เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  (อ่าน 191707 ครั้ง)

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ภูน้อยนี่น่ารักจริงๆ เลย  :-[

รักจะแย่อยู่แล้วเนี่ย  :give2: :give2:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ตาภูน่ารัก :-[

แต่พี่เสือน่ารักที่สุด :give2:

เกาะติดสถานการณ์ครับ :yeb:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาให้กำลังใจ :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป

เช้าวันอาทิตย์.................

โดยปกติแล้วกิจกรรมของครอบครัวที่มักจะทำร่วมกันในเช้าวันนี้คือการขี่ม้ารับแสงแดดอ่อนๆ ในบริเวณสนามขี่ม้าของโรงแรม แต่เนื่องจากสถานการณ์ความปลอดภัยที่ยังไม่แน่นอน ศิวะและจอมยุทธ์จึงตัดสินใจอยู่ในบ้าน โดยไม่ได้พาภูฟ้าออกไปขี่ม้าในตอนเช้าเช่นปกติ

ทั้งสามเลือกที่จะรับประทานอาหารเช้าในสวนหย่อมหน้าบ้านดังเช่นเมื่อวาน และใช้เวลาในการรับประทานอาหารเช้าตลอดจนพูดคุยสนทนาตามประสาพ่อ-ลูก-อา ไม่นานนัก จนกระทั่งศิวะและจอมยุทธ์ต้องแยกย้ายกันไปทำงานที่คั่งค้างในห้องทำงานชั้นใต้ดิน ในขณะที่ภูฟ้าก็เข้าไปในบ้านดูการ์ตูนหรือเล่นของเล่นต่างๆโดยมีคุณภาวดีและเจ้าเบนคอยอยู่เป็นเพื่อน

“จอมโทรเรียนคุณพ่อเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” ศิวะถามจอมยุทธ์ที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆ ขณะที่มือยังคงรัวแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เพื่อบรรจุคำสั่งบางอย่างลงไป

“เรียนแล้วครับ ตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายครับ....” จอมยุทธ์ตอบโดยที่เขาก็กำลังสาระวนกับคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ไม่แพ้ผู้ถาม

“คุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง” ศิวะถามต่อ

“ท่านก็บอกให้ระวังตัวครับ แล้วก็จัดการทุกอย่างตามที่เห็นสมควรครับ...คุณพ่อยังบอกให้ปรึกษาพี่เสือไว้ครับ....ส่วนตัวท่านกับคุณแม่จำเป็นต้องเดินทางไปดูงานและโปรโมทสินค้าที่ยุโรปเป็นเดือนครับ”

“อืม.... ท่านไปอยู่เมืองนอกคงจะปลอดภัยมากกว่าอยู่เมืองไทยในตอนนี้” 

“ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันครับ คุณพ่อกับคุณแม่จะออกเดินทางไปพร้อมกับผู้ถือหุ้นบางส่วนในคืนนี้ครับ...แต่ผมก็เรียนท่านไปด้วยว่าให้เอาบอดีการ์ดไปด้วยซักคนสองคน......เพื่อความแน่นอนใจครับ”

“ดีแล้ว...พี่เห็นด้วย” ศิวะกล่าวสนับสนุนความคิดของจอมยุทธ์

“งานที่โรงแรมพี่เสือล่ะครับ....เป็นอย่างไรบ้าง” จอมยุทธ์เปลี่ยนมาตั้งคำถามบ้าง เพราะศิวะไม่ได้ไปทำงานที่โรงแรมตั้งแต่เมื่อวาน

“ไม่มีอะไรเร่งด่วน...ช่วงนี้พี่ให้ผู้จัดการโรงแรมตัดสินใจแทนพี่ได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องสำคัญจริงๆ เค้าจะโทรมาหรืออีเมลล์มา ตอนนี้พี่ลางานอย่างน้อยหนึ่งเดือนครับ....เพราะว่าเรามีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นที่จะต้องทำ”

“ครับ.....” จอมยุทธ์ตอบ แต่มือก็ยังคงรัวแป้นพิมพ์เพื่อใส่รหัสบางอย่างลงไปในคอมพิวเตอร์เช่นเดียวกับศิวะ

โดยที่ตลอดเวลาการสนทนานั้นทั้งคู่ยังคงป้อนคำสั่งต่างๆลงในคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง

“งานของจอมเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” ศิวะกลับมาถามต่อ

“ก็สบายๆครับ มีแค่การวิเคราะห์สูตรสารเคมีบางอย่างครับ...... แต่ว่าพี่เสือได้อีเมลล์ของ Alex แล้วใช่มั้ยครับ ว่าเค้าจะมาหาเรา.....ผมว่าเขาเลือกมาได้ตรงกับสถานการณ์เหลือเกินครับ”

“ได้เหมือนกัน....พี่คิดว่าเอล็กซ์น่าจะมาถึงวันนี้น๊ะ เพราะได้ข่าวว่าเป็นงานด่วนเหมือนกัน....พี่คิดว่าอเล็กซ์คงโทรหาเราทันที่ที่มาถึงกระมัง” ศิวะคาดการณ์

“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ...เพราะอเล็กซ์ไม่เคยมาบ้านเรามาก่อน”

ทั้งคู่พักการสนทนาชั่วคราวเพราะต้องใช้สมาธิอยู่กับข้อมูลที่ปรากฏขึ้นในจอคอมพิวเตอร์ของแต่ละคน ศิวะและจอมยุทธ์ใช้เวลาทำงานเป็นเวลาค่อนข้างนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงอินเตอร์คอมดังขึ้น โดยคุณภาวดีรายงานว่าร้อยตำรวจเอกศตวรรษได้นำเอานายตำรวจอารักมาแนะนำให้ทราบ และกำลังนั่งพักรอที่ห้องรับแขก

ศิวะและจอมยุทธ์พักงานที่ทำไว้ทันที โดยไม่ลืมที่จะเข้ารหัสล็อคคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะเดินขึ้นมายังห้องรับแขก

เมื่อได้พบหน้านายตำรวจผู้เป็นแขกทั้งห้า ศิวะและจอมยุทธ์จึงเอ่ยคำทักทายอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ” สองหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกัน

ร้อยตำรวจเอกศตวรรษ.....ผู้ที่รู้จักทั้งสองหนุ่มตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์กล่าวแนะนำนายตำรวจอารักขาทั้งสี่คนทันทีที่ทักทายกันเสร็จสิ้นเรียบร้อย

“คุณศิวะและคุณจอมยุทธ์ครับ...ผมขออนุญาตแนะนำ ร้อยตำรวจตรีสราวุฒิ ร้อยตำรวจตรีกรกฏ จ่าสิบตำรวจเอกปิยะ และจ่าสิบตำรวจเอกมานพครับ.......คุณจอมยุทธ์จะได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยนายตำรวจทั้งสี่คนจะสลับกันมาเป็นคู่ครับ หน้าที่หลักๆของนายตำรวจแต่ละคู่จะคอยดูแลคุณจอมยุทธ์ขณะเดินทางออกจากบ้านไปโรงงานและรวมถึงการเดินทางอื่นๆครับ” 

นายตำรวจทุกนายอยู่ในชุดสุภาพนอกเครื่องแบบ ลักษณะท่าทางของแต่ละคนดูกระฉับกระเฉงเอางานเอาการ  คาดว่าอายุของทั้งหมดจะอยู่ระหว่าง 25-30 ปี ส่วนคุณสมบัติอื่นๆนั้นร้อยตำรวจเอกศษวรรตก็กล่าวบรรยายให้ฟังอย่างละเอียดต่อมา รวมถึงบอกเหตุผลที่ว่าต้องดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้น เนื่องจากจอมยุทธ์ได้รับการขู่จากฝ่ายตรงข้ามถึงสองครั้งสองครา
 
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ....แต่ผมต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างครับ” จอมยุทธ์ถามในตอนท้าย หลังจากฟังข้อมูลของนายตำรวจทั้งสี่เสร็จสิ้น

“ผมต้องขอเรียนคุณจอมยุทธ์โดยตรงครับว่า เนื่องจากเป็นการดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นเพื่อความสะดวกของนายตำรวจติดตามทั้งหมด ผมขอรบกวนคุณจอมยุทธ์ช่วยลดการเดินทางหรือกิจกรรมที่ไม่จำเป็นชั่วคราวจนกระทั่งเราสามารถจับผู้บงการได้ครับ” ผู้กองศตวรรษตอบคำถาม

“ผมจะพยายามครับ” จอมยุทธ์ตอบเพราะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

“อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่พักครับ ....ผมขอรบกวนคุณจอมยุทธ์และคุณศิวะอำนวยความสะดวกเรื่องที่พักให้นายตำรวจที่ปฏิบัติงานในแต่ละวันครับ....ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนเกินไปหรือไม่ครับ” ร้อยตำรวจเอกศตวรรษเอ่ยถามอีกครั้งในประโยคสุดท้าย

“ไม่มีปัญหาครับ....ผมกับจอมจะดูแลรับผิดชอบทั้งเรื่องที่พักรวมเรื่องอาหารและอื่นๆ อย่างเต็มที่ครับ” ศิวะกล่าวในฐานะเจ้าของบ้าน

“ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มกล่าวขอบคุณแทนนายตำรวจทั้งหมด และถือโอกาสกล่าวลาเจ้าของบ้านทั้งสองคนเพื่อไปพบกับนครินทร์ที่รออยู่ที่กองบัญชาการ

“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ...พอดีผมต้องรีบไปพบท่านรองฯ เรื่องคดีต่อครับ” ผู้กองศตวรรษยกมือไหว้ทำความเคารพศิวะและรับไหว้จอมยุทธ์ โดยปล่อยให้นายตำรวจที่เหลือทั้งสี่ชี้แจงวิธีการปฏิบัติงานอย่างละเอียดให้จอมยุทธ์ฟัง

ศิวะเดินไปส่งผู้กองศตวรรษที่รถและดูแลการปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับเข้ามายังห้องรับแขก โดยไม่ลืมที่จะตามคุณแม่บ้านเข้าไปด้วยเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้นายตำรวจทั้งสี่

จอมยุทธ์รับผิดชอบในการพูดคุยทำความเข้าใจกับนายตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่รวมถึงแนะนำคนในบ้านทุกให้รู้จัก ต่อด้วยการนำทัวร์รอบบ้านเป็นอย่างสุดท้าย ในขณะที่ศิวะขอตัวไปทำงานที่คั่งค้างอยู่ตั้งแต่เมื่อเช้า

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ขณะที่ศิวะกำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ยุทธจักรก็โทรศัพท์มาบอกว่าไม่สามารถเข้ามาหาได้ในตอนสายวันนี้เพราะอยู่กับนครินทร์ที่กองบัญชาการในตอนนี้ เนื่องจากถูกตามตัวเป็นกรณีเร่งด่วนให้มาช่วยดูหลักฐานที่พบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นรอยสักที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรรายงานเข้ามา โดยพบว่าผู้เสียชีวิตทุกคนมีรอยสักลักษณะเดียวกันอยู่บนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งตรงกับที่ศิวะคาดเดาเอาไว้

ยุทธจักรอธิบายเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายชันสูตรรายงานข้อสังเกตไว้ด้วยว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะเป็นคนกลุ่มน้อย แต่เป็นกลุ่มคนที่มีเชื้อสายอะไรนั้นยังไม่สามารถระบุได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นครินทร์ต้องการตัวยุทธจักรเพื่อสอบถามความคิดเห็นว่าอาจจะเป็นพวกกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติและขอร้องให้ช่วยประสานงานดึงข้อมูลบางส่วนจากสำนักงานสภาความมั่นคงฯออกมาเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด

สาเหตุสำคัญที่ข้อมูลชันสูตรถูกส่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้นเพราะว่านครินทร์ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับรองผู้กำกับงานปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่มีสถานที่ทำการอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคห้า ลงมารับผิดชอบคดีด้วยตนเอง พวกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต่างๆจึงเร่งทำข้อมูลเพื่อเสนอให้นครินทร์พิจารณาอย่างรวดเร็ว

ศิวะรับทราบข้อมูลอย่างใจเย็นและถือโอกาสถามถึงลักษณะของรอยสักที่พบดังกล่าว ซึ่งยุทธจักรก็ยื่นโทรศัพท์ให้นครินทร์เป็นฝ่ายอธิบายให้ฟังเองอย่างละเอียด

หลังจากพูดคุยกับเสร็จสิ้น....ศิวะจึงวางหูโทรศัพท์ และเริ่มต้นทำงานต่อจนกระทั่งต้องรับประทานกลางวันในห้องทำงาน กว่างานของเขาจะเสร็จก็ราวๆบ่ายสามโมงเย็น หลังจากนั้นจึงได้รับโทรศัพท์จากอเล็กซ์ให้ช่วยมารับที่สนามบินเชียงใหม่ เพราะว่าเดินทางมาถึงเรียบร้อยแล้ว

ระยะห่างระหว่างบ้านของศิวะกับท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่นั้นไม่ไกลกันมากนัก ดังนั้นในช่วงไม่ถึงยี่สิบนาทีศิวะจึงสามารถไปปรากฏตัวที่สนามบินได้ และเนื่องด้วยท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีขนาดเล็ก ประกอบกับความสูงและรูปร่างที่สะดุดตาของทั้งอเล็กซ์และศิวะ จึงทำให้ทั้งสองคนมองเห็นกันทันทีที่ศิวะก้าวเท้าเข้าไปในอาคารรอรับผู้โดยสาร

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยสำหรับผู้โดยสารขาเข้า รวมถึงผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นจะเห็นชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งผิวสีแทนหุ่นสูงหน้าตาหล่อสมาร์ท ยืนกอดทักทายกับชายหนุ่มผิวขาวลูกครึ่งเอเชียยุโรปที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ต่างคนต่างทักทายกันด้วยภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ

“Hi.....what’s up Alex?” ศิวะทักทายพร้อมรั้งตัวคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว

“Pretty good.......but kind of tired though.....since it was such a long flight from France.....anyway how are you doing, Tiger?” แม้คนพูดจะบอกว่าค่อนข้างเหนื่อยเพราะเดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศสก็ตาม แต่สีหน้าและแววตายังคงสดชื่นยามที่ได้พบเพื่อนอย่างศิวะ

“I am doing OK......by the way, why don’t you drop at Bangkok for a night before flying here?” ประโยคท้ายศิวะถาม

“พอดีมีเรื่องด่วนนิดหน่อยอยากให้คุณกับจอมช่วยน่ะ” ชายหนุ่มลูกครึ่งยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการตอบคำถาม

“โอเค...งั้นไปคุยกันที่บ้านดีกว่า....เออ แต่ว่าคุณทานอะไรมาหรือยัง....หิวหรือป่าว” ศิวะยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการพูดคุยกับอเล็กซ์ ตลอดเวลาเนื่องจากเพื่อนชายชาวต่างชาติคนนี้ไม่สามารถพูดไทยได้

“ทานมาจากสนามบินแล้ว....เดี๋ยวรอทานข้าวเย็นพร้อมคุณกับจอมดีกว่า” หนุ่มลูกครึ่งตอบ

ดังนั้นศิวะจึงพาอเล็กซ์พร้อมด้วยกระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ ออกจากสนามบินเพื่อกลับไปที่บ้านพักโดยไม่ให้เสียเวลา

ทันทีที่พบหน้าจอมยุทธ์ อเล็กซ์ก็ไม่รอช้า มุ่งตรงเข้าไปกอดทักทายจอมยุทธ์ทันที โดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มจอมยุทธ์อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก

“เฮ้ย.......นายอเล็กซ์...น้อยๆ หน่อย.....ผมไม่ใช่แฟนคุณนะ.....” จอมยุทธ์แกล้งพูดน้ำเสียงจริงจัง และพยายามผลักคนที่กอดรัดอยู่ออกไป

“โหย......แกล้งนิดเดียวทำเป็นโกรธ...ก็ใครจะอดใจไหวล่ะ...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน.....อีกอย่างผมยังไม่มีแฟนซักหน่อย..........FYI......ผมก็เล่นกับจอมคนเดียวเองนะ...ไม่กล้าเล่นกับผู้ชายคนไหน....เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเป็นเกย์....เสียชื่อเสือผู้หญิงอย่างผมหมดพอดี” หนุ่มลูกครึ่งช่างเล่นกล่าวอ้อน

จอมยุทธ์หัวเราะเบาๆกับท่าทางไม่รู้จักโตของหนุ่มลูกครึ่งที่ชื่อว่าอเล็กซ์คนนี้

อเล็กซ์เป็นชายหนุ่มรูปงาม อายุเท่ากับจอมยุทธ์พอดี มีโครงสร้างของร่างกายแบบคนเอเชียแต่ทว่าสูงใหญ่ ความสูงของเขาประมาณ 180 เซนติเมตร มีผิวขาวละเอียดแบบคนเอเชีย โดยเพียงใบหน้าและดวงตาสีเขียวเข้มเท่านั้นที่ออกไปทางยุโรปตามมารดาซึ่งเป็นชาวสเปน

บิดาของเขาเป็นชาวเกาหลีใต้ อเล็กซ์จึงถือสองสัญชาติคือเกาหลีใต้และเสปน และสามารถพูดภาษาของบิดาและมารดาได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่รวมกับภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ เพราะต้องทำงานประจำอยู่ที่เมืองลีอง ประเทศฝรั่งเศสมากว่า 5 ปีแล้ว

อเล็กซ์กำลังจะนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขกภายหลังที่คลายอ้อมกอดของตนออกจากจอมยุทธ์ พลันสายตั้งคู่ก็ไปพบกับดวงหน้าของเด็กชายตัวน้อยน่ารักที่ศิวะเดินจูงมือเข้ามาในห้อง

รอยยิ้มของอเล็กซ์เปิดออกโดยพลันเพราะพอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหนูน้อยน่ารักคนนี้คือใคร...

“ถ้าผมจำไม่ผิด ......นี่คือ....สกาย....ใช่มั้ย เสือ....จอม” อเล็กซ์เรียกภูฟ้าว่า สกาย ซึ่งเป็นชื่อที่คริสเป็นคนตั้งให้เมื่อครั้งอยู่ที่อังกฤษเพื่อให้ง่ายต่อการที่คนต่างชาติจะออกเสียงเรียกได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพื่อนๆต่างชาติของศิวะและจอมยุทธ์จึงเรียกภูฟ้าด้วยชื่อนี้โดยตลอด

ทั้งสองหนุ่มพยักหน้าพร้อมๆ กันเป็นคำตอบ

ดังนั้นแทนที่อเล็กซ์จะนั่งลงบนโซฟา เขาจึงเดินเข้าไปหาภูฟ้า ทรุดตัวนั่งลง ในตอนแรกเขาจะทักทายหนูน้อยเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็เปลี่ยนใจ คิดทดสอบอะไรบางอย่างว่าทั้งศิวะและจอมยุทธ์จะเตรียมความพร้อมของภูฟ้าไว้มากน้อยเพียงใด

"Hola!!! ?C?mo est?s?" อเล็กซ์เลือกที่จะทักทายภูฟ้าเป็นภาษาเสปน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ภาษาที่หนูน้อยจำเป็นต้องเรียนรู้ ในฐานะที่ทั้งศิวะและจอมยุทธ์ทำงานในด้านที่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญของภาษาดังกล่าว

ภูฟ้าหยุดคิดเล็กน้อย ในขณะที่อเล็กซ์เงยหน้าขึ้นมองศิวะและจอมยุทธ์ เพื่อเตรียมเอ่ยคำถาม แต่พอดีกับที่ภูฟ้าตอบคำถามของเขาว่าสบายดี

“Mui bien, y tu” เสียงเล็กๆ น่ารักของภูฟ้าเรียกรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

“Bien, Muchas gracias..... Me llamo Alex” อเล็กซ์ตอบและกล่าวขอบคุณ รวมถึงแนะนำตนเอง ก่อนจะถามคำถามต่อไป

“?Come se llama?....y....?Cuantos a?os tienes?”

ภูฟ้ายังคงหยุดคิดเล็กน้อย... แต่ก็ตอบคำถามของอเล็กซ์ได้อย่างถูกต้อง

“Me llamo Sky.....y......Tengo cinco a?os”

และโดยมารยาทที่บิดาและคุณอาหนุ่มสั่งสอนมา ภูฟ้าจึงเพิ่มประโยคสุดท้ายเข้าไปด้วยในประโยคสนทนา

“Es un placer conocerte” ซึ่งเป็นการกล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกัน

“Es un placer para mi tambi?n conocerte” อเล็กซ์ได้ฟังดังนั้นจึงตอบแสดงความยินดีกลับไปโดยทันที

“You know, I saw you when you were too little in England.....but now you are so grown up.....” อเล็กซ์เปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษตามเดิม เพราะการทดสอบได้สำเร็จลง และผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจมาก เพราะภูฟ้าสามารถสนทนาภาษาเสปนอย่างง่ายๆ ได้เป็นอย่างดี

“Can I give you a hug?” อเล็กซ์อดใจในความน่ารักของเด็กชายตัวน้อยไม่ได้จึงขอเอ่ยปากขออนุญาต

“Yes, you can” ภูฟ้าตอบพร้อมร้อยยิ้มอีกเช่นเคย และอนุญาตให้ชายหนุ่มตัวโต ผู้มีดวงตาสีเขียวสดกอดอย่างไม่รังเกียจ

หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ศิวะจึงถือโอกาสแนะนำภูฟ้าให้รู้จักอเล็กซ์และอธิบายว่าอเล็กซ์เคยเจอภูฟ้าเมื่อครั้งที่ยังอยู่อังกฤษด้วยกัน จึงไม่แปลกที่อเล็กซ์จะจดจำภูฟ้าได้


หมายเหตุ:
Hola!!! ?C?mo est?s? = สวัสดีครับ สบายดีมั้ยครับ
“Mui bien, y tu” = สบายดีครับ แล้วคุณล่ะครับ
“Bien, Muchas gracias......Me llamo Alex” = สบายดีครับ ขอบคุณครับ.....ผมชื่ออเล็กซ์ครับ
“?Come se llama?....y....?Cuantos a?os tienes?” = ชื่ออะไรครับ และ อายุเท่าไหร่แล้วครับ
“Me llamo Sky.....y......Tengo cinco a?os” = ผมชื่อสกายครับ อายุห้าขวบครับ
“Es un placer conocerte” = ยินดีที่พบคุณครับ
“Es un placer para mi tambi?n conocerte” ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2007 09:12:15 โดย Andreas »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ทั้งสี่คนนั่งคุยกันซักพัก จอมยุทธ์จึงนำอเล็กซ์ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องพักรับรองแขกบนชั้นสามของบ้าน ส่วนศิวะก็พาภูฟ้าออกไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมสุนัขตัวโปรดของครอบครัว

ไม่นานนักจอมยุทธ์ก็ตามมาสมทบรวมถึงอเล็กซ์ที่ปรากฏตัวในอีกสิบนาทีต่อมา หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย

ภายใต้บุคลิกที่ร่าเริง ช่างเล่นของอเล็กซ์นั้นกลับซ่อนความช่างสังเกตไว้อย่างแนบเนียน ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามถึงชายหนุ่มสองคนที่ดูเผินๆเหมือนจะเป็นสมาชิกในบ้าน แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้วกลับคล้ายว่ากำลังคุมเชิงอะไรบางอย่าง

“สองคนนั่นใครน่ะ” อเล็กซ์ถามตรงๆ พลางใช้ดวงตาทั้งสองข้างเหลือบซ้ายขวา เพื่อแสดงทิศทางที่อยู่ของชายหนุ่มสองคนที่เขากล่าวถึง

“ตำรวจอารักขา” จอมยุทธ์ตอบสั้นๆ

“ทำไม” อเล็กซ์ถามขึ้นมาในทันที

“ผมแค่ถูกหมายหัวก็เท่านั้นเอง” จอมยุทธ์ยังตอบแบบสั้นๆ ตามเคย แต่เมื่อหันมาเห็นสายตาคาดคั้นเอาความจริงจากเพื่อนหนุ่มลูกครึ่ง จอมยุทธ์จึงต้องอธิบายให้ฟัง
 
จอมยุทธ์เท้าความเล่าตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงเบียร์..... การปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มคนชุดดำ การขู่ที่มีถึงสองครั้งสองครา รวมถึงรายละเอียดต่างๆที่ได้พูดคุยกับตำรวจไทย

อเล็กซ์ยื่นนิ่งตั้งใจฟังอย่างละเอียดและถามคำถามบางอย่างที่เขาสงสัย บุคลิกที่สนุกสนานหายไปทันที มีแต่ความเป็นงานเป็นการและความนิ่งของอารมณ์เข้ามาแทนที่

“อย่างนั้นคุณคงต้องระวังตัวให้มากแล้ว.....จอม” อเล็กซ์กล่าวเตือนหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด

ยังไม่ทันที่หนุ่มลูกครึ่งจะกล่าวต่อ.....ศักดิ์.....คนสวนของบ้าน ก็เดินเข้ามาหาจอมยุทธ์และบอกให้ทราบว่ามีเรื่องที่ต้องรายงานให้ทั้งจอมยุทธ์และศิวะทราบ

จอมยุทธ์จึงเดินเข้าไปหาศิวะที่กำลังสอนภูฟ้าโยนจานร่อน และเอ่ยขอตัวศิวะจากภูฟ้าชั่วคราวเพื่อมารับฟังเรื่องที่ศักดิ์จะรายงานให้ทราบ

 “ผมรู้สึกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าหมู่บ้านโซนที่หนึ่งกับโซนที่สองมีหน้าตาแปลกๆ ไปจากที่เคยเห็นนะครับ....ที่แปลกไปกว่านั้นคือ มีพนักงานบางคนมาเดินซุ่มๆมองๆอยู่ในโซนหน้าบ้านด้วยครับ...ที่สำคัญผมได้ยินแต่ไม่ชัดนักครับ แต่พอจะทราบว่าพนักงานเหล่านี้คุยกันด้วยภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทยครับ” ศักดิ์รายงานให้ฟังทันที่ที่ศิวะกับจอมยุทธ์เดินเข้ามาหา

แม้ว่าอเล็กซ์จะไม่เข้าใจภาษาไทยที่ศักดิ์รายงาน แต่ลักษณะการควบคุมสีหน้าและแววตาของจอมยุทธ์และศิวะ อเล็กซ์จึงพอจะเดาได้ว่าเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลขึ้นเสียแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น” อเล็กซ์ถามหลังศักดิ์รายงานเสร็จสิ้น

“คาดว่าจะมีพวกมดงานมาก่อกวน” ศิวะเป็นฝ่ายตอบ

“แล้วจะทำอย่างไรต่อ” อเล็กซ์ไม่นอนใจ เพราะเข้าใจความหมายของคำว่ามดงานเป็นอย่างดี

“ก็คงต้องให้ตำรวจจัดการ” ศิวะตอบตามหลักการ

“ก็ดีครับพี่เสือ....ให้ตำรวจออกไปดูดีกว่า เพื่อจะได้ปลอดภัยมากขึ้น” จอมยุทธ์สนับสนุน

“จอมจะให้พี่ไปคุยกับผู้หมวดสราวุฒิหรือว่าจอมจะไปคุยเอง” ศิวะกล่าวถึงนายตำรวจผู้มาประจำการอารักขาจอมยุทธ์ในวันนี้

“เดี๋ยวผมไปคุยเองดีกว่าครับพี่เสือ......ส่วนพี่เสืออยู่เล่นกับตาภูที่นี่ดีกว่าครับ”จอมยุทธ์เป็นคนรับอาสา และแยกตัวออกไปหาผู้หมวดสราวุฒิที่นั่งอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าบ้าน

“อเล็กซ์.....ฝากเล่นกับสกายแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวผมขอไปโทรศัพท์นิดหนึ่ง” ศิวะกล่าวขอแยกตัวไปโทรศัพท์ โดยปล่อยให้ลูกชายตัวน้อยอยู่ในความดูแลของอเล็กซ์ชั่วคราว

“ตามสบายครับ” อเล็กซ์ตอบ ก่อนจะเดินตรงไปยังหนูน้อยภูฟ้า ที่นั่งเล่นอยู่กับสุนัขตัวใหญ่สีทองท่าทางใจดี

“สกายเล่นอะไรอยู่ครับ.....ขอผมเล่นด้วยคนได้มั้ยครับ” อเล็กซ์ถามหนูน้อยด้วน้ำเสียงนุ่มนวล

“เล่นจานร่อนครับ....” ภูฟ้าตอบ พร้อมทั้งใช้มือน้อยๆ ยื่นจานร่อนให้คุณอาร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวที่ดึงดูดความสนใจไม่แพ้ดวงตาสีฟ้าสดของหนึ่งในบิดาของหนูน้อยที่ยังอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง

“ขอบคุณครับ” อเล็กซ์ตอบ

ขณะที่เล่นจานร่อนอยู่กับภูฟ้าและสุนัขตัวโต อเล็กซ์ก็สังเกตว่าจอมยุทธ์กำลังพูดคุยอยู่กับหนึ่งในสองคนที่เป็นตำรวจอารักขา ในขณะที่ศิวะก็กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในบริเวณถัดไปไม่ไกลนัก

ในไม่ช้าทั้งคู่ก็เดินกลับมาหาภูฟ้าและอยู่เล่นด้วยกันจนถึงเกือบได้เวลารับประทานอาหารเย็น

จนแล้วจนรอดหลังรับประทานอาหารเย็น อเล็กซ์ก็ยังไม่เล่าถึงสาเหตุที่เดินทางมายังเมืองไทยให้ทั้งสองหนุ่มฟังซักที บอกเพียงแต่ว่ารอให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้เสียก่อนแล้วจะอธิบายให้ฟัง แต่ก็ขออนุญาตทั้งสองหนุ่มเข้าไปทำงานในห้องทำงานใต้ดิน

ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ทั้งศิวะ จอมยุทธ์ และภูฟ้าจึงใช้เวลาอยู่ด้วยกัน....นั่งอ่านหนังสือ ดูรายการโทรทัศน์ที่เป็นประโยชน์ต่างๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่ภูฟ้าต้องเข้านอน เพราะพรุ่งนี้วันจันทร์ ภูฟ้าต้องไปเรียนตั้งแต่เช้า

ก่อนที่จะพาภูฟ้าเข้านอน ศิวะได้รับโทรศัพท์จากยุทธจักร เพื่อกล่าวคำขอโทษเนื่องจากติดธุระกับนครินทร์ในตอนบ่าย รวมถึงต้องกลับกรุงเทพด่วน จึงไม่ได้แวะเข้ามาหา รวมถึงยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยถึงจอมยุทธ์และภูฟ้า โดยกล่าวว่าเขากับนครินทร์กำลังปรึกษาหารือกัน และจะพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยให้มากกว่านี้

ศิวะไม่ได้ถามถึงเหตุผลของการกลับไปกรุงเทพอย่างกะทันหันเพราะเห็นว่าอาจเป็นเรื่องส่วนตัว หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงานก็ได้

สิ่งที่ศิวะคิดนั้นเรียกว่าเข้าทางเลยทีเดียว เพราะยุทธจักรจำเป็นต้องรีบกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อเข้าไปพบผู้กองต้น หรือร้อยตำรวจเอกกิตติศักดิ์ที่สำนักงานฯ  เนื่องจากระบบเครือข่ายข้อมูลของฝ่ายปฏิบัติการถูกลุกล้ำโดยแฮคเกอร์นิรนาม

แม้ว่าผู้กองต้นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการวางระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีความสามารถพิเศษในการติดตามตลอดจนป้องกันอาชญากรคอมพิวเตอร์จะหาทางป้องกันและวางกับดักไว้มากมาย แต่แฮคเกอร์นิรนามก็ยังสามารถถอดกับดักต่างๆอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังได้ปล่อยไวรัสแฝงไว้เพื่อรบกวนการติดตาม ทำให้ผู้กองต้นไม่สามารถระบุที่มาของแฮคเกอร์คนนี้ได้

ผู้กองต้นต่อสู้เพื่อป้องกันระบบถึงสองชั่วโมงเต็มในช่วงบ่ายจนคอมพิวเตอร์แทบลุกเป็นไฟ สุดท้ายก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ...... แฮคเกอร์ที่ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนสามารถฝ่าด่านสุดท้ายเข้าไปในระบบฐานข้อมูลส่วนตัวของยุทธจักร และวางโฟลเดอร์ที่มีชื่อว่า “Interpol_Lusor” ไว้เพื่อเป็นการปักธงประกาศชัยชนะ

ผู้กองต้นยังไม่กล้าเปิดโฟลเดอร์อันนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นไวรัสร้ายแรงที่สามารถทำลายระบบฐานข้อมูลทั้งหมดได้ เขาจึงพยายามใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัสที่ทันสมัยทั้งหมดที่มีสแกนหาไวรัส ......

แม้ว่าจะไม่พบความผิดปกติใดๆ ผู้กองต้นก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี สุดท้ายจึงต้องโทรศัพท์ปรึกษายุทธจักรซึ่งเป็นหัวหน้าของเขาโดยตรงให้รีบเข้ามาจัดการ

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ยุทธจักรจึงต้องขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯอย่างรีบด่วน และตรงเข้าไปในสำนักงานทันทีที่มาถึง

เมื่อสอบถามรายละเอียดจากผู้กองต้นเรียบร้อยแล้ว ยุทธจักรจึงตัดสินใจเสี่ยงเปิดโฟลเดอร์นี้ออก แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ผู้กองต้นสร้างอาณาเขตป้องกันเอาไว้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส และป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังฐานข้อมูลอื่นๆได้

สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับนายตำรวจสองหนุ่ม....นอกจากจะกลายเป็นว่าโฟลเดอร์นี้ปลอดไวรัสแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลของกองกำลังนายพลลู่เซอ ทั้งในแง่กำลังพล รูปถ่าย รายละเอียดต่างๆของกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย รวมถึงประวัติผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเส้นสายต่างๆในประเทศไทย

ข้อมูลต่างๆถูกเรียงเป็นลำดับเพื่อความสะดวกในการอ่านโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาเขียน ซึ่งก็ไม่เป็นการยากสำหรับนักเรียนนอกอย่างยุทธจักรและผู้กองต้นจะเข้าใจ

สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับยุทธจักรมากที่สุดเห็นจะเป็น หน้าปกของเอกสารฉบับเต็ม ที่เขียนคำว่า“Confidential” ซึ่งแปลว่าเอกสารลับอยู่ด้านบนสุด และตามด้วย Interpol : Final Report หรือก็คือรายงานฉบับสมบูรณ์ของสำนักงานตำรวจสากล

ยุทธจักรใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่เย็นอ่านรายงานฉบับนี้อย่างละเอียด โดยมีผู้กองศตวรรษเป็นผู้ช่วยในการยืนยันข้อมูลสำคัญๆต่างๆกับข้อมูลที่มีอยู่ในประเทศไทย  หลังจากอ่านรายงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงมีเวลาโทรศัพท์ไปหาศิวะเพื่อกล่าวคำขอโทษนั่นเอง

หลังจากวางหูโทรศัพท์จากยุทธจักร ศิวะก็เดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อส่งภูฟ้าเข้านอนพร้อมกับจอมยุทธ์ ก่อนที่จะเดินลงมานั่งดูโทรทัศน์กันต่อในห้องโฮมเธียเตอร์

ผู้หมวดสราวุฒิได้จังหวะหลังจากที่สองหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน จึงเดินเข้ามารายงานว่าได้ไปตรวจสอบพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าหมู่บ้านทั้งโซนที่หนึ่งและโซนที่สองแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ให้ต้องวิตกกังวล นอกจากนั้นยังถามถึงเวลาที่จอมยุทธ์จะต้องออกไปทำงานในตอนเช้า เพื่อที่เขาและจ่าสิบตำรวจเอกมานพจะได้เตรียมตัวอารักขาได้ถูก ดังนั้นจอมยุทธ์จึงอธิบายถึงตารางการทำงานในวันพรุ่งนี้ให้นายตำรวจหนุ่มได้รับฟังคร่าวๆ

หลังจากอธิบายเสร็จสิ้น ผู้หมวดสราวุฒิก็ขอตัวออกไป โดยสวนทางกับอเล็กซ์ที่เดินเข้ามา

“ตำรวจเค้าว่าอย่างไร” อเล็กซ์ถาม ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่ม

“ปกติดี” จอมยุทธ์ตอบ

“โอเค...งั้นก็ไปนอนกันดีกว่า....” อเล็กซ์กล่าวยิ้มๆ พร้อมทั้งหันไปมองทั้งสองหนุ่ม

“ผมนอนกับจอมได้เปล่า” อยู่ดีๆ อเล็กซ์ก็ถามขึ้นมา พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาที่จอมยุทธ์เต็มที่

“ไม่ได้” คำตอบชัดถ้อยชัดคำดังขึ้นจากจอมยุทธ์อย่างรวดเร็ว

“โห.....ใจร้าย....เมื่อก่อนยังนอนด้วยกันเลย...ตั้งหลายครั้ง.....มัยครั้งนี้จะนอนด้วยกันไม่ได้อ่ะ” อเล็กซ์ทำหน้าสงสัย

จอมยุทธ์ยิ้มเย็นๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าหนุ่มลูกครึ่งช่างเล่น....

“ยืนขึ้นซิ...อเล็กซ์...แล้วจะให้คำตอบ” จอมยุทธ์พูดเบาๆ

เจ้าคนพูดมากยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว..ยังไม่ทันตั้งสติดี ริมฝีปากของเขาก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของจอมยุทธ์  ลำคอถูกโอบด้วยแขนซ้าย และบั้นท้ายถูกขยำด้วยมือขวาของจอมยุทธ์อย่างเต็มที่

อเล็กซ์ยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ.....ก่อนจะเริ่มพูดได้

“โอ้ว มายกอดดดดดดดดดดดดด” เสียงของชายหนุ่มลูกครึ่งลากสบถยาว

“ผมแกล้งเล่นนิดเดียวเอง.....ทำไมจอมต้องเอาจริงด้วย....ขนลุกเลย.....โอย....คืนนี้ผมจะนอนหลับมั้ยนี่.....ถูกผู้ชายจูบ......ผมเสียความบริสุทธิ์แล้ว.......” อเล็กซ์บ่นพึมพำ โดยไม่ได้คิดเลยว่าทุกอย่างเป็นเพราะเขาเริ่มต้นเองทั้งนั้น

“จะให้จอมเค้ารับผิดชอบมั้ยล่ะ.....” ศิวะที่นั่งอมยิ้มอยู่ถามขึ้นมา

อเล็กซ์หันขวับมาทันที และส่ายหน้าทำมือทำไม้บอกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว....

“โอเค...งั้นก็ขึ้นไปนอน....อย่าลืมล็อคห้องให้ดีด้วยล่ะ.....แต่ว่านะ....อเล็กซ์ นายน่ะ....ก้นนิ่มมากเลย” จอมยุทธ์พูดทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับศิวะ........... ปล่อยให้อเล็กซ์สบถคำว่า “โอ้ว...มายกอดดดดดดดดดดดดดด” ยาวขึ้นมาอีกครั้ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2007 09:17:13 โดย Andreas »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับทุกคน....

ในที่สุดเรื่องราวก็ดำเนินมาจนกระทั่งจะถึงจุดที่จะพลิกผันเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วครับ..... ในวันพรุ่งนี้ทุกคนคงทราบว่าที่เดาๆ กันมา และที่กังวลกันมาโดยตลอดนั้น....โดยแท้จริงแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างครับ......

ผมคิดว่านักอ่านที่น่ารักของผมทุกคน...เมื่อถึงเวลานี้แล้ว คงทราบลักษณะและโทนของเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดีแล้วใช่มั้ยครับ....ว่านิยายเรื่องนี้มีแก่นของเรื่องเป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มิใช่แบบหนุ่มสาวคล้ายเรื่องทั่วๆไปครับ....

ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้จะมีวุฒิภาวะและวุฒิทางอารมณ์ที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่.....แสดงความรับผิดชอบ....และความรักให้แก่กัน อย่างเป็นเหตุเป็นผลและแน่นแฟ้น...... โดยมีจุดร่วมของความรักอันเดียวกัน....คือ ภูฟ้า.... ทายาทตัวน้อยจากสองหนุ่มที่เป็นที่รักยิ่งในเรื่องที่แล้ว....

ส่วนความรักของแซมและจอมนั้น....ผมบอกได้เลยครับ...ว่าบทสรุปของทั้งคู่...นั้นคงจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้วครับ....

ก่อนเขียนเรื่องนี้.....ผมต้องทำใจอยู่นานพอสมควรครับ.... เพราะมีเหตุผลหลายประการเหลือเกินที่คอยเป็นอุปสรรค....

เรื่องแรก คือลักษณะของแก่นเรื่อง ที่ไม่ใช่แนว "ตลาดรัก" ..... ซึ่งจะทำให้จำกัดกลุ่มผู้อ่านลง.... ไม่มีอะไรที่คนเขียนนิยายจะเศร้าไปกว่า การที่นิยายของเขาไม่มีคนอ่านครับ...(ปล...ไม่รวมตอนตัวละครที่สร้างมากับมือต้องสิ้นชีวิตไปนะครับ).... ผมแอบกังวลใจกับเรื่องนี้มากหน่อยครับ.... คือ อายน่ะครับ.... ถ้าเขียนแล้วไม่มีคนอ่าน....พาลจะเสียกำลังใจไปด้วยนิดหน่อยครับ

เรื่องที่สอง....คือการค้นคว้าข้อมูล.... เรื่องนี้ผมต้องค้นคว้าข้อมูลเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องกฏหมาย ยุทธวิธี องค์กร อาวุธ และอื่นๆ ไม่รวมถึงการแทรกภาษาทั้งสี่ลงไปในเนื้อเรื่อง....ตอนนี้ขาดแต่ภาษาอาราบิกอย่างเดียว...ซึ่งผมบอกตามตรงว่าผมไม่สามารถครับ..... เลยเอาแค่สามภาษาไปก็พอ..... ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องสอดแทรกภาษามากขนาดนั้น....อ่านไปซักพักก็จะทราบเองครับ...

เรื่องที่สาม.....คือ...การเขียนเรื่องราวแบบนี้....ต้องใส่ "ร่องรอย" ไว้มากมายในแต่ละตอน.... โดยต้องหาทางใส่ไปให้มีจุดเด่นน้อยที่สุด แต่ก็เพียงพอจะสะดุดความคิดของผู้อ่านได้บ้างเป็นบางครั้ง.... ซึ่งการสอดแทรก "ร่องรอย" ดังกล่าวจะช่วยให้เนื้อเรื่องตอนจุดสุดยอดมีความคมชัด และมีเหตุมีผลรองรับมากขึ้น..... ผมยอมรับว่าผมยังทำได้ไม่ดีนักครับ..... แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วครับ.....

เรื่องที่สี่....คือการใช้ภาษา..... ปกติผมชอบใช้ภาษาสวยๆ หวานๆ แต่พอเอาเข้ามาใช้กับเรื่องนี้แล้ว....มันไม่ลงตัวอย่างประหลาดเลยครับ.... มันทำให้ตัวละครดูไม่แข็งแกร่งอย่างที่ผมอยากให้เป็น...... แม้ว่าจะไม่สามารถใส่คำหวานๆ ลงไปได้...แต่ผมก็พยายามปรับโทนของเรื่องให้ดูอ่อนหวานในบางครา โดยเฉพาะเมื่อศิวะและจอมยุทธ์ใช้เวลาอยู่กับภูฟ้า....ดวงใจของพวกเขา.....

สืบเนื่องจากประเด็นทั้งสี่....ทำให้ผมใช้เวลาเขียนเรื่องนี้หนึ่งปีเต็มครับ.... จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังเขียนไม่เสร็จ.... แต่ก็ขึ้นตอนอวสานแล้วครับ....

ที่ผมเล่าให้ฟัง....ก็เพราะอยากจะบอกว่า....เรื่องนี้ผมตั้งใจเขียนสุดๆ แม้จะอยู่ในระดับเดียวกับเรื่องที่แล้ว...แต่ต้องใช้ความอุตสาหะมากถึงสองสามเท่าครับ....

แต่ก็ภูมิใจครับ....ภูมิใจที่สุด ก็ตรงที่มีแฟนๆ นักอ่าน อยู่กลุ่มหนึ่งติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวปปาล์ม เวปเด็กดี และเวปนี้ครับ.....

นักอ่านทุกคนทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง เวลาทิ้งรีพลายเอาไว้ครับ.... เพราะอ่านกันทะลุปรุโปร่งจริงๆ ครับ..... "ร่องรอย" ที่ผมทิ้งไว้แต่ละช่วง แต่ละตอน ถูกนักอ่านนำมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน.... และสรุปออกมาเป็นข้อสังเกตสองสามประโยคที่ผมอ่านแล้วดีใจครับ..... ดีใจที่ว่า "เรื่องนี้มันไม่น่าเบื่อซักเท่าไหร่ครับ"

จริงๆ แล้ว....ผมไม่อยากบอกเลยว่า...ไม่บอกดีกว่าครับ.....เอาไว้พรุ่งนี้ก่อน....แล้วจะมาบอกครับ....บอกไปตอนนี้คงไม่สนุกแน่เลยครับ.....

เอาละครับ....ผมพูดมายาวแล้วครับ....ขอบคุณอีกครั้งครับทุกคน....ขอบคุณที่ทำให้การตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ของผม กลายเป็นสิ่งที่ไม่สูญเปล่าครับ....

สวัสดีครับ

Andreas

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
..................กะลังมันส์เลย.......... :110011: :เชิป2:

.........................อเล็กซ์จะต้องมีบทบาทสำคัญพมควรแน่เลย.......... :yeb:

...................................แล้วเรื่องจาเป็นอย่างที่ผมคิดรึเปล่าก็จะคอยอ่านพรุ่งนี้ละกัน......... :laugh5: :laugh5:

ป.ล.  เป็นกำลังใจหั้ยพี่จ๋อมนะคับ..... :impress3: :impress3:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
ง่าาาาาาาา

อเล๊กซ์ๆๆๆๆ ไปยั่วจอมทามมายยยยยย

งิส์ๆๆๆๆๆๆ

อ่าน้องภู พูดสเปนได้ด้วย อร๊างงงงงงงง :give2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
แฮคเกอร์นิรนาม  จะเป็นใครกันนะ คงเป็นคนแถวๆนี้ จะจอมหรือเสือนะ :give2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เห็นด้วยเลย ว่าแฮกเกอร์ต้องเป็นพี่เสือกับจอมแหง ๆ เลย  ป้อนข้อมูลซะขนาดนั้น
แต่ทำไม พี่เสือกับจอมถึงทำได้ แล้วก็ได้ข้อมูลมาจาไหนนี่สิ  แล้วทำไมน้องภูต้องพูดได้หลายภาษาขนาดนั้น
ตรงนี้แปลกอยู่  สงสัยจามีอะไรซ่อนอยู่ซะแว้วว

จอมนี่ก็น่ารักดีเนอะ   ทำเอาอเล็กซ์เหวอไปเรยย  ที่จริงอเล็กซ์น่าจะลองดูซักที อยากอ่านหื่นๆ  :haun4:

รออ่านอยู่จ้า  หนุกดีๆๆๆ  วันนี้ลงยาวดี ชอบๆๆๆ เป็นกำลังใจให้น้า  :loveu:  :loveu:  :loveu:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
รอลุ้นตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
 :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เห็นด้วยอีกคนว่าแฮ็กเกอร์นิรนามคงเป็นเสือกับจอมนั่นแหละ  :laugh3:
ว่าแต่ว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหนหว่า  :yeb:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
อืมมมม
แฮกเกอร์อาจจะเป็นเสือกะจอมจริงๆ น่ะแหละ
แต่ไม่แน่อาจเป็นอเล็กซ์ก็ได้เหมือนกันนะ  :yeb:

ว่าแต่ว่า...
ส่วนความรักของแซมและจอมนั้น....ผมบอกได้เลยครับ...ว่าบทสรุปของทั้งคู่...นั้นคงจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้วครับ....
^
^
เนี่ย...

หมายความว่าไงอ่า :monkeysad2:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป


********************

เสียงเคาะประตูห้องของศิวะดังกังวานขึ้นในตอนหกโมงเช้าของวันจันทร์  โดยปกติช่วงเวลานี้ศิวะจะตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องหรือไม่ก็จะใช้เวลาอยู่กับภูฟ้า ซึ่งก็จะมีคุณภาวดีขึ้นมาคอยดูแลภูฟ้าอาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมสำหรับไปโรงเรียน

ศักดิ์....ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆที่เป็นคนสวนพิเศษเฉพาะในวันหยุด แต่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยอยู่ในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มของทหารบก เครื่องหมายตราบนบ่าทั้งสองบ่งบอกยศร้อยโท ที่หน้าอกติดตราสังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ กำลังเคาะประตูห้องของศิวะอยู่

“มีอะไรหรือศักดิ์” ศิวะถามหลังเปิดประตูห้องออกมา

“เชิญคุณเสือไปดูเองที่หน้าประตูบ้านดีกว่าครับ” ศักดิ์พูดสั้นพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ

“เดี๋ยวผมจะไปตามคุณจอมด้วยครับ” ศักดิ์พูดต่อ

ศิวะยังคงปฏิบัติตัวตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการกังวลในสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เพียงแต่เดินกลับเข้าไปในห้อง คว้าเสื้อคลุมสวมทับชุดนอน เขาเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน และมุ่งตรงไปยังส่วนหน้าบ้าน

สมาชิกชายในบ้านทั้งหมดยืนรออยู่พร้อมด้วยนายตำรวจอารักขาทั้งสองคนที่บริเวณนอกรั้วบ้าน  เมื่อเห็นดังนั้นศิวะจึงเดินออกจากบ้านโดยใช้ช่องทางประตูด้านหนึ่งที่เปิดออก

ภาพชัดๆที่ปรากฏแก่สายตาของศิวะ คือ พนักงานรักษาความปลอดภัยชายสี่คนถูกกุญแจมือล่ามติดไว้กับรั้วอัลคาลอยด์ด้านที่ยังคงปิดอยู่ ......เท่านั้นยังไม่พอ บริเวณลำตัวของทั้งสี่ถูกมัดไว้ด้วยระเบิด โดยมีนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งเวลานับถอยหลังไว้สิบสองชั่วโมงติดอยู่

จอมยุทธ์เดินตรงมาสมทบกับศิวะภายในไม่กี่นาทีพร้อมด้วยอเล็กซ์ที่ยังคงงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นนอนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

อเล็กซ์มองสำรวจสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า

“แหม.....เล่นกันแรงจังเลยเนอะ....เสือ....จอม”

อเล็กซ์พยายามจะเข้าไปสำรวจชายสี่คนที่ยังคงนอนหมดสติอยู่เพราะยาสลบหรือไม่ก็ถูกซ้อมจนสลบอย่างใกล้ๆ แต่ก็ถูกนายตำรวจทั้งสองคนห้ามไว้ เนื่องจากกลัวจะเป็นอันตราย เพราะนาฬิกาที่ติดตัวคนทั้งสี่ไว้ยังคงทำงานอยู่
 
“ผมรายงานท่านรองฯนครินทร์แล้วครับ....ท่านรองฯกำลังมาพร้อมด้วยหน่วยกู้ระเบิดครับ” หมวดสราวุฒิรายงานทันทีเมื่อเห็นเจ้าของบ้านทั้งสองคนอยู่กันครบ

“ครับผม” ศิวะกล่าวรับด้วยอารมณ์ปกติ

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” ศิวะถามต่อ

“ผมคงไม่รบกวนคุณศิวะหรอกครับ....เพียงแต่อยากจะขอความร่วมมือกับสมาชิกในบ้านคนอื่นๆช่วยกันกันพื้นที่ไว้ก่อนนะครับ” หมวดสราวุฒิกล่าว

“ครับ.....เชิญหมวดคุยกับศักดิ์ได้เลยครับ” ศิวะตอบ ก่อนจะพยักหน้าเรียกศักดิ์เข้าไปหา

“ศักดิ์...ฝากดูแลด้วย....ผมจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะพาตาภูไปโรงเรียน”

“คุณเสือยังจะให้คุณภูไปโรงเรียนอีกหรือครับ” ศักดิ์ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“คงไม่เป็นไรมั้ง.....ดูสถานการณ์ก่อน.....ผมไม่อยากทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม” ศิวะตอบ

ศักดิ์ทำท่าจะแย้งแต่ก็เลือกที่จะนิ่งเสีย เพราะทราบดีว่าศิวะได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

ตลอดเวลาที่ศิวะสั่งงาน จอมยุทธ์ก็ยืนอยู่ใกล้ๆกัน จึงได้ยินทุกอย่างที่ศิวะพูด ดังนั้นเมื่อศิวะขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว เขาจึงเดินออกมาจากบริเวณดังกล่าวพร้อมด้วยอเล็กซ์

ชายหนุ่มลูกครึ่งเลือกที่จะกลับไปนอนต่อเพราะอาการเจ็ทแล็คกำเริบ  ส่วนทั้งสองหนุ่มก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงเดินลงมายังห้องอาหารของบ้าน สมทบกับภูฟ้าที่นั่งรอรับประทานอาหารเช้าอยู่

ทั้งสามคนรับประทานอาหารเช้าจนเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่ภูฟ้าจะต้องไปโรงเรียนพอดี ศิวะแยกตัวไปส่งภูฟ้าที่โรงเรียน ส่วนจอมยุทธ์ต้องไปทำงานสาย เพราะต้องอยู่คอยอำนวยความสะดวกในฐานะเจ้าของบ้านให้กับนครินทร์ที่เดินทางมาถึงได้ไม่นาน และในตอนนี้กำลังสั่งการกับเจ้าหน้าที่เพื่อเก็บกู้ระเบิดที่ติดอยู่กับพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสี่

จอมยุทธ์และคนอื่นๆถูกสั่งให้อยู่ภายในบ้านในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการเก็บกู้ระเบิด...... จนเวลาล่วงมาหลายชั่วโมง จอมยุทธ์จำเป็นต้องออกจากบ้านเพราะติดประชุมสำคัญ แต่ก็มอบหมายให้คุณภาวดีและแม่บ้านช่วยอำนวยความสะดวกนายตำรวจทุกท่านแทนเขาอย่าให้ขาดตกบกพร่อง

หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเต็ม เจ้าหน้าที่เก็บกู้ไม่สามารถทำการเก็บกู้ระเบิดได้เนื่องจากกลไกของระเบิดมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการเก็บกู้วัตถุระเบิดจากกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ ซึ่งก็คือหน่วยงานในสังกัดของยุทธจักรเข้ามาช่วยเหลือ

นครินทร์ประสานงานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูง เพื่อติดต่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษการเก็บกู้ระเบิดและวัตถุอันตรายจากกรุงเทพให้เดินทางมาทำการช่วยเหลือโดยเร่งด่วน เพราะเวลานับถอยหลังเหลือน้อยกว่าสิบชั่วโมง และที่สำคัญ ลักษณะภายนอกของตัวระเบิดนั้นพอจะระบุได้ว่าเป็นระเบิด C-4 ที่มีกำลังทำลายล้างสูง ซึ่งจำเป็นต้องถอดสลักและหยุดเวลาให้ได้ มิเช่นนั้นจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นได้

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการเก็บกู้ระเบิดของกองบังคับการฯ และเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมปฎิบัติการชุดที่ 1 ซึ่งควบคุมโดยยุทธจักร เดินทางมาถึงเชียงใหม่ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ตลอดเวลาการเดินทางได้มีการประสานงานเรื่องข้อมูล ลักษณะภายนอกและกลไกที่ปรากฏอยู่บนระเบิดอย่างเป็นระยะ ซึ่งก็ช่วยให้ผู้หมวดสาวสามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมตัวปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วทันทีที่มาถึงบริเวณเกิดเหตุ

ขณะที่ระเบิดทำการเก็บกู้อยู่นั้น นครินทร์กับสารวัตรอีกสองคนก็ทำการศึกษารูปถ่ายในซองเอกสารที่พบข้างๆ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกมัดด้วยระเบิดทั้งสี่คน

รูปภาพที่แม้ไม่ค่อยจะชัดนักเพราะเป็นการถ่ายภาพตอนกลางคืนแบบไม่ใช้แฟลช เพียงแต่อาศัยแสงจากเสาไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ทั่วหมู่บ้านเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะเห็นรายละเอียดของการกระทำสิ่งผิดปกติของชายทั้งสี่คน เริ่มตั้งแต่การซุ่มมองอยู่หน้าประตูบ้าน การนำเอาสิ่งที่น่าจะเป็นระเบิดออกมาจากกระเป๋า และเตรียมทำการติดตั้งบริเวณส่วนที่ประตูจะเปิดออก เพื่อหวังให้การเปิดประตูเป็นการจุดชนวนระเบิด....ภาพถ่ายระบุว่าการวางระเบิดนี้กระทำการอย่างมืออาชีพ ทั้งการติดตั้งกลไกและการเฝ้าระวัง

ภาพถ่ายทุกภาพมีการระบุเวลาอยู่ที่มุมขวาด้านล่างด้วย จึงทำให้นครินทร์ทราบว่าปฏิบัติการวางระเบิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาตีสามของวันนี้

สิ่งที่ชวนสงสัยมากสำหรับนครินทร์และสารวัตรทั้งสองคนก็คือ ใครเป็นคนตลบหลังชายสี่คนนี้....โดยที่สามารถจัดการชายฉกรรจ์ทั้งสี่ได้หมอบราบ อีกทั้งติดตั้งฉนวนระเบิดที่ซับซ้อนมากกว่าติดไว้บนตัวของผู้ประสงค์ร้ายทั้งหมด....แถมกลไกที่สร้างขึ้นนั้นก็ซับซ้อนเสียจนเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ตามมาไม่สามารถจัดการได้ จนถึงต้องขอคำแนะนำและกำลังเสริมจากกองบังคับการสนับสนุนอาวุธและยุทธวิธีพิเศษ สังกัดสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ) ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์.....นายทหารหญิงอายุเพียงแค่สี่ยิบปลายๆ ผู้มีรูปร่างและทรวดทรงงดงาม อ่อนหวานแต่แข็งแรง เพราะการฝึกร่างกายมาตลอดเวลา สามารถถอดสลักระเบิดออกได้หลังจากใช้เวลาและสมาธิอยู่ถึงสามชั่วโมงเต็ม 

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆจากนายตำรวจทั้งหมดที่ยืนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ หลังจากผู้หมวดหญิงคนสวยแห่งกองกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ ถอดกลไกของระเบิดชิ้นสุดท้ายออกมาได้

ภายหลังการวิเคราะห์ตัวระเบิดอย่างละเอียดแล้ว ผู้หมวดนงค์นพรัตน์ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา เพราะเชื่อว่าระเบิดทั้งหมดถูกทำให้ไร้สมรรถภาพการทำลายล้างตั้งแต่ก่อนใส่กลไกติดชนวนระเบิด  โดยใครก็ตามที่ทำการติดระเบิดนี้แก่ชายทั้งสี่ จำเป็นต้องเป็นผู้มีความชำนาญการเรื่องระเบิดเป็นอย่างดี แถมยังเขียนรายละเอียดวิธีการดังกล่าวใส่ในกระดาษเอสี่ผูกติดไว้กับระเบิดอันหนึ่งด้วย.....โดยที่รายละเอียดทั้งหมดถูกเขียนขึ้นโดยใช้ภาษาฝรั่งเศสที่ถูกต้องและเป็นทางการ

ร้อยโทหญิงนงค์นพรัตน์ รายงานเรื่องที่พบให้นครินทร์ทราบโดยทันที และนครินทร์ก็แปลกใจไม่น้อยกว่าเธอ

นครินทร์ขอเก็บกระดาษแผ่นดังกล่าวไว้ โดยอนุญาตให้ผู้หมวดคนสวยทำการถ่ายสำเนาเพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติมได้เป็นกรณีพิเศษ

หลังจากปฏิบัติการกู้ระเบิดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว นครินทร์พร้อมด้วยสารวัตรทั้งสองและตำรวจติดตามได้ควบคุมชายทั้งสี่ไปสอบสวนที่สำนักงาน โดยก่อนไปได้อำนวยความสะดวกให้ผู้หมวดสาวคนเก่งเดินทางกลับกรุงเทพโดยรวดเร็ว

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในสามสี่วันที่ผ่านมา ทำให้นครินทร์ตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าการปฏิบัติการทั้งสองครั้งสองคราของฝ่ายตรงข้ามจะล้มเหลวไปเป็นท่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายตำรวจเช่นเขาเป็นผู้ขัดขวางปฏิบัติการนั้นๆ .......

บุคคลนิรนามที่ยังไม่เปิดเผยตัวต่างหากที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะที่ผ่านมา

นครินทร์ไม่ใช่นายตำรวจระดับผู้กำกับที่หลงตัวเองในเรื่องความเก่งกาจและการควบคุมสถานการณ์ แต่กลับเป็นนายตำรวจระดับสูงที่มีสติปัญญาในการประเมินสถานการณ์และไตร่ตรองถึงจุดเด่นจุดด้อยของฝ่ายกำลังพลที่มี ตลอดจนรู้ดีว่าเวลาไหนควรขอความช่วยเหลือ และเวลาไหนควรจะนิ่งเพื่อควบคุมสถานการณ์เอง

เวลานี้นครินทร์ต้องการการสนับสนุนจากหน่วยงานที่มีความพร้อมในเรื่องการตอบโต้อาชญากรรมรุนแรง ซึ่งก็มีเพียงหน่วยงานเดียวในตอนนี้ ที่มีกำลังพลพร้อมด้วยคุณภาพ มีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ตลอดจนมีการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม.....ซึ่งก็คือสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ) ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมรุนแรง ซึ่งเป็นกองกำลังสนธิระหว่างตำรวจและทหารทั้งสามเหล่าทัพ เพื่อรับมือการก่อการร้าย การจารกรรม การข่มขู่โดยอาวุธสงคราม และปฏิบัติการพิเศษอื่นๆ เช่นการอารักขาผู้นำ คนสำคัญต่างๆ รวมถึงการปฏิบัติการร่วมมือกับองค์กรตำรวจและทหารระดับนานาชาติ

นครินทร์ใช้เวลาถึงสองวันเต็มๆในการรวบรวมข้อมูล และปรึกษากับผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไป รวมถึงรวบรวมความคิดเห็นของทีมงานของเขา เรื่องการขอกำลังสนับสนุนจากสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ โดยใช้เหตุผลของการร้องขอดังกล่าวว่า พลเรือนของประเทศกำลังได้รับการคุกคามทางด้านชีวิตและทรัพย์สินจากกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ เนื่องจากหลักฐานรหัสพันธุกรรมที่ได้มาจากกองกำลังติดอาวุธที่บุกเข้าไปในโรงเบียร์นั้นตรงกับรหัสพันธุกรรมของตัวอย่างกองกำลังนายพลลู่เซอที่เก็บไว้ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมถึงรหัสพันธุกรรมของผู้ต้องสงสัยการวางระเบิดทั้งสี่ก็ตรงกันหมด แม้ว่าชายหนุ่มทั้งสี่จะไม่ได้ให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ในการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพันธุวิทยาก็เพียงพอที่จะทำให้นครินทร์สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปอย่างชัดเจน

นอกเหนือจากหลักฐานดังกล่าว สิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจขอกำลังสนับสนุนของนครินทร์นั้นสืบเนื่องมาจากการวางระเบิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยที่เจ้าหน้าที่เทคนิคประจำท้องที่ไม่สามารถทำการเก็บกู้ระเบิดได้ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนไปยังสำนักงานกองกำลัง(ร่วมพิเศษ)ฯ โชคดีที่ระเบิดถูกตั้งเวลาไว้ถึงสิบสองชั่วโมง ไม่รวมถึงกรณีที่ว่าระเบิดนั้นถูกทำให้ไร้สมรรถภาพโดยความตั้งใจ

แต่ถ้าโชคไม่ดี.....ถ้าไม่มีใครก็ตามที่คอยเป็นหูเป็นตาระแวดระวังความปลอดภัยให้กับสองหนุ่มและสมาชิกภายในบ้าน .....ถ้าระเบิดถูกติดตั้งสำเร็จโดยกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีได้สำเร็จ...อะไรจะเกิดขึ้น ...อาจจะมีความเสียหายร้ายแรงถึงชีวิตตามมาก็ได้

นครินทร์เกลียดความประมาทเป็นที่สุด แม้ว่าการระมัดระวังตัวเองที่มากขึ้นจะกลายเป็นเหมือนกระต่ายตื่นตูม....แต่ก็สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแทบทุกครั้ง

เขาคิดทบทวนไปมาหลายรอบสำหรับข้อเสนอที่จอมยุทธ์ให้มา ถึงเรื่องแผนการล่อเสือออกจากถ้ำ .....ตอนแรกนครินทร์พยายามปฏิเสธเพราะคิดว่าเป็นการเสี่ยงมาก แต่พอมาตอนนี้เขากลับเห็นด้วยกับศิวะและจอมยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า การตั้งรับนั้นมีแต่การเสียเปรียบ ยิ่งด้วยสมรรถภาพของกำลังพลที่เขามีอยู่ตอนนี้แล้ว แทบจะเรียกได้ว่าด้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่นครินทร์มีคือ เมื่อรู้ว่าเขาเริ่มจะก้าวพลาด เขาจะรีบหยุดทันทีและประเมินสถานการณ์หาทางปรับข้อผิดพลาดให้กลายเป็นประโยชน์ หรือไม่ก็พยายามหาทางออกสำหรับปัญหาอย่างรวดเร็ว ในกรณีนี้แผนการล่อเสือออกจากถ้ำจึงถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปเป็นร่างทันที

หลักใหญ่ๆของแผนการครั้งนี้คือต้องใช้ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ที่จับได้ให้เป็นประโยชน์ในการโยงใยไปถึงที่กบดานของคนจ่ายของคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด และต้องอาศัยความช่วยเหลือในเรื่องอุปกรณ์และเทคโนโลยี่ต่างๆรวมถึงกองกำลังที่ชำนาญการจู่โจมและรบด้วยยุทธ์วิธีจากสำนักงานกองกำลัง (ร่วมพิเศษ)ฯ  โดยนครินทร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้บัญชาการสำนักงานซึ่งเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจเอก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบหมายให้ทีมงานของยุทธจักรเข้ามาปฏิบัติงานในแผนงานครั้งนี้

นครินทร์ค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้านายตำรวจรุ่นน้องที่มีฝีมือดีอย่างยุทธจักรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้.....ทุกอย่างจะดำเนินไปจนบรรลุเป้าหมาย ไม่รวมถึงการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับจอมยุทธ์ในกรณีที่ใช้เป็นตัวล่อ ให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดเผยตัว

ในช่วงเวลาเดียวกับที่นครินทร์ใช้เวลาในการดำเนินเรื่องขอการสนับสนุนทางยุทธวิธีและกำลังพล...... ศิวะ จอมยุทธ์รวมถึงสมาชิกทุกคนในบ้านก็ยังปฏิบัติตัวตามปกติ เพียงแต่จะระมัดระวังตัวกันมากขึ้น โดยเฉพาะจอมยุทธ์ที่ต้องอยู่ในความดูแลของนายตำรวจติดตามอยู่ตลอดเวลา

ศิวะทำหน้าที่ไปรับภูฟ้าด้วยตนเองสลับกับภาวดี อเล็กซ์ และศักดิ์ โดยให้จอมยุทธ์กลับบ้านทันทีที่เลิกงานหรือทำธุระข้างนอกเสร็จ ศิวะให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่า จอมยุทธ์ผูกพันกับภูฟ้ามากเพียงใด  เพราะอาจเป็นผลให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเบนเข็มการโจมตีมาทางภูฟ้าได้

อเล็กซ์ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านของศิวะ เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ก็ยังไม่บอกเหตุผลของการมาเมืองไทยให้แก่สองหนุ่มทราบอยู่ดี เพราะเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มภาระที่กำลังเผชิญอยู่ให้มากขึ้นไปกว่านี้อีก

*******************

กลางดึกคืนวันพฤหัส.......

จอมยุทธ์ถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่เปิดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  พิทักษ์โทรศัพท์มารายงานด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักเต็มที่ เพราะต้องคอยควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

“คุณจอมครับ....ที่โรงงานเกิดไฟไหม้ครับ” พิทักษ์รายงานทันทีที่จอมยุทธ์รับโทรศัพท์

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง......เสียหายมากมั้ย....” จอมยุทธ์ถามต่อทันที ความง่วงนอนหายไปอย่างสิ้นเชิง

“ผมกับ รปภ.ที่เหลือกำลังช่วยกันดับไฟอยู่ครับ...แต่ว่ามันหลายจุดมากครับ....ตอนนี้ผมโทรแจ้ง 191 แล้วครับ....รถดับเพลิงน่าจะมาถึงในไม่ช้านี้ครับ” พิทักษ์รายงาน

“โอเค....คุณพิทักษ์....ผมจะรีบไปโรงงานเดี๋ยวนี้เลย....ขอให้ช่วยกันดับไฟในจุดสำคัญๆก่อน....แล้วเจอกันครับ” จอมยุทธ์วางหูโทรศัพท์ แล้วจึงรีบเดินออกจากห้องไปเคาะประตูห้องศิวะเพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทันที

ศิวะรับทราบสถานการณ์ด้วยความสงบนิ่ง สมองใช้ความคิดรวบรวมสถานการณ์....สุดท้ายจึงเอ่ยว่า

“จอมคิดว่าจะเป็นแผนล่อให้จอมออกไปหรือเปล่า”

“ผมคิดเหมือนกันครับ....แต่จะไม่ให้ผมออกไปก็ไม่ได้....ผมเป็นห่วงทางคุณพิทักษ์และรปภ.ที่อยู่ในโรงงานครับ”

“โอเค...พี่ขอเวลานิดหนึ่ง....จอมไปปลุก อเล็กซ์ ทีนะ....พี่จะโทรเรียกคุณภากับศักดิ์รวมถึงตำรวจติดตามด้วย....เจอกันที่ห้องข้างล่างแล้วกัน” ศิวะตอบ

จอมยุทธ์รับปากและเดินขึ้นไปยังชั้นสามของบ้านอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ศิวะต่อสายโทรศัพท์ภายในตรงเข้าที่ห้องของภาวดีและศักดิ์ โดยบอกศักดิ์ให้ตามนายตำรวจผู้อยู่เวรคืนนี้มาด้วย

“ผมกับจอมจะไปที่โรงงาน.......เพราะที่นั่นเกิดไฟไหม้” ศิวะบอกธุระทันที่ที่ทั้งหมดมาอยู่พร้อมกัน

นายตำรวจผู้อยู่เวรทั้งสองคนกล่าวท้วงเพราะเห็นว่าน่าจะไม่ปลอดภัยนัก แต่ศักดิ์ก็ช่วยเสนอความคิดว่าจะให้นำรถออกสองคันขับตามกันไป โดยให้รถคันหลังระวังภัยให้คันหน้า ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปมาก

แผนการนี้ค่อนข้างเข้าทีและสามารถลดความเสี่ยงลงไปได้จริง นายตำรวจติดตามจึงจำนนด้วยเหตุผลที่จะคัดค้าน

ศิวะบอกให้ภาวดีขึ้นไปอยู่ดูแลภูฟ้าจนกว่าเขาจะกลับมา และมอบหมายให้อล็กซ์ซึ่งรู้หน้าที่อยู่แล้วคอยระมัดระวังและคอยป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้  เขามั่นใจว่าบ้านของเขานั้นคือที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้.... และจะมั่นใจขึ้นไปอีกว่าอเล็กซ์จะคุ้มครองภูฟ้า.....หัวใจของเขาได้อย่างดีเยี่ยม
 
หลังจากแบ่งหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อย....จึงสรุปได้ว่า จอมยุทธ์จะไปพร้อมกับตำรวจติดตามสองคน โดยใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดใหญ่ของบ้าน โดยมีศิวะและศักดิ์คอยขับรถอีกคันตามระวังความปลอดภัยให้ด้านหลังอย่างห่างๆ ....

ก่อนสตาร์ทรถออกจากบ้าน.....ศิวะเดินไปหาภาวดีและอเล็กซ์ เขาพูดกับสองคนเบาๆว่า

“คุณภา.....อเล็กซ์.....ผมฝากตาภูด้วย......ถ้าใครมันบุกเข้ามา....ยิงก่อนทันทีแล้วค่อยถาม....คุณสองคนทราบใช่มั้ยว่า .....อะไรอยู่ที่ไหน.....”

หลังทั้งคู่พยักหน้ารับทราบคำฝากฝัง....ศิวะจึงสตาร์ทเครื่องยนต์ออกตามรถของจอมยุทธ์ที่เคลื่อนตัวไปก่อนหน้าแล้วทันที....



Andreas

  • บุคคลทั่วไป

*******************

ข่าวร้ายทยอยออกมาให้ได้รับรู้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ...นับตั้งแต่เรื่องไฟไหม้โรงงานกลางดึก ที่แม้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง แต่ก็สร้างปัญหาให้กับโรงงานไม่น้อย ในเรื่องของวัตถุดิบ เพราะถูกเผาไหม้ไปจนเกือบหมด

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ประกอบกับพิทักษ์สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนแรกได้อย่างดีเยี่ยม  ผลลัพธ์ก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น

จอมยุทธ์กับศิวะกลับถึงบ้านก่อนรุ่งสางเพียงเล็กน้อย และเข้านอนเพื่อพักผ่อนทันที เนื่องจากยังมีงานที่ต้องทำในเช้าวันศุกร์ต่อ

ข่าวร้ายที่สองทยอยมาในตอนสาย.....เหตุเกิดจากความจริงที่ว่า ชายฉกรรจ์ที่ฝากขังไว้ ณ สถานีตำรวจถูกฆ่าปิดปากหมดทั้งสี่คน ตอนนี้นครินทร์กำลังวิ่งวุ่นเพื่อตามจี้เรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากชายทั้งสี่มีความสำคัญต่อแผนการที่วางไว้....

ข่าวร้ายที่สามล่วงเข้ามาสมทบในตอนหลังเที่ยงเพียงเล็กน้อยเมื่อยุทธจักรโทรมาบอกนครินทร์ว่า เขาได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้นำทีมปฏิบัติการชุดที่ 1 ที่เขารับผิดชอบอยู่ เข้าร่วมแผนการสกัดกั้นการส่งอาวุธสงครามลอตใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อของประเทศไทย ลาว และจีนเร็วๆ นี้....โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลไทย ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตำรวจสากลได้เดินทางมาปฏิบัติการด้วยตนเอง พร้อมด้วยกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจสากลรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากสำนักงานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

นั่นก็หมายความว่าความหวังที่จะได้ทีมของยุทธจักรเข้ามาช่วยในแผนปฏิบัติการที่นครินทร์คิดขึ้นนั้นเป็นอันสิ้นสุดลง เพราะยุทธจักรติดภาระหน้าที่อื่นเสียแล้ว

ผู้บังคับบัญชาให้เหตุผลถึงการคัดเลือกทีมของยุทธจักรให้เข้าร่วมการปฏิบัติการครั้งใหญ่นี้ว่า เพราะเป็นการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญ และเป็นการดีที่นายตำรวจรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเขารวมถึงสมาชิกที่ประกอบด้วยทั้งทหารและตำรวจจะได้ฝึกปรือฝีมือและเทคนิคต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติโดยตรง หลังจากนั้นจึงนำเอาความรู้ต่างๆเข้ามาปรับใช้กับบุคคลากรตลอดจนองค์กรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ยังไม่มีข่าวร้ายใดๆ เกิดขึ้นอีก จนเวลาล่วงเข้าสู่บ่ายสองกว่าๆ ......สถานการณ์ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

ภาวดีออกจากบ้านพร้อมด้วยอเล็กซ์และแวะไปรับศักดิ์ที่กองพันทหารปืนใหญ่เพื่อเดินทางไปรับภูฟ้าที่โรงเรียน โดยปกติแล้ววันศุกร์จะเป็นหน้าที่ของจอมยุทธ์ที่ต้องไปรับภูฟ้า แต่เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในตัวจอมยุทธ์เอง ศิวะจึงมอบหมายให้ภาวดีและศักดิ์เป็นคนดูแลเรื่องนี้แทน ประจวบเหมาะกับอเล็กซ์เดินทางมาถึงเมืองไทยพอดี ศิวะจึงขอร้องให้อเล็กซ์ช่วยดูแลไปรับภูฟ้าด้วยอีกคนหนึ่ง....

ช่วงที่ภาวดีและอีกสองหนุ่มเดินทางไปรับภูฟ้าที่โรงเรียน เป็นเวลาเดียวกับรถยนต์ที่จอมยุทธ์โดยสารมาพร้อมกับนายตำรวจคุ้มกันทั้งสองถูกผู้ไม่ประสงค์ดีจู่โจม หลังจากกลับจากการประชุมกับลูกค้ารายใหญ่เพื่อขอผ่อนผันการส่งผลิตภัณฑ์

คนร้ายไม่ทราบจำนวนและตำแหน่งที่แน่นอนใช้วิธียิงล้อรถด้านหลังทั้งสองข้างให้แตก ทำให้รถเสียการควบคุม แต่โชคดีที่รถแล่นมาด้วยความเร็วระดับปานกลางเพราะเริ่มเข้าสู่ตัวเมือง คนขับรถจึงสามารถบังคับรถให้หยุดโดยที่ไม่มีตลบพลิกคว่ำแต่อย่างใด

หนึ่งในนายตำรวจอารักขาวิทยุเรียกกำลังเสริมทันทีเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะที่รถของบอดีการ์ดที่ศิวะจัดหาไว้ให้คอยตามประกบรถของจอมยุทธ์อย่างตลอดเวลาในระยะห่างๆหยุดรถทันที พวกเขาอารักขาจอมยุทธ์ให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยนั้นได้อย่างทันท่วงที

นี่คือส่วนหนึ่งในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ศิวะจัดเตรียมสำรองไว้ในกรณีเกิดเหตุเช่นนี้ เหตุเพราะขาเห็นว่าการมีตำรวจรักษาความปลอดภัยแค่สองคนนั้นน้อยเกินไป ควรจะมีชุดรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งที่คอยประกบอยู่ห่างๆ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น

การเตรียมแผนสำรองในครั้งนี้มีเพียงแค่ศิวะและจอมยุทธ์เท่านั้นที่ทราบดี ดังนั้นในขั้นตอนนำจอมยุทธ์ออกจากที่เกิดเหตุนั้น จอมยุทธ์ต้องอธิบายแก่นายตำรวจติดตามทั้งสองคนว่า บอดีการ์ดที่ติดตามมาในตอนหลังนั้นไว้ใจได้ และจะช่วยนำคนขับรถ นายตำรวจทั้งสอง และตัวของเขาเองไปสู่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน

จอมยุทธ์จำเป็นต้องเปลี่ยนรถระหว่างทางถึงสองครั้ง โดยเพื่อป้องกันการติดตามจากฝ่ายตรงข้าม..บอดีการ์ดทั้งห้าคน ทำงานประสานกันได้อย่างดีเยี่ยม โดยใช้รถถึงสามคันด้วยกัน จนกว่าจะส่งจอมยุทธ์ให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย 

จอมยุทธ์รายงานให้ศิวะรับทราบอย่างเป็นระยะๆถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้การส่งข้อความผ่านระบบมือถือแบบ Global positioning ซึ่งทำให้ศิวะทราบเหตุการณ์คร่าวๆที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเขาถึงที่หมายคือบ้านหลังใหญ่โดยเรียบร้อย

นครินทร์ได้รับแจ้งจากนายตำรวจติดตามหลังจากเกิดเหตุไม่นาน และได้สั่งกำลังคุ้มครองให้ไปดักคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านของจอมยุทธ์อย่างรวดเร็วเช่นกัน

ศิวะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพยายามติดต่อภาวดีด้วยความเป็นห่วงภูฟ้า เนื่องจากภูฟ้ายังเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ยังไม่ได้รับรายงานว่าถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว

อีกอย่างหนึ่ง...ศิวะเห็นว่าผิดเวลามามากแล้ว ตามปกติในเวลานี้ภาวดีต้องโทรมารายงานว่าภูฟ้าถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ยิ่งในสถานการณ์แบบที่เผชิญอยู่มาตลอดอาทิตย์ ภาวดีทราบดีว่าต้องรักษาเวลาให้ดีที่สุด ไม่ควรจะผิดเวลาโดยไม่จำเป็น

ศิวะร้อนใจมากขึ้นเมื่อภาวดีไม่ได้รับสายในตอนแรก เขาพยายามต่อโทรศัพท์อีกถึงสองครั้ง และก็พบว่าหญิงสาวไม่ได้รับสายทั้งสองครั้ง ศิวะจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการโทรเข้าเครื่องของศักดิ์แทน แต่ก็พบว่าเขาไม่สามารถติดต่อศักดิ์ได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ศิวะแทบจะไม่สามารถทนอยู่ในห้องปฏิบัติการเพื่อควบคุมการทำการทดลองของนักศึกษาชั้นปีที่สี่ภาควิชาธรณีวิทยาให้เสร็จสิ้นลงได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาภาวนาให้เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ให้ภาวดีหรือศักดิ์โทรกลับมาบอกว่าภูฟ้าถึงบ้านแล้ว

ในที่สุดหลังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง สัญญาณโทรศัพท์ของศิวะก็ดังขึ้น

“ว่างัยศักดิ์....ตาภูถึงบ้านหรือยัง” ศิวะกรอกเสียงลงไปทันทีภายหลังกดปุ่มรับโทรศัพท์ ศิวะรู้ว่าศักดิ์เป็นคนโทรเข้ามาเพราะเห็นชื่อจากหน้าจอโทรศัพท์

“คุณเสือครับ.......” ศักดิ์หยุดพูดชั่วคราว.....น้ำเสียงของศักดิ์ผิดปกติไปจนศิวะสังเกตได้

“ว่าอย่างไร....ผมฟังอยู่” ศิวะพูด.....เขาพยายามควบคุมอารมณ์สั่นไหวของหัวใจ เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัยของภูฟ้าอยู่ในเวลานี้

“คุณภูถูกลักพาตัวครับ.....” ในที่สุดศักดิ์ก็ตั้งสติและบอกความจริงที่แสนจะโหดร้ายให้กับศิวะได้รับฟัง

*******************************

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ดีๆๆๆ  ยะแม่นักสืบสาว  อิอิ

ชั้นคิดว่าชั้นรู้นะว่าใครจัดการกะชายฉกรรจ์สี่คนนั้น  ฮาๆ  แล้วก็ไม่สงสัยเลยว่าใครเขียนข้อความภาษาฝรั่งเศสนั้น(แต่ไม่รู้ว่าเดาถูกไหมนะ...แต่ก็ไม่น่าจะผิดนะ  อิอิ) ก็เล่นไปกินเช้าต่อเฉยเลยซะขนาดนั้น

แล้วชั้นก็นั่งอ่านรอมาตั้งนานว่า  เมื่อไหร่ภูฟ้าจะโดนลักพาตัว?  แล้วเมื่อไหร่โรงงานของนายจอมจะโดนวางเผลิง  :pigha2:  แต่สำหรับศิวะเนี้ย...ยังเดาไม่ออกเพราะว่าจุดอ่อนให้โจมตีมีน้อย

แต่ที่อัศจรรย์ใจคือ  นายศักดิ์.....ยศสูงจัง (ไม่คิดว่าจะเขียนให้"สูง"ชนาดนี้) ยศขนาดนี้มาเป็น "คนในบ้าน" ของศิวะแบบนี้  เฮ้อ!  เดาได้ไปถึงไหนๆ  เศร้าใจเลย :เฮ้อ:

แต่เอาไงก็รออ่านต่อนะ  เพราะว่าอยากรู้ว่าที่เดาไปมันใช่หรือเปล่า อิอิ  สร้างเงื่อนแล้ว....ก็อย่าทิ้งร่องรอยไว้มากสิ 

ดมกลิ่นตามตูดคนเขียนอย่างกะชันชิดเลย  :laugh5:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ผมแวะไปเปลี่ยนสีไอริสของดวงตาของอเล็กซ์มาครับ....(ขอเรียกสั้นๆ ว่าสีตาแล้วกันครับ...เพราะไม่ทราบว่า ไอริส นี่ภาษาไทยมันเรียกว่าอย่างไรครับ) จริงๆ แล้วตอนแรกก็เขียนไปว่าสีเขียว เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเสริชข้อมูลมาแล้ว...

แต่พอเอาไปเอามา.....ก็ลืมว่าไปเสริชมาจากไหนครับ....ก็มันผ่านมาเกือบแปดเดือนแล้วครับ..ตอนเขียนเรื่องสีตาของอเล็กซ์....

ผมกลัวผิดพลาดครับ....เลยเขียนให้เซฟไปก่อนว่าเป็นสีน้ำตาล.... วันนี้เลยใช้เวลาประมาณค่อนวัน....ค้นคว้าเรื่องยีนสีตาของชาวเกาหลีโดยเฉพาะครับ...

โดยปกติแล้วคนเอเชีย โดยเฉพาะจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ลาว เขมร เวียดนาม จะมีตาสีน้ำตาลเป็นหลัก.... ซึ่งสีน้ำตาลเป็นยีนเด่น......จะไปจับคู่กับอะไรก็จะออกมาเป็นสีน้ำตาลทั้งหมด..... นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราแต่งงานกันเอง ลูกหลานจึงมีตาสีน้ำตาลกันหมด....(ปล. มีข้อยกเว้น...นานๆ จะมีซักทีครับ....ในคนจีน บางคู่มีตาสีน้ำตาลทั้งคู่....แต่พอแต่งงานกัน ลูกออกมาตาสีเขียวกับสีฟ้าสดซะ.....แปลกซะไม่มี)

คนเราถือยีนสีตาอยู่สองกลุ่มหลักๆ....คือกลุ่ม...."brown color" กับ กลุ่มที่สอง... "non-brown color" ครับ...

แต่บังเอิญเราไม่ได้ถือยีนสีตาเพียงแค่เส้นเดียวครับ....คนเราถือยีนสีตาถึงสองเส้นด้วยกัน..... คือ เส้นหลัก และเส้นรอง....

ดังนั้น กลุ่ม...."brown color" จึง มีเส้นยีนเส้นหลักที่พอจะเป็นไปได้คือ brown-blue, และ brown-green ส่วนเส้นรองจะเป็นอันไหนก็ได้ ทั้งอยู่ในกลุ่มนี้ หรือ อยู่ในกลุ่มถัดมา

ส่วนคนในกลุ่ม... "non-brown color" ขอเอาเฉพาะกลุ่มตาสีเขียวและตาสีฟ้านะครับ.....ซึ่งจะมียีนเส้นหลักและยีนเส้นรองเป็น green-blue, green-green, blue-blue ครับ.... เลือกเอามาซักสองอันครับ

งงมั้ยครับ..... เอางี้.....

เข้าประเด็นเลยว่าทำไมอเล็กซ์ถึงมีตาสีเขียวได้....

ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่า....การกำหนดสีตา...นั้นควบคุมโดยยีนจำนวนมากกว่าและเท่ากับสามครับ....

บิดาของอเล็กซ์เป็นคนเกาหลีใต้...ดวงตาสีน้ำตาลแน่นอน.... จะต้องสียีนสองเส้น คือ หนึ่งเส้นในกลุ่ม brown color และอีกหนึ่งเส้นในกลุ่ม non-brown color ....... บิดาของอเล็กซ์ไม่สามารถมียีนทั้งสองเส้นมาจากกลุ่ม brown color ได้ เพราะมิเช่นนั้นแล้วอเล็กซ์จะไม่มีวันมีตาสีเขียวเด็ดขาดครับ....

มารดาของอเล็กซ์...ต้องมีตาสีเขียว....อันนี้ข้อบังคับ.... และต้องมียีนสองเส้น จากกลุ่มนี้....คือ green-green, green-blue, blue-blue... .... ผมสมมุติให้มารดาของอเล็กซ์ถือ green-green และ blue-blue แล้วกันครับ....

เอาแม่ของอเล็กซ์เป็นตัวตั้ง คือ green-green และ blue-blue

บิดาของอเล็กซ์ ต้องมี คือ brown-green และ green-green (ถึงจะมี green-green ก็ยังเป็นตาสีน้ำตาลอยู่ดี เพราะอีเส้นหลักมันข่มครับ...)

พอเอาบิดาและมารดาอเล็กซ์มาจับคู่กัน.... ไข้วกันไปไขว้กันมาตามสบายครับ....จับกลุ่มให้ได้สามแล้วกัน....

อเล็กซ์จะมีตาสีเขียวได้ก็ต่อเมื่อ มี green-green, blue-blue และ green-green ครับ.... (อย่าลืมบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันต้องใช้สามเส้น).....

สรุปก็คืออเล็กซ์มีตาสีเขียวได้ครับ....

สงสัยกันมั้ยครับว่า...ตอนเลือกสีตาใช้ยีนตั้งสามเส้น...แต่พอทำไมแบ่ง ไมโอซิส เป็นเซลล์ไข่ หรือ สเปริมแล้วจึงเหลือสอง... ก็เพราะมันซ้ำกันอยู่คู่หนึ่งงัยครับ.... อย่างอเล็กซ์ก็ซ้ำคือ green-green งัยครับ...ตอนแบ่งเซลล์มันเลยเอามาแค่เส้นเดียวพอครับ....

พอแล้วครับ......ไม่อธิบายต่อแล้วครับ....

ที่อธิบายมาก็เพราะเผื่อคนสงสัยน่ะครับ..... เพราะเห็นนักเขียนนิยายบางเรื่อง.....ไม่ค่อยสนใจประเด็นนี้ซักเท่าไหร่.... นึกอยากให้ตัวละครลูกครึ่งตาเป็นสีอะไรก็ได้ซะงั้น.... (จริงๆ มันก็เป็นไปได้....แต่กลัวคนอ่านจะจำไปผิดๆ น่ะซิครับ...)...

ไปละครับ....

สวัสดีครับ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2007 10:27:20 โดย Andreas »

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
อีเจ้....

อีเจ้เดาว่า....ศักดิ์เป็นภรรยาศิวะเหรอะ????????????


ใช่แน่เยยยยยยยยยยยยยย.....

Andreas

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
จ๋อมอธิบายมาถูกต้องแล้วคะ

เพราะว่า  สีม่านตา(=ไอริส?) ถูกควบคุมด้วยยีนมากว่าสองตัวเคอะ  ประมาณว่าเป็น AAA คะ คือมี อัลลีลถึงสามตัวด้วยกันที่ควบคุมลักษณะนี้ของร่างกายมนุษย์ ซึ่งปกติทั่วๆ ไปแล้ว ลักษณะต่างๆ ของมนุษย์จะมีแค่ 2 อัลลีลคะ

แล้วลักษณะสีม่านตา"สีน้ำตาล(เข้ม)"ก็เป็นลักษณะปรากฏ (phenomenon(?)) เด่นเคอะ

ไม่ว่าผัวของเราจะมีม่านตาสีอะไร  แต่พอมาผสมพันธุ์แลกเปลี่ยนยีนกันกับเราเรียบร้อยแล้ว  ลูกเราก็จะมีสีม่านตาเป็นสีน้ำตาลเคอะ เช่น

                                                   เรา         +       ผัว
เซลล์ร่างกาย             =                AAA                 aaa
                                           (ตาสีน้ำตาล)        (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์            =                  AA                  aa

ผสมกันได้ลูก            =                 AAa   หรือ   Aaa  (ตาสีน้ำตาล เพราะ มี อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)

แต่ในกรณีที่คนตาสีน้ำตาลแต่งงานกันแล้วได้ลูกมาตาสีเขียว(เกิดได้น้อยถึงน้อยมากและมักเกิดขึ้นเมื่อแต่งกันในวงศาคณาญาติมาหลายรุ่นแล้ว)  ก็สามารถอธิบายได้ดังนี้

                                                       นาย ก.          +        นาย ข.
เซลล์ร่างกาย                        =              Aaa                      Aaa
                                                    (ตาสีน้ำตาล)             (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์(มีสองแบบ)       =             Aa,aa                    Aa,aa

ผสมกันได้ลูก                      =     Aaa (ตาสีน้ำตาล เพราะ "มี" อัลลีล A คอยบังคับให้เป็นไปแบบนั้น)
                                       หรือ   aaa  (ตาสีเขียว เพราะ "ไม่มี" อัลลีล A คอยบังคับและมีแต่อัลลีล a ซึ่งเป็นตัวควบคุมให้ตาเป็นสีเขียว)

อีกอย่างหนึ่งคือ  ลักษณะของสีตาเป็นลักษณะปริมาณเหมือนกันลักษณะสีผิว หมายถึง ยิ่งมีอัลลีล A เท่าไหร่  สีตาก็จะยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น เช่น
AAA จะเข้าจนดำ AAa จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ส่วน Aaa เป็นสีน้ำตาลอ่อน  

ซึ่งลักษณะตาสีน้ำตาลเป็นลักษณะโบราณเคอะ มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของมนุษย์แล้ว (สังเกตได้จากลิงที่เป็นญาติห่างๆ ของเราที่มีสีตาเป็นสีน้ำตาลเหมือนกัน) ส่วนสีตาสีอื่นๆ นั้น เป็นลักษณะที่เพิ่งเกิดขึ้นมาภายหลังในตอนที่มนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้นแล้วเคอะ  ในคนเอเชียส่วนใหญ่ที่มีวิวัฒนาการมาจากมนุษย์ในแอฟริกา  มนุษย์ชวาและมนุษย์ปักกิ่งนั้น  จะมีตาสีน้ำตาลเคอะ เพราะเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ ยกเว้นคนเผือกนะครับที่ตาจะมีสีแดงเพราะว่ามีความผิดปกติในพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์ไม่สามารถสร้างเม็ดสีได้  ส่วนที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้นเกิดจากการที่มันสะท้อนแสงออกมาของอะไรสักอย่าง(จำไม่ได้ อิอิ) ซึ่งเป็นลักษณะของสัตว์กินเนื้อเคอะ  แต่คนเอเชียก็สามารถมีตาสีอื่นๆ ได้เหมือนกันครับ  อย่างเช่น ซายูริในเรื่อง เกอิชา ไงเคอะ  มีตาสีเทา  เจ้เองก็เหมือนกันบางทีก็มีตาสีน้ำตาลลายเสือ  เวลาไปจิกผู้ชายคะ   :laugh5:


ปล.  ที่อธิบายมาทั้งหมดก็ไม่มั่นใจนะว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์  รบกวนผู้มีความรู้เข้ามาท้วงติงด้วยนะเคอะ    แบบว่าอิชั้นโง่นะเคอะ  เลยเพิ่มเติมได้แค่นี้เอง




Andreas

  • บุคคลทั่วไป

ลักษณะปรากฏ คือ Phenotype ครับ....

ลักษณะทางพันธุกรรม คือ Genotype ครับ

แหม....เจ้าแม่พันธุศาสตร์มาเองเลย....ผมไม่กล้าหือขอรับ....

อืม.....อ่านอีเจ้เขียนมาแล้ว....ทำไมมันเข้าใจง่ายกว่าที่ผมเขียนมาอีก.....

เฮ้อ....อุตสาห์เขียนซะยืดยาว....อีเจ้มา ครึ่งหน้า....ก้เข้าใจและ.....

ลืมคำว่า "Alleles" = "อัลลีน" ไปเลยครับ..... เอาความรู้ส่งกลับคืนคุณครูหมดแล้วครับ....

กรรม


ปล. ไม่เคยดูเรื่อง เมมัวร์ ออฟ เกอิชา... เลยไม่ทราบว่าซายูริคือใคร..... แต่มีคำอธิบายว่า.... คนเอเชียแท้ๆ ที่มีตาสีเขียว ฟ้า หรือ เทา นั้น..... เป็นไปได้ เพราะเมื่อสืบบรรพบุรุษไปแล้ว....จะต้องเป็นชนชาติมองโกเลียทางเหนือครับ.... คนมองโกเลียทางเหนือสุดๆ ที่ติดกับรัสเซียนั่นนะครับ....จะมีอัลลีสีเขียว ฟ้า เทา แฝงอยู่มากครับ.... ดังนั้นเมื่อจับคู่สาม แล้วรับเอาอีลลันสีมาทั้งหมด....โดยไม่มีสีน้ำตาลโผล่มาเลย....คนเอเชียคนนั้นจึงมีตาสีอื่นๆ ได้ครับ....

คล้ายๆ บิดาของอเล็กซ์ที่ผมบอกงัยครับ....แกมีสองอัลลีน คือ brown-green และ green-green ครับ....

ไปแล้วครับ....เอาเรื่องวิทย์มาคลายเครียดน่ะครับ.....

นิยายผมเครียดเหลือเกิน....
:laugh3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2007 11:43:02 โดย Andreas »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
ตาภูโดนลักพาตัวแล้วเหรออออออ  :dont2:
ม่ายน๊า.....





ปล. เปงกำลังใจให้คนแต่งจ้า  :5555:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
..........น่าสงสารตาภูน้อยของผมจัง.......... :เศร้า1: :เศร้า1:

ป.ล.  ที่เจ็เขียนมาก็แปลกอ่ะ...ถ้าไม่ได้เรียนมาก็คงเข้าใจมั้ง

........ขอแก้นิดหน่อยละกันนะ... :110011: :เชิป2:

....................ส่วนมากแล้วลักษณะทางพันธุกรรมแต่ละลักษณะจะถูกควบคุมโดยอัลลีลแค่ 1 คู่นะคับไม่ใช่ 2คู่
...........แต่ถ้าควบคุมด้วยอัลลีลมากกว่า 1 คู่ เราจะเรียกว่า multiple alleles

...........โดย 1 อัลลีลจะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ 2 ตัวแต่ 3 รูบแบบคือ

...................AA จะแทนด้วยลักษณะเด่นแท้...(homolozygous dominant)
...................Aa จะแทนด้วยลักษณะเด่นเทียม...(heterozygous dominant )
...................aa  จะแทนด้วยลักษณะด้อย...(recessive..ซึ่งจะเป็น homozygous เท่านั้น)
........แต่จะมีแค่ 2 phenotype คือตาเป็นสีน้ำตาลคือ AA และ Aa และตาเป็นสีเขียว คือ aa

..............ดังนั้นถ้าเป็นอย่างอีเจ๊บอกว่ามี gene ที่ควบคุมสีตา 1 อัลลีล(อธิบาย 3 ยากไปเด๋วอีเจ๊ไม่เข้าใจ :laugh5:)
......................ก็จะได้ตัวอย่างดังต่อไปนี้

                                                    ผัว         +       เมีย
เซลล์ร่างกาย             =                 AA                    aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีเขียว)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A                     a
ผสมกันได้ลูก            =                               Aa     
                                  ซึ่งจะเห็นว่าลูกจะมีโอกาสมีตาสีน้ำตาลเท่านั้นซึ่งไม่ใช่ลักษณะเด่นแท้แต่เป็นเด่นเทียม

...................แต่ถ้าเอาลูก(ผู้ชาย)ที่ได้  ไปผสมพันธ์กับอีเจ๊ซึ่งมี gene ที่วบคุมสีตาเหมือนกัน

                                                ลูกผู้ชาย         +      อีเจ๊
เซลล์ร่างกาย             =                 Aa                     Aa
                                              (ตาสีน้ำตาล)       (ตาสีน้ำตาล)
เซลล์สืบพันธุ์             =                   A , a              A , a
ผสมกันได้ลูก            =                      AA , Aa , aa
..................................ซึ่งจะเห็นว่าลูกมีโอกาสที่จะมีสีตาได้ทุกรูปแบบ(ตามที่อธิบายข้างบน)
...................................อยู่ที่ว่าลูกจะเลือกเอาอะไรมา ถ้าลูกเจ๊ดันเลือกเซลล์สืบพันธ์สามีเจ๊และของเจ๊เป็น a ทั้งคู่
..................................ลูกก็จะออกมามีตาสีเขียวเคอะ..(คงคล้ายแมลงวันหัวเขียวอ่ะ..... :laugh5: :laugh5:)

...............วันนี้ขออธิบายแค่นี้..........เด๋วยากกว่านี้จะทำหั้ยทุกคนงงไปกันใหญ่...ยิ่งในกรณีควบคุมมากกว่า 1 อัลลีล
..........................เด็กๆมัธยมทั้งหลายอ่านไว้แล้วเอาไปสอบได้นะจ้ะ..... :110011: :เชิป2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2007 17:04:37 โดย ][GobGab][ »

kYos

  • บุคคลทั่วไป
 :o  น้องภู สุดดวงใจ ของทุกคน  อย่าเป็นอะไรไปน้าาา  :monkeysad:
นิยายเริ่มเครียด  เอาวิทยาศาสตร์เข้ามาคุยแล้วเครียดกว่า  55+  ก็พอจะรู้เรื่องบ้าง ดีนะเรียนสายวิทย์มา เฮ้อออ  :เฮ้อ:  แต่ตกชีวะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียน 2 เท่าเลย หุหุ เมื่อวานไม่ได้เข้ามาอ่าน  :yeb:  ขอบคุณสำหรับข้อมูลจากเจ้สองกะพี่ถุงด้วยนะ
ปล. FYI คืออาราย??

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: น่าสงสารภูฟ้าาาาาาา แง๊ววววว

โห เข้ามาอ่านวันนี้ ได้ความรู้ที่ได้คืนปรมาจารย์ไปเกือบหมด กลับมาบ้างนิดหน่อย

บอร์ดนี้มีแต่คนเก่งๆเนอะ คริคริ น่าอิจฉาจัง (เรามันโง่  :monkeycry2:)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
โฮะๆๆๆ คาดว่าจะรู้คนจับตัวคนร้ายมัดกับระเบิดด้วย  อยากให้พี่แซมมาช่วยอะดิ
สงสารน้องหนูภูจังเยยย  โดนจับจนได้ แงแง
พี่แซมก็ได้มาช่วยแล้วจิทีนี้  รักระหว่างรบ

เป็นกำลังใจให้จ๋อมจ้า  :yeb:

ปล  อ่านพวกยีนส์อะไรนี่หายเครียดเลย (ประชดๆ)  :laugh5:
      จาบอกว่าจำได้แต่กฎของเมนเดล(ป่าวหว่า) แล้วมันเกี่ยวกันป่าวมะยู้ ลืม คิกคิก

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ่านนิยายว่าเครียดแล้ว เจอเรื่องสีตานี่สิเครียดกว่า  :laugh3:
หุหุ ชีวะนี่ไม่มีผลกับชีวิตของดิฉันตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้วค๊าบ  :haun5:
ว่าแต่ หนูภูฟ้าจ๋า คุณพระคุ้มครองนะ อย่าให้คนแต่ง เอ๊ย โจรผู้ร้ายทำอันตรายได้น้า  :yeb:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งคร้าบบบบบบบ  :yeb:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
GobGab ครับ....

ที่เจ้สองอธิบายมานั่นถูกแล้วนะครับ..... คือเจ้แกเลือกจับสามน่ะครับ......

การกำหนดสีไอริสนั้น ควบคุมโดยยีนสองเส้นก็จริง คือ Bey2 (brown eye) และ Gey (green eye)

แต่ยีน Bey2 จะมี สามอัลลีนครับ...คือ brown-brown (AA), brown-blue (Ab) และ blue-blue (bb)

และยีน Gey จะมี สามอัลลีนครับ...คือ green-green (CC), green-blue (Cb), และ blue-blue (bb)
เช่นกันครับ...

Individuals may have two alleles from Bey2..... or two alleles from Gey..... or one allele from Bey2 and one from Gey...... however, it must be eventually ended up having only 2 alleles.

การจับคู่เพื่อทำนายสีไอริสนั้น ต้องยกทั้งวงเล็บมาเข้าคู่กันครับ.......

ยกตัวอย่างเช่น AA Ab จากบิดา กับ CC Cb จากมารดาครับ

ลักษณะการจับคู่กับแบบนี้เรียกว่า A dihybrid Cross

ผลลัพธ์ที่ได้จากการจับคู่ด้านบนจะกลายเป็น

AAAA, AAAb, AACC, AACb
AbAA, AbAb, AbCC, AbCb
CCAA, CCAb, CCCC, CCCb
CbAA,CbAb, CbCC, CbCb

ซึ่งจะคนละแบบที่กอ๊บแก๊บอธิบายมาครับ.....

หลักการที่ก๊อบแก๊บอธิบายมานั้น เราเรียกว่า monohybrid cross ครับ....ซึ่งเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในสิ่งมีชีวิตครับ..... ซึ่งเป็นการเข้าคู่กันของยีนสองเส้น....ไม่ใช่ อัลลีนครับ....

แต่ถ้าเป็นการจับคู่กันเพื่อกำหนดสีไอริส....จะใช้ อัลลีน ครับ.... ใช้ทั้งสี่เส้นเลย ครับ.....

อย่างที่อีเจ้อธิบายมาก่อนหน้า....อีเจ้แกเลือกจับสามครับ....เพราะ ถ้าอัลลีน brown-brown, brown-blue นี่...จะสามารถรวบเป็นแค่ brown ครับ...คือใช้อักษรตัวเดียวได้ครับ... เพราะไม่ว่าอย่างไร สีมันก็ออกมาเป็นสีน้ำตาลอยู่ดีครับ..... อีเจ้เค้าอธิบายตามการกำหนดสีน่ะครับ....

แต่ถ้าจะพิจารณาเส้นอัลลีนไฮบริดกัน ต้องอย่างที่ผมบอกมาน่ะครับ....

คือจะเขียนอย่างไรก็ได้ครับ...แล้วแต่หลักการที่กำหนดเบื้องต้นครับ....

แต่ที่แน่ๆ คือ ไม่ใช้หลักการ monohybrid ครับ.... เพราะถ้าใช้หลักการดังกล่าว บิดาตาสีฟ้า มารดาตาสีฟ้า ต้องให้กำเนิดลูกตาสีฟ้า ทั้งหมด.... ซึ่งเมื่อก่อนเชื่อกันแบบนั้นครับ....แต่ปัจจุบัน เค้าพิสูจน์ออกมาแล้วว่า ลูกของบิดา-มารดาตาสีฟ้า.....นั้นสามารถมีตาสีน้ำตาล ครับ

เหตุผลหลักก็คือ หนึ่งใน บิดา-มารดา ต้องมี เส้นอัลลีน ของตาสีน้ำตาลครับ.... แต่ว่าด้วยเหตุผลบางประการ เส้นอัลลีนนี้ถูกบังคับไม่ให้แสดงออกครับ.... เลยไม่สามารถให้สีน้ำตาลได้ จึงมีสีฟ้าแทน.... เราเรียกว่า Psudo blue คือ ฟ้าเทียมครับ....

น้องก๊อบแก๊บมีข้อแย้ง...ขอเชิญแย้งได้ตามสะดวกนะครับ.....

สวัสดีครับ...

Andreas

ปล. แทบไม่น่าเชื่อเลยครับว่า....เมื่อสืบค้นเวปไซต์ไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งผู้ตอบเป็นถึงเดอกเตอร์ทางพันธุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Standford ยังใช้หลักการ โมโนไฮบริด มาอธิบายให้คนทั่วไปได้อ่านเลยครับ..... ผมเลยชักสงสัยว่า เค้าต้องการยกตัวอย่างง่ายๆ ให้คนทั่วไปเข้าใจหรือเปล่า

เอามาจากเวปนี้ครับ.....http://www.thetech.org/genetics/ask.php?id=2

for the all reference, I used

http://www.thetech.org/genetics/ask.php?id=29
http://www.athro.com/evo/gen/inherit1.html
http://www.athro.com/evo/inherit.html
http://www.athro.com/evo/gen/geframe.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2007 01:03:44 โดย Andreas »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :really2: ม่ายยู้เยื่องด้วยอ่ะ ขออ่านแต่นิยายเพื่อความบันเทิงเริญรมย์เจ๋ยๆได้ป่าว อย่าว่ากันเลยน๊า...เอิ๊กๆๆๆ







ปล. แต่ก้อมันส์ดีที่มีคนมีวความรู้งัดอาววิชามาโต้แย้งกัน ทำให้นิยายดูมีสีสันขึ้นเยอะ  :yeb:
      เปงกำลังใจให้ป๋าจ๋อมคนขยันนะจ๊ะ  :5555:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด