Chapter 15
ตลอดการประชุมน้ำเชี่ยวยังคงหน้าบึ้งตึง บวกกับอาการอารมณ์ค้าง(สุดๆ)นั่งจ้องหน้า ไอ้คนตายด้านตัวแสบที่เอาแต่แกล้งอมยิ้มเยาะใส่เค้ามาเป็นระยะๆ ..คอยดูเถอะ ซักวันเขาจะต้องทำให้เจ้าหน้าขาวๆตาแป๋วจมูกแหลมนี่ มานอนอ่อนระทวยสยบแทบตักเขาให้จงได้คอยดู!! หมั่นไส้โว้ยยยย!
“โอเค เดี๋ยวพีมกับน้ำเชี่ยวไปฟิตติ้งก่อน แล้วค่อยไปซ้อมเพลงนะ แล้วคืนนี้กลับไปนอนกันให้เต็มที่ล่ะ พรุ่งนี้จะได้หน้าตาสดใส งานแถลงข่าวทั้งทีรู้มั้ย โดยเฉพาะน้ำเชี่ยว อย่ามัวแต่เล่นเกมส์ดึกล่ะ”
“คร๊าบบบบ” ขานรับเสียงดังอย่างแกนๆแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังเจ้าหน้าการ์ตูนญี่ปุ่นตัวแสบไม่ลดละ
“
ต๊ายยย!...ว่าไงค๊า น้องน้ำเชี่ยวสุดหล่ออออ น้องพีมสุดเท่ มาเร๊วมา.. พี่เตรียมชุดที่จะใส่พรุ่งนี้ไว้ให้แล้วค่า” พี่สไตลิชท์กระเทยที่ดูเหมือนยังไม่ได้แปลงเพศ(มั้ง) ร้องทักทั้งสองหนุ่ม พร้อมกับเสื้อผ้าครบชุดในมือ
เมื่อเริ่มลองเทียบชุดต่างที่จะใช้ใส่ในวันแถลงข่าวรวมถึงอีกหลายชุดที่ต้องใช้ในการทัวร์ ทำให้พีมเริ่มที่จะสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง.. จากประสบการณ์ทางด้านการทำงาน รวมถึงแง่มุมต่างๆในวงการบันเทิง ทำให้พีมรู้สึกได้ถึงสัญญาณแปลกๆ ที่ทำเขารู้สึกขุ่นๆในอารมณ์ซะเหลือเกิน
..เหอะ! ดูสายตาคุณพี่สไตลิชท์หน้ารอวันขึ้นเขียงคนนั้น จะมากไปมั้งเนี่ย จะมองไอ้น้ำเชี่ยวให้มันทะลุไปเลยมั้ยครับคุณพี่ คิดจะเคลมเด็กหนุ่มๆ หวังจะจับจับเขากินอย่างนั้นอ่ะดี๊.. หนำซ้ำไอ้เคโระบ้องตื้นนี่ดูเหมือจะยังเอ๋อเหรออยู่ได้ มันไม่รู้หรือว่ามันเซ่อว่ะ ไอ้เบื้อกเอ้ยย!
“เอ๊า ถอดเลยจะน้องน้ำเชี่ยว มะมา เดี๋ยวพี่ช่วยเปลี่ยน” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มลูกตาแทบถลนเมื่อเห็นยัยกระเทยก๋ากั่นพุ่งเข้ามาทำท่าจะถอดกางเกงให้น้ำเชี่ยว ..
เฮ้ยยยยย~!!! “
น้ำเชี่ยว!! ไหนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไปเซ่! เดี๋ยวก็ราดหรอก เสื้อนะเอาเข้าเปลี่ยนด้วย พี่เค้าจะได้ไม่ลำบาก ไป๊!” เกือบจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ทั้งคู่ก็ถูกพีมระเบิดน้ำเสียงกร้าวพลางเลิกคิ้วถลึงตาเหลือกตาปลิ้นใส่ แล้วเบ้หน้าไปทางห้องน้ำ ให้น้ำเชี่ยวรีบไปซะก่อนที่เขาจะปี๊ดแตกใส่ยัยกระเทยนี่ในไม่ช้า
ท่าทางของพีมทำเอาน้ำเชี่ยวถึงกับเลิ่กลั่ก งงทำอะไรไม่ถูก มีแต่สายตาวาวดุที่คนตัวขาวส่งมาให้เขา จึงต้องรีบหยิบเสื้อ แล้วเดินหนีออกไปตามทางที่สายตาของคนดุคนนั้นเหลือกไป บรื้ออ..
น่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“พี่ครับเดี๋ยวพีมไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำดีกว่านะครับ” ต้องตามไปเช็คซักหน่อยแล้ว ยิ่งเซ่อๆซ่าๆอยู่ เดี๋ยวเหอะไอ้เคโระซื่อบื้อ
“
เน่!..ไม่รู้รึไงยัยกระเทยนั่นมันจะแตะอั๋งเราอ่ะ ยืนเซ่อเป็นเทวรูปกบอยู่นั่นแหละ ใส่เองไม่เป็นรึไงหือกางเกงเนี่ย ห๊ะ”
ทันทีที่ถึงห้องน้ำพีมก็แหวใส่น้ำเชี่ยวเป็นชุดๆ
..ทำเอาเจ้าเด็กหน้ามึนเริ่มเก๊กอะไรๆขึ้นมา ฮ่าๆ ก็อาการลักษณะนี้ เขาเองก็เป็นบ่อยๆนี่นาเวลาที่เห็นพี่พีมไปถูกใครๆมาลุมล้อมเจาะแจะด้วย ..หึงเราอ่ะดี๊ หุหุ~
“อะไรพี่ พี่แม็คกี้เค้าก็ทำชุดมาให้น้ำเชี่ยวใส่ตั้งหลายทีแล้ว เค้าไม่คิดงั้นหรอก” น้ำเชี่ยวตอบพลางอดขำไม่ได้กับท่าท่างหึงๆของพีมเป็นครั้งแรก แม้จะน่ากลัวไปหน่อย แต่ก็นับว่ายังน่ารักอยู่ น่ารักดีจริงๆนะ ^^
“
ห๊ะ!..หลายทีแล้วเหรอ อย่างงี้..มันก็เห็นของน้ำหมดแล้วดิ” โอ้ย..ไอ้กบเซ่อเอ้ย ทำไมมันกระโหลกหนาปัญญาอ่อนอย่างนี้เนี่ยว่ะ ปวดหัวเว้ยยยย
“.......” ยิ่งเห็นท่าทางของพีมเด็กหนุ่มก็ยิ่งสดชื่นมีแรงๆ... และก็ยังคงแกล้งตีหน้ามึนต่อไป
..นับว่าทรมานเอาการอยู่กับการที่จะต้องกลั้นหัวเราะเพราะท่าทางหึงน่ารักๆของคนตรงหน้า จริงๆแล้วพี่แม็คกี้ไม่เคยเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะลำพังเขาเองก็นับว่าเป็นคนขี้อายอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่เขาจะใส่ทั้งกางเกงในและต้องมีบอกเซอร์ทับอีกตัวจึงกล้าถอด กระทั่งถอดเสื้อแล้ว ยิ่งไม่เคยเปลือยให้ใครเห็นด้วยซ้ำไป ส่วนใหญ่ถ้าจะต้องลองเสื้อ เขาก็จะใส่ทับไปเลย แต่พี่พีมเองคงเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเลยคิดว่าน้ำเชี่ยวจะถอดเหมือนตัวเองนะสิ น่าขำจริงๆ ฮิๆๆ ^ ^’
“
เน่!!..พี่ขอบอกอะไว้อย่างนะ ระวังตัวหน่อย เมื่อก่อนเราจะเป็นยังไงพี่ไม่รู้ แต่..ตั้งแต่วันนี้ไป อย่าให้พี่ห็นแบบเมื่อกี้อีก แล้วจะหาว่าไม่เตือน จำเอาไว้ซะ” ตายล่ะหว่า..พ่อพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่โหมดอาฆาตแล้วแหะ น่ากลัวเหมือนกันนะนี่ อิ อิ
“พี่หึงน้ำเชี่ยวเหรอ..” น้ำเชี่ยวหันหน้ามาถามพร้อมทำหน้าแป้นแล้นใส่คนที่กำลังโกรธจนควันแทบออกหู
ก็มันอยากอยากได้ยินชัดกับหูอ่ะ..
“
เออ...หึง ไม่ชอบ!” พีมขึ้นเสียงตอบพลางเดินกระแทรกเท้าออกจากห้องน้ำไปในทันทีที่เปลี่ยนชุดเสร็จ
“
โอ้ววววว~ ว้าว!..พี่พีม น้ำเชี่ยวชอบ พี่หึงน้ำเชี่ยวบ่อยๆอีกนะ ชอบๆ ชอบๆ..
พี่พีม!รอน้ำเชี่ยวด้วยๆๆ” และแล้วคำตอบที่อยากได้ยินก็ปลิวหวือมาพร้อมกับดวงตาแป๋วที่แฝงแววโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ให้ตายเหอะ อาการนั้นมันช่างทำให้เจ้าเคโระน้อยลั้นล๊าสุดๆ ก่อนจะกระโดดออกจากห้องน้ำตามคนขี้วีนไป
.
.
.
...วันรันทรู ก่อนงานแถลงข่าวจะเริ่มในวันรุ่งขึ้น
แม้ทั้งสองคนจะเพิ่งได้มาร่วมงานเป็นครั้งแรกแต่ก็เข้าขากันได้ดี ทั้งเพลงที่ต้องร้องด้วยกัน ทั้งคู่ก็รับส่งกันดีมาก การแสดงโชว์ก็ใช้เวลาซ้อมเพียงแป็บเดียวกลับออกมาดูดีจนไม่น่าเชื่อ ทำเอายีนส์ ฝน และบอสใหญ่ที่ลงมาดูด้วยตัวเองพากันออกปากชมทั้งสองคนให้โจฟังไม่ได้ว่า น่าทึ่งจริงๆ รู้อย่างนี้ให้สองคนร่วมงานกันตั้งนานแล้วก็ดี ..ในขณะที่โจก็อดไม่ได้ที่จะนึกขำถึงเหตุผลที่สองคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าลองคนเหล่านี้ได้รับรู้เรื่องลึกๆของพีมกับน้ำเชี่ยว มีหวังคงอ้าปากค้างไม่ใช่ออกปากชมแน่ๆ ‘เฮ้ออ..ถ้าเรื่องทั้งหมดเกิดแดงขึ้นมาคงจะปวดขมับกันน่าดู ไอ้พีมเอ้ย’
“น้ำเชี่ยว เอ่อคือ..คืนพรุ่งนี้หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จพี่คงไปเคาท์ดาวน์กับน้ำแล้วก็เพื่อนๆไม่ได้แล้วล่ะ” หลังจากเพิ่งคุยกับพี่ยีนส์เสร็จและรู้คิวงานด่วนของตนที่ต้องไปร่วมงานภายในหลังจากเสร็จงานแถลงข่าว พีมก็รีบมาบอกข่าวกับน้ำเชี่ยวทันที รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องผิดสัญญาในวันสำคัญ แต่ในเมื่อมันเป็นงาน เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ และเชื่อว่าน้ำเชี่ยวเองคงจะเข้าใจ
“ห๊า..ไมอ่ะ ไม่เอา พี่ต้องไป” แต่ก็ผิดคาด เพราะพอเด็กหนุ่มได้ยิน ก็ออกอาการโวยวายขึ้นแบบไม่ฟังคำใดๆ
“พี่มีงานต่อน่ะ พี่ยีนส์เพิ่งบอกเมื่อกี้เอง ขอโทษนะครับ พี่ปฏิเสธลำบากน่ะ มันเป็นงานเคาท์ดาวน์ของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเราด้วย พี่ต้องไปนะน้ำเชี่ยว นะ เดี๋ยวเราค่อยหาเวลาไปกันสองคนทีหลังก็ได้นะ นะคนดี อย่างพึ่งหน้าบูดใส่พี่สิ” มือบางยกขึ้นบีบข้างแก้มป่องๆของเด็กหนุ่มทั้งสองข้าง เพราะไม่อยากเห็นใบหน้าบูดๆที่มีต้นเหตุมาจากเขาเองที่ได้ออกปากรับคำอย่างดี แต่สุดท้ายก็ต้องมาผิดคำสัญญา
“โหยพี่พีม แล้วมันจะเรียกว่าเคาท์ดาวน์ได้ไงอ่ะ วันที่31ธันวามันไม่ได้มีปีล่ะสองวันนะ” แต่น้ำเชี่ยวยังคงดึงดันต่อ เสียดายที่อุตส่าห์นัดแนะกับเจ้าพวกไมกี้และเพื่อนๆไว้ นานๆจะได้มีโอกาสไปเที่ยวกับพี่พีมซักที แต่อยู่ๆฝันก็มลายหายไปภายในพริบตา
“มีเหตุผลหน่อยน่ะน้ำเชี่ยว นี่เรื่องงานนะ”
จริงๆแล้วพีมเองก็เสียดายไม่แพ้น้ำเชี่ยวแต่ก็ต้องพยามอธิบายเหตุผลให้ฟัง เข้าใจว่าน้ำเชี่ยวรู้สึกยังไง แต่ในเมื่อเป็นเรื่องงานยังไงสำหรับเขาหรือแม้กระทั่งน้ำเชี่ยวเอง งานก็ต้องมาก่อน
“.....”
เมื่อรู้ว่ายังไงก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ก็ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าทะเล้นดูหงอยไปในพริบตา ใครคุยอะไรด้วยก็ถามคำตอบคำ พีมได้แต่แอบมองร่างไร้วิญญาณของเด็กหนุ่มตลอดการซ้อมแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปปลอบหรือทำอะไรได้อย่างที่น้ำเชี่ยวต้องการ เพราะเรื่องของเขาทั้งคู่เองก็ยังเป็นความลับอยู่ น่าสงสารแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ..เมื่อซ้อมเสร็จยีนส์ได้กำชับให้ทั้งคู่นอนพักผ่อนให้พอและอย่ามาสายในวันรุ่งขึ้น เพราะนอกจากจะแถลงข่าวเปิดตัวเสร็จ ยังต้องมีคิวสัมภาษณ์สื่ออีกหลายสำนัก
“น้ำเชี่ยว..เลิกทำหน้างอซักทีน่า พี่ไม่ชอบเลย” น้ำเชี่ยวเดินไปลานจอดรถโดยไม่รอพีมที่คอยจ้ำตามมาข้างหลัง อาจเพราะยังคงรู้สึกน้อยใจในสิ่งที่พีมแสดงออก และที่สำคัญก็คือพีมจะไม่ไปเคาท์ดาวน์กับเขาคืนพรุ่งนี้
“......”
“น้ำเชี่ยว ได้ยินที่พี่พูดมั้ย
น้ำ!” ขณะที่น้ำเชี่ยวกำลังจะเปิดประตูรถของตน ก็ถูกมือเรียวของอีกคนแทรกเข้ามาจับไว้เสียก่อน
“อะไรอ่ะพี่.. น้ำเชี่ยวไม่โกรธก็ได้ แค่เสียดายเฉยๆอ่ะ พี่กลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงน้ำหรอก” น้ำเสียงแข็งกับใบหน้าตึงๆที่เด็กหนุ่มพูดและกำลังแสดงออก ก็บ่งบอกให้รู้ได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไรอยู่
..ไอ้เด็กบ้าเอ้ย ทำไมดื้ออย่างนี้นะ!
--
-ปัง!--- นี่ถ้าลองเจ้าเด็กนี่อายุมากกว่านี้สักสองสามปีแล้วยังทำตัวขี้งอนเอาแต่ใจแบบนี้อยู่อีก คงจะต้องมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวสักหน่อยแล้ว แต่ในเมื่อน้ำเชี่ยวก็คือน้ำเชี่ยว วินาทีแรกที่เขาเปิดใจยอมรับตัวตนของน้ำเชี่ยว เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า น้ำเชี่ยวก็เป็นแค่เด็กที่อายุพ้น19มาไม่นาน เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ก็คงอาจจะต้องใช้เวลาค่อยๆบอกค่อยสอนและปรับกันไป
พีมถือวิสาสะปิดประตูรถเด็กหนุ่ม แล้วคว้าตัวเจ้าคนขี้งอนให้เดินมาทางรถของเขาที่จอดอยู่อีกด้าน
“อะไรอ่ะพี่”
“ก็ถ้าพรุ่งนี้เราไปฉลองด้วยกันไม่ได้ ก็ไปมันซะวันนี้เลยไง ดีมั้ย ไอ้เด็กดื้อ” พีมพูดพลางเปิดประตูรถตัวเองแล้วดันตัวอีกคนขึ้นไปนั่ง
“เลิกทำคิ้วขมวดได้แล้ว ไม่งั้นจะเอามีดมาโกนทิ้งให้หมดเลย” ชายหนุ่มจัดแจงรัดเข็มขัดนิรภัยให้เด็กหนุ่มเสร็จสรรพ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือถูๆคิ้วหนาที่ดูขัดตาเขาเสียเหลือเกิน
“จริงเหรอพี่ แล้วเราจะไปไหนอ่ะพี่” สำเร็จ เจ้าเคาโระหน้าคว่ำเมื่อกี้กลับมาลั้นล๊าทันตาเห็น ^ ^
“ไปหาร้านเงียบๆกินข้าวกัน รถน้ำเชี่ยวจอดไว้นี่แหละ เดี๋ยวกินเสร็จพี่ไปส่งเราที่บ้าน พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปรับมานี่ โอเคมั้ย” ตามใจมันได้อีกนะพีม ใจนึงก็กลัวเจ้านี่จะเสียเด็ก แต่พอเห็นมันหน้าหงอยๆก็อดไม่ได้ ได้แต่หาเหตุผลมาค้านการกระทำตัวเองในใจว่า เด็กๆก็เป็นอย่างนี้แหละน่า เดี๋ยวค่อยบอกค่อยสอนไป คงไม่ได้ทำให้เจ้านี่เสียคนหรอก..มั้ง
“
เย้! ”
เมื่อรู้ว่าจะได้ไปกินข้าวกันสองคนก็ทำเอาน้ำเชี่ยวดีใจหน้าบานโผเข้ากอดพีมทันที
“เอ้ย..พอๆ กอดอยู่อย่างนี้แล้วพี่จะขับรถยังไงล่ะ จะไปมั้ยเนี่ย” กลัวก็กลัวว่าจะมีคนผ่านมาเห็น แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจเท่าไหร่ กับพฤติกรรมของเจ้าตัวดีที่ชอบกอดชอบหอมเค้ากลางที่สาธารณะ พีมเหลือบมองหัวยุ่งๆฟูๆของน้ำเชี่ยวที่ซุกไซร้อยู่ใต้คางของเขาอย่างเอ็นดู
ซูเปอร์สตาร์หนุ่มเลือกพาน้ำเชี่ยวมาที่ร้านอาหารฝรั่งเศสบนตึกสูงย่านสุขุมวิทซึ่งคนไม่พลุกพล่านและมีความเป็นส่วนตัวมาก ที่สำคัญคือร้านนี้ตกแต่งด้วยบรรยายกาศกึ่งผับเน้นไฟดวงเล็กสลัวๆหน่อย ถึงอย่างไรเค้าก็ยังไม่อยากจะเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งระหว่างเขาากับนักร้องรุ่นน้องร่วมค่ายเท่าไรนัก เมื่อมาถึงพีมจึงออกตัว ขอเดินเข้าไปดูทำเลโต๊ะที่นั่งก่อนแล้วค่อยโทรบอกน้ำเชี่ยวให้ตามเข้ามาทีหลัง และคงจะต้องทำอย่างนี้ตอนออกไปจากที่นี่เช่นเดียวกัน อย่างน้อยการมาคนเดียวก็ยังเป็นเป้าสายตาน้อยกว่าเดินมาด้วยกันสองคน
“พี่พีม...น้ำเชี่ยวรักพี่นะ” ขณะที่กำลังทานกันอยู่ น้ำเชี่ยวที่นั่งมองชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดูเด็กและน่ารักมากๆที่กำลังจ้วงอาหารสุดโปรดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็อดไม่ได้ อยากจะบอกคำๆนึง
..เพราะพี่น่ารักอย่างนี้ไงน้ำเชี่ยวถึงได้รักพี่
“อืม..อะไร อยู่ๆมาพูดอะไรตอนนี้อ่ะ” พีมไม่ได้เขินกับประโยคที่เพิ่งออกจากปากน้ำเชี่ยว แต่กลับรู้สึกขำเล็กๆมากกว่า เพราะตอนนี้เส้นสปาเก็ตตี้กำลังพันกันมั่วแทบไม่เรียงเส้นอยู่ในปากเขา ไม่รู้เจ้าเคโระนี่มันจะนึกอารมณ์ไหนที่มาบอกกันโต้งๆกันแบบนี้
“ก็แค่อยากจะบอกเฉยๆ วันนี้30ธันวา น้ำเชี่ยวอยากจะบอกพี่ไว้ก่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงจะปีใหม่แล้ว น้ำเชี่ยวจะได้รักพี่ข้ามปีไง” แต่จบประโยคนี้กลับทำพีมหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีในทันที
..จ้า! เจ้าบ้า พี่ก็ ’รัก’ เราเหมือนกันนะ.. ชายหนุ่มได้แต่ตอบกลับประโยคนั้นออกมาดังๆในใจ หวังว่ารอยยิ้มและสิ่งที่จะกระทำให้กับอีกฝ่ายนับจากนี้และต่อไป จะทำให้น้ำเชี่ยวรู้สึกถึงมัน จนลืมคำว่า รัก ที่ใครๆก็พูดกันง่ายๆออกมาได้
.
.
“ไงกินซะพุงกางเลยดิ” เมื่อขึ้นรถมาพีมก็อดขำกับเจ้าเคโระที่มานั่งขึ้นอืดรออยู่บนรถเค้าก่อนแล้ว
“อร่อยมากเลยอ่ะพี่ ไว้วันหลังเรามากันอีกนะ”
“อืม” ชายหนุ่มรับคำเบาๆแล้วจัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าคนขี้ลืม ก่อนจะดีดนิ้วลงหน้าผากเนียนแก้หมั่นไส้สักที
ตลอดทางจนถึงคอนโด เจ้าตุ๊กตาเคโระหน้ารถก็ได้แต่นั่งหนังตาหย่อนจวนหลับมาตลอด พีมเลือกจอดรถตรงมุมมืดเล็กๆใต้คอนโดแล้วนั่งมองเด็กร่างโย่งที่นอนนิ่งพุงกางอยู่พักนึง เมื่อเห็นว่าน้ำเชี่ยวคงจะไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆแน่ เขาจึงปลุกด้วยการจูบลงไปเบาๆระหว่างคิ้วหนาติดกันคู่นั้น ..ตื่นยากจริงแหะ จะขี้เซาไปถึงไหนนะ.. พีมกดจูบแรงขึ้นบนหน้าผากเนียนอีกครั้ง
“น้ำเชี่ยว ถึงแล้วตื่นเถอะ” เจ้าตัวแสบกลับได้แต่นอนหลับตายิ้มแฉ่ง แต่ไม่ลุก
“พี่จูบอีกทีสิ แต่เอาที่ใหม่นะ น้ำเชี่ยวถึงจะตื่น” แนะมันแสบจริงๆ ไม่ได้หลับจริงนี่หว่า
“นี่อย่ามาเจ้าเล่ห์แถวนี้ ลุกเลย กลับขึ้นไปนอนห้องตัวเองนู้น พี่จะกลับบ้าน ง่วงเหมือนกันนะ”
“พี่จูบน้ำเชี่ยวอีกทีก่อนสิ” น้ำเชี่ยวยังคงนอนหลับตาปี๋อยู่ท่าเดิม รู้อยู่เต็มอกว่ายังไงผู้ใหญ่ที่หน้าเด๊กเด็กคนนี้ก็ต้องใจดีตามใจเขาอยู่แล้ว
..จนปัญญา พีมหันซ้ายแลขวาเช็คดูจนแน่ใจว่าไม่มีคนหรือรถผ่านไปมาแถวนี้แน่แล้ว เขาจึงก้มจูบลงไปที่ปากหยักหนาได้รูปตามคำขอของเจ้าตัวแสบ ทันทีที่ริมฝีปากบางของพีมประกบลง น้ำเชี่ยวก็ใช้ความเร็วรวบเอาลำคอขาวไว้แล้วจูบตอบทันที คราวนี้ดูเหมือนภาพเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นในห้องของพี่ยีนส์ จะหวนกลับมาอีกครั้ง หากแต่กลับกันตรงที่ผู้ถูกรุกเร้าด้วยลิ้นร้อนกลับกลายเป็นพีม ทุกอย่างที่น้ำเชี่ยวทำถอดแบบเค้าเมื่อตอนนั้นมาชัดๆ จูบที่เร่าร้อน ก่อนที่จะซุกไซร้ไปตามซอกคอ ติ่งหู จนพีมเองก็อดที่จะเคลิ้บเคล้มไปกับคนตรงหน้าไม่ได้
..ถ้าไอ้เรื่องแบบนี้มันมีโรงเรียนเปิดสอนล่ะก็ เขาก็จะเชื่อเต็มร้อยเลยว่าเจ้าเด็กแก่แดดนี่คงไกล้จบหลักสูตรแล้วล่ะ
“อืม~..น้ำพอก่อนเถอะนะ”
ดูเหมือนอารมณ์ของน้ำเชี่ยวจะพุ่งพล่านเกินไปกว่าที่พีมคาดไว้ เพราะมือหนาที่กำลังสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดพอดีตัว กำลังส่งไอร้อนลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อแน่นของเขาไม่หยุด
“พี่พีม.. น้ำ..น้ำต้องการพี่ คืนนี้..พี่..ค้างที่นี่เถอะ นะ” น้ำเชี่ยวร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ
“น้ำเชี่ยว พอก่อน พี่ขอล่ะ นะครับ” พีมจับเอามือที่ซุกซนของน้ำเชี่ยวไว้ ไม่ใช่เค้ารังเกียจหรือไม่ต้องการ แต่วันนี้เวลานี้คงยังไม่เหมาะ
“ทำไมล่ะ น้ำเชี่ยวรักพี่นะ หรือว่าพี่ไม่..”
“อย่า.. อย่าคิดอย่างนั้นน้ำ มันไม่ใช่.. ตอนนี้เราควรไปนอน และพี่ก็จะได้กลับบ้านพักผ่อน พรุ่งนี้เราสองคนต้องทำงานกันเกือบทั้งวันนะ และนี่มันก็ดึกมากแล้ว พี่ยังต้องขับรถกลับบ้านและต้องมารับเราตอนเช้าอีก นะครับ เชื่อพี่สักครั้งนะคนดี นะครับ” ไม่ใช่พี่ไม่รักหรือไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่น้ำสื่ออกมาก แต่มันยังไม่ใช่เวลาจริงๆ ถ้าน้ำเชี่ยวแค่เพียงมองลึกเข้าไปในดวงตาหรือแนบหูมาที่หน้าอกของพี่ น้ำคงจะรู้ว่า พี่เองก็มีความรู้สึก มีความต้องการ อยากได้ อยากเป็นเจ้าของเหมือนกัน พี่เองก็ไม่ต่างไปจากน้ำเชี่ยวหรอกนะ
.
.
เมื่อมาถึงห้อง น้ำเชี่ยวก็ทิ้งตัวลงแผ่หลาบนเตียงนุ่มหลังกว้าง แขนยาวเอื้อมคว้าเสื้อแจ๊คเก็ตที่มีคราบเปรอะจางๆตัวเดิมตัวที่เขานอนคลอเคลียอยู่ทุกคืนขึ้นมาคลุมหน้าแล้วหลับตาลงอย่างสบาย
‘พี่พีม.. น้ำเชี่ยวรักพี่มากนะ พี่เป็นคนแรกที่ทำน้ำรู้สึกอย่างนี้ แม้พี่จะเป็นผู้ชายน้ำก็ไม่แคร์ น้ำยอมได้ทุกอย่าง แค่ทำให้พี่รู้สึกรักน้ำ ต้องการน้ำ อะไรก็ได้ถ้าพี่ต้องการ น้ำเชี่ยวรักพี่ครับ ..ที่รัก..’
********************************************************
เจอกันตอนหน้าจ้าาา
B a l l o o n