15 ปิดม่าน
คนดูเริ่มหันไปซุบซิบว่าละครดูผิดปกติไป ต่อให้ไม่รู้ว่าบทจะดำเนินไปอย่างไรแต่ก็คงจะไม่ใช่เจ้าชายหนีไปกับองครักษ์เป็นแน่
วันชนะชะงักไป สุวรรณาก็ตกใจไปเหมือนกันที่ระบบไฟรวนไป แต่ก็ดูแล้วไม่มีท่าทีว่าไฟจะส่องมาที่หล่อนเลย จึงตัดสินไปเดินไปที่ตำแหน่งของวันชนะเพื่อจะเปลี่ยนที่กัน คงจะเป็นการกระทำที่ลดความผิดพลาดให้น้อยลง
หล่อนตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ถูกต้อง หากหล่อนไม่ได้สะดุดชายกระโปรงกรุยกรายนั้น กลับกลายเป็นว่าสุวรรณาเซไปข้างหน้าจนผลักวันชนะกระเด็นไป
สุวรรณาอยู่ในวงแสงไปที่ส่องมาแต่ด้วยอากัปกิริยาที่กึ่งทรงตัวอยู่กึ่งทรงตัวไม่อยู่
เสียงหัวเราะฮาครืนทั้งหอประชุม
ภายใต้ใบหน้าสวย สุวรรณารู้สึกเหมือนมีน้ำมันเดือดเป็นเม็ดๆปุดๆอยู่บนหน้าหล่อน ...อับอายที่โดนหัวเราะ
บนเวทีมีเพียงแสงวงเดียวที่ส่องมา สุวรรณาอยู่ในนั้น
แสงอีกวงหนึ่งส่องไปที่บนเวที เสียงฮือฮาดังอีกคำรบ เมื่อส่องไปที่องครักษ์กำลังประคององค์ชายอย่างแนบชิด สีหน้าขององครักษ์แสดงอารมณ์ที่เกินเลยกว่าจะเป็นข้าห่วงนาย
เสียงคนดูเริ่มซุบซิบกันหนักขึ้น
“กรี๊ดดด! เริ่ด เริ่ดม๊ากมากค่ะ” แสงกรี๊ดแปร่งๆ ดังขึ้นเป็นทำนองเชียร์อย่างสุดตัว
ก้อยหันไปมองตามเสียงก่อนจะทำหน้าเบ้แบบเสียดายมาทางอาร์ท “แกๆ”
“อะไรยัยก้อย” อาร์ทงงกับท่าทางของเพื่อน
“ก็หนุ่มหล่อของฉันน่ะสิ ฮือๆ...” ก้อยชี้มือไปที่กลุ่มหนุ่มหล่อที่หล่อนกรี๊ดกราดตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาที่นั่งอยู่แถวหลัง
อาร์ทมองตาม
“เป็นไงล่ะ หนุ่มหล่อของแกน่ะ” อาร์ทแขวะ “นั่งอยู่ตรงนี้ ถึงไม่หล่อแต่ก็แมนร้อยเปอร์เซ็นต์นะ” อาร์ทลอยหน้าลอยตา
“แหม ไอ้อาร์ท ถึงทั้งโลกมีแกเป็นผู้ชายคนเดียวชั้นขอเลือกเกย์ดีกว่าย่ะ ชิ” ก้อยสะบัดหน้า
ในขณะเดียวกันหญิงสาวกลุ่มเดิมที่นั่งเยื้องๆไปก็หน้าเหวอไปเหมือนๆกับก้อย
หลังเวที สต๊าฟทุกคนต่างวิ่งพล่าน โดยเฉพาะเจ๊ใหญ่ที่เหงื่อแตกพลั่ก มือหนึ่งเอากระดาษแถวนั้นพัด อีกมือถือยาดมจ่อจมูก
“โอ้ย อกปีแป้นแหลกสลาย” เจ๊ใหญ่ครวญ
ภาสกรออกจากบริเวณควบคุมไฟไปแล้ว พอคนมาดูจึงไม่เห็นใคร
“ดี ให้คนมันรู้กันทั้งมหา’ลัยเลยว่านักขัตเป็นเกย์” ภาสกรยิ้มสะใจ
ระหว่างทางสวนทางกับพี่ชาญคนดูแลระบบไฟ
“ไงแซกส์ เรียบร้อยดีนะ เมื่อวานพี่ไม่น่ากินส้มตำเลยอ่ะ ขอบใจมากนะที่อยู่ดูให้” พี่ชาญเดินกลับไปยังตำแหน่งของตนโดยหารู้ไม่ว่าซึนามิกำลังรออยู่
เสร็จธุระจากเรื่องระบบไฟขัดข้องทางเทคนิค ภาสกรก็ตรงไปที่พี่กรที่ดูแลเรื่องเสียง
ซีดีเพลงถูกบรรจุอยู่ในเครื่องเตรียมพร้อม เพียงแต่กดเอนเทอร์เพลงจะเริ่ม
หึ หึ ภาสกรหัวเราะในลำคอ ...พี่กรมัวแต่วุ่นๆกับเรื่องอื่นเลยหันหลังให้ มือปีศาจของแซกส์เลยเอื้อมไปกดคีย์บอร์ดอย่างง่ายดาย
“เหมือนดั่งพรหมชะตาขีดไว้...” ซีดีอัดเสียงสดของนักขัตถูกกดเพลย์
ท่อนต่อไปเป็นของสุวรรณา หล่อนทำท่าลิบซิงค์เต็มที่ ทั้งท่าทางและสีหน้า แต่เพลงกลับไม่บรรเลงต่อ
หล่อนหน้าแตกอีกรอบ
อารามตกใจทำให้พี่กรรีบกดปิดเพลงเพราะยังไม่ถึงคิว
เสียงหัวเราะฮาครืนดังเป็นระลอกสอง เช่นเดียวกับเจ๊ใหญ่ที่เหมือนจะเป็นลมวูบไปอีกรอบเสียให้ได้
“กรี๊ดดดดด..!!!” เสียงกรี๊ดของสุวรรณาดังออกไมโครโฟนด้วยอารมณ์ที่เกินจะยอมรับสภาพที่ทุกคนมองหล่อนเป็นตัวตลกได้
พี่กรตกใจอีกรอบ เลยกดปิดเสียงไมโครโฟนของสุวรรณาอย่างเร่งด่วน
“โอ๊ย ใครจะตายอีกเนี้ย” เจ๊ใหญ่เบะหน้าจะร้องไห้
แม้ไมโครโฟนของสุวรรณาจะถูกตัดเสียงออก แต่ที่นั่งแถวหน้าสอง-สามแถวยังได้ยินเสียงกรี๊ดดังจนจบ
จากนั้นบนเวทีจึงเงียบ คนดูก็เงียบเพื่อรอดูว่าอะไรจะเกิดต่อไป
ไมโครโฟนของวันชนะกับนักขัตยังใช้ได้อยู่
“เหมือนดั่งพรหมชะตาขีดไว้...” นักขัตร้องเสียงสดออกไมโครโฟนท่ามกลางความเงียบทั้งหอประชุม สายตาจดจ้องที่ใบหน้าของคนในอ้อมแขน
วันชนะเห็นว่าไม่มีทางแก้ไขสถานการณ์ให้เป็นอย่างอื่นไปได้ก็ได้แต่ปลง แอบลอบถอนใจว่าเป็นเพราะความผิดตนที่ร่างกายไม่พร้อมเลยเป็นแบบนี้
แต่สายตาของนักขัตที่จ้องมาทำให้เขาอบอุ่น รู้สึกไม่กลัวต่อสิ่งใด สายตาที่ราวจะกระซิบบอกว่า ...วินไม่ผิดหรอก
“กำหนดใจสองเราให้คู่กันมา” วันชนะร้องเสียงคลอสั่นๆ
“ใจสองใจผูกพันแน่นหนา” นักขัตต่อ
”อยู่ไกลลับฟ้า ยังมาพบกัน”
เสียงเย็นๆเปี่ยมพลังของวันชนะกับเสียงอบอุ่นของนักขัตราวกับมีมนต์สะกดให้คนดูเคลิ้มไป
“นักขัต : แล้วสิ่งใดที่เคยขาดหาย
วันชนะ : ก็กลับกลายสมใจดังว่าเสกสรร
นักขัต : ลอยล่องในภวังค์แห่งฝัน
วันชนะ : ต่อเติมรักนั้นจนเต็มหัวใจ
...เธอ เพราะเธอคือคนสำคัญ ที่ใจของฉันจะรักจะคอยห่วงใย
ตราบที่ฟ้าและดินสูญสิ้นมลายลงไป ตราบที่ลมหายใจของเราสิ้นสุด...”
ทั้งสองผสานมือกันอย่างคนรัก ไม่แคร์คนดูข้างล่าง ไม่แคร์ว่าทีมงานว่าต่อว่า ไม่แคร์อะไรในโลกนี้อีกแล้ว
การแสดงที่ควรจะจบลงในอีกสิบนาทีข้างหน้าพลิกผันมาจนถึงขั้นนี้คงไม่มีทางต่อเหตุการณ์ได้อีก คงมีทางเดียวคือปิดม่านการแสดงเอาไว้เท่านี้
เจ๊ใหญ่แอบเคลิ้มลืมความระทมไปชั่วขณะ พอเพลงจบก็ดันๆนักแสดงตัวประกอบทั้งหลายออกไปหน้าเวทีเพื่อแสดงความขอบคุณ เป็นการกล่าวลาคนดู
นักแสดงทุกคนจบมือกันก้มหัวลง ขณะที่ทั้งหอประชุมเงียบกริบ
เสียงปรบมือค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ เนิ่นนาน คนดูซาบซึ้งกับฉากจบ โดยเฉพาะเซทหนุ่มๆหล่อที่ไม่ใช่ชายแท้ที่ออกหน้าออกตาปรบมืออย่างมีสไตล์
“แกเป็นอะไรไปยัยก้อย” อาร์ทแหย่ “ยังเสียดายหนุ่มพวกนั้นเหรอ”
“ชั้นซึ้ง” ก้อยปาดน้ำตาแต่ก็หันมาทำตาขวางใส่เพื่อน “ชีวิตชั้นจะมีอย่างนั้นมั่งมั้ยนะ”
“อย่าเพ้อ” อาร์ทแหย่อีก
“อ๊าย ไอ้อาร์ท” ก้อยหยิกที่ต้นแขน
...