ผลงานที่ผ่านมาของ "เบบี้" ชี้แจงเพื่อทราบ ดังนี้...1. [ ลงเวปปี 2551 ] สุดท้ายกรูก็รักมึงจนได้..ไอ้โรคจิต
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว
2. [ ลงเวปปี 2552 ] เพราะว่ารัก..แน่รึเปล่า
- ไม่ตีพิมพ์เป็นหนังสือ มีให้อ่านในบอร์ดเบบี้ที่เดียวเท่านั้น
3. [ ลงเวปปี 2552 ] ชุลมุนวุ่นรัก
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว
4. [ ลงเวปปี 2553 ] Momorial~รักแรก รักสุดท้าย - มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove เท่านั้น
- จัดทำในรูปแบบหนังสือในปี 2558 (ตีพิมพ์ 1 ครั้งและจะไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต)อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ "แจ้งข่าวหน้า 516" หรือที่ลิ้งค์นี้ค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13100.154506. Summer~ร้อน Summer~ รัก
- ไม่มีโพสที่หน้าเวปไซต์ใดๆ ตีพิมพ์ร่วมเป็นหนังสือของโปรเจคของทาง Thaiboyslove เท่านั้น
7. [ ลงเวปปี 2554 ] ~Limited Lovers~
- มีลงให้อ่านทางเวปไซด์ Thaiboyslove และบอร์ดเบบี้เท่านั้น
- ได้จัดทำเป็นหนังสือแล้ว ตีพิมพ์ 1 ครั้งและไม่ทำการตีพิมพ์ในรูปแบบหนังสือซ้ำในอนาคต
- หนังสือขายหมดแล้ว
ขอบคุณค่ะ
เบบี้ตอนพิเศษ14 My love style..End
โรงแรม..
เมื่อถึงโรงแรมพวกเราแยกย้ายกันไปห้องของใครห้องของมัน กูนอนกับสลิ่ม ไอ้วิทย์กับไอ้เว ส่วนไอ้เชลโลก็หวานหมูปลาทูเค็มเพราะมันได้นอนสองต่อสองกับไอ้เขต ส่วนวงของไอ้เจ๋งก็แยกกันไปซึ่งกูไม่รู้ว่าใครนอนกับใครบ้าง เท่าที่รู้คือไอ้เจ๋งนอนกับไอ้ติส และมีห้องที่ต้องนอน 3 คนอยู่ 2 ห้อง
ตอนนี้เกือบบ่ายโมงครึ่ง วันนี้ไม่มีแผนต้องไปทำอะไร ใครอยากไปไหนก็ไปตามอัธยาศัย พรุ่งนี้บ่ายทุกคนต้องพร้อมกันโดยแต่งตัวกันให้เสร็จเรียบร้อย การแสดงมีพรุ่งนี้ประมาณสองทุ่มเป็นต้นไป แต่นักดนตรีจะต้องเข้างานตั้งแต่หกโมงเย็น ต้องเข้าไปเซ็นชื่อแสดงตัว
“เฮ้อ” กูถอนหายใจ หยิบเอาเป้ไปวาง
“เมื่อกี้..ตอนที่อยู่บนเครื่อง” สลิ่มพูดขึ้น กูหันกลับไปมอง
“มึงบอกว่าสองอาทิตย์ สองอาทิตย์อะไร” มันถามแต่กลับไม่จ้องหน้ากูตอบ
“เปล่า” กูตอบ ถอดรองเท้าและถุงเท้าเหวี่ยงไปเรื่อย
“เปล่าไร..มึงมีไรปิดบัง บอกมานะ” มันหันหน้ามาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทีมึงยังปิดบังกูได้ตั้งหลายเรื่อง ไม่แฟร์ว่ะ” กูยักคิ้วกวน ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“บอกมา!!” มันตะโกนเสียงดัง กูนอนหัวเราะและเขยิบตัวเองไปจนถึงหัวเตียง
“บอกมานะ” มันขึ้นมาบนเตียงตามแผนที่กูวางไว้ในหัว สลิ่มคลานเข้ามาใกล้ กูแกล้งทำเป็นนอนหลับ มันเข้ามาเขย่าตัวกูเหมือนต้องการจะรู้ให้ได้ กูเลยพลิกตัวนอนคว่ำแทน
“ไอ้เมตร..บอกกูมาเด้” มันเอามือทุบเข้าที่หลังกูไม่หยุด มันเป็นคนสาระแน กูว่ามันคงอยากรู้จริงๆนั่นแหละนะ
“โอ้ย..หึ” กูร้องเพราะโดนสลิ่มจับหน้ากูให้หงายไปทางด้านหลัง
“สลิ่ม เชี้ยนี่” กูพลิกตัวกลับมานอนหงายอย่างเดิม ถ้ายังนอนคว่ำอยู่กูอาจจะโดนทำร้ายร่างกายได้
“หื้มมม..อยากรู้นักรึไงห๊ะ” กูรั้งเอวมันเข้ามากอดอย่างแรงจนสลิ่มตัวเซล้มลงมาทับบนตัวกู
“ก็บอกมาดิ” มันทำหน้างอ
“ก็เปล่า..มึงไม่สังเกตอะไร แต่กูว่ามึงสังเกต ว่ากูไม่ได้แตะต้องตัวมึงมาถึงสองอาทิตย์เชียวนะ” กูบอก สลิ่มชะงักและหน้าเริ่มแดง
“ก็ดีแล้วนี่” มันพูดขึ้นเสียงอีก กูยิ้ม กูไม่คิดจะบอกถึงสาเหตุจริงๆหรอกว่าทำไมกูถึงไม่แตะต้องมันถึงสองอาทิตย์ ถ้าบอกกูก็ซวยสิ..
“เสียงสูงเชียว” กูขำ
“ปล่อยเลย ไม่ต้องมายุ่ง..หิว จะลงไปหาไรกิน” มันบอก
“ไม่” กูเล่นหน้าเล่นตาใส่
ก๊อก ๆ ๆ
“ไอ้หลิ่ม..กูเขตเอง ไปหาไรแดกกันเปล่า” ไอ้เขตตะโกนถาม
“ไม่ไป!” กูตะโกนตอบแทน
“ไป..เอ้ ปล่อย” มันร้อง กูจูบปิดปาก มันจะได้เลิกพูดเถียงสักที สลิ่มดิ้นพยายามจะให้หลุดออกจากแขนของกู แต่กูกอดไว้แน่นและผลักมันให้ลงไปนอนแทน
“อื้อ” สลิ่มเอียงคอหนีเมื่อกูเข้าไปไซร์ต้นคอของมัน มันหลับตาปี๋และตัวเริ่มสั่น สลิ่มพยายามดันหน้ากูไว้แต่กูกลับซุกไซร์มันไม่หยุด ยิ่งมันดันมากเท่าไหร่กูก็ยิ่งชอบ..มันคงลืมนึกถึงตรงนี้ไป
“อ๊ะ” สลิ่มสะดุ้งเมื่อมือของกูไล่ลงไปลูบเอวและต้นขาของมัน กูบีบและเน้นคลึงสะโพกมันอย่างแรง
“ฮะ” สลิ่มคราง กำแขนกูแน่น มันพยายามหนีบขาของตัวเองเพื่อไม่ให้กูรุกล้ำไปมากกว่านั้น
“ไวจัง” กูแกล้งแซว สลิ่มหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
“ช่วยตัวเองบ้างรึเปล่า แอบไปช่วยตัวเองบ้างไหมครับ” กูอมยิ้ม สลิ่มฟาดมือเข้ามาเต็มๆหน้ากูทันที
“เจ็บ..แต่ก็ ชอบนะ” กูหัวเราะ
“หยุด เมตร..หยุดก่อน” สลิ่มห้ามเสียงเบา มันมองลงไปที่ส่วนล่าง ด้านล่างของกูไม่ยอมหยุดที่จะสีกับน้องชายของมัน สลิ่มไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากูแม้แต่น้อย กูก้มลงไปหอมแก้มและจูบปากมันอีกครั้ง
“อื้อ” สลิ่มเงยหน้าขึ้นสูง มันเอาแขนมาปิดปากของตัวเอง สลิ่มสะดุ้งตัวโยนเมื่อกูก้มลงกัดหัวนมมันผ่านเสื้อบางๆนั่น
“ชู่..” กูจับมือของสลิ่มออกไปเพราะรู้สึกเกะกะขึ้นมา จังหวะที่มันดิ้นพยายามหนีมือของกูยิ่งทำให้กูย้ำมือลงที่เนื้อตัวของมันมากขึ้น สลิ่มครางกระเส่า กูถอดเสื้อของตัวเองออกแต่กูไม่ถอดเสื้อให้สลิ่ม เพราะกูชอบเวลามีเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆประดับร่างกายไว้มากกว่าที่จะถอดออกหมด และแน่นอนว่าสลิ่มไม่มีทางถอดเสื้อออกเองแน่ๆ
“อ๊ะ เมตร..ป ปล่อย อื้อ”
................
................
ณ วันงานแสดง..
“สลิ่ม” ไอ้เขตเรียก
“อะไร” สลิ่มตอบเสียงห้วน
“มึงเดินขาถ่างไปนะ”
“หึ” กูหลุดขำทันที
“ไอ้เหี้ยเขต!!” สลิ่มร้องเสียงหลง ไอ้เขตโดนส้นตีนเพื่อนรักไปเรียบร้อย
ตอนนี้กู สลิ่ม ไอ้เขต ไอ้วิทย์ ไอ้เวและไอ้เชลโลรวมตัวกันอยู่ที่ห้องของไอ้วิทย์ ทุกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รอให้ไอ้เชนโทรมาตาม คอนเซปของวงสลิ่มวันนี้คือแต่งตัวเรียบร้อยเยี่ยงผู้ดี โดยเน้นการแต่งตัวเป็นสีเทาทั้งวงเพราะวงของไอ้เจ๋งเน้นสีดำไปแล้ว
โดยสลิ่มและไอ้เชลโลที่ใส่กางเกงและสวมสูทเต็มยศแตกต่างกันเพียงแค่ไอ้เชลโลใส่เนคไท แต่สลิ่มไม่ใส่เท่านั้น ไอ้เขตกางเกงสีเทา เชิ้ตสีขาวและสายเอี๊ยม กูว่าเหมาะกับมันดีเพราะดูติงต๊องๆเหมือนคนใส่ ไอ้วิทย์ใส่ทุกอย่างเหมือนสลิ่มแต่จะต่างก็ตรงที่แขนเสื้อจะเป็นแขนสั้นถึงข้อศอกและจะเด่นก็ตรงที่รองเท้าของมัน ส่วนไอ้เวแต่งตัวเหมือนเพื่อนทุกอย่างยกเว้นมันไม่ใส่แจ๊กเก็ต มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆที่เข้ากันดีกับกางเกงสีเทาของมัน ส่วนกูเลยต้องใส่สูทตามคอนเซปของพวกมันไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้..
“วันนี้มึงไม่ได้เล่นด้วยซะหน่อย แต่เอาซะเต็มยศเลยนะมึง” ไอ้วิทย์แซวน้องเล็กของวง ไอ้เชลโลยิ้มเขิน
“แล้วไง..เมื่อคืน เป็นไงบ้าง” ไอ้วิทย์ยักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ อยู่ๆไอ้เชลโลก็หน้าแดงขึ้นมา
“ค..ยนี่” ไอ้เขตว่าพร้อมกับง้างขาจะถีบเพื่อนมัน
“ไอ้เหี้ย เดี๋ยวสูทเปื้อน” ไอ้วิทย์หลบ
“สั่งสอนผัวมึงบ้างนะเหี้ยเว หุบปากบ้างเหอะ” ไอ้เขตบ่น
“หึ..” ไอ้เวนั่งอมยิ้มตามสไตล์
“มึงไม่ได้ทำ มึงจะเดือดร้อนเหี้ยอะไร” กูแซวบ้าง
“เฮียยยย” ไอ้เขตทำเสียงยานคาง เล่ห์ตามองหน้ากู
“หรือไง” กูยักคิ้วแกล้ง
“อย่าแกล้งเพื่อนกู” สลิ่มเข้ามาผลักหัวกูเบาๆเหมือนต้องการทำเพื่อแกล้งแซวไอ้เขตด้วย
“.......................” อยู่ๆในห้องก็เงียบลงซะเฉย กูได้ยินเสียงไอ้วิทย์หัวเราะในลำคอ
“คนไม่ได้คิดไรกัน” สลิ่มพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้ไอ้เชลโล
“จุ๊บ~” อยู่ๆสลิ่มก็ก้มลงหอมแก้มไอ้เชลโลที่นั่งอยู่อย่างหน้าตาเฉย ไอ้เชลโลเบิกตาโพรง
“หรือมึงคิด” สลิ่มหันมายักคิ้วให้ไอ้เขตที่นั่งอยู่ข้างกู ไอ้เขตอ้าปากเหวอ กูนั่งมองว่าไอ้เขตจะตอบว่ายังไง
“หอมกูบ้างดิ!” ไอ้เขตลุกขึ้นโวยวาย
“เหี้ย” สลิ่มว่าด้วยความระอา
“ก็ถ้ามึงไม่ได้คิดไร มึงก็หอมกูบ้างเด้..ทีไอ้โล่มึงยังหอมได้เลย” ไอ้เขตโวยวายไม่เลิก เหมือนคดีจะพลิกเล็กน้อย สลิ่มคงไม่คิดว่าไอ้เขตกำลังอยากให้สลิ่มหอมตัวเองแบบนั้นบ้าง คงมีแค่กูกับไอ้วิทย์ที่ดูออกเท่านั้น
“เมียกู” กูเอามือไปตีแก้มไอ้เขตเบาๆ
“มึงก็หอมไอ้โล่ให้กูดูก่อนดิ แล้วกูจะหอมมึง” สลิ่มย้อนหน้าตายก่อนที่มันจะเดินหนีไปหยิบกระเป๋ากีตาร์ของตัวเองขึ้นและเดินออกจากห้องไป
“ให้กูหอมมึงแทนก่อนไหม กูฟรีนะ” กูบอกไอ้เขต
“ฮ่าๆๆ” ไอ้วิทย์กับไอ้เวหัวเราะ
“โหย” ไอ้เขตทำเสียงและลุกหนีไปหยิบกระเป๋าเบสของตัวเองขึ้นมาถือไว้และเดินออกจากห้องไปอีกคน
“กูแนะนำ จับทำเมียแม่งคืนนี้เลย..เจ็บแต่จบ” กูบอกไอ้เชลโล
“หรือเมื่อคืนมึงอะไรๆไปแล้ว” ไอ้เวถามหน้านิ่งมาก มันลุกขึ้นส่องกระจกอีกครั้งเหมือนไม่แคร์ที่จะได้คำตอบ
“เปล่าครับ” ไอ้โชลโลตอบ แต่กลับไม่ยอมสบตาพวกกู
“นั่นสิ..ไอ้เขตคงจะยอมมึงหรอก ไอ้อ่อนเอ๊ย” ไอ้วิทย์หัวเราะและลูบหัวไอ้เชลโลอย่างเอ็นดู ไอ้เชลโลยิ้มหน้าเศร้า
“ไปเหอะ” ไอ้เวบอก พวกกูเตรียมของตัวเองให้พร้อมและเดินออกจากห้องมา คนอื่นๆเตรียมตัวรออยู่ที่ล๊อบบี้ของโรงแรมแล้ว พวกกูเดินทางไปที่งานโดยรถแท็กซี่ที่ไอ้เชนเตรียมไว้ให้พร้อม ดูเหมือนการที่พวกกูจะทำอะไรก็สะดวกสบายไปซะหมด เพราะไอ้เชนจัดการไว้ให้ทุกอย่าง แต่ช่างแม่งเหอะ กูไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าคนอย่างมันจะเหนื่อยรึเปล่า เพราะกูไม่ชอบหน้ามันสักเท่าไหร่
................
................
ตอนนี้ในงานคนค่อนข้างเยอะ ส่วนมากจะมีแต่นักดนตรีและส่วนมากเป็นผู้ชายกับชาวต่างชาติเดินหัวทองเต็มงานไปหมด พวกสลิ่มพร้อมกับไอ้เชนและตากล้องเข้าไปเก็บตัวในห้องแล้ว ตอนนี้มีเพียงกู ครู ไอ้ดอนและไอ้เชลโล สถานที่จัดงานเป็นผับหรูแห่งหนึ่ง คืนนี้ต้องเล่นที่นี่ ส่วนพรุ่งนี้เย็นการอัดวงเล็กแบบอคูสติกจะจัดอีกที่หนึ่ง ซึ่งในนั้นจะมีการจัดเอาใจคนรักเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ เพราะยี่ห้อเครื่องดนตรีชื่อดังทั่วโลกต่างมาตั้งร้านประชันกันอย่างเต็มที่
คืนนี้ทุกคนจัดหนักกันทุกวง เรียกได้ว่าคนดูที่มาก็เมาเกรียนปล่อยผีไม่คิดชีวิต รวมถึงกูด้วย แจ็กเก็ตจากที่ใส่อยู่ดีๆก็ต้องถอดออกเพราะไอ้วิทย์เป็นตัวการเริ่มถอดออกคนแรก และเอาแจ็คเก็ตเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเมามัน พวกกูลืมไปชั่วขณะว่าสูทที่สั่งตัดมานั้นแพงมาก เมื่อวงของสลิ่มได้ขึ้นเล่นก็สามารถเรียกเสียงร้องจากคนดูได้มากยิ่งขึ้นเพราะทุกคนต่างสนุกจากวงอื่นๆเป็นทุนอยู่แล้ว บอกตามตรงว่าทุกคนเกือบหมดสภาพ กล้องที่กูนำติดตัวมาด้วยแทบเละ เมาและหยิบไปถ่ายกันมั่วไปหมด กว่าจะออกมาจากผับได้ปาไปเกือบเที่ยงคืน
“โอยยยยยยย” สลิ่มร้อง กูเปิดประตูห้องเดินนำเข้ามาก่อน
“เอิ้ก” กูเรอ เบียร์แม่งอืดขึ้นคอไปหมด
“หึ” สลิ่มหัวเราะ มันเดินตามเข้ามา ตอนนี้พวกกูกลับมาที่โรงแรมแล้ว ไอ้วิทย์ ไอ้เขต ไอ้เจ๋งและไอ้ติสลงไปกินเหล้าต่อที่บาร์ของโรงแรม ส่วนคนอื่นๆขอโบกมือเพราะบางคนสภาพไม่ไหวแล้วจริงๆ อย่างไอ้เอมือกีตาร์วงของไอ้เจ๋งและไอ้ดอนรุ่นน้อง เมาเรียกว่าไม่ได้สติ ไม่มีการเมาเกรียนแต่สลบแน่นิ่งไปเลย พวกกูต้องช่วยกันหามมันเข้าไปนอนเมื่อกี้นี้เอง..
“ห่า..เหงื่อเต็มตัวเลยเชี้ย” กูบ่น รีบถอดเสื้อเชิ้ตออก ถ้าไม่เสียดายเสื้อกูจะกระชากให้กระดุมแม่งหลุดเองคงจะง่ายกว่าเยอะ
“ก็มึงเล่นเต้นซะขนาดนั้น หึ..ไม ตอนอยู่วัดมึงไม่ได้เต้นเหรอ” สลิ่มหัวเราะ
“ค..ยเหอะ” กูว่าแกมขำ
“อาบก่อนนะ” กูบอก
“อื้อ” สลิ่มพยักหน้าตอบ กูเหวี่ยงเสื้อผ้ากองไว้กับพื้น
“กูไม่ใช่ไอ้มิ้วค์ กูไม่เก็บให้หรอกนะ..อาบเสร็จมาเก็บด้วย รกลูกตา” มันว่า ตาขวางมองเสื้อผ้าที่กองอยู่ที่พื้น
“ค้าบ” กูตอบส่งๆและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการตัวเอง ไม่ถึงห้านาทีก็อาบน้ำเสร็จ สลิ่มอาบน้ำต่อ กูยังไม่ง่วงเท่าไหร่ เพราะเหมือนสารเอ็นโดรฟินเมื่อกี้มันยังหลั่งไม่หยุดและคงเพราะเมื่อเช้าพวกกูตื่นกันเกือบเที่ยงได้ละมั้ง ตอนนี้เลยตาแข็งนอนไม่หลับ กูเปิดดูโทรทัศน์ไปไปเรื่อยจนสลิ่มอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
“ปวดเท้าจัง” สลิ่มบ่น มันเดินมานั่งลงบนเตียง
“ปวดเท้าจางงง” มันร้องอีกพร้อมกับหันหน้ามามองหน้ากู
“พูดเพราะก็เป็นนิ” กูแซวและลุกขึ้นนั่ง จับขามันมาวางไว้บนตัวกูและนวดเท้าให้มัน มันหัวเราะชอบใจที่กูทำแบบนี้ให้
“จุ๊บ” กูยกเท้ามันขึ้นมาจูบที่ผ่าเท้าเบาๆ
“ไอ้เมตร” มันร้องแต่กลับไม่ชักเท้ากลับ
“นวดให้กูด้วย” กูเอาขาไปยื่นให้มันบ้าง
“เท้ามึงใหญ่ กูปวดมือ” มันอ้างและหันหน้าหนี
“ตีน” กูด่าพร้อมกับถีบหน้าท้องมันเบาๆ
“นวดตีนให้พี่เดี๋ยวนี้สลิ่ม” กูบอก มันเบะปากแล้วจับเท้ากูไปนวดให้อย่างช่วยไม่ได้
“หนังเรื่องนี้เคยดูแล้ว” มันพูดขึ้นเมื่อหันไปมองที่โทรทัศน์
“ไปดูกับใคร” กูถาม เพราะเป็นหนังเมื่อปลายปีที่แล้วซึ่งกูเพิ่งได้ดูที่นี่ตอนนี้นี่แหละ
“กับไอ้เขต” มันตอบ
“สองคน” กูถามอีก
“อื้อ” มันพยักหน้าตอบ ตาจ้องแต่โทรทัศน์ หลังจากนั้นก็เงียบลง กูไม่ได้รู้สึกอะไรที่มันไปดูหนังกับไอ้เขตสองคน แต่มันไปดูโดยที่กูไม่รู้เรื่องอีกแล้ว..
“เงียบทำไม” มันถาม
“เปล่า” หลังจากนั้นทั้งกูและมันเงียบจนสถานการณ์แปลกไป
“เหมือนจะหิว” กูหาเรื่องคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสลิ่มเพราะกูขี้เกียจจะทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยๆแล้ว
“ไปกินกัน!” มันยิ้มกว้างในทันทีเหมือนรอประโยคนี้มานาน
“แต่เมื่อตอนบ่ายมึงก็กินไปเยอะแล้วนะ” กูพูดไปงั้นแต่ที่จริงตอนนี้กูก็หิวเหมือนกันล่ะนะ
“โหย กูเต้นมันก็เผลาผลาญไปหมดละเหอะ” มันแก้ตัวทันที กูยิ้มให้
“พอแล้ว..ไปเร็ว จะได้กลับมานอน” กูบอก
“เย้..กินๆๆ” มันรีบลุกขึ้นในทันที กูเปลี่ยนเป็นกางเกงผ้ายืดสีขาวขายาว ส่วนสลิ่มต้องเปลี่ยนเอากางเกงสะดอมาใส่แทน ถ้าพวกกูใส่บ๊อกเซอร์เดินโทงๆออกไปมันคงไม่เจริญสายตาสักเท่าไหร่นักน่ะนะ
“กินไหน บาร์ที่โรงแรมเหรอ..หรือเซเว่น” กูถามเพราะไม่รู้
“ฟูดคอร์ดKopitiam..แต่ต้องเดินหน่อยนะ ไม่ไกลหรอก..กูมีบัตรอยู่สองใบ เติมเงินก็ใช้ได้เลย คราวก่อนมาแม่ซื้อไว้สองใบอ่ะ..คงใช้ได้อยู่” มันตอบ กูพยักหน้ามองเข้าไปในบาร์ เห็นไอ้พวกเปรตนั่งเมากันอยู่ในนั้น
“ถ้าพรุ่งนี้มันแฮงค์นะ” กูหัวเราะ
“ดีที่มีจัดงานตอนเย็น” สลิ่มพูดอย่างเห็นด้วย
“แล้วพรุ่งนี้ไปไหนกัน” สลิ่มเงยหน้าถามอย่างมีความหวัง มันเดินนำส่วนกูเดินขนาบข้างและเดินตามมันไปแบบไม่รู้ทาง
“แล้วแต่” กูตอบ
“หมายความว่าแล้วแต่กู” มันยักไหล่
“ผมคงหมายความว่าอย่างนั้นแหละครับ” กูตอบ มองไปทางนู้นทีทางนี้ทีสำรวจพื้นที่ไปเรื่อย
“งั้นช็อปปิ้ง!” มันสรุป
“อืม” กูพยักหน้า รู้อยู่แล้วว่าบทสรุปคงไม่พ้นเรื่องนี้ ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้ว มีคนเดินไปเดินมาสวนทางกันไม่เยอะเท่าไหร่นัก ส่วนมากบนถนนมีแต่แท็กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสาร ตรงนี้อยู่ใจกลางเมืองแต่กลับเงียบสนิท คนที่นั่งรออยู่ตรงป้ายรถเมล์ก็มีเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น
กูหันไปมองสลิ่มที่กำลังมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอแต่งตัวเปรี้ยวจัดมาก กระโปรงสั้นและหน้าตาสวยมากทีเดียว พอเธอหันมาเห็นว่าสลิ่มมองอยู่ เธอยิ้มให้น้อยๆ สลิ่มยิ้มตอบแต่ทำหน้าเหมือนเขินเค้าซะงั้น
“หึ..มึงจะแดกเค้ารึไง” กูพูด
“เหี้ย..กูแค่มอง” มันรีบตอบ
“อยู่ไทยคงโดนลากไปข่มขืนละมายืนแบบนี้น่ะ” มันพูด
“มึงใช่ไหมคือคนที่ลากไปน่ะ”
“ก็จะดีนะ” สลิ่มรับมุข กูยิ้มและเอื้อมมือไปจับมือมัน มันจะสะบัดออก
“เดี๋ยวหลง” กูยิ้มหน่อยๆ
“เหตุผลครวยมาก” มันเล่นเสียง
“หึหึ” กูหัวเราะอย่างไม่สนใจและกำมือมันแน่นกว่าเดิม สลิ่มปล่อยแรงไม่ยื้อมืออีก มันปล่อยให้กูเดินจับมือมันอย่างนั้น ไม่มีใครสนใจอะไร..คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างตั้งหน้าตั้งตาเดิน เหมือนกับ “ช่างหัวแม่งมึงสิ มือพวกมึงนี่” ประมาณนั้น..
“จะกินน้ำแข็งใสอาม่าล่ะ คิดถึง” สลิ่มพูดขึ้น กูฟังอย่างที่ไม่รู้ว่าน้ำแข็งใสอาม่าที่มันหมายถึงนั่นคืออะไร
“แล้วก็..” หลังจากนั้นสลิ่มมันก็พูดพร่ำนู่นนี่มาตลอดทางเหมือนทั้งกูและมันไม่มีอาการว่าจะง่วงเลย คืนนั้นพวกกูพากันกินอาหารกว่าจะเสร็จก็เกือบตีหนึ่งครึ่ง กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสองนู่นแหละ
..................
..................