บุพเพวายร้าย(สอง)
40
ผมแต่งตัวหล่อออกมานอกห้อง(นอน) ไอ้แบงค์ก็ไม่อยู่แล้ว ผมคาดว่าไอ้แบงค์คงกลับไปแล้ว น่าจะรอออกไปพร้อมกันผมคิดแบบนั้น
ผมเลยโทรไอ้แบงค์ ขณะที่กำลังใส่ถุงเท้า
“ ฮัลโหล ทำไมไม่รออกกรู” ผมว่าออกเสียงตำหนินิดหน่อย ก็มันจริง อย่างน้อยผมกับไอ้แบงค์ก็จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น
“ จะมาว่ากรูทำไม ไม่รีบไปหาจักรล่ะ? กรูรู้สึกว่าน้องเขาคงกำลังงอนมรึงอยู่”
“เหรอ?”ผมก็คิดแบบนั้น
“ อืม” ไอ้แบงค์ตอบ ผมรู้สึกจุกครับ มันเหมือนมีความแน่นที่กำลังมากขึ้นเรื่อยๆ
“…………..” (ผม)
“……………………....”( ไอ้แบงค์ )
“ แบงค์ มรึงไม่เจ็บหรือทรมานมากเหรอที่กรูกำลังจะไปหาจักร” ผมแค่อยากรู้
“ ทรมาน แต่กรูยอมเพราะอย่างน้อย มรึงก็รู้ว่ากรูรักมรึง กรูมีตัวตน แค่นี้กก็พอ ”
“ แบงค์” (เสียงเครือ)
“ อย่าคิดมากเรื่องกรู บอกแล้วไงว่ากรูจะอยู่ในที่ที่กรูควรอยู่”
“ กรูรักมรึงนะ”ผมบอก
“ กรูก็รักมรึง” ไอ้แบงค์บอกกลับ
“………….ขอโทษ…..” ขอโทษที่กรูไม่ได้รักมรึงคนเดียว
“……………………....”( ไอ้แบงค์ )
“ ขอโทษที่กรูรักจักรด้วย ขอโทษที่กรูรั้งมรึงเอาไว้” เพราะมรึงเป็นคนดีเกินไป มรึงถึงยอมรับให้กรูรักคนอื่นได้ มหาสมุทรที่ว่ากว้างใหญ่แล้ว ก็ยังไม่ใหญ่เท่าใจมรึง
“พอเถอะชนะ แค่เราเข้าใจกันก็พอ” คนอย่างมรึงทำไมถึงได้มารักคนหลายใจอย่างกรูได้ กรูโชคดีใช่ไหม?
“ อืม แค่เราเข้าใจกันก็พอ”(ผม)
“……………………....”ไอ้แบงค์วางสายไปก่อน ผมใส่รองเท้าอีกข้างจนเสร็จ
เราเข้ากันก็พอ เรา 3 คน ผมอยากให้เป็นแบบนั้น
ผมโทรหาจักรเมื่อเลี้ยวเข้าซอยบ้านน้องเขา
-หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อในขณะนี้ ……..- ผมลองโทรอีกครั้งก็ติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม สงสัยแบตจะหมด ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ถึงบ้านจักรแล้ว
ผมจอดรถหน้าบ้านจักร แล้วกดกริ้ง ไม่นานชมพู(น้องสาวจักร)ก็ออกมาเปิดประตูให้
“ พี่ชนะพี่จักรไม่อยู่” ชมพูบอกขณะที่เปิดประตูรั้วให้ผม
ไม่อยู่!?
“ ไปไหนรู้ไหม?” ผมถาม
“ ไปดูหนังกับพี่สิทธิ์” ชมพูบอก ผมกดโทรศัพท์โทรหาจักรอีกครั้ง
-หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อในขณะนี้ ……..- จักรจงใจปิดเครื่อง!?
“ ชมพูขอบใจ งั้นพี่กลับล่ะ” ผมบอกรีบเข้าไปในรถ ก่อนหน้านี้ผมโทรมาก็ไม่รับ แล้วตอนนี้ยังปิดเครื่อง เหมือนตั้งใจจะไม่ให้ผมติดต่อได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
มานึกดูแล้ว จักรแปลกไปตั้งแต่ที่คอนโดเมื่อวาน ?? ผมคิดสาเหตุไม่ออก
แล้วตอนนี้ผมจะติดต่อจักรได้ยังไง เรื่องค่าใจผมจริงๆ ตอนนี้อยากเจอจักรมาก ไม่อยากไปให้เรื่องคารังคาชังเดี๋ยวจะไปกันใหญ่
ผมขับรถกลับคอนโดไปได้ครึ่งทางก่อนที่จะตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า ผมโทรหาพ่อบอกล่วงหน้าจะได้ไม่ตกใจ ที่ลูกชายสุดที่รักกลับบ้านโดยไม่สั่ง
“ ฮัลโหล พ่อจะกลับบ้านนะเนี่ย”
“ กลับบ้าน เออดีอยากเห็นพอดี อยากรู้ว่าเป็นไงบ้าง พอหายไข้แล้วเผ่นแน่บออกจากบ้านยังกะเป็นคุก”
“ ฮ่าๆ ก็อยู่บ้านมันไม่หนุกดิพ่อ” ผมว่ามองสัญญาณไปจรารจรที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและสีเขียวต่อจากนั้น
“ กลับบ้านได้ มีเรื่องมาอีกอะดิ” พ่อผมใช้คำพูดได้อ่อนกว่าอายุจริงหลายสิบ สงสัยจะติดมาจากน้องๆหนูๆที่พ่อดูแลอยู่ และก็รู้มากซะด้วย
“ โธ่ พ่อลูกชายกลับบ้านทั้งที คิดถึงพ่อคิดถึงพี่”
“ ให้มันจริงเถอะ แล้วจะมาเมื่อไร”
“ขับกลับจะถึงแล้วเนี่ย” ผมบอก ในใจยังคิดเรื่องจักร
มันยังไงกันเนี่ย เฮ่อ กลุ้ม
“ เอ่อ งั้นซื้อหอยจ้อซอย3มาให้พ่อด้วย”
“ ให้ใครออกมาซื้อดิ ทำไมต้องใช้ลูกซื้อด้วย ให้พี่ลองมาซื้อแล้วกัน” ผมบอก(พี่ลองคือคนขับรถ)
“ แกก็ผ่าน ซื้อมาดีแล้ว จะให้ใครออกไปซื้อทำไมเปลื้องน้ำมัน”
“ เออ เออ” ผมว่าตัดบท
ใกล้จะถึงร้านหอยจ้อผมก็มองไหล่ทางข้างขวา มองร้านจอยจ้อที่ว่านั่นแหละครับ เป็นร้านแผงที่สำหรับซื้อกลับบ้าน มีคนซื้ออยู่ 2 คน ครั้นผมจะจอดรถซื้อติดฟุตบาทก็ไม่ได้ครับ มีรถต่อตูดอยู่ด้วยหลายคัน ผมต้องเลี้ยวเข้าซอย เหมือนทุกครั้งก่อนที่เดินออกมามาซื้อ
“ เอาหอยจ้อ 5 เส้นครับ” ผมบอกเจ้ ขณะที่รอก็หันหน้าไปมองรอบๆตัวฆ่าเวลาไปในตัว
พ่อผมชอบหอยจ้อร้านนี้มากครับ ทั้งที่ผมก็คิดว่าก็ไม่ได้แตกกต่างจากร้านอื่นเท่าไร พูดถึงความอร่อยแล้วก็อร่อยครับ ( ตรงข้ามถนน 4 เลน เป็นโรงหนังMA)
ผมก็มองไปเรื่อยๆ แต่ผมว่าผมเห็นจักรครับ
จักรจริงๆครับเพิ่งลงจากแท็กซี่กับซีซี่ด้วย
“ เจ้ เดี๋ยวผมมาเอา” ผมบอกวิ่งลงถนนที่รถติดไฟแดงเป็นพืดผ่านเกาะกลางถนนก่อนที่หยุดรอรถอีกฝั่งที่ยังเป็นไฟเขียว พอรถห่างๆผมก็วิ่งข้ามทันทีโดยไม่รอไฟแดง
จักรและซีซี่หายไปแล้ว ผมวิ่งตามเข้าไป หา พลันก็มองไปเห็นจักรและซีซี่เดินเข้าไปหาผู้ชาย 2 คนที่ก็เดินมา
ผู้ชายคนตัวขาวมาก ผมนึกถึงไอ้วุฒิ และะอีกคนผิวขาวเหลือง ผมคิดจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ไม่ผมอยากรู้ว่าจักรมาที่นี่ทำไม? ทั้งยังไม่รับโทรศัพท์ผมอีก
พวกเขา 4 คนคุยกันนิดหน่อย ก่อนที่เดินไปด้วยกัน คนตัวขาวเดินข้างๆซีซี่ดูจากท่าทางคงไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดา อีกคนเดินข้างๆจักร ในสายตาดูเป็นคู่ๆที่จัดอย่างลงตัว
ผมเดินตามไปห่างๆ จนจักรและคนอื่นๆเดินเข้าไปร้านอาหารญี่ปุ่นจำพวกบุพเฟ่ ผมไม่ลังเลที่จะตามเข้าไป
“ กี่ที่คะ?” พนักงานต้อนรับหน้าร้านถาม
“ หนึ่งทีครับ” ผมบอก และบอกอีกว่า “ ขอที่มุมตรงนั้นได้ไหมครับ?” ผมถาม เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังลุก พนักงานต้อนรับหันไป ก่อนที่จะหันกลับมา
“ ได้ค่ะ แต่ต้องรอสักครู่นะคะ เพราะต้องเคลีย์โต๊ะก่อน”(ยิ้ม)
“ ครับ” ผมบอกก่อนที่จะหลบฉากหน้าร้าน เหมือนเห็นจักรมองออกมา
ผมรอไม่ถึง5 นาทีก็ได้โต๊ะ ผมเดินไปนั่ง หางตามองโต๊ะจักรที่อยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน ผู้ชาย 2 คนที่มาด้วยกำลังลุกเดินมาตักอาหารกลางร้าน
“ รับน้ำดีอะไรครับ?” พนักงานเสริ์ฟถาม ผมเงยหน้ามอง
“ น้ำเปล่าขวด” ผมบอก แล้วกดโทรศัพท์หาจักร
-หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อในขณะนี้ ……..- เหมือนเดิมจักรปิดเครื่อง
“……………………....” ผมหงุดหงิดมาก เหมือนจักรตั้งใจที่จะไม่ให้ผมติดต่อได้ ในขณะที่ผมเอาแต่คิดว่าจักรเป็นอะไร จักรกลับมากินข้าวสบายใจเฉิบ
ผมดูออกมาว่าผู้ชายอีกคนสนใจจักร...
ผมก้มลงหลบๆ เมื่อจักรและซีซี่ลุกจากโต๊ะมาตักอาหารบ้าง ผมทนไม่ไหว อยากจะคุยกับจักนเลยลุกไปหา
จักรกำลังก้มมองดูถาดซูซิเลือกหน้า ผมเดินเข้าไปหา
“ จักร” ผมว่า น้องเขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าตกใจที่เห็นผม ผมรู้สึกไม่ดีมากเพราะมันเหมือนกับว่าจักรกำลังทำปิดปังอะไรผม หรือทำอะไรผิด ถ้าไม่งั้นจะตกใจทำไม
“ พี่ชนะ?!”
“ จักร” (ซีซี่)เดินมาหาพวกผม
“ ทำไมปิดเครื่อง” ผมถาม
“ แล้วเกี่ยวอะไรด้วย” ซีซี่ว่า จับแขนดึงจักรให้เดินตาม
“ จักร” ผมคว้าแขนจักรดึงจักรไว้ไม่ให้เดินหนี ผู้ชายที่จะมาตักอาหารชะงัก พวกผมนิ่ง
"............."
“ กรุณาปล่อยมือด้วยครับ” ซีซี่บอก แต่จักรเงียบผมมองหน้าน้องเขา(จักร)
“ ปล่อย” จักรพูดออกมาในที่สุด ผมยอมปล่อย จักรก็เดินกลับโต๊ะ (ผู้ชาย 2 คนที่มาด้วยยืนขึ้นมองด้วยความเป็นห่วง)
“.............” ผมเดินตามจักรไป ก่อนที่จะพูดว่า
“ ไปนั่งโต๊ะกับพี่ มีเรื่องจะคุยด้วย” ผมบอก
“ ผมจะนั่งตรงนี้” จักรบอกทันทีที่ผมพูดจบ
“ จักร?” ไอ้คนที่สนใจจักรถาม ผมมองมัน
ออกนอกหน้าเชียวนะมรึง นี่เมียกรู!
“ ไม่มีอะไรครับพี่กิจกินเถอะ ผมหิวแล้ว” จักรพูด ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอย่างไงอย่างงั้น
จากที่ผมไม่พอใจตอนนี้เป็นโมโห
“ จักร” ผมเรียก น้องเขายังนิ่งเฉย
“ จักร” ผมเรียกอีก
“ ................ ” จักรคนของที่ต้มในหม้อ ทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย
อย่าให้เหลืออด
“ จักร” ผมเรียกอีก เพิ่มความดังตามจำนวนครั้งที่เรียก
“ จักร?” เป็นซีซี่ที่เรียกชื่อจักร เหมือนถามว่าจะเอายังไง
“ ..................เอากิน กรูให้” จักรว่าคีบลูกชิ้นในถ้วยจักร
“ จักร!” ผมว่าเหลืออด(คาดว่าคนมองกันทั้งร้าน)
จักรวางตะเคียบเสียงดังก่อนที่หันหน้ามาจ้องผม
“ แค่ไปก็จบใช่ไหม?!”
“................”(ผม) จักรจ้องหน้าผม ก่อนที่จะลุกขึ้น
“ จักร จะไปไหน?” ซีซี่ถาม
“ อยากก็ให้ไปก็ไป!” จักรว่าจ้องหน้าผมไม่วาง
“ แต่มรึง..”(ซีซี่)
“ ไม่เป็นไร เรื่องนี้ถ้าไม่ใช่กรู เรื่องมันไม่จบหรอก” จักรว่า ซึ่งผมไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับผม ผมหันกลับไปมองโต๊ะจักรไอ้พี่กิจมองจักรตาละห้อย สมน้ำหน้ามรึง
ผมจับมือจักร และทันทีจักรสะบัดออกแต่พอผมไม่ปล่อยก็หยุด ผมพานั่งไปนั่งโต๊ะผม (เป็นโต๊ะ 2 คนนั่ง จักรนั่งตรงข้ามผม)
“ มีอะไรก็พูดมา ผมหิว” จักรบอกทันทีที่ที่นั่งลง
“ ถ้าหิวก็กินก่อน จะกินอะไรเดี๋ยวพี่ตักมาให้” ผมบอกเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ ผมจะกลับไปกินที่โต๊ะผม” จักรบอกหันหน้าไปด้านนอก ไม่มองหน้าผม ทั้งที่เมื่อกี้จ้องเอาจ้องเอา
“ กินที่ไหนก็เหมือนกันแหละ”
“ ไม่เหมือน!” จักรแย้ง ผมพูดอะไรก็ผิด
“ จัก ร” ผมว่าเสียงวิงวอน
“.............” จักรเงียบ
“ เดี๋ยวพี่ไปตักอาหาร เอาอะไรบอกพี่ได้เลย”
“ ...................”(จักร)
“ งั้นพี่ตักมาหมด แล้วต้องช่วยกินด้วย” ผมบอกลุกขึ้น
“ ไข่หวาน” จักรพูด แล้วก็เงียบเหมือนไม่ได้พูด ผมยิ้มก็น้องเขาท่ามากนี่ครับ
“ครับครับ เดี่ยวพี่เอามาทั้งถาดให้จักรกินคนเดียว” ผมบอก ดีใจที่เห็นจักรเริ่มอ่อนลงแล้ว
ผมเดินผ่านเด็กเสริ์ฟ แล้วบอกสั่งให้เอาน้ำไปให้จักร (ซีซี่มองมาที่โต๊ะผมบ่อยๆ)
“ มาแล้วมาแล้วไข่หวาน สำหรับคนพิเศษ” ผมว่าวางจานซูซิไข่หวานเป็น 10 ชิ้นตรงหน้าจักร และเทของสดจากจานที่ใส่มาจนพูนใส่หม้อ
“.............” จักรเงียบยังไม่กิน ผมออกมาตักอาหารไปอีก 2 3อย่าง กลับมาอีกที ไข่หวานหายไป 2 ชิ้น (ผมนับไว้ครับ มีทั้งหมด 11 ชิ้น นี่เหลือ 9แล้ว)
ผมทำเป็นไม่เห็น เดี๋ยวอีกคนจะอาย
“ ทำไมไม่กินล่ะ พี่อุตสาห์เอามาให้” ผมว่าเชิงน้อยใจ ทั้งที่จักรกินไป2 ชิ้นแล้ว
“ กินก็ได้” จักรว่าเสียงห้วน เอามือหยิบเข้าปาก (ผม^^)
“ โทรศัพท์แบตหมดเหรอ? พี่โทรไปไม่ติด” ผมถามขึ้นลอยๆเหมือนควันจางที่ลอยเหนือหม้อน้ำซุป
“ เปล่า ปิดเครื่อง”
“ ปิดทำไม?”
“ ไม่อยากคุยกับคนที่ไม่อยากคุย”
“ ใคร?” รู้แหละครับว่าคนที่จักรไม่อยากคุยคือผม
“ เพราะ...........” จักรเงยหน้าสบตา
“ ใครน้า~?” ผมแกล้งโง่
“ นั่นสิ ใคร?!” เสียงจักรประชดประชัน ท่าทางเริ่มจะบรรยากาศไม่ดีต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ ใครก็ช่างเถอะนะ” ผมว่าปั้นหน้ายิ้ม แต่ใจมันตุ่มๆต่อมๆแปลกๆ
“ ช่างไม่ได้หรอกครับ เพราะตอนนี้คนที่ไม่อยากคุยนั่งอยู่ตรงหน้าผม” เอาล่ะสิครับ งานเข้าตรงๆเต็มๆไม่อ้อมค้อมกันเลยทีเดียว
“ เหรอ?” ผมหัวเราะแหะๆ จะยิ้มก็ยิ้มก็ยิ้มไม่ได้ จะตีหน้าเศร้าก็เดาเรื่องไม่ถูก
“ จักรโกรธอะไรพี่เหรอ?” ผมถาม
“ ไม่ได้โกรธครับ แต่แค้น” จักรว่า ผมสะดุ้งโหยง แค้นเลยเหรอ? โอ๊ย นี่ผมไปทำอะไรจักรตอนไหนเนี่ย!?
“ ..........” ผมจุกพูดไม่ออก
“ ถ้าไม่มีอะไรจะพูด ผมจะกลับโต๊ะ” จักรบอกจะลุกขึ้น ผมจับมือจักรวางบนโต๊ะ น้องเขาดึงมือกลับไป
“ จักรนั่งนี่แหละ”
“ แค่เสียงผมยังไม่ได้อยากได้ยิน นี่ต้องเห็นหน้า..ผมทนไม่ได้หรอก”
“ จักร โกรธอะไรพี่ ทำไมไม่บอกพี่ ถ้ามีเรื่องอะไรเราจะคุยกันไม่ใช่หรือไง” ผมพูด
“ ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมเข้าใจอะไรดี..แล้ว” จักรว่ายืนขึ้น ผมจับมือจักรแล้วกระตุกให้นั่งลง
จักรไม่นั่งครับ
“ จักร นั่งลง” ผมบอกเสียงดุเล็กน้อย ก็จักรงอนผมเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เจอหน้าก็โยนระเบิดตูมๆ
“ ไม่ครับ”
“ นั่งลง”
“ ผมจะกลับโต๊ะ” จักรบอกไม่ยอมนั่งลง
“ จักร!”“ ...............” จักรหันหน้ามา ตาแดงเหมือนจะร้องไห้..ผมตกใจ!? ไม่รู้ว่าจักรเป็นอะไร
“ จักร”? ( ผมเผลอปล่อยมือ)
“ ...........” จักรก็วิ่งออกร้าน ผมวิ่งตาม น้องพนักงานก็วิ่งตามผม ผมล้วงเงินในกระเป๋าให้ไป 500 สายตาก็มองจักรที่วิ่งหนีไป (เห็นซีซี่วิ่งตามไปติดๆ)
จักรวิ่งออกไปประตูลานจอดรถ
“ จักร!?” ซีซี่เรียก จับแขนจักรไว้
“ จักร”( ผม)
“...........” จักรเงยหน้าขึ้น หายใจเข้าลึกๆ เอามือเช็ดเม็ดน้ำตาที่หางตาลวกๆ
“ ซีซี่ เดี๋ยวกรูกลับก่อน” จักรบอก
“กรูกลับด้วย”
“ ไม่เป็นไร มรึงอยู่ต่อเถอะ ตั๋วหนังพี่เขาซื้อแล้ว” จักรว่า
“ แล้ว...?” ซีซี่หันมามองผม
“ ไม่เป็นไร กรูจัดการเองได้ มรึงก็รู้ว่ากรูเก่ง” จักรบอก ซีซี่หันมามองผมลังเลก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปข้างใน
“ จักร??”
“ ผมอยากคุยกับพี่ให้รู้เรื่อง” จักรบอกจริงจัง
คุยเรื่องอะไร???
“ ...................”(ผมรู้สึกใจคอไม่ดี)
“ ไปคอนโดพี่ก็ได้” จักรบอก
“..............”
ผมพาจักรกลับคอนโด ตลอดทางจักรไม่พูดอะไร จนถึงห้อง
“ พี่ชนะ เรา 2 คนเป็นอะไรกัน?” จักรถาม ( ยืนอยู่แค่กลางห้อง ผมดึงเดินไปนั่งโซฟาก็ไม่ไป)
“จักร?” ผมไม่เข้าใจว่าจักรถามเพื่ออะไร หรือไม่มั่นใจที่ผมบอก
“ ผมอยากได้ยินจากปากพี่อีกครั้ง ผมจะได้ทำตัวถูก” ผมเดินไปหา ก็เดินถอยหลัง
“ เป็นแฟนกัน” ผมตอบ
จักรเป็นเมียพี่ เป็นคนที่พี่รัก
“ งั้น เรา เลิกกัน” จักรบอกจริงจังแม้เสียงจะสั่น ตลอดเวลาที่พูดจ้องหน้าผมตลอด
“..................” ผมอึ้งจนจุก สมองประมวลผมไม่ทันปวดหัวราวกับโดนกระแทกด้วยของแข็ง
เลิกกัน
“ ......................” ดวงตาจักรเริ่มมีน้ำคลออีกครั้ง
“ ...........................” ผมยังพูดไม่ออก ตั้งตัวไม่ทัน และไม่เข้าใจสาเหตุ ไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่
“ หวังว่าพี่คงเข้าใจ และเลิกยุ่งกับผม” จักรบอก พร้อมทั้งหันตัวจะกลับ ผมคว้าแขนจักรไว้
“ นี่มันเรื่องอะไรจักร หรือจักรคิดจะทดสอบอะไรพี่?” ผมถาม
“ ไม่มีเรื่องอะไรมากไปกว่าเรา 2 คนไม่ได้รักกัน และผมไม่ได้คิดจะทดสอบอะไรพี่ เพราะไม่จำเป็น ผมเข้าใจพี่เข้าใจเรื่องทุกอย่างดี”
“ เรื่องอะไร พี่ไม่เห็นจะเข้าใจ” มาบอกว่าเข้าใจแล้วบอกเลิกใครจะไปเข้าใจ
“ พี่รักผมเหรอครับ?” จักรถาม บิดมือให้หลุดจากมือผม
“ ทำไมถามแบบนี้ พี่รักจักร” ผมตอบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เพราะมันคือความจริง คือความรู้สึกของผม
“ รักผม หรือสงสารผม หรือต้องรับผิดชอบเพราะทำร้ายผม” เหมือนคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
“ พี่รักจักรก็คือรัก” ผมย้ำ เรื่องที่ผมทำร้ายจักร ข่มขืนจักรเพราะเข้าใจผิด มันคนละเรื่องกับคำว่า รัก มีวิธีร้อยแปดที่ผมจะรับผิดชอบจักร แต่ไม่ใช่วิธีนี้แน่นอน เรื่องอะไรที่ผมจะเอาห่วงมาผูกคอตัวเอง
“ ไม่ใช่หรอกครับ” จักรส่ายหน้า
“
ใช่! พี่รักจักร” ผมบอกอีก ทำไมถึงไม่เชื่อ!
“ อย่าโกหกผมอีกเลยครับ อย่าทำให้ผมดีใจ ทั้งที่มันไม่จริง!” น้ำตาจักรอาบแก้มลงมา
“ มันคือความจริงจักร พี่รักเรา” ผมบอกกระชากตัวน้องเขามากอดไว้ จักรพยามยามหนี ผมก็ยิ่งกอดแน่น
“ .........ปล่อย
ปล่อยผม!”“พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้จักรคิดแบบนั้น จักรฟังพี่นะ พี่รักเรา อยากอยู่กับเรา อยากดูแลเรานี่คือความจริง พี่รู้ว่าคำพูดพี่อาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่จักรค่อยดูไปเรื่อยๆว่าพี่พูดจริงไหม” ผมบอก
“ อย่าต้องให้ผมพูดเลยว่าความจริงคืออะไร ปล่อยผมเถอะ ผมจะกลับบ้าน”
จักรพูดยังไงก็ไม่เข้าใจ
“ พี่ไม่ให้กลับจนกว่าจักรจะเข้าใจ” ผมบอก
“.................”
กริ้งๆ
กริ้งๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมส่งเสียงดังลั่นในห้องที่ตอนนี้เงียบกริบ
ผมปล่อยให้มันร้อง คิดว่าเดี๋ยวดังหายไปเอง คนโทรมาก็รู้เองแหละว่าครั้ง 2 ครั้งไม่รับก็ควรจะหยุดโทร( มืออีกข้างยังกอดจักร แต่น้องเขาก็ดิ้นหลุด)
กริ้งๆ แต่ก็ดังไม่หยุด ผมเลยรับโทรศัพท์ พ่อผมโทรมา ผมเองก็ลืมไปสนิททั้งเรื่องหอยจ้อด้วย
“ ชนะแกถึงไหนแล้ว?” พ่อถาม
“ พ่อตอนนี้ติดธุระด่วน เอาไว้แค่นี้ก่อนนะ วันนี้ไม่ได้กลับ” ผมบอกและวางทันที เพราะจักรกำลังจับลูกบิดเปิดประตู
ผมกระชากตัวกลับเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะปิดประตูไว้พร้อมทั้งยืนขว้างประตูไว้
“ พี่ไม่ให้กลับ” ผมบอก
“ จะกลับ!”“ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมบอกอีก
“ ไม่มีเรื่องจะคุย เราเลิกกันแล้ว”
“ยังไม่เลิก” ผมหน้าด้านตอบ
“
นั่นมันก็เรื่องของพี่! ออกไป !! ผมจะกลับบ้าน!” จักรดันตัวผมที่ยืนขวางทาง
“ ........................ ไม่ให้กลับ!!” ผมก็เสียงดังกลับไป
“ พี่ไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม ชีวิตเป็นของผม ผมจะทำในสิ่งที่ผมต้องการ!” จักรตะคอก
“พี่ไม่มีสิทธิ์เหรอ?” ผมเดินไปหาจักร น้องเขาเดินถอย มองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาทางหนี
“ จะทำอะไร!?” เสียงถามสั่นดูก็รู้ว่ากลัว
“................หึ” ผมยิ้มไม่ตอบ ไม่ได้คิดจะทำอะไรแค่อยากขู่ให้กลัวอยากให้คุยกันดีๆ ใครจะอยากทำร้ายคนที่ตัวเองรัก
“ ถามว่าจะทำอะไร!!?” จักรว่าเสียงสั่นมากขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าจะดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
“ ทำอะไรล่ะ? ที่ผัวๆเมียๆเขาทำกัน” ผมว่า เดินเข้าหาจักรก้าวต่อก้าวอีกคนถอยหลังไป
“ อย่าคิดอะไรบ้าๆนะ!!”
“ ไม่คิดก็ได้ แต่จะยอมคุยกับพี่ดีๆไหม?”
“ ไม่คุย!” ตอบทันที
“ งั้น...............” ผมส่งสายตาโลมเลียอีกฝ่าย
“ ไอ้ทุเรศ!”“ หรือว่าที่จักรโมโหพี่ เพราะเมื่อคืนพี่ไม่ได้ทำไร?”
“ เอาส้นตรีนคิดหรือไง
คิดได้แต่เรื่องเดียว!”“
ก็พี่ไม่รู้ว่าจักรเข้าใจของจักร อยู่ดีๆก็มาบอกพี่บอกว่าเข้าใจแล้ว เข้าใจว่าพี่ไม่รัก เข้าใจบ้าอะไร พี่ไม่เข้าใจได้ยินไหม?!!” ผมตะคอกระเบิดระเบิดอารมณ์ มือผมจับไหล่จักรเขย่า
มันเรื่องห่าอะไร!!??วะ
“ ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ พี่จะให้ผมพูดเพื่อตอกย้ำตัวเองหรือไง ผมไม่พูดไม่ทำ!” ตาจักรทั้งแดงและใต้ตาเริ่มบวม เพราะน้ำตาที่ไหลเหมือนเปิดก๊อก
“ พูดมา!!!”พูดมาสิ มันเรื่องะไร
“ ไม่ มี ทาง ผม ไม่ พูด พี่ ไม่ รู้ สะ ใจ ดี” จักรเน้นที่ละคำ แล้วยิ้ม( น้ำตาไหลไม่หยุด)
“ จักร!?” ผมว่า บีบไหล่จักรเต็มแรง จักรหน้าเหยเพราะเจ็บแต่ไม่ปริปาก
“ .................................”
จักร จะให้พี่เป็นอะไร จะต้องพี่เป็นคนเลวใช่ไหม? ถึงจะพอใจ...... น้ำตาผมไม่ได้ไหลพรากเต็มหน้า แต่มันไหลอาบหัวใจจนเปียก
“ ................ ปล่อยผมได้หรือยัง?ผมจะได้กลับ” จักรถามไม่ไหวติ่ง ไม่ดิ้นรน จงใจจะให้ผมปล่อยมือเอง
“ พี่จะถามจักรครั้งสุดท้าย.............................เรื่องอะไรที่จักรเข้าใจทำให้เลิกกับพี่?” ผมจ้องถามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาแดงก่ำ
“ ............................” จักรเงียบกัดริมฝีปากล่างจนดูเหมือนจะห้อเลือด
“ จักรไม่พูด ก็ช่างพี่ไม่สนใจแล้ว พี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ช่าง แต่พี่ไม่เลิก”
“ พี่ไม่เลิกก็ช่างแต่สำหรับผม
เราขาดกัน!”“ ไม่มีทาง จักรก็เป็นเมียพี่” ผมบอก ดึงแขนจักรเข้ามา
“ ในขณะที่พี่เป็นเมียคนอื่นใช่ไหม!?”
“ จักร?!” ผมตกใจที่จักรพูดแบบนี้ หมายความว่า...
“ ตกใจละซี่” ว่าลากเสียงยาว พร้อมทั้งยิ้มหยัน
“ ................” ผมพูดไม่ออก แต่คิดว่าจักรไม่รู้เรื่องผมกับไอ้แบงค์
“ คิดว่าผมโง่จนไม่รู้ไม่เห็น เรื่องพี่กับพี่แบงค์หรือครับ ผมโง่ขนาดนั้นเลยเหรอในสายตาพี่”
“..............” ผมไม่คิดว่าจักรจะรู้
มือไม้อ่อนแรง จนจักรสะมือผมหลุดจนได้
“ หน้าตาบอกว่าไม่คิดว่าผมจะรู้ ซ็อคล่ะสิท่า” จักรว่าท่าทางสะใจ แต่ไม่ยิ้ม
“ .................จักร”( เสียงผมเบา)
“ รู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมถึงต้องเลิกกับพี่ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็เพราะแบบนี้ไง พี่ไม่ได้รักผม พี่สงสารผมเพราะพี่ทำร้ายผมมาก่อน พอเถอะครับผมเข้าใจ ผมไม่โกรธพี่หรอก อย่ามาตามตอแยผมอีกเลย เพราะพี่กำลังทำร้ายผม ทำร้ายหัวใจยิ่งกว่าที่พี่เคยทำ” จักรพูด ไม่มีท่าทางเยาะเย้ยผมอีกแล้ว มีแต่สีหน้าที่เจ็บปวดและเสียงที่แผ่วลงเรื่อยๆ
“ ผมจะไม่ลืมว่าเรื่องเคยมีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน ปล่อยความทรงจำไว้แค่นี้เถอะ” จักรบอกเดินจะไปประตู ผมรีบวิ่งเข้ากอดจักรจากด้านหลัง ผมต้องรั้งจักรไว้ ไม่งั้นผมสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป
“ จักรพี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”“ ไม่ต้องขอโทษครับ ผมไม่ โกรธ........
แล้ว”“ ถึงพี่จะรักไอ้แบงค์ แต่พี่ก็รักด้วย พี่รักจักร” ผมบอกกอดจักรแน่น แน่นเท่าที่จะแน่นได้
“ รักคน 2 คนพร้อมกัน เป็นไปได้เหรอครับ” จักรไม่ได้ขัดขืนหรือเดินต่อ
“ พี่รักจักรก็รักไอ้แบงค์”
“ แต่ไม่เท่ากันใช่ไหมครับ พี่ต้องรักคนใดหนึ่งที่มากกว่า”
* * *
วันอาทิตย์16 มีต่อด้วยละเน้อ อย่ากระพริบตา =^^~