บพเพวายร้าย
23/1
.
.
ทุ่มหนึ่งผมกับพี่แบงค์ก็กลับถึงคอนโดหลังจากที่ผมไปบ้านบันบันมา แต่พี่แบงค์ไม่ได้เข้าไปด้วยนะครับ บอกแต่ว่าถ้าจะกลับให้โทรหา ผมมาทราบก็ที่หลังกลับว่าพี่แบงค์รออยู่ร้านกาแฟใกล้ๆนั้นเอง
“ มีการบ้านไหม?” พี่แบงค์ถาม
“มีครับ” ผมบอก
“ ถ้าอันไหนไม่ได้ถามพี่ได้นะ”
“ ครับ ว่าแต่ว่าพี่แบงค์กินข้าวหรือยังครับ? ผมกินมาจากบ้านบันบันแล้ว”
“ ไม่อะ พี่ไม่หิว กินกาแฟไปแล้ว”
“ จะดีหรือครับ ถ้าพี่จะกิน ผมจะทำให้” พี่แบงค์คิดดูครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า
“ ก็ได้ แต่เอาอะไรที่ง่ายๆนะ เอาข้าวไข่เจียวกุ้งสับ”
“ครับ” ผมรับคำ แต่คิดได้ว่าไม่มีกุ้งและไม่เคยมี เพราะพี่วุฒิกินกุ้งไม่ได้ “จะไปมีได้ไงครับ เอาเป็นปลาหมึกแทนได้ไหมครับ แต่ผมไม่สับให้นะ” ผมตอบยิ้มกลับส่วนพี่แบงค์ยืนยิ้มอยู่คงคิดจะแหย่เล่นผมเรื่อง พี่วุฒิแพ้กุ้ง
“ ...................” พี่แบงค์ยักคิ้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันน่าทำให้กินไหมเนี่ย
แต่ผมก็ทำให้ล่ะครับ
ทอดเสร็จก็ยกไปให้ ซึ่งพี่แบงค์ตักข้าวไปก่อนหน้านั้นแล้ว
“ขอบคุณคร้าบบบบบ”
“ กินเสร็จแล้ว ไม่ต้องล้างนะครับ ผมกลับมาล้างเอง เดี๋ยวพี่แบงค์จะทำจานแตก
” ผมบอกจะเดินกลับห้องไปอาบน้ำ แต่พี่แบงค์จับมือผม
เย็นเฉียบ!
ตัวผมนิ่งอยู่นาน ก่อนที่จะสะบัดมือพี่แบงค์ออก
“ ขอโทษ” พี่แบงค์พูด ผมรีบวิ่งกลับห้องทันที ก่อนที่ปิดประตูยืนเพิงประตู หายหายใจแรง.......พยายามสงบสติอารมณ์ว่าความจริงคืออะไร
พี่วุฒิ…………..
พี่ครับพี่วุฒิ น้ำตาผมไหล......
.....พี่ครับ..พี่รู้ไหมพี่ทำให้ผมเป็นตัวประหลาดไปแล้ว
ผมหวาดระแวงจากการสัมผัสจากทุกคน มันเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ทั้งที่ผมก็รู้ว่าคืออะไร แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจ และกลัวอยู่ดี......
“ .....................” น้ำตามันไหลลงมา ด้วยความสมเพชตัวเอง……..
.
.
.
.
ผมอาบเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเหมือนของแก้วแตกจากด้านนอกถึงจะแค่เบาๆแต่ผมพอจะเดาออกว่ามันคืออะไร ผมรีบเปิดประตูออกไป
พี่แบงค์ที่อยู่ในครัวหันมามองทันที พร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆเหมือนเด็กทำแจกันแตก
“ ขอโทษนะ พี่ว่าจะล้างเอง” พี่แบงค์ว่าก้มลงเก็บจานที่แตกอยู่บนพื้น
“ ระวังครับ…!?” ผมบอกไม่ทันขาดคำ!
“ โอ้ย!” พี่แบงค์ร้องเพราะโดนเศษจานบาดเข้าให้
“ เพราะงี้ไงครับผมถึงได้บอกให้ระวัง” ผมบอกจะเข้าไปจับมือพี่แบงค์ว่าจะพาไปล้างน้ำ แต่ผมกลับชะงัก
“ ........................” พี่แบงค์ก็นิ่ง ผมเลยตัดสินใจทำกล้าจับมือพี่แบงค์อีกครั้งแล้วพายืนขึ้นอามือพี่แบงค์ล้างน้ำ พอเวลาผ่านไปทีละนิดผมก็มั่นใจว่า มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะเพราะเป็นพี่แบงค์ก็ได้
“ พี่แบงค์นั่งรอที่โต๊ะเลยครับ เดี๋ยวผมไปเอากล่องยามา” ผมบอกเดินนำพี่แบงค์ออกมาก่อน แล้วไปเอากล่องยามา จัดการล้างแผลติดพลาสเตอร์ให้เรียบร้อย
“ เพราะความไม่ได้เรื่องของพี่ ต้องลำบากจุมเลย” พี่แบงค์ว่าแววตาสำนึกผิด แล้วมองแผลถนุถนอม “ ไม่เป็นไรครับ และพี่ไม่ต้องไม่เก็บต่อนะครับเดี๋ยวผมไปเก็บเอง เอาไม้กวาดไปกวาดใส่ที่ตักผงดีกว่า” ผมบอกและไปทำอย่างที่พูด โดยมีพี่แบงค์เดินตามไปยืนดูอยู่ห่างๆ ผมเลยหันไปถามว่ามีอะไรหรือเปล่า?
“....................................พี่ยืนให้กำลังใจ”(ยิ้ม)
“ เสร็จแล้วครับ ไม่ต้องห่วง” ผมบอกแล้วจะเดินออกมา
“ จุมเดี๋ยว!” พี่แบงค์ว่า แล้วเหมือนพี่แบงค์จะยื่นมือมาหาผม ผมรีบถอยหนี
“ จุมระวัง!” พี่แบงค์ว่าดึงตัวผมจริงๆ ด้วยความตื่นตะหนก ผมผลักพี่แบงค์เต็มแรง จนทั้งผมทั้งพี่แบงค์ก็เสียการทรงตัวไม่อยู่ล้มลง แต่ทว่าพี่แบงค์กลับเป็นคนเอาตัวเองล้มลงไปก่อนเหมือนจะกั้นผมไม่ให้กระแทกกับพื้นโดยตรง
พลั่ก! เสียงเราทั้งคู่กระแทกกับพื้น หรือจะให้ถูกคือตัวพี่แบงค์มากกว่า เพราะผมล้มลงบนตัวพี่แบงค์ หน้าผมชนกับหน้าพี่แบงค์!จมูกชนจมูก ปากเหมือนจะสัมผัสกันชั่ววินาที
?! “ .......................” พี่แบงค์ชะงักแล้วหยุดการเคลื่อนไหว ผมเองก็เช่นกัน ทำอะไรไม่ถูกเลยไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
ใจเต้นแรง... -
“ ...................” ผมรู้สึกตัวก่อนรีบลุกขึ้นมา “ พี่แบงค์เป็นอะไรมากไหมครับ?” ผมถามพยุงพี่แบงค์ขึ้นมา
“ โอ๊ย เจ็บ!” พี่แบงค์ว่า เอามือค้ำเอว ทำหน้าเหย
“ ขอโทษนะครับ ผมตกใจเลยผลักพี่” ผมบอกพยุงพี่แบงค์ขึ้น
“ พี่เข้าใจ พี่เองแหละที่รีบร้อนไป พี่กลัวว่าจุมจะเหยียบเศษจานเลยว่าจะบอก” พี่แบงค์บอกมองไปยังเศษจานอยู่กับพื้น ผมคงมองไม่เห็นเพราะมันสีขาวคล้ายกับกระเบื้องมาก
“ เหรอครับ” ผมพูดรู้สึกผิด เพราะเมื่อกี้ผมเผลอกลัวทั้งที่พี่แบงค์เขาหวังดีกับผม
“ อืม แต่ถึงพี่จะเจ็บกว่านี้พี่ก็ยอมเพราะมันคุ้ม.....” พี่แบงค์ว่าหันมายิ้ม ให้ผม
“คุ้ม?” ผมงงสิครับ คุ้มแล้วอะไรที่ว่าคุ้ม คือการเจ็บตัวอย่างงั้นเหรอ
“ ใช่....เพราะพี่ได้....จ..” พี่แบงค์หยุดพูดแต่ผมก็ยังรอฟัง
“...ไปนอนเถอะ..หรือว่าอยากให้พี่ไปนอนเป็นเพื่อน” พี่แบงค์ยิ้มล้อ
“ ไม่ต้องครับ!” ผมตอบทันทีและลุกพรวดขึ้น แล้วก็รู้สึกอายขึ้นมาเฉยๆ
“ ฝันดีนะ”พี่แบงค์พูดตามหลัง ผมตอบว่าครับแต่ไม่ได้หันกลับไป
ผมกลับห้องแล้วแต่ก็ยังไม่ได้นอน เพราะต้องทำการบ้านก่อน หลังจากนั้น 40 นาทีผมถึงได้นอน
คืนนี้เตียงนอนของผมใหญ่มากอาจจะเป็นเพราะผมนอนคนเดียว เพราะจะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผมไม่เคยนอนคนเดียวเลย
ผมเอามือลูบที่นอนว่างเปล่า ที่ที่พี่วุฒิเคยนอน
พี่วุฒิ....
....ตอนนี้พี่ทำอะไรอยู่ครับ?
………….ตอนนี้ผมนึกถึงพี่ ถึงแม้ว่าพี่จะใจร้ายกับผม....มันปกติใช่ไหมครับ
ผมกอดหมอนข้างที่ผมเอาให้พี่วุฒิกอดแทนผมเมื่อเช้า ผมคิดว่าผมได้กลิ่นพี่วุฒิจากหมอนที่ผมกอดอยู่
* * * * *
“จุม จุม!” เสียงพี่แบงค์เรียกและเสียงเคาะประตูทำให้ผมตื่นงัวเงียขึ้นมา
“ครับ ครับ” ผมว่าเปิดประตูขยี้ให้ตาสว่างไปด้วย “ มีอะไรหรือครับ?”
“ 7 โมงกว่า แล้ว” พี่แบงค์บอก
“ จริงหรือครับ!?” ผมถามหน้าตื่น พี่แบงค์เลยยื่นมือถือให้ดูเวลา
7:20 “ ต้ายล่ะครับ ผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก” ผมว่า
“ รีบไปอาบน้ำเถอะ ข้าวก็ไปกินที่โรงเรียน”
“ครับ” ผมจะบอกวิ่งเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาแปรงฟันอาบน้ำเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ตามด้วยแต่งตัว ถือกระเป๋านักเรียนออกมา ก็ 7 โมง 46 แล้ว
พอพี่แบงค์เห็นผมเดินออกมาก็คว้ากุญแจรถเดินนำผมออกไปทันที
“ พี่ก็เพิ่งตื่น นึกว่าจุมจะมาปลุกตอนให้ไปส่ง หรือกินข้าวเสียอีก...” พี่แบงค์พูดขับรถระหว่างทาง
“ ผมเองก็นอนตื่นสายด้วยแหละครับ” ผมบอก เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับได้…..นอนไม่หลับ
“ ดีนะเนี่ยโรงเรียนอยู่ไม่ไกล ไม่งั้นจุมได้ไปสายแน่” พี่แบงค์บอกจอดรถหน้าโรงเรียน
“ สวัดดีครับ ...ขอบคุณครับ” ผมบอกรีบเปิดประตูรถออกมา แล้วรีบวิ่งเข้าโรงเรียนที่มีอีกหลายคนที่ทำแบบเดียวกับผม พอผมเข้าไปในโรงเรียนออดก็ดังเข้าแถวตอนเช้าพอดี
เกือบไป......
กริ้งๆ มือถือดังผมกดรับ พี่วุฒิโทรมาครับ
“ พี่ครับเดี๋ยวผมจะเข้าแถวแล้ว ผมวางก่อนนะครับ เขาไม่อนุญาตให้โทรศัพท์” ผมบอก
“ มรึงว่าไงนะ นี่พอกรูไม่อยู่...” ผมรีบตัดสายรู้ว่าพี่วุฒิต้องโกรธแน่ แต่มันจำเป็น แล้ววิ่งต่อแถวซึ่งผมเป็นคนสุดท้ายของห้อง
แต่พี่วุฒิก็โทรมาอีก ผมจำต้องปิดเครื่อง .....
หลังจากผมขึ้นห้องเรียนแล้วจึงได้เปิดโทรศัพท์ และพี่วุฒิก็โทรเข้ามาทันที จนผมเองยังตกใจไม่คิดว่าจะเหมาะเจาะขนาดนี้
“ นี่มรึงกล้าตัดสายกรู!” พี่วุฒิพูดเสียงดังจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู ไม่งั้นแก้วหูคงได้แตก
“ ผมต้องเข้าแถวตอนเช้า” ผมบอก รู้ว่าพี่วุฒิโกรธมาก มากจนไม่ยอมฟังอะไรเลย นี่ถ้าพี่วุฒิอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ผมคงได้เจ็บตัว
“ แล้วไง มรึงก็บอกอาจารย์ไปดิว่าผัวโทรมา” “ พี่ครับ จะไปพูดแบบนี้ได้ยังไง” ผมพูดเสียงเบาและยิ่งท้ายประโยคยิ่งเบามาก
“ ทำไมจะทำไม ...!..” “..............................” ผมเงียบไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปก็ไม่ฟังยิ่งพูดพี่วุฒิก็ยิ่งไม่พอใจ
“.....................................” พี่วุฒิไม่พูด แต่ผมได้ยินเสียงถอนหายใจ
“...............................”
“...ไอ้แบงค์บอกว่ามรึงนอนตื่นสาย” “ครับ” ตอนที่ผมปิดเครื่องพี่วุฒิคงโทรหาพี่แบงค์ คงจะทราบจากพี่แบงค์ว่าผมตื่นสาย
“ แล้วกลางคืนมรึงทำอะไรไม่หลับไม่นอน หรือนอนไม่หลับ” “ ...............................” คิดถึงพี่ครับ อยากจะพูดอย่างนั้นแต่กลับพูดไม่ออก
“ กรูถามว่ามรึงทำอะไร!?” พี่วุฒิเค้นเสียงถามย้ำ
“นอนไม่หลับครับ” ( ตอบทันที เพราะพี่วุฒิขึ้นเสียงสูง)
“ ทำไมนอนไม่หลับ อย่าบอกว่าคิดถึงกรู...” “...............................”
“เหรอเนี่ย ..มรึงคิดถึงกรูจริงเหรอเนี่ย ฮะๆ” พี่วุฒิพูดไปหัวเราะไป
“ .... ....... คนอยู่ด้วยกันทุกวัน มันก็ต้องมีบ้างไม่ใช่หรือครับ?”
“ มันก็จริง ถ้าไม่คิดถึงผัวจะไปคิดถึงใคร” พูดคำว่าผัวอีกแล้ว ไม่ก็เมียบ้างล่ะ ไม่อายบ้างหรือไง เวลาผมได้ยินพี่วุฒิพูดผมอายทุกที
“ ...........................”
“ มรึงอยากได้อะไร เดี๋ยวกรูซื้อไปให้” พี่วุฒิถาม แต่ผมไม่ได้อยากได้อะไร
“ ไม่มีครับ” ผมตอบ
“ ก็ดี งั้นคืนนี้กรูโทรหา เพราะเดี๋ยวมรึงทนคิดถึงกรูไม่ไหว” “... . ....................”
“ ไม่ต้องลำบากหรอกครับ”
“ ไม่เป็นไร โทรหาเมียไม่ลำบาก..” เมียอีกแล้ว ...
“ พี่ครับ”
“ อะไร!” “ ทำไม พี่ชอบพูดคำว่า เมี..”
“จุมอาจารย์มา...” (เสียงจักรบอกผมและนั่งเก้าอี้หน้าผมเรียบร้อย)
“ เมื่อกี้มรึงจะพูดอะไร?” “ ไม่ครับไม่มีครับ แค่นี้ก่อนนะครับ อาจารย์เข้าห้องแล้ว”
“เออ” ผมเป็นคนกดออก แล้วเก็บเข้ากระเป๋า
อยากให้ถึงคืนนี้เร็วๆ.......
.
.
.
ตอนเย็น พี่แบงค์มารับผมเหมือนเดิม
“จุมวันนี้มีอะไรหรือเปล่า?” พี่แบงค์ถาม หันมายิ้มให้ผมแป้บหนึ่ง ก่อนที่จะเลี้ยวรถเข้าคอนโด
“ ไม่มีครับ” ผมบอก แต่รับรู้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม
“ แต่ยิ้มแก้มฉีกขนาดนี้ต้องมีอะไรแน่ ไม่บอกให้พี่ชายคนนี้รู้ด้วย จะได้ช่วยดีใจอีกคน”
“ ..............ไม่ดีกว่าครับ” ผมยิ้ม (รถจอด)
“นะนะ พี่อยากรู้ว่าอะไรทำให้จุมดีใจขนาดนี้”
“ .............พี่วุฒิว่าจะโทรมาคืนนี้ครับ” ผมบอกเขินๆก้มหน้าลง ยังไม่ได้ออกไปจากรถแม้ว่าพี่แบงค์จะจอดรถนานแล้วก็ตาม
“ เหรอ?”
“ครับ” ผมบอกออกจากรถแล้วเดินตามพี่แบงค์ที่ออกมาก่อนผม
“ พี่แบงค์เราจะกินอะไรดีครับ เย็นนี้” ผมถามเมื่ออยู่ในลิฟท์
“..........................” พี่แบงค์ไม่ตอบ พอผมหันไปมองเห็นพี่แบงค์เหมือนกำลังเหม่อ ดูท่าจะไม่ได้ยินที่ผมถาม
“ พี่แบงค์ครับ!” ผมเรียกเสียงดังกว่าเดิม
“ อะไร?” พี่แบงค์หันมาผม เสียงกระด้างขึ้นมานิดหน่อย..ดูน่ากลัวกว่าปกติ
“ ผม ถามพี่ว่าวันนี้เราจะกินอะไรกันดีครับ แต่พี่แบงค์ไม่ตอบ”
“ อะไรก็ได้” พี่แบงค์ตอบ แล้วเดินออกไปทันทีที่ประตูลิฟท์เปิด และเดินเร็วมากจนผมต้องวิ่งตาม
พี่แบงค์เป็นอะไร เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย?
จะถามผมก็ไม่กล้า......
ผมเข้าห้องทำการบ้าน จน 5 โมงผมถึงออกมาทำกับข้าว เจอพี่แบงค์กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“ ไม่ต้องทำเผื่อพี่นะ พี่ว่าจะออกไปข้างนอกหน่อย ไม่รู้จะกลับกี่โมง?”
“..............คะครับ” ผมตอบ
“ ...............” พี่แบงค์ยังคงมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะออกไป
ไม่รู้ว่าพี่แบงค์เป็นอะไร..........อีกแล้ว
.
.
*********
ต้องขอประทานอภัยท่านทั้งหลายที่มาปูเสื่อ แขวนเปลรอ มาอัพแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวอัพตอน 23/2 ตรวจคำผิดก่อนเจ้าค่ะ
..