ที่ร๊ากกกก
ดีค่าทุกคน Mercy กลับมาอีกครั้ง (หลังจากหายไปอีกแล้ว)
เม้นท์จากตอนที่แล้ว ทุกคนเหมือน copy กันมาเลยค่ะ คำว่า เธอเป็นใคร ชีเป็นใคร นี่มีเกือบทุกคนเลย ฮ่าๆ
เอาเป็นว่า...อ่านตอนต่อไป...ก็ไม่รู้ว่าจะรู้กันไหม ว่าชีเป็นใคร
แต่ว่า...Mercy กะว่าจะให้พี่เซฟแกมาบอกเองว่า ชีเป็นใครนะคะ...ใจเย็นนะตัวเอง
เห็นหลายคนบอกว่าอยากให้หวานๆ กันบ้าง หลังจากเจอน้องสวยสติเฟื่องไปแล้ว
ตอนนี้ก็เลยแอบให้มาหวานๆ แอบ NC กันเล็กน้อย หลังจากพัก NC กันไปนานและ ฮ่าๆๆ
แล้วก็แอบเห็นมีหลายคน ถามหาน้องเซย์พี่แชมป์นะคะ...
เอาเป็นว่า...ถ้าครบ 2000 รีฯ เมื่อไหร่ เค้าจะเอาน้องเซย์มาให้เชยชมดีไหม
เหมือนเป็นกำหนดการไว้ก่อนโหะๆ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักอ่านทุกคนเลยนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจ Mercy
ช่วงนี้ก็ยังคงยุ่งเหมือนเดิมค่ะ แต่งานหนักๆ ที่เครียดอยู่มันก็เสร็จไปกว่า 80% แล้วค่ะ
หลังจากนี้คงจะหาเวลามาอัพได้เร็วขึ้น (รึเปล่า)
อากาศเปลี่ยน ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ...
ปล. ช่วงนี้ไปออกกำลังกายทุกวัน มีหนุ่มๆ ในฟิตเนทให้จิ้นหลากหลายคู่หลายคนเลยเชียว
++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 40 คืนเหงา ก้าวเข้าสู่วันที่ 4 ผมก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วครับ ตอนนี้มีแฟนก็เหมือนไม่มี กลายเป็นคนกำพร้าแฟนไปซะงั้น...พี่เซฟไม่โผล่มาหาผมเลย 4 วันเต็มๆ แล้วนะฮะ อาจจะมีโทรมารายงานตัวบ้างอะไรบ้าง แต่...คนมันเคยเจอกันเกือบทุกวัน แล้วอยู่ดีๆ ก็เล่นหายไป แค่ได้ยินเสียงมันไม่พอหรอกฮะ...
วันนี้ก็เลยตัดสินใจไปดักรอหน้าคณะพี่เซฟครับ จริงๆ วันนี้ผมเลิกช้ากว่าพี่เซฟ แต่ว่าขอโดดซักวันเถอะนะ รีบออกมานั่งเฝ้าเลยครับ...
อ๊ะ!! นั่น ลงมาแล้วฮะ
“เฮ้ยเซฟ เมียมาหา” เสียงดังไปนะไอ้พี่กอล์ฟ ปากอย่างนี้วันหลังจะลองให้ไปเป็นเมียไอ้น๊อตดูบ้าง ปากดีพอๆ กันเลยครับ
“พี่เซฟ...วันนี้จะไปค้างไหม” จริงๆ อยากพูด อยากถามอย่างอื่นมากกว่าครับ แต่ก็...ไม่กล้า กลัวพี่เค้าจะหาว่าไประแวงเขาเปล่าๆ
“อ้าว...จริงๆ เลิฟยังไม่เลิกไม่ใช่เหรอครับวันนี้ อาจารย์ยกเลิกคลาสเหรอ” กรุณาตอบให้ตรงคำถามครับ ผมถามพี่ก่อนไม่ใช่ให้พี่มาถามผมคืนนะ ชิส์
“เอ่อ...ฮะ เลิฟก็เลยรีบมาดักพี่เซฟไว้ก่อน...เดี๋ยวนี้ตามตัวยากจังเลยนะ ถ้าเลิฟไม่มาดักรอพี่เซฟ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เลิฟจะมีโอกาสได้เจอหน้าแฟนตัวเองบ้างไหมเนี่ย” ตัดพ้ออย่างน้อยใจนิดๆ ฮะ...ก็คนมันน้อยใจจริงๆ นี่นา
“โอ๋ๆๆๆ พี่ขอโทษครับ...งอนพี่เหรอ ดีกันนะ น้า...เนี่ยวันนี้พี่ก็กำลังจะไปรอเลิฟที่คณะนั่นแหละครับ เดี๋ยวคืนนี้พี่ไปค้างด้วยไง...เหงาใช่ไหมล่ะนอนคนเดียว เดี๋ยวคืนนี้พี่ทบต้นทบดอกให้ครบสี่วันเลย ชุดใหญ่เลยดีไหมล่ะ” อะไรชุดใหญ่ แล้วมาตีก้นเขาทำม๊ายยยยย เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่และนะเนี่ย พี่เซฟคนขี้อายคนเก่ามันหายไปไหนแล้ววะ
“พี่เซฟ!!! มาตีก้นเลิฟทำไมเนี่ย เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” หันไปชี้หน้าคาดโทษครับ
“ใครกันแน่จะโดนไม่ใช่น้อย คืนนี้ได้รู้กันแน่ๆ เตรียมใจไว้ได้เลยที่รัก” หึหึ เตรียมพร้อมนานแล้ว เอ๊ยยย ไม่ใช่และ โควต้าไม่เกินสองนะ ถึงจะคิดถึงกันขนาดไหน แต่ว่าสองครั้งก็พอหายคิดถึงแล้วครับ ตัวเองเป็นผู้กระทำนี่ ก็ลัลล้าได้ ลองมาเป็นผู้ถูกกระทำดูบ้างดิ...เอ๊ หรือว่าจะผลัดกันสองสองดีหว่า หึหึ น่าสนนะ
“คิดไรอยู่ครับ เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวทำหน้าเจ้าเล่ห์เดี๋ยวหน้าแดง คิดวางแผนอะไรลามกอยู่อะดิ” เดินกันมาจนถึงรถผมแล้วครับ พี่เซฟเดินมาส่งผมที่รถก่อน แล้วเดี๋ยวพี่เค้าขับตามไปที่บ้าน
“บ้า ใครจะไปเหมือนพี่ล่ะ ช่วงนี้ทะลึ่งอะพี่เซฟ หื่นหวะ”
“ใครกันแน่ทะลึ่ง พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ เลิฟเองแหละคิดไปเรื่อย หึหึ ไปๆ ขับรถดีๆ นะ เจอกันที่บ้านครับ” พี่เซฟจับผมยัดใส่รถตัวเองได้เสร็จ ยืนรอจนผมสตาร์ทรถและขับออกไป พี่เซฟถึงเดินกลับไปที่รถตัวเองบ้าง
วันนี้รถค่อนข้างติดครับ ผมเลยโทรไปบอกพี่เซฟว่า ให้แวะหาอะไรกินกันก่อนเข้าบ้านดีกว่า จริงๆ อยากดูหนังด้วยครับ ไม่ได้ดูกันสองคนมานานแล้ว ก็เลยตัดสินใจว่าไปเจอกันที่ห้างใหญ่ใจกลางสยามแล้วกัน เพราะว่าวันนี้ผมอยากกินไก่
“ฮัลโหล...พี่เซฟเลิฟหาที่จอดได้แล้วนะ เดี๋ยวเลิฟเดินไปจองโต๊ะก่อนเลยแล้วกัน เจอกันที่ร้านXX นะครับ” วนจนจะอ้วกแล้วฮะ กว่าจะได้ที่จอด คนจะเยอะไปไหน บ้านช่องไม่มีกลับกันรึไงนะ...บ่นไปงั้นแหละผม ตัวเองก็มีบ้านช่องแต่ไม่ยอมกลับเหมือนกัน
“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ตามไปนะ พี่วนขึ้นลงมาสองรอบแล้วเนี่ย เดี๋ยวหาจอดซ้อนคันเอาแล้วกัน” ผมไม่กล้าจอดซ้อนคันอ่ะครับ เป็นพวกพารานอยด์ กลัวรถตัวเองโดนเฉี่ยว หรือว่าเวลาใครมาเข็นเอารถข้างในออก กลัวเขาเข็นรถผมไปชนรถคนอื่น เพราะฉะนั้นเวลาหาที่จอดรถ ผมก็จะสู้ตาย วนมันจนกว่าจะได้ที่จอดที่ดูปลอดภัยที่สุดสำหรับรถตัวเองครับ
เดินมาถึงร้านอยู่ชั้น G ครับ โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ เลยไม่ต้องรอคิว...ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่มีจานหลักเป็นไก่ครับ เป็นอาหารสไตล์โปรตุเกส ผมชอบไก่ที่ร้านนี้มากๆ จะเป็นไก่ย่างหลากหลายสูตรให้เลือกครับ แล้วเค้าจะให้เราเลือกหลายขนาด มีเป็นแบบหนึ่งชิ้น ครึ่งตัว หรือว่าทั้งตัวครับ สปาเก็ตตี้ และซีซ่าสลัดก็อร่อยมาก จำพวกปลาก็มีนะฮะ ร้านนี้ปลาสดครับ เพราะว่าเค้าจะมีร้านอาหารในเครืออีกร้านนึงที่ขายเน้นเฉพาะปลาครับ ปลาก็เลยสดอร่อย
“วันนี้ได้โต๊ะเร็วจัง” รอไม่นาน ยังไม่ทันสั่งอาหารพี่เซฟก็มาถึงครับ
“อืม แปลกจัง สงสัยวันนี้คนฮิตอาหารญี่ปุ่นมากกว่า” หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น สองแบรนด์ดัง คนยืนรอคิวกันเพียบเลยฮะ เป็นผมไม่เอาด้วยแน่ๆ ถ้าหิวๆ มานะ ต่อให้อร่อยแค่ไหน แต่ต้องมารอนานขนาดนี้ ผมก็ตัดใจครับ ไว้รอมากินครั้งหน้าดีกว่า
“สั่งไปรึยัง” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ พี่เซฟ เลยเรียกพนักงานมารับออเดอร์ครับ
“เอาบอมเบย์ชิกเก้นท์ เอาฮาล์ฟนะครับ แล้วก็ซีซ่าสลัดหนึ่งที่ สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อหนึ่ง อืม...อยากกินฟิชแอนด์ชิพอ่ะ พี่เซฟช่วยกินหน่อยนะ...เอาฟิชแอนด์ชิฟด้วยครับ พี่เซฟเอาไรๆ” จริงๆ จะให้กินเองคนเดียวก็หมดนะ แหะๆ แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าอืดๆ ชอบกล เลยแบ่งๆ กันอ้วนดีกว่า
“ผมเอาบอมเบย์เหมือนกันเอาทั้งตัวครับ อย่างเดียวฮะแล้วก็น้ำเปล่าครับ” ผมกับพี่เซฟชอบเหมือนกันครับ แต่พี่เซฟจะกินไก่หมดตัว ผมชอบสั่งแค่ครึ่งนึง แล้วก็สั่งอย่างอื่นมากินด้วย จะได้กินหลายๆ อย่าง
“พี่เซฟ...แล้ว เออ...เพื่อนพี่...กลับไปแล้วเหรอ” อยากจะถามว่าเมื่อวานที่มีผู้หญิงรับโทรศัพท์เป็นใคร แล้วทำไมไม่ยอมโทรกลับมากกว่า แต่ไม่กล้า เลยเริ่มตะล่อมๆ มากว้างๆ ก่อน
“อ๋อ อืม...ยังไม่กลับครับ” จบ แค่เนี้ย ไม่เล่าต่อหน่อยเหรอ ว่าอะไรยังไง
“แล้ว...แล้ว...เออ พี่พาเพื่อนไปเที่ยวไหนมาเหรอ” อึดอัดจังโว้ยยยยกรู ไม่เคยต้องอ้ำๆ อึ้งๆ แบบนี้มาก่อนเล๊ยยยยย
“ก็...เออ...หลายที่ครับ” จบ...ถามหลายคำ ตอบคำเดียวเนี่ยนะ แถมยังไม่ขยายความด้วย แล้วไอ้เออ เออ เนี่ย เราจะเออ ใส่กันอีกนานไหม โว้ยย เอาวะ อยากถามไรก็ถามแล้วกัน เพื่อความสบายใจ
“พี่เซฟ…เมื่อวานเลิฟโทรหาพี่ แล้วมีผู้หญิงรับ ใครครับ แล้วเค้าไม่ได้บอกให้พี่โทรกลับหาเลิฟเหรอ” ตรงๆ ไปเลย จบ…
“เอ่อ...เพื่อนพี่เองครับ สงสัยเค้าจะลืมน่ะ” ทำไมถึงพูดจา ท่าทางดูมีพิรุธจังเลย จากที่ผมว่าจะไม่คิดอะไร แต่ท่างทางคำพูดพี่เซฟมันเป็นตัวกระตุ้นให้ผมเริ่มจะคิดมากแล้วนะ
“เพื่อน...ที่บอกว่ามาจากเมืองนอกน่ะเหรอ? แล้วพี่เซฟไม่คิดจะแนะนำให้เลิฟรู้จักบ้างเหรอ”
“ครับเพื่อนที่มาจากเมืองนอก เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพามารู้จักนะครับ” พี่เซฟขมวดคิ้วทำหน้าครุ่นคิดแวบนึง ถ้าหากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แต่ผมดันเห็น...แค่เพื่อน ทำไมจะต้องคิดมากด้วยถ้าจะพามาให้รู้จัก หรือว่าไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย...แต่ เค้าก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง ว่าผมเป็นแฟนพี่เซฟ วันนั้นเค้าก็พูดออกมาเองทางโทรศัพท์...เฮ้อ ไม่อยากจะคิดเองเออเองไปก่อนเลยครับ
“พี่เซฟ...มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ พี่บอกเลิฟได้นะ...พี่ไว้ใจเลิฟไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่เหนื่อยๆ กับโปรเจคน่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ แค่รู้ว่ามีแฟนคอยเป็นห่วงก็หายเหนื่อยแล้วครับ...อ่ะ อาหารมาแล้ว อันนี้ฟิชแอนด์ชิพ แบ่งครึ่งใช่มะ หรือว่าจะกินเองหมดเลย... แบ่งเถอะ พี่ว่าช่วงนี้เลิฟเต็มไม้เต็มมือพี่เกินไปนิดนึงนะเนี่ย ฮ่าๆๆ” เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงนะพ่อคุณ ก็ได้ๆ พรุ่งนี้จะพาไปรู้จัก เลิฟรอก็ได้พี่เซฟ...
“ว่าเลิฟอ้วนเหรอ อายหรือไง ถ้ามีแฟนอ้วนน่ะ...ก็คนมันเอ็นจอยอีทติ่งอ่ะ” ผมก็เลยยอมตามน้ำเปลี่ยนเรื่องไปตามกระแสครับ
“ใครว่า แบบนี้แหละพี่ชอบ เวลากอดก็นุ่มนิ่มไปทั้งตัว น่าฟัดจะตายไป แล้วน่ารักๆ แบบนี้ใครจะอายล่ะ แค่นี้ก็ไม่อยากจะเอาออกไปโชว์ให้ใครเห็นแล้ว ไม่รู้ตัวเหรอว่าเราน่ะโดนหนุ่มๆ สาวๆ แอบมองตลอดเวลา” โอ๊ยยย ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็คนมันหล่ออะ อิจฉาอะดิ๊ ฮ่าๆๆ
“รู้ดิ ทำไมจะไม่รู้ เมื่อวานไปเตะบอลที่คณะวิทยาฯ สาววิทย์กรี๊ดตรึม ฮ่าๆๆ” อ้าวเฮ้ยซวยแล้วกรู ดันเผลอบอกความลับไปแล้ว พี่เซฟเคยสั่งครับว่าห้ามไปเล่นบอลนอกคณะ ถ้าจะเล่นก็เล่นได้ที่คณะตัวเอง หรือว่ามาเล่นที่วิศวะได้ถ้าพี่เซฟอยู่ด้วย ซวยแล้วๆ ไอ้เลิฟ
“ไปมากี่ครั้งแล้ว” หน้าขรึมเสียงเครียดมาเลยครับ
“แหะๆ ครั้งเดียวเองน้า...จริงๆ นะ ก็ไอ้น๊อตอะดิมันดันไปติดหญิงที่วิทยาฯ ก็เพื่อนๆ กัน ไม่มีไรหรอก ไม่มีใครมามองหรอกน่า ใครๆ เค้าก็รู้ทั้งนั้นว่าเลิฟคณะดุริยางค์ฯ มีแฟนชื่อเซฟคณะวิศวะ แถมแฟนมันยังดุ และหวงมากกกกก อีกต่างหาก” พูดเยอะๆ ไว้ก่อน แก้ตัวไป เอาใจหน่อยๆ อ้อนนิดๆ รับรองเดี๋ยวก็หายขรึมครับ
“ต่อไปพี่จะทำโทษนะ ถ้าขืนขัดคำสั่งนี้อีก เลิฟก็รู้ว่า ไอ้เหี้ยเต้มันชอบเรา ยังจะไปให้มันเห็นอีก แล้ววิ่งๆ เสื้อลู่ลม เปียกๆ เหงื่อ โอ๊ยยย ไม่อยากจะคิด ไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยเต้มันมาเล่นด้วยรึเปล่า”
เอ่อ...ไอ้เหี้ยเต้ที่พี่เซฟพูดถึง คือพี่เต้ เด็กวิทยาศาสตร์ ภาคเคมีปี 4 ครับ จริงๆ ผมก็รู้ๆ นั่นแหละว่าพี่เต้น่ะชอบมาหมาหยอกไก่กับผม แต่พี่เค้าก็ไม่เคยรุกเร้าอะไรผมเกินไปกว่า แซวๆ เวลาเจอกัน อาจจะมีโทรมาหาบ้าง ซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากบ้าง วันเกิดผมวันวาเลนไทน์ ก็มีดอกไม้มาให้นิดหน่อย แต่พี่เค้าก็ไม่เคยมาขอคบ หรืออะไรจริงจังนะครับ ผมว่าพี่แกก็เล่นเอาฮาไปเรื่อย พี่เต้แกเป็นพวกฮาๆ ขี้แกล้ง น้ำเน่า แล้วก็หน้าด้านครับ ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรหรอกฮะ
“พี่เต้ไม่ได้มาเล่นด้วยฮะ แค่มาทักทายเฉยๆ แล้วพี่เค้ารีบไปแลป” อ้าว กรู เผลอพูดไปอีกแล้วว่าเจอกัน
“เนี่ยเห็นไหม มันน่ะมีแลป แต่ก็ยังจงใจเดินมาหาเรา แม่งก็รู้ว่าเลิฟเป็นแฟนพี่ มันก็ยังไม่เลิกมาตอดนิดตอดหน่อยซักที” ไม่เคยเจอพี่เซฟเวอร์ชั่นหงุดหงิดอะดิครับ งี้แหละฮะ กับคนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่กับพี่เต้นี่หงุดหงิดทุกทีที่พูดถึง หรือมีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน พี่เซฟเคยบอกว่าพี่เซฟกลัว ถ้าไอ้เต้มันฮึดที่จะสู้ขึ้นมาจริงๆ มันก็เป็นขู่แข่งที่น่ากลัวมาก เพราะพี่เต้มันจีบผมมาตั้งแต่ผมอยู่ม.5 แล้วครับ ผมเรียนโรงเรียนเดียวกับพี่เต้ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจพี่เต้แกหรอกครับ มัวแต่งมงายกับพี่เอ็มอยู่
“โถ่ พี่เซฟ พี่เต้มันไม่ได้อะไรจริงจังหรอก พี่ก็เห็นว่าแกก็ควงคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย แฟนแกแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นแหละ เลิฟจะเอาอะไรไปสู้ พี่เต้มันก็แกล้งพี่เซฟเล่นไปงั้นแหละ” แฟนไอ้พี่เต้น่ะ ดาวคณะสวย อึ๋มทุกคนแหละครับ ผมว่าที่พี่เค้ามาชอบๆ แซวๆ แหย่ๆ ผมก็เพราะเค้าคงจะเอ็นดูเฉยๆ นั่นแหละ แล้วพักหลังๆ พี่เซฟมันออกตัวแรงว่าเป็นเจ้าของผม ไอ้พี่เต้มันก็คงอยากแกล้ง เพราะว่าสองคนนี้เค้าเคยเป็นคู่แข่งทางวิชาการกันมาก่อนครับ รู้สึกว่าจะเคยแข่งหุ่นยนต์กันนะครับ เก่งนะฮะ เด็กโยธา กับเด็กเคมี ไม่มีใครเรียนเครื่องกล อิเล็กทรอนิก แต่ว่าสร้างหุ่นได้
“เลิฟของพี่น่ารักจะตาย...อ้าวไหนบอกจะแบ่งฟิชแอนด์ชิพพี่ไง แบ่งยังไงเนี่ยพี่กินแต่ชิพ ฟิชไม่เห็นได้กินเลย” ฮ่าๆๆๆ ก็มัวแต่มาดุเค้าอะ ไม่แบ่งแล้วเว้ย
“ก็ครึ่งๆ ไง เนี่ยเลิฟไม่ได้กินชิพไปซักอันนะ ให้พี่เซฟหมดเลย เดี๋ยวเลิฟเสียสละกินปลาเอง ฮ่าๆๆๆ” ยุติธรรมมากๆ ผม พี่เซฟส่ายหน้าพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบจมูกผมไปมาเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว...แค่ได้กินข้าว คุยกัน ใช้เวลาด้วยกัน แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้วครับ
.
.
.
.
.
.
.
“เฮ้ออออออ อิ่มสุดๆ ไปเลย จะอ้วกแล้วเนี่ย” ผมกลับมาถึงบ้าน หนังก็ไม่ได้ดู เพราะอิ่มเกินและไม่มีรอบ...เดินตุบปั๊ดตุบเป๋ เข้าห้องได้ก็ล้มตัวลงแผ่หลาบนเตียงทันทีถุงเท้าก็ไม่ยอมถอด คุณแฟนดีเด่นประจำปีต้องเดินมานั่งยองๆ ที่ปลายเท้า ก่อนจะค่อยๆ ถอดถุงเท้าให้ผมทั้งสองข้าง แล้วแกล้งผมด้วยการจั๊กจี้เบาๆ ที่ฝ่าเท้า...
“ฮ่าๆๆๆๆๆ พอแล้ว อ๊ากกกกก พ๊อออออออออออออ พี่เซฟฟฟฟ!!!! ปล่อยก่อนเร๊ววววว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้วๆ ยอมแพ้แล้ว ฮ่าๆๆๆ” ดิ้นพล่านๆ บนเตียงเลยครับ ก็ไอ้พี่เซฟเล่นจับข้อเท้าทั้งสองข้างของผมไว้แน่น ก่อนจะใช้อีกมือเกาๆ ลูบๆ ฝ่าเท้าผม จะดิ้นเท้าออกก็ไม่หลุดฮะ มือพี่เซฟมันล็อคแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็กอีกครับ ผมก็เลยได้แต่ดิ้นไปเรื่อย แหกปากร้องลั่นให้พี่เซฟหยุดทรมานซักที
“ไม่ให้พี่ลูบเท้า งั้นลูบตรงไหนดีน้า!!!” แล้วพี่เซฟก็ปราณี ละมือจากเท้าผม แต่ดันไต่ๆ ลูบๆ เบาๆ ไปตามเรียวขาช้าๆ จุดไหนที่ผมสะดุ้ง ไวต่อสัมผัส พี่เซฟก็ไล้วนซ้ำๆ อาการดิ้นหนีแรงๆ เปลี่ยนเป็นขนลุกเกร็ง ขยับขาตามฝ่ามือคนลูบเบาๆ เสียงที่แหกปากร้องลั่นกลับกลายเป็นครางผะแผ่ว งึมงำในรำคอ
“อ๊ะ...อืมมมม” ตรงไหนที่ผมส่งเสียงดังขึ้น พี่เซฟก็จะเน้นหนักตาม มือสากลูบผ่านกางเกงยีนส์ขาเดปแนบเนื้อของผม เนื้อผ้าไม่ได้หนานัก ทำให้รับรู้เกือบทุกสัมผัสจากฝ่ามือพี่เซฟ
“ตรงนี้...ชอบไหม หืม” ตรงไหนก็ชอบครับ...แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าพี่เซฟเลิกทรมานเลิฟซักที จะคลั่งตายอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ
“อืมมมม” ผมครางตอบรับเสียงยาว มือพี่เซฟลูบวนอยู่แถวๆ ต้นขาด้านใน ปัดป่ายผ่านแผ่วโดนจุดกึ่งกลางของผมอย่างจงใจ ไม่ได้โดนตรงๆ แต่แค่ผ่านมือเผลอปัดไปมาก็ทำให้อะไรๆ ตื่นได้ไม่ยากนัก
พึ่งจะอิ่มๆ มา จะ...เอ่อ...กันแล้วเหรอ จะจุกตายไหมเนี่ย...ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น มือซนของคนที่กึ่งคร่อมผมอยู่ตรงส่วนด้านล่าง ก็ฉกวูบมาแกะกระดุมผมออกรูดซิปและรูดกางเกงผมลงไปอย่างรวดเร็ว ไวแบบไม่ทันได้คิดได้ตั้งตัวอะไรกันเลยครับ
“อ๊ะ...มะ ไม่จุกเหรอ พะ พึ่งอิ่มๆ นะ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ กว่าจะเปล่งออกมาเป็นคำพูดได้ เกือบแย่ครับ ก็พี่เซฟมันเล่นเลิกลูบขาผมแล้ว แต่ดันเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายใต้ผ้าสีขาวเนื้อบางนิ่ม ลูบเพลินลื่นมือ แต่คนถูกลูบจะตายเอาสิครับ!!!
“ก็กำลังจะหากิจกรรมช่วยย่อยไงครับ ดีมะ...ไม่อยากให้พี่ใช้มือลูบเหรอครับ งั้นเปลี่ยนเป็นใช้อย่างอื่นลูบก็ได้” อ๊ากกกกกกกก...อย่างอื่นที่พี่เซฟว่า คือปากพี่เขาครับ หนักกว่ามืออีก...พี่เซฟจูบเบาๆ ลงบนแก่นกายผม เม้มปากช้าๆ ตามจุดต่างๆ เคราสากๆ ของพี่เซฟที่น่าจะไม่ได้โกนมาสักสองวัน ทำให้รู้สึกซ่านไปทั่ว
“คิดถึงเลิฟจังเลย” ผละจากส่วนกลางของผม พี่เซฟก็ยันตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้ ก้มลงจูบผมอย่างอ่อนโยน ถ่ายทอดความรู้สึกคิดถึง ที่ผมรับรู้ได้จากที่พี่เค้าส่งมา และผมก็ส่งกลับคืนไปอย่างเท่าเทียมกัน
จากจูบแผ่วเบา อบอุ่น ก็เปลี่ยนจังหวะเป็นหนักแน่น และร้อนรุ่ม มือหนาปะป่ายไปทั่วร่าง ปลดกระดุมผมออกอย่างรวดเร็ว ผมเองก็ทำเช่นเดียวกัน แม้จะเงอะๆ งะๆ ไม่คล่องแคล่วเหมือนพี่เซฟ แต่ในไม่ช้าก็จัดการกับเสื้อของพี่เค้าให้หลุดออกจากร่างได้สำเร็จ
“อะ...อ๊ะ...อืม...เลิฟคิดถึงพี่มากรู้ไหม...อ๊ะ...อ่ะ”
“พี่รู้ครับ พี่ขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้เลิฟเลย” แต่ก็ไม่ไขข้อข้องใจอยู่ดีว่าที่ไม่มีเวลาเพราะอะไร...แต่พี่เซฟไม่ปล่อยให้ผมคิดได้นาน พี่เค้าก็จัดการ กลืนกินยอดตุ่มไตสีสดของผม ที่มันแข็งเกร็งรับลิ้นของพี่เซฟ
ลิ้นของพี่เซฟทำให้ผมรู้สึกดีเสมอ...จนผมเผลอที่จะแอ่นตัวตาม เสนอนาบไปกับลิ้นร้อนของที่เซฟที่กำลังดูดดึงอย่างกระหาย สองข้างพี่เซฟให้ความสำคัญไม่ต่างกัน จากซ้ายย้ายไปขวา ด้านไหนที่ว่างจากลิ้นอุ่น ก็จะถูกแทนที่ด้วยนิ้วสาก เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ผมยังรู้สึกถึงความซ่าน สะท้านไปทั่วหน้าอก แต่นี่พี่เซฟไม่มีปราณี ปากทำงานเร็ว มือก็เร่งตาม บีบ บี้ คลึงเคล้า นิ้วชี้และนิ้วโป้งทำงานประสานกันได้เป็นอย่างดี ทุกท่วงทำนองเหมือนเพลงสวิงแจ๊ส ที่สุนทรี แต่ก็ครึกครื้น โลดโผน
พี่เซฟเงยหน้าขึ้นมารั้งคอผมให้เงยขึ้นมารับจูบรุกเร้าจากพี่เซฟอีกครั้ง รุนแรง แต่เนิ่นนาน...เราจูบกัน อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนพี่เซฟผละออกมา มองหน้าผมและยิ้มให้ แววตาพี่เขาที่ส่งมา ผมอ่านได้แต่คำว่า ‘รัก’ อย่างน้อย เรื่องที่กังวลอยู่ ก็คลายห่วงไปได้ เพราะคำว่ารักของพี่เขาที่บอกผมทั้งคำพูดและแววตา คำพูดคนเรามันอาจจะโกหกกันได้ แต่แววตาเนี่ยยากมากนะครับ ถ้าไม่ใช่นักแสดงมือหนึ่ง คุณก็จะต้องเป็นคนที่ตอแหลเก่งมากๆ แต่ผมสัมผัสได้ว่า สิ่งที่พี่เซฟส่งมาให้ผมนั้น จริง
เปลี่ยนจากจูบที่วาบหวาม พี่เซฟก็ส่งนิ้วชี้และนิ้วกลางมือขวาของพี่เค้าเข้ามาในปากผม กระซิบเบาๆ ข้างๆ หู บอกผมว่า
“ดูดเลียมันหน่อยสิครับ” เสียงพี่เซฟพร่าไปด้วยความปรารถนา มันเซ็กซี่เป็นบ้าเลยครับ ผมเองก็เหมือนโดนมนตร์สะกด เผยอปากรับนิ้วแกร่งของพี่เซฟเข้ามาในปาก ก่อนจะค่อยๆ ดูดดุน ตวัดลิ้นลากเลียจนนิ้วชุ่มฉ่ำ พี่เซฟค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากปากผม ก่อนจะจับขาซ้ายของผมชันขึ้น และดันขาขวาให้กว้างออก หยิบหมอนมารองใต้สะโพกของผม ก่อนที่จะใช้นิ้วชุ่มไปด้วยน้ำจากปากของผมเองปาดป้าย ชอนไชเข้าไปตรงช่องทางคับเกร็ง
ปกติเราจะใช้ตัวช่วยหล่อลื่นตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เซฟใช้วิธีธรรมชาติแบบนี้ มันยิ่งทำให้ตื่นเต้น และเกร็งมากขึ้นกว่าเดิม ใจนึงก็กลัวเจ็บมาก แต่อีกใจก็รู้สึกอยากรับรู้ถึงความแปลกใหม่ที่พี่เขากำลังจะหยิบยื่นให้
เหมือนความฉ่ำจากน้ำลายของผมจะยังไม่พอ พี่เซฟจึงใช้ของตัวเองช่วยด้วยการลากลิ้นลงไปตรงทางของผม ผมสะดุ้งสุดตัว แต่พี่เซฟยึดขาผมไว้
“พะ พี่เซฟ มะ มัน สกปรก อ๊ะ...อ้า พะ พอ แล้ว อืมม อ๊ะ!!!” พี่เซฟไม่ได้สนใจเสียงผมนัก ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่นาน ลิ้นที่ตวัดเลียอยู่ก็หยุดหน้าที่ของตัวเอง ถอยทัพให้กับนิ้วแข็งที่ขยับเข้ามาอย่างเร็ว และผมไม่ทันตั้งตัว จนต้องเผลอครางยาวด้วยความเสียว และเจ็บแปลบๆ
“อ้า!!!!!!!!!”
“อย่าเกร็งสิครับ ไม่ต้องกลัวนะ...สงสัยเราจะไม่ได้มีอะไรกันนานเกินไปแล้วนะเนี่ย เลิฟของพี่เลยจำสัมผัสจากพี่ไม่ได้ ผ่อนคลายครับที่รัก” พี่เซฟหยุดขยับมือ เลื่อนตัวขึ้นมาจูบปลอบให้ผมผ่อนคลาย จูบของพี่เซฟมีมนตร์ขลังจริงๆ ครับ เพียงแผ่วเบาก็ทำให้ผมคลายลงได้จริงๆ
เมื่อเห็นผมเลิกเกร็งแล้ว นิ้วพี่เซฟก็ทำหน้าที่ต่อ จากหนึ่งเป็นสอง ลมหายใจผมเริ่มถี่รัว ไม่นานพี่เซฟก็เปลี่ยนจากนิ้วเป็นสิ่งที่ประกาศความเป็นเจ้าของผมอีกครั้ง คราวนี้ผมสะดุ้งไม่มากนัก เพราะมีริมฝีปากอุ่นคอยประโลมอยู่ไม่ห่าง
สัมผัสจากพี่เซฟยังคงเหมือนเดิม แสดงความเป็นเจ้าของ และความรัก ความหวงแหน จาบจ้วง แต่อ่อนหวาน ผ่อนหนัก แต่ลึกล้ำ ทุกจังหวะของหัวใจของเราทั้งคู่ เหมือนจะเต้นพร้อมกัน จากดนตรีสมูทแจ๊สที่อ่อนหวาน ปรับเปลี่ยนเป็นฮาร์ดร็อคที่หนักหน่วง ก่อนที่เราทั้งคู่จะจับจูงกันเต้นรำไปตามทำนองของเพลงบัลลาดที่หวานล้ำ พร่างพราว ท่ามกลางเสียงกระซิบพร่ำบอกรักซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เราต่างพากันไปทำความสะอาด และก็เผลอเต้นรำเข้าจังหวะกันอีกครั้งในห้องน้ำ เสร็จแล้วก็ออกมานอนกอดกัน...อย่างที่ผมเคยบอก ว่าผมชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด เวลาที่เราได้นอนกอดกัน เวลาที่เราอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เรารัก...ผมนอนตะแคงข้างโดยมีพี่เซฟโอบซ้อนผมจากด้านหลัง ผมหนุนนอนบนแขนซ้ายของพี่เขา โดยที่เอวผมถูกครอบครองโดยแขนขวาของพี่เซฟที่กอดรัดผมหลวมๆ
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้...รู้แต่ว่าคืนนี้ เป็นคืนที่ผมนอนหลับอย่างมีความสุขมากที่สุดในรอบสี่วันที่ผ่านมา ถ้า...ไม่มีเสียงนี้
กรี๊ง กรี๊ง กรี๊ง กรี๊งงงงงง
เสียงโทรศัพท์ของพี่เซฟดังอยู่ไม่นาน เจ้าของโทรศัพท์ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาควานมือไปหยิบ...พอเห็นชื่อบนหน้าจอก็เบิกตากว้างก่อนจะรีบกดรับโทรศัพท์ เสียงที่แว่วดังมาจากอีกปลายสาย ทำให้ผมรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้หญิง พี่เซฟรีบเดินออกไปคุยที่นอกระเบียง...พี่เค้าคงกลัวว่าผมจะตื่น หรือเพราะเค้ากลัวว่าผมจะได้ยินบทสนทนาของเค้ากันแน่
พี่เซฟคงไม่รู้ว่าผมน่ะ ตื่นมาตั้งแต่โทรศัพท์ดังกรี๊งแรกแล้วด้วยซ้ำ และผมก็แกล้งพลิกตัวขึ้นมาแอบดูการกระทำของพี่เค้า...ไม่นานนัก พี่เซฟก็เลื่อนประตูกระจกจากระเบียงเดินเข้ามาในห้อง...ผมแสร้งทำเป็นพึ่งตื่น ค่อยๆ ลืมตา และเรียกหาพี่เซฟ
“พี่เซฟ อืมม...ไปไหนมาครับ” พี่เซฟตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นผมตื่น
“เอ่อ...ไปรับโทรศัพท์มาครับ พี่กลัวเลิฟจะตื่นน่ะ เลยออกไปรับข้างนอกแต่ก็ตื่นจนได้เลย...นอนต่อนะครับ พึ่งจะตีสองเอง” พี่เซฟเดินมารั้งตัวผมให้นอนลงที่เดิม ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆ แล้วลูบหัวผมเบาๆ
“เลิฟครับ เดี๋ยวคืนนี้พี่ต้องกลับก่อนนะ เผอิญเพื่อนพี่ไม่สบายมาก พี่ต้องพาเค้าไปหาหมอ” เป็นประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุดในโลกแล้วครับ ความน้อยใจ ผสมกับความหวาดระแวง ยิ่งทำให้ผมร้อนรน ใจก็อยากจะออกปากห้ามไม่ให้ไป แต่อีกใจก็ไม่อยากให้พี่เซฟคิดว่าผมเอาแต่ใจตัวเอง
“เพื่อนที่มาจากอเมริกาน่ะเหรอ” ผมถามเสียงเบา ไม่กล้าสบตาพี่เซฟ กลัวน้ำตาตัวเองจะไหลครับ
“อืม...ครับ เค้ามาคนเดียว ไม่มีใคร ไม่มีญาติที่นี่ เค้าป่วยจริงๆ พี่คงต้องไปช่วยเค้า...เลิฟเข้าใจพี่ใช่ไหมครับ ไม่งอนพี่นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับตอนเช้าดีไหม หืม” พี่เซฟก้มลงหอมแก้มผมเบาๆ คำพูดของพี่เค้า ไม่ได้เสนอทางเลือกให้ผมนี่ครับ มันเป็นประโยคบอกเล่า ที่ผลของมันคือ เค้าต้องไป แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะหลับตาลง เพราะตอนนี้ตาผมพร่ามัว หลับตาก่อนที่น้ำตาจะเอ่อออกมาให้พี่เซฟไม่สบายใจหนักกว่าเดิม คิดซะว่าถ้าเป็นเพื่อนเรา เราก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน...
เพียงแต่ตอนนี้...
ผมน้อยใจเหลือเกินครับ...
ผมเหมือนคนที่ต้องคอย แล้วก็รับรู้ข่าวสารจากทางเดียว วันๆ ก็ได้แต่รอ คิดถึงคนที่รัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ได้แต่น้อยใจ แล้วก็อึดอัดใจอยู่คนเดียว จะไปตีโพยตีพายก็ไม่ได้ ถ้าหากเค้าเป็นเพื่อนกันจริงๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย ผมเองจะกลายเป็นคนที่งี่เง่าที่สุดไปโดยปริยาย
ผมสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นบนหน้าผาก พี่เซฟจูบลาผมก่อนออกไป...
จากคืนแสนสุขที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และความหอมหวาน...
กลายเป็นคืนเหงา ที่ผมต้องนอนร้องไห้เดียวดาย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมร้องไห้ ให้กับอะไร เพราะเรื่องมันก็ยังไม่มีอะไร แค่ภาวะความอ่อนแอ อัดอั้น อึดอัด และน้อยใจ แค่นี้ก็ผลักดันให้น้ำตาของผม ไหลไม่หยุด เป็นการร้องไห้เงียบๆ แบบเหงาๆ อยู่คนเดียว ไม่มีเสียงสะอื้น มีแค่ตัวเองกับน้ำตา...
เมื่อไหร่จะเช้าซักที...ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยจริงๆ++++++++++++++++++++++++
หายค้างกันรึยังน้า !!!!