Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Absolution Café : ร้านบำบัดรัก (SM) จบ  (อ่าน 289904 ครั้ง)

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
ขอบคุณค่ะ


ดีจังเลย  ว่าแต่คุณพ่อเรอิจิจะมีคู่กับเค้าบ้างรึเปล่าคะเนี่ย


แล้วคุณลูกหละคะ คงไม่ใช่ว่าคู่กับซากุคุงหรอกนะคะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดูจะเป็นไปได้ดี... แต่ทำไมเรารู้สึกว่า คลื่นลมสงบก่อนพายุจะเข้านะเนี่ย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café จบตอนที่ 17 อัพ 16-5-10 จบในตอน
«ตอบ #212 เมื่อ16-05-2010 11:13:53 »

ช่วงนี้จะเป็นตอนพิเศษเก็บตกย้อนอดีตของตัวละครนะคะ ตั้งแต่ตอนก่อนหน้านี้แล้วล่ะ แล้วจะมีปิดตอนจบสรุปอีกรอบทีหลัง ^^

=====================================

Absolution Café

ตอนที่ 17 Impassable Way : ทางตัน


(Rate: NC-17)


ห้องนั้นเป็นห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงเตียงหลังเดียวตรงกลางห้อง และเขา…ที่ถูกสวมปลอกคออยู่ ก็ไม่สามารถ…ออกไปจากห้องแห่งนี้ได้เลย นับตั้งแต่…จำความได้

สำหรับคนอื่น…มันคือห้องขัง แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือบ้าน

บ้านที่ต้องรอคอยเท่านั้น รอคอยใครสักคน ที่จะเข้ามาให้อาหาร…และความรัก

เป็นความรักที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่ามันเรียกว่าความรักได้หรือเปล่า

ร่างเล็กบอบบางชันตัวขึ้นจากเตียงเชื่องช้า ดวงตากลมโตสบกับชายหนุ่มผู้มาใหม่ ใบหน้าใสเริ่มมีรอยยิ้มรับ เป็นยิ้มไร้เดียงสา ที่ไม่มีการเสแสร้ง

ทุกครั้งที่มีคนเข้ามา เขามักจะดีใจ

การอยู่คนเดียว มันเหงาและน่ากลัวนัก…แต่บ่อยครั้ง ที่เขาต้องอยู่คนเดียว

คนที่เดินเข้ามาลูบผมสีน้ำตาลนุ่มของเขาเบา ๆ ร่างที่ขยับเข้ามาใกล้ ค่อย ๆ แกะปลดตะขอกางเกงให้ ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังยืนอยู่ข้างเตียงนั้น เรียวลิ้นบอบบางไล้เลียเชื่องช้า มือคล่องแคล่วโอบอุ้มรับกับพวงหนา พลางลูบไล้บีบกระตุ้นแผ่วเบา สลับกับการใช้ปลายลิ้นสำรวจลูกแฝด แล้วไล่ขึ้นจากโคนจรดปลาย

รสชาติเฝื่อนเค็มยิ่งกระตุ้นให้ลิ้มชิมมันอย่างต่อเนื่อง ปลายลิ้นนุ่มแทรกซอนเข้าส่วนโค้งเว้าซ่อนเร้นของแท่งหนา ก่อนค่อย ๆ ครอบครองจากปลายลงมา

โพรงปากอุ่นกระชับดูดดึง รูดเร้นขึ้นลง นิ้วที่กอบกุมแกมบีบกระตุ้น ยังคงขยับไม่เลิก รู้สึกได้ถึงการเกร็งแน่นของอีกฝ่ายที่ใกล้ถึงจุด ก่อนปลดปล่อยน้ำสีขุ่นเข้าในโพรงปากเล็ก ที่กินกลืนลงไปแทบไม่หมด คราบน้ำหลงเหลือราดรดลำตัวบาง ผิวขาวนวลสะอาดยิ่งคล้ายเย้ายวนกว่าเดิม

ปลายลิ้นเรียวเล็ก ไล้ที่ริมฝีปากสีสด เช็ดหยดหยดที่กระเซ็นซ่านนั้นออกไป ราวกับเป็นขนมชั้นเลิศ

ร่างสูงที่พึ่งปลดปล่อยหายใจหอบน้อย ๆ ก่อนจะกดอีกฝ่ายลงกับเตียงนุ่มทั้งที่ยังติดโซ่รั้งปลอกคออยู่ ร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่แล้วยิ่งเชิญชวนมากขึ้นอีกเมื่อเรียวขาขาวเริ่มอ้ากว้าง

เจลถูกส่งให้ราวรู้หน้าที่ ก่อนที่คนด้านบนจะบีบมันชะโลมจนชุ่มนิ้ว แล้วบีบซ้ำลงไปที่แก่นกายอันน้อย ปล่อยให้ไหลระลงร่องก้น มือหยาบลูบซ้ำย้ำจุดอ่อนไหว พลางแทรกนิ้วชุ่มเจลเข้าช่องทางด้านหลังเนิบช้า

“อึก…อื้อ…” ร่างเล็กเกร็งเสียวสะดุ้ง ก่อนค่อย ๆ ขยับสะโพกให้เปิดรับกว่าเดิม นิ้วแกร่งควานลึก จนคนด้านล่างสะท้านเฮือกหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มืออีกข้างบีบเจลซ้ำ ก่อนแทรกนิ้วเข้าลึกกว่าเดิม นิ้วที่กดแช่ ขยับไล้วนผ่อนคลาย ด้วยความร่วมมือจากคนด้านล่างอย่างคุ้นเคย

จวบจนผ่อนคลายจนได้ที่ แก่นกายใหญ่ก็เข้าแทนอย่างเนิบช้าแล้วขยับเร็วขึ้น…และเร็วขึ้น

ร่างบอบบางไขว่คว้าหาที่จับยึด โอบกอดกระชับ ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการทุกสิ่งทุกอย่างตามความพึงใจ

เสียงใสครางหวาน ครั้งแล้วครั้งเล่า เปิดรับขยับเข้าหาตามจังหวะของอีกฝ่ายได้อย่างช่ำชอง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเขา…และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

สำหรับเขาแล้ว การทำเช่นนี้ ไม่ใช่ความทรมาน

มันเป็นการ…มอบความรักมาให้ต่างหาก

อ้อมกอดอบอุ่นกอดเขาไว้ กระซิบบอกเพียงคำอ่อนโยนและใจดี มือที่ลูบแผ่วเบา สัมผัสที่มีไออุ่น มันดีกว่าการต้องนอนอยู่เพียงลำพังมากมายนัก

เขาไม่ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบนอนเพียงลำพัง

ไม่ว่าจะใครก็ตามที่เข้ามา เขาก็ยังยินดี ที่จะทำให้…ทุกสิ่งทุกอย่าง เท่าที่อีกฝ่ายปรารถนา

จะรุนแรงบ้าง จะทรมานบ้าง มันก็ไม่เป็นไร

ขอเพียงสัมผัสและไออุ่น ให้กับเขาบ้าง

แค่ชั่วครั้งชั่วคราว

…ก็ยังดี…


……………………………………….


เขาไม่มีชื่อ

ทุกคนที่เข้าหา ล้วนเรียกเขาแตกต่างกันออกไป

เขามีชื่ออยู่นับสิบ แต่ไม่มีชื่อไหน ที่ถูกเรียกซ้ำ

หากชื่อ คือเอกลักษณ์ของใครสักคน ที่ทุก ๆ คน จะเรียกเขาเหมือนกันล่ะก็...ในตอนนี้เขาก็ยังคงไม่มีชื่อ

แต่นั่นไม่สำคัญ ขอเพียงให้มีใครสักคน เข้ามาให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายนี้ แค่เข้ามา เพื่อไม่ให้เขาต้องอยู่โดดเดี่ยวลำพัง

สำหรับเขาแล้ว โลกทั้งโลกก็คือห้องนี้ และเตียง รวมถึงปลอกคอที่สวมใส่

ไม่มีอะไรมากกว่านี้ เพราะไม่เคยได้รับอนุญาตให้ออกไป

นกในกรงยังสามารถมองเห็นโลกภายนอก แต่ในห้องที่ปิดทึบนี้ ไม่เคยมี และเขา ก็ไม่เคยได้รับรู้ ว่าโลกภายนอกนั้น…กว้างใหญ่สักเพียงไหน

จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่คนเหล่านั้นเข้ามา และพังทลายโลกใบแคบ ๆ ของเขาลง

อย่างสิ้นเชิง


……………………………………….


“ชุดนี้เป็นยังไง เธอชอบมันมั้ย” เสียงนุ่มถามย้ำอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตมองมา โดยไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านใด ๆ

ร่างบอบบาง ที่สวมเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก ขยับตัวอย่างอึดอัด เขาคุ้นเคยที่จะไม่สวมอะไรเลยมากกว่า แต่เพราะความต้องการของคนเบื้องหน้า คือให้เขาสวมมันไว้

ดังนั้น เขาก็จะสวมมัน

ถ้าทำตัวดี ๆ ก็จะมีคนใจดีด้วย เขาเรียนรู้ ที่จะเชื่อฟัง มาเนิ่นนานแล้ว

มือที่ลูบศีรษะเบา ๆ อ่อนโยนนัก และเขาก็ชอบมาก

ดังนั้นถ้าคนผู้นี้บอกให้ทำอะไร เขาก็จะทำ

นิ้วเรียวขยับจะปลดตะขออีก หากถูกมือแกร่งยึดจับไว้

“ทำอะไรแบบนี้เนี่ย เด็กอะไรกัน” เสียงเข้มดุขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมาอย่างงุนงง และเสียใจ

เขาทำให้คน ๆ นี้ไม่พอใจ…อย่างนั้นหรือ

ทำไมกันล่ะ?


………………………………………


“ทางเราคงต้องส่งเด็กคนนั้นไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วล่ะ” เสียงชายร่างสูงในชุดเครื่องแบบตำรวจพูดขึ้นเชิงหารือ  ภาระหลังการจับกุมพ่อค้าเนื้อสดครั้งใหญ่ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสะสาง

โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็ก…เหยื่อบริสุทธิ์ ที่น่าสงสารเช่นนี้

“แต่จะไหวเหรอ เล่นยั่วยวนผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ซะขนาดนี้” หญิงสาวอีกคนในชุดเครื่องแบบเช่นกันแย้งขึ้นบ้าง “เด็กอะไรกันเนี่ย ไม่รู้ถูกเลี้ยงดูมายังไง เจ้าพวกนั้น มันเลวจริง ๆ ทำได้กับเด็กไร้เดียงสาถึงขนาดนี้”

คนฟังอีกคนทอดถอนหายใจ “คงต้องบำบัดทางจิตกันอีกนาน”

“แต่ว่า..มันอันตรายไปไหม ส่งโรงพยาบาลบ้าดีกว่ามั้ง”

เสียงโต้เถียงยังดำเนินต่อไป…ร่างบอบบางที่นั่งรออยู่ ได้แต่มองมา โดยไม่ได้พูดอะไร ดวงตากลมโตเหลือบมองออกนอกหน้าต่าง …โลกภายนอก ที่เขาพึ่งจะได้เคยเห็นเป็นครั้งแรก

โลกที่มีนอกเหนือจากห้องสี่เหลี่ยม และเตียงหนึ่งหลัง

แล้วดวงตาก็มองเห็นร่างสูงอันคุ้นเคยของใครบางคน ที่เคยเข้ามาหาเขา เมื่อครั้งในอดีต

เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินออกไป

ไม่มีปลอกคอคอยฉุดรั้ง เขาเป็นอิสระ

แต่เขาไม่เข้าใจ ว่านี่คืออิสระแล้ว ดวงตาคู่นั้นมองมาแต่แผ่นหลังกว้างที่เห็น คน ๆ นั้น…คงให้ความอบอุ่นกับเขาได้ โดยไม่ดุหรือไม่พอใจ เวลาเขาพยายามทำทุกอย่างให้แน่ ๆ

คน ๆ นี้ต้องให้เขาได้

เขาต้องการความอบอุ่น…ต้องการใครสักคน มาโอบกอด และที่นี่…ไม่ยอมให้เขา

ร่างเล็กตัดสินใจดังนั้น จึงเดินตามออกไป

ทิ้งให้คนในโรงพักแคบ ๆ โต้เถียงกันต่อ ถึงการอุปการะเด็กน้อย ที่ในบัดนี้ ได้หายตัวไปแล้ว


……………………………………..


“เข้ามาสิ...เร็วเข้า” เสียงหวานที่เต็มไปด้วยเพลิงเสน่หาอันเย้ายวนพึมพำขึ้นช้า ๆ ร่างกายที่งดงามเอนอิงบนเตียงนุ่ม...

ร่างแกร่งที่โน้มตัวลงมา จุมพิตที่อ่อนหวานและนุ่มนวล การประกบจูบที่แนบแน่น...เนิ่นนาน

เขาชอบที่จะมีคนมาจูบ มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นเช่นกัน...คล้ายกับการโอบกอด และการทำรัก

มือเรียวยาวเอื้อมออกไป โอบรอบร่างหนา ขยับกายเสียดสีเชิญชวน

เสียงหวานยังคงร้องขอ ฟีโรโมนที่เข้มข้น ทำให้เคลิบเคลิ้มราวอยู่ในห้วงฝัน ร่างกายที่ถูกครอบครอง เป็นของกันและกัน ภายในที่อบอุ่น โอบกระชับ

การขยับที่เสียวซ่าน และยังอ่อนโยน

คนผู้นั้นจูบเขาอีก ริมฝีปากสีสดจูบตอบ ปลายลิ้นนุ่มยังคงกระหวัดเกี่ยว แลกความหอมหวานไม่มีวันหยุด

แล้วชีวิตของเขา ก็กลับมาอยู่บนเตียงอีกครั้ง

เขายังยินดี ที่จะมีชายแปลกหน้า เข้ามาหา มาโอบกอด

มันไม่ใช่ความเจ็บปวด มันไม่ใช่ความทรมาน แต่มันคือ...โลกของเขา

การได้รอคอยใครสักคน อยู่บนเตียง มันคือชีวิตประจำวันของเขาอยู่แล้ว

แต่คราวนี้ เขามีสิทธิ์เลือก และคราวนี้ ทุกคนยินยอมทำตามความปรารถนาของเขา ขอเพียงแค่เอ่ยปากบอก

ในตอนนี้ เขาเป็นราชินีประจำโฮสต์คลับแห่งหนึ่ง ด้วยการเดินตามชายหนุ่มคนนั้นมา…คนผู้นั้น เป็นเจ้าของคลับนี้เอง และได้พาเขาเข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนที่นี่

ทุกคนหลงใหลเขา ทั้งความน่ารัก ทั้งร่างกาย และลีลา ไหนจะนิสัย ที่ไม่เหมือนใคร

เขาเป็นอันดับ 1 แม้จะยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว ผู้คนมากมายเข้ามาหา และมอบความอบอุ่นให้

และเขาก็ต้องการ

…ใช่ ใครก็ได้ ที่ให้ความอบอุ่นได้อย่างเพียงพอ…


……………………………………


เขาไม่สนใจคนทั่วไปนัก ไม่สนใจด้วยว่าคนพวกนั้นคิดอย่างไรกับเขา เพราะเจ้าของคลับเคยบอกแต่ว่า คนที่เขาควรสนใจ มีเพียงลูกค้า ที่จะมาทำให้เขามีความสุข แต่กับคน ๆ นี้ เจ้าของคลับ กลับให้ความสนใจ แม้ไม่ใช่ลูกค้า

“คุณต้องการตัวเขาสินะ”

เจ้าของคลับมองเงินในกระเป๋า ที่มีเป็นฟ่อน ๆ เรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากที่คาดคะเน คงไม่น้อยเลยทีเดียว

และนั่น…คือค่าตัว

คน ๆ นั้น พาเขาออกมา และจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่มีชื่อ แม้จะมีฉายา สำหรับเรียกในคลับ ...ใช่ ทุกคนในคลับมีของแบบนั้น แต่ทุกคน...ก็ยังมีชื่อจริง สำหรับคนที่่รัก สำหรับคนในครอบครัว เอาไว้เรียกหา

แต่ตัวเขานั้นไม่มี

การได้มาอยู่ที่นี่ เขาก็ได้มีชื่ออีก มีมากมายหลายชื่อ คนผู้นี้ สอนทุกอย่างให้กับเขา ทั้งการดำรงชีวิต การเข้าสังคม การเอาใจ และการบริการ

รวมถึงการฆ่า

ถึงเขาจะไม่เคยฆ่าใครสักคนเลยก็ตาม

คนผู้นั้นเรียกมันว่า 'การฆ่าด้วยความรัก'

เขาเริ่มเรียนรู้ ที่จะมอบความรัก ให้กับเป้าหมายที่อีกฝ่ายต้องการ

มอบความรัก อย่างจริงใจ แล้วทำตามวิธีการที่สอนไว้

ตอบแทนคนผู้นั้น ด้วยความตาย

เป็นความตาย ด้วยความเต็มใจ เมื่อได้หลงรักเขา

เขาจะมีชื่อ เมื่อออกปฏิบัติการ เป็นชื่อ…สำหรับเหยื่อแต่ละคน

ชื่อพิเศษ…ที่เขาจะถูกเรียก โดยคน ๆ เดียว อีกครั้ง ถูกเรียก..จนคนเรียกได้ตายจากไปในที่สุด

แม้จะรู้สึกเจ็บปวดบ้าง เมื่อมองคนที่มอบความรักให้ ต้องจากไป

แต่มัน…ก็เป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว


……………………………………….


หน้าที่ของเขา คือการทำให้รัก แล้วพาไปสู่ความตาย

ชีวิตที่ว่างเปล่า แม้ว่าเขาจะยังคงไม่มีชื่อ แต่องค์กรแห่งนี้ ก็รับเขาเข้าทำงานแล้ว ด้วยหน้าที่…สังหาร

เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอีกครั้ง

เหยื่อที่หลากหลาย ทั้งรูปร่างหน้าตา สถานภาพ และจิตใจ

บางคนโหดร้าย บางคนรุนแรง แต่บางคน ก็ใจดี

ทุกคน ยังคงให้ความอบอุ่น และโอบกอดเขา โอบกอด และหลงรัก

การทำให้ใครสักคนหลงรักได้ มันก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง

ได้รับการโอบกอด และล่อลวงให้อีกฝ่าย…เข้ามาติดกับ
เข้ามาใจดีด้วย และทำทุกอย่าง…เพื่อเขาคนนี้

มันคือเกม…ใช่แล้ว มันคือเกมอย่างหนึ่ง

ชีวิตที่ว่างเปล่าและน่าเบื่อ ทำให้เขากำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นอีกครั้ง

เพื่อการปฏิบัติงาน ที่มีรสชาติ

เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเสี่ยง เพราะมันจะเร้าใจกว่าเดิม การทำงานอย่างจริงจัง การตอบสนองต่อความต้องการของอีกฝ่าย โดยไม่มีข้อแม้

และการ…หักหลัง...อย่างเลือดเย็น

ถ้าเกมนี้เขาเป็นผู้ชนะ เขาจะได้รับทุกสิ่ง

แต่ถ้าแพ้…นั่นคือความตาย

การเดิมพันยิ่งเสี่ยง ผลของมันยิ่งน่าตื่นเต้น

และเขา…ไม่เคยพ่ายแพ้



………………………………………………….


ร่างบอบบางมองร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดบนถนนท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปราย กับคน ๆ นี้ ก็เป็นอีกคน…ที่ทำให้เขาอบอุ่นได้มากมายนัก

แต่สุดท้าย คนผู้นี้ ก็พ่ายแพ้แก่เกมพนันของเขาเช่นกัน

เขาเกลียดการโกหก แต่ถ้าหากการโกหก จะทำให้เกมนี้มีเขาเป็นผู้ชนะ

มันก็ต้องลองเสี่ยง

การถูกรัก…เป็นสิ่งดี และเขา ก็ยังคงชอบมัน

ดวงตาที่ว่างเปล่า มองมายังร่างไร้ชีวิต อย่างเฉยเมย

เขาจะไปรู้สึกอะไรได้ ในเมื่อคนผู้นี้ได้ตายไปแล้ว ไม่มีความอบอุ่น จากคนผู้นี้ให้เขาได้อีก

เมื่อเหยื่อคนใหม่ก้าวเข้ามา เขาก็จะสามารถหาไออุ่นใหม่ ๆ ได้

แม้จะรู้ดี ว่าจุดจบ จะเป็นเช่นไร

ในเมื่อเขาเลือกแล้ว ที่จะทำงานนี้ เขาก็จะต้องทำให้ดีที่สุด

ไม่มีอะไร ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้หรอก

ยิ่งมีคนตายมาก ยิ่งแสดงว่า มีคนรักเขามาก

มันคือความรู้สึกที่ดีไม่ใช่เหรอ?

โดยเฉพาะการได้รับความรัก…ด้วยชีวิต

ในเมื่อเกมนี้ เขายังเป็นฝ่ายชนะ ชิปส์เดิมพัน ยังคงเป็นของเขาเสมอมา และนั่นถึงเป็นการบ่งชี้ ว่าเขายังมีชีวิต

ถึงจะเป็นทางตัน เขาก็ยังจะก้าวต่อไป...

ผ่านไม่ได้ ก็ยังย้อนกลับทางเดิมได้

วนเวียนอยู่กับเส้นทางเดิม ๆ ต่อไป ก็ไม่เห็นจะเป็นไร

จะอย่างไร การได้รับชัยชนะ มันก็ยังทำให้เขารู้สึกได้ว่ายังมีชีวิตอยู่



.....................................


โลกของเขาเปลี่ยนไป นับตั้งแต่คนผู้นั้น...ก้าวเข้ามาในชีวิต

ตลอดเวลาอันยาวนาน เคยมีหลายคนที่เข้ามา แล้วเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเขา...แต่กับคน ๆ นี้ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่สุด

การเรียนรู้ที่จะปรับตัว กลับไม่เพียงพออีกต่อไป

เพราะหัวใจของเขา...มันไม่เหมือนเดิม

ผิดปกติแล้ว...คน ๆ นี้...อันตราย

ทำไม...ถึงรู้ว่าเขาโกหก

ทำไม...ถึงยอมตาย แม้จะรู้ ว่าเขาโกหก

ความรักงั้นหรือ...แล้วมันต่างจากความรักของเหยื่ออื่น ๆ ยังไงกันล่ะ

เขาไม่เคยมีความรู้สึกต่อเหยื่อเป็นพิเศษ นอกจากเป็นผู้ที่จะทำให้เขามีความสุข...ชั่วคราว

แต่กับคนผู้นี้...มันมีอะไร...มากกว่านั้น

หัวใจของเขาเจ็บปวด

เป็นความเจ็บปวด ที่เขาไม่เข้าใจ

ไม่จริงหรอกน่า ก็แค่เหยื่อ...แค่ชิปส์เดิมพัน ที่พ่ายแพ้เขาเท่านั้น

ในเมื่อของที่ต้องการ ก็มาอยู่ในมือแล้ว ชีวิตของคนผู้นั้น เขาก็ได้รับมาแล้วเช่นกัน

งานของเขา ประสบความสำเร็จ

มันก็เหมือนทุกครั้งไม่ใช่หรือ...เป็นเขาสิ ที่เป็นผู้ชนะ

แต่ทำไม...เขากลับไม่ต้องการการโอบกอดจากใครอีก

ทำไม...เขาถึงรู้สึกรังเกียจ ยามถูกมือจากผู้อื่นโอบกอด ...มือ...ที่ไม่ใช่มือของเขาคนนั้น

แต่มือที่อ่อนโยนคู่นั้น จะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

เขาทำให้คน ๆ นั้น...ตายไปเสียแล้ว

ไม่มี...อีกแล้ว...



เป็นครั้งแรก ที่เขาเข้าใจ กับความรู้สึกสูญเสีย

เขาทำให้ผู้คนมากมาย ต้องตายไป

แม้จะเพราะรักเขา

แต่คนพวกนั้น ก็ย่อมมีคนที่รักเช่นกัน คนที่จะเจ็บปวด จากความตายนั้น

เจ็บปวด เหมือนกับเขาในตอนนี้

เพราะเขา…ที่เป็นฆาตกร


เขาเดินมาสุดทางแล้ว...ทางที่ไม่สามารถไปต่อได้…เหมือนกับทุกครั้ง ที่เคยได้แต่เดินย้อนกลับ...ไปทางเก่า

เขารู้อยู่แล้ว ว่าเส้นทางนี้ ไม่สามารถผ่านไปต่อได้ รู้มาเนิ่นนานแล้ว

แต่ในครั้งนี้...เขาจะไม่เดินย้อนกลับอีก


เขาจะไม่กลับไปสู่หนทางเดิม ๆ อีกต่อไป โลกของเขา มันเปลี่ยนไปแล้ว

ไม่ใช่ใครก็ได้...ที่เขาอยากให้โอบกอดร่างกายนี้

ไม่ใช่ใครก็ได้...ที่เขาอยากให้เยียวยาหัวใจที่อ้างว้างนี้

ต้องเป็นคน ๆ นั้น...คนเดียวเท่านั้น


ถึงจะเป็นนรก...เขาก็จะไป

ขอแค่ได้รับการโอบกอดอีกครั้ง...ก็เพียงพอ



- จบตอนที่ 17 -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2010 11:16:45 โดย ppm »

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
อา......อายะซัง ราชินีของเรามีวัยเด็กแบบนี้นี่เอง :กอด1:


pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
มาตามลุ้นตอนจบค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อายะ...ช่างเป็นคนที่ดูมีแผลลึกจังเลย อดีตนั่น วัยเด็กที่น่าเศร้า
เป็นกำลังใจให้ค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
«ตอบ #216 เมื่อ18-05-2010 10:10:02 »

ตอนที่ 18 Hidden in My Hate : ซ่อนไว้ในความเกลียดชัง

(ตอนที่ 18/1)


Rate: NC-17, Shotacon, Toys


ในห้องแคบเล็ก มีร่างบอบบางที่ยังคงไม่ได้สติด้วยพิษไข้ มือน้อย ๆ ของเด็กหญิงยังคงคอยเช็ดตัวผู้เป็นพี่ ดวงตาคู่สวยสองสีมองร่างที่บอบช้ำนั้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนรีบปาดเช็ดไป เสียงเพ้อแผ่วเบาจากร่างบนเตียง ยังคงเรียกหาแต่เธอ…

“เอเม…ไม่เป็นไรนะ…เอเม…พี่จะปกป้องน้องเอง...”

"ซานา..." มือของเธอบีบมือคนบนเตียงแผ่วเบาให้กำลังใจ

ร่างสูงแข็งแรง นั่งมองอยู่ที่ด้านข้าง นั่งมาเนิ่นนานแล้ว เด็กหญิงผู้เฝ้ามองพี่ชายอยู่อีกฝั่งของเตียง เหลือบมองมาเป็นพัก ๆ อย่างไม่เคยเป็นมิตร แต่ก็ไม่พูดอะไร เธอพยายามทำราวกับการคงอยู่ของคนผู้นี้เป็นอากาศธาตุ ร่างกายของซานาเรย์ที่ยังคงร้อนรุ่มด้วยพิษไข้ คล้ายจะหนักลงกว่าเดิม จนคนมองมาเริ่มขมวดคิ้ว

“กินยาที่ฉันให้แล้วหรือยัง”

เอเมรัลด์สะดุ้ง ดวงตาคู่สวยเหลือบมองมา ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ คนมองถอนหายใจอย่างพอจะเข้าใจขึ้นบ้าง ตั้งแต่ล้มลงไปในตอนนั้น ร่างบอบบางก็ไม่ได้สติอีกเลย มีแต่เสียงเพ้อหาน้องสาว อย่างพยายามจะปลอบโยน…พยายามจะปกป้อง แต่เพียงเท่านั้น

แล้วแบบนี้จะกินยาได้อย่างไร

ร่างสูงผุดลุกขึ้น หยิบแก้วน้ำขึ้นมา แล้วหย่อนยาลงไป เม็ดยาละลายได้ในไม่นานนัก เขาดื่มมัน แล้วประคองคนไม่ได้สติขึ้นมา ริมฝีปากที่ประกบกันแล้วถูกสอดแทรกเข้าด้วยปลายลิ้น ก่อนจะค่อย ๆ ส่งผ่านน้ำรสชาติขมด้วยตัวยาลงไปให้ คนไม่ได้สติดิ้นรนเล็กน้อย ก่อนที่จะยินยอมรับสัมผัสนั้นแต่โดยดี

จนป้อนยาได้เรียบร้อย เขาก็ปล่อยร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาดุ ๆ จ้องมองมายังเด็กหญิงพลางกำชับ “อย่าบอกเขาล่ะ ว่าฉันทำอะไร”

เอเมรัลด์ไม่เข้าใจนัก แต่พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำให้พี่ชายเธอได้กินยาแน่ ๆ ไม่ว่าจะเพราะสงสาร หรือเพราะเห็นใจ แต่เธอก็ไม่คิดจะรู้สึกดีกับคนผู้นี้ ดังนั้นถึงไม่กำชับ เธอก็ไม่คิดจะบอกพี่ชายอยู่แล้ว

พอได้ยา ไข้ก็เริ่มลด เห็นได้ชัดจากเหงื่อที่ผุดพรายจนแผ่นหลังและใบหน้าเปียกชื้น มือแกร่งแตะวัดไข้ที่หน้าผากเนียนนั้นเพื่อความแน่ใจ

เด็กน้อยที่ได้สติเป็นช่วง ๆ กลับรู้สึกได้ถึงไออุ่น มือที่อบอุ่นเหมือนมือของแม่…ดวงตาสีฟ้าพยายามจะลืมขึ้น ภาพที่เห็นกลับพร่ามัวนัก เพียงแต่พอรู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็กน้อยอย่างเอเมรัลด์

“แม่ฮะ…” ดวงตาคู่นั้นเริ่มเปียกชื้น หากถูกเช็ดออกอย่างนุ่มนวลด้วยปลายนิ้ว ก่อนเจ้าตัวจะถอนหายใจอีกรอบ ร่างสูงมองมาอย่างละเอียด สีหน้าซีดขาวดูมีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย ไข้ก็คล้ายจะลดลงไปมาก อาการคงจะดีขึ้นแล้ว

“เช็ดตัวไปเรื่อย ๆ ล่ะ อีกสักพักก็คงค่อยยังชั่วแล้ว” เขาสั่งความกับเด็กหญิง เอเมรัลด์ยังคงมองมา อย่างไม่ไว้ใจเช่นเดิม ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินออกไปจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะล็อคมันอีกครั้ง


………………………………..


ร่างกายที่ยังอ่อนเพลียขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้น สมองยังคงมึนงงและเหนื่อยอ่อน เด็กหญิงด้านข้างร้องเรียกเบา ๆ อย่างดีใจ

“ซานาฟื้นแล้ว”

ร่างเล็ก ๆ โผเข้ากอดเขาไว้ แต่ในความรู้สึกที่ลางเลือนก่อนหน้า อ้อมแขนของใครสักคน…กลับไม่ใช่เอเม

ใครกัน…

คน ๆ นั้นงั้นหรือ?

ไม่มีทางหรอกน่า!

ร่างกายที่ดีขึ้นมากแล้ว หลังจากที่สลบไปในวันแรกที่มายังที่แห่งนี้ เป็นวันแรก...แห่งความอัปยศ ที่เขาอยากจะลืม แต่ทำไม่ได้

คนผู้นั้นไม่มีทางมาดูแลเขาหรอก คงจะปล่อยให้เขาที่ป่วย อยู่กับน้องสาวเพียงลำพังโดยไม่ได้สนใจใยดีอยู่แล้ว

เขาจะไปคาดหวังอะไร กับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ตอนไข้ขึ้น มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก กับคน ๆ นั้น เขาก็เป็นเพียง..ของเล่นที่ใช้เพื่อบำบัดความใคร่ มันก็เท่านั้น

ในวันนี้ที่อาการไข้จางหาย และเขาสามารถลุกขึ้นได้ เขาก็รู้ชะตาของตัวเองแล้ว

ห้องแคบสี่เหลี่ยมไร้ทางออก ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง เมื่อมีเสียงเปิดประตูออกรับจากภายนอก พร้อมเสบียงอาหารในวันนั้น ๆ หากเมื่อของถูกวางลงแล้ว ชายหนุ่มกลับไม่ได้ออกไป ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตู กวาดตาคมมองมายังร่างของเด็กทั้งคู่ ที่ทำได้แค่ซุกตัวอยู่มุมหนึ่งของเตียง

ห้องที่คับแคบ ทำให้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ซ่อนไม่มิด มือบอบบางของเด็กชาย โอบกอดไหล่สั่นระริกของเด็กหญิงไว้ อย่างพยายามปลอบโยน

"หายแล้วสินะ" ร่างที่ประตูถามขึ้น

เด็กชายพยักหน้ารับ ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ถึงไข้จะลด ก็ใช่ว่าร่างกายที่บอบช้ำจะหายดีเป็นปกติแล้ว แต่เขารู้...ว่าไม่อาจผัดผ่อนไปมากกว่านี้

"ถ้าหายดีแล้ว...ก็ต้องทำงาน" เสียงราบเรียบพูดต่อไป ดวงตาคู่สวยสองสีมองมาทันที อย่างไม่เป็นมิตรนัก คนถูกจ้องอมยิ้มโดยไม่พูดจาอันใด นอกจากมองมายังเด็กชายอีกครั้ง

ร่างเล็กจึงรีบผุดลุกขึ้น เขารู้ดี ถ้าเขาไม่ยอมไปจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นถึงจะยังไม่หายเขาก็ยังคงต้องไป

ใช่...ถึงจะต้องคลาน เขาก็ยังคงต้องไป ไม่ว่าสภาพร่างกายของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

เขาจะไม่ยอมให้อาการบาดเจ็บนี้ เป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายรังแกน้องสาวของเขาแทนได้อย่างเด็ดขาด

"ซานา..." เด็กหญิงดึงชายเสื้อผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ร่างเล็กที่ล้มลงต่อหน้าเธอ ด้วยร่างกายที่บอบช้ำและไข้ขึ้นสูงในหลายวันก่อน ทำให้เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายออกไป แม้จะไม่รู้...ว่าผู้เป็นพี่ ต้องเจอกับอะไรบ้าง

แต่มันต้องเป็นอะไรที่เลวร้ายมากแน่ ๆ

เด็กชายหันมาลูบผมนุ่มสลวยของน้องสาวแผ่วเบา ดวงตาสีฟ้าใสอ่อนโยนลงเมื่อพูดปลอบว่า "ไม่ต้องห่วงนะ แล้วพี่จะรีบกลับ อยู่ในนี้เป็นเด็กดี คอยพี่นะ"

"แต่ว่า..." ริมฝีปากจิ้มลิ้มขบกันเบา ๆ ดวงตาที่เว้าวอนยังคงจ้องมาจนคนมองลำบากใจนิดหน่อย

"พี่จะไม่ให้ใครทำอะไรเอเม...อย่างแน่นอน!" ประโยคหลังเน้นย้ำราวต้องการบอกชายผู้ยังคงยืนพิงกรอบประตูรอโดยไม่เข้ามาข้างในเสียอย่างนั้น

"ไปได้แล้ว" เสียงเข้มเร่งมาแทนคำตอบ มือบอบบางจึงได้แต่ผละออกจากเด็กหญิง แล้วตัดใจเดินตามร่างสูงนั้นออกไป

ประตูถูกล็อคอีกครั้งตามหลัง ร่างสูงที่ยืนรอ พยักเพยิดไปยังเตียงหลังเดิม

ซานาเรย์มองเตียงนั้น มือบอบบางกำแน่น หากสีหน้ายังคงราบเรียบ เด็กชายหายใจเข้าลึก ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออก โดยไม่ต้องรอให้สั่ง

คนมองมามีความพอใจอยู่ในสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดี ว่าเด็กคนนี้ฉลาด และนอกจากนั้น...ยังเป็นของชั้นเลิศอีกด้วย

แต่ยังจำเป็นต้องฝึกอีก...สักหน่อย เพื่องานสำคัญในอนาคตของเขา

ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่า ยืนมองอีกฝ่าย โดยไม่พูดจาอะไร ไม่มีการต่อต้าน และไม่มีการปฏิเสธ ดวงตาที่มองมา ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ที่ยินดีปฏิบัติตามทุกคำสั่ง โดยไม่มีบิดพลิ้ว

"นอนลง"

บนเตียงนุ่ม ผิวขาวเนียนสะท้านเฮือก ยามถูกอีกฝ่ายสัมผัส แม้จะปลุกปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ให้แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา แต่ร่างกายกลับตอบสนองโดยอัตโนมัติ ใจที่เต้นแรงยิ่งยากจะควบคุม เด็กน้อยพยายามข่มกลั้นความต้องการเบื้องลึกอย่างเต็มความสามารถ

ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะเผชิญหน้า...ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่า ไม่ว่าคนตรงหน้าจะทำเช่นไร เขาก็จะ...ไม่คล้อยตามอย่างเด็ดขาด หากดวงตาสีเข้มที่มองมาราวดูดกลืนได้กระทั่งวิญญาณ กลับทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีหลบซ่อนความอายเสียแล้ว

มือแกร่งจับเรียวขาบางดันขึ้นแกมบังคับให้อ้ากว้าง ดวงตาคู่นั้น...ยังคงมองมา มอง...จนเขาแทบจะทนทานไม่ไหว อยากจะห้าม อยากจะหนี แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...ทาสเช่นเขา ก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี

"ยังแดงช้ำอยู่เลยนี่" คำพูดน่าอายถูกพูดขึ้นหน้าตาเฉย คนบนเตียงแทบอยากจะซุกหมอนหนี แต่ไม่กล้าจะทำเช่นนั้น ใบหน้าที่เบือนหลบหลับตาลงข่มใจให้เยือกเย็นลงกว่าเดิมอย่างช้า ๆ ริมฝีปากบางขบกันเล็กน้อย ก่อนทำใจพูดตอบกลับ

"ถ้าคุณพอใจ อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ"

ใบหน้าที่มองมาชะงัก แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม "เธออยากให้ฉัน...ทำแบบวันก่อนสินะ...หรือว่า ติดใจ?"

ตาสีฟ้าเข้มขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะยั้บยั้งอารมณ์โกรธลงอย่างรวดเร็ว สีหน้านิ่งสนิทกลับมียิ้มหวาน แม้จะเป็นไปโดยไม่ได้มาจากใจเลยก็ตาม

"จะพูดแบบนั้นก็ได้ บางที...ผมอาจจะชอบคุณเข้าแล้ว"

คนฟังชะงัก แต่สามารถเปลี่ยนสีหน้ากลับมาราบเรียบได้แทบจะในทันที

"งั้นเหรอ ชอบให้ทำรุนแรงสินะ" นิ้วหนาลูบไล้ที่บั้นท้ายบอบบาง ร่างเล็กสั่นน้อย ๆ อย่างไม่อาจห้ามได้ เขายังคงกลัว...ร่างกายเขาก็เช่นกัน แต่ว่า...ถ้าทำให้ไม่ได้...คนที่ต้องรับกรรม ย่อมเป็นเอเม

นิ้วชุ่มเจลทดลองแทรกเข้าช่องทางที่ยังแดงเรื่อ คนโดนทำสะดุ้งเฮือกขบฟันไว้โดยแรง ไม่ว่าจะอย่างไร...เขาต้องอดทน...ต้องอดทน

"แบบนี้จะไหวงั้นเหรอ"

ดวงตาที่หลับแน่นลืมขึ้นทันที เขาเผลอแสดงท่าทีอ่อนแอออกไปจนได้...ไม่ได้นะ ถึงจะเจ็บปวดเจียนตาย เขาก็จะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้...ถ้าเขาหมดค่า...ถ้าคน ๆ นี้เบื่อ...ถ้าเป็นแบบนั้น...เอเมจะต้อง...

"ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอครับ" เสียงแผ่วเบาตอบกลับแม้จะยังหอบหายใจปะปน เขาคงทำได้แค่...ยั่วอีกฝ่ายต่อไปเท่านั้น

“อึ้ก!” ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือกเมื่อนิ้วที่แช่ค้างแกล้งขยับแรงขึ้นอย่างจงใจ

“งั้นฉันจะพิสูจน์เอง” คนทำอมยิ้ม ไม่ได้มีวี่แววแห่งความสงสารแม้เพียงน้อยนิด เมื่อปลายนิ้วกลับดึงดันเข้าลึกกว่าเดิม สด ๆ เสียอย่างนั้น บาดแผลภายในที่ใกล้จะหาย ยังคงความรู้สึกไวนัก แถมยังเจ็บแปลบกว่าเดิมเสียด้วย เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีก แต่กลับไม่มีเสียงร้องห้ามให้หยุด เด็กน้อยขบฟันกัดริมฝีปากไว้จนแทบห้อเลือด แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป

…เขาต้องอดทน…

ปลายนิ้วที่แทรกลึกถูกดึงออก คนด้านบนยืดร่างขึ้น ทำทีไม่สนใจ เล่นเอาคนโดนทำชะงักค้าง

“น่าเบื่อ” เขาพึมพำต่อ “บางที…น้องสาวของเธอ อาจจะเร้าใจกว่าก็ได้นะ”

คนฟังแทบสะดุ้งอีกรอบ ไม่ได้นะ…เขาไม่มีวันยอม…ร่างเล็กผุดลุกขึ้นอ้อนวอน “ได้โปรดเถอะครับ ผมจะทำ…ทุกอย่างที่คุณต้องการ อย่าพึ่งเบื่อเลยนะครับ…ผมจะ…”

“ทุกอย่างสินะ ถ้าอย่างนั้น…” ว่าแล้วก็ยกกล่องใบหนึ่งขึ้นมาวางบนเตียง “ใช้ของในนั้น ทำให้ฉันดู ถ้าฉันหายเบื่อได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับน้องของเธอ”

เด็กน้อยมองไปยังกล่องใบนั้น ตัวกล่องทำด้วยพลาสติกสีทึบ ยาวราว ๆ ฟุตกว่า ๆ พอเปิดขึ้นมา ภายในกลับมีของหลากหลายอย่างที่…แน่นอนล่ะว่า เขาไม่เคยเห็น และไม่รู้จักวิธีการใช้งานด้วยซ้ำ

ของบางชิ้น ลักษณะคล้ายแก่นกายจำลอง มีกระทั่งพื้นผิวสัมผัสที่คล้ายคลึง และขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่บางชิ้น ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ของแต่ละอย่าง มีรูปร่างและรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ในตัวมันเอง ซึ่งเท่าที่พอจะเข้าใจได้แม้ไม่เคยเห็น เด็กน้อยก็พอรู้แล้ว

มันคือของเล่นยามค่ำคืนสำหรับเวลามีความสัมพันธ์กัน

แต่ว่า…เขาไม่เคยใช้เลยสักอย่าง แล้วจะทำให้คน ๆ นี้…สนใจเขาได้อย่างไรกัน

ดวงตาคมยังคงมองมา โดยไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าเคร่งขรึม กลับลอบยิ้มโดยไม่ให้คนบนเตียงได้เห็น การกระตุ้นได้ถูกจุด จะทำให้เพชรเม็ดงามนี้ ถูกเจียระไนออกมาได้อย่างงดงามแน่

เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ฉลาด แม้จะไม่เคยเห็นของพวกนี้ แต่จะต้องรู้จักใช้อย่างแน่นอน

ดวงตากลมโตมองมาอย่างไม่แน่ใจนัก ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายเฝื่อน ๆ ลงคอ เขาคงไม่มีทางเลือก…นอกเสียจาก ลองใช้ดู จากที่เห็น ของส่วนใหญ่ที่พอจะเข้าใจง่าย ก็จะเป็นพวกที่มีด้าม และมีสวิตช์เปิดปิด ซึ่งส่วนปลายอีกฝั่ง…ที่เป็นทรงยาวคงเป็นส่วนที่ใช้…สอดใส่

ส่วนของที่หน้าตาประหลาดเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าใช้งานอย่างไร ทางที่ดี ยังไม่ใช้น่าจะดีกว่า

หลังจากกะเกณฑ์ด้วยสายตาคร่าว ๆ แล้ว เขาก็ตัดสินใจได้ สำหรับตัวเขาที่ไม่คุ้นเคย ขนาดที่เล็กที่สุด ย่อมจะปลอดภัยที่สุดสำหรับการทดลอง แต่ว่า…ขนาดที่เล็กเกินไป ก็จะไม่เร้าใจเพียงพอเช่นกัน

เด็กชายประเมินสถานการณ์ต่อไปอย่างรวดเร็ว มือคล่องแคล่วทดลองกดสวิชท์หลาย ๆ ชิ้น การเคลื่อนไหว…แบบต่างกัน ก็ยิ่งให้ความรู้สึกแปลก ๆ เข้าไปอีก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกของชิ้นหนึ่งขึ้นมา จากที่จับกระชับมือ และส่วนปลายที่…ไม่ใหญ่และเล็กจนเกินไป

คนยืนมองโยนขวดอย่างหนึ่งลงบนเตียง มันคือขวดเจลหล่อลื่นนั่นเอง “ใช้เจ้านี่ซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงได้แผลอีก”

ร่างเล็กมองขวดเจลแล้วหน้าแดงเรื่อ เขาก็พอรู้อยู่บ้างหรอกน่า แต่ว่า…แต่มัน…

“เอ้า จะทำอะไรก็ทำซะที” ดาร์คว่าก่อนจะเอนกายลงบนโซฟาใกล้ ๆ เตียง มองมาอย่างสบายอารมณ์ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยิ่งเงอะงะ เขาก็ยิ่งรู้สึกขบขันและอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก

มือบอบบางจับด้ามของสิ่งนั้นขึ้นมา ด้วยความที่มีสวิทช์เปิดปิดที่ด้าม จึงไม่มีสายให้เกะกะ นับเป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งขนาดและการลองครั้งแรกเช่นนี้ คนมองนึกชื่นชมอยู่ในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป นอกจากมองอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

อีกมือหยิบเจลขึ้นแล้วบีบลงไปบนส่วนปลาย ก่อนจะลูบไล้จนแน่ใจว่าได้ที่

เด็กน้อยขยับตัวมากลางเตียงอีกครั้งเพื่อให้เป็นจุดเด่น ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายมองดูอยู่ ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว เขาคงไม่มีทางเลือกสินะ นอกจาก…ยั่วยวนอีกฝ่าย ด้วยของสิ่งนี้

ท่านอนคล้ายจะทำไม่ถนัดสักเท่าไหร่ หลังจากลองทำท่าดูแล้ว คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น ขบคิดอีกครั้ง

บางทีเข้าจากทางด้านหลัง น่าจะเป็นมุมมองที่ดีกว่า

ดวงตาคมเข้มยังคงจ้องมองมา มองอยู่ในความเงียบ แม้เขาจะไม่ได้มองกลับไป ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสายตานั้น ความเงียบ…เป็นอะไรที่น่าอึดอัด และยังคงเป็นอะไรที่…ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกแปลก ๆ ไปกว่าเดิม

ร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งแล้วเปลี่ยนเป็นท่าคลานสี่ขา จงใจหันบั้นท้ายได้รูปไปทางคนนั่งมอง แม้จะรู้สึกร้อนวาบจนยากจะควบคุม แต่ร่างที่สั่นน้อย ๆ นั้น ก็ยังเริ่มต้นต่อไป ปลายนิ้วเล็กที่ชะโลมเจลแล้วตัดสินใจสำรวจช่องทาง…แม้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกอายกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

สายตานั้นมองมาแทบไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ ซานาเรย์ตื่นเต้นจนรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจของตัวเอง เขาค่อย ๆ ใช้นิ้วขยับวนรอบ ๆ ก่อนแทรกเข้า อาจจะเพราะเมื่อครู่ คนผู้นั้นช่วยทำไปบ้างแล้ว การที่นิ้วของเขา ซึ่งขนาดเล็กกว่า จะแทรกเข้าไป จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก นิ้วเรียวขยับดันเข้าลึก แต่ด้วยความที่ยังเล็ก ขนาดจึงยาวไม่เพียงพอ จึงได้แต่ขยับเข้าออกเนิบช้า

เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากบางจะงับไปยังหมอนใกล้ ๆ โชว์บั้นท้ายยกสูง ร่างกายที่เริ่มตื่นตัว ทำให้รู้สึกขัดเขินเข้าไปอีก ตัดใจแทรกเข้าเพิ่มเป็นนิ้วที่สอง สัมผัสแรกคือความอึดอัด หากด้วยการขยับอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นาน ช่องทางคับแคบก็เปิดกว้างขึ้นอีกหน่อย

ดีที่ทำด้วยตัวเอง เขาจึงไม่รู้สึกเจ็บมากนัก แม้ว่าจะยังเจ็บแปลบภายในอยู่บ้าง เด็กชายดึงนิ้วออก ก่อนจะหยิบของเล่นชิ้นที่เลือกนั้นขึ้นมา ด้วยความที่มองไม่เห็นด้านหลัง จึงทำให้ดูน่าขบขันกับท่าทางนั้นอยู่บ้าง คนดูแทบจะต้องกลั้นยิ้ม เมื่อมองมาพลางแกล้งตีสีหน้าบึ้งตึง

ส่วนปลายจรดจ่อที่ช่องทางจนได้ คนทำโล่งอกเล็กน้อย เมื่อสามารถดันปลายซึ่งเล็กกว่าส่วนอื่นเข้าไปได้แล้ว นิ้วเรียวค่อย ๆ จับด้ามแล้วขยับช้า ๆ ก่อนกดสวิตช์

ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือก รีบปิดมันอย่างรวดเร็ว เขาไม่คิดว่าการเคลื่อนไหวของมันจะแรงขนาดนี้ คนทำเริ่มลังเล แต่จะเปลี่ยนเป็นชิ้นใหม่ ก็คงทำให้คนมองอารมณ์เสียเป็นแน่แท้

เด็กน้อยลอบมองมา เห็นคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย เขาก็รู้แน่ชัด

จะต้องทำต่อไป

ซานาเรย์หายใจเข้าลึก ก่อนค่อย ๆ ดันส่วนยาวของด้านปลายแทรกเข้าไปอีกทีละน้อย ดันเข้าไปเรื่อย ๆ จนสุดทาง มือที่จับตัวด้ามเริ่มสั่น ก่อนจะทำใจจับให้มั่นคงอีกครั้งพร้อมเปิดสวิตช์

“อึ้ก…อื้อ…” ฟันคมกัดลงไปกับหมอนแน่น พยายามที่จะไม่ส่งเสียงออกมา บั้นท้ายน้อย ๆ ส่ายเบา ๆ อย่างอึดอัด เจ้าของสิ่งนั้น…ช่างสั่นได้แรงจนเขาแทบคุมตัวเองไม่ไหว ร่างที่เริ่มชุ่มเหงื่อขยับไปมาแต่ไม่อาจคลายความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นลงได้ มือที่ยังคงสั่น ได้แต่เอื้อมไปยังตัวด้าม รู้ดีว่าถ้าปิดสวิตช์ลงอีก คงทำให้คนมองเบื่อแน่ ๆ

มือที่จับส่วนด้ามกระชับกว่าเดิม ก่อนตัดสินใจ ค่อย ๆ ดึงออกช้า ๆ ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ถึงการเสียดสีที่แรงขึ้น ก่อนตัดใจดันมันเข้าลึกแทนที่

เสียงอ๊าพร้อมร่างกายที่เกร็งแน่น บ่งบอกได้ดีถึงความเจ็บ หากมือนั้นกลับไม่ยินยอมที่จะเลิก ยังคงขยับส่วนด้ามดึงเข้าออกอย่างต่อเนื่อง บาดแผลภายในที่ยังไม่หายดี สร้างความเจ็บปวดมากกว่ารู้สึกดีอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อเริ่มผุดพรายจนเปียกชื้น หากคนทำยังคงกัดฟันทนต่อไป

“ทรมานตัวเองแบบนี้ ไม่ได้เรียกว่ายั่วยวนหรอกนะ” เสียงราบเรียบจากอีกฝ่ายดังขึ้น คนฟังชะงักปล่อยมือจากของเล่นชิ้นน้อย พลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงพยายามจะพูด

“ได้โปรด…ให้ผม..ลองอีกครั้ง…เถอะนะครับ” ใบหน้าอ่อนเยาว์เว้าวอนทั้งน้ำตา ยิ่งมองยิ่งเย้ายวนใจกว่าท่ายั่วเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ

ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนก้าวเข้ามาบนเตียงนุ่ม เด็กชายพยายามข่มความหวาดกลัวเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้มือแข็งแรงนั้น เกาะกุมส่วนด้ามที่อีกด้านยังคงค้างคาอยู่ในช่องทางแคบเล็ก มือนั้นปรับลดระดับการสั่นให้ลดลงอย่างเบามือ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับหมุนแผ่วเบาที่ส่วนด้าม ยิ่งขยับกลับคล้ายยิ่งกระตุ้น ร่างกายบอบบางกระตุกเฮือกเสียวแปลบ มืออีกข้างลูบไล้ผิวเรียบลื่นแกมช่วยผ่อนคลาย

“อย่าเกร็งสิ นั่นแหละ ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออก” เสียงนุ่มดูใจดีกว่าทุกครั้ง ทำให้คนฟังเกือบเคลิ้มคล้อยตาม เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยามคนผู้นี้ทำให้ ไม่ว่าจะเจ็บหรือทรมาน มันกลับยังคงแทรกความรู้สึกดีเอาไว้ด้วย

ทั้ง ๆ ที่…อยากจะเกลียด…ให้มากกว่านี้

อย่านะ ห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด แม้ว่าจะยอมให้สัมผัส แต่เขา…จะไม่มีวันชอบคนผู้นี้  กับคนที่ทำร้ายเขา และเอเม…เขาจะใจอ่อนด้วยไม่ได้

“อ๊า!!” เสียงร้องแหลมสูงเมื่อสวิตช์การสั่นถูกเปิดแรงขึ้นอีก หากในตอนนี้ เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป ความรู้สึกแปลก ๆ สอดแทรกเข้ามา ริมฝีปากที่ร่ำร้อง ถูกครอบครองแนบแน่น ยิ่งปลายลิ้นที่แทรกลึก กวาดไล้ไปทั่ว ยิ่งทำให้เขา….ต้องการ

มือแกร่งที่กุมของเล่นไว้ขยับไปมาน้อย ๆ แกล้งถอนออกจนเกือบสุดปลาย ก่อนจะดันเข้ารวดเดียว คนโดนทำสะท้านเฮือกอีกรอบ แต่กับอารมณ์ที่ต่างออกไป

แค่คิดว่ามือที่จับของชิ้นนั้น...เป็นมือของคนผู้นี้

เขาก็ต้องการ...มากขึ้นอีกแล้ว

ลมหายใจหอบเริ่มถี่ คนมองมาอมยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ ดึงของเล่นชิ้นน้อยออกมา ร่างบอบบางแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ทรุดฮวบลงกับเตียงอีกครั้ง มือแข็งแรงชะโลมเจลที่แก่นกายตัวเอง ก่อนจะรั้งสะโพกบาง ของร่างที่ยังคงนอนคว่ำ ให้ยกสูง

"อึ้ก!" คนหมดแรงสะดุ้งอีกรอบ เมื่อรู้สึกได้ถึงการเข้ามาที่ใหญ่กว่าของเล่นเมื่อครู่ มือนั้นยังจับยึดแน่นจนดิ้นไม่หลุด แม้จะเจ็บแปลบจากการดึงดันเข้ามาของอีกฝ่ายเบื้องหลัง

"อื้อ..อะ...อย่ะ..." เสียงร้องห้ามหยุดแทบจะในทันทีที่รู้สึกตัว เขาจะ...ปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้

จะให้เบื่อไม่ได้ จะให้รำคาญไม่ได้

ต้องอดทนต่อไป...

"อ๊า!!"

แก่นกายที่แทรกเข้าลึกรวดเดียวทำให้ไม่อาจข่มกลั้นเสียงไว้ได้อีกต่อไป แรงกระแทกเข้าหาที่ไม่ยั้ง ฉุดรั้งสติแทบหลุดหาย มือบอบบางกำผ้าปูแน่น แอ่นสะโพกรับโดยอัตโนมัติ ร่างกายที่ตอบสนองต่อความคุ้นเคยของอีกฝ่าย สร้างความรู้สึกดีแก่ชายหนุ่มยิ่งนัก มือแกร่งบีบสะโพกบางแกมนวดเฟ้นดึงดัน ยิ่งทำยิ่งพยายามแทรกเข้าจนเด็กน้อยร่ำร้องแทบไม่เป็นภาษา

ความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึง มันยิ่งกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ แต่หากลึก ๆ แล้ว...มันกลับเติมเต็มได้เป็นอย่างดี

เพราะอะไรกัน...ทำไม...เขาถึงรู้สึกเช่นนี้

ทั้ง ๆ ที่คน ๆ นี้...กำลังข่มเหงเขาอีกแล้ว

สมองที่เริ่มว่างเปล่าไม่อาจขบคิดใด ๆ ได้อีก มีเพียงความรู้สึกอันอบอุ่นที่ส่งผ่านมาถึงกัน

แม้จะเกลียดสักแค่ไหน...แต่ในเบื้องลึกแล้วตัวเขากลับต้องการ

...ต้องการการโอบกอด จากคน ๆ นี้

ไม่ว่าจะรุนแรงหรือโหดร้ายเพียงใดก็ตาม!


............................................

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
«ตอบ #217 เมื่อ18-05-2010 10:28:26 »

รู้ว่าเป็นคนที่ทำร้าย แต่ก็กลับรู้สึกดีที่ถูกสัมผัส มาโซชัดๆเลยซานา
ขอบคุณไรท์เตอร์มากค่ะ o13

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
«ตอบ #218 เมื่อ18-05-2010 15:43:12 »

สิ่งที่ซานารู้สึกกับดาร์ค มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ
องค์กรนี้ใช้ความรู้สึกของคนมาเป็นเครื่องมือ ล้มๆไปได้น่ะดีแล้ว :o12:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
«ตอบ #219 เมื่อ19-05-2010 19:30:11 »

เล่นกับความรู้สึกของซานาเรย์แบบนี้ แง๊...น่าสงสารอ่ะ ทั้งๆที่ยังเด็กขนาดนั้นแท้ๆเชียวน้า กลับต้องมาเจออะไรแบบนี้ ดาร์คเองก็เถอะ คงมองซานาเป็นแค่ของเล่นหรือไม่ก็หมากที่ถูกใจแน่ๆเลย เฮ้อ~ ว่าแต่...ถูกทำรุนแรงแล้วรู้สึกดีเนี่ย หนูเป็นมาโซสินะลูก..?!!
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ มาต่อไวๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Absolution Café ตอนที่ 18/1 อัพ 18-5-10 จบในตอน
« ตอบ #219 เมื่อ: 19-05-2010 19:30:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café จบตอนที่ 18 อัพ 21-5-10 จบในตอน
«ตอบ #220 เมื่อ21-05-2010 11:37:58 »

(จบตอนที่ 18)


เขาเกลียดคน ๆ นี้…เกลียดตัวเอง…เกลียดร่างกายของตัวเอง ที่ร่ำร้องหาแต่คน  ๆ นี้อยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่ได้รับการโอบกอดอีกเลยก็ตาม ระยะหลังมานี้ ดาร์คเพียงส่งคนอื่นมา…ทำเรื่องแบบนั้นกับเขา โดยตนเองยืนมองอยู่เฉย ๆ เท่านั้น

แค่มอง…

แต่เขาก็รู้สึก…ยิ่งยามถูกขึงไว้ด้วยโซ่ ยามถูกสอดใส่…กดกระแทก…ยามโดนกระทำรุนแรง…ไม่ว่าจะตอนไหน คนผู้นี้ ก็ยังคงมองเขา ด้วยใบหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง

แต่เขากลับรู้สึก…

ร่างกายที่เจ็บปวด..ร่างกายที่ปฏิเสธ…เขารังเกียจคนพวกนี้ ที่มาทำกับตัวเขา รังเกียจจนยากจะมีอารมณ์ร่วมต่อไปได้ แต่ในยามเช่นนั้น แค่มีเพียงคน ๆ นี้ในห้วงความคิด…

สัมผัสในจินตนาการเหมือนที่เคยได้รับ ไม่ว่าจะปลายนิ้ว หรือริมฝีปาก ไม่ว่าจะร่างกายที่โอบกอด หรือสิ่งที่สอดแทรกเข้ามา เพียงแค่คิด…ถึงของคนผู้นั้น…ว่าเป็นคนทำ…มันกลับทำให้เขามีอารมณ์ร่วมจนผ่านพ้นความทรมานไปได้

ร่างกายที่เจ็บน้อยลงเพราะสิ่งนี้…หากมันกลับบาดลึกจนทรมานใจมากกว่าเดิม

ทำไม…เขาต้องใช้คน ๆ นั้น…ช่วยจินตนาการยามถูกกระทำเช่นนี้ด้วย

คนที่ทำให้เขาต้องเจอเรื่องโหดร้ายขนาดนี้…คนที่เขาเกลียด…แสนเกลียด

“อ๊า!!!” เสียงร้องแหลมสูงยามถึงจุด ทำให้คนเบื้องหลังกระหยิ่มยิ้มย่องราวได้เป็นผู้พิชิต เสียงหัวเราะหยาบกระด้างลำพองเมื่อได้ปลดปล่อย

ดวงตาคู่สวยสลดลง เมื่อรู้สึกได้ว่า ในครั้งนี้…ก็ผ่านพ้นไปได้ เพราะคน ๆ นั้นอีกแล้ว

แขกแปลกหน้าอันน่ารังเกียจจากไป ร่างบอบบางที่ถูกปลดลงจากพันธนาการที่รั้งตัวไว้ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง คนผู้นั้นยังคงมองมา แต่ไม่เคย…แม้จะเข้ามาดูอาการ ไม่เคย แม้จะประคองเขา ไม่ว่าครั้งไหน ถ้าเขายังสามารถขยับตัวได้ คน ๆ นี้ จะยืนมองเฉย ๆ เท่านั้น

เจ็บปวดที่มันเป็นเช่นนั้น แต่เจ็บลึกยิ่งกว่าคือทำไมเขาต้องรู้สึกเสียใจ

เขาคาดหวังอะไรกัน อยากให้คน ๆ นั้น…มาอ่อนโยนด้วยอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง…ถ้าสบโอกาส ยังไงเขาก็ต้องหนี และถ้าจำเป็น…ที่จะต้องฆ่า เขาก็จะฆ่า

เพื่ออิสระของเอเม เขาทำได้ทุกอย่าง!


……………………………………………………………


ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างพึงใจ ที่สามารถทำให้เอเมรัลด์จัดการเหยื่อได้สำเร็จ ร่างบอบบางที่บอบช้ำ ยังคงทรุดตัวลงอยู่กับพื้น…พื้น ที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด

ดวงตาสีสวยของเอเม เหม่อมองไร้จุดหมาย แม้เสียงเล็ก ๆ จะยังคงปลอบโยนเขา

“เอเมจะฆ่าพวกมันให้หมด…ไม่เป็นไรแล้วนะซานา…”

เสียงเด็กน้อยที่กรีดซ้ำลงในหัวใจเขา

มันมากเกินไป…มากเกินไปแล้ว…ดวงตาสีฟ้ามองมายังคนผู้นั้น…คนที่เขาเกลียด…ความเกลียดที่ตอนนี้ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้น….จะทำอะไรกับเขา กับร่างกายนี้ เขายังทนได้

ไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน ทารุณเพียงใด เขาก็ยังทนได้

แต่ที่มาทำกับเอเม กับน้องสาวที่รักเพียงคนเดียวของเขา…เขาทนไม่ได้!

ซานาเรย์รู้สึกคล้ายถูกหักหลัง…อย่างเลือดเย็นเป็นที่สุด ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ไม่เคยหวัง ความใจดีจากคนผู้นี้…แต่นี่มัน…มากเกินไปแล้ว

ดวงตาคู่สวยทอแววอาฆาตชัดแจ้ง หากคนมองมา ยังคงยิ้ม

ประสบความสำเร็จสินะ ที่ทำให้เอเมของเขา กลายเป็นฆาตกรได้ พอใจมากสินะ ที่ทำให้เขาแทบพังทลาย เพราะความปวดใจเช่นนี้

ยิ่งมองเขายิ่งแค้น…มือบอบบางเกร็งแน่นแม้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง อนุสติที่หลงเหลือก่อนหมดสติไป เขายังคงครุ่นคิด

เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ได้…เขายังไม่สามารถฆ่าคนผู้นี้ได้

แต่เขาจะอดทนรอ…เอเมจะต้องเป็นอิสระ…เขาไม่แคร์ว่าเอเมจะฆ่าคนอีกสักเท่าไหร่ ไม่สนใจว่าตัวเองจะแปดเปื้อนอีกแค่ไหน แต่ตอนนี้…ความปรารถนาเดียวที่มีก็คือ ต้องฆ่าคนผู้นี้ให้ได้!


……………………………………………………………


โทรศัพท์มีมาอยู่หลายครั้ง และแต่ละครั้ง ก็แจ้งสถานที่ และกำหนดการสังหาร ซานาเรย์รู้ดี เพราะหลังจากโทรศัพท์นั้นมา คำสั่งจากคนผู้นั้น ก็จะตามมาด้วย เขาจะต้องออกไป…ทำงานตามคำสั่ง โดยมีเอเม เป็นผู้จัดการขั้นสุดท้าย

ชายหนุ่มจะออกไปส่ง และจะไปรับ หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น การทำงานทุกครั้ง มีประสิทธิภาพ และเงียบเชียบ

เด็กน้อยยังคงคอยเวลาต่อไป

เขาคอยเรียนรู้วิธีการนัดหมาย เรียนรู้ทุกอย่างโดยที่ดาร์คไม่ได้ล่วงรู้ จนวันหนึ่ง…ที่พวกเขากลับมา เมื่อส่งเอเมรัลด์เข้าห้องไปแล้ว เด็กหญิงมักจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่ห่วง ว่าเอเมจะตื่นขึ้นมาเห็นได้ ร่างสูงที่ก้าวออกจากห้อง ตั้งท่าจะล็อคห้องไว้เช่นเดิมหากถูกมือบอบบางจับยึดไว้

ใบหน้าอ่อนเยาว์มองมาพลางพึมพำขึ้นว่า “ผมต้องการคุณ”

มือเล็ก ๆ ฉุดรั้ง ให้ก้าวตามไป ยังห้องน้ำ ร่างบอบบางเปลื้องเสื้อผ้าออก ผิวขาวยังคงแดงเรื่อเป็นจ้ำจากรอยจูบ…จากรอยกระทำรุนแรง และรอยเชือกรัด มือเรียวโอบรอบคอหนา คนมองมาเศร้าลงวูบหนึ่ง หากยังคงไม่ว่าอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายยั่วยวน…เป็นการยั่วยวน ที่เขานั้นสอนมาเองกับมือ

ร่างเล็กนั่งลงที่ขอบอ่าง ยกขาตั้งขึ้นอ้ากว้าง ช่องทางที่ยังแดงช้ำ มีคราบน้ำสีขาวขุ่นภายใน มือเล็กแทรกเข้าลึกควานมันออกมาพลางพึมพำ “กอดผมได้มั้ย…ล้างคราบพวกนี้ออกไป ด้วยของ  ๆ  คุณ…ได้โปรดเถอะ”

ดวงตาที่เว้าวอนสบตาเขา เป็นตาคู่งามที่น่าหลงใหล ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบรับ

“เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่เธอทำแบบนี้กับฉัน โดยไม่เกี่ยวกับเอเมรัลด์”

“ไม่ใช่เพราะเอเม…เป็นผมเอง…ที่อยากให้คุณกอด…อยากให้คุณทำ…แบบที่เคยทำ เมื่อตอนที่เรา..พึ่งได้เจอกันใหม่ ๆ…ได้ไหมครับ”

ร่างสูงโน้มลงมาหาพลางถาม “ไม่เกลียดฉันแล้วรึ”

เด็กชายส่ายหน้า “ทำสิครับ ทำเท่าที่คุณต้องการ”  ว่าพลางรูดซิบกางเกงตรงหน้าลง ก่อนจะใช้มือปลุกเร้าให้ เทคนิคที่เรียนรู้…จากอีกฝ่ายเช่นกัน นิ้วที่คล่องแคล่วทำได้ดีนัก ดีจนเขาแทบจะปลดปล่อยออกมา ร่างเล็กอมยิ้ม พลางเอนตัวลงที่พื้น เรียวขาบางอ้าออกแกมเปิดทางให้ “ผมต้องการคุณ…เข้ามาสิครับ”

ชายหนุ่มโน้มตัวลงหาร่างที่พื้น สอดร่างลงไปก่อนขยับเนิบช้า ช่องทางที่ยังคงลื่นจากคราบกามของคนแปลกหน้า กลับเร้าอารมณ์คนทำกว่าเดิม การเข้ามาได้ไม่ลำบากนักและนั่นทำให้เครื่องติดไวขึ้น ยิ่งขยับ ร่างเล็กที่โอบกอด ก็ยิ่งกอดแนบแน่น

“อ๊า…แรงอีก…อึ้ก…อื้อ….” เสียงใสครางหวาน เรียกแรงกระทำจากอีกฝ่ายได้ชะงัดนัก ร่างสูงหอบหายใจเบา ๆ ยามกดกระแทก สัมผัสอ่อนโยนและนุ่มนวล ดวงตาคู่นั้นสบตาเขา แววตาที่…ไม่เหมือนเดิม

ในพริบตานั้น มือที่โอบกอด กลับมีมีดอยู่อันหนึ่งกระชับแน่น เป็นมีด…ที่แอบซ่อนไว้ในห้องน้ำนี้ ตั้งแต่ก่อนออกไปในตอนเช้าแล้ว

เขาจะไม่ลังเลอีกต่อไป ศัตรูของเอเม คือศัตรูของเขา คนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องมือเปื้อนเลือด เขาคนนี้...จะจัดการเอง!

มือมั่นคง ปักมีดลงไปกลางหลังโดยแรง

ร่างสูงสะดุ้งเฮือกแทบจะผละออก แต่ยังคงอดทนไว้ ใบหน้าแกร่งที่มองมา กลับไม่มีวี่แววตกใจนัก ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นรอยยิ้ม มาจากใบหน้านั้น

เป็นยิ้มที่อ่อนโยน ซึ่งเขาไม่เคยได้เห็นมาเลย นับตั้งแต่ได้เจอกับคนผู้นี้

“ฉันรู้อยู่แล้ว…ว่าเธอจะทำแบบนี้” เสียงแผ่วคล้ายคนหมดแรงพึมพำ

“คุณ…?” ซานาเรย์หลุดคำออกมาอย่างงุนงง หากอีกฝ่ายไม่ยอมให้พูดนาน ด้วยรู้ว่าเขาเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว มีเรื่องสำคัญ ที่จะต้องบอกให้ได้รับรู้

“ฟังฉันนะ…ถึงฉันจะตาย พวกเธอ…ก็ใช่ว่าจะมีอิสระ…ใช้โทรศัพท์ฉัน โทรแจ้งกลับไป…ว่าพวกเธอ จะรับงานแทนฉัน…ฉันรู้ว่าเธอแอบเรียนรู้มันมาแล้ว ทำงานตามที่ฉันสอน อดทนทำต่อไป จนกว่าจะหาโอกาสได้…อย่าหนีตอนนี้…เพราะนั่น..จะเป็นความตายของเธอและน้องสาว”

"บอกพวกเขาว่าฉันโดนศัตรูที่ไม่รู้ว่าเป็นใครฆ่า..เผาบ้านหลังนี้ซะหลังจากนี้ ทำลายหลักฐานให้หมด แล้วบอกว่า...พวกเธอ จะทำงานต่อไป..อย่างซื่อสัตย์เหมือนเก่า"

“คุณบอกผมทำไม” สีหน้าเด็กน้อยเริ่มตึงเครียด ดาร์ครู้ ว่าเขาแอบศึกษาวิธีการติดต่อทำงาน

เด็กน้อยรู้ดี ว่าเขาเอง ไม่สามารถหนีอำนาจมืดขององค์กรนี้พ้น แต่เขาก็ยัง...อยากจะแก้แค้นคนผู้นี้อยู่ดี ดังนั้นทางเลือกเดียวที่มีก็คือ ต้องหาทางทำงานแทน โดยไม่ต้องผ่านครูฝึกอย่างดาร์คให้ได้

ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจจะบอก...เพราะมันคงเป็น ครั้งสุดท้ายแล้ว สำหรับเขา

“เพราะฉัน….อึก..”

ร่างสูงล้มลงบนร่างของเขาอย่างหมดแรง มีเพียงเสียงสุดท้ายที่เขาเพียงคนเดียวได้ยิน กระซิบที่ข้างหู

เสียงแผ่วเบา ที่เขาได้ยินชัดเจน…ชัดจนสะเทือนไปทั้งหัวใจ

“เพราะฉัน…รักเธอ”

ความรักที่ไม่อาจบ่งบอกได้ หากยังคงทำหน้าที่เป็นครูฝึกกับนักเรียนเช่นนี้อยู่ แต่ในตอนนี้ มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

เขาเองก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่อาจถอนตัวต่อองค์กรได้ แม้จะรัก...สักแค่ไหน ก็ยังคงต้องทรมานคนที่รักต่อไป

เป็นแบบนี้แหละ...ดีแล้ว

"ขอโทษนะ...ที่ทำร้ายเธอ...กับน้องสาวของเธอ..."

ร่างนั้นแน่นิ่งไปแล้ว เมื่อเด็กน้อยพลิกตัวออกมา ร่างบอบบางยืนมองนิ่งนาน พลางพึมพำว่า

“แต่ผม…เกลียดคุณ

ไฟลุกโหมกระหน่ำจากภายในบ้าน แสงสีส้มทองที่เจิดจ้าและน่ากลัว ร่างเล็ก ๆ สองร่างยืนมองมันจากระยะไกล มือของเด็กชายยังโอบไหล่เด็กหญิง อย่างปลอบโยน เขารู้ดี ว่าไม่ว่าจะหนีไปไหน ก็ไม่มีทางหนีพ้น พวกนั้น จะต้องตามมาฆ่าเขาแน่ หากรู้ว่าเขาเป็นคนสังหารครูฝึก

ดาร์คพูดได้ถูกต้องแล้ว มีเพียงวิธีเดียว ที่จะรอดได้ นั่นคือ…ยอมทำงานต่อไป จนกว่าพวกเขา จะโตเพียงพอที่จะสามารถหนีพ้นได้เท่านั้น

ดาร์ค…คน ๆ นั้น ที่เขาเกลียด…

ดวงตาคู่สวยกลับมีน้ำตาไหลริน เขาร้องไห้ ร้อง..ให้กับคนผู้นี้...กับหัวใจของเขา ที่กำลังเจ็บปวด ทั้ง ๆ ที่...แก้แค้นได้สำเร็จ


ใช่ เขาเกลียด…เกลียดคนผู้นี้ มากที่สุด

แต่ในความเกลียดชังนั้น….เก็บซ่อนสิ่งใดไว้

เขาจะไม่มีวันบอกใคร…แม้แต่กับเอเม….ตราบชั่วชีวิตนี้!


- จบตอนที่ 18 –

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าเกินไป ทำไมต้องรักกัน........
พระเจ้าใจร้าย :impress3:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: เศร้าอ่ะ
รักกันบนความเจ็บปวด

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่า... ซานะ ถ้ามีความรักแบบนั้น สู้ไม่มีไปเลยคงจะเจ็บน้อยลงกว่านี้นะ
ถูกทำร้ายอีกแล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
«ตอบ #224 เมื่อ23-05-2010 14:34:40 »

ตอนที่ 19 The Family’s First Trip : การไปเที่ยวกับครอบครัวครั้งแรก

(ตอนที่ 19/1)

Rate: PG-13


“เอ๋ แม่มาเหรอฮะ” เสียงของเด็กหนุ่มอุทานผ่านโทรศัพท์อย่างประหลาดใจ คนฟังอีกด้านหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน
   
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อกับแม่น่ะ กะจะไปฮันนีมูนกันอีกรอบ เพราะเราไม่ได้สวีทกันนานแล้ว แต่ว่า…ไหน ๆ ก็จะมาแล้ว พวกเราก็เลยอยากจะชวนลูก กับเพื่อน ๆ ของลูกที่คาเฟ่ ไปเที่ยวด้วยกัน…อ้อ แน่นอน แต่เวลาเที่ยว พ่อกับแม่ จะสวีทกันสองคนนะ เด็ก ๆ ไม่เกี่ยว ต่างคนต่างเที่ยวแยกกัน” เสียงตามสายพูดต่อไปอย่างยิ้ม ๆ
   
“ว่าแต่ว่า…จะไปรึเปล่าล่ะ เรย์จิ ไปเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้กับแม่ด้วยไง”
   
หน้าคนฟังเริ่มแดงเรื่อ “เอ่อ…เรายังไม่…”
   
“ฮ่า ๆ ๆ เอาเถอะ ก็ถือโอกาสนี้ทำให้มันคืบหน้าสิ ไอ้ลูกชาย อย่าบอกนะว่าไม่มีปัญญา เสียชื่อพ่อหมด กับอีกแค่จีบสาวแค่เนี้ย”
   
“โธ่ พ่อล่ะก็...เอ่อ..แล้วตอนนี้พ่อ…”
 
“ก็อยู่กับแม่แกน่ะสิ เรายังหวานกันอยู่นา ถึงจะไม่ได้เจอกันนานก็เถอะ ยังสวยเช้งขนาดนี้ ดังนั้น…ถ้าจะโทรมาบอกยังไง โทรพรุ่งนี้บ่าย ๆ นะ คืนนี้พวกพ่อไม่ว่าง”
   
“ยันเช้าเลยเหรอพ่อ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงเที่ยวหรอก”
   
“ระดับไหนแล้ว เรื่องแค่นี้เด็ก ๆ” คนพูดตอบกลับอย่างอารมณ์ดี  “อ๊ะ ว่าแต่แกจะคุยกับแม่บ้างมั้ย”
   
“ฝากสวัสดีด้วยละกันฮะ อีกเดี๋ยวก็จะเจอกันแล้ว ยังไงปกติแล้ว ผมก็เจอแม่มากกว่าพ่ออยู่แล้วน่า”
   
“ต่อไปพ่อจะเป็นพ่อที่แสนดีแล้ว อย่างอนไปเลยนะ พ่อย้ายมาประจำที่นี่แทนแล้ว คงไม่ต้องเดินทางไปไหนบ่อย ๆ”
   
“ใครงอนกันล่ะฮะพ่อ แค่พ่อไม่หาเรื่องปวดหัวมาให้ผม ก็ดีใจมากแล้ว”
   
“แกเสน่ห์แรงในหมู่ผู้ชายเองต่างหาก ช่วยไม่ได้นี่นา อยากไม่มีปัญญาหาแฟนได้ซักที”
   
“เที่ยวคราวนี้ผมจะจีบให้ติดเลยเอ้า ไม่ให้พ่อสบประมาทได้อีก คอยดูเถอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะถามทุกคนให้ แล้วจะติดต่อไปอีกทีนะฮะ”
   
หลังจากร่ำลาแล้วเขาก็วางหูไป ดวงตากลมโตน่ารักที่มองมาจากด้านล่างของยูเมะจัง ทำให้เด็กหนุ่มแอบหน้าแดงอีกครั้ง ไม่รู้ว่ามองมาตั้งแต่ตอนไหนแล้ว แต่เขาพึ่งจะเห็น สงสัยจะได้ยิน…เรื่องที่เขาคุยกับพ่อไปแล้วซะด้วยสิ
   
“ยูเมะช่วยเอามั้ย เรย์จิคุง” เด็กน้อยพูดยิ้ม ๆ
   
“เอ๋ ชะ…ช่วยอะไรครับ” เด็กหนุ่มชักตะกุกตะกัก
   
เด็กหญิงอมยิ้ม  “ก็ช่วย…ให้มีแฟนไง เรย์จิคุงก็จีบยูเมะสิ เดี๋ยวจะยอมเป็นแฟนให้ก็ได้” เธอพูดต่อหน้าตาย
   
“ผมยังไม่อยากพรากผู้เยาว์นะครับ” เขาว่าเขิน ๆ พลางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “ว่าแต่ยูเมะอยากไปเที่ยวกับผมมั้ย”
   
“ไปเที่ยวเหรอ ที่ไหนล่ะ” เด็กน้อยถามต่อ
   
“ทะเลเป็นไง” ร่างสูงของเด็กหนุ่มว่าพลางพาเดินเข้าไปในครัว ที่มีสมาชิกนั่งกันอยู่พร้อมหน้า รอรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
   
“ทะเล! ยูเมะไม่เคยไปเลย” เด็กน้อยอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น
   
“ทะเลเหรอ” ซานะถามขึ้นทันที เด็กชายเองก็เริ่มสนใจไม่แพ้กัน
   
“อืม ชั้นก็ไม่เคยไปเลย ทะเลมันหน้าตาเป็นยังไงเนี่ย” อายาเมะพูดขึ้นบ้าง สายตาหลายคู่เริ่มจ้องมองมาอย่างอยากรู้ ราวกับว่าตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยไปทะเลกันเลยสักครั้ง แต่อาจจะไม่แปลกก็ได้ กับคนประหลาด ๆ กลุ่มนี้ ไปเที่ยวสักที อาจจะได้เป็นคนธรรมดากับเขาเร็ว ๆ บ้าง เด็กหนุ่มคิดต่อไป
   
“เอ่อ…คือว่า พ่อผม ชวนทุกคนไปเที่ยวทะเลครับ ใครอยากไปบ้าง”
   
“ไปสิ ไป ๆ ๆ ๆ” ยูเมะรีบพูดทันที ทุกคนอมยิ้มพลางพยักหน้ารับ โคโตะหันมายิ้มหวานให้พลางตอบว่า “คุณเรอิจิทั้งที พวกเราก็ต้องไปสิ”
   
สายตาไม่ไว้วางใจนักจากมาโอะมองมา เล่นเอาเรย์จิต้องรีบแก้ต่างให้
   
“เอ้อ พ่อผมมากับแม่นะครับ พวกเขาจะฮันนีมูนกันอีกรอบน่ะครับ ส่วนที่พัก แม่มีหาดส่วนตัวอยู่ แถมด้านหลังยังเป็นป่า ที่มีน้ำตกสวย ๆ ด้วย ถ้าทุกคนโอเค อีกสองวันเราจะไปกันนะครับ”
   
ทุกคนพร้อมใจกันรับคำอย่างกระตือรือร้น ซากุระที่ยืนทำกับข้าวอยู่หันมาวางจานลงบนโต๊ะ ยังคงไม่ได้พูดอะไรเช่นเคย เรย์จิมองมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เล็กน้อย เป้าหมายของเขา ย่อมเป็นสาวน้อยผู้นี้ แม้ว่าปกติแล้ว เธอจะดูไม่ค่อยสมกับเป็นสาวน้อยเท่าไหร่ก็เถอะ
   
“ซะ…ซากุระคุง ไปกับผมนะครับ”
   
“ใครบอกว่าฉันจะไปกับนาย” ดวงตาดุเล็กน้อยตอบกลับ เล่นเอาคนถามหน้าเจื่อน
   
“ล้อเล่นน่ะ ไปสิ ฉันยังไม่เคยเห็นทะเลเหมือนกัน” เขาพูดต่อเรียบ ๆ เล่นเอาคนถามเริ่มใจเต้น
   
“ซากุระคุง” โคโตะขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดต่อว่า “ทะเลเนี่ย เขาจะใส่ชุดกระโปรงน่ารัก ๆ กันนะ เวลาไป แล้วก็…พรุ่งนี้ ช่วยพาเด็ก ๆ ไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วย เรย์จิคุง เธอไปกับซากุระคุงนะ ได้รึเปล่า” ว่าแล้วร่างเล็กก็ขยับเข้าไปใกล้พลางกระซิบว่า “เลือกชุดว่ายน้ำแบบเซ็กซี่ ๆ ให้ซากุระคุงซักชุดด้วยนะ”
   
คนฟังหน้าแดงฉาน ได้แต่ตอบตะกุกตะกัก “ดะ…ได้แน่นอนครับ เอ่อ…แต่ว่า ซากุระคุงจะยอม..”
   
ดวงตาเรียวยาวมองมา เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุดกึก
   
“เอ้อ ไม่มีอะไรครับ ไม่มีจริง  ๆ ผมรู้จักร้าน พรุ่งนี้ผมจะพาไปเอง”
   
ทุกคนแอบหัวเราะกันอย่างขบขัน มีเพียงซากุระที่มองมาอย่างงง ๆ แกมไม่เข้าใจ โคโตะตบบ่าบอบบางนั้นเบา ๆ พลางพูดว่า “เรย์จิคุงเป็นผู้ชำนาญการไปเที่ยวทะเล ยังไงก็เชื่อเขาด้วยนะ เวลาไปซื้อของน่ะ”
   
ร่างบอบบางพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากจัดวางอาหารที่ปรุงเรียบร้อยแล้วลงบนโต๊ะ ทั้งหมดจึงเริ่มรับประทานอาหารกันอย่างเมีความสุข


.......................................

   
รถตู้คันใหญ่ยาวพิเศษสุดหรูสองคันจอดที่หน้าร้านอย่างนุ่มนวล คันที่ดูหรูเป็นพิเศษนั้น มีคนขับแต่งตัวเรียบกริบลงมาเปิดพลางโค้งให้ เรอิจิออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะส่งมือให้กับหญิงสาวผมสีดำสนิทยาวสยายถึงกลางหลัง สวมแว่นตาดำก้าวลงมาด้วยมาดมั่นอย่างนอบน้อมยิ่งกว่าคนขับเสียอีก
   
“นี่เหรอ ร้านที่ว่า” เสียงใสถาม มือเรียวยาวถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยคมแบบมั่นใจในตัวเองสูงเด่นชัด "แต่งร้านได้สวยดีนี่ เรย์จิมาทำงานที่นี่คงมีความสุขดีใช่มั้ย"   

“ใช่แล้วที่รัก ลูกของเราน่ะ โตแล้วนะ แถมเสน่ห์แรงอีกต่างหาก” เรอิจิพูดต่ออย่างอารมณ์ดี
   
คิ้วเรียวสวยขมวด “เสน่ห์แรงกับผู้ชายแบบคุณน่ะเหรอ ฉันไม่เอาลูกเขยหรอกนะ ยังไงฉันก็อยากอุ้มหลาน ถึงจะขี้เกียจเลี้ยงก็เถอะ”
   
“คุณล่ะก็ พูดตรงไปแล้วนะ แต่ผมก็ชอบคุณตรงนี้แหละ” เขาว่าพลางหอมแก้มเธออีกครั้ง
   
“เรอิจิ ฉันอยากเห็นจริง ๆ นะ คนที่เรย์จิเลือกน่ะ ว่าจะสมกับเป็นสะใภ้พันล้านของเรารึเปล่า”
   
“เงินมันไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอกนะ เชื่อผมสิ”
   
“ฉันรู้ ๆ ไม่งั้นฉันจะยอมแต่งกับคุณรึ แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามาทำให้ลูกชายของฉันตกต่ำลงล่ะก็ ฉันก็ไม่เอาไว้เหมือนกันนะ”
   
“นั่นไง พวกเขามากันแล้ว ไปสิครับ ผมจะพาคุณไปรู้จักเอง กับครอบครัวใหม่ของเรย์จิ แล้วก็…ว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคตของคุณ”


.............................................

   
เสียงรถจอดลงหน้าบ้าน ทำให้คนในบ้านตื่นเต้นกันใหญ่ จะว่าไปแต่ละคนก็แทบไม่ได้เคยไปเที่ยวไหน ชนิดที่จะได้เที่ยวจริง ๆ โดยไม่มีภารกิจมายุ่งด้วยเลยสักที การไปเที่ยวครั้งนี้ จึงนับเป็นครั้งแรก และยังเป็นการเที่ยวกับครอบครัวครั้งแรกอีกด้วย
   
เรย์จิเปิดประตูรับ หญิงสาววผู้ลงจากรถตรงเข้าไปกอดลูกชายคนเดียวอย่างแนบแน่น พร้อมกับจูบรับขวัญไปอีกหลายที คนที่ยืนรออยู่จึงได้แต่มองอย่างงุนงง เพราะเธอผู้นั้นทั้งสวยและสาว…ราวกับเป็นแฟนกับเรย์จิก็ไม่ปาน
   
สายตาไม่พอใจนักจากดวงตาเรียวยาวที่มองมา ทำให้โคโตะแอบยิ้ม เขาเองนั้นเคยเห็นภาพคนผู้นี้มาแล้ว ที่โต๊ะทำงานของเรอิจิ จึงรู้แน่ชัดว่าเป็นภรรยาของเขา และแน่นอน แม่ของเด็กหนุ่มผู้นี้ด้วย
   
คนทั้งคู่กอดกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่เรย์จิจะพาไปให้ทุกคนรู้จักอีกครั้ง
   
“คนไหนน่ะลูก ที่จะเป็นสะใภ้ของแม่”
   
เด็กหนุ่มหน้าแดงฉาน ตอบตะกุกตะกักว่า “เอ่อ…ตอนนี้ผมยัง…ยังจีบไม่สำเร็จเลยฮะแม่”
   
ดวงตาคมสวยมองกลับมาอย่างดุ ๆ “ได้ไงกันลูก เสียชื่อพ่อกับแม่หมด รู้มั้ยว่าพ่อกับแม่น่ะ เจอกันวันเดียวก็ได้เป็นแฟนกันแล้วนะ ลูกน่ะ ทำงานที่นี่มาตั้งหลายเดือน ยังจีบไม่ติดอีกรึไง”
   
“โธ่ แม่ฮะ ผมไม่ได้ชำนาญแบบพ่อนี่ ที่สำคัญ…คน ๆ นั้นเขา…”
   
“หืม?” หญิงสาวสะดุดกึก ที่ลูกชายเรียกคนผู้นั้นว่า ‘เขา’
   
“อย่าบอกแม่นะว่า…”
   
“เอ้อ ไม่มีอะไรครับ มาตรงนี้ดีกว่า ผมจะแนะนำเอง”
   
“ทุกคนครับ นี่แม่ของผมเอง ชื่อยูริโกะ ยามาโนะ ยูริโกะ ครับ”
   
เด็กหนุ่มแนะนำสมาชิกในบ้านไปทีละคน หญิงสาวยิ้มรับทักทาย โคโตะที่อยู่ในชุดหญิงสาวกลับเป็นทาโนเอะอีกครั้ง ยืนเคียงข้างกับมาโอะ ดูดีราวกับเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี อายาเมะก็แต่งสาวอีกเช่นกัน เมื่อยามยืนคู่กับฮิโรอากิ ก็ดูเหมือนพี่สาวและพี่ชายที่แสนใจดี ส่วนเด็ก ๆ นั้นแต่งตัวตามปกติ เพียงแต่ไม่ใส่คอนแท็กซ์เลนส์เท่านั้น
   
โคโตะในวันนี้ดูน่ารักกว่าทุกวัน หลังจากตกลงกันแล้ว ทุกคนจะเรียกเธอว่าทาโนเอะอีกครั้ง ด้วยความที่เตี้ยมกันมาก่อนกับเรอิจิ ผู้ที่รู้ดีว่าภรรยาค่อนข้างแอนตี้รักร่วมเพศ เพราะสาเหตุง่าย ๆ ที่ว่า สามีของเธอมักโดนผู้ชายจีบเป็นประจำ
   
แถมเจ้าพันธุกรรมที่ว่า ดันตกทอดมายังลูกชายแสนดีเสียด้วย
   
ดังนั้นเพื่อความสบายใจ และเพื่อจะได้ทำงานที่ร้านต่อไปได้อย่างราบรื่น ทุกคนจึงลงความเห็นกันว่า แต่งหญิงไปเที่ยวกันคงจะดีกว่า
   
แต่คนที่ควรจะแต่งหญิง…เพราะเป็นหญิงแท้ ดันไม่ยอมแต่งเสียอย่างนั้น อาจจะเพราะไม่พอใจที่เห็นชุดว่ายน้ำในวันก่อนก็เป็นได้ ซากุระจึงแต่งชายเนี้ยบเหมือนแต่ก่อน ด้วยความงอนนิด ๆ แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่างอนอยู่ก็เถอะ
   
บรรยากาศของร้านคาเฟ่ในตอนแรก ๆ แทบจะหวนกลับคืนมา เรย์จิอดมองอย่างคิดถึงไม่ได้ กับการที่ตัวเองหัวใจแทบวาย กว่าจะรู้ว่าแต่ละคนเป็นเพศไหน ก็เกือบจะโดนปล้ำไปหลายรอบ
   
พอแนะนำไปเรื่อย ๆ จนถึงซากุระ หญิงสาวก็มองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนสบสายตาลูกชาย ที่ดูเขินอายกว่าตอนแนะนำทุกคน
   
“คงไม่ใช่คนนี้หรอกนะ เรย์จิ” เธอแอบกระซิบถาม
   
“เอ่อ…คนนี้แหละฮะแม่…” เรย์จิตอบอึกอักเสียงแผ่ว ยังเขินไม่เลิก “ถึงตอนนี้จะยังไม่สำเร็จ แต่ผมจะจีบให้ได้เลย” เขาตอบต่อด้วยเสียงแทบจะเป็นกระซิบอย่างมุ่งมั่น
   
“ถ้าเป็นคนนี้ แม่ไม่ยอมนะ” โยริโกะกำชับหนักแน่น เธอไม่ยอมให้ลูกชายแต่งงานกับผู้ชายเด็ดขาด แบบนี้ใครจะสืบสกุลกันล่ะ แถมลูกชายเธอยัง…ทำหน้าแดงซะขนาดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ ต้องเป็นฝ่ายรับแหง ๆ เสียชื่อวงศ์ตระกูลหมดกัน!
   
“อ้าว ทำไมล่ะฮะแม่” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน
   
ทว่ายังไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงของเรอิจิก็เร่งมาแล้ว “รถพร้อมแล้วล่ะ ทุกคนประจำที่ได้แล้ว” เขาว่าพลางจูงมือภรรยาไปยังรถคันแรกที่นั่งมา ก่อนจะโบ้ยใบ้ให้สมาชิกที่เหลือ นั่งอีกคันกันตามสบาย ด้วยความที่ตกลงกันไว้ว่าพวกเขาจะมาฮันนีมูน คนอื่นก็สนุกแยกกันไป ไม่รบกวนกัน
   
ทุกคนเลยแยกย้ายกันขึ้นรถ เรย์จิมองมารดาเดินจากไปอย่างงุนงงเล็กน้อย ปกติแล้วแม่ของเขาค่อนข้างให้อิสระกับเขามากพอดู …มากจนต้องไปอยู่แล้วก็หาเลี้ยงตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ แม่เขาน่ะ ไม่ค่อยสนใจเลี้ยงดูเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้ว่าจะรักเขามากก็เถอะ

ร่างสูงถอนหายใจ ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างแทน ที่ด้านข้างติดหน้าต่าง เป็นที่นั่งของซากุระ แต่ร่างบอบบางก็มิได้นั่งบังวิวเสียจนมองอะไรไม่เห็น รถคันหรูเคลื่อนที่แล้ว ภาพวิวด้านข้างยังคงเป็นภาพตึกรามบ้านช่องที่คุ้นเคย ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นอะไรที่แปลกตาขึ้นเรื่อย ๆ ออกสู่เมืองถัดไป

มองไปมองมา จากมองวิวกลับเป็นมองคนไปเสียได้ แม้จะพยายามไม่ให้เจ้าตัวที่มองผ่านหน้าต่างด้านข้างจนเพลินรู้ตัวก็ตาม ซีกหน้าด้านข้างได้รูปที่มีผิวขาวละเอียด ยังคงมองภายนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้จะไม่ได้แสดงออกมามากมาย ด้วยความที่เป็นคนแสดงอารมณ์ได้ไม่เก่งนัก แต่เขาที่มองอยู่ก็รู้ดี

ภาพด้านนอกดูน่าสนใจสำหรับเขาแค่ไหน สำหรับซากุระ ก็คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ไม่เคยเห็นมากกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว ดีจริง ๆ ที่ครั้งนี้ได้ออกมา เด็ก ๆ เองก็ตื่นเต้นกันมากด้วย

เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ มันเหมือนครอบครัวได้พร้อมใจกันไปเที่ยว ใบ หน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ไม่ใช่ใบหน้าเศร้าสร้อยเปลี่ยวเหงาอยู่เดียวดายเหมือนแต่ก่อน เขายังจำได้ดี ในตอนแรก ๆ นั้นทุกคนอยู่รวมกันก็จริง แต่เหมือนกับมีอะไรคอยกางกั้น จนแม้จะอยู่ด้วยกัน แต่กลับคล้ายอยู่เพียงลำพังอยู่ดี

มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ในที่สุด ทุกอย่างที่เลวร้ายก็ผ่านพ้นไปได้เสียที เมื่อทุกคนต่างหันมามองกันและกันมากขึ้น และยังรักกันมากขึ้น จนเป็นครอบครัวเหมือนทุกวันนี้

เด็กหนุ่มมองออกไปอีกครั้ง รอบข้างเริ่มมีต้นไม้มากกว่าอาคารบ้านเรือนแล้ว และอีกไม่นาน คงจะเห็นภูเขาและทะเลที่เป็นจุดมุ่งหมาย

จะว่าไป สำหรับเขาเอง ก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัวมานานมากแล้ว

นานจนแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ…

บรรยากาศที่เริ่มชนบทขึ้นทำให้ยิ่งมองยิ่งสดชื่น เด็กหนุ่มจึงคิดได้ว่า ไหน ๆ จะไปเที่ยวทั้งที จะมัวมากลุ้มอยู่ก็คงไม่ดีนัก เขาจึงเริ่มหันมาฮาเฮกับเด็ก ๆ ที่เริ่มเบื่อกับวิวภายนอกแล้ว พลางชวนเล่นเกมพูดคุยเป็นที่สนุกสนาน

ร่างบอบบางที่นั่งอยู่ด้านข้างมองมาพลางอมยิ้ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตนเองชอบนั่งมองเรย์จิ เวลาเล่นกับเด็ก ๆ หรือพูดคุยกับผู้คน รอยยิ้มเคอะเขินจริงใจ และการพูดคุยที่ออกรส เป็นสิ่งที่ทำให้เรย์จิดูมีเสน่ห์นัก สมกับเป็นลูกของเรอิจิเลยทีเดียว

คน ๆ นี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นเสมอยามได้ใกล้ชิดจริง ๆ มือผอมบางขยับเข้าใกล้คนนั่งด้านข้าง แล้วกุมมือเด็กหนุ่มไว้โดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าอยากได้ไออุ่นเพิ่มขึ้น

เผลอแป๊บเดียว ร่างบอบบางนั้นก็หลับไป อย่างสบายเสียจนคนนั่งด้าน ข้างนั่งเกร็งไปเลย

เรย์จิที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ แอบสะดุ้งเล็กน้อย แต่ทำทีเป็นไม่ตื่นตกใจ แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบจะออกมาจากอกเมื่อได้คิดว่า…ซากุระ…กำลังจับมือของเขา

หลับสบายเสียอย่างนั้น ท่าทางเขาคงเป็นหมอนที่ดีจริง ๆ แม้ว่ากลางคืน พวกเขาจะแยกกันนอนคนละฟูกเหมือนเดิมก็ตาม

ทุกคนรู้ดีว่าซากุระเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่มีใครยอมแลกห้องกับเขาเสียอย่างนั้น จะว่าไป…ทุกคนมีคู่ของตัวเองอยู่แล้ว ใครจะอยากให้เขาไปแทรกกลาง

การได้นอนห้องเดียวกับซากุระ ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาเช่นกัน แค่ได้นั่งมองคนงามตอนกำลังหลับ ก็ทำให้หลับฝันดีได้แล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ขอย้ายไปนอนห้องใครอีก

แต่เมื่อไหร่กันหนอ ที่เขาจะได้เลื่อนขั้น จากหมอนข้างไปเป็นแฟนกับใครเขาบ้าง ร่างสูงได้แต่ลอบถอนหายใจอีกครา อย่างแผ่วเบากว่าเดิม เพราะกลัวคนด้านข้างจะตกใจตื่นขึ้นมาเสียก่อน

ในตอนนี้เขาได้แต่แอบหวัง ให้การเดินทางครั้งนี้ยาวนานออกไป ขอแค่ให้ได้จับมือกันนานกว่านี้...อีกสักนิดก็ยังดี

"เรอิจิ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ" เสียงเข้มของโยริโกะทำให้ชายหนุ่มด้านข้างหันมามอง ดวงตาคู่สวยของเธอ ยังคงจ้องมองหน้าจอทีวีแบบบาง ซึ่งติดตั้งพิเศษไว้ในรถตาไม่กระพริบ กล้องแอบถ่ายที่ซุกซ่อนไว้ในรถอีกคัน ฉายภาพราวกล้องวงจรปิด เข้ามายังรถของเธอด้วยการสั่งทำพิเศษล่วงหน้าไว้ก่อนไปเที่ยวหลายวัน

จุดประสงค์หลักก็คือการจับตามองว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอนั่นเอง!

แต่นี่อะไรกัน จับมือกันตั้งแต่ยังไม่มืด...แล้วหลับแบบนั้น คิดจะยั่วลูกชายเธองั้นหรือ

หญิงสาวเริ่มอคติกับอีกฝ่าย ด้วยความเข้าใจว่าเป็นชาย แม้จะรูปร่างบอบบาง หน้าตาดูดี แต่ถ้าเป็นผู้ชาย เธอก็ไม่เอาเหมือนกัน แม้จะแอบดีใจนิดหน่อย ว่าลูกชายเธอคงไม่ใช่ฝ่ายรับแล้ว...แต่นั่น...ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นฝ่ายรุกดีกว่าหรอกนะ!

"คุณอย่าไปยุ่งกับเรื่องของลูกมากนักเลยน่าที่รัก" เสียงเรอิจิปรามขึ้นเบา ๆ เพราะรู้ดีว่าภรรยาของตนเองนั่งมองภาพนั้นมาตลอดทางแล้ว ซึ่งถ้านับเวลา ก็หลายชั่วโมงอยู่

"จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงล่ะ เรย์จิเป็นลูกชายของฉันนะ" เธอแย้งขึ้นทันที

"แต่ปกติ คุณก็เลี้ยงเขาแบบปล่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แค่คุณด้วย ผมก็เหมือนกัน ไม่ได้เป็นพ่อที่ดีสักเท่าไหร่หรอก แต่เด็กคนนี้ ก็สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้เสมอ คุณจะมากะเกณฑ์อะไรกับเขาตอนนี้น่ะ มันไม่ได้หรอกนะ" มือแข็งแรงโอบไหล่ภรรยาสาวแกมปลอบโยน

"ก็ฉันถือคติเลี้ยงลูกเหมือนสิงโตนี่ ถ้าไม่ผลักให้ตกเหว ลูกของเราจะแข็ง แกร่งได้ยังไง แต่ว่า...เรื่องนี้มันไม่เหมือนกันนี่ คุณจะไม่ให้ฉันยุ่งได้ยังไงล่ะ ก็...ก็...เด็กคนนั้น..."

"ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเรารอดูไปก่อนดีกว่ามั้ย คุณไม่เชื่อใจลูกชายคุณเหรอ ว่าเขาย่อมเลือกคนที่ดีที่สุด มาเป็นคนรักอยู่แล้ว" เรอิจิพูดหน้าตาย ไม่ยอมแก้ความเข้าใจผิดของภรรยาเสียอย่างนั้น ว่าซากุระเป็นผู้หญิง
"คนที่ดีที่สุดในสายตาเขา อาจจะแย่ในสายตาฉันก็ได้นี่" หญิงสาวแย้งขึ้นอีก

"คนที่ดีที่สุดในสายตาของลูก ย่อมต้องดีในสายตาพ่อแม่ด้วยสิ เอาน่า อย่าคิดมากเลย เรย์จิก็บอกแล้ว ว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกันเสียหน่อย เราก็คอยชี้นำอย่าให้เขาเดินทางผิดก็พอ ความดีของคน ๆ นั้นที่เรย์จิเห็น ก็คงจะมีให้เราได้เห็นเอง ถ้าลูกเลือกคนถูก แต่ถ้าเลือกผิด จะไปห้ามตอนนั้นก็ยังไม่สายนี่นา"

"อืม...ก็ได้ ฉันจะดูต่อไป" ร่างบอบบางรับคำอย่างเสียไม่ได้ ดวงตาคู่งามของเธอ ยังคงจ้องมองภาพที่เห็นตาไม่กระพริบเช่นเคย
   
ท้องฟ้ากว้างสีน้ำเงินสดใส ตัดกับฟองคลื่นขาวและน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง รถตู้ทั้งสองคันจอดที่ด้านหน้าของบ้านหลังใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวเลยทีเดียว ทางด้านหน้าทอดยาวลงสู่ทะเล เป็นที่ส่วนตัวซึ่งไม่มีใครเข้ามารบกวนเสียด้วย

เด็กหนุ่มก้าวลงจากรถ สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ กลิ่นอายทะเลที่ปะปนมากับอากาศ ทำให้คิดถึงการมาเที่ยวเมื่อครั้งยังเด็ก ผืนทรายเบื้องหน้าก็อ่อนนุ่มน่าวิ่งเล่นนัก ไหนจะน้ำใสชวนว่ายเล่นนั่นอีก เด็ก ๆ ที่ตามลงมาตื่นตาตื่นใจกันมาก มือน้อย ๆ จับกันแล้ววิ่งไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น

ไม่ใช่แต่เด็กที่ตื่นเต้น บรรดาผู้ใหญ่ที่ไม่เคยมาทะเลกันเลย ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แม้ว่าจะยืนมองอยู่เฉย ๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสนอกสนใจ

ซากุระยืนมองร่างเล็กของยูเมะและซานะพลางอมยิ้ม เรย์จิที่ลอบมองคนด้านข้างอีกทอด ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเช่นกัน บรรยากาศดีขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องคืบหน้าแน่ ๆ

แต่สายตาอีกคู่ที่มองมา กลับยิ้มไม่ออก ยูริโกะยังคงพึมพำกับเรอิจิ อย่างไม่พอใจนัก
"ฉันไม่เอาลูกสะใภ้ผู้ชายหรอกนะ"

"เอาน่าที่รัก คุณบอกว่าจะคอยดูเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ อย่าพึ่งใจร้อนสิ" ว่าแล้วก็หันไปหาคนอื่น ๆ ก่อนจะบอกว่า "เดี๋ยวจะขนกระเป๋าไปให้ที่ห้องนะ ทุกคนเดินตามไปแล้วกัน จะได้ผลัดชุดด้วย เผื่อใครอยากเล่นน้ำทะเล เอ้า เด็ก ๆ เปลี่ยนชุดก่อนนะ แล้วค่อยลงไป" เขาตะโกนเรียก เด็กทั้งสองวิ่งกลับมาอย่างเชื่อฟัง

"เด็กสองคนนี่น่ารักนะ เสียดาย ถ้ายูเมะจังโตกว่านี้อีกหน่อย ฉันจะให้เรย์จิจีบแทน" ยูริโกะยังคงบ่นต่อไป เธอปลื้มกับดวงตาคู่สวยของเด็กน้อยมาได้พักใหญ่แล้ว เพราะเป็นของหายากที่ไม่เคยได้เห็นด้วยซ้ำ

"ตาสีสวยมากจริง ๆ ถ้ามีหลานตาสีนี้ซักคนสองคน คงดีไม่น้อย"

"ลูกเราไม่ใช่พ่อพันธุ์นะคุณ เขาจะรักใครก็ปล่อยเขาเถอะน่า"

"ก็ได้ ๆ ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะรอดูต่อไป คุณไม่ต้องย้ำหรอกน่า เรอิจิ"

มืออ่อนโยนโอบเอวภรรยาสาว "เราไปห้องกันดีกว่าที่รัก ปล่อยเด็ก ๆ สนุกกันไปก่อน อย่าลืมสิว่าเรามาฮันนีมูนกันนะ" พูดพลางหอมแก้มนวลอีกรอบ แถมมือแข็งแรงยังอุ้มร่างเบาหวิวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวเสียอย่างนั้น เล่นเอาคนพูดหายงอนได้ในพริบตา

"เอางั้นก็ได้ แต่นี่ เรอิจิ คุณไม่ต้องอุ้มฉันได้มั้ย อายเด็ก ๆ นะ"

"อายอะไรล่ะ เจ้าสาวของผม"

ว่าแล้วเขาก็หลิ่วตาให้คนที่เหลือเป็นเชิงขอตัว ก่อนจะก้าวยาว ๆ พาหญิงสาวเข้าห้องไป


..........................................

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
«ตอบ #225 เมื่อ23-05-2010 14:40:31 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เราชอบตอนเรทเด็กน้อยแบบนี้ของเรื่องนี้มากเลย อ่านแล้วถึงจะเมื่อยแก้มแต่ก็มีความสุข :m1:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
«ตอบ #226 เมื่อ23-05-2010 14:46:46 »

ว๊ายยย  :-[ อยากบอกว่ารอตอนนี้มาตลอดเลย
อยากเห็นเรอิจิกับคุณแม่เรย์จิกลับมาสวีทกัน น่ารักอ่ะ
เรย์จิก้อสู้ๆละกันน๊า รู้สึกคน(เอาใจ)ช่วยเยอะนะเนี่ย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ratrirattikan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/1 อัพ 23-5-10 จบในตอน
«ตอบ #227 เมื่อ24-05-2010 21:50:08 »

โอ้ ท่าทางคุณแม่จะเข้าใจผิดยกใหญ่ แหม...ก็ซากุจังไม่ยอมแต่งสาวนี่นา เนอะ

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café ตอนที่ 19/2 อัพ 26-5-10 จบในตอน
«ตอบ #228 เมื่อ26-05-2010 13:53:14 »

(ตอนที่ 19/2)


ห้องพักเป็นห้องสวีทเตียงคู่อย่างกว้าง ถึงจะมีห้องอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้วอยากจะนอนกับคนที่ตัวเองรักมากกว่า การจัดห้องจึงลงตัวเสร็จสรรพเช่นเคย หลังจากจับจองห้องกันเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนก็เข้าห้องส่วนตัวของตนเองไป มีเพียงเรย์จิ ที่มองร่างบอบบางอย่างไม่แน่ใจนัก

"ทำไมไม่เข้าไปล่ะ" ซากุระถามขึ้น ทำท่าจะเข้าห้องเดียวกันกับเด็กหนุ่มเหมือนทุกครั้ง

"เอ่อ..."

"มันไม่เหมาะ?" คนถามชิงพูดก่อนเสียอีก เพราะเริ่มคุ้นเคยกับท่าทีนี้แล้ว "ที่บ้านยังนอนได้ ทำไมที่นี่ไม่ได้ล่ะ"

เรย์จิมองมาพลางพึมพำ "ที่บ้านห้องมันจำกัด แต่ที่นี่..."

"นายอยากจะไปนอนที่อื่นก็ตามใจ" คนด้านข้างพูดเสียงราบเรียบ ในน้ำเสียงออกจะงอนเล็กน้อย แม้เจ้าตัวจะยังไม่รู้เช่นเคย

"ถ้างั้น ผมอยู่ห้องข้าง ๆ มีอะไรก็เรียกนะครับ" เรย์จิพึมพำเสียงแผ่ว รู้ดีว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจ แต่ในเมื่อครั้งนี้ มีแม่ของเขามาด้วย เขาคงจะทำเหมือนปกติไม่ได้ เพราะฝ่ายที่จะเสียย่อมเป็นฝ่ายหญิง และเขาจะยอมให้คนที่เขาชอบ ต้องเสียหายในเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แม้จะเสียดายอยู่ก็เถอะ

ร่างบอบบางมองมาวูบหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูไปแทบจะในทันที เล่นเอาคนถูกมองเสียวสันหลังวาบ ซากุระเริ่มกางเกราะป้องกันอีกแล้ว

เรย์จิมองประตูที่ปิดลงก่อนถอนหายใจยาว รู้ดีว่าเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ ซากุระคงจะไม่เข้าใจแน่ ๆ ท่าทางงอน ๆ ราวเด็กน้อยที่ถูกพ่อแม่ปล่อยให้นอนแยกห้องจนคล้ายขาดความอบอุ่นแสดงออกมาจนเห็นได้ชัด เขาคงจะเป็นเหมือนพ่ออีกแล้วสินะ...ในบางครั้งเด็กหนุ่มก็พบว่า อีกฝ่ายนั้นอ่อนต่อโลกเสียยิ่งกว่าเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างยูเมะหรือซานะเสียอีก


..........................................


“เตียงที่นี่กว้างดีจัง   เรามาสนุกกันดีกว่านะ ฮิโระคุง” ร่างบอบบางบนเตียงนุ่มพึมพำ อายาเมะยังคงอยู่ในชุดกระโปรงผ่าลึกสุดเซ็กซี่ เพียงแค่ท่านั่งไขว่ห้างบนเตียงพลางเอนกายลงกับหมอน ก็ดูเด่นเป็นสง่าราวราชินีบนบัลลังก์ ผู้แสนงามแล้ว

เรียวขาขาวคู่งามน่าจุมพิต ทำให้คนด้านข้างแทบอยากจะคุกเข่าลงจูบเสียแล้ว ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน คนตรงหน้าช่างรู้จักวิธีการยั่วยวนมากมายเหลือเกิน จนเขาจะตบะแตกอยู่หลายครั้งหลายครา นับตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเสียด้วยซ้ำ

 “เรามาเที่ยวทะเลกันนะที่รัก ถ้านายคิดจะอยู่แต่บนเตียง มันก็เหมือนไม่ได้มาเที่ยวทะเลสิ” ฮิโรอากิเบี่ยงประเด็น

คนฟังชะงัก…นั่นสินะ…ชีวิตของเขา ไม่ได้ต้องอยู่บนเตียงตลอดอีกต่อไปแล้ว ยังมีคนข้าง ๆ ที่พร้อมจะพาเขาออกไป จากห้องสี่เหลี่ยมที่คล้ายกรงขัง…จากทางตันที่ไร้ซึ่งทางออก

โลกภายนอก…ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ และเขาก็มั่นใจ ว่าฮิโรอากิ จะเป็นคนที่พาเขา…ออกไปได้

“ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันข้างนอกดีกว่านะ” ฮิโรอากิว่าพลางยื่นมือมาหา

เป็นมือที่อ่อนโยนและปกป้องเสมอมา

มือที่พร้อมจะกุมมือเขาไว้ และพาก้าวเดินไปด้วยกัน

ร่างบอบบางส่งมือไปให้ อีกฝ่ายช่วยฉุดลุกขึ้นจากเตียง

“จริงสินะ อุตส่าห์มาถึงนี่ทั้งที…ทำข้างนอกน่าจะเร้าใจกว่าแน่ ๆ”

ว่าแล้วก็ขยับไปโอบแขนรอบคอชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ ก่อนจะจูบแผ่วเบาเชิญชวน “นายคงหาทำเลดี ๆ ให้ชั้นแล้วใช่มั้ย อุ้มไปหน่อยสิ นะ…”
   
“นายนี่น้า ยั่วได้ทุกโอกาสจริง ๆ”
   
“แล้วจะทำรึเปล่าล่ะ” คนกอดถามเสียงเข้ม
   
“ทาสที่ดีจะขัดขืนราชินีได้ยังไงล่ะขอรับ ถ้าอย่างนั้น” แขนแข็งแรงรวบร่างบอบบางขึ้นมา “เราไปเดินเล่นไกล ๆ หาดหน่อยดีกว่า ได้ข่าวว่ามีถ้ำอยู่แถวนี้ด้วย ท่าทางคงปลอดคน”
   
“แหม สมเป็นนายจริง ๆ ถ้างั้นเราไปกันเถอะ”
   
ว่าแล้วคู่หูสุดสวีทก็แว่บออกไปกันสองต่อสอง โดยไม่คิดจะชวนใครไปอีก


..............................................


ส่วนในห้องของเด็ก ๆ ยูเมะและซานะเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เป็นชุดว่ายน้ำน่ารักที่ไปเลือกซื้อด้วยกันกับเรย์จิในหลายวันก่อน

ภายในห้องมีโคโตะซึ่งในตอนนี้เป็นทาโนเอะ ผู้แสนอ่อนโยน กำลังรออยู่เพื่อช่วยเด็ก ๆ ทาครีมกันแดดให้ โดยมีมาโอะช่วยอยู่ข้าง ๆ ราวเป็นพ่อและแม่เลยทีเดียว

ระหว่างรอนั้น ร่างบอบบางก็อมยิ้มพลางพูดขึ้นว่า

“เดี๋ยวเราไปนั่งดูเด็ก ๆ เล่นน้ำที่ชายหาดกันนะมาโอะ ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเองเดี๋ยวจมน้ำไปจะยุ่ง”
   
“ได้สิที่รัก เดี๋ยวขอยืมร่มชายหาดซักคันสองคัน แล้วก็ปูเสื่อสักหน่อย มีผ้าห่มอีกนิดก็พอแล้ว
   
คนฟังหันมามองราวจะถาม “นายจะเอาผ้าห่มไปทำอะไรงั้นเหรอ”
   
ร่างสูงโน้มลงข้างหูพลางกระซิบสองสามคำ คนฟังเริ่มหน้าแดงเรื่อ
   
“คนลามก นายคิดจะทำอะไรกัน”
   
“ถึงฉันไม่คิด นายก็คงคิดอยู่แล้วล่ะน่า” มาโอะย้อน
   
คนฟังยิ้มหวาน “ชั้นไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
   
ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ มือแกร่งลูบบั้นท้ายสวย แล้วแอบล้วงใต้กระโปรงยาวเข้าไปเสียอย่างนั้น “นายไม่ได้คิดอะไร แล้วทำไมถึงไม่ใส่กางเกงในล่ะที่รัก”
   
“จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอดไง” คนตอบยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกระซิบตอบกลับ
    
“แบบนี้ไม่มีผ้าห่มก็ยังออนท็อปได้นะ กระโปรงน่ะ มีประโยชน์กว่าที่นายคิดเยอะ”
   
คนฟังหัวเราะ เผลอจินตนาการวาบหวามตามไปเป็นที่เรียบร้อย “นี่ขนาดไม่ได้คิดอะไรเลยนะเนี่ย เตรียมพร้อมขนาดนี้เชียว”
   
มือบอบบางตีเผียะ เล่นเอามือซน ๆ ที่กำลังเริ่มล้วงลึกใต้กระโปรงกว่าเดิมสะดุ้ง “อย่าสิ เดี๋ยวเด็ก ๆ ออกมาจะว่าไง”
   
“ก็ให้พวกเขาไปเล่นกันเองก่อนสิ”
   
“นายนี่นะ เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลย”
   
“ก็ใครใช้ให้แม่ยั่วพ่อแบบนั้นก่อนล่ะ ดูซิ กางเกงในก็ไม่ใส่”
   
คนฟังเริ่มหน้าแดง “ไม่พูดด้วยแล้ว นายรีบไปหาทำเลเลย ชั้นจะทาครีมให้เด็ก ๆ เอง ทำชั้นไฟติดแล้วแบบนี้ ถ้าทำให้ไม่ถึงใจล่ะก็ คืนนี้ชั้นไม่ให้นายนอนแน่”
   
“จ้า ๆ ที่รัก จะรีบจัดให้เดี๋ยวนี้เลย” ว่าแล้วเขาก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี


............................................


ในห้องน้ำกว้าง ที่แต่งไว้อย่างหรู สองพี่น้องกำลังเปลี่ยนชุดว่ายน้ำกันตามลำพัง ยูเมะมองภาพในกระจก พลางหันกลับมาออดอ้อนพี่ชายเช่นเคย

“ยูเมะน่ารักรึเปล่า”

ซานะมองมาพลางอมยิ้ม “น่ารักที่สุดเลยน้องพี่”
   
ดวงตากลมโตมองไปยังกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ จ้องมองเงาสะท้อนของตนเองอีกครั้ง “ซานะจัง…ยูเมะ ถอดคอนแทกซ์เลนส์แบบนี้ดีแล้วเหรอ” เด็กน้อยถามต่ออย่างไม่มั่นใจนัก
   
มืออ่อนโยนลูบผมยูเมะแผ่วเบา  “ตาของยูเมะสวยที่สุด จะเอาของพวกนั้นมาบังไว้ทำไม เดี๋ยวเล่นน้ำจะเคืองตาเอาเปล่า ๆ นะ”
   
“แต่ว่า ยูเมะกลัว…”
   
“ยูเมะมีซานะอยู่ทั้งคน มีอะไรจะต้องกลัว” เด็กชายกอดร่างบอบบางไว้แล้วถามขึ้นว่า “ยูเมะรักซานะรึเปล่า”
   
“อื้ม รักที่สุดเลย”
   
“ถ้าอย่างนั้น ยูเมะต้องมองซานะ…ด้วยดวงตาคู่นั้นนะ อย่าคิดจะทำลายมันอีก ดวงตาของยูเมะ ก็คือดวงตาของซานะเหมือนกัน เข้าใจไหม”
   
“ยูเมะเข้าใจแล้ว ซานะก็อย่าหายตัวไปอีกนะ”
   
“แน่นอนสิ เราต้องอยู่ด้วยกัน…ตลอดไป”
   
“ยูเมะรักซานะที่สุดเลย”
   
“ซานะก็รักยูเมะ ทาโนเอะรอนานแล้วมั้ง รีบไปอวดชุดนี้กันดีกว่านะ” เด็กชายชักชวน
   
มือน้อย ๆ ยื่นมาหา ซานะยิ้มรับ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับไว้ พลางจูงเด็กหญิงออกมาจากห้องน้ำ ทาโนเอะที่รออยู่มองมาพลางชมเชย “น่ารักทั้งคู่เลยจ้ะ มาทาครีมกันก่อนนะ เดี๋ยวลงทะเลจะได้ไม่ดำ”
   
เด็กน้อยยิ้มให้กัน ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างร่าเริงหลังจากทาครีมเสร็จ มือสองมือจับกัน…แทนความรักและความห่วงใยระหว่างพี่น้อง เป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันพังทลาย ไม่ว่าจะต้องเผชิญต่อสิ่งใดก็ตาม
ร่างบอบบางมองตามไปแล้วยิ้ม ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อมาโอะที่ไปจัดการเตรียมสถานที่ย้อนกลับมาพอดี
   
“ชั้นทำสำเร็จแล้วใช่มั้ยมาโอะ พวกเรา…คืนรอยยิ้ม และชีวิตปกติ ให้พวกเขาได้แล้วใช่มั้ย”
   
“แน่นอน นายทำสำเร็จแล้วล่ะ พวกเขาจะต้องมีชีวิต และอนาคตที่ดี ฉันจะช่วยนายเอง”
   
“ขอบใจมากนะมาโอะ” ร่างบอบบางกอดอีกฝ่ายไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกันไปยังชายหาด มือที่จับกระชับแน่น คล้ายเด็กน้อยทั้งสองที่พึ่งออกไป
   
ชีวิตใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น กับครอบครัวใหม่
พวกเขาเอง…ก็เหมือนกัน ที่ไม่มีวันจะทอดทิ้งกัน ตราบชั่วชีวิตนี้…


.........................................


น้ำทะเลใสราวกระจกสีคราม เท้าเล็ก ๆ สองคู่วิ่งลงไปยามคลื่นลูกน้อยซัดสาดขึ้นมา เสียงหัวเราะแจ่มใสมีความสุข ทำให้ชายร่างสูงผู้หนึ่งที่ง่วนกับเรือหาปลาใกล้ ๆ เงยหน้าขึ้นมอง

ใบหน้าที่มีรอยแผลไฟไหม้บางส่วนตามด้านข้างชะงักค้าง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พลางพึมพำเสียงแผ่ว “ซานา..เรย์”

เด็กน้อยยังคงเพลิดเพลินกับสายน้ำ ผิวกายที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส นัยน์ตาสีฟ้าจัดที่มีรอยยิ้ม เมื่อมองไปยังน้องสาวคนสำคัญ

ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย…จากในครั้งนั้น นอกจากจะสูงขึ้น และดู…มีความสุขนัก เขานึกอยากขอบคุณพระเจ้า อยากขอบคุณสวรรค์…แม้โดยปกติแล้ว จะไม่เคยเชื่อถือในสิ่งเหล่านั้นเลย

ขอบคุณ…ที่ทำให้ได้พบอีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ

มือที่จับแหอวนสั่นน้อย ๆ เป็นความปลาบปลื้มลึก ๆ ในใจ ในที่สุด สองพี่น้องนี้ ก็ได้ยิ้มจากใจเสียที…กับบาปที่ตนเองได้กระทำลงไป เขายินดีชดใช้…ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้

ร่างบอบบางที่กำลังเล่นน้ำกลับมองขึ้นมาบนฝั่ง และได้เห็นเรือลำน้อยจอดเกยอยู่อีกด้านแล้ว เสียงใสเริ่มชักชวนเด็กหญิง “ยูเมะ ดูสิ มีเรือด้วยล่ะ จะมีปลามั้ยนะ เราไปขอดูกันเถอะ”

ร่างเล็ก ๆ วิ่งไปหา ชะโงกหน้าไปดูบนเรืออย่างสนใจ พลางสอบถาม

“ได้ปลาเยอะมั้ยฮะ”

ใบหน้าที่มีรอยไฟไหม้บางส่วนเงยขึ้นมอง พลางตอบอย่างนอบน้อมว่า

“แบ่งไปทานมั้ยล่ะครับ เห็นว่าคืนนี้คุณผู้หญิงจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวนี่ครับ”

ซานะจ้องมองคนผู้นั้นอย่างตกตะลึง …ไม่ใช่บาดแผลที่ใบหน้า ที่ทำให้เขาตกใจ แต่กลับเป็นเสียงและแววตาสีดำสนิทคู่นั้นต่างหาก ที่ทำให้เขา…

มือแข็งแรงยื่นกระป๋องใส่ปลาให้เด็กหญิง

“คุณใจดีจัง” ยูเมะพึมพำยิ้ม ๆ ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กนัก ทำให้เธอจำคนผู้นี้ไม่ได้

“ซานะจัง ขอบคุณเขาด้วยสิ” เธอเตือนสติพี่ชาย  ก่อนจะวิ่งหยิบถังใส่ปลาไปอวดทาโนเอะที่นั่งมองอยู่ไกลออกไปอย่างตื่นเต้น

ยูเมะห่างออกไปแล้ว เมื่อเด็กชายมองมาที่ชายชาวประมงนั้นอีกครั้ง ดวงตาคู่สวย กลับมีน้ำตาเอ่อคลอ ถึงยูเมะจะจำไม่ได้…แต่เขากลับไม่มีวันลืม…

ไม่มีวันลืมคน ๆ นี้เด็ดขาด ตลอดชั่วชีวิตนี้…

ร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้อีก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาอย่างจริงจัง จนอีกฝ่ายแทบจะต้องหลบสายตาลงด้วยซ้ำ แม้จะแอบดีใจอยู่บ้าง… ที่คนเบื้องหน้าไม่ได้ลืมเขา…แต่บาปที่เคยทำไว้กับเด็กคนนี้ มันคงหนักหนาเกินการให้อภัยเสียแล้ว

“ฉันไม่หวังว่าเธอจะอภัยให้หรอกนะ แต่ขอแค่พวกเธอ…ได้มีรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป ก็พอแล้ว” ชายผู้นั้นพึมพำ

เสียงใสของเด็กหญิงตะโกนเรียกซ้ำ เด็กชายหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้าอีกครั้ง ความรู้สึกในใจเขาตอนนี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว ความโกรธ ความเกลียด ในอดีต คล้ายถูกชะล้างออกไปจนหมดสิ้น

ใบหน้าใสยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบว่า

“ถึงเมื่อก่อนผมจะเคยเกลียดคุณ แต่ตอนนี้…ผมให้อภัยคุณนะครับ”

คนมองมานัยน์ตาเบิกกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ขอบคุณนะ ที่เธอยอมอภัยให้กับฉัน”
   
“ไว้คราวหลัง ผมจะมาช่วยคุณจับปลานะ ได้มั้ยครับ” เสียงใส ๆ ถามต่ออย่างร่าเริง
   
“ถ้าเธออยากมาล่ะก็ ไม่ว่าจะตอนไหน ฉันก็จะพาเธอไป ฉันสัญญา”
   
“คุณสัญญาแล้วนะ อีกสองวันผมก็จะกลับแล้ว ถ้ายังไงทวงสัญญาพรุ่งนี้เลยละกันนะ” ร่างเล็กยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งจากไป มือน้อย ๆ โบกให้แทนคำอำลา
   
ดวงตาสีเข้มมองร่างคุ้นตาวิ่งจากไป รู้สึกได้ถึงการปลดปล่อย…อย่างแท้จริง เมื่อได้รับการให้อภัยจากคนสำคัญในที่สุด
   
ถึงไม่ได้โอบกอด ไม่ได้สัมผัสร่างกายนั้นอีก เขาก็ยังพอใจ
   
ขอเพียงได้มองรอยยิ้มของเด็กคนนั้น

รอยยิ้มจากใจ ที่สามารถยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
   
สำหรับเขา…เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…


........................................................

   
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขณะที่เจ้าของห้องยังคงนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้จะได้ยินชัด แต่เจ้าตัวก็ยังคงไม่ขยับเขยื่อนออกจากที่

“ซากุระคุง เราไปเดินเล่นกันเถอะครับ” เรย์จิยังคงพยายามเรียก แม้อีกฝ่ายจะไม่ตอบกลับ มือที่จับประตูชะงัก เพราะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดภายในห้อง

“ซากุระคุง โกรธผมหรือครับ ผมขอโทษ” เสียงอ่อย ๆ พูดต่อไป โดยยังคงมีบานประตูกางกั้นอยู่

ร่างบอบบางเบือนหน้าหลบไป ไม่ยอมมองประตูเสียด้วยซ้ำ  “ฉันจะพักในห้อง นายไปเถอะ” เสียงเย็นชาตอบกลับ เล่นเอาคนฟังชะงัก

“คุณไม่เคยมาทะเลไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงไม่ออกไปดูล่ะ พวกเด็ก ๆ รออยู่นะ”

“ไม่” เสียงตอบกลับหนักแน่นกว่าเดิม

เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ด้วยรู้ดีว่าไม่อาจจะบังคับอีกฝ่ายได้ หากซากุระไม่ยอมไปจริง ๆ

เสียงหน้าประตูเงียบไปแล้ว คนในห้องเผลอหันมามองประตูอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปยังหน้าต่างเช่นเดิม ใบหน้ายังคงราบเรียบ แม้ภายในจะปั่นป่วนจนแทบไม่มีสมาธิ…สมาธิ ที่ถูกพร่ำสอนมาเนิ่นนาน ว่าจะต้องมีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร เพื่อไม่ให้การตัดสินใจต้องผิดพลาด

เพราะการตัดสินใจผิดนั่นคือความตาย!

เขาไม่เข้าใจเลย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่ เพียงแค่เรย์จิปฏิเสธที่จะนอนห้องเดียวกัน ทำไม…จะต้องปวดใจขนาดนี้

บรรยากาศในห้องอึดอัดนัก ทั้ง ๆ ที่เคยอยู่ลำพังมาชั่วชีวิต แต่ทำไมตอน นี้… เขาถึงไม่ต้องการอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว

ร่างบอบบางยังคงนั่งอยู่ในห้องต่อไปอย่างอดทน เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า…เขาคุ้นเคยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กับการปล่อยให้เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างนี้

อยู่กับตัวเองเพียงลำพัง โดยไม่เคยมีใคร…

จากชั่วโมง เป็นสอง และเป็นสาม… หากทุกวินาทีที่ผ่านไป กลับยิ่งสร้างความอึดอัดมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนในที่สุดก็ยากจะทนทานไหว ร่างบอบบางตัดสินใจที่จะเปิดประตูออกไป แม้จะรู้ดีว่าเรย์จิคงจะจากไปนานแล้ว

หากเมื่อเปิดประตู ร่างบอบบางกลับชะงักเมื่อเห็นเด็กหนุ่ม นั่งรออยู่ข้างประตูนั้น รอจนนั่งสัปหงกไปแล้วด้วย นี่เขาใจไม่นิ่ง จนไม่รับรู้กระทั่งว่าเรย์จิยังคงรออยู่เลยหรือ ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ที่เขาไม่ยอมออกมา ไม่คิดเลยว่าเรย์จิยังคงรอเขาอยู่ ใจเริ่มอ่อนลงไม่รู้ตัว เมื่อมองมาให้ชัด ๆ

เด็กหนุ่มที่กำลังหลับ นั่งโงกไปโงกมา ด้วยสีหน้าที่น่าเอ็นดูนัก คนยืนมอง ก็เลยเผลอยืนมองนานขึ้นไปอีก

“ซากุระคุง…ผมขอโทษ” เสียงคนละเมอพึมพำเสียงแผ่วเบา “ผมรักคุณนะ…ผมไม่อยากให้คุณเสียหาย…”
คนยืนอยู่มองมาอีกครั้ง พลางครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ ก่อนจะตัดสินใจปลุกอีกฝ่ายขึ้นมา

เรย์จิสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างตกใจ “อ๊ะ…ซากุระคุง”

“ฉันอยากไปเดินเล่น ไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม” ร่างบอบบางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจเดิม หากใบหน้านั้นกลับแดงเรื่อ

“อ่ะ ครับ ๆ ด้วยความยินดีเลยครับ!” เรย์จิรีบตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะเหน็บกิน จนอีกฝ่ายต้องยื่นมือมาให้จับ เด็กหนุ่มมองมือเรียวยาวนั้นอย่างลังเล หากพอสบตาดุ ๆ แกมบังคับนั่นแล้ว เขาก็ส่งมือตนเองให้อีกฝ่ายช่วยดึงขึ้นมา

เด็กหนุ่มพาร่างบอบบางเดินเลียบไปยังชายหาด เด็ก ๆ ยังคงเล่นน้ำกันอยู่อย่างสนุกสนานจนแทบลืมเลือนเวลาไป ส่วนคู่ที่นั่งดูเด็ก ๆ ที่ชายหาดนั่น…ก็…

เรย์จิพยายามไม่แอบมอง แต่ท่าทางสองคนนั่น ก็คงไม่ได้ใส่ใจนักหรอก ว่าจะมีใครมองอยู่รึเปล่า ก็เล่นนั่งตักกันเสียอย่างนั้น แถมยัง…

“เรย์จิ”

ร่างสูงหันมาหา ด้วยใบหน้าแดงฉาน ซากุระจะรู้รึเปล่านะ ว่าสองคนนั้นทำอะไรกัน แต่สีหน้าที่ดูซีเรียสของอีกฝ่าย ทำให้คนมองมาต้องหยุดฟังโดยเลิกคิดถึงเรื่องอื่นแทบจะในทันที

“ฉันเข้าใจเรื่องที่นายพยายามจะบอกฉันแล้วล่ะ” ซากุระพูดขึ้น

“อะ…อะไรนะครับ”

“คนที่จะนอนห้องเดียวกันได้ ต้องเป็นคนที่จะแต่งงานด้วยเท่านั้นสินะ”

“ฉันจะไปขอนายกับแม่ของนายก็แล้วกัน!”

คนฟังอึ้งไปแล้ว…นี่ซากุระ เข้าใจอะไรผิดอีกรึเปล่าเนี่ย “เอ่อ…ซากุระคุง”

ไม่ทันได้แก้ต่างอะไร ร่างบอบบางก็เหลือบไปเห็นยูริโกะและเรอิจิ กำลังเดินมาด้วยกันพอดี สาเหตุที่รีบมาก็เพราะหญิงสาวเห็นเรย์จิกำลังจะไปเดินเล่นกันสองต่อสอง กับซากุระนั่นเอง

ร่างบอบบางยังคงเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ยังไม่ทันได้ออกปากห้าม ก็มายืนตรงหน้าแม่ของเขาแล้ว เรย์จิได้แต่อ้าปากค้าง จะห้ามก็คล้ายจะไม่ทัน

ดวงตาคู่งามของหญิงสาว มองว่าที่ลูกสะใภ้ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ซากุระคุงสินะจ๊ะ พอดีเลย ฉันอยากจะคุยอะไรกับเธอสักหน่อย” กลับเป็นยูริโกะที่รุกก่อน เด็กหนุ่มได้แต่มองพลางลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด ๆ ท่าทีเอาจริงของมารดา ทำให้เขาเองก็ไม่กล้าห้าม เรย์จิได้แต่ส่งสายตาหาผู้เป็นพ่อ หากเรอิจิกลับยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้คิดจะช่วยใด ๆ

“เธอรักลูกชายฉันรึเปล่า” ยูริโกะเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมทันที
   
ร่างบอบบางชะงัก สีหน้าราบเรียบเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อน้อย ๆ
   
ไม่ต้องพูดก็พอจะรู้ได้ หญิงสาวมองมาก่อนจะถอนหายใจยาว “อาจจะไม่ดีกับเธอเท่าไหร่ แต่เพื่อเรย์จิแล้ว เลิกคบกับเขาเสียเถอะ”
   
“เพื่อเรย์จิ…” ซากุระทวนคำอย่างงง ๆ
   
“แม่ฮะ!” เรย์จิพยายามจะห้าม แต่คล้ายคนที่เหลือจะไม่มีใครสนใจเขา
   
ใบหน้าสวยนั้นกลับเศร้าลงวูบหนึ่ง จริงสินะ ใครจะไปยอมรับฆาตกรเป็นลูกสะใภ้ได้กันล่ะ เรอิจิคงจะบอกเรื่องของเขา ให้ภรรยาฟังหมดแล้วกระมัง
   
แต่ว่า…เขาไม่อยากนอนคนเดียวนี่นา มันจะเป็นความรักหรือเปล่า…เขาก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
   
…เพื่อเรย์จิงั้นเหรอ…
   
มือบอบบางกำแน่น แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉย เขาเข้าใจดี คนเป็นแม่ ก็คงจะต้องรัก และเป็นห่วง…และต้องการคนที่ดีที่สุด…คนที่ดี ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย ให้กับลูกของตนเอง
   
แม่…ที่คนอย่างเขา ไม่เคยได้กระทั่งสัมผัส เพราะตั้งแต่เขาจำความได้ ก็อยู่กับพ่อ และการฝึกสุดโหดแล้ว
   
เรย์จิโชคดีนัก ที่มีแม่ดี ๆ แบบนี้
   
“ผมขอโทษ ผมจะไม่เข้าใกล้เขาอีก…ถ้ามันจะทำให้เขามีความสุข” เขาพูดต่อไป แม้มันจะเจ็บลึก ๆ เขาเคยอยู่ลำพังมานานแล้ว อยู่ต่อไปอีก ก็คงไม่เป็นไร
   
ร่างบอบบางขยับจะจากไปแล้ว เมื่อมือแข็งแรงของเรย์จิ รั้งเขาไว้
   
“ผมไม่ยอมนะครับ ผมรักซากุระคุง…คนเดียว”
   
“แต่แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกันนะ เรย์จิ! ลูกจะคบใคร ก็ต้องดูให้ดีด้วยสิ” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียง
   
มือบอบบางสะบัดออกจากการเกาะกุม ใบหน้าเศร้าสร้อยหันมาเผชิญหน้า ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาคลอ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เราไม่เคยเป็นอะไรกัน แล้วตอนนี้ เราก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ…ลาก่อนนะ เรย์จิ”
   
“ซากุระคุง!”
   
ร่างบอบบางจากไปอย่างรวดเร็ว สมกับที่มีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วเสมอมา เรย์จิได้แต่มองอย่างชะงักค้าง
   
“แม่ฮะ ผมจะมีความสุข เมื่ออยู่กับเขา แต่ถ้าแม่ไม่ต้องการอย่างนั้น… ผมก็ยังคงอยู่ได้… แต่ผม… คงจะไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว” เด็กหนุ่มพูดเสร็จก็ก้าวยาว ๆ จากไป
   
“ฉันทำผิดงั้นเหรอ เรอิจิ” หญิงสาวรำพึง เธอไม่คิดว่าลูกชายของเธอจะจริงจังขนาดนี้ เรย์จิ…เป็นเด็กดีของเธอเสมอมา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้อยู่ดูแลสักเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มก็เชื่อฟังเธอเสมอ
   
ถึงจะไม่ได้ต่อต้าน…หากคำพูดนั้นกลับทำให้เธอเจ็บแปลบ
   
“แต่ฉันไม่อยากได้…คนแบบนั้น…เป็นลูกสะใภ้นี่นา”
   
เรอิจิมองมาพลางส่ายหน้า “คุณยังไม่ได้รู้จักคน ๆ นั้นดีพอเลย ทำไมถึงต้องรีบปฏิเสธนักล่ะ เชื่อมั่นในคนที่ลูกของเราเลือก ไม่ดีกว่าเหรอ”
   
“ฉันอยากให้ลูกของเรา ได้อยู่กับคนที่ดีที่สุดนี่นา”
   
“ซากุระน่ะ เป็นเด็กดีนะ คุณไม่เห็นเหรอ ว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน แต่ก็ยอมทำตาม ถ้ามันทำให้คนที่เขารัก มีความสุข”
   
สีหน้าที่เจ็บปวดเมื่อครู่ ใช่ว่าเธอจะไม่เห็น แต่ว่า…คน ๆ นั้นก็ยังเป็นผู้ชาย เธอจะยอมง่าย ๆ ได้ยังไง
   
“ฉันไม่รู้แล้ว” หญิงสาวตัดบท ก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องไป


..................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2010 19:33:14 โดย ppm »

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/2 อัพ 26-5-10 จบในตอน
«ตอบ #229 เมื่อ26-05-2010 23:56:06 »

อ่านตอนของซานาแล้วอยากร้องไห้  :monkeysad:

รอตอนหน้าค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Absolution Café ตอนที่ 19/2 อัพ 26-5-10 จบในตอน
« ตอบ #229 เมื่อ: 26-05-2010 23:56:06 »





ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
«ตอบ #230 เมื่อ30-05-2010 10:00:37 »

(ตอนที่ 19/3)


“ไง มานั่งซึมตรงนี้นี่เอง” เสียงนุ่มของเรอิจิทัก เรย์จิจึงเงยหน้าขึ้น เขาแอบมานั่งที่ชิงช้าในสวนหย่อมด้านข้างของตัวบ้านเพียงลำพัง และนั่งอย่างเหม่อลอยมาได้พักหนึ่งแล้ว
   
“ผมไม่เข้าใจแม่เลยฮะ” เด็กหนุ่มพึมพำ “ซากุระคุง ไม่ดีตรงไหน แม่ถึงได้ไม่ชอบขนาดนั้น”
   
“ถ้าลูกอยากให้แม่ยอมรับในตัวคนที่ลูกรัก ลูกก็ต้องแสดงให้แม่เห็นสิ ทั้งข้อดีของเขา และทั้งความรักของลูก คนเราน่ะนะ ถ้าทำอะไรอย่างสุดกำลังแล้ว เราจะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
   
“แต่ว่าซากุระคุง…”  
   
“กลัวเพราะซากุระปฏิเสธลูกงั้นเหรอ”
   
เด็กหนุ่มไม่ตอบคำ แต่ท่าทางนั้นบอกได้เป็นอย่างดี
   
เรอิจิมองไปยังท้องฟ้ากว้าง พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว แสงสีส้มทองสวยงามกำลังเคลือบคลุมทั่วแผ่นฟ้า และยังสะท้อนเป็นประกายสีทองบนผืนน้ำ
   
“โลกนี้น่ะ กว้างใหญ่นัก ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็จะต้องมีการเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ สิ่งสำคัญเพื่อการก้าวไปอย่างมั่นคงไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็คือ ลูกต้องมั่นใจในตัวเอง”
เขาหันกลับมามองลูกชายแล้วพูดย้ำ “จงมั่นใจในตัวเอง และมั่นใจในคนที่ลูกรัก ถ้าลูกได้เลือกแล้ว”
   
“แต่ว่าผม…”
   
“น้ำตานั่น มันคงอธิบายได้หลายอย่างอยู่ไม่ใช่หรือไง” เขาว่าพลางหลิ่วตาให้  ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่รัก…คงไม่มีน้ำตาให้แน่ ๆ โดยเฉพาะคนอย่างซากุระ
   
เด็กหนุ่มเขินจนหน้าแดง
   
“เป็นลูกผู้ชายน่ะ เราต้องรุกนะลูก จะให้สาวเป็นคนไปขอน่ะ มันเสียฟอร์มพอดีกัน”
   
“ผมรู้แล้วล่ะน่า พ่อล่ะก็” เรย์จิว่าเสียงอ่อย
   
มือใหญ่ลูบผมนุ่มของเด็กหนุ่มเบา ๆ
   
“พ่อรู้ว่าลูกทำได้ ซากุระน่ะ ยังมีปมด้อยในเรื่องอดีตอยู่นะ เป็นหน้าที่ของลูก ที่จะเยียวยาหัวใจของเขา และทำให้เขามั่นใจในตัวลูกเช่นกัน”
   
“คนเราน่ะ ถ้าคิดจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่นในกันและกันนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
   
เรย์จิหันมามองผู้เป็นบิดา “เหมือนพ่อกับแม่สินะฮะ ขนาดอยู่ไกลกันตั้งนาน แต่ก็ยังรักกันตลอดเวลาขนาดนี้”
   
“แน่นอนสิ พวกเราสวีทกันอยู่แล้ว แต่ลูกก็อย่าน้อยหน้าพวกเราล่ะ” ชายหนุ่มว่าพลางพึมพำ “อ๊ะ ได้กลิ่นอะไรหอม ๆ แล้ว คืนนี้มีบาบีคิวทำเองย่างกินกันที่ริมหาดแน่ะ รีบไปก่อนมันจะหมดด้วยล่ะ”
   
เด็กหนุ่มมองแผ่นหลังแกร่งเดินจากไป เป็นแผ่นหลังที่เขาคิดอยากเจริญรอยตามเสมอมา เมื่อก่อนเขาเข้าใจว่า พ่อเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง แต่มาถึงตอนนี้ เขาก็ได้รับรู้แล้ว ว่าพ่อนั้น…เป็นคนที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน
   
“ขอบคุณนะฮะพ่อ”
   
ร่างนั้นโบกมือให้โดยไม่หันกลับมามอง ใบหน้าคมมีรอยยิ้ม เขารู้ดี ว่าเรย์จินั้น ต้องแก้ปัญหาของตัวเองได้อย่างแน่นอน


..........................................

   
ปาร์ตี้บาร์บีคิวริมหาด ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งในยามค่ำ สร้างบรรยากาศโรแมนติกและหอมหวาน พวกที่มาเป็นคู่สุดสวีท ยิ่งสวีทหวานกันจนน่าอิจฉา หากร่างบอบบางของซากุระ ที่ปกติก็พูดน้อยอยู่แล้ว ในตอนนี้กลับยิ่งเงียบ แถมยังคล้ายมีเกราะป้องกันกางกั้น ไม่ให้ใครเข้าใกล้ได้เลย

ร่างบอบบางนั้นนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แยกตัวออกไปดูโดดเดี่ยวนัก ทาโนเอะในชุดกระโปรงสีขาวดูอ่อนโยนน่ารัก เดินเข้าไปหาพลางสอบถาม แน่นอนว่าเมื่อตอนเย็นเขาอยู่ในเหตุการณ์ แม้จะอยู่ไกลออกไปอยู่สักหน่อย แต่ก็พอจะเห็น ว่าคงมีการขัดแย้งกันระหว่างแม่ของเรย์จิ กับซากุระแน่ ๆ

“ฉันคงดีไม่พอหรอก..สำหรับเรย์จิ” ซากุระพึมพำด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
   
มือบอบบางโอบไหล่หญิงสาว แม้ตอนนี้ภายนอกจะดูเป็นหนุ่มน้อย แต่จิตใจนั้นเป็นสาวแล้ว…แถมเป็นสาวเต็มตัวแล้วอีกด้วย
ทาโนเอะยิ้มให้กำลังใจอย่างอ่อนโยน พลางพูดขึ้นว่า
   
“ไม่มีใครดี หรือไม่ดีพอ สำหรับใครหรอกนะ”
   
ดวงตาเรียวยาวหันมามองร่างเล็กนั้น “แต่คุณยูริโกะบอกว่า…ฉันจะทำให้เรย์จิ…ไม่มีความสุข ถ้าฉันยังคงอยู่กับเขา ฉันไม่อยากจะเป็นคนทำให้เรย์จิเป็นทุกข์…คงไม่มีใคร ที่จะอยากอยู่กับฆาตกรอย่างพวกเราหรอก ทางที่ดีที่สุด คืออยู่คนเดียวแบบนี้…ต่อไปใช่ไหม”
   
ซากุระก้มหน้าลงมองผืนทราย โดยไม่สบตาด้วย เสียงเศร้า ๆ พึมพำต่อแผ่วเบา “แต่มันทรมาน…โคโตะ ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกเจ็บ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นแผล ทำไมถึงปวดใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันเป็นอะไรไปแล้ว”
   
“เธอกำลังมีความรักน่ะสิ สาวน้อย”
   
“ฉันไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงสักหน่อย” ซากุระพึมพำอย่างไม่ยินยอม
   
“เป็นผู้หญิงนั่นแหละดีแล้ว เป็นผู้หญิง เพื่อที่จะได้มีผู้ชายที่ดี มาให้ความรัก ให้ความอบอุ่นกับเรา เรย์จิเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดี เขาจะต้องทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ๆ”
   
“อยู่กับเขา ฉันมีความสุขมาก แต่ว่า…ฉันยังกลัว…ถ้าอยู่ด้วยแล้วทำให้เขาเป็นทุกข์…ถ้าเป็นแบบนั้น…คงเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป ฉันขออยู่คนเดียวดีกว่า ถึงจะเจ็บปวด ถึงจะทรมานใจยังไง แต่ถ้าได้รู้ว่าเขามีความสุขล่ะก็…ฉันก็ยัง…”
   
“รู้ได้ยังไง ว่าการหนีแบบนี้ จะทำให้เขามีความสุข” คนด้านข้างถามขึ้น
   
ใบหน้าได้รูปส่ายเบา ๆ “ไม่รู้สิ”
   
“ถ้างั้นก็ลองถามเขาดูสิ” ร่างเล็กบอบบางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
   
“ผมจะมีความสุข เมื่อได้อยู่กับคุณ” เสียงเรย์จิพูดยืนยันเบื้องหลัง ซากุระหันมามองอย่างตกใจ
   
มืออบอุ่นของเด็กหนุ่ม กุมมือหญิงสาวไว้ โคโตะที่รู้หน้าที่ แอบแว่บไปแล้ว ปล่อยให้ทั้งคู่เคลียร์กันเองโดยไม่เข้ามายุ่ง

ซากุระกับเรย์จิ ก็เหมือนกับเป็นลูก ๆ ของเขา…หน้าที่พ่อแม่ มีเพียงคอยชี้แนะเท่านั้น เขารู้ดี ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ จะขีดเส้นทางเดินของใครได้ แม้คน ๆ นั้น จะเป็นลูกของเขาเองก็เถอะ
   
“ไม่ว่าแม่ของผมจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าผมได้อยู่กับคุณ ผมจะมีความ สุข… อย่างแน่นอน”
   
“แต่ว่า…ฉันเป็น…ฆาตกรนะ”
   
“ผมรู้ แต่คุณเอง ก็เสียใจมาตลอดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ คนเราน่ะ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาดหรอกนะ แต่ถ้ามันเป็นบาป…ผมก็ยินดีรับบาปนี้ไปกับคุณ เลิกร้องไห้เถอะนะ ยังไงผมก็ไม่ทิ้งคุณแน่ ๆ” มือนั้นเช็ดน้ำตาให้เบา ๆ ร่างบอบบางแอบสะดุ้ง เพราะไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอร้องไห้ออกมา
   
“ผมจะบอกกับแม่อีกครั้ง ท่านต้องเข้าใจพวกเราแน่ ๆ แต่ถึงจะไม่…ผมก็ไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอกนะ บ้านของผม อยู่ที่ร้านของพวกเรา…เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่หรือครับ”
   
“อืม” ร่างบอบบางรับคำแผ่วเบา
   
“ใช่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” อายาเมะพูดขึ้น พอทั้งสองเงยหน้ามอง ก็แทบจะอายมุดแผ่นดินหนี เพราะพึ่งรู้ตัวว่า ทุกคนยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ มาตั้งนานแล้ว แถมลุ้นเอาใจช่วยกันอีกต่างหาก พออายาเมะพูดจบ ทุกคนก็พยักหน้ารับอย่างจริงใจ
   
มือที่จับกันประสานแนบแน่น…ดวงตาทุกคู่ สื่อได้ถึงใจ

…พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน…


................................


“เรย์จิโชคดีจริง ๆ นะ ที่ได้ครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นแบบนี้” ยูริโกะพึมพำกับเรอิจิ ทั้งคู่ยืนมองอยู่ห่างออกไป

“ใช่ ทุกคนที่นี้ล้วนเป็นคนดี คุณอย่าตัดสินใครด้วยภาพลักษณ์ภายนอกเลยนะที่รัก”

“ฉันก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง” เธอว่าเสียงเข้มนิด ๆ อย่างเสียหน้าหน่อย ๆ  “ลูกฉันทั้งคน จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงกัน”

“ครับ ที่รัก คุณพยายามได้ดีมาก” เรอิจิหอมแก้มเธอเบา ๆ “ลูกเราโตแล้ว และมีชีวิตของเขาเอง หน้าที่เราคือเฝ้าดูเขาอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือ ช่วยประคับประคอง ยามเขาเจ็บมา ช่วยรักษาแผลใจ ยามเขามีปัญหา แต่ไม่ใช่การลิขิตชีวิตเขาเอง”

“อืม” หญิงสาวอิงกายซบชายหนุ่ม “ฉันชักอยากจะกลับเป็นสาว ๆ อีกครั้งซะแล้ว ตอนนั้นฉันเอง ก็รั้นไม่หยอกเหมือนกันนะ ที่ตัดสินใจเลือกคุณ ถึงพ่อกับแม่จะไม่เห็นด้วยเลยก็เถอะ”

“แล้วคุณคิดว่าคุณตัดสินใจถูกมั้ยล่ะที่รัก”

“ถ้าฉันคิดว่าฉันตัดสินใจผิด คุณคงโดนจับถ่วงทะเลไปนานแล้ว” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ

“แหม น่ากลัวจริง ๆ ภรรยาที่รักของผมนี่ มิน่าล่ะ จะเมื่อไหร่ ผมก็ยังเป็นช้างเท้าหลังซะทุกที” เรอิจิแกล้งรำพึงอย่างเศร้า ๆ

“รู้ตัวก็ดีแล้ว คราวนี้ห้ามหายไปไหนอีกเชียว อยู่กับฉันนาน ๆ นะ”

ชายหนุ่มหอมแก้มหญิงสาวอีกครั้ง “สัญญาได้เลยที่รัก”

ทั้งคู่มองภาพครอบครัวแสนสุขครอบครัวใหม่ของเรย์จิอีกครั้ง ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนานและอบอุ่นเสียจนรู้สึกวางใจได้ ว่าที่แห่งนั้น เป็นที่ ๆ ดีสำหรับเรย์จิแน่ ๆ

“หมดบทของพวกเราแล้วล่ะมั้งเนี่ย คืนนี้เราไปสนุกกันต่อดีกว่าที่รัก ผมยังไม่ได้สวีทจนหายคิดถึงคุณเลยนะ”

“บ้าสิ ที่ทำไปเมื่อตอนเย็นยังไม่พออีกหรือไง” เสียงหญิงสาวแย้งแผ่วเบา ก่อนทั้งคู่จะแอบกลับไปจู๋จี๋ต่อยังห้องส่วนตัว ปล่อยให้เรย์จิกับคนอื่น ๆ สนุกสนานกันต่อไปจนดึกดื่น


.........................................


เช้าวันรุ่งขึ้น ซากุระในชุดว่ายน้ำแบบน่ารัก มีผ้าเช็ดตัวผืนน้อยพันเอวดูเป็นสาวน้อยเต็มตัว เดินไปเคาะประตูเรียกเรย์จิ เด็กหนุ่มตาสว่างแทบจะในทันทีที่เห็น…

ในที่สุด ซากุระก็ยอมสวมชุดนี้จนได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นโมโหจนหนีกลับบ้านมาก่อนด้วยซ้ำ

อย่างน้อยซากุระก็เอามันติดมาด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกไม่ชอบใจเลย

“ชุดนี้เป็นยังไงบ้าง…ฉัน…ไม่มั่นใจเลยนะ ที่จะต้องใส่มัน แต่ถ้านาย…อยากให้ใส่…” ร่างบอบบางพึมพำอย่างเขิน ๆ

“น่ะ…น่ารักมาก ๆ ครับ น่ารักที่สุดเลย” เรย์จิพึมพำอย่างยินดี

“ถ้างั้น…เราไปเล่นน้ำด้วยกันนะ ได้ไหม เมื่อวานนี้ยังไม่ได้เล่นเลย”

“อื้ม ไปสิครับ” มือของเด็กหนุ่มจูงมือหญิงสาว ใจเริ่มเต้นแรงกว่าเก่า แต่ตอนนี้ เขาจะไม่มามัวเขินอายอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาต้องรุกกลับเสียบ้าง ไม่อย่างนั้น ซากุระคงจะไปขอเขากับแม่แทนอย่างที่โดนผู้เป็นพ่อสบประมาทเอาแน่ ๆ

“คุณแต่งเป็นผู้หญิงแบบนี้แล้วน่ารักที่สุด ใส่ชุดว่ายน้ำนี้ก็เหมือนกัน แต่งเป็นผู้หญิงเถอะนะครับ เพื่อผมจะได้ไหม อ้อ จริงสิ ผมอยาก…จะเรียกคุณว่า ซากุระจัง…”

ประโยคหลังเริ่มออกแนวกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะไปกระตุกหนวดเสือเข้าหรือเปล่า

คนฟังนิ่งไปนานจนอีกฝ่ายเริ่มสยอง เพราะกลัวจะโดนเชือด หากร่างบอบบางกลับมองมาแล้วยิ้มให้ “ก็ได้…ถ้าฉันใส่ชุดผู้หญิง…อนุญาตให้เรียกแบบนั้นได้ แต่เฉพาะตอนแต่งเป็นผู้หญิงเท่านั้นนะ”

“โธ่ คุณยังจะแต่งเป็นผู้ชายอีกเหรอครับ” เสียงอุทธรณ์อ่อย ๆ อย่างน่าสงสาร

“ฉันจะใส่อะไร ก็ยังเป็นฉันไม่ใช่หรือไง หรือว่านายรักฉันที่เสื้อผ้ากันล่ะ”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ พลางยิ้มกว้าง “ไม่หรอกครับ คุณใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่า…ผมไม่อยากดูเป็นเกย์ ตอนสวีทกับคุณนี่นา ...ที่สำคัญ คนเขามองผมเป็น...เอ้อ...ฝ่ายรับซะทุกทีเสียด้วย ผมเสียหายนะเนี่ย”

คนฟังหัวเราะขึ้นมาอย่างขบขัน น่ารักเสียจนเรย์จิมองเพลิน

“คุณก็หัวเราะเป็นแล้วนี่ครับ น่ารักมากจริง ๆ นะ”

“ถ้าได้หัวเราะจะมีความสุขสินะ…แสดงว่าตอนนี้ พวกเรามีความสุขใช่มั้ย”

“แน่นอนสิครับ เรากำลังมีความสุข” เรย์จิตอบ

หากอีกฝ่ายสะดุดกึก เพราะมองเห็นร่างบอบบางของยูริโกะกำลังเดินเข้ามาหา ความรู้สึกลังเลไม่มั่นใจ เริ่มจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เรย์จิคว้าข้อมือบางเอาไว้ ไม่ให้หนีไปไหน พลางหันมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นมารดา อย่างตั้งใจจริง

“ไม่ว่าซากุระจะเป็นยังไง ผมก็รักเธอนะครับแม่ และผมจะทำให้แม่ รักเธอได้เหมือนกัน ดังนั้น…ขอโอกาสให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” เขาพูดอย่างจริงจังกว่าทุกครั้ง

ยูริโกะมองมา ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าลูกทำไม่ได้ล่ะ”

“ต้องทำได้แน่ ๆ ครับ เพราะซากุระจัง…มีเสน่ห์กว่าที่แม่คิดแน่ ๆ ไม่ว่าใครได้ใกล้ชิด ผมรับรองเลยว่า ทุกคนจะต้องชอบเธอ” เรย์จิพูดต่ออย่างมั่นใจ จนคนด้านข้างเขินหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้เป็นมารดายิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางพูดขึ้นว่า “แล้วแม่จะลองดูนะ”

เรย์จิกอดผู้เป็นแม่อย่างดีใจ “ผมรักแม่จริง ๆ นะฮะ”

“แม่ก็รักลูกจ้ะ แต่ว่านะ…ถ้าบอกแม่แต่แรก ว่าซากุระจังเป็นผู้หญิง แม่ก็ไม่ห้ามพวกลูกแล้ว”

“อ้าว” คนฟังอุทานขึ้นอย่างงง ๆ “แสดงว่าที่แม่ไม่ยอมรับ…ก็เพราะ…”

ยูริโกะหัวเราะเบา ๆ “ก็แม่คิดว่า ลูกจะเอาเขยเข้าบ้านแทนสะใภ้ให้แม่นี่นา ใครจะไปยอมได้ แม่อยากอุ้มหลานนี่”

“โธ่ แม่ครับ ซากุระของผม เป็นสาวน้อยน่ารัก ผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์นะ”

“จ้ะ แม่รู้แล้วล่ะ” เธอก้าวเข้ามาหาซากุระที่ยืนอยู่ พลางกุมมือบอบบางนั้นไว้ “แต่ว่านะ ถึงซากุระจะเป็นผู้ชาย…แม่ก็ยังยอมรับได้อยู่ดี ถ้าเป็นคนที่ลูกตัดสินใจเลือกอย่างแน่วแน่แล้วน่ะ”

เรย์จิยิ้มให้ผู้เป็นมารดา “ขอบคุณมากนะครับแม่”

“คุณยูริโกะ…แต่ว่า…ผม…เอ๊ย หนูเป็น…” ซากุระเริ่มตะกุกตะกัก เพราะเป็นครั้งแรกที่เขา…ไม่สิ เป็น ‘เธอ’ ต่างหาก…อยากจะพูดจาแบบผู้หญิง…เป็นผู้หญิง ในสายตาของมารดาคนที่รัก

เป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง…ที่มีความรักในหัวใจ

เพื่อสักวัน…ที่เธอจะได้มีความสุขจากใจบ้างเสียที

ยูริโกะมองสาวน้อยเบื้องหน้าด้วยสายตาอันอ่อนโยน ซากุระเป็นเด็กสาวที่น่ารักกว่าที่เธอคิดไว้มาก แถมยังว่าง่ายอีกด้วย ถ้าเป็นผู้หญิงแล้ว มีหรือเธอจะปฏิเสธ

“เมื่อคืนเรอิจิเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแล้วล่ะ เรอิจิหนอเรอิจิ แกล้งฉันอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว ว่าเธอเองเป็นเด็กผู้หญิง ก็ไม่ยอมบอกกันเสียอย่างนั้น”

ว่าแล้วก็ยิ้มให้ “เด็กน้อยที่น่าสงสาร คงจะทรมานมามากสินะ ฉันน่ะ ไม่รังเกียจเธอเพราะเรื่องนั้นหรอกนะ อดีตน่ะ มีไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อการแก้ไขในอนาคต เธอเจ็บปวดกับมันมามากพอแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะมีความสุขได้แล้วล่ะ”

“ฉันและเรอิจิเข้าใจเธอนะ และก็ไม่เคยคิดรังเกียจด้วย” เธอว่าพลางวางมือบนไหล่บอบบางนั้นอย่างอ่อนโยน

“ขอบคุณค่ะ คุณยู…” ซากุระมองมาด้วยน้ำตาคลอ นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนใจดีเช่นนี้เลย

“เรียกแม่สิจ๊ะ ตอนนี้น่ะ เป็นแฟนกันได้หรือยัง แม่น่ะ อยากได้หลานไว ๆ นะ” ยูริโกะรวบรัดให้เองเสร็จสรรพ

คนฟังทั้งคู่เขินจนพูดไม่ออกไปแล้ว ซากุระชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ถ้าคุณแม่อนุญาต หนูขอนอนกอดเรย์จิไว้เวลานอนไม่หลับได้มั้ยคะ เรย์จิบอกว่า ถ้าเป็นคนที่จะแต่งงานด้วย จะทำแบบนั้นได้”

“โธ่ ซากุระจัง อย่ามองผมเป็นแค่หมอนข้างสิครับ”

คนฟังได้แต่หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างขบขัน

“ถ้าเรย์จินอนเรียบร้อยโดยไม่ลวนลามหนูล่ะก็ แม่อนุญาตจ้ะ แต่ว่านะ ถ้าเรย์จิแอบซนล่ะก็ จัดการได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ”

ใบหน้าใสยิ้มหวาน พลางชักดาบที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าเช็ดตัวผืนน้อยออกมา เรย์จิลอบกลืนน้ำลายลงคอ กระทั่งจะมาเล่นน้ำ ยังแอบพกมาอีกจนได้

ใบหน้าสวยราบเรียบมีรอยยิ้มน่ากลัว พลางพูดต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ก่อนที่เรย์จิจะทำแบบนั้นได้ ดาบนี้ไวกว่ามือเขาแน่นอน!

“ผมไม่กล้าหรอกครับ….ซากุระจัง” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย

“เรย์จิคุง ลูกคงจะเป็นได้แค่ช้างเท้าหลังแบบพ่อแน่ ๆ” ยูริโกะพูดยิ้ม ๆ

“ลงท้ายก็เป็นซากุระมาสู่ขอลูกก่อนจนได้สินะ” เรอิจิที่เดินมาสมทบ พร้อมกับคนอื่น ๆ พูดแทรกขึ้นมา
เรย์จิสะดุ้ง พยายามอ้าปากจะแย้ง แต่ดูเหมือนจะหาข้อแก้ตัวไม่ได้เสียอย่างนั้น

“โธ่ พ่อฮะ แต่ยังไงผมก็ขายออกก็แล้วกันน่ะ” เขาพึมพำด้วยใบหน้าอันแดงฉาน

“ถ้าเรย์จิขายไม่ออก ยูเมะจะไปขอแทนก็ได้นะ” ร่างเล็กยิ้มหวาน มือน้อย ๆ เกาะแขนเด็กหนุ่มอย่างเอาใจ

“ยูเมะเป็นของซานะต่างหาก เรย์จิน่ะ ให้ซากุระจังไปเถอะ” ซานะแย้งขึ้นทันที

“ว้า ยูเมะอยากได้ของเล่นน่าแกล้งแบบเรย์จิไว้ดูเล่นนี่ แต่ก็ได้ เห็นแก่ซากุระจังหรอกนะ” เด็กหญิงว่าอย่างงอน ๆ

“นั่นสินะ พวกเราเห็นแก่ซากุระจังหรอก ไม่อย่างนั้นมีแต่คนอยากได้เรย์จิทั้งนั้นแหละ ก็เป็นหมอนข้างที่นุ่มนิ่มน่ากอด แถมนอนสบายขนาดนี้นี่นะ” อายาเมะพูดต่อยิ้ม ๆ

“ผมไม่ใช่หมอนข้างนะครับ ทุกคนอย่ามองผมแบบนี้สิ!” เรย์จิอุทธรณ์เสียงอ่อยอีกรอบ

จะน่ายินดีดีมั้ยเนี่ย ที่เขาได้ตำแหน่งหมอนข้างน่ากอด เพิ่มเติมขึ้นมาจากตำแหน่งของเล่นน่าแกล้งเสียแล้ว
ยังไงก็...พยายามต่อไปแล้วกันนะ เรย์จิคุง!



.......................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2010 10:03:11 โดย ppm »

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
«ตอบ #231 เมื่อ30-05-2010 10:33:29 »

ในที่สุดก็สมหวังจนได้นะเรย์จิถึงแม้คนสู่ขอจะเป็นฝ่ายซากุระก็เถอะ :z1:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
«ตอบ #232 เมื่อ30-05-2010 12:11:19 »

 :mc3:ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่นะเรย์จิ ฮ่าๆๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะ  :-[

เป็นกำลังใจให้นะคะ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
«ตอบ #233 เมื่อ30-05-2010 12:19:38 »

น่าร้ากกกกกกกกกกก ทุกคนเลยอ้ะ โดยเฉพาะซากุระจัง  :m1:

fay_13

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café ตอนที่ 19/3 อัพ 30-5-10 จบในตอน
«ตอบ #234 เมื่อ01-06-2010 14:21:13 »

 :-[ อ๊ายยยยย น่ารักที่สุดเลยซากุระจังเนี่ย

ยินดีด้วยกับตำแหน่งใหม่นะเรย์จิ  555+  :laugh:

แต่สงสารซานาอ่ะ.....ทั้งข่มขืนทั้ง......แง้ๆๆๆๆ  :monkeysad:

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
Absolution Café [จบแล้วค่ะ]
«ตอบ #235 เมื่อ02-06-2010 12:19:45 »

(จบตอนที่ 19 - จบบริบูรณ์)


ท้องฟ้ายังคงสีครามในวันสุดท้ายก่อนที่จะกลับ ยูริโกะที่อารมณ์ดีแล้วเริ่มพูดคุยกับซากุระมากขึ้น จนตอนนี้ ทั้งคู่สนิทกันได้รวดเร็วเหลือเชื่อ อาจจะเพราะทั้งสองเป็นหญิงแกร่งที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองให้สำเร็จเหมือน ๆ กัน เลยทำให้เข้าใจกันได้ไม่ยากนัก

และเพราะได้รู้ว่าซากุระนั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรแบบผู้หญิง ๆ เอาเสียเลย เธอจึงออกปากชักชวนหญิงสาวไปช็อปปิ้ง ‘แบบผู้หญิง ๆ’ กันบ้าง โดยทิ้งเหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหลายไว้เฝ้าบ้าน ทาโนเอะและอายาเมะ เลยโดนลากไปด้วย เพราะเธอคิดว่าทั้งสองเป็นสาวเช่นกัน

ยูเมะยิ่งตื่นเต้นไม่แพ้กับทุกคน เพราะเธอนั้นชอบของน่ารัก ๆ เป็นทุนเดิม พอได้มาช็อปปิ้งโดยมีสปอนเซอร์เช่นนี้ เด็กหญิงเลยไม่พลาดที่จะมาแจมด้วย

“ซานะจังเล่นน้ำคนเดียวได้รึเปล่า” เด็กน้อยถามเสียงอ้อน เพราะรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่ไม่ได้ชวนเด็กชายไปด้วย

ซานะลูบผมนุ่มของเด็กหญิงแผ่วเบาพลางแย้มยิ้ม  “ยูเมะไปเถอะ ซานะอยู่ได้สบายมาก เมื่อวานคุยกับคุณชาวประมงคนนั้น เขาเลยชวนซานะออกไปจับปลาด้วย”

“ว้า ยูเมะก็อยากไปจับปลานะ” เด็กน้อยเหลือบมองเรือที่จอดเกยฝั่งอยู่อย่างเสียดาย “แต่ว่า…ยูเมะรับปากคุณยูริโกะไปซะแล้วนี่สิ

“ไปเถอะยูเมะ แล้วซานะจะหาปลามาฝาก”

“อื้ม ถ้างั้นยูเมะไปนะ ซานะไปลงเรือก็ระวังด้วยล่ะ ยูเมะเป็นห่วง”

เด็กชายพยักหน้ารับ ก่อนจะโบกมือให้เมื่อเห็นเด็กน้อยวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ ก่อนที่ทั้งหมดจะออกเดินทางไป ทิ้งบรรดาหนุ่ม ๆ เอาไว้เฝ้าบ้านแทน

มาโอะมองเรอิจิพลางชักชวน “เราไปเที่ยวกันตามประสาผู้ชายบ้างดีมั้ย  แถวนี้มีแหล่งซื้อของที่เปิดถึงเที่ยงคืนแน่ะ คืนนี้กว่าพวกสาว ๆ จะกลับคงดึกแน่ ดังนั้นถึงจะไปก๊งเหล้ากันต่อก็ยังกลับมาทันสบาย ๆ”
เรอิจิยิ้มรับ พวกเขาซี้ปึ้กกันขนาดนี้ ก็เพราะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อย ๆ นั่นแหละ แต่แน่ล่ะ…ไม่กล้าไปจีบสาวหรือจีบหนุ่มเพิ่มหรอกนะ เพราะกลัวคนที่บ้านจะหึงไม่เลิก

“ไปสิ เดี๋ยวชวนเรย์จิกับฮิโรอากิไปด้วยก็แล้วกัน” ว่าแล้วก็หันมามองซานะ ผู้อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ จะอย่างไรก็คงดื่มไม่ได้แน่ ๆ

เด็กชายหันมาแย้มยิ้มพลางตอบว่า “ไม่ต้องห่วงนะฮะ ผมมีนัดเดทแล้ววันนี้”

“หา…ไปเดทกับใครน่ะครับ ซานะจัง” เรย์จิถามอย่างงง ๆ เพราะไม่คิดว่าซานะจะรู้จักใครที่นี่มาก่อน

“ชาวประมงที่ทำงานให้คุณยูริโกะใจดีมากฮะ เขาชวนผมไปเที่ยวด้วยกันวันนี้ เมื่อคืนวาน เขาก็ให้ปลามาตั้งหลายตัว ที่เอาไปย่างทานกันนั่นแหละฮะ”

“คนของยูริโกะงั้นเหรอ” เรอิจิมองมาพลางอมยิ้ม ราวกับล่วงรู้ความนัยบางอย่าง ในขณะที่เรย์จิเอง กลับดูไม่ไว้วางใจนัก

“จะปล่อยไปกับคนแปลกหน้าได้ยังไง พ่อฮะ งั้นผมไปเป็นเพื่อนซานะจังก็แล้วกัน” เขาเสนอตัว

เรอิจิตบไหล่ลูกชายเบา ๆ พลางตอบว่า “ไปกับพวกพ่อแหละดีแล้ว ไม่ต้องห่วงซานะจังหรอก พ่อรู้จักคน ๆ นั้นดี เขาเป็นคนไว้ใจได้”

“แต่ว่า…”

“มาเหอะน่า พ่อมีเรื่องจะต้องสอนลูกอีกหลายเรื่องนะ คบสาวทั้งที ทำตัวฝ่อไปได้ แบบนี้เสียชื่อลูกชายเรอิจิหมดกัน ดังนั้นคืนนี้…พ่อจะพาไปติวเข้ม” เขาว่ายิ้ม ๆ

“อ่ะ พ่อ ผมไม่ดื่มเหล้าอีกนะ ผมยังไม่ 18 เลย แล้วก็…ไม่เข้าบาร์เกย์ด้วย!” เรย์จิพยายามดิ้นหนี หากถูกผู้เป็นพ่อและมาโอะคว้าตัวเอาไว้ได้

“อีกไม่กี่เดือนก็ 18 แล้วไม่ใช่เหรอ เอาน่า รับรองพวกเราจะสอนให้เอง โดยเฉพาะเทคนิคบนเตียงเนี่ย...รับรองไม่ไปล่มปากอ่าวให้ขายหน้าสาวแน่ ๆ” มาโอะกระซิบข้างหู เล่นเอาคนฟังหน้าแดงฉานไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปโดยโต้แย้งไม่ออกเช่นเคย


..........................................


ซานะมองมาแล้วอมยิ้ม เขาเห็นเรอิจิขยิบตาให้ จึงได้รู้ว่า เรอิจิ รู้เรื่องของดาร์คเป็นอย่างดี แถมที่คนผู้นี้ รอดชีวิตมาได้ อาจจะเป็นเพราะความช่วยเหลือจากเรอิจิก็เป็นได้อีกด้วย

ร่างบอบบางวิ่งไปตามผืนทรายอันอ่อนนุ่ม หัวใจกลับเต้นแรงนักเมื่อคิดว่าจะได้พบ…เขาคนนั้นอีกครั้ง ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรก เขานั้นเกลียดแสนเกลียดคนผู้นี้ เกลียดจนกระทั่ง…ทำเรื่องแบบนั้นลงไป
ไม่ใช่แค่ดาร์คหรอกที่ผิด เขาเองก็ผิดไม่ต่างกัน ที่ลงมือถึงขั้นนั้น

ดีแค่ไหนแล้ว…ที่ดาร์คยังไม่ตาย

มือที่เปื้อนเลือดในวันนั้น ไม่อาจลบเลือนไปได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังคงต้องยืนหยัดขึ้นใหม่เสมอ…เพื่อน้องสาวอันเป็นที่รัก

ตั้งแต่วันนั้น…ก็ได้พยายามลบการคงอยู่ของชายคนนี้ออกไปจากใจแล้ว แต่กลับพบว่า เขาไม่เคยทำได้เลย แม้ว่าจะไม่เคยบอกเอเมเลยสักนิดเดียวก็ตาม

เขายังคง…ช่วยตัวเองในบางครั้ง โดยคิดถึงสัมผัสของคนผู้นี้

ร่างกายของเขา…ซื่อตรงมากกว่าจิตใจนัก

แต่ในตอนนี้…เขาจะได้สัมผัสคน ๆ นั้นอีกครั้ง เพียงแค่คิด ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ความเกลียดชัง ความทรมาน ที่เคยเผชิญมา ราวเป็นฝันร้ายเพียงชั่วคืน มันผ่านไปแล้ว…และเขา ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดกับมันอีก

กับสิ่งเหล่านั้น เขาสามารถวางมันลงได้แล้ว และทำให้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่เลิกอาฆาตแค้น เลิกชิงชัง เขาก็สามารถมองอีกฝ่าย ได้ในมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม…อย่างสิ้นเชิง

ความรู้สึกลึก ๆ เมื่อได้เห็นแววตาคู่นั้น…แววตาอ่อนโยนที่ปลาบปลื้มดีใจ มันทำให้เขา…ใจเต้น

ไม่น่าเชื่อเลย ที่คน ๆ นั้น จะดีใจขนาดนี้ เพียงแค่เขาบอกว่า…เขายินดีอภัยให้เท่านั้น

คำพูดง่าย ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดได้ ตลอดชั่วชีวิตนี้

ดีจริง ๆ …ที่คุณยังไม่ตาย


...............................................


ร่างสูงของดาร์คยืนอยู่ข้างเรือลำเดิม กำลังตรวจเช็คสภาพเตรียมรออยู่ เขาคงยังจำสัญญาเมื่อวานได้แม่นยำ แม้จะไม่แน่ใจว่าเด็กคนนั้นจะยังมาหาเขาอีกหรือเปล่า เป็นเพราะเขา…ที่ทำร้ายน้องสาวของซานาเรย์อย่างเลือดเย็น

น้องสาว…ที่อีกฝ่ายหวงแหนนัก ทั้งรักทั้งหวงจนเขาถึงกับหึงหวงบ้างในบ้างครั้งเลยทีเดียว

แต่ก็เพราะความรักระหว่างพี่น้องนี้ ที่ทำให้เขา…หลงเสน่ห์เด็กคนนี้ จนถอนตัวไม่ขึ้น ดวงตาสีฟ้าคู่งามที่จริงจังจะเป็นประกายกล้า ยามเขาแตะต้องผู้เป็นน้องสาว ไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ

ดวงตาคู่งามที่เขาหลงใหล มากกว่าตาสองสีของเด็กหญิงมากมายนัก

อัญมณี ที่มีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะเจียระไนให้งดงามเปล่งประกายขึ้นมาได้


..............................................


ร่างบอบบางวิ่งตรงมาแล้ว ใบหน้าที่ยิ้มกว้าง ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ที่เขาไม่เคยได้เห็นเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“ดาร์ค” เสียงใส ๆ ตะโกนเรียก ก่อนจะชะงัก… “เอ่อ…ผมเรียกคุณแบบนี้…ได้ไหมครับ”

ใบหน้าแกร่งยิ้มรับอย่างอ่อนโยน “ได้สิ เรียกได้เลย”

“ผม…อยากลองเรียกมานานแล้ว…แต่ก็รู้ดี ว่าถึงจะเรียกสักกี่ครั้ง คุณคงจะไม่…แม้แต่จะหันกลับมามองอยู่ดี”

มือแข็งแรงเอื้อมมาลูบผมนุ่ม…เขาอยากทำแบบนี้มาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน แต่ไม่เคยกล้าที่จะทำ เพราะรู้ว่าหากเผลอใจอ่อน…เขาจะไม่มีทางควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงเธอจะเรียก ฉันก็จะไม่หันมามองหรอก” ร่างสูงพูดขึ้นเบา ๆ

“ผมรู้ดี” ร่างบอบบางพึมพำ ด้วยสีหน้าเศร้าลงไปอีก

“ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด…”

เด็กน้อยจ้องอีกฝ่ายตรง ๆ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พวกเรา…ก็เจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอครับ ดังนั้น…ไม่ต้องขอโทษผมอีกหรอก”

ดาร์คยิ้มให้ “เธอเข้มแข็งขึ้นนะ”

“ผมเข้มแข็งมานานแล้ว คุณไม่รู้หรอกเหรอ”

“ฉันรู้สิ รู้ดีมาก ๆ ด้วย แต่ว่านะ เมื่อก่อนเธอมีแต่ความเกลียดชัง แต่ในตอนนี้…เธอกลับพร้อมที่จะให้อภัยฉัน”

“นี่แหละ คือความเข้มแข็งที่แท้จริง”

ว่าพลางก็ถอนหายใจยาว “เรื่องนี้ฉันสู้เธอไม่ได้เลย ฉันต่างหากที่อ่อนแอ แล้วก็ได้แต่เสียใจอยู่ตลอด ที่ทำร้ายเธอในตอนนั้น ถึงเธอจะให้อภัยฉัน แต่ฉันก็ยังอยากจะขอโทษอยู่ดี”

คนฟังอมยิ้ม พึมพำขึ้นว่า “ถ้างั้น…ให้ทำอะไรไถ่โทษดีมั้ยครับ”

“อยากให้ทำอะไรล่ะ”

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้อยู่ที่นี่ พอพรุ่งนี้…ก็ต้องกลับแล้ว …ดังนั้น…” ดวงตาคู่งามเหลือบขึ้นมองชายหนุ่ม “พาผมไปด้วยได้ไหมครับ จะไปที่ไหนก็ได้ แค่วันนี้วันเดียว…ให้ผมได้อยู่กับคุณ”

คนฟังยิ้มรับ “เรื่องนี้ฉันรับปากเธอแล้วนี่ ตั้งแต่คราวก่อนไง”

“ถ้างั้น…ต้องตามใจผมทั้งวันด้วย ดีมั้ยครับ”

ร่างสูงคุกเข่าลง ประคองมือบอบบางนั้นไว้ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ด้านหลังมืออย่างอ่อนโยน “ฉันยินดีจะตามใจเธอ…ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้เลย สาบานได้”

คนฟังหน้าแดงฉานไปแล้ว “ผมว่า…เรารีบไปกันเถอะครับ” เด็กหนุ่มตัดบทอย่างเคอะเขิน

“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะออกเรือล่ะ เธอคงไม่เมาเรือหรอกนะใช่มั้ย”

“ผมทานยามาเรียบร้อยแล้วล่ะ วันนี้ถึงเมาผมก็จะจับคุณกดให้ได้อยู่ดี คอยดูเถอะ!”

ท่าทางที่ดูจริงจังจนน่ารักขนาดนี้ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะขึ้นมาจนได้

“ผมพึ่งเห็นคุณหัวเราะครั้งแรกนะเนี่ย ทุกทีล่ะเก๊กอยู่ได้” ซานะบ่นพึมพำ

“ร้ายนักนะเธอนี่ รู้รึเปล่าว่าฉันน่ะ กลั้นหัวเราะแทบตายมาหลายรอบแล้ว…โดยเฉพาะตอนดูเธอ…เล่นของเล่นให้ฉันดูเนี่ย”

“บ้า…คุณน่ะ…ผมเขินนะ ให้ทำอะไรก็ไม่รู้” เด็กชายพึมพำเสียงอ่อย

“ก็เธอน่ารักนี่นา มาสิ ขึ้นมาบนเรือกันดีกว่า เราจะได้ไปกันซะที”

“ครับ” มือบอบบางจับมือแกร่งแนบแน่น ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายช่วยดึงขึ้นมาบนเรืออย่างว่าง่าย

เรือลำน้อยแล่นฝ่าฟองคลื่นฉิว สายลมเย็นปะทะใบหน้าและร่างกายจนรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ขับไปได้สักพักเรือก็จอดลอยลำอยู่บริเวณน้ำไม่ลึกนัก แดดอ่อน ๆ สาดส่องลงเบื้องล่าง ทำให้ท้องน้ำดูสว่างใสจนเห็นกระจ่างชัดราวกระจก  

“ข้างล่างนี้มีปะการังกับปลาสวย ๆ เยอะเลย ลองลงไปดูกันมั้ย”

“จริงเหรอครับ ผมไม่เคยเห็นเลย…อ่ะ แต่ผม…ว่ายน้ำไม่เป็นนะ” ดวงตากลมโตเหลือบมองแผ่นน้ำด้านข้างเรือ ที่ยาวออกไปแทบไม่เห็นที่สิ้นสุด

“ไม่เป็นไรน่า มีชูชีพ รับรองไม่จมหรอก”

“ถึงจมผมก็ไม่กลัวหรอกนะ” เด็กน้อยพูดยิ้ม ๆ “ผมรู้ว่าคุณช่วยผมได้แน่..แถมยังจะได้จูบ…เอ๊ย ผายปอดอีก”

“เด็กลามก ไม่ผายปอดแล้วฉันจะจูบเธอไม่ได้หรือไง”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” ว่าแล้วก็โอบรอบคอแกร่ง ริมฝีปากบางสัมผัสอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน

เรียวลิ้นแกร่งแทรกรับ สัมผัสกันแน่บแน่น…สัมผัสนั้น…อ่อนโยนเหมือนทุกครั้ง…ใช่ ถึงจะเป็นการทำ โดยที่เขาไม่เคยยินยอมพร้อมใจ…แต่ทุกครั้ง มันก็อ่อนโยน ร่างกายของเขาย่อมจดจำมันได้ดี การเล้าโลมของคนผู้นี้ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ทำด้วยความรักเสมอมา

ทำไมนะ…ในตอนนั้น เขาถึงไม่เข้าใจเสียได้

ริมฝีปากที่ผละออกพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “คราวนี้…ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอแล้ว ขอโทษนะ ที่เคยทำให้เธอป่วยเสียหลายครั้ง”

ร่างบอบบางกอดชายหนุ่มไว้ ใบหน้าสวยที่อิงแอบแนบอกแกร่งตอบรับ “ผมรู้ ถ้าคุณใจดีหรืออ่อนโยนกับผมมากเกินไป…ผมคงไม่อาจทนได้…ถ้าต้องเจอกับคนอื่นที่รุนแรงกว่า…”

“มันเป็นหน้าที่…ที่ฉันต้องทำ แต่ว่าตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้…ที่ฉันสนใจเธอ…ที่ฉัน…รู้สึกอยากจะอ่อนโยนกับเธอ…มาตลอด แม้ว่าจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ได้เลย”

“แต่ตอนนี้…ยังทันนะครับ ที่จะทำ…แบบนั้น” คนพูดหน้าแดงเรื่อ จนน่ารักน่ากอดเสียจริง ๆ ร่างแกร่งโอบอุ้มร่างเบาหวิวขึ้นมา ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในเคบิ้น

“อ้าว…ไม่ลงไปดูปะการังแล้วเหรอครับ” เด็กชายทักขึ้น ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดนั้น

“ฉันอยากจะทำอย่างอื่นแทนแล้ว…ปะการังน่ะ ไว้ดูทีหลังก็แล้วกัน”

“ว่าผมลามก…คุณก็ลามกเหมือนกันนั่นแหละ”

คนฟังพึมพำกลั้วหัวเราะ “ถ้างั้นมาลองดูกันมั้ย ว่าใครจะลามกมากกว่ากัน”

“ผมเขินนะครับ เลิกพูดแล้วทำซะทีเถอะ” เสียงใสพึมพำแผ่ว

“ท่าทางเธอจะลามกกว่าแฮะ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโดนทุบที่แผ่นอกดังอึ้กใหญ่ ใบหน้าใสซุกแนบแน่น แต่เขาก็ยังเห็นหูบอบบางที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

“ถ้าไม่รีบทำล่ะก็ผมจะกลับแล้วนะ”

“ฉันไม่ให้กลับเด็ดขาด วันนี้ทั้งวัน…เธอเป็นของฉัน!”


......................................


ร่างเล็กของเด็กหญิงโผเข้ากอดเด็กชายยามกลับมาถึง ก่อนจะอวดของหลายอย่างที่ซื้อมาอย่างยินดี ซานะยิ้มรับพลางช่วยแกะห่อออกดูอย่างตื่นเต้น เด็กน้อยมีของมาฝากพี่ชายด้วยเช่นกัน ทั้งคู่อยู่กันสองคนในห้องนอนส่วนตัวที่บ้านพักแล้วในตอนนี้

“ซานะจัง…แล้ววันนี้ เที่ยวสนุกมั้ย” เธอถามบ้าง

“อื้ม สนุกมากเลยล่ะ” เด็กชายพูดโดยไม่สบตาด้วย

เด็กหญิงขยับเข้ามาใกล้ จ้องมองมาด้วยดวงตาคู่สวยของเธอตาไม่กระพริบ จนคนถูกมองเริ่มอึดอัด
 
“มะ…มีอะไรเหรอยูเมะ”

ดวงตาคู่สวยมองเด็กชายจริงจังกว่าเดิม ก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ยูเมะ น่ะ…จำคน ๆ นั้นได้นะ…ต่อให้คน ๆ นั้นกลายเป็นเถ้าถ่าน ยูเมะก็จำได้…”

คนฟังนิ่งอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่ายูเมะจะจำได้ ถ้าเป็นแบบนั้น…เพื่อสภาพจิตใจของเด็กน้อย เขาคงจะต้อง…
“ยูเมะยังเกลียดเขามากสินะ…ถ้าเป็นแบบนั้น…ซานะ…จะไม่ยุ่งกับเขาอีกแล้ว ขอโทษนะ…ที่พี่…”

มือเล็กปิดปากพี่ชายไว้ไม่ให้พูดต่อไป

“ยูเมะรู้…รู้มานานแล้ว ว่าซานะ… รักคน ๆ นั้น รักมากเสียด้วย”

ร่างบอบบางเอนอิงพี่ชายพลางพึมพำขึ้นว่า “ถ้าซานะจะรักเขา ยูเมะก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
 
“ถึงเป็นคน ๆ นั้น ที่ยูเมะเกลียด ก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ อย่าอดทนเพื่อพี่เลย จะยังไง…คนสำคัญที่สุดสำหรับพี่แล้ว ก็มีเพียงน้องสาวคนนี้เท่านั้น ถึงจะรักเขา…แต่ถ้ายูเมะไม่อยากให้ทำ…ซานะก็จะ…ไม่ไปยุ่งกับเขาอีก”

เด็กหญิงยิ้มน้อย ๆ “ยูเมะ…อยากจะบอกอะไรซานะอย่างหนึ่งนะ”

“ความสุขของซานะ…คือความสุขของยูเมะเช่นกัน ซานะ…ทำเพื่อยูเมะมามากแล้ว…ยูเมะอยากให้ซานะ ทำเพื่อตัวเองบ้าง”

ดวงตาสีฟ้ามีน้ำตาเอ่อคลอ “แต่ว่า…”

“ถึงยูเมะจะเกลียดเขา…แต่ถ้าเขา…ทำให้ซานะมีความสุขได้ ยูเมะก็จะ…ค่อย ๆ เลิกเกลียดเขาไปเอง ซานะทำเพื่อยูเมะมากแล้ว ตอนนี้ขอให้ยูเมะ ทำเพื่อซานะบ้างนะ”

เด็กน้อยโอบกอดพี่ชายไว้พลางพึมพำต่อไป “ขอแค่ว่า…อย่ารักเขา จนลืมน้องคนนี้ก็พอ”

ซานะยิ้มให้ทั้งน้ำตา “ยูเมะสำคัญที่สุด จะลืมกันได้ยังไงล่ะ”

“ยูเมะรักซานะที่สุด ดังนั้น…ยูเมะ จะพยายามรัก คนที่ซานะรักด้วย ยูเมะสัญญา”

“อื้ม…ซานะรักยูเมะที่สุดเลย”

เด็กน้อยกอดกันแนบแน่น สายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยน

คนในอ้อมกอดมองมาแล้วอมยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า

“อ้อ แต่อย่าให้ยูเมะเห็นเขารังแกซานะล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”


..........................................


วันเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก จนถึงตอนนี้ ก็ถึงเวลากลับแล้ว เด็กน้อยร่ำลาดาร์คอีกครั้งที่ชายหาดใกล้เรือลำน้อย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่…ที่เขาจะได้มาที่นี่อีก การลาจากนี้ อาจจะต้องจากกันตลอดไป ถึงแม้ว่าน้องสาวของเขาจะยอมรับได้ แต่เขาเอง…ก็ยังไม่อยากเสี่ยง กับสภาพจิตใจของเด็กหญิงนัก

“ลาก่อนนะครับ…ผมดีใจมาก ๆ ที่ได้พบคุณอีก”

“ฉันก็เหมือนกัน” ดาร์คตอบรับ มือแกร่งลูบผมนุ่มก่อนจะกอดร่างบอบบางไว้อีกครั้ง

“แล้วผมจะมาหาคุณอีก ผมสัญญา”

“ฉันจะรอเธอนะ” เสียงนุ่มตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองร่างเล็ก ๆ วิ่งจากไป

ร่างสูงยังคงง่วนอยู่กับเรือที่ชายหาด เมื่อมีเสียงทักทายกระตือรือร้นดังขึ้น

“อ้าว ไม่ตามเขาไปหรอกรึ”

ร่างแกร่งหันมาแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมได้เจอกับเด็กคนนี้อีกครั้ง ผม…ดีใจจริง ๆ แต่ตอนนี้…ผมยังไปกับเขาไม่ได้หรอก”

“จนกว่าผมจะมีสถานภาพที่ดีกว่านี้…จนกว่า สภาพจิตใจของน้องสาวของเขา จะหายดีกว่านี้ ผมคงไม่สามารถอยู่กับเขาได้ แต่ว่า…ผมจะอดทนรอต่อไป จะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้เราอยู่ด้วยกันได้ในที่สุด” เขาพูดต่ออย่างตั้งใจจริง

“ฉันรู้ว่าเธอทำได้ และรู้ว่า ซานะจะต้องรอเธอได้เหมือนกัน

“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณคุณยูริโกะด้วย พวกคุณเป็นผู้มีพระคุณของผมจริง ๆ”

“ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่ได้เจอเด็กสองคนนี้ แล้วก็คง…ไม่ได้ครอบครัวที่อบอุ่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหรอก ดังนั้นฉันก็ยินดีต้อนรับเธอ มาเป็นสมาชิกอีกคน ในครอบครัวของพวกเรานะ”

ในครั้งนั้น เป็นเรอิจิเอง ที่ได้ช่วยเหลือดาร์คที่อยู่ในกองเพลิงออกมาโดยบังเอิญ และนั่นทำให้เขาได้รับรู้เรื่องของเด็กทั้งสองคนนี้ รวมถึงการวางแผน…ที่จะช่วยเหลือด้วย

“ตอนนั้นเธอคิดจะตายเพื่อเด็กคนนี้จริง ๆ งั้นเหรอ มันง่ายไปหน่อยนะ สำหรับครูฝึกที่ทำเรื่องแบบนี้มามากอย่างเธอ”

ดาร์คมองเรอิจิด้วยสายตาที่จริงจัง เขารู้ดี ว่าเรอิจิ ต้องการที่จะแน่ใจ ว่าตัวเขานั้น…จริงใจต่อเด็กชายมากน้อยแค่ไหน

“ผมเคยฝึกเด็กเป็นนักฆ่ามามากก็จริง แต่ก็ไม่เคยเจอใคร ที่เหมือนกับเด็กคนนี้มาก่อนเลย เขาทำให้ผม…เปลี่ยนไป ในตอนนั้น พอผมรู้ว่าเขาคิดจะฆ่าผม…ผมกลับคิดว่า มันดีแล้ว…ที่เป็นอย่างนั้น”

“…อย่างน้อย ผมก็ไม่ต้องทรมานเขาและน้องสาวอีก” ดวงตาคู่นั้นเศร้าลงเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น…มันยังคงเป็นความรู้สึกผิด ที่ยากจะลบเลือนไปได้ กับสิ่งที่ได้ทำลงไป กับสองพี่น้องคู่นี้…และแน่นอน กับคนอื่น ๆ อีกหลายคนด้วย

“บาดแผลที่เขาแทงมานั่นไม่ทำให้ผมตายหรอก แรงเด็ก ๆ แค่นั้น แต่ผมก็ตั้งใจว่าจะตายอยู่ที่นั่นจริง ๆ โดยบอกให้เขาเผาบ้านไป ถ้าผมตายไป ผมจะได้หลุดพ้น และไม่ต้องทรมานเขาอีก”

แววตาตื้นตันมองมายังเรอิจิ “แต่เพราะคุณได้เตือนสติผม ผมถึงได้ยังมีชีวิตอยู่ ถึงผมจะตาย เด็กคนนี้ก็ยังทรมานต่อไปอีกอยู่ดี ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน เพราะความช่วยเหลือของคุณต่างหาก ที่ทำให้เด็กคนนี้…มีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขจนถึงตอนนี้”

เรอิจิมองมาพลางยิ้มรับ “ฉันดีใจนะ ที่เธอรักซานะมากขนาดนี้ อ้อ แผลไฟไหม้พวกนั้น ยูริโกะบอกฉันว่า เธอจะออกเงินทำศัลยกรรมให้ รับรองหล่อเหมือนเดิมได้แน่ ๆ”

ดาร์คส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ บาดแผลพวกนี้ จะได้เตือนใจผม…ถึงความผิดที่ผมเคยทำไว้ กับเด็กคนนั้น ผมจะได้ไม่ทำให้เขาต้องเสียใจอีก”

หากเรอิจิกลับตัดบทขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าสำหรับเธอน่ะไม่เป็นไร แต่ฉันอยากได้หนุ่มหล่อมาดเข้มแอบโหดสักคน มาใส่ชุดคอสเท่ ๆ ช่วยเสิร์ฟอาหารในช่วงที่ลูกชายฉันติดเรียนนี่นา ไม่รู้ล่ะ ถ้าอยากจะตอบแทนฉัน เธอก็ไปรักษาตัวกลับมาให้หล่อเชียวนะ โคโตะฝากบอกฉันมาว่า ร้านนั้น…จะรอนายไปทำงานอยู่ เมื่อนายพร้อม”

ดวงตาแกร่งเปียกชื้นด้วยน้ำตา “ขอบคุณนะครับ ผมสัญญา ว่าจะดูแลซานะให้ดีที่สุด เพื่อตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนทำให้ผม”

มือของเรอิจิตบบ่าชายหนุ่มเบา ๆ พลางยิ้มแย้มแล้วพูดขึ้นว่า “ก็พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ จริงสิ ฉันคงต้องปรึกษายูริโกะ เพื่อขยายร้านเสียแล้ว ห้องมันชักจะคับแคบไปหน่อยแล้ว สำหรับสมาชิกเยอะขนาดนี้” เขาพูดพลางหัวเราะ

“อีกอย่างนะ ยูริโกะสำรวจตลาดมาเรียบร้อยแล้ว กิจการนี้รุ่งแน่ ลองให้ภรรยาฉันจัดการ อะไรก็เป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นแหละ”

“แต่ยังไง เงินก็ไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอก จริงมั้ย” เสียงหญิงสาวแทรกขึ้นมาเบื้องหลัง

“แน่นอนที่รัก แต่จะยังไง เราก็ได้ครอบครัวใหญ่เพิ่มมาแน่ ๆ อยู่แล้ว คุณเตรียมร้านใหม่อีกสักร้านเป็นสาขาใหม่ และเป็นเรือนหอให้ลูกชายคุณดีกว่าน่า”

“ฉันเตรียมไว้แล้วต่างหากล่ะ” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ “แต่ตอนนี้ พวกเขาคงจะอยากอยู่ด้วยกันอีกสักพัก พ่อแม่น่ะนะ จะอย่างไร ก็อยากจะเลี้ยงดูลูก ๆ ให้นานที่สุด ก่อนจะส่งต่อให้คนสำคัญกับเขาต่อไปไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสินะที่รัก ไว้ว่าง ๆ เราไปแจมกับพวกเขาบ้างดีกว่า ผมว่าเราไม่ได้เลี้ยงดูลูกชายอย่างอบอุ่นมานานมากแล้วนะ ดูซิ กับแค่จีบสาว ยังต้องให้พวกเราช่วยกันตั้งขนาดนี้”

“จริงสิ ถ้างั้นคุณเทรนลูกชายคุณไปละกัน ฉันจะอบรมว่าที่เจ้าสาวของฉันเอง”
   
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะจูงมือกันกลับไปขึ้นรถ แล้วออกเดินทางกลับไปยังร้านที่แสนอบอุ่น ซึ่งจะเริ่มเปิดทำการปกติ ในวันรุ่งขึ้นนี้แล้ว
   
ในที่สุดบาปของทุกคน…ก็ได้รับการให้อภัยเสียที สมกับชื่อร้านในตอนนี้

Absolution Café!


- จบบริบูรณ์ -

ออฟไลน์ ppm

  • รักเด็กจังเลย
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • ppmfic yboard
เรื่องนี้ก็จบแล้วนะคะ สำหรับผู้ใดที่สนใจเก็บไว้อ่านแบบรูปเล่มหนังสือ สามารถสั่งซื้อได้ทาง pm ค่ะ หรือเมล์ ppmfic แอทยะฮูดอทคอม

ตัวหนังสือมีตอนพิเศษของเรื่องนี้เพิ่มให้อีก 4 ตอน ตอนเดทหวาน ๆ ฮา ๆ ของเรย์จิกับซากุระหลังเป็นแฟนกันแล้ว [อันนี้ลงแล้วในกระทู้นี้ เลื่อนหาเอาหน้าถัด ๆ ไปเองนะคะ] ตอนน่ารัก ๆ ของยูเมะกับหนุ่มน้อยคนใหม่ (เพราะซานะจังมีคู่ไปซะแล้ว) ตอนสวีทของซานะจังกับดาร์ค หลังอยู่ด้วยกัน และตอนสุดท้ายคือเรื่องฮา ๆ ของเรย์จิ หลังจากแต่งงานและมีลูกแล้ว


ท้ายนี้ ppm ก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ และขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ให้กำลังใจด้วยค่ะ
ใครเป็นนักอ่านเงา ไหน ๆ ก็ติดตามกันมานานจนจบแล้ว แสดงตัวกันหน่อยก็ดีนะคะ ซักคอมเมนต์ก็ยังดี
พบกันใหม่เรื่องหน้า (คาดว่าอีกนาน เหอ ๆ) ^^


=========================================================

นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบภาค)
เรื่องสั้น (จบ): ทายาทมรณะ, Full moon night, Give my your hands, เป่ายิ้งฉุบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2013 17:39:23 โดย ppm »

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
«ตอบ #237 เมื่อ02-06-2010 12:53:37 »

จบได้ประทับใจมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆเรื่องนี้นะคะ

 :L2:

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
«ตอบ #238 เมื่อ02-06-2010 18:25:17 »

ประทับใจมากครับ ไรท์เตอร์ผูกเรื่องได้ดีมากเลย  เป็นกำลังใจให้กับเรื่องใหม่ๆด้วยครับ

+1

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: Absolution Café (NC-18, SM) [จบแล้วค่ะ]
«ตอบ #239 เมื่อ02-06-2010 18:36:38 »

ขอบคุณคุณppmมากนะคะ :กอด1:

ติดตามมาตลอดก็ได้ลุ้นและได้ระทึก สลับไปกับยิ้มกว้างๆในตอนเรททั่วไป มาตลอดเลยค่ะ
รอผลงานเรื่องต่อๆไปนะคะ

ปล.หลงรักสมาชิกของ Absolution Cafe ทุกคนเลยค่ะ (บวกตาดาร์คแกด้วย อิอิ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด