เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะว่ารักแท้......เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  (อ่าน 191711 ครั้ง)

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้...






บอกแล้นให้คุยกะแมว จะได้พูดภาษาไทยเก่งขึ้น

55555

 :pandalaugh:

พูห์

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านต่อแล้วคับพี่จ๋อม....ผมใจร้อนเหมือนกัน... :laugh5: :laugh5:

ป.ล....ภาษาไทยพี่จ๋อมไม่ห่วยหรอก...อาจจะดีกว่าหลายๆคนซะด้วยซ้ำ

ผมติดนิยายพี่ก็เพราะภาษาที่พี่ใช้ในนิยายนี่แหละ....นับถือ.. :call: :call:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
ตาภูน่าร๊ากกกจัง   ขอมาเป็นน้องชายได้มั๊ยอ่ะ อิอิ..
กำลังใจเหมือนเดิม  :yeb:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
ตอบคุณจ๋อมนะคับ

ดีใจคับที่สังเกตเห็นชื่อผมด้วย อิอิ

ติดตามมานานพอควรเหมือนกันครับ (แต่ก็ภาคภูผา ฟ้าลั่นจบไปแล้วหล่ะ)

แต่ไม่มีโอกาสได้รีพลายคับผม

ชอบมากมายเลยครับเรื่องนี้  :yeb:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ  :yeb:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
.....ภาวดีจึงให้คำสัญญาอย่างหนักแน่นกับศิวะและจอมยุทธ์ว่าเธอจะอยู่ช่วยดูแลภูฟ้าตลอดไปจนกว่าจะไม่เป็นที่ต้องการแล้ว และสัญญาว่ากับตนเองว่าจะปกป้องภูฟ้าด้วยชีวิตหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆเกิดขึ้น

อา... เขียนแบบนี้  จามีอะไรป่าวเนี่ย  อย่าน้า  น้องภูฟ้า  มาให้พี่เลี้ยงต้อยก่อน อิอิ
 :loveu:

ปล  จ๋อมก็หาแฟนดิ  แฟนคนไทยอะ  จาได้คุยกันทู๊กวัน  ภาษารักดีเรยยยย :pandalaugh:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

เอาล่ะซิเพราะภาษาไทยห่วยๆของผม....มันได้สร้างความเข้าใจผิดให้ผมกับคุณBosatlasจนได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------

ต้องขอโทษอย่างแรงที่ทำให้คุณจ๋อม(กะคุณAndreas คนเดียวกันปะค่ะ ถ้าไม่ขอโทษอีกที )ที่ต้องโทษตัวเองเรื่องภาษา คุณใช้ภาษาไทยได้ดีกว่า หนึ่งอีกค่ะ ที่ว่าใจร้อนน่ะมันนิสัยส่วนตัวของหนึ่งเอง  :yeb: นี่งัยภาษาหนึ่งยังไม่ดีทำให้คุณเข้าใจผิด ข้าน้อยผิดไปแล้วจริงๆ ยกโทษให้ด้วยนะคะ

เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดนะหายกัน( ทั้งที่ตัวเราผิดเอง..อิอิ  :pandalaugh:)

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ มาต่อไวไวนะ  :yeb:


Andreas

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากศิวะแนะนำให้ภาวดีรู้จักกับยุทธจักรแล้ว...จึงหันมาชักชวนทั้งสามหนุ่มผู้มาใหม่ ร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนที่จะถึงเวลาฝึกซ้อมยิงปืน

“ภูครับ...เดี๋ยวภูไปอาบน้ำและไปพักผ่อนกับคุณภาก่อนนะครับ...พ่อเสือกับอาจอมขออนุญาตไปทำธุระนะครับ...เดี๋ยวตอนกลางวันพ่อเสือจะไปตามมากินข้าวด้วยกันครับ” ศิวะกล่าวบอกลูกชายหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น ก่อนเตรียมตัวเดินไปสู่สนามยิงปืน

“ครับพ่อเสือ...” ภูฟ้ารับคำสั่งของบิดาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นทั้งสี่หนุ่มจึงแยกออกมาจากภูฟ้าและภาวดี เดินมุ่งหน้าสู่สนามยิงปืน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

สนามยิงปืนอยู่ในบริเวณด้านหลังสุดโรงแรม เป็นพื้นที่ติดกับเชิงเขา ลักษณะสนามเป็นที่ราบกว้าง ปูพื้นด้วยหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวดูสะอาดตา ปลายสนามติดกับเชิงเขาและข้างสนามด้านหนึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่เพื่อกั้นเป็นอาณาเขต ถัดไปเป็นรั้วตาข่ายเหล็กสูงแข็งแรงป้องกันการรุกล้ำอีกชั้นหนึ่ง

สาเหตุที่ต้องมีสระน้ำนั้นก็เพื่อใช้เป็นที่รองรับกระสุนปืนในการยิงเป้าบิน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันคือ สกีท.... แทรป..... ดับเบิลแทรป..... และสปอร์ตดิง ซึ่งทั้งสี่ชนิดนั้นมีความยากง่ายแตกต่างกัน

นอกเหนือจากสนามยิงเป้าบินแล้ว ภายในบริเวณเดียวกันยังมีอาคารสำหรับการฝึกยิงปืนแบบเป้านิ่งอีกด้วย โดยจะใช้รองรับการฝึกยิงปืนต่างๆตามมาตรฐานสากลและการฝึกยิงปืนสำหรับป้องกันตัวที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้

เนื่องจากทั้งสี่หนุ่มตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะแข่งขันยิงเป้าบินประเภทดับเบิลแทรปก่อน ดังนั้นศิวะจึงจัดแจงเตรียมอุปกรณ์และนัดแนะกับพนักงานผู้คุมสนาม ในขณะที่จอมยุทธ์ใช้เวลาดังกล่าวเดินทักทายสมาชิกของสนามยิงปืนเนื่องจากวันนี้เขาจะทำหน้าที่เป็นโค้ชพิเศษของสนามแห่งนี้

สมาชิกประจำของสนามยิงปืนรู้จักคุ้นเคยกับจอมยุทธ์และศิวะเป็นอย่างดี แม้ว่าทั้งคู่จะรับเป็นโค้ชพิเศษไม่บ่อยครั้งนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่หนึ่งในสองหนุ่มมาเป็นโค้ชให้ ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับสมาชิกทุกคนได้ทุกครั้ง เพราะเทคนิคที่สอนตลอดจนฝีมือการยิงปืนนั้นหาตัวจับได้ยากยิ่ง

เนื่องจากเป็นช่วงเช้าอยู่มาก จำนวนคนที่มาฝึกยิงปืนจึงมีจำนวนน้อยอยู่และส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกขาประจำที่มีฝีมือดีทั้งนั้น จอมยุทธ์จึงเดินทักทายได้อย่างทั่วถึง หลังจากนั้นจึงขอตัวต่อสมาชิกไปทำการแข่งยิงเป้าบินก่อนที่จะรับหน้าที่เป็นโค้ชให้หลังจากการแข่งขันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

และย่อมเป็นที่แน่นอนว่าหลายคนที่อยู่ในสนามนั้นสนใจอยากชมฝีมือการประลองของจอมยุทธ์และศิวะกันทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงขออนุญาตร่วมสังเกตการณ์การแข่งขันครั้งนี้กันถึงขอบสนามเลยทีเดียว

“เอ.....แกแน่ใจนะว่าจะต่อให้ยี่สิบห้าแต้ม...”ศิวะหันมาถามเพื่อนสนิทอีกครั้งหลังทำการฝึกซ้อมการยิง ก่อนหน้าที่จะเริ่มทำการแข่งขันจริง

“เฮ้ย.....ข้าพูดคำไหนเป็นคำนั้นโว้ย...ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าฝีมือแกจะเก่งขนาดไหน” นครินทร์ทำเป็นพูดข่ม เพราะตอนนี้เริ่มสังเกตถึงผู้คนที่ทยอยมาชมการแข่งขันในครั้งนี้ และบ้างก็จับกลุ่มกันพนันขันต่อแบบเล่นๆ โดยส่วนใหญ่ต่างพนันข้างศิวะและจอมยุทธ์กันเกือบทั้งสิ้น

การยิงปืนแบบดับเบิลแทรปที่ทั้งสี่หนุ่มเลือกนั้น จัดเป็นประเภทการยิงเป้าบินที่ค่อนข้างยากและจำเป็นต้องมีทักษะการยิงปืนที่ว่องไวและแม่นยำ เนื่องจากเป็นการยิงเป้าบินประเภทเดียวที่ต้องยิงเป้า 2 เป้าพร้อมกัน ในการยิงแต่ละครั้ง โดยเป้าทั้งสองจะถูกปล่อยออกจากช่องปล่อยเป้าซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของแท่นยิง โดยมีระยะห่างระหว่างช่องปล่อยเป้าและแท่นยิงประมาณ 16 หลา  แท่นยิงจะมีทั้งหมด 5 แท่นยิง เรียงตามลำดับในแนวเดียวกัน  เป้าที่ปล่อยนั้นจะมีด้วยกัน 3 ทิศทางด้วยกัน จำนวนเป้าที่ต้องยิงจะมี 25 คู่ และต้องแข่งทั้งหมด 3 รอบ โดยมีคะแนนเต็ม 150 คะแนน

“ว่าแต่ใครจะเริ่มก่อนดีล่ะเสือ...จอม” นครินทร์ถาม

“ผมว่าให้พี่เอเริ่มก่อนดีกว่าครับ...ไหนๆท่านรองฯคนดังมาเยือนสนามทั้งที ก็น่าจะรับเกียรติยิงเปิดสนามนะครับ” จอมยุทธ์ตอบแทนศิวะ

“อืม..ก็ได้....แต่ถ้าข้ายิงไม่พลาดเป้าซักอันหนึ่ง...แกอย่าตกใจนะโว้ยเสือ” นครินทร์ยังคงอารมณ์ดี หันมาแซวศิวะ ก่อนจะก้าวไปยืนบนตำแหน่งแท่นยิง ยกปืนขึ้นประทับ ท้ายพานปืนแนบอยู่ที่ร่องไหล่ สายตาจับจ้องไปยังแท่นยิง แล้วจึงพยักหน้าให้สัญญาณผู้ควบคุมเครื่องยิงปล่อยเป้าบินออกมา

ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ฝึกมาในกรมตำรวจ นครินทร์สามารถทำคะแนนได้ในรอบแรกไปได้ 36 คะแนน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากเพิ่งเริ่มยิงเป็นรอบแรก และยังต้องทำความคุ้นเคยกับปืนและวิถีของเป้าบิน

ศิวะยิงต่อเป็นคนที่สองทันทีที่นครินทร์เดินลงมา สายตาและความมุ่งมั่นที่สะท้อนออกมานั้นทำให้สองนายตำรวจหนุ่มที่ยืนดูอยู่เกิดความประหลาดใจ รวมถึงฝีมือการยิงปืนที่รวดเร็วและแม่นยำนั้น มองเผินๆ แล้วหลายคนคงต้องคิดว่าศิวะน่าทำงานอยู่ในกรมทหารและตำรวจเลยก็ได้   

ศิวะเลือกที่จะไม่สร้างความแตกต่างของคะแนนระหว่างเขากับนครินทร์มากนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเอาคะแนนเพียงแค่ 38 คะแนนเท่านั้น โดยมีเพียงแค่จอมยุทธ์คนเดียวเท่านั้นที่พอจับสังเกตได้     

นครินทร์เริ่มหน้าซีด และรู้สึกตัวว่าเสียท่าให้เพื่อนเจ้าเล่ห์อย่างศิวะเข้าเสียแล้ว...เขาจึงหันมาสั่งเสียแกมบังคับกับยุทธจักรผู้ที่จะลงมือยิงเป็นคนต่อไป

“เฮ้ย...ไอ้แซม.....ช่วยๆยกคะแนนขึ้นเยอะๆหน่อยนะ......ขอร้องล่ะว่ะ”

“เอาเป็นว่าผมจะทำให้ดีที่สุดแล้วกันครับ” ยุทธจักรตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปยังแท่นยิง ยกปืนขึ้นประทับและให้สัญญาณเริ่มปล่อยเป้าบิน

ด้วยความที่เป็นนักแม่นปืนของกรมตำรวจ และมีการฝึกซ้อมยิงปืนอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ยุทธจักรจะสามารถทำคะแนนในการยิงครั้งแรกถึง 40 คะแนน โดยพลาดเป้าไปแค่สิบนัดเท่านั้น

เสียงฮือฮาจากคนดูข้างสนามมาเป็นระยะๆขณะที่ลูกกระสุนจากปืนของยุทธจักรพุ่งเข้าสู่เป้าหมาย เพราะต่างลุ้นและทึ่งกับความแม่นยำในการยิงของชายหนุ่มแปลกหน้า ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่และหน้าตาคมคายคนนี้

จอมยุทธ์เป็นคนสุดท้ายที่ก้าวขึ้นแท่นยิงเพื่อปิดฉากเกมแรก..... ขณะที่จอมยุทธ์กำลังยิงเป้าชุดแรก ทั้งยุทธจักรและนครินทร์ต้องหันมามองหน้ากันอีกครั้ง เพราะลักษณะท่าทางการยิงปืน การจับปืน ความแม่นยำและทักษะอื่นๆนั้น ใกล้เคียงกับศิวะเป็นอย่างมาก คล้ายกับฝึกมาในรูปแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน

จอมยุทธ์ไม่มีเจตนาที่จะเอาชนะในการแข่งขันครั้งนี้ จึงพยายามทำคะแนนเพื่อตีเสมอยุทธจักรเท่านั้น โดยที่เหลือจะมอบให้เป็นหน้าที่ของศิวะเป็นคนจัดการในเกมที่สอง ดังนั้นคะแนนที่เขาทำได้จึงตกอยู่ที่ 40 คะแนนเท่ากับยุทธจักรในตอนแรก



Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ศิวะหันมาสบตาและส่งยิ้มให้กับจอมยุทธ์ เพราะทราบแล้วว่าเจ้าน้องชายตัวดี ยกงานมาให้อีกแล้ว... ศิวะนั้นรู้จักนิสัยจอมยุทธ์ดี และทราบอีกด้วยว่าจอมยุทธ์กำลังไม่คิดจะเอาชนะ เพียงแค่ต้องการตีเสมอเท่านั้น เนื่องจากโดยปกติแล้วจอมยุทธ์ผู้ที่ฝึกยิงปืนเป็นประจำ จะสามารถยิงปืนประเภทนี้โดยได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 45 คะแนนทุกครั้งไป

“เอ....ไม่ต้องใจร้อนว่ะ....ทำตัวตามสบายๆๆ....คะแนนเราไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่” ศิวะเริ่มแซว

“แหม ได้ทีล่ะก็ทับถมเพื่อนฝูงเลยนะโว้ย” นครินทร์แกล้งพูดว่ากลับ เพราะทราบดีว่าศิวะเพียงแค่ล้อเล่น และไม่มีเจตนาดูถูกแต่อย่างใด

“รับรองรอบนี้ข้าชนะแกแน่นอน..เสือ” นครินทร์หันหน้ามาหาศิวะ พร้อมยักคิ้วเพื่อล้อเลียน ก่อนจะก้าวไปยังแท่นยิงถัดไป

และเป็นอย่างที่พูดตั้งแต่ตอนแรก นครินทร์สามารถทำคะแนนในรอบนี้ได้มากกว่าคราวที่แล้ว 4 คะแนน เนื่องจากพอจับทิศทางต่างๆ ของเป้าบินได้แล้ว

“เห็นมั้ยเพื่อน....อย่างน้อยงานนี้ข้าก็ไม่ขายหน้าแน่นอน” นครินทร์ยิ้มแย้ม และพูดด้วยความมั่นใจ

“อืม..” ศิวะรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังแท่นยิง เพื่อเตรียมยิง โดยครั้งนี้เขาต้องการบังคับให้จอมยุทธ์แสดงฝีมือที่แท้จริงบ้าง จึงแกล้งทำเป็นยิงได้คะแนนเพียงแค่ 38 คะแนนเท่ากับรอบที่แล้ว หลังจากนั้นจึงเดินกลับมายังที่นั่งพร้อมทั้งส่งยิ้มไปให้จอมยุทธ์ที่นั่งมองอยู่อย่างรู้ทัน

“เฮ้ย...แซม ขอซัก 42 แล้วกัน...ไหนๆ แกก็ยิงปืนแม่นกว่าข้า” นครินทร์หันมากล่าวเชิงบังคับนายตำรวจหนุ่มรุ่นน้องอีกครั้ง

ยุทธจักรเพียงแต่หันมาสบตากับนครินทร์เพียงเล็กน้อย ก่อนจะ ก้าวขึ้นไปเตรียมยิงปืนในแท่นยิง....และด้วยประสบการณ์ที่ฝึกฝนมานาน ดังนั้นในรอบนี้เขาสามารถทำคะแนนได้ถึง 43 คะแนน

ส่วนจอมยุทธยังใช้รูปแบบเดิม คือ ต้องการทำคะแนนเพียงแค่ตีเสมอเท่านั้น เพราะยังต้องการบังคับให้ศิวะโชว์ฝีมือการยิงปืนที่ปิดบังอยู่ออกมา ดังนั้นผลคะแนนของจอมยุทธ์ที่ออกมาคือเท่ากับยุทธจักรที่ยิงได้ก่อนหน้า

ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าทีมนายตำรวจและทีมนักธุรกิจมีคะแนนเท่ากัน และจะมีการแข่งขันอีกเพียงแค่รอบเดียว เท่านั้น เนื่องจากทั้งสี่หนุ่มเปลี่ยนกติกาให้เข้ากับระยะเวลาการแข่งขันที่มี ดังนั้นในรอบสุดท้ายจะเป็นการแข่งกันระหว่างสองเพื่อนสนิท คือ นครินทร์กับศิวะ

โดยไม่รอช้า นครินทร์เดินไปยิงรอบปิดเกมที่สถานียิงที่กำหนดไว้ โดยในเกมสุดท้ายนี้ เขายังคงทำคะแนนได้เท่าเดิมคือ 40 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนสูงสุดที่เขามำได้ในวันนี้

ศิวะก้าวขึ้นแท่นยิงเดียวกับนครินทร์ก่อนหน้า เพื่อทำการยิงปิดเกมส์ แม้จะทราบว่าเขากำลังโดนบังคับให้แสดงฝีมือ แต่เขาก็เลือกที่จะทำคะแนนให้เท่ากับนครินทร์ เพราะถึงอย่างไรเสีย ทีมของเขาและจอมยุทธ์ก็จะชนะอยู่ดี เนื่องจากนครินทร์ต่อให้ถึง 25 คะแนนล่วงหน้าก่อนแข่ง

ที่สำคัญ ศิวะไม่ต้องการที่จะทำการใดๆอันเป็นการหักหน้านายตำรวจทั้งสองคนอีกด้วย

“ว้า..เสมอกันจนได้ กินกันไม่ลงจริงๆ” นครินทร์พูดอย่างโล่งใจ ภายหลังที่รวมคะแนนออกมาแล้ว

“จริงหรือครับพี่เอ......ไหนว่าต่อให้ผมกับพี่เสือ 25 คะแนนงัยครับ...”จอมยุทธ์แซวเพื่อกระตุ้นความทรงจำของนายตำรวจรุ่นพี่

“เฮ้ย..ลืมไป....งั้นก็แสดงว่าพวกเราก็แพ้อีกแล้วซิ....แซม....”นครินทร์หันมาพูดกับยุทธจักรอย่างปลงๆ

“ฝีมือการยิงปืนของพี่เสือกับจอม หาตัวจับยากจริงๆเลยนะครับ....ใครไม่รู้จักคงพากันคิดว่าเป็นนักกีฬาทีมชาติหรือไม่ก็นักแม่นปืนของกรมตำรวจหรือกรมทหารเลยนะครับ” ยุทธจักรได้โอกาสกล่าวชมทั้งสองหนุ่มอย่างจริงใจ

“อืม...ใช่” นครินทร์พยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ... พวกเราแค่ฝึกซ้อมเป็นประจำ เพราะต้องมาสปอร์ตคลับนี้ทุกอาทิตย์ ทั้งผมและจอมจึงพลัดกันเป็นคู่ซ้อมและเล่นกีฬาประเภทอื่นๆอยู่ตลอดครับ” ศิวะอธิบายอย่างถ่อมตัว

“แต่ข้าขอชมว่ะ ขนาดแกไม่ได้เป็นนักแม่นปืนอย่างแซม และจอมที่เป็นนักธุรกิจเต็มตัว แต่มีฝีมือขนาดนี้ ข้าว่าไม่ธรรมดา” นครินทร์พูดย้ำ

ขณะที่ทั้งสี่หนุ่มกำลังสนทนาหลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้น จอมยุทธ์สังเกตเห็นสมาชิกหลายคนเริ่มคันไม้คันมืออยากลองยิงเป้าบินบ้าง เพียงแต่ยังไม่สามารถเข้ามาในสนามได้เนื่องจากพวกเขาทั้งสี่คนยังครอบครองสนามอยู่ ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเสนอความเห็นขึ้นทันที

“ตอนนี้ผมว่าเราไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่ามั้ยครับ....เผื่อสมาชิกคนอื่นๆ ที่อยากจะฝึกจะได้ใช้สนามต่อได้”

ผู้ฟังทั้งสามคนพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ยิงปืนและเดินออกไปนอกสนาม มุ่งหน้าไปสู่บริเวณที่จัดไว้ให้สำหรับพักผ่อน
 
เนื่องจากยังเหลือเวลาอีกประมาณเกือบชั่วโมง จอมยุทธ์จึงขอตัวออกมาดูแลสมาชิกนักแม่นปืนคนอื่นๆ รวมถึงสมาชิกใหม่ที่กำลังฝึกฝนวิธีการยิงทั้งประเภทเป้านิ่งและเป้าบินในสนามยิงปืนแห่งนี้

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากจอมยุทธ์ขอตัวออกมาได้ประมาณสิบนาที ยุทธจักรจึงขอตัวตามออกมาบ้าง เพื่อเฝ้ามองดูจอมยุทธ์ทำหน้าที่เป็นโค้ชสอนวิธีการยิงผืนให้สมาชิก

ยุทธจักรสังเกตเห็นวิธีการสอน การพูดจาที่นุ่มนวลและสุภาพ ตลอดจนรอยยิ้มที่ร่าเริงแจ่มใสของจอมยุทธ์ ที่มอบให้คู่สนทนาทุกคน

ยิ่งมอง....เขาก็ยิ่งหลงรักจอมยุทธ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแววตาที่ร่าเริงแจ่มใสยามพูดคุยด้วยอารมณ์สนุกสนาน แต่ก็จะเปลี่ยนเป็นจริงจังและสุขุมเยือกเย็น ยามจับปืนและมองนิ่งตรงไปที่เป้า ยุทธจักรสังเกตว่าทุกครั้งที่จอมยุทธ์ลั่นไกนั้น ดูมีความมั่นใจและปราศจากความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย 

ในความคิดของยุทธจักร นอกจอมยุทธ์จะเป็นคนหน้าตาดีมากแล้ว ยังมีบุคลิกที่ดีเยี่ยม จนทำให้สายตาทั้งคู่ของเขาไม่สามารถละไปมองอย่างอื่นได้ซักวินาทีเดียว....เขาตระหนักเป็นอย่างดีว่า จอมยุทธ์มีแรงดึงดูดที่สามารถทำให้ทั้งสายตาและของใจของเขาไปรวมยังที่ที่เดียวได้....และที่แห่งนั้น ก็คือตัวตนของจอมยุทธ์นั่นเอง

“จอมครับ...ขอให้ผมอยู่ในสายตาจอมบ้าง....แม้นานๆครั้ง...ผมก็ดีใจแล้วครับ...”ยุทธจักรคิดในใจ พลางจ้องมองยังจอมยุทธ์ที่อยู่ห่างออกไป

ยุทธจักรทราบดีว่าในขณะนี้สายตาของหนุ่มหน้ากึ่งหวานที่เขาเองให้นิยามเอาไว้ ไม่เคยมองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย... และทราบอีกด้วยว่า เขาคงต้องพยายามอย่างมาก ที่จะทำให้สายตาคู่นั้นจดจ้องมาบ้าง....นายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มไม่ทราบว่ามันจะนานซักเท่าไหร่ที่จะทำให้จอมยุทธ์รับรู้และเปิดประตูหัวใจออกมา...แต่อย่างน้อย เขาก็ทราบว่า

“แม้จะนานซักเพียงไหน....ผมก็จะพยายาม.....”

คำสัญญาที่ยุทธจักรให้ไว้กับตนเอง......เขาจะรักษาสัญญานี้ให้ยาวนานเท่าที่เขาจะทำได้ เพราะนี่คือรักแรก และจะเป็นรักสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในดวงใจของเขา....ยุทธจักรพร้อมเสมอสำหรับความสมหวังและความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นในสนามรักแห่งนี้

ยุทธจักรเตรียมหัวใจไว้พร้อมสำหรับความผิดหวัง แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่ละทิ้งความพยายามที่จะเบนสายตาของจอมยุทธ์ให้หันมาพิจารณาความรู้สึกของเขาสักครั้ง

หลายคนอาจจะคิดว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขามันเร็วไปที่จะเรียกว่า “ความรัก” ...... คนพวกนั้นไม่ทราบหรอกว่า ตลอดเวลาเกือบครึ่งชีวิต เขารอคอยที่จะพบที่หมายของหัวใจอย่างจอมยุทธ์มาโดยตลอด....ความรักของเขา ไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการคำอธิบาย.... เขาทราบแต่ว่า....เขารักหนุ่มหน้ากึ่งหวานคนนี้ และพร้อมจะอยู่เคียงข้างในอนาคต..... แม้ว่าคนที่เขาฝากหัวใจไว้ จะสามารถตอบแทนความรักให้เท่าที่เขามอบให้ได้

“ขอแค่จอมทราบว่า....ผมรักจอม....และไม่รังเกียจที่จะมีผมเคียงข้าง.....ผมก็สมปราถนาแล้ว....” นี่ข้อสรุปที่ยุทธจักรตั้งไว้ตั้งแต่ต้น
แต่ก่อนที่เขาจะสารภาพความรักและความต้องการของเขากับจอมยุทธ์ เขาต้องพยายามทำให้จอมยุทธ์หันมารับรู้การมีตัวตนของเขาเสียก่อน...

“ผมจะทำอย่างดีครับจอม....ที่จะให้สายตาของจอมหันมามองผมบ้าง.....ให้ทราบว่า....ผมอยู่ตรงนี้...และพร้อมที่จะบอกว่า....ผมรักคุณ......”

ยุทธจักรเดินกลับมานั่งในบริเวณเดียวกับที่ศิวะและนครินทร์นุ่งคุยกัน.....ใบหน้าที่เคร่งเครียด ความกังวลในบางสิ่งบางอย่างฉายชัดออกมาผ่านดวงตาคู่งามของเขา จนทำให้ทั้งนครินทร์และศิวะสังเกตเห็น

“เป็นอะไรไปวะแซม” นครินทร์เอ่ยทัก

“เปล่าครับ พี่เอ...แค่เหนื่อยนิดหน่อย” ยุทธจักรตอบ

“เหนื่อยใจหรือเหนื่อยกายล่ะ” นครินทร์ถามต่อ

ยุทธจักรไม่ตอบ เขาเพียงแต่ถอนหายใจช้าๆ พยายามเรียกความสดใสกลับมาหาตนเองอีกครั้ง

“แซม....ข้าว่า....เสือก็อยู่ตรงนี้แล้ว....ทำไมแกถึงไม่คุยกับเสือซะตรงนี้เลยล่ะ...เรื่องที่ค้างคาใจมันจะได้หายไปซักที” นครินทร์คาดว่าความเครียดที่เกิดขึ้นกับยุทธจักร คงมีสาเหตุมาจากเรื่องของหัวใจ ดังนั้นเขาจึงเสนอความคิดนี้ขึ้นมา

ศิวะยังคงนั่งนิ่ง สายตาจับจ้องมาที่ผู้พูดทั้งสองคน....เขากำลังรอคำอธิบายจากชายหนุ่มร่างสูง..สหายใหม่คนนี้

ยุทธจักรสูดลมเข้าปอดอย่างช้าๆ และปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบา สมองสั่งการให้หาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อใช้ประกอบการการสนทนา....แต่จนแล้วจนรอด เขาไม่สามารถหาได้

ในที่สุด...ประโยคตรงไปตรงมาอย่างยิ่งจึงหลุดออกมาจากริมปีปากคู่สวยนั้น...

“พี่เสือครับ...ผมรักจอมครับ” ประโยคสั้นๆ ตรงไปตรงมา ที่ออกมาจากหัวใจของผู้พูดนั้น กลับไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ฟังอย่างศิวะแม้แต่นิดเดียว...อาจเป็นเพราะเขาทราบอยู่ก่อนแล้ว

“แซมแน่ใจหรือครับ...ว่าเป็นความรัก...”น้ำเสียงของศิวะยังเป็นปกติ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวล สายตาของศิวะจับจ้องมาที่ดวงหน้าของยุทธจักร และมองลึกเข้าไปในดวงตาสดใสคู่นั้น คล้ายว่ากำลังพยายามหาคำตอบด้วยตนเอง

“ผมแน่ใจครับพี่เสือ....ผมผ่านประสบการณ์มาจนพอที่จะแยกได้ว่า.....อะไรคือรัก.....และอะไรคือหลงครับ”ยุทธจักรตอบอย่างจริงจัง

“แน่ใจก็ดีแล้วครับ...เพราะความรักเท่านั้นที่ซื้อความรักกลับมาได้” ศิวะพูดโดยปราศจากความคลางแคลงใจในคำตอบนั้นของยุทธจักร...และด้วยท่าทางของยุทธจักรที่แสดงออกมาตลอดสามวันที่ผ่านมาก็บ่งชี้ได้ชัดว่า นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกลคนนี้กำลังตกหลุมรักน้องชายหน้าหวานของตนเองเข้าให้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“แต่ความรักที่ผมกำลังจะซื้อมานั้นมันอยู่สูงเหลือเกินครับ...”

รอยยิ้มที่อบอุ่นปรากฏบนใบหน้าของศิวะยามเมื่อได้ยินประโยคนั้น....หลังจากทบทวนอย่างดี ศิวะจึงตัดสินใจให้คำแนะนำบางอย่างแก่ยุทธจักรในที่สุด

“บางทีนะครับแซม....ของที่เราคิดว่าอยู่สูงจนเอื้อมแทบจะไม่ถึง..แต่บางครั้งถ้าเราจับทิศทางการเข้าหาถูก..มันก็อาจจะไม่ยากเกินไปที่จะไขว่คว้า”

“แซมเป็นคนฉลาด.....แซมน่าจะทราบว่าเส้นทางนั้นอยู่ที่ไหน....ถอยหลังมาซักนิด...อย่าเดินเข้าไปใกล้นัก บางครั้งเพราะเรารุกมากเกิน เราอาจมองข้ามประเด็นที่สำคัญไป”

“อีกอย่าง...แซมกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ฉลาดเป็นกรด....บางทีถ้าแซมรุกมากไป จอมอาจจะถอยหนี หรือรุกกลับในทางตรงกันข้ามชนิดที่แซมอาจจะตั้งตัวรับแทบไม่ทัน....”

“ขอบคุณครับพี่เสือ..ที่แนะนำ” ยุทธจักรกล่าวขอบคุณจากใจจริง เขาเริ่มมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย เพราะอย่างน้อยศิวะก็ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจเขา แต่กลับให้คำแนะนำที่มีคุณค่าอีกด้วย

“ผมคิดว่าแซมยังมีโอกาส เพียงแต่ปรับท่าทางและแววตาให้ดีๆ....ผมเชื่อว่า ทั้งผู้ล่าอย่างจอมและแซมเอง คงไม่ชอบให้ดูเหมือนว่าตนเองเป็นเหยื่อของใครคนใดคนหนึ่งหรอก....ใช่มั้ยครับ”

“ครับ” ยุทธจักรเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว

“แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่า....ผมรักจอมมาก เค้าคือน้องชายของผมคนหนึ่ง...ผมไม่ต้องการให้ใครเห็นเค้าเป็นของเล่น...กรุณาอย่าทำให้เค้าเสียใจ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น...แซมคงจะต้องเผชิญหน้ากับผมและจอมทั้งสองคนพร้อมกัน” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แววตาของศิวะนั้นกลับจริงจังและแฝงด้วยอำนาจบางอย่าง จนทำให้นครินทร์ที่นั่งฟังอยู่ถึงกลับร้อนตัว

“ไม่ใช่แกคนเดียวนะโว้ยแซม ที่จะเดือดร้อน...เสือมันคาดโทษข้าไว้ด้วย” นครินทร์หันมาบอกยุทธจักร หลังนั่งฟังอยู่นานหลายนาที

“ครับ...ผมรับรองครับ...ผมจะไม่ทำให้ใครเสียใจ....ผมจริงจังและรับผิดชอบกับการตัดสินใจของผมเสมอครับ” ยุทธจักรตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังไม่แพ้ศิวะ

“ผมพอจะมีโอกาสกับจอมบ้างมั้ยครับพี่เสือ....” ยุทธจักรถามกลับ

“ผมตอบไม่ได้หรอกครับแซม...ขึ้นอยู่กับแซมเอง....แต่ผมทราบว่ายังไม่มีใครมาเปิดประตูหัวใจของจอมได้....บางทีแซมอาจจะเป็นคนคนนั้นก็ได้” ศิวะให้กำลังใจ

“ครับ...”ยุทธจักรรับคำสั้นๆอีกครั้ง ก่อนจะคิดวิเคราะห์ข้อแนะนำต่างๆที่ศิวะบอกมาตั้งแต่ต้น

แซมเป็นคนฉลาด...แซมน่าจะทราบว่าเส้นทางนั้นอยู่ที่ไหน....ถอยหลังมาซักนิด...อย่าเดินเข้าไปใกล้นัก บางครั้งเพราะเรารุกมากเกิน เราอาจมองข้ามประเด็นที่สำคัญไป” ประโยคนี้ยังก้องอยู่ในใจของยุทธจักร เขาพยายามคิดว่าหนทางนั้นอยู่ที่ใด....ใครที่อยู่ใกล้จอมยุทธ์มากที่สุดในเวลานี้....ใครที่มีอิทธิพลต่อจอมยุทธ์ที่สุดกันแน่

“ตาภู” คำตอบหลังจากครุ่นคิดหลุดออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเข้มนั้น

“พี่เสือครับ....ผมเจอเส้นทางที่พี่แนะนำแล้วครับ....ผมขออนุญาตใช้เส้นทางนั้นได้มั้ยครับ...เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับตาภูครับ....”

รอยยิ้มปรากฏบนในหน้าของศิวะเช่นกัน เขาคิดไม่ผิดที่บอกตั้งแต่ต้นว่ายุทธจักรเป็นคนฉลาด และรู้สึกยินดีที่ได้มิตรสหายใหม่อย่างนายตำรวจหนุ่มที่ชื่อยุทธจักรคนนี้

“ครับ...แต่อย่าใช้งานแกหนักมากนักนะครับ....แกยังเด็กอยู่มาก....”

“ไม่หรอกครับพี่เสือ...ตาภูน่ารักมากครับ...ผมจะดูแลตาภูอย่างดีครับ...ด้วยสัญญาของลูกผู้ชายเลยครับ” ยุทธจักรให้คำสัญญา

“ขอบคุณครับแซม....ชีวิตนี้ของผมก็มีเพียงตาภูและจอมเท่านั้นที่ผมเป็นห่วงและคอยดูแลมาตลอด...เราอยู่ด้วยกันมานาน และผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมาด้วยกันบ่อยครั้ง....เราสามคนคือบุคคลในครอบครัวเดียวกันครับ” ศิวะพูดด้วยอารมณ์ปกติ แต่ดวงตานั้นแฝงไปด้วยความเศร้าอย่างประหลาด

“ผมรับรองจะไม่ให้คนในครอบครัวของพี่เสือเดือดร้อน...และจะไม่ทำให้ใครเสียใจครับ.....ขอให้พี่เสือไว้ใจผมได้มั้ยครับ...”  แววตาของยุทธจักรนั้นเต็มไปด้วยความจริงจังและเจือปนการร้องขอ ขณะเอ่ยประโยคนี้

“ผมว่า.....ผมก็ค่อนข้างจะไว้ใจแซมในระดับหนึ่งนะ.......ไม่งั้นผมคงไม่ช่วยหรอก...”ศิวะพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

เพราะความตรงไปตรงมา และท่าทางความจริงจังที่ยุทธจักรแสดงออกมา ประกอบกับได้รับการการันตีเรื่องความดีจากนครินทร์ และสุดท้ายด้วยการพิจารณาของเขาเอง ศิวะพบว่าเขาค่อนข้างจะเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มคนนี้อยู่ไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม หนทางรักนี้ยังต้องเดินทางอีกยาวไกล แม้ตัวเขาจะเป็นคนช่วยเสนอแนวทางในตอนแรก แต่เวลาก็จะเป็นฝ่ายพิสูจน์เองว่ายุทธจักรมีคุณค่าเหมาะแก่การช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ และประการสุดท้าย จอมยุทธ์จะเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเองทั้งหมด...ศิวะเชื่อมั่นในวิจารณญาณของจอมยุทธ์เสมอ...

“แต่ถือว่าเป็นช่วงทดลองงานดูก่อนแล้วกัน...ถ้าถูกใจผม...ผมจะช่วยมากขึ้นอีกนิดหน่อย...”ศิวะยังคงพูดด้วยอารมณ์สนุกสนานเช่นเคย

“ขอบคุณล่วงหน้าครับ..พี่เสือ”

“อะไรว๊ะ...ทำไมไอ้แซมมันดวงดีอย่างนี้..ใครๆก็รักและไว้ใจมันไปซะหมด...ทีข้ากับคุณภาทำไมแกไม่ช่วยบ้างว๊ะเสือ” นครินทร์บ่นพึมพำ

“ก็แกมันเจ้าชู้นี่นา...ใครจะอยากช่วยว๊ะ...ไว้แกหายเจ้าชู้ก่อนข้าจะช่วย...”ศิวะตอกกลับเพื่อนสนิทที่แกล้งทำเป็นโวยวาย เรียกร้องความสนใจอยู่ข้างๆ

“ให้มันแน่เถอะว๊ะ....พอข้าเลิกเจ้าชู้เดี๋ยวแกก็หาข้ออ้างอีก...ข้ารู้นะว่าคุณภาสำคัญต่อครอบครัวแกขนาดไหน....”นครินทร์กล่าวอย่างรู้ทัน

“เฮ้ย...ถ้าคุณภาเค้าชอบแกข้าจะไม่ขัดเลย...ข้าก็อยากให้คนในครอบครัวของข้ามีความสุขทั้งนั้นแหละ...แต่ข้ากลัวว่าถ้าเค้าแต่งงานกับแก......แล้วเค้าต้องลำบากว่ะ”

“นี่แก...ไม่ไว้ใจข้าเลยหรืองัยว๊ะ....เฮ้อ...ข้าไม่มันดี..ไม่หล่อ และไม่รวยเท่าไอ้แซมมันนี่นา” นครินทร์เริ่มตัดพ้อต่อชะตากรรมของตนเอง

“ไหงพี่เอ..โยนมาหาผมอีกล่ะครับ....ผมอยู่ดีๆของผมนะครับ...แต่ว่าถ้าพี่เอลดความเจ้าชู้ลงซะบ้าง...ไม่แน่อาจจะมีคนพร้อมช่วยเหลือหลายคนนะครับ...” ยุทธจักรได้ทีจึงแกล้งย้อนนายตำรวจรุ่นพี่กลับเสียบ้าง

“เฮ้ย....ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว..ข้าไม่ได้เจ้าชู้..เพียงแต่ยังไม่รักใครจริงโว้ย” นครินทร์แก้ตัว

“ข้าก็คิดอย่างนั้น...เลยบอกคุณภาไปซะหมดแล้วว่าให้ระวังแกให้ดี” ศิวะพูด

“เฮ้ย....ไอ้เสือ..บอกไปอย่างนั้นได้งัย...ข้าเสียคนพอดี....อ๋อ..มิน่าล่ะทำไมคุณภาถึงเอาแต่เงียบเวลาอยู่กับข้า....พูดแทบจะนับคำได้...”

“แกนะแก....ไอ้เสือจำไว้.....”นครินทร์คาดโทษศิวะเพื่อนสนิท

“เฮ้ย...แต่ข้าก็บอกว่า ถ้าแกปรับปรุงตัว...แกก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนะโว้ย...” ศิวะแก้ต่าง

“อืม....ก็ยังดีว่ะ...” นครินทร์หันกลับมา แต่ก็ยังไม่วายแยกเขี้ยวใส่ศิวะอยู่ดี



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เจ้กับจ๋อมผลัดกันเม้นต์ให้เรื่องของแต่ละคนเหรอคะ  :laugh5:

แต่ก็แอบเห็นด้วยกับเจ้เล็ก ๆ นะว่าในส่วนพรรณนาของจ๋อม  บางครั้งใช้คำฟุ่มเฟือยมากเกินไป  แต่โดยรวมชอบมากนะคะ ชอบบทพูดที่แสดงบุคลิกลักษณะของตัวละครอย่างชัดเจน  โทนของเรื่องนี้ไม่หวานมากเหมือนเรื่องแรก  แต่การบรรยายโดยการใช้ภาษาเรียบง่าย นุ่มนวลก็ทำให้ผู้อ่านเข้าไปอยู่ในความคิดของตัวละครได้ไม่ยาก  รักตัวละครแล้วนะเนี่ย  จริง ๆนะ

จอมยุทธ์กับศิวะในภาคนี้ไม่ธรรมดาแฮะ  ไปฝึกมาจากไหนเนี่ย  เก่งถึงขนาดสามารถจะเอาชนะตำรวจแม่นปืนของกรมตำรวจได้  อัจฉริยะเกินละ

รออ่านต่อนะคะ  เป็นกำลังใจจ๋อมแล้วกันคะ  :loveu:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2007 03:24:26 โดย oaw_eang »

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆ no comment เรื่องภาษาละกันคับ เนื่องจากภาษาไทยตัวเองก็ห่วยเช่นกัน
ส่วนรูปประโยคที่ว่าเหมือนของฝรั่ง ก็จิงอะคับ แต่ผมอาจจะชิน เพราะอ่านหนังสือแปลบ่อยๆก็ได้ อิอิ

สรุปโดยรวมแล้วก็ ช๊อบชอบ ค๊าบบบบ เรื่องนี้ อิอิ  :yeb:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาอ่านแล้วคับ..... :like6:

เป็นกำลังใจหั้ยคับพี่จ๋อม... :yeb:

............ว่าแต่เรื่องวิจารย์ไม่ค่อยถนัดอ่ะ... :laugh5: :laugh5:

.......................เป็นแต่ชม...... :110011: :110011:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้เข้ามานาน ติดธุระเรื่องเรียน  :really2:

มาเชียร์ พี่แซมครับ :ped149:

พร้อมกับเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วย สู้ๆนะครับ :yeb:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เข้ามาให้กำลังใจจ้า ต่อไวไวนะ :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ความรักของเขาไม่ต้องการเวลา ไม่ต้องการคำอธิบาย  :monkeylove2:
เหอ เหอ เห็นเจ้สองเม้นต์แล้ว เจ้อ่านละเอียดจิง ๆ  :laugh5:
เราแค่อ่านสนุก ๆ ถ้าไม่สะดุดจนเกินไป ก็จะไม่ค่อยสังเกตง่ะ  :110011:  :110011:

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้จ๋อมละกันจ้า  :yeb:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
 :myeye:  พี่เสือเปิดโอกาสซะขนาดนี้แล้ว  แซม สู้ๆ

เรื่องอื่น ไม่มีความเห็น หุหุ  เป็นกำลังใจดีกว่าเนอะ  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ขอให้ได้กันไวๆ
 :laugh5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2007 22:12:10 โดย b|ueBoYhUb »

jammy

  • บุคคลทั่วไป
ค่อยๆปรับไปเดี๋ยวดีเองครับพี่จ๋อม  :3130:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป

It is my pleasure to have your encouragement and comments.

I totally welcome every aspect raise by my beloved readers. I therefore have no offense for J’ Song’s comments, including P’ Moo….

I wish to create a good story. Without the reflection from readers, I will never know that what points need to be improved.

Complements make me feel good. It is like the hard work is paid off. However, the comments also give me an inspiration to do better!!!!!

Never, I have felt bad while I was reading the comments, unless there were non-sense ones.

Anyway, just want to respond to J’ Song, in particularly.

Yes, you are right!!!  I can’t deny that my writing style is more like English than Thai. Personally, I know it is not good. And I have tried to make change. However, it seems to me that it is so hard to improve my Thai writing in an environment which I am no longer using Thai or writing Thai. Only Thai’s media I‘ve read is an internet-news paper.

“Redundant Word Using (การใช้คำฟุ่มเฟือย)” is another obvious problem I have encountered ever since I started writing story. But once I rewrite it more often, I think I will be able to make the redundancy quite disappeared.

By the way, the tone of writing in this story is totally different from the previous one. Due to it is not that kind of “Love Story” and the characters are already mature. The thought, the reaction, including the conversation are subjected to the maturity of the main characters. These also include the style of descriptive paragraph (ส่วนพรรณนา).

One never finishes writing a complete story would never know that every single minute while the authors are coming up with each paragraph, they have to fight so hard to meet their standard, especially those who author the off-market novel. In this sense, Pooh is another one that may realize this fact.

It is my goal to release a good story. And it must be furnished with good writing, plot, style, and realistic information. With the refection of readers, I can improve and release a better one.

In that case, I gave comments and notices to J’ Song, because I was/ still am sure that he has a full capacity to make everything better in his novel.

Gotta go now.

Thank you all indeed for reading my story….

Andreas

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เข้ามารอ  :loveu:  :loveu:  :loveu: ต่อไวไวนะ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
พี่จ๋อมเข้ามาตอบซะยาวเลย........... :laugh3: :laugh3:

สู้ๆคับ...ลงต่อด้วยนะคับ....รออยู่นะ...ไม่ลงเด๋วคนอ่านไม่ปลื้ม... :laugh5:

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
นครินทร์ที่มัวแยกเขี้ยวใส่ศิวะอยู่จึงไม่ทันสังเกตว่าจอมยุทธ์กำลังเดินตรงมา เพราะใกล้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว

“อ้าว...จอมมาตามแล้ว” ศิวะพูดขึ้นหลังจากเห็นจอมยุทธ์เดินมุ่งหน้าเข้ามา

“คงจะชวนไปกินข้าวกลางวัน เพราะเที่ยงพอดี” ศิวะพูดต่อ

“พี่เสือ พี่เอ พี่แซม...ผมว่าไปกินข้าวกลางวันกันดีกว่าครับ...”จอมยุทธ์กล่าวชวนหลังจากเดินมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งที่ชายหนุ่มทั้งสามนั่งคุยกันอยู่

“ครับ...พี่กำลังหิวพอดีเลยครับ...”นครินทร์ตอบ

“พี่เสือจะไปตามตาภูหรือว่าจะให้ผมไปครับ...”จอมยุทธ์ถามศิวะ

“เดี๋ยวพี่ไปตามเองดีกว่า...จอมนำคุณแซมกับเอไปที่ห้องอาหารก่อนแล้วกัน..เดี๋ยวพี่จะพาตาภูกับคุณภาตามไปครับ...”

“ครับพี่เสือ...” จอมยุทธ์รับคำ

“อย่างนั้นเชิญพี่เอกับพี่แซมที่ห้องอาหารเลยครับ...” จอมยุทธ์พูดพร้อมทั้งนำนายตำรวจหนุ่มทั้งสองเดินไปยังห้องอาหารที่ใช้รับประทานอาหารเช้าร่วมกันก่อนหน้านี้

ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน ห้องอาหารของสปอร์ตคลับจะคลาคล่ำไปด้วยนักกีฬาที่มาพักผ่อนและออกกำลังกาย บ้างก็มากันเป็นครอบครัว บ้างก็มากันเป็นกลุ่มเฉพาะเพื่อนสนิททั้งชายหญิง  โดยส่วนใหญ่ก็จะรู้จักมักคุ้นกันดี เนื่องจากมักจะเห็นหน้าและทักทายกันเป็นประจำ ดังนั้นบรรยากาศการรับประทานอาหารจึงมีความเป็นกันเองอย่างมาก

เนื่องจากโต๊ะอาหารในห้องโถงขนาดใหญ่ถูกจับจองจนหมด จอมยุทธ์จึงเลือกโต๊ะรับประทานอาหารในห้องส่วนตัวขนาดกลางที่มีประตูเปิดทะลุไปยังห้องโถงใหญ่ สามารถมองเห็นสมาชิกที่นั่งทานข้าวอยู่เกือบทุกคน

หลังจากนั่งพักดื่มน้ำผลไม้กันประมาณสิบนาที ศิวะก็เดินมาพร้อมกับภูฟ้าโดยมีคุณภาวดีเดินตามหลังมาเงียบๆ

“โต๊ะด้านนอกเต็มหมดเลยครับพี่เสือ...ผมเลยพาพี่เอกับพี่แซม เข้ามานั่งในห้องนี้” จอมยุทธ์บอกศิวะถึงเหตุผลที่ต้องเข้ามารับประทานอาหารภายในห้อง เนื่องจากศิวะมักจะชอบนั่งรับประทานอาหารในห้องโถง บริเวณเดียวกับแขกคนอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประเมินระบบบริการของห้องอาหาร ตลอดจนพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับแขกทุกคน เพื่อหาข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในปรับปรุงการบริการต่างๆ ให้เกิดประทับใจแก่ผู้มาเยือน

“ไม่เป็นไรครับ...วันนี้นั่งข้างในห้องก็ได้...เอกับคุณแซมคงไม่ขัดข้องนะครับ”

นครินทร์ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรครับ...ผมทานที่ไหนก็ได้ครับ” ยุทธจักรตอบ

“อย่างนั้นเราเดินไปตักอาหารกันเลยดีกว่าครับ...ผมว่าคงหิวกันมากแล้ว” ศิวะเอ่ยชวนหลังมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเที่ยงครึ่งพอดี

ลักษณะการบริการอาหารกลางวันเป็นแบบบุฟเฟต์ ซึ่งมีอาหารหลากหลายให้เลือก ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง รวมถึงของหวานซึ่งเป็นขนมต่างๆและผลไม้สดตามฤดูกาล แต่ละคนจึงแยกย้ายกันไปเลือกตักอาหารใส่จานที่เตรียมไว้ตามแต่สะดวกและตามความพอใจของตน

ศิวะอุ้มภูฟ้าเดินดูอาหารที่จัดเตรียมไว้บริการตามโต๊ะต่างๆ เพื่อให้ลูกชายได้เลือก โดยศิวะก็จะพยายามอธิบายส่วนประกอบของอาหารเหล่านั้นให้ภูฟ้าฟัง และคุณภาวดีที่เดินตามหลังก็จะคอยตักอาหารตามความต้องการของภูฟ้าใส่ลงในจาน

หลังจากเลือกตักอาหารอย่างละเล็กละน้อยตามความคำบอกของภูฟ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศิวะจึงพาภูฟ้ากลับไปที่โต๊ะอาหาร โดยมีจอมยุทธ์คอยรับหน้าที่ดูแลต่อ หลังจากนั้นศิวะและคุณภาวดีจึงเดินกลับมาเลือกอาหารสำหรับตนเอง ก่อนจะกลับไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกันทั้งหมด

ภูฟ้านั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆและเรียบร้อย บนเก้าอี้ตัวสูงระหว่างศิวะและจอมยุทธ์ เด็กน้อยปล่อยให้พวกผู้ใหญ่สนทนากันอย่างสนุกสนาน แม้เรื่องราวที่ผู้ใหญ่คุยกันภูฟ้าจะยังฟังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ภูฟ้าก็สามารถที่จะนั่งเงียบๆ อยู่ในสถานการณ์นั้นได้อย่างดี

หลังจากรับประทานอาหารคาวเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาของอาหารหวานปิดท้าย คราวนี้เป็นหน้าที่ของจอมยุทธ์ ที่จะพาหลานชายตัวน้อยไปเลือกของหวานที่จัดไว้

จอมยุทธ์อุ้มภูฟ้าขึ้นแนบอก เพื่อให้ภูฟ้าสามารถมองเห็นขนมหวานนานาชนิดที่จัดเตรียมและตกแต่งอย่างสวยงามบนโต๊ะได้ และเช่นกันเดียวกับศิวะ จอมยุทธ์พยายามอธิบายถึงส่วนผสมของขนมหวานเหล่านั้นให้ภูฟ้าได้รับรู้ โดยถ้าขนมนั้นเป็นขนมของฝรั่งเศส จอมยุทธ์ก็จะเลือกใช้ภาษาฝรั่งเศสอธิบายสลับกับภาษาอังกฤษอย่างง่ายและช้าๆ ให้ภูฟ้าฟัง  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ว่าสองอาหลานคู่นี้จะสามารถคุยกันได้ถึงสามภาษาในคราวเดียวกัน

หลังจากเดินเลือกของหวานอยู่นาน ในที่สุดภูฟ้าจึงเลือกรับประทาน white chocolate cake ที่ภายในตัวประกอบด้วยชั้นบางๆของชอกโกแลตสลับกับเนื้อเค้กนุ่ม และแทรกด้วยความเปรี้ยวเล็กน้อยของชั้นครีมชีสรสมะนาว

จอมยุทธ์พาภูฟ้ากลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อให้หลานชายได้รับประทานของหวานที่เลือกมา โดยที่ผู้ใหญ่หลายๆคนตัดสินใจรับประทานผลไม้ตามฤดูกาล ยกเว้นยุทธจักรซึ่งเลือกรับประทานของหวานเช่นเดียวกับของภูฟ้า

ยุทธจักรชอบรับประทานของหวานตบท้ายอาหารคาวเสมอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกลัวเรื่องไขมันสะสม เพราะเขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทุกวัน ดังนั้นหน้าท้องของเขาจึงราบเรียบและมีมัดกล้ามเนื้ออย่างสวยงาม ผิดกับนครินทร์ที่ตอนนี้เริ่มจะมีไขมันสะสมอยู่เล็กน้อย

ขณะรับประทานอาหารคาว ทั้งสี่หนุ่มสรุปกันว่าจะให้ภูฟ้าเป็นคนตัดสินใจแทนศิวะและจอมยุทธ์ในการเรียกร้องของรางวัลในจากการเอาชนะนายตำรวจฝีมือดีทั้งสองคนนี้ได้ ดังนั้นหลังจากรับประทานของหวานเสร็จ ยุทธจักรจึงเป็นคนรับอาสาเจรจากับหนูน้อยภูฟ้าทันที

“ภูครับ....อาแซมมีคำถาม ถามภูครับ....”ยุทธจักรเริ่มพูดคุยกับภูฟ้าด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง

“ครับ...อาแซม” ภูฟ้าขานรับ พร้อมมองตรงมายังยุทธจักรซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม

“คือว่าลุงแซมกับลุงเอ แข่งขันยิงปืนแพ้พ่อเสือกับอาจอมของภูน่ะครับ...คราวนี้คนชนะสามารถขออะไรก็ได้จากคนแพ้ครับ......พ่อเสือกับอาจอมจึงมอบให้ภูตัดสินใจครับ...ว่าจะขออะไรจากลุงเอและอาแซม” ยุทธจักรพยายามเลือกใช้คำง่ายๆ อธิบายให้หนูน้อยฟังอย่างใจเย็น โดยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดูในตัวของเด็กชายน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง

“ภูอยากได้อะไรครับ...เดี๋ยวลุงเอกับอาแซมจะหามาให้ครับ...ยกเว้นของที่อยู่บนฟ้าและในน้ำลึกๆนะครับ...”ยุทธจักรพูดต่อด้วยรอยยิ้ม

ภูฟ้าหันไปมองพ่อเสือและอาจอม หลังจากเห็นทั้งสองคนพยักหน้าสนับสนุนกับสิ่งที่คุณอาหนุ่มตรงหน้าพูดมา ภูฟ้าจึงหยุดคิดซักพัก ก่อนจะตอบว่า

“ภูไม่อยากได้อะไรครับ...”ภูฟ้าตอบและส่ายศีรษะไปมาอย่างช้าๆ

คำตอบของภูฟ้าทำให้ศิวะและจอมยุทธ์ภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะแสดงว่าภูฟ้าเป็นเด็กที่รู้จักคำว่าเพียงพอ
 
ในทุกๆเทศกาลต่างๆ ภูฟ้าจะได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้น จากครอบครัวของบิดาที่แท้จริงทั้งสอง รวมถึงจากศิวะ จอมยุทธ์ และพ่อทูนหัว คริส ซึ่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ไม่ทำให้ภูฟ้าเป็นเด็กเห็นแก่ได้ หรือเกิดความเคยชินที่จะต้องเรียกร้องขอของขวัญยามที่ต้องการแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามภูฟ้ากลับอนุญาตให้พ่อเสือและอาจอมนำของขวัญที่เลิกเล่นแล้วไปบริจาคให้กับเด็กอื่นๆอีกด้วย

“อย่างนี้ดีกว่ามั้ยครับ....ถ้าภูไม่ต้องการสิ่งของ...ดังนั้นอาแซมเสนอว่า...อาแซมจะเอาเจ้าไข่ขาวมาเล่นกับภูทุกวันศุกร์ เวลาภูไปเดินเล่นที่ศาลาธรรม...ภูจะตกลงมั้ยครับ....”ยุทธจักรยื่นข้อเสนอให้เข้าทางตนเองอย่างชาญฉลาด

รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้าของภูฟ้าทันทีที่ได้ยินข้อเสนอนั้น ก่อนจะตอบกลับอย่างดีใจว่า

“ตกลงครับอาแซม....ภูชอบไข่ขาวครับ...เบนก็ชอบไข่ขาวด้วย....”

ข้อเสนอที่แสนธรรมดาของยุทธจักรไม่ได้ทำให้จอมยุทธ์เอะใจแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีใจแทนหลานชายที่จะได้เพื่อนใหม่เป็นสุนัขขนปุยสีขาวสดน่ารัก...จอมยุทธ์สนับสนุนและเห็นด้วยกับกิจกรรมทุกอย่างที่จะทำให้ภูฟ้ามีความสุข และที่สำคัญการเลี้ยงสัตว์จะช่วยทำให้ภูฟ้ามีความรับผิดชอบและมีจิตใจที่อ่อนโยนอีกด้วย

ในทางตรงกันข้าม..ศิวะกลับทราบความนัยในข้อเสนอของยุทธจักรได้เป็นอย่างดี และอดที่จะชื่นชมในความฉลาดและช่างวางแผนของนายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มเสียไม่ได้ เพราะถือเป็นการเลือกเส้นทางเข้าหาจอมยุทธ์ได้แนบเนียนที่สุด เพราะแสดงว่าต่อไปนี้ทุกวันศุกร์ ทั้งเขา จอมยุทธ์และภูฟ้า จะต้องพบกับยุทธจักรทุกอาทิตย์ และคงจะมีกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกันเลยไปจนถึงเสาร์-อาทิตย์แน่นอน

นอกจากแผนการพิชิตใจของจอมยุทธ์จะเปลี่ยนแนวทางไป ศิวะยังเห็นว่าลักษณะกิริยาและการแสดงออกต่อจอมยุทธ์ก็เปลี่ยนไปด้วย แม้จะเพิ่งเริ่มปรับมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวดูจะผ่อนคลายมากกว่าเดิม และไม่พยายามจู่โจมหรือรุกจอมยุทธ์เหมือนเมื่อก่อน แต่กลับกลายเป็นการเข้าหาอย่างสหายสนิทคนหนึ่ง นอกจากนั้นแววตาที่แสดงความสิเนหาในตัวจอมยุทธ์ก็มีการปรับเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ายุทธจักรพยายามสกัดกั้นไม่ให้ความรู้สึกต่างๆที่มีอยู่เต็มหัวใจถ่ายทอดออกมาทางดวงตามากนักนั่นเอง

เมื่อยุทธจักรปรับเปลี่ยนท่าทางและแววตา จอมยุทธ์เองก็เริ่มปรับระยะห่างให้สั้นลงเช่นกัน....และเริ่มจะคบหาพูดคุยกับยุทธจักรอย่างสะดวกใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อไม่มีสายตาแปลกๆ มากวนใจ รวมถึงเมื่อศิวะแสดงความเป็นมิตรกับนายตำรวจหนุ่มอย่างเปิดเผยและเต็มใจอย่างยิ่ง

หลังจากได้ยินข้อเสนอของยุทธจักร....ศิวะเห็นโอกาสเหมาะจึงยื่นมือเข้าช่วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้อีกครั้ง

“เป็นข้อเสนอที่ดีครับ...ตาภูคงชอบมาก...จริงมั้ยครับลูก” ประโยคสุดท้ายศิวะหันไปถามลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ครับพ่อเสือ..ภูจะได้มีเพื่อนเล่นเยอะๆครับ...” ภูฟ้าตอบคำถามของบิดา

“ผมว่านอกจากจะพาเจ้าไข่ขาวมาเล่นกับตาภูแล้ว...เสาร์-อาทิตย์ เราก็มาพักผ่อนออกกำลังกายกันที่นี่ด้วยเลยครับ..”

“ข้าถือโอกาสชวนแกเลยแล้วกัน เอ...จะได้ลดพุงที่มันยื่นออกมาเสียบ้าง...” ศิวะหันมาล้อเลียนเพื่อนสนิทที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“อืม...ก็ดีว่ะเสือ...ข้าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” นครินทร์ตอบ

“ที่สำคัญ ได้ข่าวว่า จอมเค้าจะขอแก้มือกับคุณแซมเรื่องเทนนิสด้วย..ใช่มั้ยจอม” ศิวะหันกลับไปถามจอมยุทธ์

“ใช่ครับ....ครั้งที่แล้วถือเป็นการเรียนรู้ฝีมือกันครับ...ครั้งหน้าผมเอาจริงครับ...”จอมยุทธ์พูดอย่างหมายมั่น พร้อมมอบรอยยิ้มให้กับคู่กรณีอย่างยุทธจักร

“เชิญครับจอม...ผมพร้อมเสมอครับ...”ยุทธจักรยิ้มตอบกลับเช่นกัน...

“ถ้าอย่างนั้นเราก็เจอกันทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์แล้วกันนะครับ...แต่ว่าคุณแซมอยู่กรุงเทพ การเดินทางจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ...”ศิวะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายุทธจักรนั้นพำนักอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงเอ่ยถาม

“เฮ้ย..เสือไม่ต้องห่วงมันหรอก ไอ้แซมน่ะ...มันขึ้นเครื่องบินมาตอนบ่ายวันศุกร์ได้ทันที แค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก” นครินทร์ตอบแทนผู้ที่ถูกถาม

“ผมคาดว่าไม่มีปัญหาอะไรครับ..ผมนั่งเครื่องมาได้ครับ...แต่อาจจะมีบางอาทิตย์ที่มีงานด่วน ผมคงต้องขอผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตาภูครับ...” ยุทธจักรตอบ

“ครับ...ถ้ามีงานด่วนก็ไม่เป็นไรครับ...พวกเราเข้าใจ...”ศิวะตอบ ก่อนจะหันไปถามลูกชาย

“ภูครับ...บางทีถ้าอาแซมติดงานด่วน อาแซมก็พาไข่ขาวมาเล่นกับภูไม่ได้...ภูจะโกรธอาแซมมั้ยครับ...”

“ไม่โกรธครับ...พ่อเสือ”ภูฟ้าส่ายหน้าก่อนจะให้คำตอบ

“แต่อาแซมจะพยายามมาหาภูทุกอาทิตย์นะครับ...” ยุทธจักรให้สัญญาอย่างหนักแน่น

ดังนั้น.....เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ จุดเริ่มต้นดีๆของความสัมพันธ์ที่สวยงามจึงเกิดขึ้นและจะถูกสานต่อไปในอนาคต ทั้งหกชีวิตไม่มีทางทราบเลยว่า วงล้อแห่งโชคชะตาของทุกคนกำลังหมุนมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว...และจะเดินก้าวผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายและบีบคั้นหัวใจที่สุด.....ในอนาคตอันใกล้





meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ แผนการล้ำเลิศ

:ped149:เป็นกำลังใจให้พี่แซมครับ :ped149:



ปล.ผมชอบพี่เสือครับ :give2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เหตุการณ์อันเลวร้าย และ บีบคั้นที่สุด   ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย   :serius2:  :serius2:  :serius2:
แต่ถ้าเหตุการณ์นั้นมันจะเปิดหัวใจของจอมให้กับแซม  ก็คุ้มอยู่  อิอิ 
แต่อย่าเศร้าละตะเอง  จิตใจบอบบางอะ 

ปล  เมื่อไหร่ตรูจาได้หื่นกับเรื่องนี้ฟระ  :haun4:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วก็ใช้แผนเดิม..... :laugh3: :laugh3:

ป.ล.  มูมู่รอหื่นอย่างเดียวเลยนะ.... :haun4: :haun4:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้จะจบเศร้ารึเปล่าเนี่ย  :monkeysad:

kYos

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว... มีแววจะเศร้ากันอีกแล้ว
 :call:  อย่าเศร้าเลยน้า  สาธุ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
แผนเยอะกันจริงๆ แต่อย่าเป็นขุนแผนแล้วกันนะ :kikkik: :kikkik: :kikkik:

RoosT

  • บุคคลทั่วไป
 :impress: รอๆๆ ตอนต่อปายย

อย่าจบเศร้าเลยนะค๊าบบบบบ  :myeye:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด