ช่วยด้วย!!! ผมได้แฟนเหี้ย ไอ้เด็กช่างยนต์ 58...ตอน เรื่องเก่า มาเล่าใหม่
ด้วยความที่คุณ LEO คงยุ่งมาก เพราะน่าจะอยู่แถบๆยุโรป... ไอ้ทีจึงสมัครและส่งเรื่องให้อ่านนะครับ ตั้งแต่ลงในนี้เพิ่งจะสมัคร (ว่าแต่คนอ่าน...อิอิ) อ่านวิธีการสมัครอยู่นานมาก เอิ่มมมม admin ครับ ผมนึกว่าเนื้อหาอ่านสอบ รัดกุมมากๆครับ แต่เพิ่มรู้หลายประเด็นไอ้ทีก็แหกกฏ (ไม่อ่านก่อนลง) 5555+
ยังไงเรื่องนี้ก็ให้คุณ LEO เป็นสื่อกลางเช่นเดิมนะครับ แค่ช่วงนี้คงยุ่งหนัก เลยขออนุญาตสมัครและลงเอง (ด้วยความที่เกือบว่าง...เลยมีเวลาอ่านวิธีสมัครลงได้ 5555)
ทักทายครับInamning (ดีใจที่พี่ทีกลับมานะค๊าาาาาา แล้วขอให้พี่ทีคนดีเจอคนดีๆเช่นกันค๊าาาา) ...ขอบคุณครับ เจอที่ไหนบอกพี่ด้วย พี่จะตามไปจีบเอง 555
Yarkrak (แฟนเราไปเป็นสามีชะนีอื่น เจ็บแทน)... วลีเด็ดจริงครับ น่าจะทำนองนั้น
malula (ขับรถระวัง ๆ ด้วย อย่ามัวแต่มองผู้ชาย อิอิ)... เอ๊ะ ทำไมรู้ รึผมเคยเขียนป่าว ครั้งนึงติดไฟแดงมองผู้ชายจนรถออกตัวชนคันข้างหน้า ขำตัวเองไม่กล้าบอกเหตุผลใครเลย 555
Mom2maM (ช่วงที่หายไปเป็นปี ในใจเฮียก็คิดไปต่างๆ นานา)... ต่อไปน่าจะชินครับ ตอนละปี ตายๆ ไอ้ทีเผลอเป๊ปเดียวเอง
nuwi (อยากบอกว่าคืนนั้นทั้งคืนหนูนอนไม่หลับเลยพี่ที แบบพี่คงจะเจ็บมากๆ…พี่28อยู่เลย ยังมีเวลาที่จะหาคนที่ใช่)...ให้พี่นอนไม่หลับคนเดียวพอครับ หนูเข้านอนเถอะมีเรียนเช้า 5555 ...ปีนี้ 29 ล่ะยังหาไม่ได้ครับ
Dark_Noah (จาก Venus นะ เสื้อเซฟเวิร์ลดที่ได้จากพี่ที หนูก็ยังหาไม่เจออยู่ดี T^T แม่เอาไปเก็บไว้ไหนก็ไม่รู้)... อ้อน้องวีนัส ติดตามมาแต่อ้อนแต่ออก... เสื้อนั้นเป็นวัตถุโบราณไปละครับ เดี๋ยวพี่เล่นเกมส์ใหม่ในนี้ได้ 555
Pa pie (สมัครมาเพื่อการนี้ ห้าๆๆ คอยติดตามเรื่องพี่หมอมานานล้า)... กาลนี้ตอนที่ 58 เลยนะน้อง 5555 คอมเม้นต์ให้แนวทางออกดีครับ
frank_kie07 (เป็นเรื่องที่ตามอ่านมานานมากกกกก ตั้งแต่มัธยม จนเข้า มหาลัยเลย)... เอ่อ น้องครับแล้วพี่ละ เขียนตั้งแต่เรียนจบ ตอนนี้พี่ก็จะเกษียณแล้วนะ 5555
Chalie (ตอนนี้ผมโกรธมาก โกรธขนาดที่สมัครมือยังสั่นเลยครับ)... ผมโกรธคนเดียเองครับ อ่านสบายๆเลย ไม่อยากทำร้ายจิตใจคนอ่าน หุหุ
habanice (ผมอ่านเรื่องพี่ตั้งแต่ ปีหนึ่งแล้วละมั้งครับ ตอนนี้จบละครับ)... มาอีกคนละ เรื่องพี่นานขนาดเป็นพงศาวดารเลยรึ 555
kokkak (หนูจะบอกว่าสิ่งที่พี่ทำคือสิ่งที่หนูอยากทำมันให้ได้)... สู้ๆครับ ทำได้ๆ ทำได้ดีกว่าพี่ด้วย
rarin (คิดถึงมากๆเลยค่ะ ขอให้คุณหมอมีความสุขมากๆนะคะ)... ขอบคุณครับ คิดถึงทุกคน มีความสุขเช่นกันครับ
และคอมเม้นต์อื่นๆ ขอบคุณครับ ... ผมอ่านทั้งหมดก็เป็นกำลังใจซึ่งกันและกันดีครับ มาต่อตอน 58 กันเลยยยย
ยังสบายกันดีอยู่ใช่มั้ยครับ??? ผมก็สบายดี หายตัวเหมือนนินจาบ้าง 555+ จริงๆก็อยากเขียนนะครับ แต่ยิ่งโตขึ้นความรับผิดชอบ ภาระการทำงานมันก็จะเพิ่มมากขึ้นตามตัวไปด้วย .... หลายคนเชียร์ให้เปิดใจใหม่กับนักศึกษาลองดูบ้าง อยากบอกว่าเด็กคนนั้นโดนลงดาบไปล่ะเรียบร้อยครับ คงมิกล้า 555+ .... ถึงแม้ไอ้ทีจะเป็นอ.เด็กสุดในภาคและคณะแต่ไม่เล็กนะเฟ้ยยยย!!! เอ่ออะไรเล็ก พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่...ความร้ายกาจไง ที่มักจะโดนนศ.กล่าวถึง (นินทา) 555+
ส่วนความรักก็ว่างเหมือนป้ายแท็กซี่ ตอนนี้อายุอานามก็ย่างเข้า 29 ปีล่ะ ฮอร์โมนคงไม่พลุกพล่านเหมือนแต่ก่อน เลยรู้สึกเฉยๆกับความไคร่ (รึผ่านมันมาเยอะ และอิ่มกับมันล่ะ) สังเกตได้จากสมัยก่อนจะชอบแอบมองหนุ่มๆ (แอบๆมองนะ ไม่ได้มองจริงจัง... แต่ที่แอบมองนี่แหระทำให้ไอ้ปอจับได้และเป็นต้นเหตุเรื่องราวทั้งหมด)
พูดถึงไอ้ปอ ผมก็ไม่ได้เจอนานล่ะ...ส่วนใหญ่ก็ไลน์คุยกันถ้ามีธุระ...นานๆทีจะโทร อาจจะเป็นเพราะมันคงสำนึกได้ว่าไม่ควรโทรหรือเป็นเพราะว่ามันคงลืมผมไปแล้วเหมือนกัน แต่ผมก็ยังคงไปบ้านไอ้ปอบ้างเมื่อกลับบ้านในนามเพื่อนกัน (แต่ชอบแอบไปในช่วงที่มันทำงาน) อ้อมีอีกเรื่องที่จะเล่าไอ้ปอมันลาออกจากอู่เดิมแล้ว..ได้เป็นช่างในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในชลบุรี
“กูลาออกจากที่เดิมแล้วนะต้น” ไอ้ปอพิมพ์ไลน์บอกผม
“อืม แล้วคิดทำไรต่อ”
“ได้งานใหม่ที่......บริษัทรถยนต์....” (มึงคงโตแล้วสินะมีลูกแล้ว คงคิดถึงอนาคตมากขึ้น)
“ดีแล้ว ดีใจด้วย”
“มึงจำได้ไหม มึงเคยบอกกูให้มาทำ”
“เหรอ” (กูจำได้นะ แต่ไม่อยากให้มึงคิดถึงหรือใส่ใจกูมาก ยังไงเราก็ไม่กลับไปเหมือนเดิมแล้ว คนที่มึงควรใส่ใจคือครอบครัวของมึงเอง)
ไอ้ปอส่งสติ๊กเกอร์เศร้ามา ผมไม่ได้ตอบไรมันกลับไป
แวะไปเยี่ยมป่านบ่อยครั้งเหมือนกัน ป่านโตเป็นหนุ่มแล้วไวมาก สูงชะลูดอย่างเร็ว ที่สำคัญมีแววหล่อ (กูเกิดเร็วเกินไปไหมเนี้ย...อ่ะๆไหนบอกว่าความไคร่หายไปแล้ว...) 555+ ก็มีบ้างแต่นี่หลานไม่คิดไรหรอก แหมะๆ ก็อาบน้ำล้างหำให้ตั้งแต่เด็กล่ะ จะคิดไรมาก 5555 ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นหนุ่มน้อยแต่นิสัยก็ยังเป็นเด็กเหมือนเดิม
ไปบ้านไอ้ปอแต่ละครั้งก็ได้ยินหนาหูขึ้นถึงพฤติกรรมของเมียไอ้ปอ ซึ่งตอนนี้อาจจะขุนเคืองกับแม่ไอ้ปอ ดูเหมือนจะไม่ทำงานบ้านอะไรเลย แต่คงเป็นเรื่องครอบครัวเค้าผมก็ไม่ได้ยุ่งไรมากมาย ได้แต่รับฟังบ้างบางครั้ง ผมไปเป๊ปๆก็กลับไม่ค่อยได้อยู่นาน
“น้าที หนูอยากไปกรุงเทพกับน้าทีด้วย” เสียงอ้อนๆของหนุ่มน้อย
“ช่วงนี้ปิดเทอมนี่ ได้ๆเดี๋ยวน้าพาไป เดี๋ยวน้าเคลียร์วันว่างๆก่อนนะ” ผมพูด
“เย้ๆๆๆ” เด็กชายป่านแสดงความดีใจอย่างชัดเจน ผมว่าวัยเด็กเป็นสิ่งสำคัญ วัยแห่งการเรียนรู้เลยทีเดียว มันจะเป็นภูมิหลังของเค้าเมื่อโตขึ้น แต่ผมก็ภูมิหลังไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก แต่ผมได้ไรเยอะแยะในวัยเด็ก เรียนรู้การยืนด้วยตัวเองและเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่เด็กหลายๆคนไม่เคยเห็นด้านนั้น
เด็กชายตัวโตหรือชายหนุ่มตัวน้อยนับวันเฝ้ารอ โทรหาผมแทบทุกวัน ไลน์มาบ้าง (เห็นไหมล่ะนิสัยเจ้าป่านก็ยังเป็นเด็กเสมอ) “ว่างหรือยังครับ” คำนี้ป่านจะถามเป็นประโยคต้นๆเสมอ (แหมะๆหลานชาย ถ้ารุ่นราวคราวเดียวกันมาถามแบบนี้ เค้าเรียกว่าตามจีบนะเนี้ย 555+...ความมโนเกิดขึ้นได้เสมอ)
ในที่สุดก็หาวันเวลาได้ผมขับรถมารับป่านที่บ้าน ซึ่งก็บอกแม่ไอ้ปอกับแม่ป่านไว้คงพาไปกทม.สัก2-3 วัน ในขณะที่รถจอดสนิทป่านก็วิ่งมาตามเคย พร้อมสะพายกระเป๋าที่หลังใบเล็ก คงจะเป็นสัมภาระที่ต้องอยู่ 2 วัน (เอิ่มมม ป่าน น้าว่าเราไม่ได้ไปออกค่ายลูกเสือนะ เหมือนมันพร้อมไปป่าว)
วันที่ผมหาวันว่างได้คือวันสงกรานต์ 555+ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างหยุดและปีนี้หยุดยาว คนออกจากกทม.เพียบ กทม.น่าจะเงียบที่สุดในรอบหลายปี ไอ้เจ้าป่านมากอดผมแต่ผมคงยกอุ้มเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ (หลังน้าจะเดี้ยง) สักพักผมเห็นคนๆนึงเดินออกมาจากบ้าน พร้อมอุ้มเด็กมาด้วย
“ไปเล่นสงกรานต์กันเหรอ” เสียงไอ้ปอถามนั้นเอง (วันนี้ก็เป็นวันเกิดมันด้วยสินะ)
“ป่าว พาป่านไปกรุงเทพ พอดีว่างและกรุงเทพก็โล่งด้วย” ผมอธิบาย
“อ้าวเหรอ” ไอ้ปอทำหน้านิ่งเล็กน้อยก่อนจะไปตะวาดป่าน “ป่านมึงไม่บอกกูวะ”
“ก็น้าปอไม่ได้ถามหนิ” ไอ้ป่านตอบ (เออ เหมาะสมกัน ใช้ได้ ถามหาเรื่องก็ตอบหาเรื่องไป 555)
“กูจะไปรู้ไงว่ามึงจะไปไหนมาไหน จะให้กูถามทุกวันเลยรึไง” ไอ้ปอด่าหลาน แต่ผมก็เห็นสิ่งที่เปลี่ยนไปไอ้ปอคงทำใจพอได้แล้ว หันมาใส่ใจครอบครัว ดูแลลูก เห็นมันอุ้มลูกผมก็รู้สึกอบอุ่นใจ
“ไปด้วยได้ป่าว” มันหันมาที่ผม
“หือออออ” ผมอุทานเบาๆ มองหน้าไอ้ปอ แล้วบอกไป “ไปเป๊ปเดียว ไม่ได้เที่ยวไหร่มากหรอกแค่ให้ป่านไปเห็นว่ากรุงเทพมันเป็นยังไง”
“แสดงว่าไม่อยากให้ไป” มันพูดเบาๆ
“อืม” ผมก็ตอบเบาๆ
ไอ้ปอหันหลังหอบลูกเข้าบ้าน ก่อนเข้าบ้านพูดเสียงดังออกมา “งั้นรอแป๊ปหนึ่งนะ” (อะไรอีก มาไม้ไหนอีก เอาไงดีๆ) ผมเลยเฉยๆ เอากระเป๋าป่านขึ้นรถ จัดแจงให้ป่านขึ้น ไปกล่าวลาแม่ไอ้ปอที่อยู่ร่มไม้ และกลับมานั่งในรถ (เอาไงดีๆ จะรออะไร รอทำไม) แต่จะออกรถก็เกรงใจแม่ไอ้ปอคงได้ยินประโยคนั้นให้ผมรอ ถ้าขับออกไปเลย แม่จะคิดยังไง
ไม่ถึง 5 นาทีไอ้ปอออกมา มาพร้อมกับเปลี่ยนชุดใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืด (อย่าบอกนะ!!)
“ก๊อกๆๆๆ” ไอ้ปอเดินมาฝั่งคนขับเคาะกระจกจากนั้นเปิดประตู “ไปด้วยนะๆๆๆๆ” พร้อมกับโค้งตัวคำนับ (เล่นแบบนี้เลยเหรอ ไอ้ป่านก็มอง แม่ไอ้ปอก็คงมอง)
“เย้ๆๆๆ น้าปอไปด้วย” (อ้าววววๆๆๆ ป่านเป็นงั้นไป...เป็นพวกของใคร) ผมก็อึ้งยังทำไรไม่ถูก
“ลงมาๆเดี๋ยวขับให้นั่งสบายๆ จะขับนิ่มๆที่สุดเลย” มันพูดพร้อมปลดเข็มขัดผมออกแล้วดึงให้ผมลง (กูงง!!! กูมาตรงนี้ได้อย่างไร) ไอ้ปอเปิดประตูด้านหลังให้ผมเข้าไปนั่ง จากนั้นมันก็ขึ้นขับรถ ปลดกระจกพร้อมกับร้องตะโกนบอกแม่ “แม่ดูไอ้หนูให้หน่อยนะ วัยรุ่นไปเที่ยวกันก่อน” จากนั้นก็ขับรถออกไป ไอ้ป่านนี่หน้าบานหัวเราะคิกคักๆชอบใจที่น้าสุดที่รักของมันไปด้วย (2น้าหลานอยากเข้ากรุง...ไม่ไปกันเองซะล่ะ)
ผมก็เริ่มเอ๊ะใจ ทำไมไม่เห็นแฟนไอ้ปอ (ถามไม่ได้ๆ เดี๋ยวเปิดช่องโหว่ให้มันแซว...เพราะกูไม่ได้พิศวาสขาดสดิ้งมึงล่ะ)
“หิวมั้ย” ไอ้ปอถาม (ล้อรถเพิ่งหมุน ออกมายังไม่ถึงกิโลเลย)
“........” ความนิ่งเงียบเกิดขึ้น (ก็ถามคนรึควายล่ะ ในนี้มีหลายคน) เอ่อ..สมัยก่อนคงพูดออกไปล่ะ ตอนนี้สถานะเปลี่ยน ไอ้ปอก็ได้แต่หางตามองไปที่ไอ้ป่าน และละสายตามาที่กระจกมองหลัง เห็นหน้าผม ผมก็เฉยๆ หลบตานิดนึงเหมือนไม่ได้มองมัน
“นี่มากับกูอดอยากไม่ได้นะ เดี๋ยวจะหาว่าเลี้ยงดูไม่ดี” มันพูดเชิงประชด
“เพิ่งกินมา....ป่านล่ะครับกินข้าวมายัง” ผมพูดขึ้น (คุยกะป่านนะ ไม่ได้พูดกะมึง)
“กินข้าวแล้ว แต่หนูหิวขนมครับ” (แม่เจ้า เตรี๋ยมกันป่าวหนิ...อ่ะๆ จอดก็จอด)
“อีกนิดจะมีศูนย์อาหารแวะก็ได้” ผมมาทางมอเตอร์เวย์ขึ้นทางไปพนัสนิคม เลยมาหน่อยจะมีศูนย์อาหารที่พักรถ บนทางด่วน เมื่อถึงศูนย์อาหารผมกับป่านเดินเคียงกันมือแตะที่บ่าป่าน ไอ้ปอเดินมาตามหลัง
ก็เดินเลือกนั่นนี่ไปเรื่อย (เสมือนไอ้ปอไม่มีตัวตนล่ะกัน) เข้ามาในร้านสะดวกซื้อเห็นเด็กประมาณอนุบาลมั้งมาซื้อคนเดียว (พ่อแม่ก็กล้าปล่อยมาน้ออออ) ยืนข้างๆกันหน้าตู้เครื่องดื่ม ผมพลางกระซิบบอกป่านเบาๆ
“ดูสิ น้องเค้ามีความกล้ามาก สมัยน้าตัวเท่านี้ยังไม่กล้าแบบนี้เลย” ผมพูด
“เอาอะไรดีน๊า จะเอาขวดเดียวรึสองขวด (ครุ่นคิด) ขวดเดียวดีกว่า เดี๋ยวเอาไป2ขวดแม่จะด่า กินหมดค่อยมาซื้อใหม่” โหหหหห เด็กน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา พูดคนเดียวเหมือนแสดงละคร พูดชัดเจนเหมือนผู้ใหญ่ และเด็กหญิงก็เดินไปเคาว์เตอร์ ผมก็เลือกต่อไปและเดินไปที่ชำระเงินเช่นกัน
“เร็วๆสิ ชักช้ามากกกก น่ารำคาญ” (เห้ยยยยย ได้เด็กคนนั้น...อึ้งๆๆๆ เหมือนนางร้ายเลย) พนักงานในนั้นก็ตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะมองหน้าแล้วยิ้มๆที่มุมปาก
“เปิดฝาเลยมั้ยค่ะ” พนง. ถามพร้อมรอยยิ้มจะหัวเราะก็ไม่เชิง เด็กคนนี้ซื้อเป๊ปซี่ขวดแก้วเล็กๆ น่าจะ10บาทนี่แหระ
“เปิดสิ ไม่เปิดจะกินได้ยังไง คิดสิ” อึ้งมากกกก ครั้งที่ 2 (ไม่ได้ๆล่ะ อนาคตของชาติ พูดจาแบบนี้อาจจะไม่ได้โตเป็นแน่แท้) พนง.คงไม่กล้าพูดเพราะเค้าต้องบริการ แต่ไอ้ทีนี่เหรอ สบายๆ
“หนูครับ พูดแบบนี้กับพี่เค้าไม่ได้นะ ถ้าหนูมีเงินแต่พี่เค้าไม่ขายน้ำเป๊ปซี่ให้ หนูจะได้กินมั้ย” (ถ้าเป็นลูกเป็นหลาน แกโดนไปละ)
“ก็ไปซื้อที่อื่นสิ” (เราจะเป็นศัตรูกันใช่มั้ย)
“ไปซื้อที่อื่นหนูอาจจะโดนแม่ค้าต่อว่ากลับแล้วนะ หนูอยากโดนดุเหรอ เราไม่อยากให้คนอื่นมาดุด่าว่าเรา เราต้องพูดดีๆกับเค้า เห็นพี่ที่นี้มั้ยเค้ายิ้มให้หนูไม่มีใครคิดร้ายกับหนูแล้วทำไมไปพูดไม่ดีกับเค้าล่ะครับ” พูดเสร็จพนักงานทอนตังค์ให้ เด็กน้อยก็รีบกำตังค์ไว้ในมือ พลางวิ่งถือขวดน้ำออกไป พนง.ก็ได้แต่ขำๆเด็ก แล้วส่ายหัว (ประมาณว่าเกิดมาเพิ่งเคยเจอ) เออ ผมเองก็เพิ่งเคยเจอ
“เพล๊งงงงงง” ได้ยินเสียงเข้ามาข้างใน ในขณะที่พนักงานกำลังคิดเงินสินค้าที่ผมเลือกซื้อ
“ 555 เด็กคนเมื่อกี้เหรอ อดกินเลย” พนง.หัวเราะเยาะเบาๆพลางเรียกกันมาดูจอทีวีที่แสดงกล้องทั่วร้านรวมถึงหน้าร้านด้านนอกด้วย
“ดูซิ จะทำยังไง” พนง.คนนึงบอก ผมมองดูจอมอนิเตอร์เห็นเด็กคนนั้นยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูกพลางจะนั่งลงไปเก็บ ผมเลยเอาตังค์ใส่มือเจ้าป่านพร้อมบอกให้จ่ายตังค์แล้วออกไปดู (เวรกรรมนี่มันรวดเร็วจริงๆ)
“เดี๋ยวๆก่อนหนู อย่าเพิ่งไปเก็บ” ผมทำเสียงดุเป็นการปราม เด็กก็ทำท่าเหมือนจะร้องไห้เหมือนตัวเองทำผิด
“ไม่เป็นไรๆนะ ถ้าเห็นแก้วหล่นอย่าไปเก็บ มันจะบาดมือเป็นแผลเลือดออก” ผมจับมือเล็กๆของเด็กไว้ และนั่งต่อหน้าเด็ก
“นี่ไม่ใช่ความผิด หนูไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องร้องไห้ เห็นไหมว่าหนูรีบและหนูพูดไม่ดีกับพี่ๆเค้า เมื่อเกิดเรื่องที่หนูต้องการคนช่วยจะไม่มีใครช่วยหนูเลย คนเราเกิดมาไม่ได้เก่งทุกเรื่องเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าหนูพูดดีๆกับทุกคน ทุกคนก็จะพูดดีและอยากจะช่วยเหลือหนู ครั้งนี้น้าจะช่วยเก็บให้ น้าจะช่วยซื้อให้ใหม่ หนูจะได้ไม่โดนแม่ดุ...คนอื่นดีกับหนู หนูต้องดีกับคนอื่นนะ เข้าใจมั้ยครับ” ผมก็หยิบเศษแก้ว ทันใดนั้นไอ้ปอกับป่านก็ออกมา
“ป่าน หนูพาน้องไปซื้อใหม่หน่อย” ผมบอกป่าน เพราะเห็นไอ้ปอหิ้วของออกมา หลังจากนั้นไอ้ปอก็มาว่างถุงไว้ข้างๆ ก่อนที่ เก็บของใส่ถุงรวมๆกันเหลือถุงนึงเปล่ามาใส่เศษแก้ว ป่านก็พาน้องเดินเข้าไปในร้าน
“กูเก็บเองๆ เดี๋ยวบาดมือ” ไอ้ปอบอก
“กูไม่ใช่เด็ก 4 ขวบเหมือนเมื่อกี้นะเว้ย” ผมบอก พูดไม่ทันเท่าไหร่ก็เห็นพนง.เดินออกมาพร้อมถังน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาด
“ขอโทษนะค่ะ เดี๋ยวหนูเก็บเองค่ะ” พนง.บอกพร้อมรอยยิ้ม ผมยืนรอเป๊ปนึงเด็กๆก็ออกมา
“ขอบคุณค่ะ” เด็กไหว้ด้วยความเร็วและวิ่งจากไป ผมเดินกลับมาที่รถ
“ป่านๆ ไปนั่งข้างหลัง กินไม่เท่าไหร่ก็คงนอน จะได้เหยียดขานอนยาว” ไอ้ปอบอกพร้อมไปเปิดประตูกลาง ไอ้ป่านก็ขึ้นไป (อ้าวๆ ที่กูนะ ตอนก่อนจะลง..)
เออ..แต่ก็เป็นจริงอย่างที่ไอ้ปอพูด ขับได้สักพักเจ้าป่านก็หลับไป ไอ้ปอคุยเล่าเรื่องต่างๆ นานาให้ฟัง มันก็คงอยากจะหาคนรับรู้ปัญหาหรือระบายให้ฟังมั้ง ผมก็ฟังอย่างเดียวไม่ได้ซักไซ้ไรมาก เครื่องครอบครัวเค้า จับใจความได้ก็ประมาณว่าที่บ้านไอ้ปอก็คงไม่ปลื้มลูกสะใภ้เท่าไหร่ ไอ้ปอก็ไม่ใส่ใจกลับบ้านดึกดื่นมืดค่ำเหมือนเป็นโสด บางทีก็น่าเห็นใจแฟนมัน (แต่ไม่กล้าพูดออกไป) คนต่างบ้านแล้วมาอยู่บ้านคนอื่นรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบข้างว่าเค้าไม่โอเคกับเรา ก็คงอึกอัดน่าดู แต่แฟนไอ้ปอก็คงยังไม่เข้าใจความรู้สึกผู้ใหญ่ด้วยเพราะวัยอาจจะมองข้ามไป
ตามที่วางแผนไว้ มากทม. คงจะพาป่านนั่งบีทีเอส (คนกรุงเทพอาจจะไม่เข้าใจเด็กตจว.ว่าการนั่งบีทีเอสก็แปลกใหม่ตื่นเต้นได้นะ 555) ไปลงแถวสีลม ยืนดูผู้คนเล่นน้ำ (แต่จะไม่ลงเล่นเด็ดขาดเพราะกลัวน้ำ 555) พาเข้าวัดพระแก้ว ขับรถเล่นในกรุง เห็นที่ไหนน่าเที่ยว น่ากินเราก็จะแวะตามประสา เพราะทุกสิ่งอย่างป่านเพิ่งเคยเจอ....แต่ ...แต่ ตอนนี้มีไอ้ปอด้วยทำไงดีละ มันอาจจะคิดว่านี่มาเที่ยวแล้วเหรอ...เลยกลับมาวางแผนใหม่เริ่มต้นที่ห้องผม
“ห้องมึงก็เหมือนเดิมนะ ไม่ได้มาตั้งนาน” ไอ้ปอพูดพลางขนสัมภาระเข้ามา
“อื้ม” ผมตอบสั้นๆ พลางจับมือป่านที่เดินงัวเงียตามมา
“ป่านมันคงไปเที่ยวไม่ไหว ไปๆ ไปนอนก่อนตื่นมาค่อยไป” ไอ้ปอบอกป่าน แล้วไอ้ปอมันมากระซิบผมว่าป่านจะเป็นแบบนี้ ถ้านัดหรือซื้ออะไรให้ที่บอกล่วงหน้าจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยจนบางทีนอนไม่หลับ เดาว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับ พอเพลียทีนี้สิ้นฤทธิ์เลย
ผมจัดสรรให้ป่านนอนบนที่นอน ระหว่างที่รอผมก็เปิดคอมฯ นั่งทำงานรอ
“ที มึงก็ให้เวลาตัวเองบ้างเหอะ เค้าพักผ่อนกันทั้งประเทศ มึงก็อย่างเพิ่งทำงานเลย” ไอ้ปอบอกผม
“ก็อยากพัก แต่งานมันก็ต้องรันต่อไป ก็อดทนไปก่อน” ผมตอบ
“กลับบ้านเราเหอะที ไม่ต้องอยู่กรุงเทพหรอก... กู..” มันพูดเบาๆ ผมมองหน้ามัน (มาอะไร ยังไงอีกกับกูอีก) “กูสงสารมึง”
(ไอ้ที..มึงน่าสงสารขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ ไอ้ปอยังสงสารมึงได้....) ถัดไปจะมาลงต่อให้นะครับ เค้าจำกัด word ลง มีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนี้