ช่วยด้วย! ผมได้แฟน***ไอ้เด็กช่างยนต์ By ที...60 ฟ้าหลังฝน หน้า 143 (01/28/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยด้วย! ผมได้แฟน***ไอ้เด็กช่างยนต์ By ที...60 ฟ้าหลังฝน หน้า 143 (01/28/61)  (อ่าน 1289598 ครั้ง)

Flowersteel

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ โมโม่ที่รัก

  • ٥ﻻ ﻉ√٥ﺎ ٱu
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านไป ฮาไปด้วยเลยนะเนี่ย
555+
 :jul3:

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7

QUE1

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่าๆๆ....นึกว่า คุณทีท้องซะอีก ก๊ากก
ที่แท้ก็ลูกชาวบ้านตาใส นี้เอง
แหม...แต่ปอก็นะ แอ๊บเนียน ฮ่าๆๆ
อ่านคู่นี้ แล้ว ขำทุกที

คุณทีคะ เติมออนไลน์เป็นแล้วชิมะ...คิกๆๆๆ

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
อ่านชื่อตอนแล้วตกใจ
แต่อ่านเนื้อหาข้างใน
น่ารักมากมาย
ชอบ ชอบ :m20:

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
555555เมียใครหว่า....มันช่างโ-่ง จังเลยนิ เรื่องยากๆรอบรู้ทุกอย่างมาตกม้าตายก้อตอนไอ้เรื่องง่ายๆนี้แหละคนเรา

ออฟไลน์ ~MeiMeiZ@~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รักคู่นี้จังเลยค่ะ อ๊าง~~  :o8:

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31
เรื่องนี้จบแล้วเหรอครับ

แจ้งฉันที อิอิ

ออฟไลน์ TANYAjip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-4
เพิ่งเข้ามาตามอ่าน  จบภายในวันเดียวเลย
ทั้งสองคนเป็นคู่ที่น่ารักมากเลยค่ะ  ต่อปากต่อคำได้สุดยอด อ่านไปขำไป  บางคำพูดไม่รู้คิดได้ยังไง อยู่ด้วยกันคงไม่มีเบื่อ(รึเปล่า)
เป็นอีกคู่ที่ประทับใจ   อ่านตอนที่ปอแอบไปกับสาว เป็นคนอื่นถ้ามีเหตุการณ์ซ้ำสองแบบนี้คงถือฐิถิ ไม่ยอมให้อภัยแน่ๆ
แต่คุณทีเลือกที่จะใช้สมองควบคู่กับหัวใจ  ถ้าเรายังรักเค้า แล้วเค้าก็พิสูจตัวเองว่ารักเราจริงๆได้ ก็ให้อภัยคนที่เรารักเถอะค่ะ
ถึงปอจะเด็ก  แต่ก็ดูท่าทางจะรักคุณทีจริงๆนะค่ะ  ถึงจะเป็นรักที่บางทีมันดูน่าอึดอัดสำหรับคนอายุมากกว่า
ตรงที่มาตามหึง ตามหวง   แต่ถ้าคิดว่ามันทำไปเพราะรักก็คงจะโกรธไม่ลง  
อีกหน่อยอายุมากกว่านี้คงจะคิดได้เองว่าควรจะทำยังไงกับความรัก  ถึงจะคบกันได้นานๆ   มันต้องมีความเชื่อใจให้กันอย่างสูง

รออ่านตอนพิเศษต่อๆไปนะคะ จะคอยเป็นกำลังใจให้

ปล  คุณที เป็นหมอหรอค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2010 00:19:52 โดย TANYAjip »

Loidelohm

  • บุคคลทั่วไป
เราก็เคยไม่รู้ เรื่องเติมออนไลน์
ก็เลย ถาม ถาม ถาม ถาม ถาม ถาม ถาม ซะจนพนักงานมันแสดงออกว่า พอแล้วมึงถามไรนักหนาว๊ะ
ก็เลยตอบในใจว่า กูกลัวโง่อ่ะ 555555555+


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
ช่วยด้วย! ผมได้แฟนเหี้ย ไอ้เด็กช่างยนต์38…เปิดอก
   บ่นนำ
   นักเรียน นิสิต นักศึกษาทั้งหลายคงเปิดเทอมกันหมดแล้วดิ  ละเว้นจากการอ่านเรื่องพี่บ้างก็ดีนะ555 ไปอ่านหนังสือหนังหากันได้แล้ว  พี่ก็เปิดแล้วเหมือนกัน  หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวัน  ไม่มีแล้ววันหยุดที่จะได้พัก  พอจะมีที่ให้หายใจบ้างก็คงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์  ช่างเหอะไม่บ่นดีกว่าก็เลือกเดินเองหนิโว้ยยย  โทษใครไม่ได้
   ไม่รู้เหมือนกันได้บอกไปรึยังว่าผมต่อสัญญากับที่นี้อีก 2 ปี ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลทำ thesis ให้ผมได้ดีเลยทีเดียว และหนึ่งในหลายๆเหตุผลนั้นเค้าก็หาคนมาช่วยด้วย ก็น่าจะเบาลงได้(มั้ง) ให้ผมสัมภาษณ์เองด้วย  ผู้หลักผู้ใหญ่เค้าบอกว่าจะให้มาร่วมงานกับผมก็เลยให้ผมคัดดูเอง(เป็นครั้งแรกที่ใส่ใจกู และเป็นครั้งแรกที่กูจะเป็นผู้สัมภาษณ์)
   การคิดคำถามที่จะถามก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกันนะ คุณอยากรู้ไหมว่าผมจะถามอะไร (ไม่อยากรู้ก็จะบอก)  คำถามผมไม่ยากหรอก ไม่ได้วัดระดับไอคิว เพราะคนที่สมัครจบปริญญาตรีผมก็คิดว่าเก่งแล้ว แล้วอีกอย่างคนที่มาสัมภาษณ์ ก็ต้องผ่านก็สอบวิชาการเฉพาะที่องค์กรออกข้อสอบมา  ผ่านมาทั้งหมด15คน จะเอาสามคน ก็ลำบากใจเหมือนกัน  คำถามผมจึงเน้นเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ  
   “คุณนับถือศาสนาอะไรครับ”  คำถามแรกของผมเล่นเอาคนตอบมีแบบงงๆไปเหมือนกัน (ทั้งหมดเป็นพุทธ)
   “แก่นหลักๆของศาสนา ที่คุณคิดว่าคนเราพึงปฏิบัติน่าจะมีอะไร” ผมใช้คำว่า  คนเรา…น่าจะ… ก็แปลว่า ไม่ได้หมายถึงคุณคนเดียว หมายถึงคนทั่วไป  คุณจะตอบมีก็ได้ ไม่มีก็ได้    ทุกคนตอบว่ามี และบางคนก็บรรยาย  ยกหนังสือพระพุทธศาสนามาทั้งเล่ม ก็ถือว่าเก่งที่จำได้ (ก็บอกแล้วไม่ได้วัดคนเก่ง)
   “แล้วจากที่กล่าวมาทั้งหมด คุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำได้มีข้อไหนบ้าง”  บางคนข้อที่แล้วตอบเยอะจัด  จนต้องคิดทบทวนนานหน่อย (เดาได้ว่าคุณเก่งทฤษฎี  ในทางปฏิบัติอาจจะยังน้อยอยู่)  แล้วคนที่ระหว่างคิดโดยที่ลูกนัยน์ตามองไปข้างบนหรือเอียงบนเล็กน้อย สันนิฐานได้เลยว่าอาจจะคิดคำที่ไม่ใช่ความจริง (โกหกนั้นเอง)
   สามคำถามเป็นคำถามเกริ่นนำ หลังจากนั้นผมก็ถามทั่วไป  เชิงพูดคุยกันให้เค้าหายเกร็งแสดงออกเป็นตัวเองมากที่สุด  และสุดท้ายผมก็จะกลับมาถามเรื่อง ศีลธรรมอีกครั้ง“คุณคิดว่า ศีลห้ามีข้อไหนที่คุณทำได้ดี…ข้อไหนที่ต้องพยายามปรับปรุง”  มีบางคนตอบไม่เหมือนเดิมด้วยฮาดี  สามข้อแรกกับข้อสุดท้ายไม่ไปด้วยกัน  สงสัยคุยเพลินแล้วลืมตัว แต่ผมจำได้แน่นนอนเพราะตั้งคำถามต้องการความเชื่อมั่นในตัวคนตอบ
   สัมภาษณ์15คน ทั้งวันเลย จบลงบ่ายสองโมง  ผมนั่งเขียนจดหมายชั่วโมงนึง บ่ายสามผลออก ผมบอกผลในจดหมายซองสีขาว  ผมให้จดหมายเองทั้ง15คน ในคนที่ได้ผมก็จะเขียนว่า “ยินดีที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ เริ่มงานวันที่ 1 มิถุนายน ” และเขียนชื่อที่อยู่ เบอร์ เมล์ ไปในนั้นด้วย  สำหรับคนที่ไม่ได้ ผมก็เขียนยาวหน่อย ประมาณว่า “ขอบคุณและยินดีที่ได้พูดคุยกัน  คุณเป็นคนเก่ง  เป็นที่น่าชื่มชมของวงศ์ตระกูล  ผมหวังว่าคุณต้องได้งานที่ดีกว่าองค์กรของเราแน่นอน”  ผมก็ให้ชื่อ ที่อยู่ เมล์เหมือนกัน  “ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้เสมอ”  ผมก็หวังว่าคงจะเป็นการปลอบใจเล็กน้อยๆได้ล่ะมั้งนะ
   แล้วคุณผู้อ่านล่ะ  หวังว่าสักวันคงได้ร่วมงานกัน (ก็เดาผมออกทุกทางแล้วมั้ง)
 ...
………………………………………………………………………………………
 ตอน38....เปิดอก
เย็นวันพุธผมเข้านอนตอน6โมงครึ่ง  ด้วยความเพลีย(จากการนอนไม่หลับมาเมื่อคืน) เลิกงานปุ๊บ ลืมตาแทบไม่ขึ้น (มันก็แทบไม่ขึ้นตั้งแต่หลังกินข้างเที่ยวแล้วล่ะ)  ผมกินข้าว อาบน้ำ  นอนอย่างรวดเร็ว  
   เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น (โอ้ยยยยย  กูไม่น่าเปิดเสียงไว้เลย ) ผมก็ไม่กระดิกหูนอนฟังไปเรื่อยๆจนเสียงเพลงหยุด  ไม่ถึงสองวิเสียงดังมาอีกแล้ว ผมก็นอนไม่กระดิกหาง เอ้ย! หู อีกครั้ง (กูยังมีความอดทนพอ) ผ่านไปสองครั้ง  เสียงสิ้นสุดลงเหมือนเดิม ผมกำลังเคลิ้มหลับต่อ เสียงครั้งที่สามตามมาติดๆ (โอ้ยยยยย  มึงงงงงง  แม่งก่อนกูจะพูดกูขอด่าก่อนเถอะ  ใครวะ) ผมตะเกียกตะกายเลื้อยลงเตียงเดินโซเซไปที่โต๊ะ  ผมดูชื่อไอ้ตัวที่มันโทรมา (เมิงงงงง ไอ้ปอบ ไอ้ปอออออออ) ผมกดรับ อ้าปากกะจะใส่เป็นชุด
   “ทำเหี้ยอะไรอยู่  ทำไมรับช้าวะ”  (อ้าวเห้ยเอาเป็นว่ากูโดนด่า  ไงเป็นมึงมาด่ากูวะ)
   “บุญเท่าไหร่แล้ว   ที่กูคืบคลานมารับโทรศัพท์”  ผมพูดเสียงงัวเงีย
   “มึงคลานอยู่กับใคร”  (โทรมากวนกู ยังมีหน้ามาหาเรื่องกูอีก)
   “ตามจินตนาการมึงเหอะ   มึงอยากให้กูคลานกับใครก็เลือกเอา  แต่เอาหล่อๆหน่อยนะ” (แม่งกูประชดซะเลย  ไอ้ปัญญาเท่าหางอึ่ง  คิดแต่อย่างเดียว)
   “กูเริ่มไม่มั่นใจแล้วนะที  มึงทำอะไรอยู่”  
   “ไม่เคยเชื่อกูอยู่แล้วหนิ”  ผมพูดเศร้าๆ เคล้าน้ำตา(เวอร์ไป) น้อยใจเล็กน้อย
   “ไอ้เชื่อใจมึงน่ะเชื่อใจ  แต่กูไม่เชื่อใจคนอื่น”
   “ยังไง” (กูไม่เข้าใจ)
   “มึงชอบทำดีกับคนอื่น  กูกลัวคนอื่นเค้าจะชอบมึง”
   “อ้าว  ไอ้นี่  มึงจะให้กูด่าทุกคนที่กูเห็นรึไง…คงตลกดีเนอะ จากที่พูดสวัสดีตอนเจอหน้า มาเป็นไอ้ควาย ทำเหี้ยอะไรอยู่  ไม่ค่อยเจอหน้าเยินๆมึงเลย  ดูหูตกไปเยอะเลยนะมึง  กูคงโดนสวนกลับด้วยตีนล่ะมั้ง”
   “ไม่ใช่  ไม่ใช่ยังงั้น  กูหมายถึงว่าคนที่มันมาใกล้ชิดมึง  มันจะรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง  แล้วมันจะทำเป็นตีสนิทกับมึง  กูเลยไม่อยากจะมั่นใจ”
   “คิดไปถึงดาวอังคารเลยนะมึง  ไม่มีหรอก  ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้กูหรอก  ไม่ต้องคิดมาก”
   “ไม่อ่ะ  กูว่าใครได้อยู่ใกล้มึง มันต้องมีคิดบางล่ะ  อยู่กับมึงแล้วมันมีความสุข  มันก็บอกไม่ถูกว่ะ…มึงก็อย่าให้ใครมาสนิทกับมึงมากนะ” (เริ่มเน่าแล้วปอ…ประโยคแรกยังด่ากูอยู่เลย)
   “มีแต่มึงล่ะมั้งที่คิดแบบนี้” (แต่กูก็ยังสานความเน่าต่อ)
   “ถ้ามันคิดแต่กูก็ดี  จะได้ไม่มีตัวอื่นมาหม้อ”  (เอ้ย  ไอ้นี่ พูดซะกูเป็นหมาในฤดูผสมพันธุ์เลย)
   “ก็ว่าไป  ยังกะกูมีให้เลือกมากมาย แต่ถ้ามีให้เลือกได้ก็ดีเหมือนกันเนอะ555”
   “ไอ้เหี้ย ที”
   “อะไรไอ้เวรปอ…กูพูดเล่น  ถึงมีให้เลือกเยอะ กูก็เลือกมึงอยู่ดี” จริงรึไม่จริง นิ้วชี้กับนิ้วกลางกูก็พันกันล่ะวะ…เจอครั้งแรกใครจะหลับหูหลับตาไปเลือกมึง ไอ้เด็กเวร ไอ้เด็กก้าวร้าว  ไอ้เด็กไม่มีมารยาท  
   “เออๆ  พูดเล่น พูดบ่อยๆเข้านะ เดี๋ยวจะไม่มีปากให้พูด”  (โห้ เล่นบทโหดเลยเหรอ)
   “ทำเป็นงอน  เดี๋ยวกูส่งตีนไปง้อเลยหนิ”
   “โหดไปไหมพี่ที”
   “พูดกับมึงมันพูดธรรมดาเหมือนชาวบ้านเค้าได้ที่ไหนเล่า  มันต้องมีความรุนแรงทางวาจา  และกำลัง”  ก็บอกแล้วพูดกับไอ้ปอ แยกแยะไม่ออกหรอกว่าโกรธกันรึป่าว มันใช้ภาษาพูดเหมือนกัน  ถ้าจะให้รู้อารมณ์ก็ฟังจากระดับเสียงที่พูด
   “มึงนั้นแหละพูดกวนประสาทกู  พูดให้มันเหมือนแฟนเค้าพูดกันได้ป่าว”  (อ้าวเป็นเพราะกูเหรอวะเนี้ยยยย  กูเพิ่งรู้ตัวววว)
   “โห้  ไอ้ปอ อย่าทำเป็นพูดดีเลย   แรกๆกูพูดกับมึงเพราะจะตาย  กูเรียกตัวเองว่าพี่นะ  กูจำได้  มึงมาพูดมึงๆกูๆกับกูก่อน”
   “มึงก็อย่าเรียกตัวเองว่าพี่สิ  มึงก็เรียกว่าที  รึไม่งั้นก็น้องที555”
   “ไอ้เหี้ย  กูรุ่นไหนแล้ว”
   “เอะอะๆ ก็อ้างแต่ว่าตัวเองเป็นพี่  ตัวเองเกิดก่อน  มึงเกิดพร้อมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเหรอรึเกิดตอนโซเวียตล่มสลาย”
   “โอ้โห้   ไอ้ปอกูพัฒนาเว้ย  มีการอ้างอิงประวัติศาสตร์โลกด้วย เป็นการกล่าวอ้างที่สมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่ได้ยินมา”
   “กูจำเค้ามา55”
   “ถึงกูจะไม่เกิดพร้อมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง  …แต่กูก็เกิดทันเห็นสงครามกลางกรุง   รถถังวิ่งในเมืองหลวงอ่ะ  มึงเคยเห็นป่าว”  (อ้างอิงการเมืองไทย ใกล้ตัวนี่แหละกู)
   “จะพูดอะไรก็พูดให้มันน่าอิจฉากว่านี้หน่อย …กูปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยวะ ว่าจะอิจฉามึงดีรึสมน้ำหน้ามึงดี”
   “อ้าว   อย่ามาดูถูกประวัติศาสตร์ประสบการณ์กูนะเว้ย มึงเคยเห็นรถถังวิ่งบนถนนลาดยางไหมล่ะ ไม่เคยอ่ะดิ เคยเห็นแต่มันจดอยู่พิพิธภัณฑ์ ไม่งั้นก็วิ่งรบในป่า”
   “เออ  มีอีกเที่ยวหน้า  มึงอย่าลืมชวนกูไปดูด้วยนะ  ”
   “อ้าวไอ้นี่ แช่งประเทศ   เปลี่ยนเรื่องคุย  ก่อนที่กูกับมึงจะไปอยู่ในตาราง”
   “55 ก็ดีกูจะได้อยู่กับมึงตลอด”
   “อะไรจะอยากอยู่กับกูขนาดนั้น” ผมพูดแซวมันเล่นๆ
   “รึมึงไม่อยากอยู่กับกู”  เสียงแข็งๆแทรกเข้าหูอีกแล้ว  (เอาไงดีล่ะ ไม่น่าพูดหาเรื่องมันเลย ถ้าบอกว่าไม่อยาก มันคงระเบิดใส่กูแน่ๆ)
   “อยาก ครับปอ  อยากมากๆเลยนะ  จริงๆ”  (ถ้าเชื่อก็ไม่รู้จะว่าไง)
   “อยากอะไร  พูดให้ชัดๆ มันค้างๆคา ”  (สมองกลวงจริงๆ คิดได้แต่เรื่องเดียว)
   “อยากอยู่ใกล้ปอไง”  ผมพูดทำเสียงใส เหมือนไม่ได้คิดอะไร
   “อยู่ใกล้เฉยๆเหรอ  มันจะมันตรงไหนวะ”
   “อยากให้มันก็ซื้อถั่ว เม็ดทานตะวัน  รึไมงั้นก็เม็ดแตงโมง มานั่งแกะกินข้างๆ  กินไหม กลับไปเดี๋ยวซื้อไปด้วย”
   “ถั่วไร”  
   “ถั่วลิสงคั่วไง”
   “ไม่เอากูอยากกินถั่วดำ มันดี”  (เสือกตอบทะลึ่ง)
   “ไปซื้อกินดิ  ตลาดไง”
   “ไม่เอากู อยากกินของแม่ค้าที”
   “ไอ่ ซ่ง ติง” ผมพูดภาษาจีนช้าๆ แปลเป็นไทยได้ว่า  ไอ้ส้นตีน (รู้สึกว่าคำจะใกล้เคียงกันมากเลย)
   “55 แล้วมึงรู้ยังพรุ่งนี้วันพระ”
   “เห้ย  หูกูฝาดรึป่าววะ  มึงรู้จักวันพระวันเจ้าด้วย”
   “รู้ดิ  รู้ทุกอาทิตย์เลย  วัน พะ-ฤ-หัส ไง” (เวรกำ  มึงทำกูอึ้งไปสองวินาทีที่รู้จักวันพระ  ก่อนที่มันจะสลายตัวกลายเป็นอากาศเสีย)
   “เออ  พฤหัสเต็มๆ ทั้งวันจริงด้วย  ”
   “แล้วมึงรู้ไหม ถัดจากวันพระมึงมันเป็นวันชาติจีนนะ”
   “พูดจริง พูดเล่น”
   “จริ๊งง”
   “มึงรู้ได้ไง”
   “ก็วันจีนเตี๊ยะ…วันเจี๊ยะตีนไง  กูกลับไปเย็นวันพระมึงนั้นแหละ  มึงโดนแน่”  
   “55 ขนาดนั้นเลยเหรอ  กูพูดผิด  วันศุกร์ต่างหากวันพระ”
   “จะมามุมไหนอีกล่ะ”
   “อ้าวจริงๆ  วันวิสาไง”  (กูรู้แล้ว  วันหยุดขอให้ถามกู กูว่องนัก)
   “ วันวิสาที่เป็นดาราน่ะเหรอ”
   “น่านนน  พอกูพูดจริงๆ เสือกตอบมั่ว  เดี๋ยวปัดเหนี่ยว”
   “เออ กูพูดจริงๆล่ะ  ต่อให้วันศุกร์จะเป็นวันอะไรก็ช่าง  แต่มันเป็นวันชาติจีน  กูกลับไปมึงต้องโดนแน่ๆ”
   “เออๆ รีบกลับมานะ  กูไปกินข้าวก่อน”
   “กินข้าวที่ไหน”
   “อยู่บ้านเมียอย่านิ่งดูดาย   ต้องรีบหาข้าวให้แม่ยายกิน  แล้วจะดีเอย” (กลอนสุนทรปอ)
   “ไอ้ฟายยยย  ทำเป็นบ้านตัวเองเลยนะมึง”
   “อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยที  เป็นผัวเมียกันมันก็เหมือนคนๆเดียวกัน    เห็นไหม มึงไม่อยู่คนทำหน้าที่แทนมึงทุกอย่าง  แม่ยายกับพ่อตากำลังปลื้มกู  กูต้องรีบทำคะแนน  กินข้าวแล้วกูก็ล้างจานก่อน แล้วค่อยได้นอน”
   “เดี๋ยวๆ  พูดซะยังกะมันเป็นงานหนัก  ดีแค่ไหนแล้วที่กูไม่เก็บค่าเช่า  กลับไปสิงสถิตบ้านตัวเองบางนะ   แม่มึงจะด่าว่าเลี้ยงโตมาแล้วให้บ้านกูใช้”
   “แม่กูเข้าใจว่ากูมีครอบครัว  มีเมียแล้ว”
   “ไอ้ปอ  ถ้ามึงยังพูดเมียอีกครั้งนึง  กูกลับไปมึงจะโดนหนักกว่าเดิมหลายเท่า”
   “จะอึ้ย   คร๊าบบบบ  ไปก่อนเดี๋ยวไปกินข้าวช้า แม่ยายจะไม่ปลื้ม”
   “เมิงงงงง  กูกลับไปมึงระวังให้ดี”  (หาว่ากูเป็นเมีย  หาว่าแม่กูเป็นแม่ยาย…ทำกูตาสว่างแล้วก็จากไป  คืนนี้กูจะนอนหลับป่าวเนี้ย)
…………………………………………………………………………..

เย้!!ในที่สุดก็ถึงวันหยุดยาวแล้ววววว (หยุดวันวิสากับเสาร์ อาทิตย์) แค่นี้ผมก็ว่ายาวและพึงพอใจแล้วนะ555 วัยทำงานก็จะดีใจยังงี้แหละ  (เห้ย  กูแก่แล้วเหรอเนี้ย)  ดีใจสิ จะไม่มีวันหยุดเลยนอกจากวันชดเชยต่างๆ
   วันหยุดนี้ผม พี่ พ่อ แม่ ไอ้ปอ(ไอ้ตัวสุดท้ายมันเป็นส่วนนึงของบ้านผมไปแล้วครับ) ว่าจะไปทำบุญกัน ก็คงไม่ได้ไปไหนไกล วัดแถวๆบ้านล่ะมั้ง   
   รุ่งขึ้นแต่เช้าทุกคนต่างตื่นแต่เช้าและตื่นเต้นที่จะได้ไปทำบุญ(เพราะมันนานๆๆๆๆๆครั้ง) ในตอนเช้าก็ทำบุญตักบาตร ที่วัด   ตอนเที่ยงไปปล่อยนก ปล่อยปลา  เลี้ยงอาหารลิงที่เขาสามมุก   และตกตอนเย็นก็เดินหาเดินแจกยาสามัญประจำบ้านให้กับคนงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ ดีหน่อยที่พี่ผมเป็นหมอทำงานที่โรงบาล  เลยขอซื้อมาได้ในราคาต้นทุน กล่องละ200บาท ได้เยอะเลยนะเว้ย  ซื้อทั้งหมด50กล่อง ให้50ห้อง 
   หลังจากที่ทำบุญกับพระ  ทำทานกับคนเสร็จ ในวันนั้นเราเลยชวนกันออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน  แต่พ่อ แม่ผมไปด้วยไม่ได้ ติดธุระด่วน  ทำให้เราต้องไปกันสามคน
   ในระหว่างขับรถ(ไอ้ปอขับรถพ่อมัน…ทั้งวันเลยล่ะวันนี้เอารถมันไป…ครอบครัวผมไม่ได้งกนะเว้ย  แต่ไอ้ปอมันอยากช่วยบ้าง  มันบอกว่าผมออกทุกอย่างแล้ว มันอยากร่วมทำบุญด้วย   เราก็ไม่ขัดศรัทธาคนที่คิดจะทำบุญ  … ไอ้ปอมันก็มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี้ย)
   เราสามคนก็พูดคุยกันปกติ ทั่วไป  กินเสร็จ  ขากลับ
   “ทีอิ่มไหม  กินไรอีกป่าว”  ไอ้ปอถามผม
   “ไม่อ่ะ  อิ่มแย้ววว”  ผมส่ายหน้า พูดประมาณว่าอิ่มมากๆเลยล่ะ
   “กินของหวานหน่อยไหม เดี๋ยวแวะซื้อ” ไอ้ปอถามผมอีกครั้ง
   “ไม่เอาอิ่มมาก  ตอนนี้เม็ดข้าวเม็ดสุดท้ายอยู่ที่ลูกกระเดือก” ผมพูดเล่นๆ
   “ไหนอ้าปาก ดูหน่อยสิ”   
   “แหมม  ห่วงกันจริงๆนะ   เห็นเป็นห่วงเป็นใยกันทั้งวันเลย”พี่ผมพูดแล้วยิ้ม
   “555”  ผมได้แต่หัวเราะไม่เต็มใจเท่าไหร่  หัวเราะแก้เขิน  ไอ้ปอก็ยิ้มๆ
   “พี่ไปไหนต่อดี”  ไอ้ปอถามพี่ผม
   “แหมมม ถ้าพี่ไม่พูดขึ้นคงลืมมั้งว่าพี่นั่งรถมาด้วย55…พี่เห็นทีกับปอมีความสุข พี่ก็มีความสุขแล้ว”  (อ้าว  พี่ผมไมพูดทะแม่งๆ)
   “สุขดิพี่  เราสุขกันทุกวันอยู่แล้วครับ” ไอ้ปอพูดยิ้มๆ (มึงก็ตอบแบบหลายแง่หลายง่ามเหนอะ)ผมเอียงหัวมองไอ้ปอเล็กน้อย  ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆเป็นสัญลักษณ์ว่าหยุดพูด
   “อ่ะๆ  ไม่เอาอย่ามองกันแบบนั้น มันน่ากลัว”  พี่ผมก็ช่างสังเกตจริง(กูว่าแล้วพี่กูเหนือกว่ากูทุกอย่าง)
   “ถามจริง  เป็นแฟนกันมานานแล้วเหรอ” (อ้าววววววววววว  เห้ยยยยยยยยยยยยยยยย  พี่รู้ได้ยังไงงงงงงงงงงงงงง)  หน้าผมจากที่ยิ้มเจื่อนๆอยู่กลับมาหน้านิ่ง  ตาค้างมองหน้าไอ้ปอ
...

ที่ตัดจบตรงนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรน่ะครับ....อยากแกล้งคนนิดหน่อย o18

เดี๋ยวครึ่งหลังจะตามมาครับ

เป็นกำลังใจให้"ทีกับปอ"ก็อย่าลืมเมนท์น่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2010 20:44:17 โดย LEO »

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ยังสนุกและน่ารักเหมือนเดิม

CYPINUS

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคู่นี้ ยิงมุกใส่กันตลอดเลย  :laugh:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
อ่า

แสดงว่า พ่อแม่รู้ไหม

จ๊ากกก

ออฟไลน์ TANYAjip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-4
ยังต่อปากต่อคำได้ฮาเหมือนเดิม  กวนกันวันล่ะนิด จิตแจ่มใส่ :laugh:

แอบตกใจแทนตอนที่พี่สาวถาม  

รออีกครึ่งนึงนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ BlackClover

  • ◥≡Pe'un≡◤
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
อ่านเรื่องนี้ทีไร มีความสุขหมายถึงสนุกกับการที่สองคนกวนกันไปมา
พี่รู้ว่าเป็นแฟนกันแสดงว่า...ทำอะไรประเจิดประเจ้อล่ะสิ  หุหุ

ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
อ่านเรื่องนี้ได้ทั้งสาระและความฮา(เวลาคุณทีกับปอคุยกัน)  :laugh:

แกล้งกันเหรอคุณที
เดี๋ยวก็ :z13:ฉึกๆๆๆๆ ให้ทะลุเลยนี่

พี่สาวรู้ด้วย ฮ่าๆ แล้วจะเป็นไงต่อไป?

 :กอด1:ทีนึง เอาครึ่งหลังมาเร็วๆนะ


ปล.คุณทีใช้คำพูดในการบอกคนที่ไม่ได้งานดีจัง  อ่านแล้วมันดูไม่เสียกำลังใจดีน่ะ

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่าฮ่าฮ่า น่ารักดีอ่ะ..งคุยกันทีไร ได้ฮาทุกทีปออย่างกวนเหอะ...คิกคิก

คิดว่าปอต้องตอบพี่ของทีทันควันแหงๆ เคยอายอะไรกับเค้าซะที่ไหน

แล้วพ่อแม่อ่ะ เค้าก็น่าจะรู้ๆแต่ไม่พูดอ๊ะเปล่า

InKMoNsTeR

  • บุคคลทั่วไป
เม้นท์ตอนที่ 37* นายปอเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิดนะครับ ในบางที ^^'
ส่วนคุณที...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ (เอ๊ยยย ผมไม่ได้เยาะเย้ยน้าาา..น่ารักดีครับ ไม่รู้เรื่องง่ายๆ เอิ๊กๆๆ)

^^

ส่วนตอนที่ 38 ขออ่านก่อน หุหุ

ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 o18เป็นแฟนกันมานานแล้วครับบบบบบบบบบบ   ตอบไปเลยยยยยยยยยยยยยยยยย o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2

ออฟไลน์ aeecd

  • :: 8018 ::
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
โวะ มีงี้ด้วย o13คุณพี่ยอดมั่กคร่า อิอิ

teerasak

  • บุคคลทั่วไป
 :m16: โห ทำไมทำกันอย่างนี้ มันค้าง มาก  o22 มาเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ โมโม่ที่รัก

  • ٥ﻻ ﻉ√٥ﺎ ٱu
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ้าวแล้วใครรู้เรื่องนี้มั้งเนี่ย
 :a5:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
 :laugh: :laugh: เอาแล้วไงงงงงงงง สงสัยรู้กันทั้งบ้านไปแล้วแหงๆ  :jul3:

เหอๆๆ มาต่อเร็วสินะจ๊ะ o18


ปล.พี่ทีสัมภาษณ์ได้แปลกจริงๆค่ะ พี่นี่ฉลาดน่าดูเลยอ่ะ องค์กรไหนมีคนแบบพี่อยู่คงเจริญน่าดู(อันนี้พูดจริงๆนะ) o13 แล้วพี่ทีก็ปฏิเสธได้ดีให้กำลังใจได้ดีจังเลยค่ะ :กอด1: รักพี่มากมายอ่ะ มาเป็นแฟนไอเถอะ(ล้อเล่นนะปอ ขอเป็นน้องสาวก็พอเนอะ โฮะๆๆ)

Lin-G

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านมาได้พักใหญ่ แต่เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกกะเค้าเจ้คร่ะ

ปลื้มพี่ปอมากกกกก  :-[ :o8: :-[ :o8:  ซื้อ(บื่อ)ได้จัย ชอบตอนที่บอกว่า จะหาเลี้ยงพี่ทีด้วย (เงินเดือน สี่พัน)

แล้วก้อสงสารพี่ปอด้วย ตอนที่นอกจัยพี่ที ในห้องน้ำอ่ะ (ดู๊ดู  o22ขนาดพี่ปอนอกจัยพี่ที ยังอยู่ข้างพี่ปอ แสดงว่าเป็นแฟนคลับตัวจิง)

สาเหตุเพราะพี่ปอมีการบอกว่า ไม่ได้นอกใจแค่...เอง นี่แสดงว่าซื้อ(บื้อ)มากกกกกกกกกกกก จนไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด

อ่านเรื่องของพี่ปอกะพี่ทีแล้วมีความสุขมากกกกก ๆ เรย

สรุปว่าตอนนี้พี่ของพี่ทีก้อรู้แระ ...

รออ่านตอนต่อไป ...

ปล.พี่ปอหวงพี่ทีบ่อย  ๆ งี้ แสดงว่า พี่ทีก้อน่ารักอ่ะดิ o13 หรือว่าความรักทำให้พี่ปอตาบอด :a5: เอ๊ะ ยังงัย

ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
ต่อๆ

…………………………………………………………………………..
เย้!!ในที่สุดก็ถึงวันหยุดยาวแล้ววววว (หยุดวันวิสากับเสาร์ อาทิตย์) แค่นี้ผมก็ว่ายาวและพึงพอใจแล้วนะ555 วัยทำงานก็จะดีใจยังงี้แหละ  (เห้ย  กูแก่แล้วเหรอเนี้ย)  ดีใจสิ จะไม่มีวันหยุดเลยนอกจากวันชดเชยต่างๆ
   วันหยุดนี้ผม พี่ พ่อ แม่ ไอ้ปอ(ไอ้ตัวสุดท้ายมันเป็นส่วนนึงของบ้านผมไปแล้วครับ) ว่าจะไปทำบุญกัน ก็คงไม่ได้ไปไหนไกล วัดแถวๆบ้านล่ะมั้ง   
   รุ่งขึ้นแต่เช้าทุกคนต่างตื่นแต่เช้าและตื่นเต้นที่จะได้ไปทำบุญ(เพราะมันนานๆๆๆๆๆครั้ง) ในตอนเช้าก็ทำบุญตักบาตร ที่วัด   ตอนเที่ยงไปปล่อยนก ปล่อยปลา  เลี้ยงอาหารลิงที่เขาสามมุก   และตกตอนเย็นก็เดินหาเดินแจกยาสามัญประจำบ้านให้กับคนงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆ ดีหน่อยที่พี่ผมเป็นหมอทำงานที่โรงบาล  เลยขอซื้อมาได้ในราคาต้นทุน กล่องละ200บาท ได้เยอะเลยนะเว้ย  ซื้อทั้งหมด50กล่อง ให้50ห้อง 
   หลังจากที่ทำบุญกับพระ  ทำทานกับคนเสร็จ ในวันนั้นเราเลยชวนกันออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน  แต่พ่อ แม่ผมไปด้วยไม่ได้ ติดธุระด่วน  ทำให้เราต้องไปกันสามคน
   ในระหว่างขับรถ(ไอ้ปอขับรถพ่อมัน…ทั้งวันเลยล่ะวันนี้เอารถมันไป…ครอบครัวผมไม่ได้งกนะเว้ย  แต่ไอ้ปอมันอยากช่วยบ้าง  มันบอกว่าผมออกทุกอย่างแล้ว มันอยากร่วมทำบุญด้วย   เราก็ไม่ขัดศรัทธาคนที่คิดจะทำบุญ  … ไอ้ปอมันก็มีน้ำใจเหมือนกันนะเนี้ย)
   เราสามคนก็พูดคุยกันปกติ ทั่วไป  กินเสร็จ  ขากลับ
   “ทีอิ่มไหม  กินไรอีกป่าว”  ไอ้ปอถามผม
   “ไม่อ่ะ  อิ่มแย้ววว”  ผมส่ายหน้า พูดประมาณว่าอิ่มมากๆเลยล่ะ
   “กินของหวานหน่อยไหม เดี๋ยวแวะซื้อ” ไอ้ปอถามผมอีกครั้ง
   “ไม่เอาอิ่มมาก  ตอนนี้เม็ดข้าวเม็ดสุดท้ายอยู่ที่ลูกกระเดือก” ผมพูดเล่นๆ
   “ไหนอ้าปาก ดูหน่อยสิ”   
   “แหมม  ห่วงกันจริงๆนะ   เห็นเป็นห่วงเป็นใยกันทั้งวันเลย”พี่ผมพูดแล้วยิ้ม
   “555”  ผมได้แต่หัวเราะไม่เต็มใจเท่าไหร่  หัวเราะแก้เขิน  ไอ้ปอก็ยิ้มๆ
   “พี่ไปไหนต่อดี”  ไอ้ปอถามพี่ผม
   “แหมมม ถ้าพี่ไม่พูดขึ้นคงลืมมั้งว่าพี่นั่งรถมาด้วย55…พี่เห็นทีกับปอมีความสุข พี่ก็มีความสุขแล้ว”  (อ้าว  พี่ผมไมพูดทะแม่งๆ)
   “สุขดิพี่  เราสุขกันทุกวันอยู่แล้วครับ” ไอ้ปอพูดยิ้มๆ (มึงก็ตอบแบบหลายแง่หลายง่ามเหนอะ)ผมเอียงหัวมองไอ้ปอเล็กน้อย  ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆเป็นสัญลักษณ์ว่าหยุดพูด
   “อ่ะๆ  ไม่เอาอย่ามองกันแบบนั้น มันน่ากลัว”  พี่ผมก็ช่างสังเกตจริง(กูว่าแล้วพี่กูเหนือกว่ากูทุกอย่าง)
   “ถามจริง  เป็นแฟนกันมานานแล้วเหรอ” (อ้าววววววววววว  เห้ยยยยยยยยยยยยยยยย  พี่รู้ได้ยังไงงงงงงงงงงงงงง)  หน้าผมจากที่ยิ้มเจื่อนๆอยู่กลับมาหน้านิ่ง  ตาค้างมองหน้าไอ้ปอ
   “……”  ความเงียบเกิดขึ้นหลายวินาที
   “พร้อมที่จะบอกพี่รึยัง” พี่ผมพูดต่อ
   “ไม่พร้อมไม่เป็นไรนะ  คิดหาคำพูดก่อนก็ได้”  (พี่คร๊าบบบ  บอกรึไม่บอกมีค่าเท่าเดิม พี่รู้แล้วหนิ  อีกอย่างตอนนี้จุกจนพูดไรไม่ออก)
   “พ่อ แม่จะว่าไงอ่ะพี่” ผมถามเสียงสั่งเครือ  ถ้าพ่อแม่บอกว่าจบผมก็ต้องทำตามอย่างรวดเร็ว
   “พี่จะบอกพ่อ แม่ไหม” ผมถามเหมือนเดิม ไม่กล้าแม้กระทั่งจะมองหน้าพี่ น้ำตาเริ่มซึมแล้วสิในเมื่อเห็นพี่เงียบ  ผมต้องสิ้นสุดกับไอ้ปอจริงๆแล้วใช่ไหม  ผมนั่งก้มหน้า ไอ้ปอจอดรถริมถนนแล้วเอามือจับบ่าผม
   “เชื่อกูดิที  พ่อแม่เป็นคนมีเหตุผล กูว่าเค้าคงไม่ว่าอะไร”  (นั่นเป็นความคิดมึง  แล้วพ่อแม่กูล่ะ เค้าจะคิดยังไง)  พี่สาวผมก็ยังเงียบและถอนหายใจ  มันยิ่งทำให้ผมคิด  อย่าว่าพ่อกับแม่เลย พี่ยังไม่เห็นด้วยเลย
   ผมมองหน้าไอ้ปอ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
   “ปอแต่ก่อนเราไม่รู้จักกัน ยังอยู่กันได้เลย”  ผมตัดสินใจพูดเอง เพราะถ้าให้ผมเลือกครอบครัวกับไอ้ปอ ผมคงเลือกครอบครัว และผมไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจ  ไอ้ปอมองกัดฟันไปที่พี่ผม 
   “ไม่เอาปอ  อย่าโทษใคร มันขึ้นอยู่กับเรา กูเป็นคนพูด กูก็เสียใจ” น้ำตาหยดใสๆมันได้ไหลผ่านแก้มผมแล้ว
   “ช่างปะไรที  ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องสนใจ  เราก็อยู่ของเราได้” ไอ้ปอเอามือมาเช็ดน้ำตาผม
   “ไม่ได้ปอ  จะไม่สนไม่ได้เพราะเค้าคือครอบครัวกู”  ผมก้มส่ายหน้า
   “หยุดๆ  หยุดเล่นบทพระ บทนางได้แล้ว”  พี่ผมพูดขึ้น
   “พี่บอกรึยังจะไม่เห็นด้วย” ผมกับไอ้ปอต่างมองหน้าพี่
   “ทีไม่เคยทำให้พี่เสียใจสักครั้ง  ทีฟังพี่นะ ทีเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง  และเป็นความคิดที่ดีตลอด  และเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ทีคิดและตัดสินใจ พี่ก็เชื่อว่ามันต้องออกมาดี” พี่ผมพูด  ผมก็ยังคงเงียบอึ้งอยู่
   “ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยพี่คงพูดนานแล้ว แต่นี้พี่ก็รอให้ทีพูดกับพี่ ทีก็ไม่พูดซะที  พี่ก็เลยถามทีเอง”  (พี่-คง-พูด-นาน-แล้ว)
   “พี่รู้นานแล้วเหรอ” ผมถาม สีหน้าไอ้ปอเริ่มรอยยิ้ม
   “ถ้าจะเอาจริงๆ ตอนที่พี่มั่นใจว่าใช่แน่ๆ  ก็น่าจะอาทิตย์ที่สองหลังจากที่ปอมาบ้านบ่อยๆ”
   “ไม่ใช่แล้วพี่  ตอนนั้นผมยังไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้ปอเลย” ผมพูด
   “อ้าว ไงพูดหมาๆงั้นล่ะที  กูตกลงเป็นแฟนกับมึงตั้งแต่วันแรกแล้วนะเว้ย” ไอ้ปอพูด
   “ ก็จริงหนิปอ ใครเค้าจะไปคิดว่าจะมีแฟนแบบมึง  ไม่ทันจะตั้งตัว”
   “เอาล่ะไม่ต้องเถียงกัน พี่รู้ตั้งแต่ตอนนั้นแหละ  จะเป็นแฟนกันรึกิ๊กกันไม่รู้ล่ะ  รู้แต่ว่าไม่ใช่เพื่อนกันแน่ๆ ดูเวลาทะเลาะกันก็น่ารักดี  บางครั้งก็งอนกัน  เล่นกัน หยอกกัน  น่ารักจะตาย55…อีกอย่าพี่ไม่เคยเห็นปอมาก่อนเลย   แล้วทีก็มาอ้างว่าเป็นเพื่อน พี่ไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว  ” (พี่พูดแต่ผมเริ่มอายที่โกหกแล้วมีคนจับได้  ดันมาเล่นกับเราด้วยนะ  ไอ้เราก็นึกว่าไม่รู้)
   “น่ารักดีเหรอพี่”  ไอ้ปอพูดยิ้มเห็นฟัน (อ้าวไอ้นี่เมื่อกี้มึงยังโกรธจนจะกัดพี่กูอยู่เลย  ไงไปเป็นพวกเดียวกันซะล่ะ)
   “น่ารักสิ  พี่ก็ไม่ค่อยได้เห็นทีลุ๊คใหม่ๆ  ปอเชื่อไหม ปอทำให้ทีเปลี่ยนไปมาก”
   “ไม่เห็นเปลี่ยนเลย” ผมพูดขึ้น
   “เปลี่ยนสิ  แต่ก่อนพี่เห็นทีเคร่งกับการเรียนมาก  พี่ก็หวั่นๆว่าทีจะเครียดเกินไป  สมัยเรียนทีแทบจะอยู่กับหนังสือตลอด  พอจบมาก็อ่านสอบเรียนต่อ ตอนนั้นพี่อยากจะให้ทีพักสักสองสามปีให้หายเครียดก่อนแล้วค่อยเรียน  พี่ไม่กล้าบอก พี่ก็เลยไปบอกพ่อ” พี่ผมพูด ทำให้ผมคิดไปถึงช่วงที่พ่อมาพูดกับผม
“อ้อ  จำได้ล่ะที่พ่อบอกว่า ให้ผมหยุดและไปเที่ยวสักปีก่อน  แต่ผมไม่ได้สนใจ  และคิดว่าเที่ยวเป็นสิ่งไร้สาระ55” ผมพูด
“ใช่ๆ ทีรู้ไหม เรากลัวมากเลยนะ กลัวว่าทีจะเป็นบ้า 55(อ้าว ซะงั้นครอบครัวกูคิดว่ากูจะเป็นบ้า) แต่ก็เหมือนโชคดีทีจบมาก็ไม่สบายจนไม่มีแรงไปสอบ เว้นได้พักไปปีนึง และโชคดีไปกว่านั้นก็ตอนที่ปอเข้ามา  ทำให้ทียิ้มได้  หัวเราะได้  พูดคุยได้มากขึ้น  ได้ออกไปข้างนอกมากขึ้น  และที่สำคัญตอนงอนกันพี่ยังเห็นทีร้องไห้จนตาแดง  จริงๆพี่ไม่สงสารทีเลยนะ  พี่กลับจะหัวเราะเพราะพี่ไม่เคยเห็นทีร้องไห้  ความรักมันทำให้ทีเปลี่ยนไปจริงๆ”
“ไม่เอาดิ  อย่ามาคุยกันเรื่องสมัยอดีตกาล  อายนะเว้ย  ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย”  ผมพูดอายๆ
“55ไม่อดีตกาลนะ เมื่อเร็วๆนี่เอง”  พี่ผมพูด ทั้งสองต่างหัวเราะ
“เห็นไหม  น่ารักแม้กระทั้งตอนอาย” ไอ้ปอพูดเสริม (ตรงไหนวะ  กูก็พยายามทำหน้านิ่งที่สุดแล้วนะ)
“55 ใช่ๆ ทีเป็นคนที่เก็บความรู้สึกได้ดี  ถ้าแสดงออกนิดหน่อยแสดงว่าข้างในต้องเยอะมากแล้วล่ะ55” พี่ผมพูด  (ผมก็อายเพิ่มล่ะสิที่มีคนรู้ทัน)พยายามกัดฟันแล้วยิ้มเล็กน้อย 
“สนุกกันจังนะ” ผมต้องพูดขึ้นเพราะทั้งสองหัวเราะไม่หยุด
“อ่ะๆ ไม่หัวเราะล่ะ  น้องพี่อาย”  (ขอบคุณนะพี่ที่เห็นใจ)
“ว่าแต่พี่ได้น้องเขยรึน้องสะใภ้ล่ะ” (อ้าวพี่ นี่แหละมันยิ่งอายกว่าเมื่อกี้)
“น้องเขยพี่  น้องเขยสุดหล่อ55”  ไอ้ปอตอบเสียงดังฟังชัด(ไอ้เหี้ย  กูกำลังคิดคำพูดที่มันดูดีหน่อย)
“น้องเขยด้วย  ดีสิ  บ้านพี่จะได้ไม่ต้องเสียเงินแต่ง” พี่ผมพูดยิ้มๆ
“5555 เรียกมาเลยพี่ ผมจะเตรียมไว้ 555”  ไอ้ปอเอ้ย  มึงจะพูดทำไม ผมมองหน้าไอ้ปอ ไอ้ปอหยุดหัวเราะ
“ พี่ไม่ได้หัวเราะนะที  พี่ยิ้มเฉยๆ อย่าส่งสายตาพิฆาตมาหาพี่นะ”
“งี้แหละพี่  ไอ้ปอมันพูดไม่ค่อยคิดเท่าไหร่” ผมเริ่มบ่น
“ไรวะที  คิดแล้วนะ ” ไอ้ปอแย้ง
“ก็ดีแล้วหนิ  อีกคนคิด อีกคนไม่คิดจะได้ออกมากลางๆ อยู่ด้วยกันได้  ถ้าไปเจอคิดทั้งสอง พี่ว่าทะเลาะกันตาย ต่างคนต่างคิดว่าตัวเองถูก” (ว่าแต่ผม  พี่คิดมากกว่าผมอีก) ไอ้ปอเริ่มออกรถ
“แล้วไปเจอกันยังไงล่ะ  พี่สงสัยมานานล่ะ  มันไม่น่าจะเจอกันได้เลยเนอะ”  (พี่ก็อยากรู้จังเลยเนอะ
“แยกคีรีพี่”  (อ้าวไอ้ปอ  กูกำลังคิด คิดยังไม่ออกเลย  มึงเสือกตอบไปแล้ว)
“จำสถานที่ได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ  ทีไปทำอะไรแถวนั้น” พี่เตยถามผม
“ก็ขี่รถเล่นเฉยๆ”
“ฝนตก หลบศาลาแถวนั้นอ่ะดิ  พี่เคยอ่านแต่ในนิยาย ไม่น่าเชื่อจะเกิดกับน้องพี่”
“ป่าวครับ  กลางแยกเลยพี่  ทีมันทำน่ารักใส่ผม  ผมเลยกระโดดกอดเอวมันเลย55”  (ไอ้เน่า  เมื่อก่อนมึงบอกว่ากูทำหน้ากวนตีนมึง)
“ไอ้ปอมันมุสา  มันบอกว่าผมทำหน้ากวนตีนมัน  มันเลยจะกระโดดมาต่อย” (เอาสิมึง มึงพูดความจริงครึ่งเดียว  กูก็ใส่ใข่ครึ่งเดียว  หายกัน)
“นักเลงกับน้องพี่ขนาดนั้นเลยเหรอปอ”  พี่ผมถามเสียงดุใส่ไอ้ปอ
“ไม่ใช่นะพี่  ไอ้ทีมันมั่ว  ผมกระโดดซ้อนท้าย  กอดเอวจริงๆ  แต่ก็…ไอ้ทีมันทำหน้ากวนตีนจริงๆล่ะ  แต่ผมไม่ได้จะต่อยนะ”  ไอ้ปอรีบแก้ตัว
“เจอกันก็ไม่เหมือนใคร  เอาเหอะพี่เชื่อว่าทีจะดูแลปอได้  และปอก็จะดูแลทีได้ดีเหมือนกัน  เหมาะกันแล้วล่ะ”
“พี่จะกินไร  ผมจะเลี้ยงเอง” ไอ้ปอพูดยิ้มๆ
“พี่ไม่กินแล้วอิ่ม อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจด้วย”
“แล้วพี่จะบอกพ่อกับแม่ไหม” ผมถามเบาๆมันยังเป็นเรื่องที่คาใจอยู่
“พี่ไม่บอกหรอกที  แต่ทีคิดเหรอว่าพ่อกับแม่จะไม่รู้  พี่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านพี่ยังรู้เลย  พ่อกับแม่ฉลาดกว่าเรานะที  เค้าก็คงคิดเหมือนกันกับพี่นี่แหละ  เชื่อว่าทีทำทุกอย่างได้ดี  ” ไม่รู้สิพี่พูดแบบนี้ผมยิ่งหนักใจ เพราะครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันดีแล้วหรือยัง  เพราะผมคิดว่ายังไม่รู้จักไอ้ปอดีพอ 
“ปอ  ปออย่าทำให้น้องพี่เสียใจนะ”
“ไม่หรอกพี่  กลัวแต่น้องพี่น่ะสิจะทำให้ผมเสียใจ”
“ทีเหมือนกันอย่าทำให้ปอเสียใจ” พี่ผมพูด (เดี๋ยวๆพี่ ไม่ใช่พิธีรดน้ำสังข์ ส่งตัวเข้าหอนะ)
“ไม่มีหรอกพี่  ผมทำอะไรไม่เอาอารมณ์ตัดสินใครแน่นอน”
“ไอ้เหตุผลนี่แหละน่ากลัว  เหตุผลแต่ละทีมันลึกไปถึงแกนโลก คิดได้คนเดียว”  ไอ้ปอบ่นเบาๆ
“555+ นี่แหละทีตัวจริง รู้เอาไว้ปอ เวลาทำผิดก็พยายามปิดให้มิดๆๆๆๆๆเลยนะ ไม่งั้นตายย55  ” (อ้าวพี่ ไปพูดส่งเสริมให้มันทำผิดแล้วเนียน งี้ผมก็แย่ดิ)
“ผมว่า ผมไม่มีความรู้ความสามารถพอที่จะปกปิดน้องพี่หรอก แสนรู้ทุกเรื่องขนาดนั้น”
“ฟังเหมือนดูดีเนอะ  ตัดคำว่าแสน ออกไปได้ป่าว  มันเหมือนหมาเลยวะ” ผมพูด
“555 ได้ๆ”
วันนั้นก็มุ่งหน้ากับบ้าน ก็โล่งใจเหมือนกันนะที่ได้เปิดเผยกับพี่ไปไม่อยากปิดคนในบ้านเท่าไหร่นักเพราะยังไงทุกคนก็คือครอบครัวของเรา  ส่วนเรื่องที่จะบอกพ่อกับแม่ผมก็คงไม่บอก ผมรู้ว่าเค้าก็น่าจะรู้  แต่ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าไปบอกก็เป็นเหมือนจะเปิดเผยมากเกินไป ไม่สู้ดีนัก เรายังเป็นสังคมตะวันออกอยู่  สัญญาใจกันแล้วกันนะคร๊าบบบบบ

………………………………………………………………………………..
จริงๆแล้วตอนนี้ อยากจะตั้งชื่อว่า เสียวในรถ นะ แต่กลัวโดนด่า เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็นแบบธรรมดาดีกว่า (มันก็เสียวจริงๆนะเว้ย  เสียวว่าพี่จะไม่เห็นด้วย) …ก็เลยมาเป็นเปิดอกคุยกันดีกว่า

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ยินดีด้วยย  :mc4: พี่เข้าใจ

ส่วนมากครอบครัวก็จะรู้นะ คือถ้าพ่อแม่เลี้ยงเรามา มีเหรอท่านจะไม่รู้เหอๆ เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นอ่ะ อย่างน้อยก็ต้องตะหงิดๆบ้างแหละ

ออฟไลน์ BlackClover

  • ◥≡Pe'un≡◤
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3
ยินดีด้วยที่คนในครอบครัวยอมรับ คงไม่มีอะไรยินดีมากกว่านี้...
เวลาอ่านเรื่องนี้ทีไรมีความคิดหนึ่งที่เด่นชัดมากเลยคะ
 "ทั้ง ที และปอ เป็นเหมือนส่วนเติมเ้ต็มซึ่งกันและกัน" ทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันมันไม่มากจนล้น แต่มันกลางๆ เหมือนที่พี่เตยบอกเลย ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด