
บุพเพวายร้าย
21.
พี่วุฒิพาผมไปกินข้าวเหมือนที่พูดไว้ เป็นร้านที่นัดไว้กับพี่แบงค์ และพี่ชนะ เป็นร้านคล้ายๆสวนอาหารครับ มีต้นไม้ค่อยข้างเยอะหากเทียบกับร้านอื่นๆ ในร้านแข่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนด้านในร้าน ซึ่งข้างในจะมีเวทีด้วย แต่ด้านนอกหรืออีกโซนที่2ก็เห็นครับ เพราะร้านเป็นแบบเปิดโล่ง แบบเรือนไทยสมัยก่อน แต่สไตล์ร้านเป็บแบบโมเดิล
“ นัดไว้ทุ่มครึ่งแต่มา 2 ทุ่มกว่า” พอไปถึงพี่ชนะก็พูดขึ้น พร้อมกับผมและพี่วุฒินั่งลง
บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัส อาหารถูกสั่งรอไว้ และมีร่องรอยการกินไปบ้างแล้ว
“ มันนอนไม่ยอมตื่น นี่ถ้ากรูไม่ปลุกคงถึงเช้า” พี่วุฒิว่า พี่ชนะและพี่แบงค์เลยหันมามอง ผมเลยเอาแต่ก้มหน้า
“ มรึงทำอะไรน้องเขาล่ะสิ” พี่ชนะพูด
“ เออ” พี่วุฒิตอบหน้าตาเฉย
“.........................” หน้าผมร้อนลามลงไปถึงคอเลยครับ
“ขอบคุณครับ” ผมบอกเมื่อบริการยื่นเมนูให้ผมและพี่วุฒิ
“ เอาเลยจุม สั่งเลยนะวันนี้พี่แบงค์เขาเลี้ยงฉลองโสด” พี่ชนะบอก ผมเลยหันไปมองพี่แบงค์
...ฉลอง ....โสด...
“...............................”
“ แค่นี้ก็พอแล้วครับ” ผมบอกไม่ได้เปิดเมนูตั้งแต่แรก เพราะกับข้าวบนโต๊ะก็ 6 เจ็ดอย่างแล้ว
ผมพยักหน้าขอบคุณสาวเสริ์ฟที่วางจานข้าวผมลงตรงหน้าผม พี่ชนะบอกว่าสั่งไว้ตั้งแต่พี่วุฒิโทรมาบอกจะถึงแล้ว
“ พอไม่ได้ มีคนเลี้ยงทั้งที่ต้องเอาให้คุ้ม” พี่ชนะบอกตักหมูกระทิใส่จานข้าวผม “ กินเยอๆ จะได้มีแรงรับมือไอ้วุฒิ” (ยิ้ม)
“ เอาอะไรสั่งเลย ไม่ต้องเกรงใจพี่” พี่แบงค์บอก
“ ผมกินอะไรก็ได้ครับ” ผมตอบ “ เพราะถ้าเหลือแล้วเสียดาย”
“ เหลือก็ทิ้ง จะกินอะไรก็สั่ง” พี่วุฒิบอกผม แล้วสั่งอาหารเพิ่ม อีก 3 อย่าง
“ ...........................”
“ เงียบ เงียบ นี่มรึงจะยั่วโมโห...”“ เอาว่ะวุฒิ พอเถอะ กรูไม่เห็นว่าน้องเขาจะยั่วโมโหมรึงตรงไหน” พี่ชนะพูดดึงเมนูจากมือผมและมือพี่วุฒิแล้วส่งให้บริกรว่าไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้ว
“ …ไอ้แบงค์มันเลิกกับแฟนทั้งที ไอ้วุฒิไปร้องเพลงฉลองให้มันหน่อยดิ” พี่ชนะพูดขึ้นหลังจากที่พวกผมกินไปได้สักพัก
“ ทำไมกรูต้องร้อง ให้มันไปร้องเองดิ มันเลิกเองอย่ามาเดือดร้อนเพื่อน” พี่วุฒิบอกตักต้มยำกระดูกอ่อนใส่จานให้ผม ซึ่งตอนนี้ในจานกับข้าวผมมีอาหารเต็มไปหมด ทั้งพี่แบงค์ พี่ชนะตักให้ด้วยแล้ว ผมกินแทบไม่ทัน ผมยังไม่ตักอาหารเองเลยด้วยซ้ำ
“ ไงพูดงี้วะ ข้าวที่มรึงกิน ข้าวที่เมียมรึงกิน ก็เงินไอ้แบงค์มัน ยังว่าเดือดร้อนอีก”
“ ก็มันจริง คบกันไม่ถึง 2 เดือนด้วยซ้ำ” พี่วุฒิพูดตักไข่เจียววุ่นเส้นทรงเครื่องใส่จานผมอีก
“ ประโยคนี้ออกจากปากมรึงแล้วมันแปลกๆว่ะ เพราะมรึงยิ่งกว่าไอ้แบงค์อีก อาทิตย์เดียวมรึงยังเลิก”
“ นั่นกรูไม่ได้คบ แค่คู่นอน อย่าเอามารวม”
“ เออ กรูลืมไป”(พี่ชนะหัวเราะ)
“ ว่าแต่ว่าทำไมอยู่ดีๆมรึงถึงเลิกว่ะ แบงค์” พี่วุฒิถามตักผัดหอยใส่จานผมอีก ผมแทบจะสำลักเพราะอยู่ในจานก็แทบจะกินไม่หมด
“ เพราะกรูมันไม่รักดี” พี่แบงค์พูดจริงจังมาก จนพี่วุฒิและพี่ชนะเงียบ บรรยากาศชวนอึดอัดเข้าครอบง้ำอย่างรวดเร็ว
“.........................” รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึดอัดมาก ผมก้มกินข้าวต่อไปเงียบๆ
-เงียบ-“ เอาล่ะ เอาล่ะ ไปเลยไอ้วุฒิร้องเพลงฉลองโสดได้แบงค์มันหน่อย กรูอยากฟังเพลงเพลงหนึ่งที่มรึงร้องคราวที่แล้ว ตอนไปคาราโอเกะ” พี่ชนะพูดกำจัดความเงียบ
“ เพลงอะไร?” พี่วุฒิถาม
“ เอาหูมานี้” พี่ชนะบอกแต่พี่วุฒิไม่ทำตาม พี่ชนะเลยโน้มตัวกระซิบหูพี่วุฒิแทน
“ ................ไม่กรูไม่ร้อง”
“ หรือว่ามรึงอาย”
“ อายอะไร”
“ ก็อายเมียมรึงไง” พี่ชนะว่าหันมาทางผม แล้วหัวเราะ
“ ทำไมกรูต้องอาย แค่กรูไม่อยากร้อง วันนี้ไม่มีอารมณ์”
“ เอาน่า เพื่อไอ้แบงค์ กรูเองก็เอาตัวเข้าแลกดีดกีตาร์ให้มรึงด้วย”
“ ........................” พี่วุฒิมองพี่แบงค์ แล้วมามองผม ก่อนที่จะเดินออกไป โดยมีชนะเดินตามไปติดๆ
“ ...............................?” พี่แบงค์ตักไก่ทอดใส่จานผม และในจานก็ยังมีกับข้าวอยู่ซึ่งแทบจะล้นจานจนไม่รู้ว่าจะกินอะไรก่อนดี รู้แต่ว่ามันรวมกันไปหมดแล้ว
“ ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องตักให้อีกแล้วนะครับ เยอะแล้ว” ผมบอกตักไก่ที่พี่แบงค์ตักให้ เข้าปาก
“ จุมน่าจะกินเยอะๆนะ รู้ไหมว่าผอมลง”
“............” ผมพยักหน้าว่ารู้ เพราะแม่ก็ทักว่าผมผอมลง
“ แล้วที่โรงเรียน มีปัญหาอะไรไหม?” พี่แบงค์ถาม
“ ดีมากเลยครับ ผมมีเพื่อนแล้วด้วย วันนี้ก็ชวนผมไปกินน้ำแข็งใสหน้าโรงเรียน” ผมบอกดีใจที่มีเพื่อนตั้งแต่วันแรกที่ไปโรงเรียน
“ ดีแล้วล่ะ ....”
ในร้านมีเสียงปรบมือดังขึ้น ผมมองไปยังเวที พี่วุฒิยืนถือไมล์ ส่วนพี่ชนะคล้องสายกีตาร์ ข้างๆมีพีธีกรถือไมล์กำลังถาม
พีธีกร:
วันนี้ทราบว่ามาที่ร้านเรา เพื่อฉลองโสดให้เพื่อน ไม่ทราบว่าเป็นคนไหนครับ? พีธีกรถาม ซึ่งน่าจะรู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะพี่ชนะน่าจะบอกว่าสาเหตุที่ขึ้นไปร้องเพลง แต่พีธีกรก็ถาม เพื่อความบันเทิงของแขกคนอื่นด้วย
พี่ชนะ: ไม่ใช่เรา 2 คนหรอกครับ (พี่ชนะจับมือพี่วุฒิที่ถือไมล์ไปพูด ยิ้มแป้น)
พีธีกร:
แล้วคนไหนครับ? พี่ชนะไม่ตอบแต่โบกมือให้พวกผม
หมับ! พี่แบงค์จับมือผมแล้วโบกตอบพี่ชนะที่อยู่บนเวที พีธีกรก็โบกมือกับพี่ชนะด้วย
ผมดึงมือตัวเองกลับมาทันที .....พร้อมทั้งเอามืออีกข้างมาลูบรอยที่พี่แบงค์จับเมื่อกี้
สั่น อยากจะร้องไห้...แต่ก็พยายามตั้งสติไว้ บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร นี่พี่แบงค์ นี่คือพี่แบงค์.....นี่คือพี่แบงค์
พีธีกร:
รู้สึกว่าจะหล่อกันทั้งกลุ่มเลยนะครับพี่ชนะ: ไม่ใช่หล่อนะครับ จริงใจด้วย(ทำมือเป็นหัวใจแนบไว้ที่อก)
พี่ชนะพูดจบก็มีเสียงตบมือและเสียงโห่ร้องให้ครื้นเครง พี่ชนะเลยโค้งคำนับก่อนที่ดีดกี่ตาร์คีสูง 1 ครั้ง
และแล้วพี่ชนะก็ดีดกีตาร์ โดยที่วุฒิยังไม่ร้อง แต่นั่งลงบนเก้าอี้ที่พีธีกรเมื่อกี้ยกจากหลังเวทีมาให้
[พี่วุฒิ :
.........................................................ยอมก็ยอมไม่มีอะไรจะแก้ตัว .............................^
^
เพลงEพี่วุฒิร้องเจ้าค่ะ ต้องกดฟังนะเจ้าค่ะ(มีปัญญาทำได้แค่นี้แหละค่ะ ว่าจะใส่เพลงแบบอื่นแล้ว แต่ไม่สามารถ)
(พอพี่วุฒิร้อง คนทั้งร้านก็ปราบมือครับ)
ยอมก็ยอม ไม่มีอะไรจะแก้ตัว
ที่ใจน่ะกลัวว่าเธอจะไปมีใคร
อันที่จริงกับเธอก็อยากจะไว้ใจ
แต่ใจอีกใจ ก็คอยแต่แอบสงสัย
รู้ตัวดีมันน่าเบื่อ ที่ฉันไม่ยอมจะเชื่อใจ
แต่ทำยังไงก็ยังไม่หาย
ก็คำว่ารักนั้นทำฉันบ้า
แค่อยากได้ยินเสียงของเธอโทรมา
และอยากจะใช้เวลาดีๆแค่เพียงกับเธอ
ถ้าหากไม่รักก็คงไม่บ้า ถ้าไม่โทรหาไม่คิดจะเจอ
ก็ใจมันรักมันหลงแต่เธอ ให้ทำยังไง
(มีผู้หญิงเอาดอกไม้ไปให้พี่วุฒิด้วยครับ ไม่ใช่คนเดียวแต่ถึง 3 คน พี่แบงค์เลยยื่นดอกกุหลาบที่อยู่แจกันแก้วบนโต๊ะให้ผม แล้วบอกเอาไปให้พี่วุฒิ แต่ผมส่ายหน้า บอกว่าไม่ไป)
ก็คำว่ารักนั้นทำฉันบ้า
แค่อยากได้ยินเสียงของเธอโทรมา
และอยากจะใช้เวลาดีๆแค่เพียงกับเธอ
ถ้าหากไม่รักก็คงไม่บ้า ถ้าไม่โทรหาไม่คิดจะเจอ
ก็ใจมันรักมันหลงแต่เธอ ให้ทำยังไง ….
แล้วเพลงพี่วุฒิก็ร้องจบลง คนตบมือให้ดังกว่าครั้งแรกมาก ทั้งพี่วุฒิและพี่ชนะเดินลงมาโดยพี่ชนะโบกมือบายๆตามหลัง
ผมหันหน้าจากเวทีมายังอาหารบนโต๊ะและกินต่อ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าตลอดเวลาที่พี่วุฒิร้อง พี่วุฒิเอาแต่จ้องผมตลอดเวลา...
“จุม”
“ ครับ”
“ งั้นพี่ให้” พี่แบงค์บอกพร้อมยื่นดอกไม้ดอกเมื่อกี้ที่บอกให้ผมเอาไปให้พี่วุฒิให้ผม
“ ...ให้ผม?”
“ ......................” พี่แบงค์พยักหน้า ผมรับมาอย่างงงๆว่าให้ผมทำไม
พี่วุฒิและพี่ชนะเดินมาถึงโต๊ะแล้ว
“ เป็นไงว่ะแบงค์ ซึ้งไหมที่เพื่อนร้องเพลงให้” พี่ชนะถาม พร้อมยกแก้วน้ำขึ้นกินเกือบหมดแก้ว
“ จะไม่ซึ้งก็ตรงที่มรึงถามและเลือกเพลงนี้แหละ ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับความโสดตรงไหน?” พี่แบงค์ว่า
“ สาดดดดดดดดดดดดกรูอุตสาห์”
“ ไปเอาดอกไม้เขาทำไม อยากได้ ทำไมไม่บอก!” พี่วุฒิว่าดึงดอกไม้จากมือผมไปใส่แจกันไว้เหมือนเดิม ผมสบตากับพี่แบงค์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่บอกพี่วุฒิว่า พี่แบงค์ให้
“ เอานี่ เดี๋ยววันหลังซื้อให้ใหม่” พี่วุฒิว่ายื่นดอกไม้ 5 ดอกให้ผม เป็นดอกไม้ที่ได้รับตอนอยู่ในเวทีเมื่อกี้ ซึ่งมันก็เป็นดอกไม้ในแจกันเหมือนกัน แต่ผมก็รับมา
“ ไม่ต้องหรอกครับ”
“ กรูจะซื้อ มรึงจะทำไม ไม่อยากได้ก็ต้องเอา เอาไปทิ้งล่ะน่าดู” พี่วุฒิว่าตักไก่ทอดใส่จานผม ไม่แค่นั้น ยังตักไข่ทอดวุ่นเส้นใส่จานผมเพิ่มอีกทั้งที่ในจานผมยังมีอื่นๆอีกเพียบ
“ พี่ไม่ต้องเพิ่มแล้วนะครับ ผมจะอิ่มแล้ว” ผมบอก แต่ความจริงผมอิ่มแล้วต่างหาก
“ กรูจะให้มรึงอีก และมรึงต้องกินให้หมดด้วย กรูอยากกอดคนไม่ใช่กระดูก!” พี่วุฒิบอกหันมาจ้องหน้าผม พร้อมทั้งขู่ทางสายตา
คำว่ากอดทำให้ผมอายจนหน้าอุ่นขึ้น
“ ผม จะอิ่มแล้ว”
“ อิ่มแล้วไง!” พี่วุฒิพูดแล้วยกจานไก้ทอดตะไคร้ขึ้นมาก่อนที่จะเทลงบนจานข้าวผมจนหมด
“ ......กิน.....ให้หมด!............” ถ้าให้ผมกินหมด ผมคงต้องอ้วกแน่ๆในจานก็ไม่ใช่น้อยๆ
“ ..............วุฒิ กรูรู้ว่ามรึงหวังดี แต่น้องเขา....”
“ ขอร้องแบงค์ อย่ายุ่ง” พี่วุฒิพูดไม่ได้หันหน้าไป เพราะเอาแต่จ้องหน้าผม
“....................................”
“ กิน!” พี่วุฒิสั่งเสียงแข็ง ผมหันกลับมามองจานข้าวที่มีกับข้าวกองพูน แล้วลงมือกินเงียบๆ
“ จุม ถ้ากินไม่หมดก็ไม่ต้องกิน ไอ้วุฒิมันเห็นจุมผอมเลยอยากกินเยอะๆก็เท่านั้นแหละ” พี่ชนะว่าเอาช้อนตักไก่ทอดจากจานผมไป 4 ชิ้น
“ ไอ้ชนะนี่มรึงแย่งไก่เมียกรู!”
“ ก็มรึงเล่นเทหมด แล้วมรึงจะได้กรูกินอะไรล่ะ?” พี่ชนะว่าหน้าเฉยเคี้ยวในปากแล้วยักไหล่ ตอนที่พี่ชนะและพี่วุฒิต่อล้อต่อเถียง พี่แบงค์ก็ตักไก่ในจานผมไปหลายชิ้น
“ มรึงก็เหมือนกัน ไอ้แบงค์หยุดเลย เซี้ยนะพวกมรึงอยากกินก็สั่งเพิ่มสิวะ”
“ น้องเขากินไม่หมดหรอก ตอนที่พวกมรึง 2 คนขึ้นไปร้องเพลง จุมก็กินเยอะแล้ว กินหมดนี่ได้ท้องได้แตกตาย” พี่แบงค์พูด ผมคิดว่าผมคงไม่ท้องแตกหรอกแต่จะอ้วกมากกว่า
“ กินบ้าอะไร ข้าวไม่พร่องสักเม็ด” พี่วุฒิว่า พี่ชนะเลยตอบว่า ‘มรึงลองนับดูแล้วเหรอ’ แต่พี่วุฒิไม่ได้สนใจ
“ จะให้กินข้าวได้ไง แค่กับข้าวก็พูนจานจนกินแค่กับข้าวก็อิ่มจนจะอ้วก ทั้งกรู ทั้งมรึง ทั้งไอ้-นะที่พากันตักให้ไม่ยั้งมือก่อนหน้านี้” พี่แบงค์พูดช่วยผม
“ ก็ได้ ด็ได้ พูดช่วยมันอยู่ได้ กินหมดแค่ในจานก็พอ”
“ ไม่ใช่เว้ยไอ้วุฒิต้องพูดว่า กินแค่อิ่ม ไม่ต้องฝืน” (พี่ชนะ)
“ หมดในจาน” พี่วุฒิหันมาพูดกับผม ผมพยักหน้าตอบตักข้าวกินต่อไป และพยายามตักให้คำใหญ่ที่สุดจะได้หมดเร็วๆ
“ ..............................”
“ จุมเพลงเพราะไหม?” พี่ชนะถาม ผมพยักหน้าตอบเพราะข้าวเต็มปาก คงด้วยเสียงพี่วุฒิเพราะอยู่แล้วด้วย
“ หมายความก็ดีด้วยใช่ไหม?” พี่ชนะถามต่อ ผมก็ได้พยักหน้า อยากตั้งใจกินข้าวให้หมดมากว่า ก่อนที่จะกินไม่ลง
พรึ่บ!
!?
ขณะที่ผมกำลังกิน พี่แบงค์ก็เอาจานข้าวผมออกไป
“ อิ่มก็พอ ไม่ต้องฝืน”
“ ไอ้แบงค์!”
“ ....วุฒิ ข้าวมีไว้กิน ไม่ได้ไว้ทรมานคน” พี่แบงค์ว่า แล้วโบกมือเรียกพนักงานเสริ์ฟให้มาเอาจานข้าวผมไปเก็บ
“ .............................” พี่วุฒิไม่ตอบวางช้อนกับจานเสียงดัง คงจะไม่กินต่อแล้ว เพราะก่อนที่พนักงานเสริ์ฟคนดังกล่าวจะกลับพี่วุฒิก็ให้เอาจานพี่วุฒิไปด้วย
“ เออ..คือว่าอิ่มกันแล้วไปไหน ต่อ.....”
“ .........................” ไม่มีใครตอบ พี่วุฒินั่งเฉยๆ พี่แบงค์กินต่อเงียบๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ เอ้ยวันนี้วันดีนะ..... อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิว่ะ” พี่ชนะพูดพร้อมตบไหล่ ทั้งพี่วุฒิและพี่แบงค์ พี่วุฒิปัดมือพี่ชนะออก ในขณะที่พี่แบงค์กินข้าวเงียบๆเหมือนเดิม
“ งั้นไปแดกเหล้าเคล้านารี หรือบุรุษตามสะดวกกัน แต่ไอ้วุฒิมันมีเมียแล้วแค่แดกเหล้าก็พอ” พี่ชนะชวนเสียงครื้นเครงเกินปกติ
“ ก็ดี...” พี่วุฒิและพี่แบงค์พูดพร้อมกัน พี่แบงค์เงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะยิ้มที่มุมปาก เหมือนคำพูดเมื่อกี้ มันขจัดความรู้สึกเมื่อกี้หมดไป
“ ก็ดี ก็ดี งั้นรีบแดกข้าวกัน” พี่ชนะพูดแต่วางช้อนแล้ว พี่แบงค์เองก็เช่นกัน สุดท้ายพี่ชนะก็เรียกเช็ดบิล เพราะไม่มีใครกินแล้ว
“ ไปที่เดิมป่ะ?” (พี่ชนะ)
“ เออ ที่เดิมก็ดี “ (พี่วุฒิ)
“แล้วจุมไปด้วยป่ะ?” พี่ชนะถาม หันมามองผม
“ พรุ่งนี้มันต้องไปโรงเรียน ไปไม่ได้หรอก”
“ มีเรียน หรือมรึงหวง” พี่ชนะว่า สายตาคมๆพี่วุฒิตวัดไปหาพี่ชนะ ทว่าพี่ชนะหันไปมองสาวที่เดินผ่าน ผมเห็นแล้วยังขนลุกแทน
“ งั้นมรึงจะไปส่งจุมก่อนใช่ป่ะ ถ้างั้นไปรวมกับพวกกรูที่ผับเลยแล้วกัน?” พี่แบงค์ถาม
“ งั้นแหละ”
“ ...........................”
พี่แบงค์จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พวกผมก็ออกมา พี่ชนะไปกับพี่แบงค์ ส่วนพี่วุฒิไปส่งผมที่คอนโด
มาถึงคอนโดพี่วุฒิก็ตามผมขึ้นไปบนห้องด้วย ผมนึกว่าจะมาส่งผมที่คอนโดแล้วไปเลยเสียอีก
“ ใครมาเคาะประตูไม่ต้องเปิด นอกจากกรู” พี่วุฒิสั่ง
“ครับ”
“ ห้ามมรึงออกไปไหน และถ้ามรึงมีอะไรต้องโทรหากรู”
“ครับ” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็ก แล้วพ่อกับแม่ก็กำลังจะออกไปข้างนอก
เมื่อสั่งผมเรียบร้อยแล้วพี่วุฒิก็เดินไปที่ประตู แต่แล้วก็เดินกลับมาอีก
“ มีอะไรครับ”
“ หอมแก้มกรูดิ”
“ !?... ทำไมครับ”
“ ไม่ต้องถาม กรูบอกให้ทำก็ทำ” พี่วุฒิพูดเสียงห้วน เดินมาหยุดตรงหน้าแล้วเอียงหน้าลงมา
ตัวผมร้อนมากๆเลยครับ ร้อนวูบวาบจนตาลาย
“ เร็วๆ”พี่วุฒิเร่งเสียงเข้ม ร่างกายผมก็ปฏิบัติตามอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว และมันไม่เหมือนหอมแก้มแต่เหมือนเอาหน้าผมไปชนกับแก้มพี่วุฒิกว่า
“ อย่ารุนแรงดิ แก้มกรูช้ำหมด” พี่วุฒิว่ายิ้มแปลกๆ ผมเขินครับ “ ขอโทษครับ”
“ จะยกโทษให้ก็ได้ แต่ว่ามีข้อแม้....” ผมเงยหน้าขึ้นฟังว่าข้อแม้นั่นคืออะไร
“ มรึงต้องให้กรูหอมคืน”
“....0.0......” ผมตกใจครับ แต่พอพี่วุฒิโน้มหน้าลงมาก็หลับตาลง ริมฝีปากพี่วุฒิสัมผัสแก้มผมแม้บางเบาแต่มันก็ทำให้ร่างผมสะท้านได้
นุ่มนวล…..
“ .............................”
ผมรับรู้แล้วว่าริมฝีปากพี่วุฒิห่างจากแก้มไปแล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น นั่นมันพอดีกับที่พี่วุฒิปิดประตูออกไป
ประตูห้องปิดไปแล้ว แต่ผมยังมองค้างอยู่และมือผมก็จับแก้มที่ยังเหลือรอยสัมผัสจากพี่วุฒิ
“ ..................................”
ผมยิ้ม และวิ่งไปเอาหัวหมุดหมอนในห้องคนเดียว
พี่ครับ......ผมรู้สึกดีจัง
******************
วันนี้มาซะบ่ายเลยเจ้าค่ะ
ก็เมื่อวานดันอัพน้องจุมไม่มีการทำกงทำงาน วันนี้เลยนั่งปั่นไฟลุกจนกระทั่งเมื่อกี้ (ฮา)