เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจในห้องขัง ทำให้ร่างของขาใหญ่และบรรดาลูกน้องคนสำคัญที่กลับมาจากการหารือกันครั้งล่าสุดถึงกับขมวดคิ้ว โตกวาดสายตามองบรรดานักโทษในเรือนนอนที่ต่างจับจ้องมายังพวกเขาไม่วางตา หลายคนมีสีหน้าสงสัยปนอยากรู้ หลายดวงตามีความหวั่นระแวงแฝงอยู่ แต่กระนั่น สีหน้าหลายคนมันก็ยังมีความ...สะใจ?
ไอ้สีหน้าหวั่นปนระแวงหรือแม้กระทั่งสนอกสนใจในตัวพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้พบ หากแต่ที่โตต้องขมวดคิ้วและเริ่มครุ่นคิด กลับเป็นสีหน้าสะอกสะใจของพวกมันต่างหาก ไอ้นักโทษต่างกลุ่มพวกนี้วันๆมันก็ทำได้เพียงแอบระแวดระวังและดูท่าทีของพวกเขาไปเท่านั้น แต่ไอ้ที่มันบังอาจมาทำหน้าตาเย้ยเยาะให้เห็น มันหมายความว่ายังไงกัน
ก้าวเท้าเข้าไปใกล้เรือนนอนของตัวเองก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกึ่งงวยงง เรือนนอนที่เคยจัดอยู่อย่างเป็นระเบียบยุ่งเหยิง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆที่อยู่ในนี้ต่างกระจุยกระจาย ถูกรื้อค้นมากองๆกันอย่างไม่เป็นระเบียบราวกับมีใครมาค้นมัน จำได้ถึงคำพูดของพัศดีคนใหม่เรื่องการค้นของในเรือนจำแล้วก็ไม่แปลกใจที่เห็นสภาพนี้ แต่ทว่าเสียงจ๊อกแจ้กจอแจ และลูกน้องในแกงค์ซึ่งอยู่เรือนนอนเดียวกัน ไม่ปรากฏตัว ชวนให้หัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงวยงงและลางสังหรณ์ที่เเล่นวูบ...
กวาดสายตาหาลูกน้องที่เคยคุ้นเพื่อจะมาสอบถามให้รู้เรื่อง ทว่าที่อยู่กลับมีแต่พวกลุกกระจ๊อกหน้าตาจืดเจื่อนสองสามตัว ซึ่งคาดคั้นอะไรกับพวกมันไปก็เสียเปล่า ไอ้พวกตัวเป้งๆคนสนิทกลับหายหัว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยิ่งทำให้นึกสงสัย และที่หายไปก็ยังมีกระทั่งเจ้า"คนข้างๆ"กันอย่างไอ้เนมคนนั้นด้วย ยิ่งทำให้นึกอยากรู้เข้าไปใหญ่
" นี่มันอะไรว่ะ? " ออกปากถามงงๆอย่างอยากรู้เมื่อยืนมองยืนสังเกตแล้วก็ไม่พบคำตอบใดจะอธิบายถึงการหายหัวไปของพวกลูกน้องในแกงค์ได้
" เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ? " วิทย์ขมวดคิ้วสีหน้าสงสัยจับใจ มันกวาดตามองรอบๆเพื่อหาลูกน้องของตนที่อยู่อีกห้องหนึ่ง เจ้าตัวก้าวสวบๆฝ่าฝูงคนเข้าไปยังอีกห้องที่พรรคพวกของมันนอนอยู่เพื่อสืบหาข่าวคราวของเรื่องอย่างที่ควรจะทำ ไม่ต่างกับไอ้กันย์ที่เดินออกไปบ้าง เหลือเพียงขาใหญ่และลูกน้องที่ไม่เคยอยากได้เลย...อย่างไอ้เป้...
" ...หรืวว่าพัศดีไปเจออะไรเข้า... " คำเปรยกับสีหน้าคาดหวังของไอ้เป้ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แถมความหงุดหงิดยังแล่นริ้วๆ โตถลึงตาใส่เจ้าคนปากอัปมงคลอย่างหงุดหงิด กระนั้นสมองก็เริ่มไตร่ตรองถึงความน่าจะเป็นด้วยเช่นกัน
ถึงจะเหม็นหน้ามันแต่ก็ต้องยอมรับว่าที่มันพูดก็เข้าเค้าใช้ได้ เพราะเหตุที่นักโทษทั้งห้องขังจะหายไปพร้อมกันแบบนี้ ก็มีเพียงไม่กี่สาเหตุเท่านั้น
แต่นี่เป็นสาเหตที่ไม่ชวนให้ชื่นชมเอาเสียเลย...เพราะการหายไปแบบนี้ มักจะมีเรื่องไม่ดี เสียเป็นส่วนใหญ่
"...ไอ้ตัวไหนมันคาบของร้อนมาไว้ในห้องอีกว่ะ " อดจะบ่นออกมาไม่ได้ เพราะช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับแผนการณ์ใหญ่ จึงไม่ได้สั่งการหรือตรวจสอบลูกน้องในเรือนนอนเดียวกัน ห้ามไม่ให้พวกมันเอาของต้องห้ามมาไว้ในห้อง จะเสพจะกินจะทำอะไรก็เรื่องของมัน แต่ถ้ากินไม่หมดแล้วเอามาเก็บไว้ มันจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเสียมาก และยังส่งผลเสียต่อนักโทษในเรือนนอนเดียวกันด้วย เพราะหากเจอของต้องสงสัยหรือมีเรื่องอะไรโอกาศถูกเรียกไปสอบสวนทั้งห้องก็มีมาก
" รึพวกพวกพัศดีใหม่จะ...." ฟังเสียงพูดของไอ้เป้แล้วความหงุดหงิดแล่นริ้วจนอยากจะด่า ทว่าสีหน้าแตกตื่นของเพื่อนสนิทที่เดินกึ่งวิ่งมาหาทำให้ต้องสนใจมันเป็นอย่างแรก โตมองหน้าเจ้าคนที่วิ่งมาหาอย่างสงสัย มันมีสีหน้าร้อนรนไม่สู้ดีนัก
" เหี้ยโต เกิดเรื่องแล้วมึง " ไอ้วิทย์มันหอบหายใจแฮ่ก สีหน้าร้อนรน
" มีอะไร ? " โตจ้องมองเจ้าคนพูด มันมองสบตาเขา ก่อนจะแยกเขี้ยวออกมาอย่างเครียดๆ
" พวกที่อยู่ห้องกูมันบอก...พัศดีค้นเจอบุหรี่กับโทรศัพท์ที่เรือนนอนพวกมึงว่ะ "
" อะไรนะ? "เบิกตากว้างแล้วจ้องมองมันอย่างตกตะลึงไม่น้อย โตมีสีหน้าตกใจขณะที่สมองก็ครุ่นคิดอย่างสับสนงุนงง บุหรี่น่ะพอเป็นไปได้ว่าจะมีไอ้โง่คนไหนเก็บไว้ แต่กับ...โทรศัพท์นี่มัน...ของแบบนั้นในเรือนนอนของเขาใครมันจะกล้าเอามาเก็บไว้...
"....งี้พวกนั้นก็โดนลากไปสอบน่ะสิ " ไอ้เป้มันพูดอะไรถุกเวลาก็วันนี้เป็นครั้งแรก...เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลชัดเจนว่าทำไมพวกลูกน้องในแกงค์มันหายหัวไปไหนกันหมด
....รวมทั้งไอ้เนมด้วย..
" มันเจอที่ไหน ! " ถามกลับห้วนๆสีหน้าขึงตึง ในใจรุ่มร้อนเตรียมจะกระทืบไอ้ควายที่กล้าเอาของพวกนี้มาไว้ในเรือนนอน สร้างความเดือดร้อนเพราะความไร้สติยั้งคิดของมัน แบบนี้ต้องกระทืบสั่งสอนเอาปางตายให้มันหายโง่
"....ไอ้โต....." สีหน้าอิลักอิเหลื่อของไอ้วิทย์ทำให้ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก โตจ้องหน้าเพื่อนสนิทตัวเองนิ่งด้วยสีหน้าไม่พอใจ...งวยงงและไม่เข้าใจกับท่าทีอึกอักของมันมากๆ
"...พี่...." เสียงเรียกที่คุ้นหูไม่น้อยทำให้ต้องหันไปมอง พลันหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเริ่มคลายออก โตจ้องมองใบหน้าของลูกน้องคนสนิทแล้วพยักหน้าให้มันเงียบๆ ไอ้ทินเดินมาหา สีหน้าของมันค่อนข้างยุ่งอย่างคนมีเรื่องให้ปวดหัว
" กูรู้เรื่องแล้ว เล่ามาสิว่าใครทำ " จ้องหน้ามันพลางพยักหน้า หากแต่ไอ้ทินกลับมีสีหน้าอึกอัก...มันจ้องหน้าลูกพี่ของคนก่อนจะหลบสายตาไปช้าๆ
"ไอ้เหี้ยนี่มึงเป็นอะไรของมึง ! " กระชากเสียงถามมันห้วนๆไม่พอใจ ก่อนจะกวาดตามองบรรดาลูกน้องในแกงค์ที่เริ่มทยอยเข้ามาในเรือนนอน ซึ่งพวกมันต่างก็พร้อมใจกันหลบตาวูบอย่างน่าสงสัย
" สัดเอ๊ย!...ไอ้กิต ! มึงพูด " ตวาดใส่หนึ่งในลูกน้องคนสนิท มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าเงียบๆ กระทั่งคนไม่ค่อยแสดงอารมณ์อย่างมันยังมีสีหน้าเคร่งขรึม
"...ผู้คุมมาค้นห้อง แล้วเจอของ..." มันเปรยขึ้นมาเรียบๆ
" เออ ! กูรู้ " โตจ้องตาลูกน้องตนเขม็ง อ้าปากรับคำสั้นๆ
"...พัศดีเจอบุหรี่กับโทรศัพท์...." กิตออกปาก จ้องหน้าลูกพี่ตนแล้วถอนหายใจช้าๆ...
" เจอตรงที่นอนไอ้เนมว่ะ "
"..................." ความเงียบลอยอวลขึ้นมาอย่างกะทันหันขณะที่ใบหน้าของขาใหญ่ขึงตึงไม่แสดงอารมณ์ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองใบหน้าของบรรดาลูกน้องตนเขม็ง ...และ.....พวกมันก็จ้องมองมาที่เขาอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน..
โตเม้มปากแน่น ชายหนุ่มพ่นลมหายใจลงช้าๆ บรรเทาอาการตกตะลึงของตนซึ่งมาพร้อมกับน้ำหนักกดทับในหัวใจ สมองหมุนติ้ว ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองจ้องมองใบหน้าของลูกน้องตนเขม็ง รู้..รู้ว่ามันสงสัยอย่างที่เขาสงสัย สงสัยตัวเขาเช่นที่เขาสงสัยพวกมัน
...ใครเป็นคนเอามันมา?
ไอ้นักโทษคนไหนในเรือนนอนนี้พกพาของแบบนี้มาและเอามาใส่ร้ายพวกเขา
และที่น่าสงสัยกว่าคือทำไมมันเลือกจะใส่ร้ายไอ้เนม...เลือกจะใส่ร้ายเจ้าคนแบบนั้นแทนที่จะเป็นขาใหญ่ของแดนอย่างโตเอง
..ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครคิดและตอนนี้พวกเขาก็ไม่คิด ว่าอย่างไอ้เนมมันจะเอาของพวกนี้มาได้ เรื่องบุหรี่มันยังไม่เคยคิดจะสูบหรือสนใจจะมีมันไว้ในครอบครองอย่างใครๆ และเรื่องโทรศัพท์มือถือยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนอย่างมันน่ะหรือจะเอาอิทธิพลหรือเม็ดเงินที่ไหนไปหาของพวกนี้มาได้..
...แล้วไอ้เหี้ยตัวไหน หน้าไหนมันถึงคิดจะมาเล่นงานไอ้เนม คิดจะมาเล่นงาน"เด็ก"ของขาใหญ่
นัยน์ตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความไม่พอใจของลูกพี่ก็บ่งบอกพอแล้วว่าโตไม่ได้มีมันไว้ในครอบครองเช่นเดียวกับไอ้เนมที่ไม่มีใครเชื่อว่าอย่างมันจะไปหาของแบบนี้มาจากที่ไหน ดังนั้นสายตาของพวกเขาจึงยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย งวยงงในเรื่องที่เกิดขึ้นพอๆกับสังหรณ์ร้าย ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่กลายเป็น"แพะ" และเป้าหมายในเรืองนี้
" ไอ้เนมล่ะ? " น้ำเสียงของโตนิ่งเรียบ...หากแววตาวาววับ
" มันถูกพัศดีสอบอยู่ ยังไม่กลับมาเลย..." ทินตอบลูกพี่ตนเองเบาๆ สีหน้าอับจน
"...หมาตัวไหนมันกล้าทำเรื่องแบบนี้กับกู " โตคำรามเบาๆในลำคอด้วยความไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง หากแต่ไม่มีนัยน์ตาคู่ไหนมองสบ พวกมันต่างก็หลบตา ไม่กล้ามองด้วยความหวาดหวั่นในอิทธิพลและเกรงกลัวในความร้ายกาจของตน
ไม่มีใครแสดงตัว ไม่มีใครกล้าจะออกมางัดข้อ
...แต่โตก็รู้ว่าตอนนี้ กำลังมีใครคนหนึ่งในเงามืด จ้องมองและพยายามวางแผนให้ร้ายพวกตนอยู่เงียบๆ
"....หรือมันจะโดนยัด " ท่ามกลางความเงียบ เสียงของเด็กใหม่กลับโพล่งขึ้นมาเงียบๆ แต่ก็มีผลให้โตหันขวับ มองหน้ามันเขม็งทันควัน
"มึงรู้ได้ไง ! " นัยน์ตาจับจ้องวาววับ ฝ่ามือกำคอเสื้อแน่นแล้วกระชากแรงๆ สีหน้าเอาเรื่องนั้นทำให้เป้กลืนน้ำลายลงคอ หากแต่มันก็ยังคงยิ้มออกมาช้าๆ ฝ่ามือแกะมือที่กำคอเสื้อตนเองออกอย่างใจเย็น
" จะบอกพี่ตอนก่อนเข้าประชุมก็ไม่ทัน พี่โต กูได้ข่าวมาว่าพัศดีจ้องจะเล่นงานเรา มันอาจจะยัดของใส่ร้ายก็ได้...ใครจะรู้ " คำตอบนั้นทำให้ผู้ฟังนิ่งงัน ไม่ต่างกับผู้คนโดยรอบที่ไร้ปากเสียง หากแววตาของนักโทษหลายคนหันมาจ้องสบกันเงียบๆ
"..มึงจะไปไหน โต ! " วิทย์กระชากแขนเพื่อนตนเองแรงๆ ดึงให้เจ้าคนหุนหันพลันแล่นซึ่งทำท่าจะเดินพรวดพราดออกจากห้องขังให้หันมาคุยก่อน เพราะหน้าและแววตาของมันบัดนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
" ปล่อยไอ้สัด ! กูจะไปหาป๋า บอกมันจัดการเรื่องนี้ ! " น้ำเสียงคนพูดเต็มไปด้วยความร้อนรนและไม่พอใจ วิทย์เข้าใจดีว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ด้วยทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นและ...คนที่ต้องถูกเล่นงาน...หากเป็นโตยังพอจะสมเหตุสมผล แต่เพราะคนที่ต้องซวยกลับกลายเป็นไอ้เนม...คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
...วิทย์พอจะรู้ ว่าเรื่องนี้มันทำให้เพื่อนของตนใจร้อนได้พอๆกับที่ถูกใส่ร้าย...เพราะคนๆนั้นก็เป็นคนสำคัญของมันเช่นกัน
คนที่มันทั้งห่วงทั้งหวง มาเจอเรื่องแบบนี้ ใครจะทนใจเย็นอยู่ได้
" ไอ้โต มึงอย่าเพิ่ง!...มานี่ก่อน คุยกับกูก่อน ! " วิทย์ออกแรงกระชากร่างของเพื่อนให้หลบมุมมาคุยในที่ไม่มีคนอยู่ ไม่อยากจะถกเถียงเรื่องแบบนี้กันท่ามกลางสายตาของนักโทษคนอื่น บางเรื่องก็ควรเป็นความลับ...และควรจะใช้วิจารณญาณในการพูดการคุย เช่นเดียวกับเรื่องนี้...
...เขาต้องคุย คุยกับมันให้รู้เรื่อง ในตอนที่มันโกรธแทบไม่ยั้งคิด
" มึงมีเหี้ยอะไรอีกไอ้วิทย์ ! "โตตวาดลั่น สะบัดเเขนออกจากมือเพื่อนสนิท เขาร้อนใจและหงุดหงิบแทบบ้าอยู่แล้ว แค้นไอ้คนทำเสียจนอยากจะไปฆ่ามันให้ตาย โทษฐานที่มันกล้ามาเล่นกับไอ้โต และโทษที่หนักยิ่งกว่า คือการที่มันทำตัวเป็นหมาลอบกัด ไม่เล่นซึ่งหน้าแต่กลับมาทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยแท้ๆ
...แค่คิดว่าไอ้เนมมันต้องเจออะไรจากเรื่องนี้ กระทั่งขาใหญ่แดนสิบสองก็ยังต้องหนาวสันหลังเยือก..
"...ฟังกูก่อนไอ้โต มึงไปบอกป๋าไม่ได้ ! มึงทำไม่ได้ เพราะมันจะไม่ช่วยมึง ! " วิทย์ตะคอกใส่หน้าเจ้าคนที่หงุดหงิดโมโหจนแทบขาดสติดังลั่น เขาต้องพูดให้มันรู้คิด แม้จะเข้าใจและไม่แปลกใจที่มันโมโหแทบคลั่ง เป็นเขาก็คงไม่ต่างกัน หากคนที่ตัวเองรักต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ คงไม่อาจจะใจเย็นได้เช่นเดียวกับมัน
...แต่ทว่า ยังไงก็ไม่อาจจะปล่อยให้เพื่อนวิ่งโร่ไปโวยวายหรือขอความช่วยเหลือจากป๋า ไม่อาจจะทำได้จริงๆ
" ทำไมกูจะบอกไม่ได้! ไอ้วิทย์ เพราะแค่กูไม่ช่วยมึง มึงอย่าเอาเรื่องนี้มาหาเรื่องกู ! " ตะคอกใส่เพื่อนสนิทอย่างไม่พอใจที่มันห้าม ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่ยอมให้ทำ ทั้งที่นี่เป็นทางเดียวแท้ๆ
"มึงอยากให้ทุกอย่างพังรึไง ? ไอ้โต ! กูรู้ว่ามึงใจร้อนไม่พอใจที่ไอ้เนมมันต้องเจอแบบนี้ แต่ฟังกูนะ ! ป๋า-มัน-ไม่-มี-วัน-ช่วย-มึง " วิทย์กำไหล่เพื่อนไว้แล้วบีบแน่น เขาออกแรงตรึงมันไว้กับกำแพงอย่างสุดกำลัง แม้จะรู้ว่าจะออกแรงยื้อได้ไม่นานแน่ๆ " มึงก็รู้ว่าพวกมันสนใจแต่เรื่องของตัวเอง มันไม่มีทางยุ่งเรื่องที่ทำแล้วต้องเสียประโยชน์ ถ้ามึงไปบอก ทั้งมึง ทั้งกู ล่มจมหมดแน่! "
"..........."
"...มึงคิดถึงเรื่องที่เราต้องทำสิไอ้โต มึงวิ่งโร่ไปบอกพวกมึงไม่ได้ เข้าใจไหม...มึงเข้าใจรึเปล่า? "
เพราะเสียงคล้ายจะเว้าวอนของเพื่อนสนิททำให้โตเม้มปากแน่น ขาใหญ่ของแดนสิบสองถอนหายใจแรง..พยายาม...กำลังพยายามจะลดความโกรธที่ปะทะคุกรุ่นในหัวใจให้ทุเลาลง และพยายามคิดหาเหตุผล...ใช่...เหตุผล เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะใช้อารมณ์นำพา...
...และเมื่อคิด...เขาก็รู้ ว่าคงไม่อาจจะหาใครมาช่วยมันได้...
โตกัดฟันกรอด นัยน์ตาจ้องมองผนังปูนเบื้องหลังร่างของเพื่อนสนิทอย่างอับจนปัญญา ร้อนรนและสิ้นหวังเสียจนกระบอกตาปวดรุม กำหมัดแน่นให้เกร็งไปทั้งตัว
บอกป๋าไม่ได้...เพราะพวกมันจะไม่ยอมช่วย
บอกป๋าให้ช่วยไม่ได้ เพราะหากบอกไป เท่ากับย้ำชัดถึงความอ่อนแอของตนเอง และจะยิ่งทำให้เกิดอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ
บอกพวกมันไป พวกมันก็ไม่ช่วย เพราะการยื่นมือไปช่วย เท่ากับประกาศชัดว่าตนเองมีส่วนร่วมกับแผนการนำ"ของร้อน"มาในเรือนจำ
บอกป๋าให้พวกมันช่วยเหลือ เท่ากับทำให้พวกมันมองเห็นว่าตนเองไร้ประสิทธิภาพ และแผนการณ์ที่ดำเนินมา...จะล่ม...จะทำให้เจอเรื่องเลวร้ายกว่านี้มาก..
...เพื่อ.....จะยังสามารถเป็น"ขาใหญ่"แห่งแดนสิบสองได้ต่อไป...ต้องไม่ทำ !
...เพื่อ....จะไม่ต้องสูญเสียอำนาจและสามารถปกป้องลูกน้องตลอดจนคนสำคัญได้...ต้องนิ่งเงียบ ไม่กระโตกกระตากโวยวาย..
...แต่เพื่อการนั้น
..ต้องปล่อยให้มันเจอเรื่องเลวร้าย ในเรื่องที่มันไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยทำอะไรเลยหรือ....
"...ไอ้เหี้ย.....แล้วไอ้เนมมันจะเป็นยังไง...." น้ำเสียงคนพูดสั่นเครือ...คล้ายสิ้นหวัง...ทำให้วิทย์พ่นลมหายใจแรง หนักใจไม่แพ้กัน
" กู....."
" ...ไอ้เนมมันต้องเจอกับอะไร ถ้ามันโดนซ้อม ถ้ามันโดนขัง ถ้ามันถูกรุม ...กูจะทำยังไง...."วิทย์จ้องมองเพื่อนสนิทด้วยแววตารวดร้าว ไม่มีแล้ว...ไม่มีแล้วคนที่เเข็งแกร่งและไม่เห็นหัวใคร ไม่มีแล้วท่าทางอันไม่หยี่ระที่แสดงออกมา ไม่มีแล้ว...ทุกสิ่งเหล่านั้นมลายหายไปเป็นเพียงเปลือกแข็งๆ...ตอนนี้..ที่ตรงนี้ จะมีก็แค่คนๆหนึ่งที่ห่วงใยคนสำคัญของตนอย่างสุดหัวใจก็เท่านั้น...
....อีกทั้งหงุดหงิด สิ้นหวัง สมเพชตัวเองที่ไม่อาจจะทำอะไร ไม่อาจจะช่วยอะไรได้...
....สมเพชตัวเอง...ที่ไร้ค่า...ไร้ความสามารถ...
"....ใจเย็น..." วิทย์ถอนหายใจยาว เขาทำได้เพียงวางมือลงบนบ่าที่สั้นไหวนั้น แล้วบีบเบาๆแต่หนักแน่น เพื่อถ่ายทอดความห่วงใยมี่มีต่อคนที่หายไป..ไม่ต่างกัน
"...จะให้กูเย็นได้ยังไง..." คำพูดเครียดขึง สีหน้าก็แสดงอารมณ์ไม่ต่างกัน
"...ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้..." วิทย์กำหมัดแน่น กลืนน้ำลายลงคอช้าๆพยายามสรรหาคำพูดที่โน้มน้าวจิตใจคนให้เย็นลงได้มากที่สุด " มึงต้องเชื่อว่ามันจะไม่เป็นไร...รอก่อนโต...มึงคอยดูไปก่อน บางทีมันอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้..ไอ้เนมมันฉลาดจะตาย บทจะทำมันก็ทำได้แน่ๆ "
"ตอนนี้บ่ายสามเอง...เหลืออีกตั้งหลายชั่วโมง...มันต้องกลับมา มึงใจเย็นไว้..."
".............." ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองไม่พูดอะไรอีก หากไหล่ที่ลู่ลงค่อยยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง แต่ทว่าแววตายังปั่นป่วนด้วยความกังวลและไม่แน่ใจ กรามขึ้นเป็นสันด้วยฟันที่ขบเข้าหากันแน่น..แม้จะนิ่งเงียบและอารมณ์เย็นขึ้นแล้ว ทว่าวิทย์ก็รู้ ว่าคำปลอบของเขาไม่อาจจะช่วยอะไรได้มากเลย
ดวงตาของเพื่อนสนิทนั้นยังคงมีความกังวลและความหวาดหวั่นแฝงอยู่ชัดเจน...มันและตัวเขาไม่พูด ในเรื่องที่ต่างก็หวาดหวั่นและรู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว ทว่ายังฝันเพ้อลมๆแล้งๆ พยายามปลอบใจตัวเองและเเขวนความหวังไว้ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ยังไม่ลาลับ..
หวังว่าไอ้เนมมันจะหลับมาและ"ไม่เป็นอะไร" อยู่รอดปลอดภัยเช่นทุกครั้ง
...แต่ทว่าในใจก็รู้ โอกาศรอดของมัน มีน้อยนักจนแทบเป็นไปไม่ได้เลย...
.......................................TBC
โอ้ยยย เครียดจริงเขียนตอนนี้แล้วมือสั่น มือเย็นเลยค่ะ นี่นังปุ้ยอินมากไปป่าวเนี่ย อร้ากกกกก

บอกว่าจะอัพๆหลายวันแต่ก็ไม่ได้อัพ ขออภัยค่ะ เพราะอิชั้นนิ้วมือซ้นขึ้นพอดี แอ๊คซิเด้นท์ได้น่าสมเพชมาก คือตัวเองเสือกไปวางมือผิดที่ผิดทาง...จนเกิดเหตุขึ้นมา ล่อไปทั้งนิ้วชี้นิ้วกลาง เพิ่งหายนี่แหละค่ะ เหอๆ
... ตอนนี้น่าสงสารพี่โตจึงแฮะ ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะถ้าทำไปเท่ากับพัง แถมทำไปป๋าก็ไม่ช่วยแน่ๆ

เนมก็ตกพุ่มซวยไปแบบจังเบอร์...เฮ้อ....ซวยได้ไม่มีสิ้นสุด นี่ขนาดพี่โตพยายามกันไปอยู่ขอบๆของปัญหาแล้วนะเนี่ย น่าสงสารจริงหนอ
...ตอนนี้ยาวพอสมควร(แต่เครียด) หวังว่าจะทดแทนกับที่หายไปนานนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
