ........? .?....................” ผมงงกับคำที่พี่วุฒิครับ 3 วัน คืออะไร
“ .... กรูไม่อยู่ คิดถึงกรูไหม?” พี่วุฒิที่นั่งช้อนหลังผมถาม ก่อนที่วางหน้าบนไหล่ของผม
“ ผมบอกพี่ในโทรศัพท์แล้ว” ผมบอกเพราะอยู่ต่อหน้าจะพูดมันก็อายเหมือนกัน
“ กรูอยากฟังจากปากมรึงตอนนี้!” พี่วุฒิบอก
“ครับ” พยักหน้า “ผมคิดถึงพี่”
“ .........................” เพราะผมก้มหน้า เลยเห็นว่าพี่วุฒิกำลังยิ้ม?
“ แล้วมรึงคิดถึงกรูแค่ไหน?”
“ แค่ไหน? .....ผมไม่รู้ครับ” ผมตอบ
“ น้อย หรือ มาก หรือมากๆ หรือมากที่สุด?” “ ..................................มากครับ…” ผมตอบเขินแล้วครับ
ตุบ! “ พี่ครับ!!” อยู่ๆพี่วุฒิก็นอนลงทั้งอย่างงั้น เป็นใครก็ตกใจ
“ เงียบเถอะน่า แค่นอนเอง” พี่วุฒิพูด ผมก็รูดซิปตัวเองทันที
“ .............................”
“.................................” ผมรู้สึกว่าพี่วุฒิเหมือนจะสั่นเล็กน้อย
ผมเลยหันกลับไปมอง เห็นพี่พี่วุฒิกำลังยิ้มจนเรียกว่ากำลังหัวเราะ...?
“ หันทำไม อยากตายเรอะ!?” พี่วุฒิพูดเปลี่ยนไปเป็นหน้าบึ้ง แล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงที่ละน้อย
“ เอ๊ะ! นี่ยังไม่หันกลับไปอีก!” พี่วุฒิตะคอกเสียงดัง ผมเลยหันกลับมาในทันที
“ .............อย่าคิดว่ากรูดีใจที่มรึงบอกว่าคิดถึงกรู กรูดีใจเรื่องอื่น!” พี่วุฒิบอกเสียงเข้ม ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว
“ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นครับ” “ใครบอกให้มรึงพูด เงียบไปเลย !” ผมเงียบตามที่พี่วุฒิสั่ง นอนอยู่แบบนั้น บางครั้งพี่วุฒิก็แขนกอดต้นแขนผม บางครั้งก็เลือนมาลำตัว บางครั้งก็เอาแขนมากอดเอว แล้วก็กลับไปกอดต้นแขนอยู่อย่างงั้น ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่กล้าถาม ....นานจนแม่กลับมา ผมได้ยินเสียงรถแม่จะลุกขึ้น แต่พี่วุฒิกอดไม่ปล่อย
“ พี่ครับ แม่มาแล้วครับ” ผมบอก
“ ก็ไปสิ บอกกรูทำไม!”
“ ...............................พี่ปล่อยสิครับ” ผมมองหันหน้าไปหาพี่วุฒิที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“.......................................”
“ พี่ครับ”
“ เออๆกรูรู้แล้ว ...แต่แขนกรูมันเป็นตะคริวจนชาไปหมด ..เพราใครล่ะที่นอนให้กรูกอดจนจะ 3 ชั่วโมง”
“ ..................................”
“ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้ กรูปล่อยแล้ว!” พี่วุฒิบอกแล้วลุกขึ้นโดยมีผมลุกขึ้นตามติดๆ
“ เมื่อยตัวไปหมด ไม่รู้ว่าคืนนี้กรูจะนอนหลับไหม” พี่วุฒิพูดใช้หางตามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หันหน้ามามองผมเต็มที่
“............? ......................”
“ คืนนี้มรึงนวดให้กรูด้วย เพราะสาเหตุมันมาจากมรึง”
“…………
…….คะ ..ครับ” ผมบอก พร้อมกับมีเสียงเคาะประตู ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูทันที
“ แม่ สวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่รวดเร็วและโผเข้ากอดให้หายคิดถึง
“ มาก็อ้อนเลยลูกคนนี้ไม่รู้จักโตสักที”
“ สวัดดีครับคุณแม่” พี่วุฒิเดินมายกมือไหว้แม่ข้างๆผม
“ ดีจ้ะ” แม่พูดแล้วดึงพี่วุฒิเข้ามากอดอีกคน พี่วุฒิทำหน้างงๆแต่สุดท้ายก็กอดแม่กลับ
“ ...........................” หน้าผมที่ซบอยู่บนไหล่แม่ผมมองหน้าพี่วุฒิที่อยู่บนไหล่แม่อีกข้าง หน้าพี่วุฒิดูงงๆในตอนแรกก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเหมือนไร้ความรู้สึก ...
พี่วุฒิสบตากับผม...? จนกระทั้งแม่ดันพวกผมออกมาเบาๆแล้วบอกว่า ให้ลงไปกินข้าวข้างล่าง แม่ได้ซื้อกับข้าวมาแล้ว ก่อนขึ้นมาก็หม้อหุงข้าวแล้วด้วยแต่ท่านจะลงไปก่อนให้พวกผมตามไป แต่ผมบอกแม่ว่าจะลงไปกับแม่ด้วยจะได้ไปช่วยแม่จัดโต๊ะ
“......................”
พี่วุฒิก็เดินลงไปพร้อมผมกับแม่ครับ
* * * * *
25 ......25 เบจเพศ
ถามว่าน้องจุม เป็นยังไง ก็เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ออกซื่อๆเจ้าค่ะ ลองนึกภาพนักเรียนคนหนึ่งเดินแล้วแล้วหันไปมอง พร้อมกับพูดว่า หล่อวะแต่น่ารักมากว่า 5++^^~ 