ตอนพิเศษมาแล้ว ขออภัยที่ช้าค่าาา
..................
Bad Guy Special 2nd Anniversary
"In the dark "
Gun part
" ผมเเกลียดชังคนที่ใช้ความรักทำร้ายคนอื่น ทว่าผมก็ทำแบบนั้นเช่นกัน"
..กันย์ไม่ชอบคนที่หลอกลวง..ใช้ความรักที่อีกฝ่ายมีให้มาทำร้ายคนๆนั้น..ทว่า วันหนึ่งเขาก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน..
..เพราะมัน "เลว"เกินกว่าจะใช้กำลังทุ่มเทเพื่อแก้แค้น..เพราะมันร้าย"หัวใจ"ของเขาจนชอกช้ำ...กันย์จึงไม่มีทางยกโทษให้มันเด็ดขาด..
นัยน์ตาของชายหนุ่มหรี่ปรือลงยามมองท้องฟ้าที่ส่องแสงจ้า เสียงเอะอะและเสียงเรียกของผู้คุมดังอยู่บนหัว..ม่านโลหิตสีแดงรินไหลลงมาปิดบังดวงตาจนมองไม่เห็นสิ่งใด..ที่เห็นได้ มีเพียงดวงตะวันส่องแสงจ้า..ที่ส่องลงมาสาดกระทบดวงตาเท่านั้น..
สติที่เลือนพร่ายังคงไม่หลุดลอยไป แม้กันย์จะรู้ว่าตัวเขาทำได้เพียงฉีกยิ้มโง่ๆและถูกพาตัวไปนอนบนเตียงในห้องพยาบาลที่เแสนจะเคยคุ้น..
หลังตาลงช้าๆ...ไม่ได้หลับพักผ่อนนิทรา แต่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น..
....หลอกคนอื่นด้วยวิธีไหน...ก็ถูกย้อนรอยกลับมาด้วยวิธีนั้น
ปากบอกว่าเกลียด..รังเกียจคนที่ใช้วิธีนี้ แค่ก็เป็นตัวเขาที่ทำมันด้วยตัวเอง..และถูกยอกย้อนกลับมาเช่นกัน...
ไม่รู้มันเริ่มจากอะไร... ไม่รู้มันมาจากไหน...
หรือว่า....นับจากวันนั้น....
วันที่ได้รู้...ว่าคนที่ตนเองหลงรักมาตลอด..ต้องพบเจอกับอะไร
อุบัติเหตุความผิดพลาด ชีวิตผู้คนที่ต้องตายไปด้วยความพลาดพลั้งและไม่ตั้งใจของเขา..ไม่ได้หนักหนาและทำให้หัวใจหนักอึ้งเท่ากับข่าวของ"น้องชาย" ที่รักซึ่งถูกสั่งจำคุก โทษฐานฆาตกรรม ด้วยการวางยาที่แสนโหดเหี้ยม..
จำได้ดีว่าเมื่อรู้ข่าว เขาแสยะยิ้มด้วยดวงตาวาววับ..หากใบหน้าเปื้อนน้ำตาเป็นสาย...
....ยิ้มให้กับความโง่งม ขลาดเขลา หัวเราะ....เพราะความ"ขี้ขลาด"ของตัวเอง ทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้...
ถ้าเพียงแต่....จะ"กล้า"ยืดอกมารับ กล้าที่จะกอดเมฆไว้แล้วปกป้อง ไม่ยอมให้เจ้าตัวต้องจากไป ถ้ากล้ายืดอกยอมรับ ถ้ากล้าจะรักษาความรักของตนไว้แทนที่จะเป็นอนาคต เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้..
...แล้ว....ในวันที่น้องชายบากหน้ามาหาเขาทั้งน้ำตา...เขาก็ยังปิดปากเงียบ ไม่ถามไถ่...
กันย็จำได้ดีว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ห่างหายกันไปพอสมควรเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ของสองฝ่าย ผ่านไปปีแล้วปีเล่าที่ถูกกีดกันไม่ให้พุดคุย พบเจอกันแม้เงา...วันหนึ่งเมฆก็เดินเข้ามาหาเขาทั้งน้ำตา...
ดวงตาแดงก่ำ สะอื้นไห้ ออกปากขอ"ยา"อะไรก็ได้ที่สามารถฆ่าคนตายได้ในพริบตา..
วูบหนึ่ง...เมื่อมองหน้า มองตาของคนพูด หัวใจของเขาวาบลึกด้วยแรงสังหรณ์ร้าย...แต่กันย์ก็ยังยิ้ม...ยิ้มบางๆพร้อมกับคำปฏิเสธสั้นๆ
เขาไม่ออกปากถามสาเหตุ ไม่พูดถึงน้ำตานั้น นอกจากปาดเช็ดมันด้วยความห่วงหา..
แต่กันย์ไม่เคยรู้...ว่ามันไม่เพียงพอ...สำหรับความทรมารของคนที่เขารัก...
.... ข่าวของน้องชายที่รักซึ่งก่อเหตุวางยาฆาตกรรมผู้เป็นลุงถุกแจ้งมาให้เขารู้...พร้อมๆกับร่างอันไร้ชีวิตของชายคนนั้นและเสียงร่ำไห้ของหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นป้าของเมฆ ด่าว่ากราดด่าตัวเขาทั้งน้ำตา..
คำพล่ามพรรณนาของเธอมีแต่ความเกลียดชังและด่าว่าความรักอันวิปริตของเขากับเมฆที่เป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของคนที่หล่อนรัก...และเอ่ยปากพลั้งพูดถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเมฆ...และผู้ชายที่มีศักดิ์เป็น"ลุง"คนนั้น...
หล่อนกล่าวอาฆาต กรีดร้องกล่าวร้ายว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด...
ทุกคำสาปเเช่ง ทุกเสียงก่นด่า..ทุกคำกล่าวหา เหมือนกับคว้านหลุมดำในใจให้ลึก..ลึกขึ้นทีครา..
...มันเป็นความผิดของเมฆเหรอ? ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนเลวๆเช่นนี้...
มันเป็นความผิดของเมฆเหรอ? คนที่มีชื่อเป็นลุงคนจึงนั้นมาทำร้าย ขืนใจ...มันเป็นความผิดของน้องชายเขาหรือไร...
...ความโกรธเกรี้ยว แค้นเคือง ไม่เข้าใจ สาดวัดทั่วร่าง สมองมึนชาจนแทบคิดอะไรไม่ออก เมื่อได้รุ้ความลับที่ทำให้ใบหน้าของเมฆนองไปด้วยน้ำตา...
สาสมแล้ว....ที่มันตาย... สาสมแล้ว...ที่มันจากโลกนี้ไปด้วยความผิดอันน่ารังเกียจนั้น
แต่เมื่อคิดแบบนั้น..ยามมองใบหน้านองน้ำตาของหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้าและสภาพ"ศพ"อันไม่น่าดูนั้น..กันย์ก็ได้ยินเสียงกระซิบในสมองดังแว่วๆ..
มันเป็นเพราะตัวเขาด้วยส่วนหนึ่ง..
ถ้าเพียงแต่ไม่ขี้ขลาด...ถ้าเพียงแต่กอดไว้...หรือเพียงแต่จะถามไถ่เรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมฆ ไม่ใช่แค่เช็ดน้ำตาให้และคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น พร้อมกับปัดเรื่องนี้ออกไปจากสมอง...
...ถ้าเพียงแต่จะฉุกคิด...อะไรมากกว่านั้นสักนิด...
กันย์จำได้ดีว่าหลังจากนั้นเขาทำอะไรลงไป...ด้วยความโกรธแค้นและเคืองลึกจนขาดสติ...ไม่ถึงอาทิตย์ ตัวเขาก็ลอบเอาตัวยามีพิษในห้องเก็บรักษา...ตามไปปลิดชีวิตผู้หญิงคนนั้นให้ตายตกตามสามีของหล่อนไปติดๆ..
หัวใจของเขาด้านชา ยามที่ก้าวเท้าไปยื่นแขนทั้งสองข้างแก่ตำรวจ..สีหน้าของเขาไม่หวั่นไหว ยามถูกไต่สวนว่าร้าย..ไม่สนใจเสียงพึมพัมก่นด่าสาปแช่งหรือเสียงนินกล่าวหาตัวเขาและน้องชายที่ก่อคดีสะเทือนขวัญเนื่องด้วยความรักอันวิปริตของตน..เขาเพียงแต่แสยะยิ้มและออกปากยอมรับข้อตัดสินทุกๆอย่างโดยไม่อุธรณ์
....จะไม่เสียใจภายหลัง..
จะไม่ให้คำว่า"ถ้า"มาขัดขวางตัวเขาอีกต่อไปแล้ว
ทางเลือกของเขาใครจะว่าโง่งม..จะว่าโง่เง่าแค่ไหนกันย์ก็ไม่สนใจ...เพียงเพราะไม่อยากเสียใจภายหลังอีก...อยากกลับไปดูแลและแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง..เขาคิด...เพียงเท่านั้น..
เพราะเมฆเป็นคนสำคัญเพัยงคนเดียวในชีวิตอันว่างเปล่าของเขา...
เพราะน้องชายที่รักเป็นเพียงแสงสว่างเดียวในชีวิตของเขา
หลังจากทำผิดและปล่อยปละมานาน...มาบัดนี้ จะขอทำสิ่งที่สมควรที่สุด...แม้ใครจะกล่าวหาเช่นไร..
............................
... แต่ทว่า...โชคชะตายังกลั่นแกล้งเขาไม่หยุด..
หรือทุกสิ่งจะสายเกินไปเสียแล้ว...
...กันย์แทบคลั่งเมื่อรู้ตัวว่าเขาถูกส่งมาประจำคนละเรือนจำกับเมฆส่งมาก่อนหน้าเจ้าตัวเจอพิจาณาคดีเสร็จสิ้นเสียอีก...เขาพยายามมากมาย ทำทุกอย่างเพื่อจะได้ขอย้ายไปอยู่อีกเรือนจำหนึ่งที่น้องชายของตนอยู่ที่นั่น...กระทั่งผ่านไปสองปี เขาถึงได้ก้าวเข้ามาอยู่แดนสิบสอง ณ เรือนจำแห่งนี้ ...ในตำแหน่งพิเศษหลังจากการก่อเรื่องจลาจลเล็กๆของนักโทษในเรือนจำ..และร่างของคนป่วยที่นอนเเบ่บรอให้ตนเองดูแล..
พร้อมๆกับข่าวของคนที่เขารัก...ข่าวที่ทำให้กันย์แทบจะทรุดกายอย่างไร้เรี่ยวแรง..
เด็กน้อยของเขาเปลี่ยนไปแล้ว...
น้องชายของเขา...บอบช้ำ...เจ็บปวด ถูกฉีกกระชาก ดึงทึ้งเสียจนไม่มีชิ้นดี...
ดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าเย็นชา...นัยน์ตาคู่นั้นเเข็งกร้าวไร้ความรู้สึกใดๆ...
เมฆ....เมฆตัวน้อยของเขา...ไม่มีแล้ว...
...กันย์พยายามสืบข่าวทั้งหมดที่พอจะรู้ได้ เพื่อหาตัวการของเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยหัวใจเดือดเร่า...ร่ำร้องอย่ากทำลายแก้แค้นให้มันเจ็บปวดสาสมกับที่เขารู้สึก..
แก้วใบสวยที่เขาทะนุถนอมตลอดมาตกแตก..แตกร้าว...จนไม่อาจจะประกอบติด..
เช่นไรก็ไม่เหมือนเดิม จะทำอย่างไร ดวงตาคุ่นั้นก็ไม่เหลือบแลมามองยังตนเอง..
เพราะใคร...
" มึง....." น้ำเสียงทายทักอันแหบพร่าของนักโทษรายใหม่ในการดูแลทำให้ความคิดที่ลอยเหม่อกลับมาในที่สุด...กันย์หันกลับไปมองมัน..สบมองดวงตากลมใสที่หรี่ปรือลงน้อยๆ เพราะขอบตาที่บวมเป่งและปูดบวม อีกทั้งร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยการถูกทำร้าย หนักสุดคือรอยมีดบนเอวที่กรีดลึก...
เขาแว่วมาว่าเป็นการทรยศหกหลังกันเองในกลุ่ม...และเจ้านักโทษรายนี้คือเหยื่อตัวลำคัญ..เป็นคนสนิทของขาใหญ่อะไรสักอย่างในนี้..
ดวงตาอันหรี่ปรือมองมาที่เขา น้ำเสียงพร่าแหบของมันดังขึ้นเรียกให้ต้องกันไปสบตา กันย์พ่นลมหายใจพรู พยักหน้ารับ..
" ครับ...มีอะไร? "
" มึงเป็นใคร? " คำถามนั้นทำให้หัวคิ้วของเขากระตุกวูบ มองหน้าเจ้าคนป่วยเบื้องหน้าอย่างนึกรำคาญใจไม่น้อย..
"ผมชื่อกันย์ เป็นนักโทษมาใหม่ครับ " เอ่ยบอกชื่อและนำนำตัวไปแกนๆเช่นที่ควรทำ กันย์มองเห็นมันมีสีหน้าเหรอหรา ก่อนจะไอออกมาเบาๆ..
" เหรอ...ทำไมกูไม่เห็นหน้า "ประโยคหลังคนๆนั้นมันงึมงัมกับตัวเองเบาๆ " ไอ้กันย์ใช่ไหม..ขอน้ำหน่อย กูแสบคอ..."
กันย์หันไปหยิบแก้วน้ำพร้อมกับหลอดพลาสติกใสให้อีกฝ่ายรับไปจิบอย่างรวดเร็ว สีหน้ายังคงครุ่นคิดกับปัญหาที่ยังวนเวียนอยู่ในสมอง..
"...นี่มึง...." น้ำเสียงทายทักอีกคราชวนให้รำคาญใจไม่น้อย กันย์พ่นลมหายใจเชืองช้า ก่อนจะพยักหน้ารับ
"มีอะไรอีกครับ..."
" กูชื่อวิทย์นะ..มาใหม่ มีไรบอกได้..ขอบใจที่ดูแลว่ะ..." ว่าแล้วเจ้าคนป่วยที่ทำท่าเหมือนตัวเองแข็งแรงเสียเต็มประดาก็นอนเเบ่บและหลับตาลงเช่นเดิม...ทิ้งให้กันย์ขมวดคิ้ว กึ่งฉิวกึ่งขันกับท่าทีนั้น..
ปรายตามองร่างผอมๆที่นอนบนเตียง ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบาทั้งนึกขันทั้งนึกระอา..ตัวก็เท่านี้ นอนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่บนเตียง ยังมีหน้ามาอวดเบ่งคุ้มครองชาวบ้าน...
กันย์ถอนหายใจพลางเอื้อมมือหยิบแก้วน้ำที่อีกใายวางไว้ข้างกายไปเก็บ...เขามองเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาแล้วหยุดลงยังปลายเตียงผู้ป่วยรายเมื่อครู่ เสียงพุดคุยสอบถามกันดังขึ้นเบาๆ ไม่จับใจความ...
ทว่าประโยคหนึ่งที่ดังขึ้นหู กลับทำให้ประสาททั้งหมดชะงักงัน..
" มึงจะเอายังไงกับไอ้เมฆ...." ชื่อนั้นทำให้กันย์ชะงัก นัยน์ตาลอบปรายมองใบหน้าของผู้พูดเขม็ง...ผู้ชายคนนั้นนั่งบนเก้าอี้พลาสติก กอดอกสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าคมเข้มอย่างชายไทย รูปร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาคมปลาบและริมฝีปากบางเฉียบหัวคิ้วขมวดมุ่น บ่งชัดว่าๆคนนั้นมีลักษณะเด็ดเดี่ยวและเป็นผู้นำไม่น้อย..
เจ้าคนที่นอนแบ่บบนเตียงชะงัก..มันถอนหายใจแผ่วเบา..นิ่ง...อึ้งไปนาน...
" ตามใจมึงเถอะ โต...."
พูดแล้วมันก็หลับตาลงช้าๆ ถอนหายใจนิ่งอึ้งราวกับคนหมดเรี่ยวแรง...
สีหน้าของมันซีดเผือก ราวกับคนใกล้จะตาย...ขณะที่ผู้ชายคนนั้นถอนหายใจแผ่วเบา...แล้วค่อยยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกข้างเตียง ครู่หนึ่งมันหันมามองสบตาเขาราวกับรู้ว่าถูกจ้อง...ก่อนจะหรี่ตาลงช้าๆ แล้วถอนหายใจ
" ฝากไอ้วิทย์ด้วย..." มันเอ่ยปาก ก่อนจะเดินออกไป ...ขณะที่กันย์ขมวดคิ้วแน่น...เขาลุกขึ้นอีกครั้ง เดินไปยังเตียงผู้ป่วยรายสำคัญที่นอนหายใจระโหย ร่างที่บาดเจ็บและพ่ายผอมซมอยู่กับเตียงด้วยสีหน้าซีดขาว....นิ่งคิดชื่อมันครู่หนึ่ง ถึงจำได้ว่ามันชื่อวิทย์...กันย์มองหน้ามัน...ใบหน้าธรรมดาๆจะมีดีก็แค่นัยน์ตากลมใสที่โดดเด่น..ไม่ได้ฉายแววเหี้ยมโหดหรือเฉียบขาดน่าหวั่นเกรง..กระทั่งคำพูดของมันก็ยังออกแนวตลกโปกฮาปัญญาอ่อน...
...กันย์นิ่วหน้า...จำได้ดีถึงชื่อเมฆที่พวกมันเอ่ยออกมา...เขาพ่นลมหายใจช้าๆและเดินผ่านเตียงนั้นไป...ขณะที่ในใจตั้งปณิธานหมายมาด ว่าอย่างไรก็จะหาสาเหตุ และหาคนที่ทำร้ายหัวใจของเขาให้เจอ...
จะตามจ้องล้างผลาญเจ้าคนนั้นสุดกำลัง จนมันทรมารเจียนตาย...
โทษทัณฑ์ที่ทำร้าย"หัวใจ"ของเขา...ไม่มีวันยกโทษให้ง่ายๆแน่นอน..
..............
...และแล้ว ลางสังหรณ์ของเขาก็เป็นจริง...
เป็นมัน !! ไอ้วิทย์คนนั้น !!
กัดฟันกรอดด้วยความเคืองแค้นเสียจนทนไม่ไหว กันย์คำรามในลำคอด้วยความไม่พอใจ...และเคืองแค้นเสียจนฝ่ามือสั่นระริก..
มองหน้ามัน...เขาจ้องมองใบหน้าของมัน... ใบหน้าที่เคยคิดว่าซื่อใสและไร้ท่าทีโหดเหี้ยม บัดนี้มันกลายเป็นใบหน้าอันน่าขยะแขยง โกรธ...เกลียดเสียจนอยากจะฆ่ามันให้ตายตกไปตามๆกัน..
มันกล้า....กล้าทำร้ายเมฆของเขา...
มันกล้า กล้าเหยียบย่ำคนสำคัญของเขา กล้าหลอกให้เมฆรัก...หลอกให้เมฆหลงรักและทุ่มเทใจให้มัน แต่ตัวมันกลับหักหลัง หลอกลวง..ทำร้ายคนที่เขารักจนเมฆปวดร้าวเจียนตาย...
...ฝ่ามือที่เย็นชืดสั่นระริกด้วยความเคืองโกรธเสียจนตัวสั่น กันย์ขยับยิ้มเหี้ยมลึก เขาจ้องมองใบหน้าอันน่าเกลียดชังที่หลับตานิ่ง นอนสงบไร้หนทางต่อสู้เบื้องหน้า...
ทั้งห้องเงียบสนิท...ไร้ร่อยรอยของสิ่งมีชีวิต ประตูปิดแน่น มีเพียงตัวเขาและ"มัน"อยู่ในห้องพยาบาลแห่งนี้..
ปลายนิ้วค่อยแตะลงบนฐานชีพจร...กำรอบลำคอ รู้สึกถึงเส้นเอนเต้นตุบ...ขณะที่ความโกรธแค้น ยิ่งโหมทวี...
ถ้า....จะฆ่ามันให้ตายอยู่ตรงนี้คงง่ายดายและไม่มีใครรู้..
ถ้าปลิดชีวิตเสี้ยนหนามที่ตำใจและคนที่ทำความผิดอันไม่น่าอภัยแล้ว ทุกอย่างก็จะจบลง เมฆก็จะมาเป็นของเขาเช่นเดิม...ตัวเขาจะได้แก้แค้นแทนน้องชายที่รัก..และจะคอยลบเลือนรอยน้ำตาของเมฆด้วยตัวเอง..
ฝ่ามือที่ค่อยกำรอบลำคอนั้นค่อยกำแน่น...กระชับเข้าหากันช้าๆ...
ค่อยจิกปลายเล็บลงผิวหนัง ค่อยบีบรัดด้วยแรงทั้งมด...แรงแค้น...แรงอาฆาตโกรธเคืองที่โหมปะทุ...
มองร่างที่เคยหลับตาอยู่ในห้วงนิทราค่อยมีสีหน้าทรมาร มันเริ่มขมวดคิ้ว ดิ้นรน...เหงื่อไหลซึมชื้นบนใบหน้า...
กันย์แสยะยิ้มเหี้ยม..สำหรับคนที่ทำร้ายหลอกลวงเมฆด้วยคำว่ารักแล้ว....
เฮือก !!
"...เฮ้ย!....นี่มันเกิดอะไรขึ้น..."น้ำเสียงถามพร้อมกับเสียงไอเบาๆทำให้กันย์ขมวดคิ้วน้อยๆเขาโน้มตัวเหนือร่างคนป่วยที่สำลักระอักระไอแล้วยื่นแก้วน้ำไปให้อย่างทันท่วงที
"" เป็นอะไรไปครับ? " กันย์เลิกคิ้ว...ยิ้มบางๆให้อย่างห่วงใย ขณะที่คนสบตาเขาชะงัก...
วิทย์ยกมือแตะลำคอของตนเบาๆและลูบมันช้าๆ สีหน้าจืดเจื่อนขณะที่ขยับตัวไปมาด้วยท่าทีครุ่นคิด..
" เมื่อกี้กูหายใจไม่ออก เจ็บคอ เหมือนโดนบีบคอเลยว่ะ..."
" เอ๋? " กันย์ชะงัก..เขาเลิกคิ้วขึ้นช้าๆสบตากับวิทย์ที่นั่งทำหน้าเหรอหราอยู่บนเตียง อีกฝ่ายชะงักที่เขาทำสีหน้าไม่เชื่อแล้วมันก็เริ่มอ้าปากโวยวาย..
"อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะ นี่กูรู้สึกจริงๆ ...ห่า....นี่ห้องนี้มีผีรึเปล่าว่ะ..." ว่าแล้วมันก็ขยับตัวหลุกหลิกบนเตียงด้วยท่าทีหวาดผวา...ส่ายหน้าไปมาคล้ายคนมีเรื่องสยองขวัญ น่าขำจนกันย์อดหัวเราะพรืดไม่ได้..
" มึงหัวเราะอะไรไอ้ห่า...สัดเอ๊ย! มาใหม่แล้วทำเปรี้ยวนะมึง "...วิทย์หน้ามุ่ยเมื่อถูกไอ้เด็กใหม่จอมวางมาดหัวเราะ เขาถลึงตาใส่มันอย่างหงุดหงิด ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้งไม่วายบ่นงึมงัมด้วยความหงุดหงิด
" ผมว่าไม่มีอะไรหรอก...พักผ่อนได้แล้วครับ จะได้หายเร็วๆ " กันย์เอื้อมมือไปรั้งผ้าห่มของคนป่วยที่ตกอยู่รอบเอวฝ่ายนั้นขึ้นมาบนอก...เขายิ้มให้กับสีหน้างกเงิ่นของเจ้าคนบนเตียง สักพักวิทย์จึงออกปากโวยวายด้วยสีหน้าอิลั่กอิเหลือปนขัดเขินน่าขำนัก
" ไอ้ห่า...เป็นผู้ชายแท้ๆมาห่มผ้าทำตัวหวานแหวว ไม่เข้านะเว้ย แม่งขนลุก !! "
เสียงโวยวายนั้นทำให้กันย์หัวเราะรับเบาๆ เขาหันหลังกลับมาก้มหน้าเขียนชาร์ตจดอาการอย่างจดจ่อ ฟังเสียงโวยวายของคนป่วยที่ดังล้งเล้งขึ้นสักพักก็เงียบไป...
ก่อนจะเงยหน้ามามองร่างนั้นอีกครั้ง..ด้วยแววตาเย็นเยียบ...
ลุกขึ้นยืนนอีกครา สาวเท้าช้าไปยังปลายเตียง..จ้องมองใบหน้าที่หลับไหลนั้นด้วยสายตาเกลียดชัง...
มันโง่...โง่จนจะตายแล้วยังไม่รู้ตัว
มันเกือบจะตายอยู่แล้ว...เกือบจะไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวายเช่นนี้...ถ้าหากเขาใจเเข็งกว่านี้อีกนิด...และขาดสติกว่านี้อีกหน่อย..
มันดี ที่เสี้ยวหนึ่งท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวอันรุนแรงของเขา..กันย์ยังได้ฉุกคิด...
คิดถึงสิ่งตอบแทนอันเจ็บปวดและควรค่ากับสิ่งที่มันทำมากกว่าความตายมากนัก..
...สำหรับคนที่ทำร้ายคนอื่นด้วยคำว่ารัก...
มันก็ต้องตายด้วยความรักเช่นเดียวกัน...
.....................
...ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น หลอกล่อมัน ทำดีกับมัน ปั้นหน้ายิ้มแล้วค่อยๆหลอกลวงมันให้ติดกับ..ก่อนจะค่อยๆเชือดมัน แล่เนื้อเถือหนัง กรีดเอาหยดเลือดและน้ำตาจากตัวมันให้มากที่สุด...
แต่ทว่า..ก็มีบางสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้..
นั่นคือความรัก...
มันทั้งน่าขัน ทั้งน่าสมเพช...ที่ต่อเก่งกาจวางแผนเช่นไร "น้องชาย"ที่เขารักกลับไปหลงรักมัน ยังคงหลงรักมัน แม้จะถูกทำร้ายมากมาย..
เขาพ่ายแพ้....แพ้ทั้งที่มันไม่ได้สู้ด้วยซ้ำ...
ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด โกรธเกรี้ยวจนไม่รุ้จะทำเช่นไร จะระบายออกแบบไหน กันย์จึงได้ฝากรอยแค้นสลักไว้บนผิวเนื้อนั้น กรีดเลือดและประทับตรา"ของเขา"ให้มันจดจำไปชั่วชีวิต...
และสร้างตราประทับแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ด้วยการยัดเยียดความต้องการให้กับมัน..
ทั้งเหยียดหยาม ทั้งซ้ำเติม ทั้งสมน้ำหน้า..
ทั้งหมด...ทำไปเพื่อความสะใจ ทำไปเพราะความเคียดแค้น
เพราะโกรธ เพราะเกลียดชัง จึงได้วางแผ่นเช่นนั้น
เพราะเคียดแค้น เพราะเคืองโกรธจนทนไม่ไดว จึงได้กรีดคมมีเรียกเลือดบนผิวเนื้อ..ฝากรอยประทับอันน่าชังไว้
...อีกทั้งตอกย้ำ ซ้ำหน้ามันด้วยสิ่งที่มันต้องการนักหนา
กันย์รู้ว่ามันรักเขา รู้ว่ามันต้องการเขา..จึงได้ยัดเยียดสิ่งที่มันต้องการนักหนาไปให้..
...ให้ด้วยความเกลียดชัง และไร้หัวใจ..
มีเพียงความแค้นและความไม่พอใจที่ดิ้นพล่าน..ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความปราณี...หรือปราถนาใดๆ
...การระบายอารมณ์กับร่างกายของมัน ไม่ต่างกับที่มันเคยส่งน้องชายของเขาไปสังเวยให้พวกบ้าตัณหา.. ถูกใช้ทดแทนหญิงสาวเพื่อระบายอารมณ์ใคร่ ถูกทำร้ายใช้เป็นสิ่งของสนองความต้องการ ถูกหักหลังด้วยคนที่หลงรัก ทุกสิ่งที่มันเคยทำกับผู้อื่น ทุกสิ่งนั้นมันเคยทำร้าย"น้องชาย"ของเขาจนหมดชีวิตพังยับ...
....เพราะมันหลอกลวงผู้อื่นด้วยคำว่ารัก...เพราะคำๆนั้น...
เพราะเหตุผลเช่นนี้ มันจึงต้องได้รับผลตอบแทนที่สาสมที่สุด...
....
บางค่ำคืนที่นอนเบิกตาโพลงในความมืดอย่างเดียวดาย สมองใคร่ครวญหาทางไป พยายามคิด..เพื่อหาทางยื้อความรัก ความหวังของตนและพยายามจะรั้งเอาน้องชานที่รักมาแนบข้าง...กันย์เคยคิด...ประหวัดคิดไปถึงตอนนั้น..
ในยามที่เขาจรดฝ่ามือลงบนลำคอของมัน...ไอ้วิทย์ที่เขาเกลียดชัง...
เฝ้าถามตัวเอง ว่าถ้าวันนั้นกำจัดมันไปเสีย...จะดีกว่าไหม...
ถ้าฆ่ามันไปเสียวันนั้น มันคงไม่เป็นเสี้ยนหนามตำใจในวันนี้...
ถ้าเพียงแต่...กล้าจะลงมืออีกนิด
กันย์ถอนหายใจแผ่วเบา...นัยน์ตาที่เบิกขึ้นค่อยปิดพับลงอย่างเชื่องช้า หากฝ่ามือที่กำแน่นข้างกายไม่ได้คลายแรงลง...
..ที่สุดแล้ว...เขาก็ยังต้องเสียใจภายหลัง..
กับคำว่าถ้า...
มันสายไป...เพียงแค่วูบหนึ่งที่ก้าวพลาด วูบหนึ่งที่ลังเล ชั่ววินาทีที่ตัดสินใจ..
ดวงตาค่อยปรือเปิดขึ้นมาอีกครั้ง มองแสงสว่างวูบจากภายนอก และเงาวูบไหวของลูกกรงพาดเงายาวกับทบผิวหน้า..ขณะที่ฝ่ามือเกร็งแน่นขึ้นเล็กน้อย...
พลาดครั้งที่หนึ่ง...ผ่านไป...
แต่...พลาดครั้งที่สอง ตัดสินใจพลาดอีกครั้ง หมายความว่าอย่างไร?
...กันย์คิดถึงอีกหนึ่งโอกาสที่เขามี ยามที่จรดมีดลงบนลำคอของมัน เขาถามตัวเอง ว่าทำไมถึงไม่ทำ..
ทำไม...ถึงต้องการแค่ความสาใจ มากกว่าชีวิต...
ทั้งที่ตอนนั้นโกรธแค้นชิงชังมากพอจะฆ่าให้ตาย หลังจากรู้แน่ว่าเมฆยังคงมีใจอยู่กับมัน...เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้ว..
....ต้องการเหยียดหยาม ต้องการแก้แค้น ต้องการหลักหลัง
...แต่....ทำไมถึงไม่ฆ่ามันให้ตายๆไปเสีย...?
กันย์ครุ่นคิดคำตอบของคำถามนี้อย่างว้าวุ่น หัวสมองปั่นป่วน..
การฆ่าคนในเรือนจำนี้...มันจะยิ่งส่งผลเสีย เขาไม่อยากทำ...ใช่.... นี่คือคำตอบ...ใช่แล้ว..
คำตอบเป็นเช่นนั้น ยังคงเป็นเช่นที่เขาตอบกับตัวเองไปครั้งแล้วครั้งเล่า...
เพราะความสาแก่ใจ....เหตุผลนี้มากพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง...
...ไม่มีสักเสี้ยวหนึ่งของความรัก...ไม่มี..
น้ำตา เสียงอ้อนวอน หรือแววตารวดร้าวสั่นไหว..ไม่เคยทำให้ความตั้งใจและหัวใจนี้สั่นคลอน
คนที่เขารัก มีเพียงเมฆคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่คนสองใจอย่างมัน...
.... กันยฺ์ยังคงเฝ้าบอกกับตัวเองเบาๆ...แม้กระทั่งตอนนี้...ตอนที่เขาเปิดดวงตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วได้มองเห็นสีสันของเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าและดวงตาของตน...
จำได้ถึงแววตาเเข้งกร้าวของน้องรัก...และ....สีหน้ากระด้าง รอยยิ้มมุมปากหยามหยันของคนที่เขาเกลียชัง ชัดเจนเสียจนลมหายใจกระตุกวูบอย่าลืมตัวและ...ได้ยินเสียงบางอย่างในสมองพังครืน...
....ความแค้นยิ่งทบทวี...
มีเพียงความแค้น...และมีแต่ความแค้นเสมอมา..
ไม่มีแม้แต่ความรัก...เขากระซิบบอกตัวเองอย่างหนักแน่น...ไม่มี
มีเพียงความเกลียดชังและความโกรธแค้นเท่านั้น...
เขาเกลียดชังคนที่หลอกใช้คนอื่นด้วยความรัก...จึงหลอกลวงและตอบแทนมันด้วยสิ่งเดียวกัน...
มาถึงตอนนี้เขาถูกดัดหลังด้วยความรักเช่นกัน...แต่จะไม่มีวันหลงรักคนที่ตัวเองหลอกลวงมัน...กันย์แน่ใจ
...เขาไม่มีวัน...จะเสียใจภายหลัง...อีกแล้ว...
...............................
...ตกลงว่าพี่เกลียดพี่วิทย์เนอะ...
คิดแบบนั้นก็ตามใจแล้วกันพี่กันย์
อะหุหุ ตอนนี้อินไซด์พี่กันย์ แค่ความคิดพี่แกยังหยั่งยากเช่นเดิม..ใครคิดว่าพี่แกเกลียดพี่วิทย์แล้ว ก็แล้วไป ส่วนใครคิดว่าพี่กันย์มันงี่เง่าย้ำคิดย้ำทำและมีอะไรแอบเเฝง..ก็นะ.... (เหอๆ)
ตอนนี้ตอนพิเศษฉลองเนื่องในวาระแบดกายครบรอบสองปี ฮ่าๆ (สองปีตูเชียนนิยายได้แค่นี้เอ๊งงง TvT )
มีข่าวจะแจ้งสามข่าวค่า นั่นคือข่าวแรก...ปุ้ยสัญญาว่าจะเข็นแบดกายให้จบภายในปีนี้ค่ะ ประกาศเลย(ฮ่าๆ) เหตุผลเพราะปีหน้าท่าจะหนัก มีฝึกงานและอะไรอีกสารพัด กลัวว่าจะเหนื่อยจนต้องลาหยุดเขียนยาวอย่างนักเขียนหลายท่านที่ผ่านช่วงนี้ฝึกงานนี้เจอกัน กลัวความไม่ต่อเนื่องของนิยายและไม่อยาหหยุดเขียนทิ้งเรื่องไว้ครึ่งๆกลางๆปุ้ยเลยพยายามจะเอาให้มันจบภายในปีนี้ให้ได้ ชี้แจงนะคะ กลัวคิดว่าเราปั่นยอดจองนิยายเพราะตอนแรกแจ้งว่าแบดกายครึ่งหลังอาจจะจบแล้วใช้เวลาสองปี บอกข่าวให้เข้าใจกันเนาะ และจะพยายามทำให้จะจบปีนี้ให้ได้แน่นอน วู้ฮุ้ววว
ข่าวสอง... แบดกายรีปริ้นแล้วนะคะ แจ้งว่ารอบนี้จะรีปริ้นเป็นรอบสุดท้ายท้ายสุดแล้วค่ะ! มีเหลือหกเล่มนะเออ ใครอยากได้รีบกดสั่งที่นี่เลย
http://www.nana-narisshop.com/template/e1/shop.php?shopid=217784 (มันขึ้นของหมด แต่กดสั่งไปเลยค่ะ เฉพาะคนที่อยากได้และพร้อมจ่ายตังค์เท่านั้นนะจุ๊ มีไรสงสัยสอบถามกันได้) ฉบับนี้มีการแก้ไขคำผิดเรียบร้อยแล้ว แต่ของแถมไม่มีเช่นเดิม แฮร่ๆ
และอีกหนึ่งข่าว เนื่องมาจากข่าวข้างบน คือแบดกายครึ่งหลัง ปุ้ยขอแจ้งว่าจะจัดพิมพ์กะสนพ.ค่ะ เป็นสนพ.ใหม่ที่เพิ่งจัดตั้ง คุยกะทางนั้นไว้แล้ว ว่าทางเล่ม2จะให้ทางสนพ.มาจัดการ (แต่ถึงเข้าสนพ.ปุ้ยก็ไม่ลบนิยายออกแน่ค่า จะลงจนจบและไม่ลบตลอดไป ฮี่ๆ คุยกับทางนั้นไว้แล้ว) เนื่องจากการเรียนของอิชั้นที่ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างจะมาทำเรื่องหนังสือแน่ๆ ประกอบกับไม่ถนัดจัดอาร์ตเวิร์กและหน้าพิมพ์เท่าไหร่ (เห็นๆกันอยู่เนาะT T) เลยคิดว่าให้สนพ.จัดการดีกว่า คาดว่างานแรกที่จะทำร่วมกันคือแบดกายครึ่งหลัง และน้องคาวี่คะ (จะพยายามเข็นคาวี่ให้จบปีนี้เหมือนกัน..ถ้าทำได้นะ)ส่วนบอร์ดของสนพ.แจ้งไว้ที่เด็กดีค่า สนใจไปเยี่ยมกันได้