Improbable 20 : ดัดหลัง
" ผมถามว่าทำอะไร...?
น้ำเสียงถามเครียดเคร่งและแววตากร้าวแข็งของคนที่รัก ทำให้ร่างของวิทย์และกันย์ต่างนิ่งงันไปด้วยความตกตะลึงทั้งคู่ ก่อนที่วิทย์จะออกแรงปัดฝ่ามือนั้นออกจากร่างด้วยสีหน้าไม่พอใจ และกันย์ที่นิ่งเงียบไปก็เริ่มขยับห่างออกจากร่างคนที่เขาเกลียดชังอย่างรวดเร้ว
แต่... มันก็ยังช้าไปสำหรับความไม่พอใจที่ก่อขึ้นแล้ว...จากภาพที่เห็น จากทุกอย่างที่รู้สึก...
นัยน์ตาของเมฆวาววับจ้องมองทั้งสองคนเขม็ง และฟังเสียงหัวใจของเขากรีกร้องฟังเสียงตะโกนซ้ำๆของสมองที่กระซิบบอกของเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้....ถึงเรื่องราวเช่นนี้
ทรยศ...โกหก หลอกหลวง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
เป็นเขาที่ต้องพบเจอมันอีกแล้ว..
ดวงตาที่สั่นไหวจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ตนรักทั้งคู่อย่างเจ็บช้ำ...ถ้าเขาไม่มา ถ้าเขาไม่มายืนอยู่ตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ ถ้าเขายังโง่และหน้าด้านมากกว่านี้ อะไรจะเกิดขึ้นกัน
..จะยืนกอดกันตรงนั้นเลยใช่ไหม? จะพลอดรักกันแบบไม่อายฟ้าอายดินและ ...ละอาย แก่ใจที่หลอกลวงเขาเลยใช่รึเปล่า!!
" เมฆ..." วิทย์จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วครางออกมาเพียงแผ่วเบาราวกับคนละเมอ
....เขาอยากส่ายหน้าปฏิเสธแต่ก็รู้ดีว่าไร้หวัง..อยากจะบอกว่าไม่มีอะไรทว่าภาพที่เมฆเห็นคงทำให้เจ้าตัวเชื่อได้มากกว่าตัวเขาเอง
"มีอะไรจะโกหกกันอีก " เสียงคำรามร้องในจิตใจที่แหลกแหลวจนทนไม่ไหวบอกให้หยุดเสียที บอกให้พวกมันหยุด หยุดทำร้ายและเชือดหัวใจเขาเล่นแบบนี้เสียที น้ำเสียงที่ออกมาจึงรวดร้าว ปวดระทมนัก...
....จะหลอกลวง จะทำร้าย จะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
รักกันก็บอกเลยสิ รักกันก็พุดมาเลย ต่อให้เจ็บเจียนตาย ยังดีกว่าต้องรับรู้ว่าถุกหักหลัง เพราะมันเจ็บ...เจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า...
"มีอะไรจะหลอกก็บอกมาซิ ....มีอะไรจะว่าก็ว่าเลย กูมันโง่ กูมันตาบอด กูไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น..." เมฆร้องเสียงสั่น เขาจ้องมองชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้าด้วยความร้าวราน นัยน์ตาสั่นไหวเริ่มมีน้ำใสไหลอาบแก้มอย่างรวดเร็ว...เร็วเสียจนตั้งตัวไม่ทัน..
เขาอยากทำตัวเข้มแข็ง ยืนจังก้าชี้หน้าคนสองคนที่ทำตัวชั่วช้าให้เขาต้องเจ็บปวด
ทว่า....ที่สุดแล้วก็ทำได้เพียงยืนน้ำตาไหล ด่าทอร้องไห้โวยวายเหมือนคนบ้า..
ดูน่าสมเพชไหม? ดูน่าขบขันไหม และเพราะแบบนี้ พวกมันจึงได้ทำตัวเช่นนี้กับเขาใช่รึเปล่า...
" พูดมาสิ...พูดให้กูรู้ว่าพวกมึงคิดว่ากูโง่แค่ไหน !! " เสียงร้องร่ำปนสะอื้นนั้นทำให้วิทย์ชะงัก อ้าปากค้าง จ้องมองร่างของอดีตคนรักที่ตัวเขายังคงรักมันนักหนาด้วยแววตาตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเหตุเพราะอะไรมันถึงคิดแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพราะภาพที่มันเห็นเพียงครั้งเดียวน่ะหรือที่ทำให้มันคิดว่าเขากับไอ้กันย์จะมีอะไรลึกซึ้งกัน...
หรือมันไม่เชื่อในความจริง...ที่ว่าตัวมันนั้นเป็นที่รักและแย่งชิงกันของผู้ชายสองคน... ไม่ใช่ตัวเขา...ไม่ใช่ไอ้วิทย์ที่อยู่ตรงนี้
เขาอยากจะอ้าปากพูด...หากสุดท้าย..ก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างทุกข์ระทม...
"....กูไม่ได้คิดจะทำเหี้ยอะไรกับคนรักของมึงทั้งนั้นแหละเมฆ "...ไม่นึก ว่าเวลาเพียงไม่นานจะทำให้เมฆมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ เปลี่ยนไปเป็นคนที่รักไอ้กันย์มากขนาดที่ทำตัวแบบนี้...เปลี่ยนไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน
..หรือ มันเป็นแบบนี้ตั้งนาน มันรอคอยโอกาสจะ"ลา"เขาไปเนิ่นนานแล้ว
...และสุดท้ายพวกมันก็จะรักกันโดยไม่มีเขา...
..สาสมดี สำหรับคนที่มีสองใจ..
สุดท้าย ทุกสิ่งก็หลุดลอยหายวับไปกับตา
"...เหรอ.......ไม่ได้ทำเหรอ? พี่ไม่ได้ทำอะไรเลยใช่ไหม? ทั้งออกไปคุยกันตอนที่คนอื่นไม่เห็น ทั้งแอบเจอกันตอนที่ผมไม่อยู้...อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ....กูรู้ กูเห็น แต่กูไม่เคยพูด !! " ใจความนั้นทำให้ผู้ฟังทั้งคู่อยู่ในอาการตกตะลึง ชะงักค้างด้วยความช๊อคกระหน่ำกันเป็นนที่เรียบร้อย วิทย์จ้องมองเจ้าคนที่กำลงยืนร้องไห้ไปด่าพวกเขาไปอย่างงมึนงง...สมองเบลอพร่า...
นี่...มันอะไรกัน...?
" กูพยายามไม่คิด...กูพยายามไม่สนใจ...แต่พวกมึงก็ยังจะทำอีก...ทำแบบนี้....ไม่สนใจกูแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ... "
...ทำไม...ทำไมกัน
ผิดอะไรตรงไหน ไม่ดีตรงไหน ทำเลวอะไรมากมายถึงขนาดที่วิทย์และกันย์ต้องร่วมกันหลอกลวง สั่งสอนเขาด้วยวิธีนี้เลยหรือ?
....ทำไม....เขาต้องพบเจอเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อย...
"เมฆ...นั่นมัน....มึงเข้าใจผิด "
" ไอ้คนที่มีรอยพรรคนั้นอยู้บนคอ กูไม่อยากจะฟัง !!! "เสียงของเมฆ...น้ำเสียงรวดร้าวที่ดังขึ้นทำให้วิทย์นิ่งงัน
คำกล่าวที่บอกว่าเจ้าตัวรู้ในเรื่องที่ไม่อยากให้มันรู้ที่สุด บอกว่ามันได้ทราบในความลับที่พยายามปกปิดมานาน...และดวงตาของมัน เจ็บช้ำ..มากมายอย่างที่ไม่เคยเป็น
คำพูดนั้นเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นผลักร่างของวิทย์ให้กระเด็นตกลงไปในเหวลึก...จนไม่อาจจะปีนขึ้นมาได้...
...G U N...คำที่เกลียดแสนเกลียด ร่องรอยที่ชิงชังนักจนนึกอยากจะเฉือนเนื้อตรงนั้นทิ้ง อยู่อย่างหวั่นระแวงเพราะกลัวจะถูกเห็น ถูกดูถูกเหยียบย่ำ
...แล้ว...ผลของมันกลับกลายเป็นเช่นนี้
นี่หรือ...ความพยายามที่ตัวเขามุ่งมั่นกับมันตลอดมา ท้ายที่สุดแล้ว...กลับกลายเป็นสิ่งที่วกกลับมาฉกเขาจนตายอย่าง่ายดาย...
วิทย์จ้องมองใบหน้าของคนที่ตนเองรัก...จ้องมองดวงตาที่รวดร้าวคู่นั้น แทบอยากจะทรุดกายลงกับพื้นแล้วร้องร่ำออกมาว่านี่มันอะไรกันแน่...
..ทำไมทุกอย่างจะต้องเป็นแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเสียที
จะต้องวนเวียนอยู่ในทางแคบๆแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน...
จะต้องทำร้ายใจกันด้วยคำว่าไม่รู้ จะต้องเจ็บปวดกับเพราะความลับที่ปิดบังและบทสนทนาที่มีแต่ความเจ็บปวดอีกนานเท่าไหร่
"....ทำไมทำแบบนี้กับกู...พี่วิทย์...ทั้งที่กูรักมึง แล้วมึงทำแบบนี้กับกูทำไม? " เมฆสะอื้นไห้ออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว...เจ็บหัวใจมากมายจนแทบบบ้า ...ถ้าบ้าก็ดีสิ ถ้าลืมมันไปได้ก็ดีสิ เพราะมันคงไม่ทำให้เขาเจ็บปวดทรมารเช่นทุกวันนี้...
เมฆเฝ้าถามตัวเองอย่างอ่อนล้า...เขากระซิบถาม...ต่อโชคชะตาที่กลั่นแกล้งกันไม่หยุดหย่อน...
...ทำไมเขาต้องเจอแบบนี้ เจอเรื่องแบบนี้ตลอดด้วย
นัยน์ตาที่พร่าเลือนด้วยหยดน้ำตามอไปยังร่างของชายหนุ่มเบื้องหน้า ความอึกอัดคับแค้นใจที่มีมากตลอดพลันปะทุขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
...เสียงกระซิบดังขึ้นอย่างต่อนเองในใจ..
เพราะมัน ! เพราะมัน !!
" ตอนที่กูรักมึง มึงก็ทิ้งกู แล้วตอนนี้มึงยังมาแย่งคนที่กูรักไปอีก !!! " เขากรีดร้อง สะอื้นไห้...จ้องมอง"มัน"เขม็ง.
หัวใจที่หวั่นไหวสับสน ยังคงเฝ้ากระซิบคำถามเดิมๆ...ที่ดังขึ้นมาอย่างไร้คำตอบ..
ทำไม...ทำไมต้องคอยแย่งชิงทุกสิ่ง...
ทำไมกัน...
นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองมาทางเขา เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำตา...
คำพูดนั้นทำให้วิทย์ครางออกมาอย่างเศร้าสร้อย ...คำตอบชัดเจนอยู่ในตัวของมันแล้ว
คราวนี้ไอ้วิทย์คนนี้ก็หลุดวงโคจรไปอย่างสมบูรณ์แบบ เมฆมันรักไอ้กันย์ ไอ้กันย์รักเมฆ ทุกอย่างจบลงด้วยดี และตัวเขาก็เป็นแค่เพียงตัวประกอบไร้ชื่อ...มีหน้าที่ปูทางรักให้สองคนนี้เท่านั้น...
และท้ายสุดผลก็ออกมาแล้วว่าเขาเป็นได้แค่นี้...ตอนนี้ที่ตัวเอกรักกัน ไอ้โง่อย่างเขาก็ควรจะถอยหลังแล้วเดินเลี่ยงออกมาแต่โดยดี
ต่อให้เจ็บ...
ต่อให้ต้องกลายเป็นคนโง่ที่ถูกประณามซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ช่าง..
พอได้แล้ว น่าสมเพชพอแล้ว...น่าหัวร่อพอแล้ว...
".........."วิทย์เม้มปากแน่น เขาหันหลังและพยายามลากขาพาตัวเองออกจากที่นี่ด้วยสภาพจิตใจที่ชำรุดทรุดโทรมเกินจะคาดฝัน แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินคาด เมื่อร่างของเมฆวิ่งพรวดเข้ามาหา มันไม่ได้วิ่งเข้ามากอดหรือร้องไห้ไม่ให้เขาจากไป มันไม่ได้ดึงรั้งเขาไว้ด้วยซ้ำ...
ตรงกันข้าม....มันออกแรงตบห้าเขาแรงๆสามสี่ครั้งด้วยความโกรธชนิดลืมตัวและอดทนนิ่งเงียบต่อไปไไหว
วิทย์ทรุดกายลงบนพื้นหญ้าอย่างไม่รุ้ตัว จ้องมองร่างของคนที่คร่อมทับและกำลังทำร้ายตัวเองอยู่ด้วยสีหน้าราวกับคนตาย...คน...ที่ไม่หายใจไปแล้ว...
แก้มชาไปเป็นซีก แต่วิทย์ไม่สนใจ...ไม่คิดจะสนอะไรแล้วทั้งนั้น
คนที่รัก...คนที่กูรัก สุดท้ายก็กลับมาเกลียดกู
ทั้งที่ขอเพียงแค่ความทรงจำดี...มันก็คงมากเกินไป จะขอเพียงเศษเสี้ยวของความสุขก็คงไม่มีปรากฏให้เห็น
ไม่เหลืออะไรแล้ว...
เจ็บปวด...พังยับ ร้าวสลาย...
หากทำร้ายแล้วจะหายเจ็บปวด...หากทำร้ายแล้วจะพอใจ ก็เชิญเถิด...
ถ้าหากทำให้กูเจ็บ...แล้วแลกกับที่มึงมีความสุข...กูยอม...เมฆ...
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องสะอื้นไห้ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ของเมฆ ร่างที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มผู้ยืนท้าทายแสงตะวันและมีรอยยิ้มเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ มันจ้องมองวิทย์ด้วยนัยน์ตาที่ฉายงงันเพียงชั่วครู่และอีกไม่นานก็เปลี่ยนเป็นแววเยาะหยันอันคุ้นตา และรอยยิ้ม...ประหนึ่งคนคาดการ์ณทุกสิ่งทุกอย่างไว้แล้ว
วิทย์หลับตาลงอย่างไร้หนทางไป คำรามในอกอย่างโกรธแค้นหากก็ไร้หวัง
...รู้ชัด...ว่าตัวเองตกบ่วงเล่ห์กลของคนๆนี้อีกครา
...นี่สินะ
สิ่งที่มันต้องการ
...ให้เลิกกันนะมันง่ายไป ให้ไม่รักกันน่ะมันก็ธรรมดา แต่ถ้าให้เกลียดกัน ให้เกลียดกันไปเลยจะสาสมแค่ไหน...
ชายหนุ่มหัวเราะขื่นขม..ชาวาบไปทั้งกายใจเมื่อรู้ถึงเป้าหมายของ"มัน"ได้ในที่สุด
ก็สาแก่ใจมึงแล้วนี่...
กูไม่เหลือใคร ส่วนมึงได้ทุกอย่างไปครอบครอง
...แล้วจะจบเสียทีได้ไหม จบการทรมารกูแล้วปล่อยกูไปเสียที...
ช่วยแก้เงื่อนตายแล้วให้กูออกไปจากที่นี่ที...เชือกมันรัดคอกูจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว..
" เมฆ....พอเถอะ...." กันย์เอื้อมมือดึงแขนร่างเล็กเบื้องหน้าเบาๆ อย่างห่วงใย หากนัยน์ตาคู่นั้นมองมาแล้วเบิกกว้าง วาววับ
" ทำไม !! หรือพี่จะปกป้องมัน .."
" ใครจะปกป้องมันกัน เมฆก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพี่เกลียดมัน ...รังเกียจไอ้คนแบบนี้...แค่เห็นหน้าก็อยากจะฆ่า...." กันย์แสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะกระตุกเเขนเมฆเบาๆ "แต่เราไปกันเถอะ ตรงนี้คนผ่านเยอะ จะโดนผุ้คุมลากไปพอดี "
" ไม่...." เมฆร้องลั่วแล้วส่ายหัว นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองและปนปะกับความารักเสียจนบ้าคลั่ง..มองใบหน้าของคนที่เขานึกรักนักหนาแล้วร้องออกมาทั้งน้ำตา "...กูไม่ไป...จะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว..."
" เมฆ...." กันย์ถอนหายใจ ออกปากเร่งยิก...
"....กูจะฆ่ามันให้สมกับที่มันเคยทำร้ายกู...เคยเเย่งของๆกู"เสียงคำรามของคนตรงหน้าดังออกมาแผ่วเบา ทว่าชัดเจนนัก... และฝ่ามือที่เคยสงบนิ่ง บัดนี้เริ่มคว้าหาก้อนอิฐบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว " มันเคยหลอกลวงกูแบบไหน กูก็ทำมันบ้าง มันเคยหลอกใช้แบบไหน กูก็จะทำบ้าง..."
"นี่น่ะเหรอความรัก มีความรักแบบมัน กูไม่มีซะยังจะเดีกว่า !! "
".....เมฆ......" กันย์ชะงัก อุทานออกไปเบาๆ เมื่อรู้สึกถึง..ใจความบางอย่างอันผิดปกติ
..มันคล้าย...คล้ายกับ...คำที่เมฆเคยด่าทอต่อว่าเขาในวันนั้น...
แต่ไม่สิ..ตอนนี้เมฆเกลียดไอ้วิทย์...ไม่ใช่เขา...
"ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครรักผมมากที่สุด "น้ำเสียงของน้องชายคนสำคัญบัดนี้เริ่มสดใสขึ้นทำให้กันย์นึกใจชื้น ยิ่งนัยน์ตาคู่นั้นมองมายังเขาอย่างวาดหวัง นั่นทำให้กันย์ยิ่งใจเต้นระรัว...
ยิ้ม...ให้กับใบหน้าและดวงตาที่ติดตรึงอยู่ในความฝัน...
ยิ้ม...ให้กับเทวดาตัวน้อยๆที่จะกลับมาเป็นของเขาอีกครั้งหลังจากรอคอยและพยายามมาเนิ่นนาน..
...จะได้มีความสุขเสียที
" พี่กันย์..."ฝ่ามือนั้นเอื้อมมาหาเขา...รอยยิ้มนั้นมองให้เขา...เพียงคนเดียว..
...เราจะหลับไปเป็นน้องเมฆตัวน้อยๆและพี่กันย์คนเดิมแล้ว...
จะไม่มีใครหรือหน้าไหนๆมาพรากเราออกจากกันได้อีก..
"....พี่......" ฝ่ามือนั้นสัมผัสกับปลายนิ้วของเขา และร่างบอบบางก็โผเข้ามากอดกระชัด แน่น อ้อมกอดแสนอบอุ่นจรังจังนั่นทำให้กันย์สุขจนแทบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง...เขายิ้ม....ยิ้มออกมาอย่างยินดีและจริงใจที่สุดในชีวิต...ทั้งที่ควรจะสุขจนลืมทุกสิ่ง..แต่...เพราะเสี้ยนหนามเล็กๆที่ยังคงไม่ถูกถอนออกไปรึเปล่า ทำให้เขาต้องเหลือบตามองเจ้าคนที่นอนอยู่บนพื้นหญ้า เมือคิดว่ามองไปทำไม...ก็ได้คำตอบในทันที.
....เขาแลลงไปมองเพื่อจะเยาะเย้ยมัน...สมน้ำหน้ามันให้สาใจ
แต่ทำไม...กันย์ถึงได้มองเห็นรอยยิ้มแสยะ...วาววับ
ปึก !!! "....ความรักของมึง....มันไม่มีค่าให้กูมองเห็นอีกแล้ว ...."
สีแดง....
สีแดงมันวาบไปทั่ว...
สีแดง...กลบทับจนไม่เห็นอะไรเลย..
สีสันของมันทาบลงบนเปลือกตาและนัยน์ตาจนกลายเป็นสีแดงสด...ขณะที่ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาตามแผ่นหลัง ...และ...ตรงมาสู่ท้ายทอยอย่างรวดเร็ว
แต่มันไม่เท่า ความเจ็บปวดจากสายตาคู่นั้น ความเจ็บปวดจากรอยยิ้มเยาะของมัน...และความเจ็บปวดจากหัวใจที่ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย..
..จากคนที่รักและไว้ใจที่สุด...ซึ่งบัดนี้ถือก้อนอิฐสีเข้มทีเปื้อนสีแดงสดของเลือด..จ้องมองมายังตัวเขาด้วยแววตาโกรธแค้น...เหี้ยมลึก...
.. กันย์เปิดนัยนืตาที่มันพร่าเบลอ เรือนลางนักหนาของตนให้จับภาพตรงหน้าได้มากขึ้น...ให้มองเห็นชัด..ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
หักหลัง... จะใช้คำนั้นก็ไม่ได้หรอก เพราะไม่มีใครเคยให้คำสัญญาและเขาก็รู้ว่าได้ทำร้ายคนสองคนนั่นมาด้วยวิธีสารพัดจนถึงป่านนี้
...ตลบหลัง ก็ไม่ใช่อีก...เพราะสิ่งที่แสดงออกมามันเเนบเนียนเกินกว่าจะใช้คำนั้น
และยามที่มองรอยยิ้มหยันที่แสนคุ้นตาออก กันย์ก็รู้ได้ทันที ว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร..
ดัดหลัง...สั่งสอน
สอนให้รุ้ ...รู้ว่าคนตรงหน้าเคยเจ็บช้ำทุกข์ทรมารเพียงใดเพราะความเข้าใจผิดที่เขามอบให้
ดัดหลัง...ให้รู้สำนึกว่าคนที่จะร่วมกันวางแผนทำร้าย หลอกลวงคนอื่นไม่ได้มีแค่ตน
เพราะบทละครมันง่ายแสนง่าย แนบเนียนแสนจะเเนบเนียน..
ไม่คิด...ว่าเพราเหตุใดเมฆถึงมาออกปากพร่ำว่ารักเขามากมายรวดเร็วได้ขนาดนั้น..แต่ก็ปล่อยวาง ละเลย เพราะมันคือความปราถนาและความยินดีในหัวใจ
...ไม่คาด...ว่าท่าทีไร้เยื่อใยของคนสองคนที่รักกันมาเนิ่นนานจะปรากฏให้เห็น เพียงเพราะเขาเกลียดชัง และหวังจะได้เห็นภาพนี้ในสักวัน
..พลาด...พลาดเพราะความประมาทเลินเล่อ พลาดเพราะความคาดหวัง ความหวังของตัวเอง
...และสุดท้าย...พลาดเพราะ..."รัก"
...รักเสียจนมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากสีแดงที่แผ่มาปิดบังทัศนียภาพทั้งหมดให้ลบเลือนไป..
เหลือเพียงนัยน์ตาของคนสองคนที่มองมายังตัวเขา หนึ่งนั้นคือน้องชายที่หลงรักมานานปี และอีกหนึ่ง...คือผู้ชายที่เขาเกลียดมันนักหนา..
พวกมันจ้องมองเขาด้วยแววตาของผู้ชนะ มองเขาด้วยแววตาของผู้ที่เคยถูกกระทำและบัดนี้มาเอาคืนอยุ่ตรงหน้า..
.....และมองเห็นตัวเขาเองที่ทอดกายลงบนผืนหญ้า...ทรุดกายแน่นิ่งลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง....
รู้สึกชัดและซาบซึ้งถึงความเจ็บปวดของผู้ที่ถูกทรยศ ถูกหักหลัง...
..และรู้สึก...ถึงหัวใจที่พังทลายไม่มีชิ้นดี..
...............
หึหึหึหึหึ
พี่กันย์....
สะใจว้อยยยยยย//โดนถีบ
เป็นไงล่ะเอ็ง...วะฮะ ฮะ ฮ่าาาาาาาาา

(ทำไมอิคนเขียนดีใจแบบออกนอกหน้าว่ะค่ะ /เค้าไม่ได้เกลียดพี่กันย์นะ 555+)
แต่ก็นะ...พอแตกหักกันแบบนี้...เรื่องยุ่งยากตามมาอีกแน่ๆ(แต่ตอนนี้อนุญาติให้FCพี่กันย์สมน้ำหน้าแกอย่างเป็นทางการ 555)
- ตอนนี้ปุ้ยมาต่อช้ามาก ขออภัยทุกท่านที่มารอ โดยเฉพาะคุณ ishiya เค้าบอกว่าจะมาต่อหลายวันแล้วก็ไม่มาต่อ ขอโทษจริงๆนะค่ะที่ทำให้รอเก้อ ปุ้ยผิดไปแล้ววววววว
ปล. ตอนนี้สั้น...แต่มันส์นะเออ
