มาแล้วค่าทุกคน
Mercy กลับมาแล้ว กลับมาพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า...
เฮ้อออออ...งานยังไม่เสร็จดีหรอกค่ะ แต่ก็พอเบาบางลงบ้างแล้ว
ได้กลับบ้านแล้ว...เลยรีบมาอัพให้ค่า
ขอบคุณทุกๆ เม้นท์ที่มาให้กำลังใจจริงๆ นะคะ...
มันมีค่าจริงๆ ค่ะ...อ่านแล้วดีใจ มีแรง แล้วก็อยากรีบมาอัพให้ไวๆ เลยค่ะ...
ดีใจที่ได้รู้จักกับทุกๆ คนนะคะ...อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ อย่าพึ่งทิ้งกันไปไหนนะคะ
ช่วงนี้อาจจะช้านิดช้าหน่อย แต่ไม่ลืม แน่ๆ ค่ะ
ปล.ส่วนเรื่องคุณ T&N เดี๋ยวว่างๆ จะมาเม้าท์ต่อนะคะ...
กอดทุกคนเลยค่ะ...
++++++++++++++++++++++++++++ตอนที่ 39 แค่เพื่อน?
ช่วงนี้มีหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตผมจังเลยครับ ทั้งเรื่องดี เรื่องที่ทำให้คิดมาก และเรื่องที่ทำให้เหนื่อยใจ...
เรื่องน้องบิวตี้...เป็นหนึ่งเรื่องที่ทำให้ผมต้องเหนื่อยใจครับ เมื่อวานนี้น้องบิวตี้เธอเกิดอาการ ‘ของขึ้น’ ฮะ กรี๊ดลั่นงานเลยครับ ผมไม่คิดว่าอาการน้องเค้าจะกำเริบหนักขนาดนี้ และก็ไม่คิดว่าจะมากำเริบกันต่อหน้าต่อตาแบบนี้
ทุกคนก็คงจะอึ้งไปตามๆ กัน ผมเองอึ้งหนักเลยฮะ แต่ผมยืนอยู่ใกล้น้องเค้ามากที่สุด สัญชาตญาณเลยพาไป โผเข้าไปตะครุบตัวน้องบิวตี้เธอไว้ได้ทันก่อนหัวจะกระแทกพื้น ไม่งั้นสมองเธออาจจะได้รับการกระทบกระเทือน แล้วคราวนี้ผมว่าจะของขึ้นหนักกว่าเดิมนะครับ
หลังจากที่เธอของขึ้น กรี๊ดๆๆๆ จนหมดสติไปแล้ว ผมก็พาเธอมาที่โรงพยาบาล...พามาหาอาหมอที่เป็นแพทย์ประจำตระกูลผม แล้วผมก็ให้อาหมอโทรคุยกับน้าพรแม่ของน้องบิวตี้เธอ เพราะจะได้รู้แบล็คกราวน์ของคนไข้...ไม่นานนักหม่าม๊ากับป๊าก็ตามมาครับ
“น้องเป็นไงบ้างลูก” หม่าม๊าทำหน้าตาตกใจได้อีก คงกลัวว่าผมจะไปฆ่าลูกสาวคนอื่นเขา...เกือบไปแล้วล่ะม๊า ถ้าน้องมันไม่สลบไปก่อน เลิฟจะของขึ้นบ้างและ
“ก็...ไม่รู้เหมือนกันฮะ อาหมอให้ยาระงับประสาทไปแล้ว เห็นคุยอะไรกับน้าพรอยู่นานเลย”
“เดี๋ยวม๊าออกไปแจ้งเขาให้เอาพยาบาลพิเศษมาเฝ้าก่อนนะ นี่ม๊าเอาแป้งมาด้วยจะได้มีคนของเราอยู่บ้าง ยังไงซะยัยหนูนี่ก็เป็นลูกสาวเพื่อนม๊า ไม่ใช่คนอื่นคนไกล” พี่แป้งเป็นคนงานในบ้านผมครับ
“ม๊า เลิฟแจ้งทางโรงพยาบาลไปแล้วฮะเรื่องพยาบาลพิเศษ เดี๋ยวเค้าก็คงมา งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว เลิฟกลับแล้วนะม๊า เลิฟเหนื่อย พรุ่งนี้เลิฟมีเรียนเช้าด้วยครับ....ไปนะฮะม๊า ป๊า แล้วเจอกันที่บ้าน” เดินเข้าไปกอดป๊า แล้วก็หอมแก้มม๊าเรียกพลังใจหน่อยครับ เหนื่อยเหลือเกิน พี่เซฟก็ไหว้ลาป๊ากับม๊า แล้วเดินตามผมออกมาครับ
อย่าหาว่าผมใจไม้ไส้ระกำเลยนะฮะที่ดูไม่แคร์ ไม่สนใจน้องบิวตี้ ผมเหนื่อยและเบลอๆ จริงๆ ครับ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้สมองก็คิดแต่เรื่องที่พี่เซฟบอกว่าจะไปบอกเรื่องของเรากับพ่อแม่พี่เค้า...ยอมรับว่ากลัวและกังวลมากครับ
“เป็นอะไรครับ...เหนื่อยเหรอ” พี่เซฟเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ ครับ ตอนนี้กำลังขับรถกลับบ้านผมกัน
“อืม...เหนื่อยจัง” ได้ทีก็อ้อนซะเลย ขอยืมไหล่ซบหน่อยนะฮะพี่เซฟ
“ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะครับ เดี๋ยวไปถึงบ้านก็รีบอาบน้ำและนอนซะนะ เรื่องน้องบิวตี้พี่ว่าจบแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าพรมาเลิฟก็จะได้เคลียร์กับน้าเขาไง น้องบิวตี้เองก็ถึงเวลาที่จะต้องอยู่ในโลกแห่งความจริงแล้ว...เลิกเครียดได้แล้ว” พี่เซฟชอบลูบแก้มผมครับ มือพี่เซฟถึงจะไม่นิ่ม ติดจะสากๆ ด้วยซ้ำ แต่พอมาลูบๆ แก้มผมเบาๆ พอให้เพลิน มันรู้สึกดีจังเลยฮะ ไม่รู้อุปทานรึเปล่า แต่รู้สึกว่าเริ่มจะหายเหนื่อยบ้างแล้ว
“พี่เซฟ เลิฟกังวลเรื่องพ่อแม่พี่” ในที่สุดก็ต้องระบายเรื่องที่อึดอัดใจให้พี่เซฟฟังครับ
“สรุปว่าที่นั่งเครียดอยู่เนี่ย เรื่องนี้เองเหรอ...ไหนมากอดทีดิ๊ จะได้หายเครียด” เอาอีกและ ชอบทำไรประเจิดประเจ้อตอนรถติดไฟแดงอยู่เรื่อย...ผมเองจะทำไงได้...ก็หันไปอ้าแขนออกให้พี่เซฟกอดได้ถนัดๆ น่ะดิ หุหุ...
“เลิฟรักพี่เซฟนะ”
“คร๊าบบบบบ...พี่ก็รักเลิฟที่สุดแล้วครับ...วันนี้ขี้อ้อนจังนะเรา” อ๊าว!!! ก็คนเค้ามีแฟนไว้ให้อ้อนอ่ะ ก็ใช้สิทธิให้คุ้มดิครับ
“เลิฟครับ...คืนนี้พี่ไปส่งเลิฟเสร็จแล้ว พี่จะกลับบ้านนะครับ...พี่จะไปคุยกับพ่อแม่พี่เรื่องของเรา” หาาาาาาาาาาาาาาาา!!! รีบไปไหมอ่ะ
“ซักอาทิตย์หน้าไม่ได้เหรอ ขอเลิฟทำใจหน่อยนะ”
“พรุ่งนี้พ่อกับแม่พี่เค้าต้องไปสัมมนาวิชาการที่ต่างประเทศ ไปเดือนนึงเลยครับ พี่ว่า พี่อยากจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบไปเลยดีกว่า ต่อไปเราสองคนก็จะได้ทำอะไรได้อย่างเปิดเผย และสบายใจนะครับ” แค่นี้เราก็โคตรจะเปิดเผยแล้วนะครับ เหลือแค่พ่อแม่พี่เองครับ เลิฟรอได้
“รอท่านกลับมาก่อนก็ได้นี่ครับ”
“ให้พี่ไปเกริ่นไว้ก่อนเถอะนะ” บทจะใจร้อนก็ร้อนไปไหมครับแฟนผมเนี่ย
“อืม...ก็ได้ครับ...งั้น ถ้าคืนนี้คุยกับพ่อแม่เสร็จแล้ว โทรหาเลิฟด้วยนะ” ตอนนี้พี่เซฟมาส่งถึงบ้านแล้วครับ หอมแก้มผมไปหลายฟอดกอดกันไปมาอยู่หลายนาที เรียกพลังและกำลังใจครับ ก่อนที่พี่เซฟจะออกไปสู้ศึกหนักคนเดียว
จริงๆ ผมบอกพี่เซฟว่าให้ผมไปด้วยไหม ไปพร้อมกันน่าจะดีกว่า แต่พี่เซฟบอกว่าเอาแบบค่อยเป็นค่อยไปก่อน ให้พี่เค้าไปเจรจาเป็นด่านหน้าก่อนดีกว่า แล้วทิ้งช่วงให้พ่อกับแม่ไปสัมมนา หนึ่งเดือนท่านอาจจะคิดหรือทำใจยอมรับได้บ้าง...เสร็จแล้วค่อยพาผมไปแกรนด์โอเพนนิ่งอีกทีนึง...
ตีหนึ่งกว่าแล้วครับ...ผมยังนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาเล่นกีตาร์ก็แล้ว เล่นเนทก็แล้ว ไปก่อกวน Wall Facebook ของชาวบ้านเค้าก็แล้ว...พี่เซฟก็ยังไม่โทรกลับมาเลยครับ ไม่รู้จะทำไงดีโพสต์ Wall ตัวเองเล่นๆ
‘มั่นใจคนไทยเกินล้านที่รอโทรศัพท์แฟน ไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรอ’ มีประมาณ 40 คนเข้ามา Like ให้ บางคนมาโพสต์บอกว่า อยากจะกด Like ให้สักยี่สิบที...อืมพอเถอะครับ เก็บไว้ Like อย่างอื่นบ้าง...สรุปว่า เป็นสภาวะปกติของคนรอโทรศัพท์แฟนใช่ไหมเนี่ยทุกคนถึงได้เข้ามา agree ร่วมกันซะขนาดนี้
ผมเองก็ไม่กล้าโทรไป กลัวว่ายังคงคุยเครียดกันอยู่ แต่จะให้กระสับกระส่ายรอแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน...เอาวะส่ง sms ไปก่อนดีกว่า
‘ปลอดภัยดีไหม...สถานการณ์ฉุกเฉินรึเปล่า โทรกลับมาด้วยนะเลิฟรออยู่’ ข้อความศอฉ.ได้อีกผม
นั่งรออีกสักสิบนาทีกว่าๆ เห็นจะได้ พี่เซฟก็โทรกลับมาครับ
“ที่รัก พี่ขอโทษทีนะไม่ได้โทรกลับ...”
“ไม่เป็นไรฮะ สรุปว่าไงบ้าง เข้าเรื่องเลยๆ ลุ้นจนนอนไม่หลับแล้วเนี่ย”
“อืม...ก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ครับ พ่อพี่เหมือนจะเข้าใจ แต่แม่เงียบไปเลย พูดออกมาคำเดียวว่า กลับมาแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว แค่นั้นแหละ แล้วแม่ก็เดินเข้าห้องไปเลย ส่วนพ่อพี่เข้ามาบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ให้พี่ใจเย็นๆ แล้วค่อยมาคุยกันด้วยเหตุผลอีกที...ก็ยังดีที่แม่ไม่ได้ห้ามหรือว่าอะไรมากกว่านี้นะครับ”
“แล้วพี่ไปพูดยังไงฮะ”
“ก็พูดไปตรงๆ บอกเค้าไปว่า...เซฟมีแฟนแล้วนะครับ แต่แฟนเซฟเป็นผู้ชายนะฮะ เซฟรักเค้า เซฟไม่ได้เป็นเกย์นะแม่ แต่คนที่เซฟรักเป็นผู้ชาย ถ้านั่นมันเรียกว่าเกย์ เซฟก็คงเป็น...แล้วพี่ก็กำลังจะอ้าปากอธิบายต่อแต่แม่ก็ชิงพูดก่อนว่า กลับมาแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันยาว แล้วก็เดินหนีเข้าห้องไป” อือหือ บทจะตรงก็ตรงไปไหมครับแฟนผมเนี่ย ถ้าผมเป็นแม่พี่เซฟคงช็อคสลบเลียนแบบน้องบิวตี้ไปเลยแน่ๆ อยู่ดีๆ ลูกชายสุดแมน สุดที่รัก ก็มาบอกว่า รักผู้ชาย
“ตรงเกินอ่ะ...น่าจะอ้อมๆ ถามๆ ไปก่อนว่า แม่คิดยังไงกับเรื่องชายรักชาย ลูกศิษย์แม่มีเป็นเกย์ไหม แม่รู้สึกยังไง อะไรแบบนี้ ถือว่าทำรีเสิร์ทก่อนไง แล้วค่อยเอาข้อมูลมาประมวลผล แล้วเราจะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกที่ถูกทาง พี่เซฟอะ ดีนะคุณแม่ไม่เป็นลมไปซะก่อน”
“อือหือ...นี่สรุปว่าพี่มีแฟนเรียนดนตรี หรือว่าเรียนบริหารกันเนี่ย วิเคราะห์มาซะอย่างกับจะเปิดตัวสินค้าใหม่งั้นแหละ พี่แค่จะเปิดตัวสะใภ้เองนะ” บ้า...!!! >///<
“ทำไม...หรืออยากได้แฟนเป็นเด็กบริหารล่ะ น้องบูมไง กิ๊กเก่าพี่อะน่ารัก จ๊ะจ๋าจะตายไป” ประชดแก้เขินไปงั้นแหละผม
“ไม่เอาอ่ะ หัวใจพี่น่ะมีแต่ดนตรีเท่านั้นนะครับ เด็กคณะไหนจะมาสู่ดนตรีได้ น่ารักที่สุดแล้ว เสียงก็เพราะ เล่นกีตาร์ก็เท่ เตะบอลก็เก่ง โก๊ะๆ เงอะๆ ง๊ะๆ ก็ที่หนึ่ง แบบนี้จะไปหาจากไหนได้อีกล่ะเนี่ย” ทำมาเป็นประจบ แต่ไอ้โก๊ะๆ เงอะๆ ง๊ะๆ นี่สาบานได้ไหมว่าเป็นคำชื่นชม
“พี่เซฟไม่กังวลเหรอ ที่คุณแม่พี่เงียบๆ แบบนี้อ่ะ เลิฟยังอดกังวลไม่ได้เลย” เสียงพี่เซฟยังคงร่าเริงเหมือนเดิมนะครับ ดูไม่ค่อยจะกังวลอะไรเลย
“อืม ก็กังวลนิดหน่อยนะ แต่ว่า ยังไงดีล่ะ...พี่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะคุยอะไรบ้าง พี่ก็ไม่อยากตีตนไปก่อน เพราะแม่พี่เป็นประเภทรับฟังเหตุผลพอสมควร แล้วพี่ก็คิดว่าพี่รู้จักนิสัยแม่พี่ดีในระดับหนึ่ง พี่ก็เลยเก็บไว้เครียดทีเดียวดีกว่า” แล้วปล่อยให้แฟนตัวเองเครียดต่อไป ดีจริงๆ เลย!!!
ทุกคนก็รู้ใช่ไหมฮะ ว่าผมเนี่ย เป็นมือวางอันดับหนึ่งในเรื่องคิดมาก คิดเอง คิดไปก่อน ชอบเพ้อเจ้อไปเองคนเดียว ก็ทำไงได้ล่ะ ก็มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ครับ จะมาบอกว่าให้เลิกคิด ทำใจให้สบาย...มันก็พอจะทำได้อยู่หรอก แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้เหมือนกัน เฮ้ออออ!!! คิดบวกไว้ไอ้เลิฟ ไม่งั้นได้ไปนอนกินยาระงับประสาทเป็นเพื่อนน้องบิวตี้แน่นอน
“แล้วพรุ่งนี้จะมาค้างไหมฮะ” วันนี้กะจะมาสวีทหวานกันซะหน่อย เกิดเรื่องขึ้นจนได้ คืนนี้เลยไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย...อ๊ะๆ !!! ผมหมายถึงได้กินข้าวด้วยกัน นอนคุยกัน กอดกัน จับมือกันต่างหาก คิดกันไปถึงไหนครับเนี่ย
“พรุ่งนี้พี่คงไม่ได้ไปค้างนะครับ...คือ เออ พี่ต้องไปรับเพื่อนที่สนามบินตอนตีสองน่ะ กว่าจะพาเขาไปส่งที่พักอีกอะไรอีกก็คงตีสามตีสี่ แล้วไม่ได้เจอกันนานด้วย อาจจะนั่งคุยกันยาวครับ...แต่เดี๋ยวพี่รับเรากลับมาส่งที่บ้านได้ครับ” อ๋อ เพื่อนมานี่เอง สงสัยจะเป็นเพื่อนสมัยตอนที่ไปเวิร์คแอนด์ทราเวลด้วยกัน
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิฟขับรถไปเองดีกว่า พี่เซฟจะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ ไง เดี๋ยวเจ้า Z4 ของเลิฟมันงอนเอา ไม่ได้เอามาขับนานและครับ ไม่รู้ว่าจะเกเรรึเปล่า...พี่เซฟก็ไปรับเพื่อนเถอะ ไม่เป็นไร แต่ว่าขับรถดึกๆ โทรมาหาเลิฟด้วยนะ จะได้คุยเป็นเพื่อนจะได้ไม่งีบหลับนะ” พรุ่งนี้ขอขับรถเฉี่ยวไปอวดสาวซะหน่อย โหะๆ
“ตามนั้นก็ได้ครับ...เดี๋ยวจะโทรมารายงานตัวเป็นระยะๆ นะไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
“ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
“อะไรเหรอที่อยากให้โตเร็วๆ น่ะ ตอนนี้ก็เริ่มโตนิดๆ แล้วนะ วันนี้ไม่มีคนช่วยเร่งให้โตด้วยสิ ทำไงดีน้า” อ๊ากกกกก อะไรๆ เอาให้เคลียร์ๆ เค้าหมายถึงตัวเว้ย คิดไปไหนเนี่ย
“พี่เซฟ!!!! ทะลึ่ง!!! ไม่คุยด้วยแล้ว ไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้าด้วย ไปนะครับ ฝันดีนะ รักพี่เซฟนะคร๊าบบบบ”
“โถ่...นึกว่าจะได้ลองอะไรใหม่ๆ ผ่านทางระบบสื่อสารซะหน่อย...หึหึ ก็ได้ครับ ฝันดีนะ ฝันถึงพี่ด้วยนะ รักเลิฟเหมือนกันครับ จุ๊บ” แหม!! เดี๋ยวนี้มีการจุ๊บๆ ส่งจูบนะ แล้วจะมาชวนลองอะไรก็ไม่รู้ ของงี้มันจะไปสู้ตัวๆ ได้ไงจริงไหมฮะ เอ๊ย!!! นี่ผมคิดอะไรออกไปเนี่ย พอๆๆๆ ยุบหนอ ยุบหนอ ห้ามพองนะเว้ย พ่อแกไม่อยู่ช่วยนะเว้ย ยุบซะๆ เมื่อยมือเปล่าๆ ไว้รอพ่อแกมาช่วยแล้วกัน...
วันรุ่งขึ้น...ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่าย ผมก็ไปเยี่ยมน้องบิวตี้ที่โรงพยาบาล ม๊าบอกว่า น้าพรมาถึงแล้ว บินมาตั้งแต่เมื่อคืนเก้าชั่วโมง มาถึงก็ไม่ยอมพักผ่อนรีบมาดูลูกสาวเลย...นี่แหละครับ หัวใจของคนเป็นแม่
ผมได้คุยกับน้าพรจริงๆ จังๆ แล้วครับ ผมบอกน้าพรเธอไปแล้วว่าผมมีคนรักอยู่แล้ว และคนรักของผมก็เป็นผู้ชาย...น้าพรทำหน้าตกใจเล็กน้อยครับ แต่ก็ยิ้มให้อย่างเข้าใจ
“น้าขอโทษนะ ที่ทำให้เลิฟเดือดร้อน ฉันขอโทษเธอเหมือนกันนะที่ทำให้ครอบครัวเธอต้องมาเหนื่อยเพราะฉัน ขอบใจมากที่ดูแลยัยบิวตี้ให้” ผมยิ้มรับคำขอโทษจากน้าพร แววตาน้าเขาหม่นลง ก่อนที่น้าจะเข้าไปจับมือม๊าผม
“ไม่เป็นไรหรอกพร เธอก็ยังคงเป็นเพื่อนรักฉันเหมือนเดิม บิวตี้ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน...แต่ฉันแนะนำในฐานะเพื่อนเลยนะ ฉันว่าเธอควรจะรักษาบิวตี้อย่างต่อเนื่อง หมอเปรมบอกฉันว่าถ้าได้รับการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางยา และก็ทางจิตใจ ยัยบิวก็จะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ดี ไม่มีอาการกำเริบ...” ผมเห็นด้วยกับม๊าครับ
“อืม ก็คงจะเป็นอย่างนั้นนะ ฉันทนเห็นลูกตัวเองทรมานไม่ไหวแล้ว หน้าตาทางสังคม มันไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุข เดี๋ยวฉันคงจะต้องย้ายบิวตี้กลับไปรักษาที่นู่นแหละ จะได้ดูแลกันใกล้ชิด ส่วนพ่อเค้าจะว่ายังไง ฉันก็ไม่สนแล้วฉันห่วงลูกมากกว่า ตามใจเค้ามาเยอะแล้ว...เลิฟจ๊ะ พรุ่งนี้ช่วยพาน้าไปทำเรื่องลาออกที่มหาวิทยาลัยหน่อยนะลูก” ผมว่าน้าพรน่าจะคิดได้นานแล้วนะครับ พ่อแม่รังแกฉันจริงๆ
“ได้ครับ เดี๋ยวเลิฟจัดการให้ฮะ”
เอวัง...จบครับ บทจะจบ มันก็จบซะอย่างนั้น แต่มันก็จบแบบเกือบแลกมาด้วยชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง ถึงผมจะไม่พอใจในพฤติกรรมของน้องบิวตี้หลายๆ อย่าง แต่อย่างน้อยในฐานะคนรู้จักกัน พี่ชาย เพื่อนร่วมโลก ผมก็ต้องยอมรับว่า สงสารและก็เป็นห่วงน้องบิวตี้เธอเหมือนกันครับ มีเงินมีทอง มีหน้ามีตา แต่สุขภาพร่างกายไม่ได้เอื้ออำนวยให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่มีคนรักและเข้าใจ พ่อแม่ที่คิดว่าควรจะเข้าใจเรามากที่สุด ก็ไม่ได้เข้าใจเราอย่างแท้จริง...เฮ้อออ ดีใจจังครับที่ตัวเองมีคนที่รักและเข้าใจ
V
V
V
V
V
V
V
ผลจากฟุตบอลโลก...ทำให้ผมต้องลงมาค้าแข้งอย่างทนไม่ไหวกับเพื่อนๆ ที่คณะและต่างคณะ...ช่วงนี้เตะบอลมาสามวันติดแล้วฮะ...ไม่รู้จะทำอะไรดี แฟนไม่อยู่ ไปกับเพื่อน พึ่งจะรู้ว่าพอเราไม่ได้มีกิจกรรมทำร่วมกับแฟน (ผมหมายถึงกิน เที่ยว ดูหนัง คุยกันนะ ห้ามคิดลึก) มันจะทำให้เรามีเวลาว่างขนาดนี้...แต่ก็คิดถึงนะ แล้วก็แอบงอนนิดๆ ด้วย ไปเจอเพื่อน ก็น่าจะแวะมากินข้าวกลางวันด้วยกันบ้าง แล้วเย็นค่อยไปหาก็ได้ นี่หายไปเลยสามวัน ยังดีที่ยังโทรมารายงานตัวบ้าง ว่าไปไหน อยู่ที่ไหน ทำอะไร ถึงบ้านแล้ว ฯลฯ
นี่ผมก็ยังไม่รู้เลยนะครับ ว่าเพื่อนพี่เค้าเป็นใคร ผู้หญิงผู้ชาย หน้าตาแบบไหน ชื่ออะไรก็ไม่รู้ จริงๆ แอบหวังลึกๆ ว่าพี่เค้าจะพาผมไปแนะนำให้รู้จัก แต่ก็ไม่เห็นเค้าจะพูดอะไร ผมก็เลยต้องเฉยๆ ก้มหน้าเตะบอลต่อไป...กะว่าปีหน้าจะไปคัดตัวเป็นทีมชาติและฮะ พี่เซฟเองก็เป็นนักฟุตบอลของคณะ แต่ผมไม่ค่อยเห็นพี่แกจะซ้อมเลย ถ้าได้มาดวลแข้งกันจริงๆ ผมว่าผมพริ้วกว่าแน่นอน
“แฮกๆๆ เหนื่อยโคตร พอแล้วๆ แฮกๆๆ” เตะมาชั่วโมงกว่าแล้วครับ ไม่ไหวเหนื่อยเกิ๊นนนน ว่าจะถอดเสื้อ แต่ก็ชะงักมือไว้ได้ แฟนหวงฮะ ห้ามถอดเสื้อต่อหน้าประชาชน
“อ้าว เหงื่อซกขนาดนี้ไม่ถอดเสื้อวะเลิฟ” ไอ้กิต เพื่อนต่างคณะอนาคตคุณหมอ บอกพร้อมกับถอดเสื้อตัวเองออกด้วย
“ไม่ได้หรอก ไอ้เลิฟน่ะพ่อมันหวง เค้าห้ามไว้” เสียงไอ้น๊อตครับ เห่าได้ถูกที่ถูกเวลามาก
“หือ พ่อไม่ให้ถอดเสื้อจริงๆ เหรอ” ไอ้นี่ก็พาซื่อ เอ็งเป็นหมอไม่ควรจะซื่อจนบื้อนะครับไอ้คุณหมอกิต
“ฮ่าๆๆๆ มึงก็ซื่อนะ ไม่ใช่พ่อหรอก ผะ อุ๊บ!! เอ๊ย ไอ้ อืม อ่อย อู อ่อน” ไอ้เชี้ยยยยย ถึงกูจะเปิดเผยตัวว่าเป็นอะไรกัน แต่มึงก็บอกว่าเป็นแฟนก็พอไอ้ห่านี่จะพูดอะไรครับ ไอ้เชี้ยน๊อต ผมต้องรีบตะครุบหมาในปากมันก่อนที่จะโผล่หัวออกมาครับ
“ไอ้เชี้ยน๊อตปากดีนะมึง...แฟนกูเองแหละกิต เค้าแค่หวงน่ะ ไม่มีไรหรอก” อืมอยากรู้กันนักบอกไปซะจะได้จบๆ
“อ๋อออออ!!! งั้นที่เค้าลือกันว่า แฟนเลิฟ สุดหล่อของคณะดุริฯ เป็นรุ่นพี่คณะวิศวะก็จริงน่ะดิ” แหมไหนๆ จะลือกันแล้ว ทำไมมันไม่รู้ชื่อกันไปเลยวะ ว่าเป็นใคร
“อืม ถูก...เค้าชื่อพี่เซฟ วิศวะโยธาปีสี่” เอาเลยคราวนี้จะได้ลือกันถูกคน
“อ๋อ รู้จักๆ พี่เซฟคนดัง เก่งนะเว้ยคนนี้ เคยสอนพิเศษโรงเรียนติวที่เดียวกับพี่เค้า...แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ วันก่อนกูเจอพี่เซฟที่สยามกับผู้หญิงคนนึง พี่สาวเค้าเปล่าวะ สวยโคตรหวะ แต่น่าจะแก่กว่านะ”
หืมมมมมมมมมม...พี่เซฟเป็นลูกคนเดียวนะ ไม่มีพี่สาว แล้วเท่าที่รู้มาญาติๆ ลูกพี่ลูกน้องก็เป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่ แล้วผู้หญิงโคตรสวยคนนั้นเป็นใคร...หรือจะเป็นเพื่อนที่พี่เค้าบอกว่ามาจากเมืองนอก
“อ้าว เงียบไปเลยเหรอมึง หึงเหรอวะ อาจจะเป็นเพื่อน เป็นญาติพี่น้องก็ได้” ไอ้น๊อตครับ มันคงเห็นผมเงียบไปนานเลยทำลายบรรยากาศ
“อ้าวไม่ใช่พี่สาวหรอกเหรอ” ไอ้นี่ก็ยังไม่จบ
“พี่เซฟเป็นลูกคนเดียว” อ่ะ มึงเข้าใจยังไอ้หมอ
“อ๋อ...หวังว่าจะไม่ใช่กิ๊กเค้านะ”
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยหมออออออ!!!!” เป็นเหี้ยที่มีเสียงคู่คีย์เดียวกันระหว่างผมกับไอ้น๊อตครับ อุทานด่าไอ้หมอปากหมามัน
“กูขอโต๊ดดดดดดด กูล้อเล่นคร๊าบบบบบ” ไอ้ห่า ล้อเล่นซะกูคิดเลยนะมึง
ว่าแล้วก็เดินเลี่ยงออกมาโทรหาซะหน่อยดีกว่า วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลยครับ....
รอสายอยู่นานจนสายตัดไป ผมเลยลองกดใหม่...
“ฮัลโหลค่ะ” หะ!!! เสียงผู้หญิง แต่คงไม่ใช่เสียงแม่พี่เค้า เพราะเสียงสาว
“เอ่อ...โทรศัพท์พี่เซฟรึเปล่าฮะ” ไปไม่เป็นและผม เข้าใจความมรู้สึกนางเอกเวลาที่โทรไปหาพระเอกแล้วมีผู้หญิงอื่นรับเลยครับ อารมณ์นั้นเลยจะละครไปไหนเนี่ย
“อ๋อ ใช่ค่ะ แฟนเซฟใช่ไหมคะเนี่ย รอแป๊บนะคะเซฟไปเข้าห้องน้ำค่ะ เค้าลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะน่ะ...เอางี้ไหมเดี๋ยวพี่ให้เค้าโทรกลับแล้วกันนะคะ หรือมีอะไรด่วนรึเปล่า ให้พี่ออกไปตามให้ไหม”
“เออะ เออ...มะ ไม่ต้องก็ได้ครับ เดี๋ยวเลิฟโทรมาใหม่ก็ได้ฮะ ขอบคุณครับ” แล้วผมก็รีบตัดสายไปอย่างงงๆ ปนตื่นๆ กูจะตื่นทำไม น้ำเสียงออกแนวเกรงใจอีกต่างหาก แล้วจะเกรงใจทำไมวะ นั่นมันโทรศัพท์แฟนเรานะเว้ย...แล้วสรุปว่าเธอเป็นใครผมยังไม่รู้เลย แถมยังรู้อีกว่าผมเป็นแฟนพี่เซฟ...
สงสัยว่าจะเป็นเพื่อนพี่เค้าที่มาจากเมืองนอก...
แต่...
หวังว่า จะเป็นแค่เพื่อนนะ...
อย่ามาดราม่าเลยครับช่วงนี้ แค่นี้ชีวิตผมก็ละค๊อน ละครแล้วครับ!!!
ขอพักหายใจซักหน่อยเถอะ...อย่างน้อยพี่เซฟก็บอกเค้าว่าผมเป็นแฟนพี่เซฟ ก็คงจะไม่มีอะไรน่าห่วง
เค้าว่าคนรักกัน ต้องไว้ใจและให้เกียรติซึ่งกันและกัน...
ผมก็จะไว้ใจพี่เซฟครับ...พี่ครับ อย่าทำให้เลิฟผิดหวังนะ เลิฟก็จะไม่ทำให้พี่เซฟผิดหวังเหมือนกันครับ...+++++++++++++++++++++
ไม่ค้างเนอะ