
มาอ่านๆๆ หุหุ มาต่อให้ในวันสบายๆครับ
กีตาร์ ตัวแม่ ตอนที่ 23/3
พี่จัสกับพี่โพธิ์เขม่นกันรุนแรงมาก ผมได้แต่ดูเขาสองคนนิ่งๆ
“ ทำไมพูดไม่มีมารยาทเลยล่ะคุณ ” พี่โพธิ์หัวเราะใส่พี่จัส
“ คุณมากกว่าที่หาว่าคนอื่นไม่มีมารยาท คุณคว้าแขนคนอื่นแบบนี้มารยาทดีจริงๆนะ ” นี่ถ้ากูเป็นผู้หญิง คนข้างๆคงจะมองกันหมดอะ
“ อย่าผิดใจกันนะครับ พี่จัสไปเหอะ ” ผมเลือกกล่อมพี่จัสก่อน เพราะผมไม่ค่อยรู้จักพี่โพธิ์ ไม่รู้อารมณ์เขาเป็นแบบไหน
“ ก็ได้ ... ต่อไปอย่ามากับคนนี้อีกล่ะ ”
“ พูดเหมือนตัวเองน่าไว้ใจมากกว่าอย่างนั้นล่ะ ” โอย พี่โพธิ์นี่เปรี้ยวใช้ได้นะ พี่จัสหันขวับทันทีที่โดนเหน็บ
“ จุกจิก จู้จี้ ทำนิสัยผู้หญิง หึ ” เออดี เป็นกูกูต่อยมึงแน่เลยพี่จัส พี่โพธิ์รูปร่างไม่ได้แพ้พี่จัสเลยด้วย แต่เขาคงไม่กล้ามีเรื่องในห้างหรอกมั้ง
“ คงจะแสนดีมากล่ะสิ กีถึงได้ไม่สนใจคุณ ”
“ นี่ ! ” พี่จัสกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่มีใครคนหนึ่งไม่รู้เดินสวนออกมาจากทางเดิน
“ โพธิ์ ทำไมมาช้าขนาดนี้ ลูกค้ารออยู่นะ ” คนที่เดินมา บุคลิกไม่ธรรมดาครับ พี่จัสถึงกับนิ่งไป
“ พอดีเจอเพื่อนเก่าครับลุง นี่ก็น้องชายเพื่อนสนิท ขอโทษที่ทำให้เสียงานนะครับ ” สุภาพทันตาเห็น ผมยกมือสวัสดีลุงคนนั้น ส่วนพี่จัสก็ด้วย
“ นัดเขาเจอที่ร้านก็ได้ มากันได้แล้ว ไปตกลงตกลงเช่าได้แล้ว ” โห ท่าทางพี่โพธิ์จะมีฐานะ จริงๆน่าจะรู้ตั้งแต่นั่งรถเขามาแล้วนะผม ผมโพธิ์หันมายิ้มให้ผมสองคน ผมโค้งขอบคุณพี่เขาอีกครั้ง
“ ไปรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง ” พอพี่โพธิ์เดินหายไป พี่จัสถามผมทันที
“ พี่แกเป็นเพื่อนพี่เบสอะ อาสามาส่งที่นี่ไง ”
“ ปากดีชิบหาย ” มีบ่นครับ
“ ตัวเองนี่ใช่ย่อย ยังไปว่าเขาอีก ” พี่จัสหัวเราะเสียงดัง เราเดินเข้ามาในห้าง พี่จัสพาไปกินไอศกรีมก่อน แล้วพาผมไปเดินเล่นดูของที่ชั้นล่าง
“ นั่น ไอคนนั้นหรือปล่าว ” พี่จัสสะกิดให้ผมดูตรงจุดที่คนกำลังรุมหารือกัน
“ เออ พี่โพธิ์นี่ ” พี่โพธิ์กำลังยืนถือแฟ้ม คุยกับกลุ่มคนที่แต่งตัวคล้ายคนขายของ
“ ท่าทางเป็นงานดีนะ ” อะไรของพี่เขาวะเนี่ย
“ เมื่อกี้ยังด่าอยู่เลย ทำไมชมเขาแล้วล่ะ ”
“ ปล่าวนี่ พี่ไม่ได้ชม ก็แค่ ... แค่ดูเขาเป็นงานดี ” อ้าวๆ ทำไมมีสะดุดด้วยล่ะพี่ชายผม พูดกับผมนะ แต่จ้องพี่โพธิ์ไม่หยุด อาการแบบนี้ชักจะคุ้นๆ
“ ไปคุยกับเขาไหมอะ ” ผมนึกอยากแหย่พี่จัสขึ้นมา
“ ไม่ๆๆๆ เราไปดูหนังกันเถอะ ” ปฏิเสธรัวเลยพี่จัส
พี่จัสพาผมไปเลือกโปรแกรมก่อน หลังจากนั้นเรานั่งดูหนังกัน พอเสร็จพี่จัสพาผมไปนั่งรถเล่นตรงสวนสาธารณะไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้ามาก
“ ชอบสวนแบบนี้เหรอพี่ ”
“ ทำไมถึงถามล่ะ ” พี่จัสนั่งลงใต้ต้นไม้ ปลดกระดุมเสื้อออกเม็ดหนึ่ง
“ ดูพี่ผ่านคลายเวลามาที่แบบนี้อะ ”
“ ใช่ พี่เป็นแบบนี้แหละ บ้านพี่ไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ ” น่าสงสารนะครับ
“ ... ” พอนั่ง พออยู่ด้วยกันนานๆ หมดเรื่องคุยไปเฉยๆครับ
“ มันเป็นยังไงบ้าง ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ ”
“ ครับ ” ผมยอมรับตรงๆ เพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไม
“ พี่บอกตรงๆนะ ถ้าไม่รักกันแล้ว แกคงไม่นั่งเศร้าอย่างนี้หรอก ” พี่จัสดูจะเปลี่ยนท่าทีกับผมไปมาก ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มานานเท่าไร พี่เขาเป็นมิตรและเหมือนไม่ได้คิดอะไรกับผมอีกแล้ว
“ มันทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ แล้วมันก็ไม่รับผิดชอบ ”
“ นายเป็นเพราะมัน แน่ใจเหรอ ” พี่จัสพูดขึ้นมา ทำให้ผมสงสัย ทำไมถึงพูดเหมือนๆกับเพื่อนของผมเลย
“ นายนั่งหาคนรับผิดชอบ สิ่งที่นายเลือกเองไม่ได้หรอกกี ค่อยๆคิด ค่อยๆตัดสินใจ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง ” พี่จัสนอนลงบนพื้นหญ้า ไม่ห่วงเสื้อของตัวเองจะเปื้อนเลย
“ เฮ้อ ”
“ คนนั้นอะ อายุเท่าพี่เบสเหรอ ” หืม ทำไมวนกลับไปหาพี่โพธิ์ได้วะ
“ อืมๆ น่าจะเท่านะ เขารุ่นเดียวกันอะ ”
“ มากกว่าเราเหรอวะ ทำไมหน้าเด็กจัง ” ทีแรกแค่สงสัยว่าพี่จัสทำไมถึงมีอาการแปลกๆ แต่ตอนนี้เริ่มจะมั่นใจแล้วครับ พี่จัสต้องสนใจพี่โพธิ์แน่ๆ แต่พี่เขาไม่ใช่แบบพี่จัสนี่สิ
“ นอนด้วย ” ผมพลิกตัวลงนอนข้างๆพี่จัส พี่จัสลูบหัวของผมเล่น แล้วร้องเพลงให้ผมฟังด้วย
“ ช่วงเทอมสองสโมฯอาจจะนัดไปซ้อมเพลงเชียร์กับเตรียมรับน้องนะ ” ระหว่างทางที่มาส่งผมที่หอของพี่เบส พี่จัสบอกถึงเรื่องกิจกรรมในคณะในเทอมที่สอง
“ คงวุ่นน่าดูเนอะ ”
“ อาจจะอยากได้น้องใหม่ก็ได้ เหมือนพี่ตอนนั้น ” พี่จัสพูดแล้วยิ้มๆ
“ ขอบคุณมากครับ เปิดเทอมเจอกัน ” พี่จัสจอดที่หน้าหอ เพื่อส่งผมลงรถ
“ คิดให้ดีๆล่ะ เรื่องไอต้าน่ะ ... ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน ” ถามทำไมเนี่ย
“ อยู่คอนโดนั่นแหละมั้ง ”
“ อืมๆ ไปเถอะ ” ผมปิดประตูรถให้ พี่จัสออกตัวไปแล้ว ผมยืนมองจนรถลับตาไป และต้องยิ้มให้พี่จัส พี่เขาคงตัดสินใจเป็นพี่ชายของผม บางทีอาจจะเกิดขึ้นเพราะพี่เขาเจอคนที่ใช่แล้ว
กีตาร์ ตัวพ่อ ตอนที่ 13/3
“ มึงนั่งทำอะไรไอต้า ” ไอนุเดินมานั่งข้างๆผม ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโด ไม่ได้ไปไหนเลยตั้งแต่โดนแม่สั่งสอนวันนั้น
“ เขียนจดหมาย ”
“ เขียนทุกวันเลยเหรอมึง ” ผมพยักหน้าให้ไอนุ
“ เหนื่อยแทนมึงสองคน ครั้งนี้พี่ชายเขาออกหน้าเอง มึงคงต้องทำมากกว่านั่งเขียนจดหมายอะ ” ช่วงที่ผ่านมา ความเห็นของผมกับไอนุไม่ค่อยตรงกัน แต่มันก็พยายามช่วยผมเสมอ ทั้งที่มันกับกีสนิทกันมาก
“ ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว กีจะเป็นยังไงบ้าง ”
“ มันไม่ค่อยสนิทกับใครด้วยนี่สิ นอกจากกูแล้วไม่รู้ว่าจะมีใครบ้างที่กีติดต่อ ” มันพูดให้ชวนสงสัยนะ
“ มึงโทรหากีบ้างหรือปล่าว ”
“ ไม่อะ กูไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงสองคน ” ไอนุก็ไม่ติดต่อกับกีเหรอ แล้วนี่จะเหงาขนาดไหนกัน
“ พี่เบสจะมีเวลาอยู่เป็นเพื่อนกีไหมวะ ”
“ ถามขนาดนี้ ไม่บุกไปหามันที่หอเลยล่ะ ” มันยังจะว่าผมอีก
“ คนมันเป็นห่วงนี่หว่า ห่างแค่ไม่กี่วัน กูคิดมากจนไม่อยากทำอะไรแล้ว ” ผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้ทำไปเพราะแค่รู้สึกผิด แต่ผมทำเพราะต้องการแบบนี้จริงๆ
“ กีทนได้เหรอวะ เขาจะไม่เป็นแบบกูใช่ไหม ” ผมนึกถึงภาพตอนที่กีนั่งเหงาคนเดียวไม่ได้ อยากจะหยอกล้อ หรือทำให้โกรธ อยากเห็นรอยยิ้มของกี
“ มันทนไม่ได้หรอก ตอนกูเจอมันแรกๆ มันก็ทำตัวแปลกจากคนอื่นตลอดเวลา ” ไอนุพูดขึ้น บางทีเวลาแบบนี้ ผมควรจะได้รู้จักกีมากขึ้น
“ นุ มึงช่วยเล่าถึงกีให้กูฟังที ”
“ กูจะเล่าเฉพาะในฐานะเพื่อนนะ ส่วนเรื่องอื่นๆกูไม่พูดถึง ” มันคงหมายถึงเรื่องลับๆที่มันกับกีปรึกษากันสองคน ไอนุเป็นเพื่อนที่ปรึกษาได้ครับ มันไม่เอาความลับมาบอกใคร
“ ตอนนั้นพ่อของมันเสียแล้ว มันตัวผอมซีด อ่อนแอ กลายเป็นคนไม่รับอะไร จนชั่วโมงแบดฯมั้งนะ ถ้ากูจำไม่ผิด กูเห็นมันนั่งมองกูเล่นเฉยๆ กูเลยชวนมันเล่น แต่มันด่ากู แล้วก็หนีไปร้องไห้ กูเลยเริ่มสนใจมัน ”
“ มึงทำยังไงวะ ”
“ กูไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาดิ อาจารย์เล่าหลายๆเรื่องให้กูฟัง แนะนำกูให้สนใจมันมากๆ ตอนนั้นกูเลยเสี่ยงไปหาแม่ของมันที่บ้าน บ้านกูอยู่ใกล้ๆกันใช่ไหมล่ะ ”
“ อืม ”
“ ตอนนั้นพี่เบสยังเรียนโรงเรียนของเรานี่แหละ พอเห็นกูมา พี่แกคุยด้วยเยอะมาก แกบอกว่ากีมาหาพี่แกตลอดตอนพักเที่ยง มาร้องไห้ให้พี่ปลอบประจำ กูตัดสินใจเล่าเรื่องที่พูดกูเสียแล้วเหมือนกันให้ครอบครัวไอกีฟัง น้านีเลยฝากให้กูช่วยดูแลมันด้วย ” กีกับพี่เบสคงผูกพันกันมาก
“ มึงทำยังไงต่อ ”
“ กุรอจนวันพ่อ ที่เขาจัดงานกัน กูรู้ว่ามันต้องหนี ไม่ก็ไม่เข้าร่วม กูเลยถือโอกาสตอนนั้นเข้าไปหามัน ทีแรกมันไล่กู แต่พอกูเล่าว่าพ่อกูก็เสียแล้วเหมือนกัน มันถึงเริ่มนิ่ง แล้วนั้นแหละกว่ามันจะหยุดร้องไห้ ”
“ นานไหมวะ ”
“ ประมาณครึ่งปีมั้ง ” ผมตื้นตันใจแทนกีนะครับ ที่มีคนเอาใจใส่ขนาดนี้ และยอมรับความพยายามของไอนุด้วย
“ รู้อะไรไหม ตอนมึงกับกีจะคบกัน กูนึกไม่ชอบใจนะ ”
“ ทำไมล่ะ ทำไมคิดแบบนั้น ” ได้ยินแบบนี้แล้วหดหู่เลยครับ
“ นึกเอาดิ กว่ากูจะเริ่มสนิทกับมัน ครึ่งปีนะมึง แต่พอมันคิดจะคบกับใคร มันใช้เวลาเท่าไร โดยเฉพาะกับคนที่มีข่าวกับสาวตลอดเวลา ” สะอึกครับ มันกำลังบอกอ้อมๆว่าผมกับกี รู้จักกันแค่เผินๆ
“ กูไม่พูดเรื่องพ่อมันเกือบสามปี เพื่อให้มันทำใจได้ แล้วมึงทำอะไร ” อันนี้ถึงขั้นจุกครับ
“ กูผิดไปแล้วว่ะ ” มันพูดจนผมไม่มีอะไรแก้ตัว
“ มันอาจจะโชคดี ที่เจอกับมึงก็ได้ ถึงมึงจะไม่รู้จักมันเท่าไร แต่มึงยังนั่งเสียใจ ไม่ได้เลิกหรือหนีมันไป ตรงนี้แหละที่กูยังนั่งคุยกับมึงอยู่ ” ไอนุมันตบไหล่ผม ครั้งนี้ผมเป็นหนี้มันมากมาย ผมเริ่มรู้อะไรบางอย่าง และคิดได้แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อไป
“ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูครับ ไอนุเดินไปดู ก่อนจะหันมาทำหน้าตกใจกับผม
“ ใครมาวะ ” ไอนุไม่ตอบ แต่เปิดประตูให้โดยดี
“ พี่จัส ! ”
“ เออ ยังจำกูได้นะ อยู่กันสองคนเหรอวะ ” พี่จัส เดินเข้ามานั่งตรงโซฟา
“ ก๊อกๆๆ ” มีคนมาอีกครับ ไปนุเดินไปดู แล้วกันมาทำหน้าตกใจอีกครั้ง มีอะไรให้แปลกใจอีกเหรอ
“ พี่เบส ! ”
“ อยู่กันเยอะนะ อ้าวไอจัส ” พี่เบสทักพี่จัสครับ เขารู้จักกันหรอกเหรอ
“ สวัสดีครับพี่ เล่นบาสฯอยู่ไหมครับ ”
“ เล่นดิ อยู่กันสี่คน เล่นบาสฯกันปะ ทีมละสอง ไม่ก็โทรชวนไอโซ่กับไอบอลด้วย ” พี่จัสและพี่เบสทำผมปรับอารมณ์ไม่ทัน นี่พี่เขาคิดจะมาทำหรือมาบอกอะไรกับผมหรือปล่าวนะ