Imprison 52: ครั้งที่สอง
เสียงพูดคุยหึ่งๆของเหล่านักโทษที่อยู่บริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุไม่ได้ทำให้ผมสนใจไปมากกว่าแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไป ความรู้สึกสงสัยยังคงอยู่ในสมอง เฝ้าครุ่นคิดถึงสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไม..ทำไมพี่โตถึงถูกเรียกตัว..การถูกเรียกตัวไปพบพัสดีหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเจ้าหน้าที่ซึ่ง”ใหญ่”ที่สุดในเรือนจำแห่งนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้กับนักโทษทุกคน แล้วนี่..มันจะเพราะอะไรกัน?
“...ไอ้เนม...” เสียงเรียกดังข้างๆทำให้ผมหันไปมอง พบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆคือพี่วิทย์ที่มาเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้และแน่นอนว่าตอนนี้ข้างๆเขา มีเมฆยืนอยู่..ผมสบมองแววตาของคนทั้งคู่ที่ดูแตกต่างกันไป...หนึ่งคนนั้นดูครุ่นคิดห่วงใย..แต่อีกหนึ่ง..มีแววตาของความสะใจ..สาสมใจ..
“..ครับพี่...” ผมร้องรับ แต่เม้มปากแน่นและจ้องสบตาเมฆที่ยืนยิ้มบางๆด้วยดวงตาวาววับด้วยความดีใจ..นั่นทำให้ผมอดจะนึกโกรธขึ้นมาไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ ว่าพี่โตก็ใช่คนดีอะไร และก็คงจะทำเรื่องให้ช่าวบ้านเขาแค้นไปทั่ว..แต่...ในเมื่อ..ตอนนี้..เราสองคนตัดสินใจ”อยู่ข้างๆ”กันแล้ว..มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอ ที่ผมจะไม่พอใจหากมีใครมาใช้สายตาแบบนั้นกับ”คนข้างๆ”เรา
“..อย่ามาทำหน้าตาแบบนั้นใส่กันน่ะ พวกมึง...” พี่วิทย์ปรามออกมาด้วยเสียงคำรามต่ำๆ ตวัดสายตาเข้มๆใส่ผมและเมฆ ผมจึงถอนใจพรืดและหันหน้าหนีและได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอของเมฆดังขึ้นเบาๆ
“..แล้ว..นี่มันเกิดอะไรขึ้น..? “ ผมออกปากถาม..แต่พี่วิทย์ชะงัก..และหันมาจ้องหน้าผมเงียบๆ..
“............” พร้อมกันนั้น ก็ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปาก..
“...พี่..... “ ผมขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังใบหน้าและดวงตาของพี่วิทย์เขม็ง พร้อมกันนั้นก็พบว่ารอบกายมีร่างของบรรดาพี่ๆในแกงค์ยืนล้อมรอบพร้อมทั้งมองมาเหมือนจะหาคำตอบ..คำตอบของคำถามที่ทุกคนอยากจะรู้
...เกิดอะไรขึ้นกับพี่โตของทุกคน...ขาใหญ่ของลูกน้อง...
ทำไม..ทำไมถึงโดนพาตัวไป ทำไมถึงหายไปโดยไร้คำตอบ..
..เพราะอะไร?..
“..........” และนั่นยิ่งทำให้พี่วิทย์หรี่ตาลงด้วยความเคร่งเครียดมากกว่าเดิม...แน่นอนว่าหากพี่โตไม่อยู่..คนที่สั่งการควบคุมแทนก็คือพี่วิทย์ ดังนั้นคำถามของสิ่งที่เกิดขึ้น..พี่วิทย์ก็ควรจะตอบ..
“....ไม่มีอะไรหรอก...” นั่นเป็นคำโกหกที่แย่ที่สุดเท่าที่คนๆหนึ่งจะคิดได้ ดังนั้นแววตาอันเคลือบแคลงของทุกคนจึงปรากฏขึ้นโดยพร้อมเพรียง..แน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ผม..
“...โกหก..” เสียงนั่นไม่ใช่ผมพูด...แต่เป็นเมฆที่สวนขึ้นมาทันควัน สายตาของเขาจ้องไปที่พี่วิทย์เช่นกัน..แววตาที่ทั้งรอคอยคำตอบ..และ...รู้ดี...
...พี่วิทย์ตวัดสายตาไปมองเมฆพร้อมกับเอื้อมมือผลักไหล่เจ้าตัวออกห่างด้วยสีหน้าหงุดหงิด..
“...กลับไปที่ห้องขังซะ...เดี๋ยวไอ้โตจะมาบอกเอง...” พูดเรียบๆพลางหันหลังหนี เดินฝ่าทุกคนในกลุ่มไปสีหน้าหงุดหงิดเครียดขึ้งที่ผมมองเห็นเพียงชั่วครู่เหมือนจะเป็นภาพลวงตา หากว่าเมฆจะไม่ได้วิ่งตามไปโดยไวด้วยสีหน้าแตกตื่น..ทิ้งไว้เพียงหน้าตาที่ยังบ่งบอกความสงสัยและเสียงประท้วงในใจของทุกๆคน..
...เรื่องที่เกิดขึ้นนั่น..เราไม่มีสิทธิ์จะรู้หรือไง?
...........
ในห้องขัง...ทั้งที่ผ่านไปสามชั่วโมง..ร่างของพี่โตก็ไม่ปรากฏตัวขึ้น..
ผมได้แต่นั่งนิ่ง สายตาจับจ้องบนฟูกหนาที่ได้นอนกลิ้งเมื่อคืน อ้อมแขนที่กอดรัดไว้และเรือนร่างแกร่งที่แนบชิด ทุกสิ่งนั้นเหมือนความฝันที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล เมื่อตอนนี้..แม้เวลาจะผ่านไปหลายชั่วโมง.. ก็ยังไม่มีร่างของคนๆนั้นโผล่ขึ้นมา...
ผมเสมองไปทางพี่ๆที่อยู่ในห้อง แน่นอนว่าทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก..สำหรับผม การขาดพี่โตไป..แม้ไม่อาจจะเทียบได้ว่าเหมือนขาดบางสิ่ง..ทว่า กับพี่ๆในเรือนจำที่มี”พี่โต”เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแล้ว..การขาดหัวหน้า ขาดคนที่คอยให้ความมั่นใจ ให้ความปลอดภัย ก็เหมือนจะทำให้ขาดหลักยึด..
เสียงพูดคุยหึ่งๆของนักโทษหลายรายในห้องขังอื่นๆดังข้ามกันไปมาเพื่อสนทนาเรื่องที่เกิดขึ้น..บางครั้งเป็นแค่การพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารและเหตุการ์ณที่พบเห็น แต่บางคราก็เหมือนคำขู่กรรโชก เยาะเย้ย พวกเราที่หัวหน้าถูกเรียกตัวไป และอาจต้องโทษหนัก..อาจจะถูกขังลืม..วิพากวิจาร์ณกันไปสารพัด..
กระทั่งในตอนที่ผู้คุมจะดับไฟ...ปิดประตูเรือนจำ พี่โตก็ยังไม่โผล่มา..
ผมปูผ้าห่มผืนบางของตัวเอง ข้างๆฟูกนอนหนาที่วางอยู่ในที่ประจำ นักโทษคนอื่นต่างก็เริ่มเอนตัวลงนอนลงบ้างตามสัญญาณบอก มองแล้วก็ได้แต่ถอนใจเบาๆ
“..เนม... “ เสียงทักของคนนอนข้างๆ นั่นก็คือพี่ทินทำให้ผมหันไปมอง..คนพูดนอนแผ่ สอดแขนหนุนเป็นหมอนและหลับตาลง ทว่าสีหน้ายังไม่เรียบสนิท
“..ครับ...” ผมรับคำเบาๆ หันมาตบหมอนตัวเองบ้าง...
“..ไปนอนที่เฮียดิ..”
“หา?...” ผมคิดว่าตัวเองฟังผิด
“..ก็บอกให้ไปนอนบนนั้น..เดี๋ยวพี่แกกลับมาเห็นเมียตัวเองนอนเจ็บก้นบนพื้นกุได้โดนกระทืบตาย..” สถานการ์ณแบบนี้ยังจะมาอารมณ์ขัน ผมทำหน้าเบี้ยวใส่คนพูดแล้วส่ายหัว แม้รู้ว่าคนพูดนั้นหลับตาลงไปแล้ว.
.
“..ไม่เอาหรอก เดี๋ยวรายนั้นกลับมา..มาบ่นว่าผมนอนทับที่เค้า..ได้โดนถีบเจ็บกว่าเดิมอีก.” ไอ้ประเด็นเมียพี่โตที่เคยฮอตฮิตเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้น่ะ เหมือนจะกลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว ผมจึงเอ่ยเถียงกลับไปด้วยความเคยชินแม้จะยังเจ็บก้นไม่หายตามที่พี่ทินบอกก็เถอะ..
“ โฮ้ยยยย..หลงขนาดนั้น มีเรอะจะถีบ.. “ พี่ทินบอก ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้า รอยยิ้มบางๆตรงมุมปากของผมเลือนหายไปเมื่อสบแววตาจริงจัง..และคำพูดที่บอกออกมา..
“..นอนตรงนั้นเถอะ..พวกกูจะได้มั่นใจ..ว่ายังมีใครอยู่...”
ไฟดับลงแล้ว...เหลืออยู่เพียงความมืดสลัว..
แสงไฟมัวๆจากทางเดินส่องมาให้เห็นเพียงรางๆ..ขณะที่ผมเอนตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่ม..”คอนโด” ผืนใหญ่ของพี่โตที่เคยพอดีไปสำหรับคนสองคน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า มันกว้างจนไม่รู้จะนอนยังไง..
นัยน์ตาของผมมองผนังปูนสีกระดำกระด่าง พลางถอนหายใจเบาๆ..ท่ากลางความเงียบของห้องขังนี้ทั้งที่ปกติ..จะมีแต่เสียงกรนดังสนั่นแท้ๆ..
“..นอนตรงนั้นเถอะ..พวกกูจะได้มั่นใจ..ว่ายังมีใครอยู่...”
คำพูดนั้นของพี่ทิน ทำให้ผมได้รู้ว่าแม้จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ยังไงในใจทุกคนก็ยังกังวลเรื่องนี้อยู่..
การที่คนๆนึงถูกพัศดีเรียกตัวไปมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?.. ผมยังนึกสงสัย..ขณะที่คำตอบจากปากของคนฟัง..ก็ดังขึ้นมาทันควัน..
..พัศดีไม่ได้มีเวลาว่างขนาดจะเรียกนักโทษในคุกไปนังคุยเล่นฆ่าเวลากันวันละคนสองคน..
....การถูกเรียกตัวไป..มีเพียงสองกรณีคือ “เรื่องดี” กับ “เรื่องไม่ดี “
หากเป็นเรื่องราวดีๆ มีหรือจะไม่ถูกป่าวประกาศ และต่อให้ดีแค่ไหน...การจะเอาตัวนักโทษไป”คุยเรื่องดีๆ” จนเลยเวลากินข้าว อาบน้ำ หรือแม้กระทั่งนอนน่ะ..มันจะเกิดขึ้นได้เหรอ?
..ในขณะที่..”เรื่องไม่ดี” นั้น...
...การถูกสอบสวนข้ามวันข้ามคืนถือเป็นเรื่องปกติ..
สอบสวน...ในสมองของผมมีแต่คำๆนี้..หากพูดถึงสอบสวน ก็คงเป็นเรื่องของความผิด..และความผิดของพี่โต.. ผมก็ต้องของบอกตามตรงว่าเยอะจนไม่อาจจะนับได้..
และถ้าเป็นแบบนั้น...
..อาจจะ”หาย” ไปโดยไม่มีใครรู้ข่าว..
..วันพรุ่งนี้อาจจะมี”คนใหม่” เดินเข้ามาให้รับน้อง..
และที่นอนตรงนี้...ก็อาจจะต้องเปลี่ยนตำแหน่ง อาจจะหายไป..อาจจะ...
...นั่นคือเหตุผล ที่ทุกคนอยากให้ผมนอนอยู่ตรงนี้ ผมไล้มือลงบนเนื้อผ้าที่ปูนอน มองสีสันที่แทบไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไร ได้กลิ่นเหงื่ออันคุ้นเคยอวลอยู่ในจมูก..
จะแปลกไหมที่ขอบตาผ่าวร้อน และลำคอตีบตันขึ้นมากะทันหัน..
ผมงอตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบางที่เมื่อคืนที่แล้ว..ยังมีใครอีกคนนอนห่มด้วยกัน..
มือกำหมอนใบใหญ่ที่เคยใช้หนุนนอน..
...หัวใจที่สับสนว้าวุ่นยังคงเต้นกระหน่ำอย่างหาทางออกไม่ได้..
คิดถึง..ยอมรับว่าคิดถึงมาก..
...และเป็นห่วง..เสียจนนอนไม่หลับ..
การนอนคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ อะไรบ้างกับคนที่เรารู้จัก..ใช้ชีวิตร่วมกัน หรืออาจจะ”รัก”นั้น..ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเอาเสียเลย หัวใจที่บีบตัวต่อเนื่องด้วยความหวาดหวั่น จากเรื่องราวที่พบ คำบอกเล่าที่ผ่านหู ท่าทางของคนรู้จัก...ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกัน มันยิ่งทำให้จินตนาการนั้นเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ..
ใบหน้าของผมซบลงบนหมอน พยายามข่มตาหลับ..
และในตอนนั้น ก็ได้กลิ้นที่คุ้นเคยที่ปลายจมูก..
..กลิ่นของ..พี่โต..
พี่โตที่ตอนนี้..ไม่อยู่...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
การผล็อยหลับลงท่ามกลางความคิดอันหวั่นวิตกของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี ผมครางออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อรู้สึกถึงการรบกวนข้างๆกาย หงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ต้องลืมตาตื่น อาการปวดหัวที่เข้าจู่โจมพร้อมกับความมืดสลัวนั้นทำให้เกือบจะด่าออกไป หากไม่ได้เห็นใบหน้าที่เคยคุ้นซึ่งเอนตัวมาแนบชิด..
นั่นทำให้ความยินดีแล่บวาบขึ้นมาในใจจนต้องโผเข้าหาทันควัน.. รู้สึกถึงอ้อมกอดแน่นๆและเสียงร้องงอแงคล้ายจะสะอื้นของตัวเอง..ที่ปกติคงไม่มีทางร้องออกมาแบบนั้น..
..ยิ้มออกมาเพราะความยินดียังคงผุดขึ้นไม่ยอมหายไปไหน...
กลับมาแล้ว...
“ ฮื่อ....พี่โต... “ ผมร้องออกไปเบาๆ ขณะที่พี่โตเอนตัวลงมาหา ท่ามกลางสติที่เลือนรางนั้น จำได้ดีว่าผมคิดจะอ้าปากถามหาเหตุผลที่หายไปด้วยความอยากรู้ แต่เพราะง่วงงอแงเกินกว่าจะทำอะไร พอแผ่นอกหนาแนบชิด พร้อมกับแขนที่กอดรัดโอบกอดผมไว้ทั้งตัว แต่ครางฮื้อออกมา ก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากคู่นั้นไปเสียแล้ว..
“...ชู่ว...เงียบๆ...” เสียงกระซิบนั้นดังแผ่วเบา พร้อมกับริมฝีปากหนาบดเบียดเข้ามาหาอีก ผมหลับตาลงขณะที่ลำคอครางออกมาอย่างพึงใจ ยกแขนโอบรอบลำคอใหญ่อย่างถือวิสาสะ..
“...อือ.... “ ริมฝีปากหนาที่แตะบดเบียดเบาๆ พอให้เคลิบเคลิ้มนั้นรู้สึกถึงคาวเลือดแปลกๆอวลในปากจนสติที่ใกล้จะดับลงอีกรอบตื่นตัวขึ้นมา..ทว่าพอลืมตา อ้าปากจะถามก็ถูกช่วงชิงลมหายใจด้วยริมฝีปากคู่นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า..
“........ “ แม้จะเป็นเวลากลางคืนและแสงมีไม่มากนัก ทั้งสติที่เรือนลางอีกคำรบ แต่ก็ยังมองเห็นรอยช้ำบนไหปลาร้าเด่นชัดจนอยากจะเอื้อมมือไปแตะ ทว่านอกจากเสียงลมหายใจแนบชิด กับริมฝีปากที่ยังคงบดเบียดแช่ไว้ราวกับจะออดอ้อนนั้น เสียงขยับตัวกระซิบกระซาบด้วยความยินดีของผู้คนโดยรอบคือสิ่งที่รับรู้ ก่อนความง่วงงุนจะฉุดให้หนังตาปิดลง โดยที่ริมฝีปากยังคลอเคลียกันไม่ขาด และความสงสัยยังที่ค้างคาในใจ..
...แผลอะไรน่ะ..?
“...นี่....มันอะไรกันน่ะ..?”ผมเผยอริมฝีปากออก มองภาพที่เห็นเบื้องหน้าพลางเลิกคิ้ว ตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว และไม่ใช่ตอนกลางคืนที่ผมยังงัวเงียไม่เลิก แม้จะยอมรับว่าตื่ยนขึ้นมามันมีบ้าง แต่ไม่ใช่ออดอ้อนงอแงแบบเมื่อคืนแน่นอน เพราะการตื่นขึ้นมาโดยที่ริมฝีปากยังคงแตะกับปากที่ แตก แห้ง และคาวไปด้วยเลือดของพี่โตนั้น..ไม่ใช่ความน่าอภิรมย์เลยสักนิด..
..แน่นอนว่าคนที่ตื่นขึ้นมาอย่างพี่โตอาจจะนึกอยากแกล้งเขาโดยการขยับมาจุ๊บอีกรอบพร้อมกับรอยยิ้มหื่นๆ..แต่ว่า...ในปัจจุบันที่มองเห็นสภาพชัดเจนแล้ว..ผมไม่แม้แต่จะนึกจะอายพี่โตด้วยซ้ำ
..ไอ้เนมมองสภาพของขาใหญ่แห่งแดนสิบสาองตั้งแต่หัวจรดเท้า..
...ปากแตก..
..คิ้วแตก..
..แก้มมีรอยโดนชก..?
“..ไม่ทราบว่าไปกัดกันใครมาครับ..? “ ผมถามออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปากเครียดๆ..ขณะที่คนฟังยักไหล่มองหน้าผมแล้วค่อยๆ..เลิกเสื้อขึ้น..
“.............” ที่เห็นไม่ใช่ภาพอุบาทว์หรืออนาจารย์ใดๆทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง..คือสภาพภายใต้ร่มผ้า ที่ไม่มีเชื้อรากลากเกลื้อนหรืออะไร แต่กลับมี..
..รอยสีม่วงๆ..เขียวๆ ห้อเลือดและช้ำไปทั่วตัว..
“..ไอ้ที่เห็นข้างนอกน่ะจิ๊บๆ.. “ ว่าพลางลดเลื้อลงและยกมือแตะมุมปากเบาๆ ท่าทีของคนเจ็บยังชิลๆจนน่าโมโห..แต่พอเห็นแผลแล้วก็โมโหไม่ลง..
“..ใครทำ...? “ ผมอ้าปากถาม..
“..............” สิ่งที่ได้รับมามีเพียงดวงตาที่หรี่ลงข้างหนึ่งพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้น..พี่โตไม่ได้ส่งเสียง”หึ”ออกมาจากลำคอรึว่าส่งสายตาเชิง”มึงโง่” ออกมาเช่นที่เคยทำ มีเพียงแววตาที่ไม่อาจแทนคำพูดได้..หรืออาจจะบอกได้ว่า..แน่ใจน่ะว่าอยากรู้..
“..ไปทำแผลกัน.. “ ผมทำท่าชักชวน ปัดๆไอ้คว่ามสงสัยเรื่องนั้นทิ้งลงในใจ แม้จะพอนึกคำตอบออกได้บ้างว่า การถูกผู้คุมเรียกตัวไป..คนที่ทำแบบนี้ไปก็คงไม่ใช่ใครอื่น..
“...จะไม่ถามหน่อยเหรอ?..ว่าเกิดอะไรขึ้น..” พี่โตเลิกคิ้วเหมือนงวยงงนักหนาที่ผมไม่ได้ร้องโวยอยากรู้ทุกเรื่องเหมือนเมื่อก่อน.. ไอ้เนมจึงถอนหายใจเฮือก..
“..อยากรู้สิ..แต่ถ้าไม่อยากบอก ต่อให้ง้างปากแทบตายพี่ก็คงไม่พูด..จะเซ้าซี้ไปทำไม..” ผมบ่นอย่างปลงๆ เรียกรอยยิ้มมุมปากจากคนฟังพร้อมกับมือที่ขยี้หัวเกรียนๆของผมเบาๆ
“..เด็กดี...” คำชมนั้นน่าจะดี...แต่ทำไม..ผมถึงไพล่ไปคิดถึงเรื่องอื่นที่เกี่ยวกับคำชมนี้ไปซะได้..
“..ทำไมหน้าแดง คิดอะไร?..” น้ำเสียงล้อเลียนนั้นทำให้ผมหน้ามุ่ย แต่ก็ฉุดมือพี่โตให้ลุกขึ้นไปโรงพยาบาล ท่ามกลางพี่ๆในห้องขังที่ยืนฟังการพูดคุยของผมกับพี่โตมานานพอควรแล้ว พี่ทินเดินมาประกบคล้ายจะช่วยดูแลอีกคน ด้วยสายตาสอดส่องราวกับจะหาคนร้ายในหมู่พวกเราเสียอย่างนั้น..
“...เดี๋ยว...” เสียงคุ้นหูของพี่วิทย์ที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง..พี่โตหันไปสบตาพี่วิทย์ที่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าประตูห้องขัง..คนพี่มองแผลของพี่โตแล้วเบิดตาขึ้นนิดๆ..ก่อนจะหรี่ลงคล้ายไม่พึงใจ..
“...อะไร?..” พี่โตออกปากถาม พลางเดินเข้าไปหา..
“..เป็นไงบ้าง..” พี่วิทย์เอ่ยออกมาเบาๆ..
“..ไม่เป็นไรมาก...ตกลงมีอะไร..” เน้นย้ำ...พลางจ้องหน้าพี่วิทย์ ด้วยสีหน้ารู้ทันว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ..
“................” พี่วิทย์ถอนใจเบาๆโดยไม่พูดอะไร.. นั่นทำให้พี่โตขมวดคิ้วหงุดหงิด หันมาคว้าแขนผม ทำท่าจะลากออกไปข้างนอก แต่พี่วิทย์ยืนจังก้าขวางลำไว้ก่อน..
“...จะบอกไม่บอก...” ดูท่าพี่โตจะรำคาญกับท่าทางอมพะนำของพี่วิทย์เต็มที จึงกระชากเสียงใส่สีหน้าเริ่มหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด รวมถึงเพิ่มแรงบีบที่มือของผมมากขึ้นด้วย..
“...เมื่อกี้กูไปหาป๋า...” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนชะงัก..รวมทั้งพี่โตที่มีท่าทีนิ่งลงไป..
“.............”
“....พอดีถูกเรียกไปถาม..เรื่องนี้...” พี่วิทย์บอกพลางถอนห่ายใจเบาๆ..
“...แล้ว...มึงว่ายังไง” พี่โตออกปากถาม..พลางหรี่ตาลงอย่างเคร่งเครียด..
“..เรื่องนี้...ป๋าบอกว่าจะช่วย..” คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาได้ และทุกคนเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น แต่พี่วิทย์ยังคงมีท่าทางหนักใจ เพราะแบบนั้น พี่โตถึงได้ยังจ้องเขม็งไม่ห่าง..
“...ถ้าหาก....”
ถ้าหาก..?
“..มันเป็นครั้งแรก..”
เอ๋?...
ผมขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น ขณะที่หันไปมองหน้าพี่โต สีหน้าที่เครียดเขม็งขึ้นกระทั่งฝ่ามือที่เย็นชืดลงจนผมรู้สึกได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นสักนิด ทำให้ผมรู้ได้เลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีซักเท่าไหร่...
ทั้งที่พวกป๋าบอกว่าจะช่วย..
...หรือมีอะไรมากกว่านั้น..?
“..กุขอโทษที่ต้องให้มึงมาออกหน้าแทน..ทั้งที่..เราทั้งสองคนไม่มีครั้งที่สองแท้ๆ..” พี่วิทย์ยิ้มออกมาเครียดๆพลางเม้มปากแน่น “ กู....”
“..ช่างมัน...” น้ำเสียงตัดบทห้วนๆทำให้คำพูดของพี่วิทย์หายไปจากลำคอ ผมหันไปมองหน้าพี่โตที่ตอนนี้เรียยสนิท มือที่กำแขนผมไว้เพิ่มแรงบีบพร้อมทั้งกระชากตัวผมออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอ้เนมเบิดตากว้าง..
“...จะไปไหน!? “ ทั้งผมและพี่วิทย์ตะโกนออกมาพร้อมกัน.. ฝ่าผมที่ถูกลากพยายามรั้งตัวเองไว้ ขณะที่พี่วิทย์มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก..
“..ไปทำแผล!!.” พี่โตตะโกนตอบไปเรียบๆ พลางเร่งฝีเท้าเดินออกมา จนผมต้องเร่งเดินตามให้ทัน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อพี่วิทย์วิ่งพรวดเข้ามาแตะไหล่และถลันเข้ามาเดินขวาง..
“...อะไรอีก?..” พี่โตถามออกไปห้วนๆอย่างหงุดหงิด.
“..โทษที...วันนี้กุจะใช้ห้องพยาบาล...” พี่วิทย์พูดออออกมาเรียบๆ พร้อมกับรอยยิ้มแสยะ..ที่ทำเอาผมขนหัวลุก..ไอ้เนมกระพริบตาปริบๆหวังว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นความฝัน แต่ก็คงยาก เพราะพี่วิทย์เดินอาดๆเข้าไปยังทางเดินสู่ห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้ว..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
สวัสดีค่ะ..
อัพดึกเนอะช่วงนี้ ขอโทษที่หายไปนานน่ะค่ะ ช่วงนี้ยุ่งค่ะ พอดีทำงานพิเศษด้วย เลยเลิกดึกไปหน่อย หมดแรงไม่มีปัญญาจะคลานมาอัพ เหอๆ..
ส่วนตอนนี้...ใครที่สงสัยเรื่องครั้งแรกครั้งที่สอง ก็อ่านทวนได้ตอนหลงกล ผิดพลาด คาดไม่ถึง นั้นแหละค่ะ
ปล. ตอนหน้า..หึหึหึ
