ช่วยด้วย ! ผมได้แฟนเหี้ย ไอ้เด็กช่างยนต์15...เกิดอารมณ์กับตำรวจ
บ่นนำ
หลายๆคนเริ่มเห็นความดีของผมแล้วสิครับ(555+) บอกหลายครั้งแล้วก็ไม่เชื่อ บางคนบอกว่าผมเหมาะที่จะเป็นครู อืม...อาจารย์ที่คณะผมก็เคยบอกว่าเรียนโท-เอกแล้วมาเป็นอาจารย์ที่คณะ(น้ำหน้าอย่างผมเนี้ยนะเป็นอาจารย์....พูดน่ะพูดง่าย ยังกะมันเรียนกันง่ายๆ อาจารย์ก็พูดเฉยๆไม่มีทุนให้ผมเลย ออกเองตลอด 55) อาชีพเป็นครูเป็นอาชีพสุดท้ายที่ผมจะเลือก
ในตอนเช้าของวันอาทิตย์ผมกะว่าจะไปเล่นกับเพื่อนสมัยมัธยมซะหน่อย(ไอ้ปอไปทำงานครับ)ก็ไปหาเพื่อนคุยกันนานครับครึ่งวันได้ คุยกันเสร็จผมก็กำลังจะกลับ ผมเดินมาที่รถ (อ้าว เวรรถล้อรั่ว)
“ทีม แถวนี้มีร้านปะยางป่าว ” ทีมเพื่อนผมครับ
“มีแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เค้าจะเปิดร้านรึป่าว” ทีมพาผมเดินไปดูร้าน
“ปิดหมดเลยว่ะที เอาไงดี”
“ไม่เป็นไร งั้นฝากรถไว้ที่บ้านแกนะ เดี๋ยวเย็นๆเราให้พ่อเอารถมาใส่”
“อ้าว แล้วจะกลับยังไง ”
“นั่งรถสองแถว ดีเหมือนกันฟ้าครึ้มๆ ฝนตกจะได้ไม่เปียก”
“เออ กลับดีๆนะ”
“เออ โชคดีเพื่อนแล้วเจอกัน”
ผมนั่งรถสองแถวไม่ทันไร ฝนตกหนักมากเลยครับ เหมือนฟ้ารั่ว( โอ้ย เปียกหมดแล้ว ฝนสาด) ในรถมีคนอยู่ 3 คน ลุงขับรถมาจอดที่ศาลาหน้าข้างทาง สงสัยให้หลบฝนก่อน ในศาลาก็มีตำรวจอยู่ 2 คน (ตำรวจก็กลัวฝนแฮะ.......รถอะไรว่ะ ไม่มีกันสาด) รถหยุด ผมวิ่งเข้าศาลา อีก 2 คนที่เหลือวิ่งเข้าหน้ารถลุง แล้วลุงก็ออกรถไปเลย (อ้าว ผมงงครับ เค้าไปเตรียมกับลุงไว้ตอนไหนว่ะ ลุงทิ้งผม เออดีงั้นค่ารถลุงก็ไม่ต้องเอา)ในศาลานั้นก็มีผมกับตำรวจ 2 นาย (เออ ก็อุ่นใจอยู่ใกล้ตำรวจ)
สักพักมีรถกระบะมาจอดหน้าศาลา มีคนอยู่หลังรถ 10 กว่าคน เป็นวัยรุ่นหมดเลยครับน่าจะต่ำกว่า 20 ถึง 20ต้นๆ (คล้ายๆแรงงานต่างด้าว )ทั้งหมดเลยวิ่งเข้ามาในศาลา ผมเข้ามานั่งข้างในสุด(ก็มาก่อนเพื่อน)ได้ยืนตำรวจสนทนากับกลุ่มนั้นทำให้ผมรู้ว่า เค้าเป็นคนงานก่อสร้าง มาจากภาคอีสาน(อืมไม่ใช่ต่างด้าว..คนไทยๆ)ผมไม่ได้ดูหมิ่นเค้านะ ก็คนเหมือนกัน ผมว่าเหมือนเฉยๆ ดูเค้าก็เรียบร้อยครับ เป็นคนเกรงใจ(รึมีตำรวจตรงนั้นรึป่าวไม่รู้)....เค้ามาจากในกรุงเทพครับ วันหยุดมาเที่ยวบางแสนกัน ( มาเที่ยวไม่ดูไม่ดูฟ้าดูฝนเลย) ระหว่างที่ทุกคนเงียบ ได้ยินแต่เสียงฝนตกกระทบหลังคากับเสียงฟ้าร้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ผมแทรกขึ้นมา ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อยก่อนรับสาย(ว่าจะปิดอยู่แล้วเชียว กูรับจะตายหมู่รึป่าวเนี้ย)
“มีอะไร มึงโทรมาทำไม ไม่ดูฟ้าดูฝนเหรอ” ต้นทางคือผม ปลายทางคือไอ้ปอ
“วันนี้มึงไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ กูเป็นห่วงเลยโทรถาม”
“รถกูล้อรั่ว กูนั่งสองแถว ตอนนี้หลบฝนอยู่ศาลา”
“ศาลาไหน”
“เลยแยกคีรีมาหน่อย มึงไม่ต้องมานะ กูจะกลับสองแถว ฝนหยุดก่อน แค่นี้นะ ฟ้าร้อง” ผมคิดว่ามันต้องมา เลยพูดห้ามมันไว้ก่อน ผมปิดเครื่องทันที (โอ้ยเมื่อไหร่จะหยุดตกว่ะ ตกเป็นชั่วโมงแล้ว) ผมเริ่มหนาว นั่งหดอยู่ริมเสา ให้เสาบังลม
ผมมองออกไปหน้าศาลาเหลือบไปเห็นตำรวจคนนึง เอาบุหรี่ออกมาสูบ(คลายหนาวมั้ง)ผมไม่ชอบมากๆพวกไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม คนก็นั่งเต็มศาลาถ้าเทียบกับแกก็คงมีแต่เด็กๆ แก่แล้วยังไม่รู้จักคิดอีก ผมเลยยืนขึ้น ล้วงโทรศัพท์ออกมา ทำท่าโทรแล้วพูดเสียงดังว่า
“เราเคยรู้จักกันไหม แล้วคุณมาทำร้ายพวกผมทำไม ” ทุกคนในศาลาก้มหน้าหัวเราะกันคิกๆ ผมพูดแล้วก็นั่งลง ทำหน้าเฉยๆมองทั่วไป ผมสังเกตเห็นตำรวจก็มองมาที่ผมเหมือนกัน แต่กลัวเสียฟอร์มมั้ง เลยเก๊กยืนดูดอมควันลงปอดไปสองทีก็ทิ้งไป(ดูหน้าคงเสียดายมาก)ผมรู้ว่าตำรวจไม่ทำอะไรผมหรอก ถ้าทำก็คงรังแกประชาชนแล้วล่ะ จากนั้นผมก็นั่งหดเหมือนเดิม สักพัก ได้ยินเสียงมอไซต์คนนึงมาจอดหน้าศาลา ( เสียงคุ้นๆว่ะ) ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ไอ้เหี้ย ขนาดกูบอกแล้วนะว่าอย่ามา” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ มันก้มหน้าวิ่งเข้ามาในศาลา แล้วมองหาผม เห็นมันสะดุ้งคงตกใจเล็กน้อยมีคนเต็มแทบไม่มีที่นั่ง มันมองไปสำรวจรอบๆศาลาทีละคน มองผ่านผมไปด้วย มองเสร็จหันหลังกำลังวิ่งจะวิ่งออกไป
“ไอ้ปอ” ผมเรียกมัน ไอ้ปอเดินยิ้มๆมาหาผม(มันคงอาย)
“นอกจากไม่มีสมองแล้ว ยังไม่มีตาอีกเหนอะ”
“กูมองไม่เห็น”
“มึงเอาตาตุ่มมองรึไงวะ” อาจเป็นเพราะผมนั่งข้างในสุด หดตัว แถมเสาบังอีกมั้ง มันยืนอยู่หน้าผมเพราะไม่มีที่นั่ง มีแต่หน้าศาลาประมาณ 2 ที่ไม่มีใครไปนั่งฝนสาด
“รู้งี้ กูไม่มาให้มึงด่าดีกว่า กูนึกว่ามึงอยู่ศาลาคนเดียว” ไอ้ปอพูดและมองไปที่คนนั่งข้างๆผม
“นายๆ แลกที่กัน”มันชี้ไปข้างหน้าศาลา ไอ้คนที่นั่งข้างๆก็ไปแบบงงๆนะครับ เค้าคงไม่กล้าพูดเพราะมาต่างจังหวัด และไอ้ปอก็นั่งข้างผมอย่างรวดเร็ว
“มึงจะบ้าเหรอ ปอ” ผมด่ามันขึ้นมาทันที
“นายๆมานั่งตรงนี้ครับ” ผมลุกขึ้นให้เค้ามานั่ง ผมก็ยืนอยู่หน้าไอ้ปอ
“มึงไม่มีมารรยาท กลับบ้านมึงโดนแน่” ผมก้มลงไปพูดข้างหูมันเบาๆ มันนั่งคอหดเลยครับ แล้วก็ลุกให้ผมนั่ง
“มึงไม่ต้องมาสำนึกผิด” ใครจะไปนั่งได้ครับก็มันตัวเปียกๆมานั่ง ที่นั่งก็เปียก น้ำก็ไหลไปหาคนข้างๆ อีก(โอ้ยมึงจะมาทำไมเนี้ย)
“ไปกลับ” ผมบอกมัน ในเมื่อยืนหัวโด่ยู่กลางศาลาสองคน
“อย่าพิ่งดิ เดี๋ยวมึงเปียก ”
“ กูทนเปียกได้ อีกไม่นานก็ถึงบ้าน มึงน่ะสิเปียกมายืนอย่างงี้มันหนาวนะเว้ย”ผมลากมันออกจากศาลา ขับช้าๆมาเรื่อยๆครับ ฝนตกหนักจนแทบมองไม่เห็นรถข้างหน้า
พอกลับถึงบ้าน ผมกับไอ้ปอสั่นเชียวครับ ปากเขียวคล้ำ
“มึงไปอาบน้ำก่อนกูเลยปอ ท่าทางมึงหนาวกว่ากูอีก” (เปียกฝนทั้งขาไปขากลับ) มันอาบเสร็จอย่างรวดเร็ว หยิบเสื้อผ้าในตู้ใส่เหมือนของตัวเอง หลังจากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ ก่อนจะนอนก็กินยาพาราคนละ 2 เม็ด ห่มผ้านอนเบียดกันบนเตียงอันแสนเล็กของผม
“มึง โดดงานทำไมว่ะปอ”
“งานไม่ค่อยมี อยู่อู่ก็นั่งจ้องตากันเฉยๆ”
“แล้วเค้าจ้างมึงไปทำไมว่ะ”
“จ้างไปกินเงินเดือนเฉยๆ”
“เค้าน่าจะไล่มึงออกเนอะ”
“ปากดีนะมึง เค้ารู้ว่ากูต้องทำมาหาเลี้ยงเมีย ก็เมียกูไม่ทำงานนี่หว่า”
“โอ้ยย” ไอ้ปอร้องหลังจากที่ผมใช้นิ้วดีดปากมันแรงๆ ผมดีแรงใช้ได้เลยทีเดียว
“ทีหลังจะพูดอะไรก็ระวังปากหน่อย...รึมึงอยากเจ็บตัวอีกก็พูดอีกได้”
“กูแค่พูดเล่น..จริงๆเค้าไม่ไล่กูหรอก กูเป็นคนเก่าคนแก่ อยู่มานานแล้ว”(อย่างนี้พูดจริงแล้วเหรอ)
“เก่าแก่มึงกี่ปีว่ะ”
“4จะ5แล้ว เค้าจะให้กูเป็นเป็นเจ้าของอู่แล้ว แต่กูไม่เอา”
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะมึง”
“.........”เงียบเหมือนจะนอนแล้ว
“ไหนมึงบอกว่าจะด่ากู” (อ้าวไอ้นี่อยากโดนด่า)
“เรื่องอะไร” ผมลืมจริงๆ
“เรื่องมารยาทในที่สาธารณไง”(เออ.. รู้จักแต่งชื่อเรื่องให้ดูดี เหมือนมันรู้ดีนะแต่ไม่เคยทำ)
“เออใช่ๆ..เวลามึงไปนั่งที่ไหนหรือทำอะไรก็ตาม มึงต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้ากูไล่มึงให้ไปนั่งตรงนั้น ที่ฝนสาด มึงจะไปไหม”
“ไป กูรักมึง มึงบอกให้กูทำไร กูทำได้หมด”
“ไอ้เหี้ย สมมติมึงไม่รู้จักกับกู”
“....”เหมือนหยุดคิดไปสักพัก
“ไอ้โง่ สมมติตัดหน้ากูออกแล้วเอาหน้าแฟนเก่ามึงมาใส่”
“ไม่ไป พูดกับกูยังงี้ กูต่อยเลย”
“อ้าว สักวันนึงกูเลิกกับมึง กูพูดไรไป มึงไม่ต่อยกูเหรอวะ”
“มึงพูดต่อไป กูจะต่อยมึงแหละตอนเนี้ย” มันนอนตะแคงมากอดผม
“กูพูดเล่น มีแต่มึงแหละจะต่อยกู” ผงกหัวมาหอมแก้มผม
“กูพูดเรื่องมารยาทมึงยังไม่จบ... เออนั้นแหละดีนะมึงไม่โดนเค้ากระทืบ เค้ามาเป็นสิบเลยนะเว้ย”
“อยากมากก็แค่ตาย”
“แล้วถ้าไม่ตาย พิการล่ะ”
“ถ้ากูพิการแล้วมึงจะรักกูอีกไหม”
“รักทำไมคนพิการ กูก็จะหาคนใหม่สิ”ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ ตามประสา แต่มันเครียดเลยครับ ลุกขึ้นนั่ง(งานเข้ากูอีกแล้ว)
“เห้ยปอ กูล้อเล่น กูพูดกูอยากให้มึงรักษาตัวเองให้ดีๆ กูไม่อยากให้มึงเป็นอะไร ไม่อยากให้มึงเจ็บตัว” ชักแม่น้ำทั้งห้าครับ
“แล้วถ้ากูพิการล่ะ แล้วมึงยังจะรักกูอีกไหม” หันหน้ามาถามผมอีกครั้ง
“รัก กูรักมึง มึงจะรักษาตัวเองเพื่อกูได้ไหมล่ะ” พูดแล้วขนลุก ไม่รู้ว่าตัวเองพูดออกไปได้ไง(แหวะ กูอยากจะอ้วกคำพูดตัวเอง)
“งั้นกูจะไม่ให้แม้แต่มดมาไต่กู เดี๋ยวกูจะสึก” (แหวะ น้ำเน่ากว่ากูอีก) ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆยิ่งเห็นมุมเด็กมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เด็ก 19 หนิ
“เรียนจบกูว่ากูจะบวช” กลับลงนอนเหมือนเดิม
“จบอะไร เอาให้ชัดๆ”
“จบ ปวส.”
“ปวส มึงกล้าบอกว่าตัวเองเรียนจบเหรอ คนที่เค้าเรียนจบด็อกเตอร์เค้ายังไม่กล้าพูดว่าเค้าจบ..”
“หยุดๆ ๆๆนอกเรื่องไปมาก ประเด็นกูพูดคือกูจะบวช เอาให้เข้าประเด็น”มันเอามือปิดปากผม
“อืมก็ดี ยังมีความคิดที่จะบวช”
“มึงต้องถือหมอนให้กูนะ”
“มึงเริ่มเพ้อฝันอีกแล้ว”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยแค่ถือหมอน ใครไม่ให้มึงถือบอกกู มันงานบวชกูนะเว้ย”
“ไอ้ทั้งหมดน่ะ สำคัญที่สุดคือหมอน คนจะมองก็ตรงนั้นแหละ”
“ก็กูอยากให้มึงถือ”
“เออๆ ให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ” ผมตัดบทขี้เกียจต่อปากต่อคำกลับมัน
“แล้วมึงจะมาตักบาตรกูป่าว” (อ้าวเริ่มพูดอีกแล้ว)
“มึงเดินมาหน้าบ้านกูดิ”
“จากวัดที่กูจะบวชนั้นน่ะ มึงจะให้กูเดินมาตั้งแต่ตี 3 เลยรึไง มึงขี่มอ-ไซต์ไปวัดกูดิ” มันคงคิดจะบวชที่วัดใกล้บ้างมัน
“เออๆให้ถึงวันนั้นก่อน”ตัดบทเป็นครั้งที่ 2 ถ้ามันบวชจริงๆผมคงไม่ไปเจอมันหรอกครับ เดี๋ยวเผลอพูด กู-มึง-เหี้ย-สาด กับพระ เป็นบาปป่าวๆ)
ผมกำลังจะพูด มันเอามือมาปิดปากผม
“จุ๊ ๆๆๆ นอน....กูง่วงนอนมึงอย่าพูด พูดไปก็ไม่มีใครฟังมึง เสียน้ำลายมึงป่าวๆ”
“น้ำลายก็น้ำลายกูนี่หว่า” พูดเสร็จมันยกหัวมาจูบปากผม
“ปากมึงมีน้ำลายกูอยู่ด้วย งั้นอย่าพูดให้เสียน้ำลายกู”(อ้าวมีการฝากน้ำลายกันด้วย กูไม่ใช่ธนาคารนะเว้ย)
“!!?!??” งง แบบนี้ก็มีด้วย
หลับเพราะฤทธิ์ยาด้วยกันทั้งคู่ ทางกลางเสียฝนยังกะฟ้ารั่ว
***************************************************************
สรุปแล้วก็คืออารมณ์หมั่นไส้ตำรวจนั่นเอง แล้วตำรวจก็มีอารมณ์แบบเดียวกันตอบสนองผมเหมือนกัน เดาถูกกันรึป่าว
*****************************************************************
ขอบคุณทุกๆคนคร้าบบบบ
....รักที...ชอบปอ...กดบวกให้คนโพสต์ได้น่ะครับ...
ปล.เดียวตอนดึกๆจะมาลงอีกตอนเพราะพรุ่งนี้ไม่ว่างลงครับ