ในที่สุดก็ถึงฉากที่ชวนเสียวไส้ที่สุดแล้ว!!!!
ตอนที่4
สุดท้ายไม่ว่าจะเพราะเทคนิคการหว่านล้อมของคามินหรือเพราะใจของผมเองกันแน่พวกเราก็กำลังเปลือยกายอยู่ในห้องอาบน้ำแล้ว
“ก็ไม่แคบนะหมอ”คามินกล่าว “แต่ถ้าหนาวจะเบียดผมมาก็ได้นะ”
ห้องน้ำของผมแบ่งเป็นสองส่วน ฝั่งอาบน้ำนั้นเป็นฝักบัวกั้นด้วยกระจกใสคนสองคนสามารถยืนอาบพร้อมกันได้สบายๆ
“รีบๆอาบเถอะน่า”ผมกล่าวอย่างเขินอายหันหลังให้อีกฝ่ายที่ดูไม่มีปฎิกิริยากับการต้องถอดเสื้อผ้าพร้อมผมเลยสักนิด
“หมอนี่ขาวไปทั้งตัวเลยนะ”ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วของคามินไล่จากต้นคอตามแรวกระดูกสันหลังลงมาหยุดที่เนินสะโพกเหนือรอยแยกอันเป็นจุดล่อแหลม
“ละ เล่นอะไรน่ะ”ผมเบี่ยงตัวหนีคว้าสบู่เหลวมาบีบใส่ใยขัดตัวก่อนจะรีบถูตัวอย่างรวดเร็วเวลานี้ขอแค่ออกไปจากห้องน้ำนี้ก่อนก็พอ!
“ให้ผมช่วยถูหลังให้นะครับ”ใยขัดตัวถูกแย่งไปจากมือขณะที่ตัวผมถูกหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับแผ่นอกสีช็อกโกแลตส่วนมือคามินอ้อมไปถูหลังผมให้จึงเหมือนผมตกอยู่ในอ้อมกอดเขากลายๆ ผมหลับตาด้วยความอาย
“ผมไม่น่ามองขนาดนั้นเลยหรือไง ว้าเสียใจจัง”เสียงกระเซ้าทำให้ผมลืมตาขึ้นแต่ก่อนจะได้ตอบอะไรก็ต้องอุทานออกมาเสียก่อนเมื่อมือที่ถูหลังอยู่ดีๆของคามินก็อ้อมหว่างขาผมมาข้างหน้า
“อ๊ะ!”ผมรีบกลั้นเสียงครางเมื่อแก่นกายตกอยู่ในกำมือของคามิน สัมผัสสากแข็งเจ็บนิดๆของใยขัดตัวซึ่งสร้างความเสียวซ่านด้วยความตื่นเต้น
“ชอบไหม?”คามินกระซิบดึงมือผมไปยังแก่นกายของเขาขณะที่อีกมือเริ่มเคลื่อนไหวจนผมยากจะรู้ได้ว่าถามถึงสิ่งใดกันแน่
“คะ คามิน”ผมคราง มือข้างที่ยังว่างอยู่จิกลงบนแขนของร่างสูงด้วยความเสียวซ่าน
“ครับคุณหมอ?”เสียงทุ้มต่ำฟังดูแหบเครือ “อูย นั่นแหละหมอ อา...”
“คามิน ไม่เอา...ขอ...มือของนาย”แม้สัมผัสแปลกใหม่นั้นจะรู้สึกดีแต่ผมอยากสัมผัสโดยตรงมากกว่า คำขอของผมได้รับการตอบรับทันที ผมขยับหันยืนพิงกระจกเพื่อช่วยพยุงนั่นทำให้ขาข้างซ้ายต้องยกเกี่ยวกับแขนของคามินเพื่อจะได้สัมผัสได้อย่างถนัดถนี่
ความลื่นของสบู่ทำให้ต้องสัมผัสให้กระชับขึ้นพร้อมกับความเร็วในการขยับจนผมกับคามินครางจนก้องห้องน้ำ พอกลับมาคิดแล้วน่าอายมากดีที่ข้างๆบ้านหลังหนึ่งไม่มีคนอยู่ส่วนอีกหลังยังไม่กลับไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีหน้าไปเจอเพื่อนบ้านแน่
“คามิน คามิน”ผมร้องเมื่อมือที่เกาะกุมหายไป ขากลายเป็นอิสระหากไม่ช้าคามินก็รวบเราสองคนเข้าด้วยกันแล้วขยับด้วยความแรงจนถึงฝั่งฝัน
“ล้างตัวกันเถอะ”เขากล่าวหลังจากที่เริ่มหายหอบกัน ผมพยักหน้าอย่างเคลิ้มๆ สายน้ำอุ่นชะล้างทุกสิ่งให้หมดไปไม่มีใครคิดจะหยิบสบู่มาถูตัวอีกผมก้าวไปหยิบผ้าเช็ดตัวแต่ยังช้ากว่าคามินที่แย่งมาเช็ดใบหน้าผมให้ ผมเงยหน้ามองคามินแล้วยิ้ม-เขายิ้มตอบ
“ไปที่เตียงกันไหม?”เขาถาม ผมหน้าแดงซ่านพยักหน้าเป็นคำตอบฉับพลันก็เหมือนร่างถูกยกลอยขึ้นด้วยความตกใจผมอุทานเสียงดัง คามินไม่ได้อุ้มผมท่าเจ้าหญิงหากในท่าเหมือนอุ้มเด็ก
“ไม่เล่นนะคามิน! ผมหนักนะปล่อยเถอะ!”
“หนักที่ไหนกัน เบากว่ากระสอบข้าวสารที่ผมเคยยกเยอะน่า”ถึงจะตอบเช่นนั้นแต่ผมก็ดูออกว่าเขาต้องใช้ความพยายามในการอุ้มผมพอสมควร ถึงคามินจะเคยใช้แรงงานยังไงแต่ผมก็เป็นผู้ชายหนักร่วมหกสิบกิโลนะ
เมื่อห้ามไม่ได้ผมจึงได้แต่กอดคออีกฝ่ายไว้เพื่อไม่ให้หล่น โชคดีที่ระยะห่างจากห้องน้ำถึงเตียงนอนไม่ไกลกันนัก เมื่อแผ่นหลังเปียกชื้นสัมผัสกับผ้าคลุมเตียงคามินก็ถอยห่างออกมาแล้วอมยิ้มราวกับกำลังชมงานศิลปะอยู่ สายตาชื่นชมนี้ทำเอาผมต้องหลุบสายตาลงอย่างเขินอายแต่แฝงความดีใจที่ถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้
“คามิน...”การเรียกชื่อนี้เหมือนเป็นสัญญาณให้เริ่มต้น คามินย่างคุกเข่าลงบนเตียงขณะที่ผมเขยิบกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงพนัก-รอคอยด้วยความคาดหวังก่อนจะหลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าคร้ามแดดเคลื่อนเข้ามาใกล้
สัมผัสแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อไล้กลีบดอกไม้ชวนให้รู้สึกมากกว่าที่เป็นอยู่ หวานละมุนแม้เพียงแค่ริมฝีปากที่แตะกัน คามินแตะสัมผัสก่อนจะละออกทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะเพิ่มสัมผัสให้แนบแน่นขึ้น ผมปล่อยใจกายทำตามสัญชาติญานสิ้น
“หมอ...”คามินกระซิบเบาๆ ผมลืมตาขึ้นแย้มยิ้ม
“เรียกชื่อผมสิ”
“...ชา”ผมยิ้มกว้างขึ้น ให้รางวัลด้วยการจูบที่แฝงความปราถนา รสจูบของคามินแฝงความไร้เดียงสาอย่างที่เจ้าตัวเคยเอ่ยว่าผมเป็นคนแรกของเขา แม้กระนั้นกลับทำให้ผมรู้สึกดียิ่งกว่าจูบเชี่ยวชาญของคนก่อนๆเสียอีก
ผมเริ่มเรียกร้องรสสัมผัสแบบอื่นที่มากกว่าแค่ริมฝีปากแตะกัน มือสัมผัสเรือนผมตัดสั้นให้ความรู้สึกกระด้างแบบดิบเถื่อนขณะที่มือของคามินเริ่มเลื่อนสัมผัสบนตัวผมช้าๆ บางครั้งหยุดนิ่งก่อนจะขยับวนราวๆกับพิสูจน์อะไรบางอย่างให้แน่ใจ
“อ๊ะ!”ผมสะดุ้งเมื่อสองมือสากคว้าหมับเข้าที่แก้มก้นทั้งสองข้างและบีบขยำราวกับจะพิสูจน์ความยืดหยุ่น
“ก้นผมไม่ใช่ดินน้ำมันนะ!”ผมโวยวาย
คามินหัวเราะ “แต่ก้นชานิ๊มนิ่ม”
ผมค้อนขวับแก้เผ็ดด้วยการบีบที่ก้นของคามินบ้าง “แต่ก้นนายแข๊งแข็ง~” ผมลากเสียงยาว
“แล้วชอบไหมล่ะครับ”คามินยิ้มกริ่มถดสะโพกลงมาขณะที่ดันสะโพกผมขึ้นพร้อมบดเบียดแรงๆจนผมอดจะครางไม่ได้
บทรักที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าหากไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิดแต่อย่างใด กลับให้ความรู้สึกดีด้วยซ้ำ คู่รักคนก่อนๆมักจะเล้าโลมให้มีอารมณ์เพื่อบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น ไม่มีการกระซิบรำพันหรือคุยหยอกล้อเช่นนี้แต่อย่างใด
“ชอบสิ”ผมกระซิบตอบบีบก้นของคามินเบาๆแล้วบดเบียดให้มากยิ่งขึ้น
“หมอ อืม..ชาอยากให้ผมใช้ถุงยางไหม?”คามินถามอย่างไม่แน่ใจ
ผมชั่งใจ ตามหลักแล้วเราควรจะใส่ถุงยางหากอีกใจผมชอบที่จะสัมผัสเนื้อแท้ของกันและกันมากกว่า
“คามิน...บอกผมตามตรงนะ นายไม่ได้เป็นโรคอะไรใช่ไหม?”
เขาส่ายหน้าหวือ “ตรวจสุขภาพปีที่แล้วผมปลอดภัยแข็งแรงดี เหล้าแตะบ้างแต่ยาไม่เคยใช้”
“งั้น...ก็ไม่ต้องใช้ถุงยางก็ได้”ผมลองเสี่ยงที่จะเชื่อใจเขาดู “ผมมีเจลอยู่ในลิ้นชักด้านขวามือ”
คามินผละไปหยิบเจลตามที่บอก ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศทำให้ผมขนลุกซู๋แต่ไม่ช้าความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างคร้ามแดดก็กลับมาปกคลุมผมอีกครั้ง
ผมอดจะเม้มปากกลั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดไม่ได้ ช่องทางคับแคบที่ร้างลามานานหลายปียังไม่ยินยอมรับการบุกรุก
“ผ่อนคลายหน่อยสิชา”คามินกล่าว น้ำเสียงดูตื่นเต้นแฝงกังวล
“คามินจูบผมที”ผมรั้งคอเขาลงมาแลกจูบขณะที่อีกมือเลื่อนไปที่เบื้องล่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าแม้จะมีเจลหล่อลื่นช่วยแต่การสอดใส่ก็ทำเอาทำตาเล็ด
ถือว่าครั้งนี้เป็นการวัดความอึดและอดทนของทั้งผมและคามินทีเดียว เมื่อเข้ามาได้หมดผมก็บอกให้เขาแช่กายค้างไว้เพื่อปรับตัวเสียก่อน
“อูย นี่ถ้าผมล่มปากอ่าวชาจะว่าผมไหมเนี่ย”คามินคราง “ยะ อย่าเพิ่งตอดสิมันแน่นเกินไปแล้ว”
ผมหน้าแดงก่ำ “เปล่านะ!” ผมไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อยแต่เขานั่นแหละเป็นคนทำให้ผมเป็นแบบนี้เอง
“ผมไม่ไหวแล้วชา ขอเถอะ”แล้วคามินก็ขยับกายสวนเข้าออกอย่างรวดเร็วจนผมร้องเสียงหลง
เขาดูจะสูญเสียการควบคุมตนเองไปสิ้น ผมกระสาได้ถึงกลิ่นสนิมเหล็กจางๆท่าทางพรุ่งนี้ผมคงต้องขอลาป่วยเสียแล้ว
“ชา ชา”คามินครางขณะที่ผมเริ่มเรียกเขาตอบ เราต่างร้องเรียกกันและกันจนกระทั่งพายุห้วงอารมณ์ขยายตัวถึงขีดสุดก่อนจะสลายไปทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่แสดงว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อน
คามินทิ้งตัวหอบแรงบนตัวผม ภายในห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศกับเสียงหายใจของพวกเรา ผมหลับตาซึมซับความรู้สึกนี้ไว้ ทั้งอิ่มเอมสุขสมและเจ็บปวดเมื่อคิดว่าคามินอาจจะจากไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆทิ้งไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น
ความคิดนี้แล่นขึ้นจุกที่อกก่อนที่ผมจะเริ่มสะอื้นอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ชา เป็นอะไร ผมทำคุณเจ็บมากเหรอ?”คามินถามอย่างเป็นห่วงเขายันตัวขึ้นถอนกายออกสร้างความรู้สึกว่างเปล่ายิ่งขึ้น
ผมได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะพูดไม่ออกหากคามินตีความจากเลือดที่ไหลออกมาย้อมผ้าปูที่นอนว่าผมร้องเพราะเจ็บ
“โธ่ชาผมขอโทษ”คามินผละออกไป ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนอาจจะไปหายาให้ผมก็ได้แต่ผมไม่ต้องมันตอนนี้
“มะ ไม่ อย่าไป”ผมสะอื้นผวาดึงแขนเขาไว้ ความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาจนตัวงอ
“ชา!”เสียงเขาร้องอย่างตกใจ “ผะ ผมจะไปตามหมอ!”
ผมอดจะยิ้มไม่ได้ ตามหมองั้นเหรอ? ผมนี่ไงหมอจะไปตามทำไม
“ไม่เป็นไร กอด...ผมที”ผมพยายามกลั้นสะอื้นเอ่ยออกมาช้าๆ “แค่กอด”
“แต่แผลคุณ”
“กอดผม”ผมยังยืนยันคำเดิม พอคามินเห็นว่าหากยังจะไปผมก็จะรั้งไว้และอาจจะเจ็บมากขึ้นเขาจึงล้มตัวตระกองกอดผมไว้หลวมๆ
“แป๊บเดียวนะผมจะได้ทำแผลให้”คามินกล่าว เงียบไปครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณเจ็บ”
“ไม่เป็นไร”ผมตอบเบาๆ เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดนี้การร่ำไห้สะอื้นก็เริ่มหยุดลง “เดี๋ยวก็หาย”
“แต่มันคงเจ็บมากไม่งั้นคุณคงไม่ร้องไห้หรอก”
ผมชะงักก่อนจะตอบอย่างลังเล “ผม...ไม่ได้ร้องเพราะเจ็บแผลหรอก”
คามินดันตัวผมออกเพื่อสบตาให้ถนัดขึ้น “แล้วคุณร้องเพราะอะไร? หรือว่า...เสียใจที่ทำกับผม?” ประโยคสุดท้ายแฝงความเจ็บปวดชัดเจนจนผมต้องรีบปฏิเสธ แววตานั้นจึงมีประกายขึ้น
“งั้นเพราะอะไร?”
“ผม...นึกถึงตอนที่นายจะทิ้งผมไป”
“เหลวไหล!”คามินดุเสียงดังจนผมสะดุ้งเฮือก เหมือนเขาจะรู้ตัวจึงลดเสียงลง “ใครจะทิ้งใครกัน คิดอะไรของคุณกัน”
ผมหลบตาเบียดตัวกอดคามินยิ่งขึ้นก่อนตอบว่า “ก็ผมกลัวนี่นา”
คามินกอดตอบผมพลางลูบหลัง “ผมสิต้องกลัวคุณทิ้งผม คุณมีทั้งหน้าตาไหนจะฐานะอาชีพการงานดีกว่าผมมาก ถ้าคุณอยากจะหาคนที่ดีกว่าผมนั้นก็ไม่ยากเลย”
“ผมไม่อยากได้คนที่ดีกว่า ผมอยากได้แค่คามิน”ผมอดจะร้องไห้อีกไม่ได้ คนที่ดีกว่า?ใครล่ะ? คนที่มีฐานะพอๆกับผม? คนที่มีอาชีพเหมือนกับผมงั้นเหรอ? ผมไม่ต้องการสักนิด!
“ผมก็อยากได้แค่ชาเหมือนกัน พวกเราต่างก็อยากได้แค่กันและกันอย่างนี้คุณก็ไม่ต้องคิดอะไรบ้าๆแบบนั้นอีกโอเคไหม?”
ผมพยักหน้าแรงๆกับแผ่นอกกว้าง
“ร้องไห้อีกทำไมกัน ตาแดงหมดแล้ว”คามินเชยคางผมขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้
“นายก็ร้องเหมือนกันแหละน่า!”ผมย้อนเสียงอู้อี้...คามินร้องไห้เป็นเพื่อนผมอีกแล้ว
“ก็เพราะชานั่นแหละ”
“ผมไม่เกี่ยวสักหน่อย นายร้องของนายเอง”ผมเถียง
“ชาร้องผมเลยร้องตามดูสิ ชาต้องรับผิดชอบด้วย”
ผมยิ้ม “ใครจะรับผิดชอบนายกันตัวโตเป็นเด็กโข่ง”
“คนเรา...ตะกี้ยังกอดผมร้องไห้แงๆบอกว่าอย่าทิ้งหนูๆอยู่เลย”
ผมทุบที่ไหล่แก้เขิน “ใครพูดแบบนั้นกัน!”
“เอ้า งั้นเปลี่ยนเป็นผมรักคุณๆแทนก็ได้” คามินยิ้มล้อเลียน
“นายรักผมตังหาก”ผมกล่าว
“คุณรักผม”
“นายรักผม”
“คุณรักผม”
“นายรักผม”
“คุณรักผม”
“นายรักผม”
“ผมรักคุณ”
“นายรัก...เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ”ผมชะงัก
คามินยิ้ม “ผมรักคุณ แล้วคุณล่ะ?”
“ผม...รัก...นาย”รางวัลของการเผยความในใจคือจูบที่หวานล้ำอบอุ่นถึงหัวใจ
“ผมรักคุณดังนั้นผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนทั้งนั้น”คามินกระซิบ
แม้วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรผมก็จะจดจำไว้ว่าวันนี้ผมมีความสุขเพียงไร คามินอาจจะพบคนใหม่ ผมอาจจะเป็นฝ่ายนอกใจหรือความตายอาจจะมาพรากเราจากกันแต่ผมจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้เป็นความทรงจำที่จะทำให้ผมยิ้มได้ในวันที่อาจต้องอยู่คนเดียว
แม้รักเราจะเป็นเช่นไรหากผมจะยิ้มให้ได้ในวันนั้น...
ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้ มันจะมีอะไรปลี่ยนแปลง
ฉันไม่กล้าจะสัญญาด้วยคำใด
รักเรานั้นจะไปอีกไกล หรือวันไหนจะต้องร้างลา
ฉันไม่รู้ไม่เคยแน่ใจอะไร
* ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ
เทให้ทั้งหัวใจ
** นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน
สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง
บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี
ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก
เรื่องที่รู้วันนี้ตอนนี้ ฉันก็มีแต่ความอุ่นใจ
รักที่เราให้กันคือสิ่งดีงาม
แม้สุดท้ายจะเหลือพียงฝัน หรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ฉันจะทำวันนี้ให้ดีดังใจ
(เพลง สิ่งสำคัญ-ดา เอ็นโดฟิน)
THE END
แวะคุยกัน เมี้ยว~
ถามว่าพอใจให้จบแบบนี้มั้ยก็50-50นะ ใจนึงก็คิดว่าโอแล้วแต่ใจนึงก็รู้สึกว่าห้วนไปไหม
เอาเป็นว่าถ้าคิดตอนจบที่ถูกใจกว่านี้ได้จะแก้แล้วกัน 555+
เป็นครั้งแรกที่เขียนวายแบบฐานะต่างกันมาก นึกถึงซีรีย์ฝรั่งเรื่องนึงชื่อ..E.Rมั้ง? ที่ฉากอยู่ในโรงพยาบาลน่ะค่ะ มีคู่นึงเป็นหมอผู้หญิงกับคนขับรถพยาบาล ถ้าเป็นในไทยนี่จะรักกันได้เหรอ? คือเงินเดือนมันต่างกันมากอะไรแบบนี้
หวังว่าเรื่องนี้จะอ่านแล้วโอนะคะ >< เอาเรื่องลงในเล้าที่เครียดที่สุดคือฉากเนี่ยแหละค่ะ หวังว่า...จะไม่มีจุดไหนติดขัดนะคะ
หืม? น้ำเน่า? แหม...นิยายก็คือๆกับชีวิตจริงนั่นแหละค่ะ สองคนนี้อาจจะคล้ายกับชีวิตจริงใครบางคนก็ได้
แต่บางทีเวลาอ่านจั่วหัวข้อเรื่องเล่าในนี้แล้วแบบ...โอ้ เหมือนนิยายเลย ทำให้ซึ้งถึงสัจธรรมว่าชีวิตคือละครเลยค่ะ
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกคนที่ติดตามแล้วคอมเม้นต์ค่ะ^^
