[story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม  (อ่าน 145273 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #240 เมื่อ18-03-2007 00:10:25 »

มาแล้ว  มาแล้วววว  :loveu: :loveu: :loveu:

พี่แน๋วสู้ๆ  : 222222: : 222222:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #241 เมื่อ18-03-2007 00:27:53 »

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2: :110011:

เป็นกำลังใจให้พี่แน๋วครับ :yeb:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #242 เมื่อ19-03-2007 23:50:30 »

น่ารักกันจริงๆเลย ขอบใจมากๆจ้า 1 พิมพ์ น้องคับ น้องหมี 
:จุ๊บๆ:

*******************************************************************

บทที่2 บ้านของเรา

ผมมองตึกขนาดสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า มันเป็นคอนโดใหญ่ย่านใจกลางกรุงใหญ่ชนิดที่ว่าคอนโดที่ผมอยู่ดูซอมซ่อไปถนัดตา

“ตรงนี้เหรอ ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้หละ”

ผมหันไปมองคนข้างๆที่ขับรถอยู่ ที่กำลังมองผมที่กำลังตื่นตา กับตึกขนาดใหญ่เบื้องหน้าเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นที่ถูกใจไม่มีผิด คนข้างๆผมมองหน้าผมยิ้มๆ จนผมหน้าแดงซ่านด้วยความอาย โหย ไม่เคยคิดว่าจะได้อยู่คอนโดหรูๆ ใหญ่ๆ อย่างนี้มาก่อนในชีวิต เคยได้แต่มองโบรชัวร์แล้วน้ำลายหกเพราะอยากได้มานาน แต่ก็นั่นหละ ถึงแม้งานจะมั่นคงพอที่จะหาซื้อมาได้อย่างไม่ลำบาก แต่การจะมาอยู่คนเดียวที่หรูๆ แบบนี้มันก็ดูจะทำชีวิตให้ดัดจริตเกินเหตุ ขนาดแค่เปลี่ยนรถใหม่เป็นรถคันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะหน้าที่การงานใหญ่โตขึ้น แถมมีลูกน้องมากขึ้น ภาพลักษณ์สิ่งห่อหุ้มภายนอก มันต้องสมฐานะสมตำแหน่งมากขึ้น

“ไฮโซ จริงนะไอ้น้องรัก เล่นออกรถใหม่คันเบ้อเริ่มเทิ่ม”

ไอ้พี่ปอ พี่ชายผมพูด เมื่อผมนำรถมาจอดตรงหน้าบ้าน พลางตรงเข้ามากอดคอผมเข้าไปในบ้าน

“แม่ แม่ มาดูลูกสาวคนเล็กแม่สิ ออกรถมาใหม่ด้วย เฮ้ย ไอ้เป้ บริษัทพี่โก้รับคนขับรถมั้ยวะเนี่ย แม่ -....เห็นเงินเดือนน้อง แล้วกูอาย ขนาดกูเกียรตินิยมยังไม่ได้เงินเดือนขนาดนี้”

“มาดามเขาไม่รับหรอก ลองรับพี่เข้าทำงานผัวเขาจะได้ฆ่าพี่ตาย”

“ทำไมวะ เพราะพี่หน้าตาดีใช่ปะ เห็นมั้ยคุณหมอ แฟนคุณหนะหล่อจะตาย”

ท้ายประโยคก็หันไปแซวแพทย์หญิงว่าที่พี่สะใภ้ของผมเข้าให้ จนพี่ดาอายหน้าแดงก่ำ

“โหย...ถ้าพี่ปอหล่อ ดาวอังคาราคงมีแต่คนขี้เหร่หละ”

ผมเลยกัดคนหน้าตาดีที่หลงตัวเองให้เต็มๆ

“ใช่ซี้...พี่มันไม่หล่อ ไม่เท่ เท่าไอ้ยอดนี่หว่า เอะอะอะไร ก็ไอ้ยอด ไอ้ยอด”

ไอ้พี่ชายผมทำหน้าง้ำ จนพี่ดาต้องดีแขนที่ล่ำๆนั่น เผียะใหญ่ๆ

“บ้าไปใหญ่แล้วคุณ ไปล้อน้องเป้เขา เพิ่งขับรถมาเหนื่อยๆ”

“ใครมากับลูกแม่เหรอ ลูกยอดมาด้วยเหรอน้องเป้”

เสียงคุณนายแสนดีเสียงเจื้อยแจ้วมาจากในครัว พร้อมกับกลิ่นของอาหารลอยตามออกมา ผมแอบเบ้ ปาก ยี้ ! ลูกยอด แหวะ ผมนึกหมั่นไส้มันในใจ ร่างบางของคุณแม่ผมปรากฏตรงหน้าพร้อมกับป้าพร คุณแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานแสนนานและเป็นพี่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ยังเล็กๆ

“อ้าว มาคนเดียวเองเหรอ ว่าไงลูก เอารถใหม่มาด้วยหรือเปล่า ไหนๆ พาแม่ไปดูหน่อยซิ”

คุณนายแสนดีก็งี้หละครับ เวลาที่ลูกๆซื้ออะไรใหม่ๆ หรืออะไรไปฝากคุณนายก็จะทำตัวกรี้ดกร้าดจนสาวๆแส้ๆ ทั้งหลายอายไปเลย ขนาดคุณพ่อผมยังอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของคุณนายแสนดี

“ยิ้มอะไรคุณ ก็มันตื่นเต้นนี่นา คุณก็ ลูกอุตส่าห์ซื้อรถใหม่ ไปน้องเป้ พาแม่ไปนั่งรถเล่นก่อน”

คุณนายแสนดีเดินลิ่วออกไปนอกบ้านก่อนเพื่อน เพื่อชื่นชมเจ้ารถคันใหม่ที่ผมกัดฟันเทิร์นรถคันเก่าที่มันยังไม่เก่าเลย ไปแลกมาพร้อมกับเงินที่สะสมมาอีกก้อนใหญ่ๆ

“สวยลูก คันมันใหญ่ ดูปลอดภัยกว่าคันเก่า ดูท่าทางราคาคงน่าดูเลยหละเนี่ย”

“โอ๊ย ไม่แพงหรอกแม่ รถแบบนี้ราคาแค่ล้านกว่าๆ”

ไอ้พี่ปอเริ่มปากเสียอีกหละ

“เป็นล้านเลยเหรอลูก”

คุณนายแสนดีมองหน้าผมซึ่งได้แต่ยิ้มอยู่ข้างๆ พี่ปอ ในใจนึกอยากจะถีบไอ้พี่ชายตัวดีสักโครมที่ทำตัวเป็นลำโพงแปดหลอดอยู่ในบ้านขนาดนี้

“ไม่แต่ไอ้น้องเป้นี่หรอก แม่ ไอ้ลูกยอดที่ขับรถมารับแม่ นั่นก็คันละล้านเหมือนกัน”

คุณนายแสนดีเลยได้แต่กุมขมับ

“น้องเป้ รถนี่เดี๋ยวนี้มันเป็นล้านๆ แล้วเรอะ แม่ว่าน่าจะเอาเงินมาซื้อที่ ยังจะดีซะกว่าล้านนึงก็หลายสิบไร่อยู่นะลูก”

“พอเลยแม่ ที่ดินแม่มีไม่รู้เท่าไรแล้ว มีลูกแค่สามคนแม่จะมีทำไมเยอะแยะที่ดิน”

ผลคือคนพูดโดนคุณนายค้อนขวับทันที

“จ้า...พ่อคนมักน้อย น้องปอ ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า ไปน้องเป้ แม่เบื่อหน้าน้องปอเต็มทีหละ พาแม่ไปนั่งรถเล่นดีกว่าลูก”

“อ้าวแม่ แล้วกับข้าวหละเมื่อไรจะตั้งโต๊ะ ผมหิวแล้วนา”

“ไม่รู้หละ รอแม่นั่งรถคันละล้านกลับมาก่อนละกัน คุณจะไปด้วยหรือเปล่า ฉันหละเบื่อลูกชายหน้าลิงของคุณจริงเชียว ไม่รู้ว่าใครสอนพูด แหม... พูดคำเถียงคำ”

คุณนายแสนดีเลยหันมาเล่นงานคุณพ่อของผม พ่อผมเป็นคนที่ไม่พูดมากครับ แกเงียบๆ ยิ้มได้ อารมณ์ดีตลอดเวลา ผิดกับคุณแม่ กับลูกๆ ทั้งสามคนของท่านที่พูดเก่งกันทุกๆคน คุณพ่อผมมายืนใกล้ๆ ขยี้หัวผมเบาๆ

“เก่งมากน้องเป้ลูกพ่อ พ่อภูมิใจที่ลูกประสบความสำเร็จมาได้ถึงขนาดนี้”

นี่หละครับคุณพ่อของผมชอบพูดอะไรสั้นๆ แต่ผมก็อบอุ่นเสมอ ผมยิ้มให้คุณพ่อ น้ำตาซึมออกมา โผเข้ากอดคุณพ่อแน่น

“เออเนาะ คนเรา คนอื่นหิวข้าวจะแย่ มัวแต่ร้องไห้อยู่นั่นหละ”

พี่ชายตัวดีของผมพูดขึ้นมา ทำเอาพี่ดาถึงต้องหยิกให้ซะจนหน้าเบี้ยว สมน้ำหน้า

“พี่ปอรออยู่คนเดียวละกันเดี๋ยวน้องเป้จะพาพ่อแม่กะพี่ดาไปนั่งรถเล่น คนปากเสียอยู่คนเดียวละกัน”

“เออ ไอ้น้องเป้ ลองไม่ให้พี่ไปสิวะ กูจะได้ชวนไอ้ยอดไปจีบหญิงซะเลย”

“แสดงว่าคุณ จีบคนอื่นอีกนอกจากดาใช่มั้ย”

ว่าแล้วครับคนปากมากอย่างพี่ชายผมมันต้องมาตายเพราะปาก วันนั้นก็เป็นวันของครอบครัวจริงๆ เพราะว่าผมพาทุกคนขับรถชมเมือง แต่หน้าที่ของคนขับหนะเหรอครับ ก็ไอ้พี่ปอนั่นหละ เพราะผมมันคนขี้เกียจขับรถ ถ้ามีคนขับรถจำเป็นมานั่งข้างๆ ผมเมื่อไหร่หละก้อ ผมต้องกลายมาเป็นผู้โดยสารทุกทีเลยสิ ไม่รู้เป็นยังไง......

“ตึกนี้จริงเหรอที่เราจะมาอยู่”

ผมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ผมรู้ว่าตึกตรงเนี้ย ราคามันพอๆกับบ้านเดี่ยวสวยๆ แถวนอกเมืองเป็นหลังๆ เลยหละครับ โอ้ย...นี่ผมต้องเป็นหนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย

“ผ่อนกี่ปีอะ พี่ยอด”

ผมยิงประตูเข้าตรงจุดเต็มๆ เน้นๆ

“น่า... น้องเป้ พี่มีปัญญา หาที่อยู่ให้น้องเป้ได้ละกัน เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ แค่เป็นกำลังใจให้พี่แค่นั้นก็พอแล้ว”

ไอ้หน้าขาวมันบ่ายเบี่ยงประเด็น ผมก็รู้หละครับว่าลองพ่อเจ้าประคุณได้พูดออกมาอย่างนี้ แล้วก็หมายความว่าไม่มีวันเลยที่ผมจะได้รู้ ครั้นเดือนต่อมาเมื่อสิ้นเดือนผมก็บรรจงหยิบเงินใส่ซองขาวแล้วแอบวางไว้บนโต๊ะทำงานพี่แกเท่านั้นหละครับ

“อะไรกันน้องเป้ เงินหมื่นห้า นี่มันค่าอะไร”

ไอ้หน้าขาวยืนชูซองสีขาวทำหน้าเคร่งอยู่หน้าครัว ที่ผมกำลังตีน้ำสลัดที่ไปสละเวลาไปเสียเงินร่ำเรียนมา เลยกะว่าจะลองวิชาซะหน่อย เห็นทำหน้าเคร่งมาผมเลยยิ้มหวานละไมให้

“พี่ยอดมาชิมก่อน รสชาติเป็นไงมั่ง”

ผมตักเดรสซิ่งที่บรรจงตีสุดริด ลองให้คนหน้าง้ำอยู่ชิม แต่มันยกมือ ปัดช้อนที่ผมยื่นไปให้ออก

“นี่เงินอะไร”

“อ้าว....ก็น้องเป้ช่วยค่าบ้านไง”

ผมทำหน้าให้น่าเอ็นดูสุดริดเหมือนกันในตอนนั้น เพราะผมแอบไปสืบมาจากสำนักงานขายแล้วว่า ราคามันโขอยู่เหมือนกัน และที่สำคัญ ผมคิดว่าคนอย่างไอ้หน้าขาวมันไม่เคยติดหนี้ใครนาน อีกอย่างครอบครัวของมันล้วนแต่ฐานะดี เป็นปึกแผ่นพอที่จะซื้อได้อย่างสบายๆ แต่เพราะผมรู้มาก รู้จักนิสัยมันดี ว่ามันต้องไม่พึ่งทางครอบครัวแน่ๆ ดังนั้นผมจึงอยากแบ่งเบาภาระของมันบ้าง อย่างน้อยเราก็อยู่ร่วมกัน

“น้องเป้ไม่เคยไว้ใจพี่เลยใช่มั้ย”

ไอ้หน้าขาวถามเสียงเครียด คว้ามือผมแล้วยัดเยียดซองเงินใส่มือผมอย่างแรง แล้วเดินออกไป ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยน้ำตานองหน้า นี่ผมผิดอีกแล้วใช่ไหม?................................................................


meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #243 เมื่อ20-03-2007 00:08:22 »

พอจะเข้าใจทั้ง 2 คนครับ

อยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา

คุยกันดีๆนะครับ :yeb:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #244 เมื่อ20-03-2007 00:14:01 »

น่าๆ คุยกันนะคุยกัน เข้าใจกันนะ เข้าใจกัน  :impress: :impress: :impress:

 :give2: :give2: :give2:


รอพี่แน๋วแปะตอนต่อไป  :loveu: :loveu: :loveu: :loveu:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #245 เมื่อ20-03-2007 05:04:13 »

มารออ่านต่อ   :yeb:







รอแน๋ว  :loveu: รอแน๋ว   :loveu: รอแน๋ว   :loveu:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #246 เมื่อ20-03-2007 08:13:11 »

ต่างฝ่ายก้อไม่อยากหั้ยคนที่อยู่ข้างๆ กันเดือดร้อน

ง่า  เนี่ยและน้า  อยู่ด้วยกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง

ปรับความเข้าใจกันนะคุนเป้กะคุนยอดดด

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #247 เมื่อ20-03-2007 23:26:22 »

รอคับรอ  :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
แล้วไอ้หน้าขาวมันไม่พูดกับผมเลย ตลอดเช้าวันนั้น แม้ว่ามันจะต้องขับรถไปส่งผมที่ทำงานก็ตาม มันนิ่งเงียบ สำหรับผมก็ตีหน้าคิกขุ ทะเล้น แจ้ว แจ้ว ตามประสาผมเหมือนทุกวันหละครับ แต่ไอ้คนข้างๆ มันก็ไม่พูดด้วย ถามคำตอบคำ ถามสิบคำตอบคำเดียว อะไรนักหนาวะ ชักจะงอนมั่งแล้วดิ ผมเลยนั่งนิ่งบ้าง เกือบหลุดปากเอ่ยคำขอโทษออกมาแล้ว ถ้าเพียงท่าทีของมัน ไม่เย็นชาซะขนาดนี้ ผมเลยนิ่งเงียบมั่ง แต่หางตาผมก็มองคนที่ตั้งใจขับรถอยู่ซะเต็มประดา มันปรายตามามองผมนิดหนึ่ง นิดเดียวเท่านั้น.... ท่าทีตอนนี้ เหมือนกับเมื่อก่อนหนึ่งปีที่แล้ว ท่าทีที่บ่งบอกว่าไม่มีเยื่อใยกับผมแล้วจริงๆ อยากจะร้องไห้ แต่ผมไม่ผิดทำไมต้องร้องไห้ด้วยหละ รถมาจอดตรงที่ประจำ ตรงมุมหนึ่งของบริษัทที่ลับหูลับตาคน พอที่จะหอมแก้มสั่งลาในตอนเช้าที่มันมาส่งผมทุกวัน วันนี้ก็เหมือนกัน รถจอดที่เดิม แต่ไร้เสียงของคนขับกับผู้โดยสาร ใบหน้ายิ้มๆ ที่ผมมักจะพกติดตัวเสมอ ตอนลงจากรถทุกวัน จนลูกน้อง ทั้งแผนกทักทายเป็นประจำ

“พี่เป้ ยิ้มสวย อารมณ์ดีทุกเช้าเลยนะคะ”

“หนูว่าแล้ว พี่เป้ต้องมีอะไรดีๆ แน่ๆ ถึงเดินยิ้มเข้าบริษัททุกวัน”

“พี่เป้ ทำยังไงอะ ถึงได้ยิ้ม อารมณ์ดีมาทุกวันเลย”

เช้าวันนี้พอรถจอดปั๊บ ผมก็นั่งนิ่ง ตั้งสติก่อน เหลือบไปมองคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างๆ มันหันหน้าไปมองกระจกอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่หันมาทางผมเลย น้ำตาผมจะร่วงให้ได้ครับตอนนี้ ผมอยากช่วยแท้ๆ กลับไม่เห็นถึงความจริงใจของผมเลย มันน่าเสียใจมั้ยหละ ผมมองศรีษะได้รูปของมันทางด้านหลัง ระงับน้ำตาที่มันเอ่อ ก่อนที่จะตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกมา แต่ไอ้หน้าขาวมันหันมาจับที่ต้นแขนผมเอาไว้

“น้องเป้อาจจะเป็นคนไม่ดีของพี่ยอดไปแล้วหละตอนนี้ ถ้าเกลียดเป้หละก็ ตอนเย็นไม่ต้องมารับเป้ก็ได้ เดี๋ยวเป้นั่งแท็กซี่กลับก็ได้ หรือไม่ คืนนี้ให้น้องเป้ไปนอนที่บ้านนังต้องก็ได้ พี่ยอดจะได้สบายใจ ที่ไม่ต้องเห็นหน้าน้องเป้อีก”
ไอ้หน้าขาวมันรั้งแขนผมไว้ ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ น้ำตาไหลรินลงมา ถามว่าเจ็บไหมกับการเฉยชาของคนที่เรารักเต็มหัวใจ คำตอบหนะหรือครับ....เจ็บมาก

“อย่าห้องไห้สิครับน้องเป้”

ไอ้หน้าขาวมันเอามือปาดน้ำตาผมออกไป ผมก็พยายามที่จะกลั้นสะอื้นจนตัวโยน เพราะพูดกันหลายครั้งแล้วว่าจะไม่ร้องไห้ ให้ไอ้หน้าขาวได้เห็นน้ำตาอีก แต่ผมมันคนบ่อน้ำตาตื้น แบบว่าเจอเรื่องนิดเดียวก็น้ำตาพร้อมที่จะไหลออกมา บางทีดูทีวี หรือไปดูหนังเจอฉากเศร้าๆ นี่ผมก็ร้องไห้เหมือนกัน

“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรน้องเป้เลย อะไรวะ เราก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนา เราอุตส่าห์จะหาเลี้ยงครอบครัวแท้ๆ แต่ไหงน้องเป้ ทำอะไรก็ไม่รู้เอาเงินมาให้พี่ เหมือนว่าเราไม่มีปัญญาหาเลี้ยงน้องเป้ได้งั้นหละ”

ไอ้หน้าขาวมันอธิบายด้วยเสียงตื่นๆ เพราะน้ำตาผมยิ่งไหล ทั้งๆที่พยายามกลั้นไว้เต็มที่ มันเลยยิ่งลนลานควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อเช็ดน้ำตาให้ผมใหญ่

“แค่เป้อยากจะช่วยบ้างเท่านั้นเอง”

ผมพูดพร้อมกับสะอื้นตัวโยน

“แต่พี่หาเลี้ยงน้องเป้ได้อย่างไม่เดือดร้อนหรอกน่า น้องเป้เชื่อใจพี่มั้ย”

ไอ้หน้าขาวถามผม พลางเอามือมาเชยคางผม ให้มองจ้องที่ตาของมัน แววตาที่มุ่งมั่นทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมา วูบถึงหัวใจ ผมพร้อมหละครับ วินาทีนี้ ที่จะฝากชีวิตไว้กับมัน พร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับมัน ผมเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ไอ้ผมหนะไม่สายหรอก แต่ไอ้หน้าขาวสิ มันไปทำงานสายแน่ๆ เพราะกว่าที่จะขับรถฝ่าการจราจรที่วุ่นวายที่สุดในโลกอย่างกรุงเทพมหานคร ไปถึงที่ทำงานได้ มันสายแน่ๆ แต่ก็ว่าไม่ได้ มันเป็นระดับผู้บริหารคนหนึ่งของบริษัทนี่เนาะ มันจะเข้าไปตอนใหนก็ได้แค่สั่งฝากเลขาหน้าห้องไว้ก็ได้ แต่บริษัทของมาดามนี่สิ เลขาก็ไม่มี ขนาดผู้จัดารแผนกยังไม่มีเลขาเลย เพราะมาดามบอกว่า

“ บริษัทเล็กๆ จะเอาเลขาไปทำไม เอามาหารโบนัส หารเงินเดือนของพวกแกเหรอ”

ว่าแล้วมาดามก็นวยนาดเข้าห้องไป เฮ้อ...นี่หละนะ มาดาม ยอดขายของแกของกระฉูด มาแรงพอๆ กับบริษัทใหญ่ๆ หลายบริษัทหละครับ แต่นั่นหละครับแกงก (อิอิ) แต่ว่าแกก็ให้เงินเดือนค่อนข้างสูงมากๆ พนักงานที่เข้าใหม่บางคนยังว่าเกินคาด แต่ว่าพอมาทำงานจริงๆ ถึงรู้หละว่าที่เงินเดือนเยอะๆนั้น งานมันหนักจริงสมเงินเดือนหละครับ ว่าไปมีแต่ผมนี่หละครับที่ว่างานมันก็พอๆ กับที่เดิมที่ย้ายมา แต่ผลประโยชน์มากมายกว่านี่สิ น่าคิด ที่สำคัญ เจ้าของบริษัทก็คนคุ้นเคย ผมก็เลยสบายใจและถือว่าที่บริษัทคือบ้านอีกหลังหนึ่งเลยทีเดียว ขนาดที่ว่าตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ มีหลายคนที่มองว่า อีนี่เป็นใคร หน้าละอ่อนขนาดนี้จะมาเป็นรองผู้จัดการฝ่ายขาย และที่สำคัญมาจากการดึงตัวมาของมาดาม โดยไม่ผ่านฝ่ายบุคคลด้วยซ้ำ การแอนตี้ การกีดกันเริ่มมีขึ้น ความไม่พอใจก็เริ่มมี หลายครั้งที่เดินผ่านพนักงาน ทั้งที่ในกลุ่มกำลังคุยโขมงโฉงเฉงอยู่ พอผมเดินผ่านทั้งกลุ่มจะเงียบกริบ และทำทีว่าผมไม่มีตัวตน ไม่มีการทักทาย ไม่มีการยิ้ม ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น บางครั้งก็มีเสียงแว่วๆ ลอยมาข้างหลังเบาๆ ว่า

“นี่ไง เด็กเส้นของเจ้าของบริษัท ขนาดผู้จัดการยังกลัว”

ผมก็พยายามที่ไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ อยากหันกลับไปสวมวิญญาณนางร้ายช่องเจ็ดสี ด่ากลับให้ลืมลูกลืมเต้า หรือไม่ก็สวมวิญญาณแม่ค้าตลาดคลองเตยที่ด่ากันชนิดที่ขุดอวัยวะทั้งตัวมาด่ากันเล่นชนิดที่ว่าเดินผ่านยังขนลุก แต่ที่ทำได้ตอนนั้นก็คือ เดินเชิดผ่านไปอย่างทระนง จนเป็นอาทิตย์ที่มีกริยาแบบนั้นกับผมเรื่อยมา ผมก็มีคนรู้จักคนเดียวจริงๆครับบริษัทนี้ นั่นก็คือมาดามคนเดียว กลางวันก็ไปกินข้าวกัน มีบางวันที่ไอ้หน้าขาวขับรถมารับผมกับมาดามไปกินข้าวกันพนักงานสาวๆก็ชื่นชมกรี้ดกร้าดกับไอ้หน้าขาว แต่พอรู้ว่ามารับผมเท่านั้นหละเสียงชื่นชมยินดีก็เปลี่ยนไป

“หน้าตาดีๆ ไม่น่าที่จะเป็นเกย์ เสียด๊าย เสียดาย”

“ดู ดู เด็กเส้น เห็นผู้ชายเป็นรี่เข้าหาเลยนะ เสียดายหน้าตา พวกวิปริต”

คำหลายๆคำช่วงนั้นเป็นคำที่ยอกแสลงจิตใจและบั่นทอนความรู้สึกมาก บางครั้งรู้สึกท้อ จนต้องบอกมาดามเลยว่าน่าจะรับเฉพาะผู้ชายหรือไม่ก็สาวประเภทสองซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เบื่อมากกับพวกชะนีปากเหม็นพวกนี้ แต่ก็มาดามหละครับที่บอกว่า บริษัทต้องใช้ผู้หญิง บางครั้งลูกค้าต้องการติดต่อกับผู้หญิงเพราะบางครั้งลูกค้าต้องการความอ่อนหวานนุ่มนวล ผมก็ได้แต่บ่นไปงั้นหละครับ แต่นังต้องมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสิครับ มันแนะนำและเป็นเดือดเป็นแค้นแทนผมเป็นอันมาก
“คราวหน้าแกก็ประกาศศักดา อาละวาดต่อหน้าพวกมันเลย หรือไม่ถ้าเป็นชั้นนะ ชั้นจะตบมันเรียงตัวเลย อีพวกผีเจาะปากมาพูดเนี่ย”

ผมเห็นท่าทางของนังต้องหละผมก็หายเครียดไปได้เยอะเหมือนกัน แต่มันก็ต้องเครียดหนักเมื่อนังต้องมากระซิบถามผมเบาๆ

“อีนี่ มึงไปอยู่กับตายอดตั้งสามสี่วันแล้ว เป็นไงมั่งวะ ครั้งแรกที่เสียจิ้นหนะ”

ไอ้ผมก็งงดิครับ เสียจิ้นเสียเจิ้นอะไรของมันเนี่ย ด้วยความที่ไม่รู้เรื่อง และงงภาษาของมันผมเลยตอบว่า

“ก็ดี”
เท่านั้นหละครับ นังต้องแหวดเสียงแหบๆ ของมันมาจนแก้วหูผมชา

“นี่อีเป้ นี่หมายความว่าแกเสร็จพี่ยอดไปแล้วงั้นเหรอ ไหนว่าแกจะเป็นกุลสตรีให้ได้ครบสามเดือนยังไง แล้วนี่แกชิงสุกก่อนห่ามเลยเหรอ ว่าแต่ว่า พี่นี่ยอดเขาลีลาดีมั้ย ฮึแก สูงยาวเข่าดี ก้นปอดๆ ยังงี้ชั้นว่าแกคงไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืนเลยมั้ง ฮิฮิ”

นังท้องกระซิบกระซาบผมท้ายๆ ประโยคด้วยเสียงแหบๆ แปร๋นๆ ของมัน ทำเอาผมเพิ่งถึงบางอ้อ ไอ้เสียจิ้นนี้มันหมายถึงเวอร์จิ้นนี่เอง

“พอเลยนะมีง เรื่องอะไรที่กูจะต้องเสียตัวด้วยวะ กูหนะคำไหนคำนั้นโว้ย”

ผมเลยรีบดุนังต้อง เมื่อมันทำท่าจะแถมาพูดอะไรใต้สะดือกับผมอีก เรื่องสงครามใต้สะดือนี่ นังต้องมันช่างเล่า บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ ว่ามันมีได้ถึงขนาดนั้นจริงๆ หรือเปล่า เพราะนังต้องนี่ว่าไปมันก็ฮาๆ ดีเหมือนกับอีนังคาร่า แต่เรื่องความกล้าๆ หน้าด้านแบบไพร่ๆ บ้านนอกๆ คงไม่สู้นังคาร่ามัน เพราะนังต้องมันลูกผู้ลากมากดี แถมเกิดในเมืองหลวง การอบรมจึงเป็นผู้ดี มากกว่านังคาร่า แต่ยังไงก็ตามนังต้องก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน ที่ผมยังไม่มีใครต้องคอยห่วง คอยดูแล ไม่มีคนร่วมห้อง ก็ได้นังต้องนี่หละครับ ที่มาคลุกคลีตีโมง มาพักด้วย ยามที่ผมไม่มีใคร แม้ว่าคุณแม่ของผม คุณนายแสนดีจะขยันโทรมานักหนาก็ตามที แต่ก็นั่นหละครับ ความเหงาจากความรัก มันไม่เหมือนเหงาอย่างอื่น มันเป็นเหงาที่ช่างทรมานเสียจริงๆ.......................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2007 00:12:21 โดย •.?* •??nAEw:*:•.?.•?• »

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #249 เมื่อ21-03-2007 00:26:35 »

โถพี่ยอด ที่แท้ก็อยากจะเป็นพ่อบ้านที่ดีนี่เอง :myeye:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #249 เมื่อ: 21-03-2007 00:26:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #250 เมื่อ21-03-2007 01:02:35 »

มารออ่านต่อนะ :yeb:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #251 เมื่อ21-03-2007 10:02:45 »

พี่ยอดน่ารักที่ซู้ดดดดดดด
 :loveu:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
บทที่3 แต่งบ้าน

“น้องเป้จ๋า ตื่นได้แล้ว”


ไอ้หน้าขาวมันเขย่าตัวผมจนเหมือนโลกสะเทือน รู้สึกเหมือนอะไรเย็นๆ นุ่มๆมาแตะที่แก้ม


“อื้อ ง่วงนอน ไม่เอา ไม่ตื่น”


ผมยังงอแงบนที่นอนนิ่มๆ ค่าที่เมื่อคืน ไอ้หน้าขาวนั่นหละ เป็นตัวตั้งตัวตีลากตัวผมไปงานเลี้ยงที่บริษัทเก่าผม ทั้งๆ ที่ผมก็เหนื่อยที่สุดแล้ว มิหนำซ้ำ พองานเลี้ยงเลิกพ่อเจ้าประคุณก็ยังลากผมไปปล่อยแก่ในผับอีก กลับมาผมเลยง่วงนอนซะ เมื่อคืนผมไม่หือไม่อือกับใครแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกว่าโดนกอดรัดแน่นจนอึดอัด แต่เพราะเมามากๆ เลยไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไร ส่วนไอ้หน้าขาวมันก็เต็มที่เหมือนกันเต็มที่เหมือนกัน เขาว่าคนเมาแล้วเซ็กส์จัดคงจะจริง เพราะเมื่อคืนท่ามกลางที่ผมเมาๆ อยู่ไอ้หน้าขาวทำท่าทางหายใจฟึดฟัด แถมกอดทีแน่น แถมล้วงแถมควักล้วงซะจนผมรำคาญ ซึ่งปกติไอ้หน้าขาวมันจะนอนกอดผมเบาๆ บางทีถ้าอาการมันมีความต้องการมากๆ มันจะพูดกับผมก่อนเสมอ


“น้องเป้พี่ขอหอมแก้มนะ”


“ขอกอดแน่นๆ นะ”


“น้องเป้กอดพี่มั่งดิ”


ซึ่งทั้งหมดนี้ผมก็ไม่ยอมให้มันล่วงเกินอะไรมากไปกว่าจูบหรือหอมแก้มเลยสักครั้งเพราะว่าตั้งใจว่าถ้าไอ้หน้าขาวมันประพฤติตัวดี เป็นที่น่าวางใจ ไม่มีใครๆ ข้างหลัง หรือแอบมีใครเอาไว้ ผมก็พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับมันจนตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ถ้ามันมีใครนี่สิ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวลาที่ขอมันไว้สามเดือนในการอยู่ร่วมกันและเรียนรู้กันคงจะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น....

ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรวันอาทิตย์ เป็นวันที่คนดูจะเยอะมากเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นวันหยุด และที่นี่ก็จะมีคนหลายๆ คนพาครอบครัวมาจับจ่ายใช้สอย บางครอบครัวก็น่ารักนิอิจฉาที่จูงมือลูกๆ พ่อจูงแขนข้างหนึ่ง แม่จูงแขนอีกข้างหนึ่ง แต่พอมองดูตัวเราแล้วมองไอ้หน้าขาวแล้วได้แต่ปลง เฮ้อ...ขอแค่เพียงผมมีมดลูกเหอะ เรื่องมีลูกอุ้มท้องนี่ไม่ได้หวั่นเลย แต่ก็ได้แต่คิดแล้วก็ปลงหละครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่มาดามเขาก็ว่า

“มันมีนะอีเรียม ตอนนี้เขาคิดค้นได้นะให้ผู้ชายท้องได้ แต่ว่ามันผิดจารีต มันผิดหลักมนุษยชนอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่จริงๆแล้วมันเป็นไปได้และทำได้จริงๆฝรั่งเคยทดลองได้ผลมาแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครยอมรับ และไม่คิดค้นพัฒนาเท่านั้น ตราบที่โลกยังมีผู้หญิงที่สามารถท้องได้อยู่”

ผมก็ได้แต่มองเจ้าหนูน้อยผิวขาวอมชมพู ที่มีคุณแม่ยังสาวน่าตาน่ารักที่คุณแม่อุ้มเดินดูของอยู่ ดูท่าทางเจ้าหนูคงจะอึดอัดที่เจอฝูงชนเบียดกัน แถมอากาศก็ร้อนอบอ้าวอีก จนเจ้าหนูเริ่มจะปากเบะเหมือนจะร้องไหนจนคุณพ่อกับคุณแม่ช่วยกันโอ๋ ช่วยกันปลอบ สงสัยจ้องมองนานไปหรือเปล่า ไอ้หน้าขาวมันถึงได้มาสะกิดผม จนรู้สึกตัว


“น้องเป้เป็นไร พี่ถามตั้งนานไม่ยักตอบ มองไรอยู่”


“เปล่าไม่ได้มองไรมองริ้น เป้มองดอกไม้แสนสวยนั่นตะหาก”


ผมหมายถึงดอกไม้พลาสติก ดอกไม้ปลอม ที่อยู่ร้านตรงด้านหลังของครอบครัวเจ้าหนูน่ารักนั่นพอดี


“นึกว่ามองเด็ก น่ารักดีนะน้องเป้ เราน่าจะมีลูกกันสักคน”


ไอ้หน้าขาวมันพูด เหมือนมันจะลืมไปแล้วว่าผมหนะ มันไม่มีมดลูก ไอ้มีลูกมีเด็กหนะผมหละอยากมีตลอดเวลาหละ เพราะว่าผมกับไอ้หน้าขาวต่างก็รักเด็กด้วยกันทั้งคู่


“อยากมีลูกเหรอ”


ผมถามมันเสียงต่ำ ในใจผมคิดหนัก ไอ้หน้าขาวมันน่าจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ถ้ามันแต่งงานกับน้องกิฟต์ มันคงมีลูกได้อย่างที่มันฝันอยากให้เป็น ผมอยากน้ำตาร่วงตรงนั้นจริงๆ ไอ้หน้าขาวมันคงจะรู้สึกตัวเมื่อเห็นผมเงียบไป


“โธ่...น้องเป้คิดมากจัง ยังไงก็น้องเป้เป็นคนเดียวในหัวใจอยู่แล้ว เดี๋ยวเรารีบไปซื้อของไปแต่งบ้านดีกว่า อ้อ อย่าเลือกที่มันใหญ่มากหละเดี๋ยวจะขนขึ้นรถไฟฟ้าไม่ได้”


ไอ้ที่ไม่ให้ผมเลือกของที่มีขนาดใหญ่ แต่ไอ้หน้าขาวมันดันพาผมเดินไปโซนแต่งบ้าน โหยของแต่ละชิ้นทั้งใหญ่ทั้งยาว เอ้ย ทั้งหนัก (ฮิฮิ) จนต้องได้เถียงกันในร้าน ในเมื่อผมชี้ไปที่มู่ลี่ที่เป็นไม้ทาสีแดงอิฐ ขนาดที่ใหญ่พอสมควรอันหนึ่ง


“ฮื้ย.....ไม่เอานะน้องเป้ สีนั้นมันไม่เข้ากับห้อง ขืนเอาไปแขวนหละก็ ใครมาเห็นเขาคงว่าบ้านนอก”


“อ้าว พี่ยอดเราสองคนก็มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน เออ เออ ลืมไป ว่าไอ้คนบางคนเป็นเด็กบางกอก ย้ายตามพ่อไปอยู่ต่างจังหวัด ใช่ซี้ ก็มีคนบ้านนอกคนเดียวนี่แหละ”


ผมเผลอออกอาการ สะบัดสะบิ้งใส่ไอ้หน้าขาวจนพี่เจ้าของร้านสาวเหลือน้อยยิ้ม...


“พี่ว่ามันก็สวยนะคะ ถ้าเอาแต่งไว้ตามมุม เพราะสีและความเป็นเอกลักษณ์ของไม้จะทำให้เด่นขึ้น ลองเอาไปประดับมุมห้องดูสิคะ”


“เห็นไหม พี่เขายังเห็นด้วยเลย”


ผมได้ทีเลยขี่แพะไล่เลย


“งั้นพี่เอาอันนี้”


ไอ้หน้าขาวชี้ที่แจกันใบใหญ่ ผมว่ามันน่าจะเรียกโอ่งมากกว่าแจกัน เพราะว่ามันคล้ายไปทางโอ่งซะมากกว่า ซึ่งแจกันใบนี้เห็นด้วยกันเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่ซื้อไปแต่งบ้านนี่คงตาถั่ว อะไรประมาณนี้ ผมเลยมองหน้ามัน เพราะตะกี้นี้มันเองหละที่เป็นคนบอกเองว่า


“ถ้าใครซื้อโอ่งใบนี้หละโง่ชัดๆ อื้ย ใบละแปดร้อย ตายแน่กู เก็บเงินไว้ให้น้องเป้กินหนมดีกว่า”


วินาทีนี้ไอ้คนที่บอกว่าเป็นคนฉลาดกลับจะซื้อซะเอง


“ก็ไหนว่าไม่สวยไง”


ผมถามมันเสียงแข็ง


“อ้าวทีน้องเป้ยังจะซื้อของขี้เหร่ไปแต่งบ้านเลย”


มันคงหมายถึงไอ้มู่ลี่นั่นแน่ๆ เลย


“ก็น้องเป้ชอบ”


“อันนี้พี่ก็ชอบ”


ไอ้หน้าขาวมันไม่พูดเปล่ามันทรุดตัวลงกอดโอ่งสุดที่รักของมันไปด้วย


“ตามใจ”


ผมสะบัดหน้าหนีมัน เดินออกมาจากร้านทันที เจ็บใจนัก ไอ้หน้าขาวมันก็รีบก้าวตามผมออกมาทันที เมื่อผมงอนถึงขนาดนั้น มันส่งเสียงเรียกผมให้หยุด แล้วมันก็คว้าไหล่ผมไว้และทำท่าจะกอด แต่นั่นหละมันกลับปล่อยแขนลงดื้อๆ


“อย่างอน ปะ”
มันบอกแล้วออกเดินนำหน้า แต่คราวนี้ผมจี้ดขึ้นมาจริงๆแล้ว จะให้เก๊กอะไรกันนักหนาต่อหน้าชาวบ้าน ทั้งที่ลับหลังไม่มีใครอยู่ไอ้หน้าขาวนี่ปากว่ามือถึง พอมีคนอยู่นี่ขนาดจะแตะเนื้อตัวผมยังไม่กล้า แต่วันนี้ผมเห็นท่ามันกล้าๆกลัวๆ แล้วอารมณ์หมั่นไส้บวกน้อยใจ ทำให้ผมเดินเข้าไปเอามือประสานมือมัน เดินคู่กันทันที


“เฮ้ย”


ไอ้หน้าขาวร้องด้วยความตกใจ หันหน้ามาดู แล้วสะบัดมือออก ผมงี้หน้าชาเลย เท่านั้นหละครับ ความอดทนของผมก็สิ้นสุดลง ผมวิ่งออกมาทันที โดยไม่ได้ดูว่าไปทางไหน ขอแค่รู้ว่าไปให้ใกลจากคนใจร้ายหน้าบางดีกว่า ผมแอบลุ้นว่าไอ้หน้าขาวมันจะตามมามั้ย เห็นมันละล้าละลังว่าจะวิ่งตามดีหรือไม่ตามดี ผมก็ได้แต่ตัดใจ แค่นี้มันผิดจนเกินอภัยเลยหรือ..............


ผมตัดสินใจหละครับ จะไปที่ไหนดีหละ กลับบ้านก่อนไม่เอามันแล้วไอ้คนหน้าบางคนนี้ แต่ว่าผมอยู่ตรงไหนหละเนี่ย วิ่งมาด้วยความโกรธ จนลืมดูทางไปเลย มองไปมันทำไมมีแต่ปลา หมา แล้วก็สัตว์ประหลาดๆที่วางขายหละเนี่ย ร้อยวันพันปีผมก็แทบจะไม่ได้มาจตุจักร นี่ก็สองปีแล้วที่ไม่ได้มา ที่มานี่ก็ครั้งแรกในรอบสองปี คงเพราะว่ามันร้อน และเจอคนเยอะๆ แล้วมันท้อไม่อยากเดินเลย แล้วทางออกมันอยู่ตรงไหนหละเนี่ย แล้วผมก็ละล้าละลังอยู่ตรงนั้นนั่นเอง แล้วผมก็เปิ่นอีกแล้ว เมื่อผมไม่รู้จะไปไหนดี ก็ปรากฏว่าผมชนเข้ากับฝรั่งจังเบ้อเริ่ม ตายแน่แล้ว ชนกับฝรั่ง ไอ้ผมหนะไม่ค่อยถูกกับฝรั่งเท่าไรนัก อะไรก็ไม่เท่ากับว่า มันชอบมองว่าคนไทยโง่ ทีมันหละฉลาดตายนักหละ คนไทยที่ว่าโง่หนะเหรอ เฮอะ สินค้างานฝีมือ ทั้งหลายที่ใช้ความประณีต หาประเทศไหนในโลกที่มีฝีมือเกินคนไทย รวมถึงสินค้าฝรั่งที่ว่าดีๆ เมื่อมาถึงมือคนไทยก็อปมา ของจริงยังสู้ของก็อปไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่อยากใช้คำว่าของก็อปมา ขอเปลี่ยนว่าของลอกเลียนแบบมาจะดีกว่า บางครั้งของต้นฉบับอายด้วยซ้ำไป นี่หละที่ว่าคนไทย ความละเอียดประณีต รู้จักดัดแปลงหละก้อไม่เกินคนไทย และถ้าผมได้ยินไม่ผิดผมคงได้ยินอย่างนี้

“Shit”


เอาแล้วไหมหละไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวตรงหน้าปากเสียน่าดู ผมเลยจ้องหน้ามัน นับแต่ไหนแต่ไรมาผมก็ไม่ค่อยจะถูกกับฝรั่งอยู่แล้ว ผมเอ่ยคำขอโทษมันสั้นๆ พลางมองหน้ามันเต็มตา ถ้าคนที่มองฝรั่ง ชอบฝรั่ง คงมองว่ามันหล่อ แต่ผมมองมันก็แค่หน้าตาธรรมดาแค่นั้น แล้วผมก็เดินออกมาอย่าให้เจออีกนะมึง ผมคิดในใจ เกลียดฝรั่งถ่อยๆ ก็ต้องมาเจออย่างนี้อีกแล้ว นอกจากลุงจอห์นคู่ชีวิตของมาดามแล้ว ผมก็ไม่เคยได้คุยกับฝรั่งจริงๆจังๆซะที แม้บางครั้งที่เป็นงานที่ต้องติดต่อกับฝรั่ง ผมก็ให้คนอื่นทำแทนดื้อๆ เพราะว่า ผมเกลียดฝรั่ง


“Hey! Hey! You”


เสียงไอ้ฝรั่งมันเรียกคงไม่ได้หมายถึงผมแน่ ผมเลยไม่สนใจ จนเมื่อร่างสูงของไอ้ฝรั่งนั่นก้าวเข้ามาเคียงข้างผมในทางแคบๆจนผมต้องเอียงให้และหยุดให้มันเดินผ่านไปก่อน แต่มันหยุดแล้วยิ้มให้ผม


“Excuse me”


ตายหละ ฝรั่งมาพูดด้วย มาพูดกับผมเนี่ยนะ ไอ้กลัวมันไม่กลัวหรอก แต่ว่าไม่ชอบ แถมกริยาถ่อยๆ ที่มันทำเมื่อกี้ผมยังจำได้ดี


“May I help you”


มีอะไรให้ช่วยเหรอครับ ผมงง เลยถามมัน แทนคำตอบฝรั่งมันกลับควักแผนที่ออกมาให้ผมใบหนึ่ง แล้วตามถึงโรงแรมโอเร็นทอล ผมก็เลยถามมันว่ามันจะไปทางไหนหละ มันบอกว่าทางไหนก็ได้ที่สะดวกที่สุด ผมก็บอกให้มันไปรถไฟฟ้า ลงสถานีตากสินแล้วจะเดินหรือนั่งแท็กซี่ไปก็ได้เร็วดี มันขอบคุณผม แล้วมันก็ถามผมว่ามีนามบัตรมั้ย ผมก็ให้มันไป กำลังไม่อยากเจอผู้คน ผมเลยควักนามบัตรของบริษัทให้ไป แล้วรีบขอตัวมันทันที ผมก็เดินออกมา ไม่สนใจเสียงเรียกของฝรั่งคนนั้นอีก ผมเดินมาเรื่อยๆ คิดไปคิดมา คู่เราจะไปรอดมั้ยหนอ ไอ้หน้าขาวมันไม่ห่วงผมเลย เออ...แย่หละสิ ผมปิดมือถือตั้งแต่นั่งรถไฟฟ้าขามาแล้ว ไม่อยากเปิดเพราะว่าอยากใช้ชีวิตเงียบๆ สักวัน ผมกดเปิดเครื่องทันที 45 สายที่ไม่ได้รับจากไอ้หน้าขาว ไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น


“น้องเป้อยู่ที่ไหน”


เสียงไอ้หน้าขาวมันตื่นๆ ระล่ำระลักมาในโทรศัพท์


“พี่ยอด น้องเป้หลงทาง หาทางออกไม่ได้ ตอนนี้อยู่ตรงที่เขามีหมา แมว กระต่าย ที่เขาขายสัตว์เยอะๆอะ”


“รออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”


ไม่ถึงอึดใจใหญ่ๆ ไอ้หน้าขาวก็เหงื่อโชก หน้าขาวใสของมันแดงไปหมด ผมก็ได้แต่ยิ้มรับ พลางส่งขวดน้ำที่ผมถือติดตัวมาให้มัน


“เฮ้อ ตามหาน้องเป้ซะเหนื่อยเลย นึกว่างอน หนีกลับบ้านไปละ”


“ก็เพราะกลับไม่ถูกนี่หละ ถึงได้อยู่นี่ไง”


“ไปดูของอีกหรือเปล่า”


ไอ้หน้าขาวมันถามผม เฮอะ เรื่องไรผมจะดูหละครับแค่นี้ก็ฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว ขืนไปดูด้วยกันคงทะเลาะกันตาย แต่ผมหมายตาเจ้ามู่ลี่นั่นไว้แล้ว รอมีเวลาว่างๆจะได้ชวนนังต้องมาเดินเป็นเพื่อน เดินข้างกันดีๆ อยู่ ๆ ไอ้หน้าขาวก็เอามือมาประสานมือผมให้เดินไปด้วยกัน ผมเหลือบมองมือใหญ่ ที่กุมเกี่ยวมือของผมอยู่


“อ้าว ไหนว่าพี่ยอดอายไงหละ”


ผมอดไม่ได้ที่จะกัดมันไม่ได้


“ทีตะกี้งี้ รีบสะบัดใหญ่เลย”


“ก็ไม่ได้ขอข้าวใครกินนิ น้องเป้ อายเหรอ หน้าแดงเชียว เอ...หรือว่าร้อน”
“บ้า พี่ยอด ชอบทำอะไรบ้าๆ นี่เมืองไทยนะ รุ่มร่าม เอามือออก อายเขา”


“แล้วทำเป็นเก่ง น้องเป้เอ้ย……”


สรุปแล้ววันนั้น ไม่มีใครได้อะไรติดมือกลับบ้านครับ.....................




ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #253 เมื่อ09-04-2007 10:43:02 »

เอาใจช่วยคนโพสต์ครับ

เหนื่อยรึป่าวววว

สู้ๆๆ นะคร้าบบบบบบบบบบบบบบ :yeb:

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #254 เมื่อ09-04-2007 17:31:52 »

ตามมาดูว่าถึงไหนแล้ว

ในอินุคุณเป้ไม่มาต่อเพิ่มเลย

รออ่านอยู่นะนี่ รอลุ้นอยู่

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #255 เมื่อ09-04-2007 17:48:27 »


..........จะไปซื้อของเข้าเรือนหอก็มาทะเลาะกันซะงั้น...... : 222222: : 222222:

......................แต่ก็จบลงด้วยดีเนอะ.... :laugh5: :laugh5:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #256 เมื่อ09-04-2007 23:34:20 »

 :laugh5: :laugh5:

งอนเค้าแล้วหนีไป สุดท้ายก็นะ  :kikkik: :kikkik:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #257 เมื่อ10-04-2007 00:07:23 »

อืมมีภาคต่อด้วยจะตามอ่านนะครับ :5555:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #258 เมื่อ10-04-2007 00:13:24 »

มารออ่านต่อ  :110011: :เชิป2: :110011:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #259 เมื่อ10-04-2007 22:01:47 »

รอด้วยคน  :yeb:

 :110011: :เชิป2: :110011: :เชิป2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
« ตอบ #259 เมื่อ: 10-04-2007 22:01:47 »





abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #260 เมื่อ11-04-2007 07:16:43 »

ขอบคุณทุกกำลังจายยย หายเหนื่อยเยย  :yeb:

****************************************************************

 บทที่ 4ค่ำคืนของสองเรา


หลังจากที่เฮละโลมาช่วยกันเก็บของที่คอนโดผมแล้ว เพราะญาติฝาแฝดของผมจะมาเช่าห้องผมต่อ และอีกสองวันจะเข้ามาดูห้องและมาเที่ยวกรุงเทพเพื่อหาที่เรียนกวดวิชา คุณนายแสนดียังมากระซิบผม


“น้องเป้ เดี๋ยวค่าเช่าแม่จะโอนเข้าบัญชีน้องเป้นะลูก”


นี่หละครับคุณนายแสนดีของผมทั้งๆที่คอนโดนี้ก็คุณนายซื้อเองแท้ๆ เพื่อให้ผมได้มีที่อยู่ เพราะผมต้องมาทำงานที่กรุงเทพ แล้วนี่แม่ของผมยังจะเอาค่าเช่ามาให้ผมอีก ผมเลยอยากจะร้องไห้จริงๆ ความรู้สึกว่ารักแม่มากที่สุดมันไม่รู้ว่ามาจากไหน จู่ๆน้ำตาผมไหลออกมาเอง แม่ผม คุณนายแสนดี ช่างเป็นแม่ที่เสียสละเพื่อผมมากมายจริง ทั้งๆที่ตั้งแต่เล็กๆ ผมนี่สาวแตกแต่ก็แตกแบบเงียบๆ แม้ทุกคนจะหยามเหยียดเพียงใด ก็มีแม่ผมนี่หละครับที่กอดและปลอบโยนผมอยู่เสมอ กำลังใจของคุณนายแสนดีทำให้ผมรู้สึกว่าความแปลกเพศของผมไม่ใช่สิ่งที่น่าอายแต่อย่างใดถ้าเราแสดงออกในทางที่ถูกที่ควร ตูอย่างเงินเดือนแรกที่ผมที่ได้รับจากการทำงานทุกบาททุกสตางค์ผมก็เอาไปให้แม่ คุณนายแสนดีทำหน้างงๆ


“เอาซองอะไรมาให้แม่หละ น้องเป้”


“แม่เปิดดูนะ น้องเป้ให้แม่”


คุณนายแสนดีถึงกับน้ำตาซึมเมื่อเปิดดูข้างใน


“เงินเดือน เดือนแรกของน้องเป้ไงคับ น้องเป้ให้แม่”


“อุ๊ย น้องเป้ เอาเก็บไว้ใช้เถอะ ลูก ทำงานซะผอมเลย แค่นี้แม่ก็ภูมิใจมากที่สุดแล้วลูก”


คุณนายแสนดียื่นซองคืนมาให้ผม จนผมต้องยืนกรานไม่ยอมจนคุณนายต้องต้องยอมแพ้ไปเอง ท่ามกลางสายตาของคุณพ่อผมที่มองมาแล้วยิ้มอย่างเงียบๆตามลักษณะของคุณพ่อ ที่ผมทั้งรักและทั้งเกรงใจ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

หลังจากที่ไอ้หน้าขาวพาผมมาดูคอนโดหรูแห่งนั้นแล้ว ก็มีการขนของเข้าไปกว่าจะจัดของเสร็จก็ปาเข้าไปค่ำๆแถมผมจะต้องนอนที่คอนโดเก่าก่อนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะได้มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่โดยไอ้หน้าขาวเป็นคนเตรียมข้าวของกันจ้าหละหวั่น แม้กระทั่งต้องไปหาฟักลูกโตกับหินก้อนใหญ่ ขนมทองขนมเงิน ต้นไม่ทองต้นไม้เงิน ความวุ่นวายเริ่มตามมาเมื่อแม่ของผมกับแม่ไอ้หน้าขาวต่างก็งัดตำรามาคนละตำราการหาของตระเตรียมเลยวุ่นเป็นสองเท่า


“เเม่จะต้องหาฟักมาทำไป แล้วหินทำไมต้องใช้หินก้อนใหญ่”


ไอ้หน้าขาวมันถามคุณนายแม่ของมัน

“ตายอด เขาว่าอยู่เย็นเหมือนฟัก หนักเหมือนหินไงจ๊ะ”


“ทำไม ไม่ใช้หินก้อนเล็กหละแม่ ยอดจะได้เก็บในตู้ปลา”


“กินก้อนเล็กมันจะหนักได้ไงหละลูก อย่ามาพูดดี รีบไปหาหินก้อนโตๆ มา”


กว่างานทำบุญขึ้นบ้านใหม่จะผ่านไปก็บ่ายแล้ว ทีนี้หละครับเพื่อนๆ ก็มาเยอะทั้งเพื่อนผม เพื่อนของไอ้หน้าขาว ดูวันนี้นังต้องมันจะร่าเริงเป็นเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมีแต่หน้าตาเกลี้ยงๆ ใสๆ กันทุกคน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่พื้นเพฐานะดี บางคนผมยังไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ ทางผมนอกจากเพื่อนที่สนิทที่บริษัทเก่าอย่างพี่นก ป้าสุดสงวน และอีกสองสามคน แล้วก็ครอบครัวผม มาดาม และก็นังต้อง ส่วนเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมาเยอะมาก

ผมยังนึกขำวันนั้นไม่หาย ภาพที่ไอ้หน้าขาวมันแบกหินก้อนโตไว้บนบ่าขวา ส่วนแขนซ้ายก็อุ้มฟักเขียวลูกโต ส่วนผมก็น่าอายเหมือนกัน ที่คุณนายแสนดีจัดแจงให้ผมหาบกระบุงที่ ใส่หม้อ ใส่ไห ใส่ครก แถวหิ้วเตาที่มีถ่านหุงข้าวสีดำๆ อีกด้วย ดีนะที่วันนั้นฤกษ์ขนของเข้าบ้านมัน หกโมงเช้ากับสามสิบเก้านาที ถ้าหากว่ามันสายๆแล้วเพื่อนๆ ผม และเพื่อนไอ้หน้าขาวมันมา ไม่รู้ว่างานนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ขนาดไอ้หน้าขาวยังแอบบ่นอุบอิบ

“น้องเป้ นี่ดีนะที่คุณแม่ไม่ให้พี่โห่ด้วย”


“ถ้าคุณแม่ให้โห่ พี่ยอดกล้าโห่ปะหละ ทำมาเป็นพูดดี”


“กล้าสิ พี่โห่ แล้วน้องเป้ก็ฮิ้วววไง”


“บ้าสิ ใครกล้าก็บ้าแล้ว”


“อ้าว ไหงตอนเด็ก น้องเป้เคยบอกว่า ไม่มีอะไรใต้ดวงอาทิตย์ ที่กระเทยไทยทำไม่ได้ นอกจากตั้งท้องกับทำเสียงให้เป็นผู้หญิง”


“ก็ตอนนี้น้องเป้ไม่ได้เป็นกระเทยแล้วนี่”


ผมกระซิบกระซาบกับไอ้หน้าขาว


“แล้วตอนนี้น้องเป้เป็นอะไร”


“ตอนนี้น้องเป้เป็นผู้หญิง”


“เออ...ดีแล้ว เดี๋ยวคืนนี้พี่จะพิสูจน์”


“เสียใจด้วย คืนนี้น้องเป้จะเป็นเกย์ กล้าปะหละ”


“ถ้าเป็นน้องเป้หละ พี่กล้าเสมอ ไม่ว่าน้องเป้จะเป็นอะไรก็ตาม”


ไอ้หน้าขาวมันพูดแล้วมองตาผมแน่นิ่ง ผมก็จ้องตามันตอบ ผมรู้ครับว่ามันพูดจริง เพราะแววตาของมันแน่วแน่จนผมต้องเบนสายตาออกมาหน้าแดงก่ำ


“อุ้ย...พูดกันเรื่องเข้าหอคืนนี้เหรอคุณยอด เห็นอีนังเป้หน้าแดง อุ้ย..อย่ามาหวานแถวนี้นะ เห็นใจคนที่ยังหาแฟนไม่ได้มั่ง”


นังต้องมันสอดขึ้นมาเมื่อมันเห็นผมกระซิบกระซาบกับไอ้หน้าขาว และผมหน้าแดงๆ


“แฟนคนที่ล้านหนะสิ ที่แกยังหาไม่ได้”


ผมเลยกัดมันมั่ง เมื่อก้าวผ่านประตูห้องมาแล้ว นับเป็นการขนของขึ้นบ้านใหม่ครบตามตำราพิลึกพิลั่นของคุณนายทั้งสองแล้ว


เมื่อตอนบ่ายแขกก็ยังเยอะมากเหมือนเดิม จนคับห้องไปหมดขนาดที่ว่าห้องนี้เป็นห้องชุดขนาดใหญ่และกว้างพอสมควร ห้องนอนห้องหนึ่งที่ใช้ในการเก็บของขวัญดูเหมือนมันจะมีของขวัญเกือบเต็มห้อง ทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าวันนี้ห้องนอนห้องหนึ่งจะเป็นของผมอีกห้องหนึ่งจะเป็นของไอ้หน้าขาว แต่ดูเหมือนสถานการณ์มันจะไม่อำนวยเสียแล้ว เพราะบรรดาของขวัญที่รับมามันเกือบจะเต็มห้องเสียแล้ว


ผมมองดูบรรดากองกล่องของขวัญที่บรรดาเพื่อนๆ ญาติๆเอามาให้ เต็มห้องนอนผมไปหมด แล้วผมจะไปนอนที่ไหนดีหละคืนนี้ คิดว่าจะได้มีห้องส่วนตัว นอนกลิ้งบนเตียงใหญ่ๆ ให้ฉ่ำปอด ที่สำคัญคุณนายสองคุณนายรวมทั้งนังต้องมันจะมาค้างด้วยหนะสิ แล้ววงสุราก็เริ่มต้นขึ้น เหล้าและเบียร์หมด ไม่รู้ว่าวันนั้นผมต้องออกมาซื้อเหล้าเบียร์กี่เที่ยว เพราะมันเยอะมากจริงๆ แถมพอเมาก็เริ่มมีเสียงแซวมาแว่วๆ

“เมื่อไหร่จะค่ำเสียที จะได้ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ”


ไม่รู้ว่าใครพูด แต่ที่แน่ๆ เสียงมันมาจากวงที่ไอ้หน้าขาวมันนั่งอยู่แน่ๆ สภาพที่ผมเห็นในตอนนี้คือ ไอ้หน้าขาวมันนั่งโอนเอนไปมา ตาปรือเยิ้มฉ่ำ แก้มและปากของมันมีสีแดงระเรื่อ น่าหอมเป็นบ้า ยิ่งมันเสยผมที่เซ็ทไว้ได้รูป ขึ้นไปให้มันรุ่ยร่าย เซอร์ๆแบบนี้ ผมแทบจะกรี้ดสลบ ไม่คิดว่าไอ้หน้าขาวมันจะเถื่อนได้ใจดีแท้ขนาดนี้


“เฮ้ยมึงว่าน้องเป้มันน่ารักปะวะไอ้ยอด”


ไอ้พี่ชาติ เริ่มปากเสียขึ้นมาแล้ว นี่หละน๊า พอเหล้าเข้าปากทีไรกลุ่มนี้ มักจะหาเรื่องปากเสียเป็นประจำ


“น่ารัก สุดๆ เลยพี่”


ไอ้หน้าขาวพุดแล้วยื่นแก้วเหล้าไปชนกับพี่ชาติดังกริ๊ก


“โอ้ย...ทนไม่ไหวแล้ว อิจฉา เมื่อไหร่พี่ชาติจะบอกว่าน้องต้องน่ารักมั่งหละ”


“เอาไว้ให้พี่หาคนชมไม่ได้ก่อน ตอนนั้นพี่จะชมว่าน้องต้องน่ารักที่สุด”


“บ้า เงียบไปเลยนะพี่ชาติ ไปกินเหล้าต่อเลยไป”


นังต้องมันค้อนพี่ชาติขวับใหญ่ จนเรียกเสียงหัวเราะได้ครืนใหญ่ กลุ่มนี้สนิทกันมากนะครับเพราะว่าเจอกันในผับเวลาไปเที่ยวสมัยก่อนที่ผมกับไอ้หน้าขาวยังโกรธกันอยู่ ไปเที่ยวทีไรก็จะเจอกลุ่มนี้ทุกที แต่ก็ไม่รู้เลยว่ากลุ่มนี้จะสนิทกับไอ้หน้าขาวมาก่อน จนกระทั่งมาเห็นไปกินเหล้าด้วยกันถึงได้รู้ว่าไอ้หน้าขาวมันมีเพื่อนเยอะ ผิดกับผมที่มีเพื่อนน้อย มีไม่กี่คนหรอกครับที่จะสนิทกันกับผม นอกนั้นหละเป็นเพื่อนที่ไม่สนิท หรือเป็นลูกค้าที่ติดต่องานกันอันนี้ก็มีเยอะมากๆ


“น้องเป้ มากินเหล้าหน่อยเด้........”


ไอ้หน้าขาวเดินโซซัดโซเซถือแก้วเหล้ามาทางกลุ่มของผม


“ไม่เอา วันนี้ไม่อยากเมา”


“น่า ไม่เมาหรอก เดี๋ยวพี่ยอดจะดูน้องเป้เอง......... ด้วยชีวิต”


เสียงที่มันออกมาจากปากของคนเมามันคงจะค่อยหรอกครับ มันอ้อแอ้ลั่นไปทั้งห้อง เรียกเสียงโห่ และเสียงแซว จนผมรู้สึกว่าหน้ามันชา ที่สำคัญผมอายมาก


“แหม...สารภาพรักหวานซ๊า อิจฉานังเป้วะ”


นังต้องมันพูดดังๆ


“น้องพี่มันแน่โว้ย ต้องงี้สิน้องเป้ ตระกูลเรา มีทีเด็ดต้องประกาศให้โลกรู้”


ไอ้พี่ปอมันก็เอากะเขาด้วย


“ไอ้ยอด อย่าหักโหมนะมึง เดี๋ยวน้องเป้จะไม่ไหวเอา เพลาๆบ้างนะมึง อย่ารุนแรง”


“เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกกู จะเอาไข่ลวกมาฝากมึงนะ”


อีกหลายคำต่อหลายคำที่พูดออกมาจนผมแทบแทรกแผ่นดินหนีไปจากที่ตรงนั้น แถมไอ้หน้าขาวมันยังร่วมวงกับเพื่อนมันมาแซวผมซะอีก เฮ้อ...ไอ้น้ำเปลี่ยนนิสัย นี่ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนไม่เมา ไอ้หน้าขาวมันจะกล้าพูด กล้าทำกับผมอย่างนี้หรือเปล่าน๊า....นี่ขนาดต่อหน้าทั้งคุณแม่ของมันและคุณแม่ของผมเชียวนะเนี่ย...........

***************************************************************************

สงสงสัยปะครับว่าทำไมพ่อของเป้ผมกับพ่อไอ้หน้าขาวเป้ถึงไม่ได้กล่าวถึงเลย เพราะท่านไม่มาร่วมงานด้วยสิครับ ถามพ่อแล้วพ่อบอกว่า
"พ่อเขินวะ ไอ้เป้ ผู้ชายมันจะนอนห้องเดียวกัน แถมเป็นลูกชายพ่ออีกทั้งคู่ เห็นกันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ พ่อไม่กล้าไปวะ"

นี่หละครับคุณพ่อที่แสนดีของเป้ แต่ยังไงครอบครัวเป้ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับที่เป้มาอยู่กับไอ้หน้าขาวนะครับ เพราะพ่อผมกับคุณพ่อไอ้หน้าขาวเขาคุยกันทุกวันครับเรื่องลูกๆ เป้นี่แย่จังนะครับทุกวันคุณนายแสนดีก็ยังโทรศัพท์มาถามไถ่ และทุกวันเป้จะต้องโทรไปคุยกับคุณพ่อเหมือนกันเพราะท่านไม่โทรหาเป้แน่นอน ยังไงก็ขอให้รักพ่อรักแม่นะครับ

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #261 เมื่อ11-04-2007 11:01:14 »

ดีจังมีความสุขซะทีนะ :myeye:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #262 เมื่อ11-04-2007 21:52:16 »

ดีเนอะ  ครอบครัวสุขสันต์
แน๋วมาต่อหน่อยจิ   :impress:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #263 เมื่อ11-04-2007 23:09:42 »

และแล้วววว  :give2: :give2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #264 เมื่อ12-04-2007 12:03:57 »

“ปะน้องเป้ ไปเข้าหอกัน”

ไอ้หน้าขาวเดินเซแซ่ดๆ มาหาผมตอนสามทุ่มกว่าๆ ที่เพื่อนๆ ทั้งหลายทยอยกลับไปเกือบหมดแล้วเหลือแต่กลุ่มญาติและเพื่อนสนิทเท่านั้นในตอนนี้ มันตรง เข้ามาดึงแขนผมขึ้นจากวงสนทนาที่ผมกำลังคุยกับ นังต้อง พี่นก ป้าหงวน และคุณนายทั้งสองคนอยู่ดีๆ จนคนทั้งวงตกใจ


“นี่ตายอด รุ่มร่ามใหญ่แล้วนะเรา ดูสิผู้คนเต็มบ้าน ไม่อายเขาบ้างหรือไง”


มันต้องโดนแม่มันว่าแบบนี้ สภาพมันตอนนี้มันเถื่อนๆ ยังไงก็ไม่รู้


“โธ่ คุณแม่คร้าบ วันนี้วันส่งตัวเข้าหอของลูกแม่นะ”


“ไม่ใช่ซะหน่อย วันนี้วันขึ้นบ้านใหม่ พี่ยอดอย่ามาตู่”


ผมค้านมัน พยายามแกะมือของมันที่มันลากข้อมือผม แต่ว่าผมไม่ลุกซะที จนมันต้องมากอดผมแล้วจะลากเข้าห้องนอนให้ได้ ไอ้ผมก็แกะมือมันออกเป็นพัลวันเหมือนกัน


“เอ๊ะ อย่าดิ้นสิน้องเป้ ไปนอนด้วยกันเลย ใครๆเขาก็รู้หละว่าวันนี้วันอะไร อย่าดิ้นสิ”


“ไม่เอา วันนี้น้องเป้จะนอนห้องน้องเป้ พี่ยอดอย่าทำบ้าๆนะ นี่วันขึ้นบ้านใหม่นะ”


“น้องเป้จะนอนได้ไง ห้องมันมีแต่ของ มานอนกับพี่หละดีแล้ว ไปไปนอน”


“ไม่เอาน้องเป้จะนอนกับต้อง กับแม่ พี่ยอดก็ไปนอนดิ เมาแล้ว อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามนะ”


ผมดิ้นจนหลุด และเข้าไปแอบอยู่หลังคุณนายทั้งสองทันที


“อ้อ คิดจะเอาแม่เป็นที่กำบังเหรอน้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันยืนจังก้า หน้ามันแดง ตามันปรือๆ โงนเงนไปมา


“หมั่นไส้ ไอ้ลูกคนนี้เหลือเกิน เอะอะก็ทำแต่ตามใจ นี่ตายอดอย่ามารุ่มร่ามกับแม่นะ น้องเป้เขาก็มีแม่กับพ่อเหมือนกันนะ เจ้าลูกคนนี้นี่”


ไอ้หน้าขาวมันเลยจ๋อย มันเดินเซเซื่องๆตรงมาที่ตรงหน้าคุณนายทั้งสอง แล้วมันทรุดตัวลงไป มันกราบแทบเท้าของแม่ผมและแม่ของมัน…….

“แม่คับ ยอดขอน้องเป้นะคับ ยอดจะรักน้องเป้ ให้เท่ากับที่แม่รักเลย”

ไอ้หน้าขาวมันพูดกับคุณนายแสนดี ไม่รู้ว่ามันกล้าพูดได้ยังไง ทั้งที่ปกตินี่มันเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำ ใครพูดไง ไอ้หน้าขาวก็ยิ้มไปซะหมด สงสัยที่กล้าพูดเพราะเมามากจนเพี้ยนไปหรือเปล่า คุณนายแสนดีนั่งนิ่ง เงียบ เหลือบมามองหน้าผม


“น้องเป้ว่าไงหละลูก พี่เขามาขอกับแม่แหนะ”


“ไม่รู้อะค้าบ แล้วแต่แม่ละกัน น้องเป้เป็นลูกแม่นี่ แม่ว่ายังไงลูกก็ต้องว่าตาม”


แล้วผมก็หันไปมองกลุ่มของนังต้องที่ซุบซิบๆกันคิกคักอยู่เบาๆ


“นี่คุยไรกัน อย่าให้รู้นะว่านินทา”


ผมเอาเสียงขู่ กลบความอายทั้งๆที่หน้าผมแดงก่ำออกจะปานนั้น


“ใครจะกล้านินทามึงหละอีนี่ มีแต่คนเขาอิจฉา ที่กูหละไม่มีเล๊ย....ที่ผู้ชายจะมาขอกับแม่กูเป็นการเป็นงานขนาดนี้”


“เพราะมึงเล่นตัวสิถึงไม่มี”


“วุ๊ย...กูทั้งลดแลกแจกแถมมันยังไม่มี ไอ้ที่มันมี.....มันคอยแต่จะจ้องงาบเงินกูหนะสิ”


“ป้าหงวน กับพี่นกก็เป็นไปกับนังต้องด้วยเหรอ”


“เปล่านะเป้ พี่นกแค่พูดว่าคุณยอดเขาน่ารักดีเท่านั้นเอง”


“แล้วป้าหงวนหละว่ายังไงคับ”


ผมเริ่มไล่เบี้ยเอากะกลุ่มนังต้องแก้เขิน


“อีนี่ มึงจะอายมึงก็ไม่ต้องเหวี่ยงแหมาคลุมปลาทั้งแม่น้ำหรอกมึง คุณแม่รีบยกลูกสาวให้คุณยอดเร็วๆเหอะ เดี๋ยวนังหมาบ้ามันจะกัดคนไปทั่วห้อง นี่มันก็เริ่มบ้าน้ำลายฟูมปากแล้ว”


ท้ายประโยคนังต้องพูดกับคุณนายแสนดีแล้วก็คลานเข้ามาหาคุณแม่ของผมแล้วนั่งข้างๆไอ้หน้าขาวที่รอการตัดสินใจของแม่ผม


“ว่าไงคะ คุณพี่”


คุณแม่ผมเลยหันไปถามกับคุณแม่ไอ้หน้าขาวอีกทอดหนึ่ง


“ถ้าเด็กมันรักกันพี่ว่าก็น่าจะให้อยู่ด้วยกันดูสักพัก ถึงแม้มันจะประหลาดๆไปบ้างก็ตาม”


คุณแม่ของไอ้หน้าขาวสรุปเพราะดูท่าลูกชายตัวดีเริ่มจะโงนเงนและเริ่มจะเลื้อยบนพื้นแล้ว


“งั้นคืนนี้น้องเป้นอนห้องเดียวกับน้องยอดละกัน เดี๋ยวแม่จะให้เพี่ปอขนของออกมาจากห้องน้องเป้ แล้วแม่จะนอนห้องนั้นเอง”


“เดี๋ยวต้อง จะเฝ้าหน้าประตู ให้เองนะคุณยอด นังเป้จะได้ หนีไปไหนไม่ได้”


นังต้องมันพูดแล้วเดินมาที่ผมแล้วมาจูงแขนผมเดินเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่ง


“อีนี่ มึงจะมีอะไรกันมึงทำแท้งเป็นหรือเปล่า”


นังต้องมันกระซิบถามผม


“บ้า กูไม่ได้ท้อง แล้วกูจะทำแท้งได้ไงอีบ้า”


นังต้องมันทำเสียงจิ๊จ๊ะ เหมือนว่ามันขัดใจในความโง่ของผม ที่มันทำทุกครั้งเพราะว่ามันขัดใจ ที่ผมไม่รู้เรื่อง หรือตามมันไม่ทัน


“ไม่ได้ดั่งใจเลย อีนี่ โตจนจะมีผัวอีกไม่กี่นาทีแล้ว ยังไม่รู้จักทำแท้ง”


“ก็แล้วมันอะไรหละ”


ผมก็ฉุนเหมือนกัน ก็คนมันไม่รู้ จะให้รู้ได้ไง ผมไม่ใช่พหูสูตนี่นา


“ถ้ามึงไม่ทำแท้งนะมึง เลอะแน่มึง ขี้มึงหนะจะเลอะคุณยอดเขา”


ดูสิครับ นังต้องมันกล้าพูดยังงี้จริงๆ


“เวลามึงจะมีอะไรกัน มึงต้องล้างไส้มึงก่อนมันจะได้ไม่เลอะ”


“ล้างยังไงเหรอ”


ผมชักจะสนใจเข้าให้บ้างแล้ว ศึกษาหน่อยก็ดี จะได้ทำตัวถูก เพราะว่าเกิดมาก็ไม่เคยมีอะไรกับใครสักที เผื่อว่ามีจะได้ทำตัวถูก


“มึงเข้าห้องน้ำก็ลากสายยางที่ฉีดตูดนั่นหละ ฉีดเข้าไป แล้วมึงก็เบ่งออกมาแค่นี่ก็สะอาด”


“เฮ้ย มันฉีดเข้าไปได้ด้วยเหรอ รูเล็กนิดเดียว”


“ทำไมจะไม่ได้ ขนาด.....เท่าแขนมันยังเข้าไปได้ มึงก็เคยดูหนังเอ๊กซ์นี่ ทำไมมันเข้าได้ แล้วกะอีแค่น้ำสายเล็กทำไมมันจะเข้าไม่ได้ แล้วตอนนี้ที่เขาทำดีท็อกซ์ โบท็อกซ์ ไอ้สวนตูดล้างพิษด้วยอะไรต่ออะไรมันไม่ยิ่งกว่าแกฉีดน้ำเข้าไปล้างเรอะ”


“เหรอ”


ผมได้แต่รับรู้ไปงั้นๆ ทั้งๆ ที่ความจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะทำเป็นหรือเปล่า


“อย่าลืมนะแก อย่าให้อายเขาหละ มีอะไรกันทั้งที อึหกออกมาเรี่ยราดไม่น่าพิสมัยนะมึง”


นังต้องบอกผมแล้วลากผมกลับมานั่งข้างๆไอ้หน้าขาว ที่มันคว้าตัวผมไปกอดแน่น


“ง่วงนอนยัง น้องเป้”


มันไม่ถามอย่างเดียวสิ มันหอมแก้มผมด้วยฟอดใหญ่


“ดูสิ นี่ต่อหน้าแม่นะเนี่ย ทำตัวรุ่มร่ามจริงไอ้ลูกชายบังเกิดเกล้าคนนี้ ไป ไป ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวแม่จะไปส่งที่ห้อง”


ผมมองหน้าคุณนายแสนดี แววตาผมมีแววหวาดหวั่น ใจมันก็อยากจะอยู่ร่วมกับไอ้หน้าขาวอยุ่หรอก แต่ความหวาดหวั่นว่าอยู่ร่วมกันไปแล้วมันจะเป็นยังไง ผมอยู่คนเดียวมานานจนที่มีความรู้สึกว่า กำลังจะมีใครอีกคนที่กำลังจะมาแย่งความเป็นส่วนตัวของเราไป เวลาที่ผมอาบน้ำชอบแหกปากร้องเพลง เวลาที่อินกับทีวีหรือละครเรื่องไหนมากๆ ก็จะเอามาสวมบทบาทการแสดงหน้ากระจกคนเดียว แล้วแอบสมมติว่าตัวเองเป็นดารา หรือไม่ผมก็เปิดเพลงดังๆ เต้นเลียนแบบมิวสิควีดีโอคนเดียว ต่อไปนี้ผมก็ Dhoom Dhoom เลียนแบบท่าเต้นของ ทา ทา ไม่ได้แล้วสิ ไหนจะมาทำตัวสบายๆ แบบเดิมก็ไม่ได้อีก

“อย่าลังเลสิน้องเป้ ทำใจให้สบาย คิดว่ามีเพื่อนมาอยู่ด้วย บางทีอาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้”


คุณนายแสนดีบอกกับผมแล้วลุกขึ้นมาจูงมือผมไว้ขณะที่แม่ของไอ้หน้าขาวก็กำลังเขย่าตัวไอ้หน้าขาวที่ทำท่าจะฟุบหลับตรงนั้น


“ยอด ลุกขึ้นลูก ไปนอน”


ไอ้หน้าขาวมันคงจะเมามาก รวบตัวคุณแม่ของมันไว้ในอ้อมกอด


“น้องเป้”


มันพึมพำออกมาก่อนที่จะหอมแก้มของคุณแม่ที่อยู่ในอ้อมแขน จนแม่ของมันดิ้นพัลวัน


“ยอด....นี่แม่นะลูก น้องเป้มาช่วยแม่หน่อยลูก แกะมือไอ้ตัวดีออกที โอ้ย.......คนแก่จะเป็นลม”


ผมเลยเดินไปช่วยแกะมือไอ้หน้าขาวออกพัลวัน จนร่างของคุณแม่ของมันหลุดออกมาได้ แต่ไอ้หน้าขาวก็ยังพยายามที่จะตะกายไขว่คว้า จนผมต้องเขย่าร่างใหญ่ ของมันจนมันหัวสั่นหัวคลอน


“นี่พี่ยอด ลืมตาคุยก่อน ลุกขึ้น”


“น้องเป้ เสียงน้องเป้ น้องเป้อยู่ไหน”


มันพยายามเอามือตะกายหาผม ผมก็เอามือให้มันเกาะกุมเอาไว้


“น้องเป้อยู่นี่ พี่ยอดลุกก่อนนะ ไปนอนที่ห้อง”


ผมก็พยายามดึงมันลุกขึ้น แต่มันก็ลุกไม่ขึ้นซักที มันพยายามยังไงมันก็ไม่มีแรงลุก ผมมองมัน หน้าตาเนื้อตัวมันแดงไปหมด แถมมีเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งๆที่แอร์ก็ทำงานเต็มประสิทธิภาพของมัน


“มัวแต่ปลุกมัน มันคงตื่นให้หรอก ลากมันเข้าห้องไปเลยแม่ เดี๋ยวปอจัดการเอง”
แล้วซุปเปอร์แมนอย่างพี่ชายผมก็จัดการลากไอ้หน้าขาวเข้าไปในห้อง ย้ำนะครับว่าลากจริงๆ นี่หละนะคนเมาลากคนเมา จนในที่สุดไอ้หน้าขาวก็มานอนแผ่หราบนเตียง แถมละเมอเรียกชื่อผมตลอดเวลา


“ไอ้นี่เป็นเอามาก”


พี่ชายผมพึมพำเบาๆ นังต้องก็ตามเข้ามาพร้อมด้วยผ้าเช็ดหน้ากับถังแช่ไวน์ที่ใส่น้ำเย็นมายื่นให้ผม


“มึงจัดการเองละกันนะ หน้าที่มึงคนเดียวแล้วหละ เดี๋ยวกูจะนอนที่โซฟาข้างนอก เออ ...อีนี่ พี่นกกับป้าหงวนกลับแล้วนะ อีกสองสามวันป้าหงวนจะมาเยี่ยมมึง ปะ...แม่ เดี๋ยวต้องจะไปจัดการกับห้องโน้นให้แม่นอน แล้วพี่ปอจะนอนที่นี่ปะครับ เดี๋ยวต้องจะได้จัดที่นอนให้ด้วย”


“ไม่ต้องหรอกต้อง เดี๋ยวพี่ต้องไปรับคุณหมอที่โรงพยาบาล”


พี่ชายผมหมายถึงพี่ดา อนาคตพี่สะใภ้ผม ยังไงพี่ฝากดูแลแม่ๆ กับน้องเป้มันด้วยแล้วกัน น้องเป้ พี่ไปหนะ อย่าตีกันหละ อยู่ด้วยกันกับไอ้ยอด แล้วอย่าแอบปล้ำมันหละคืนนี้”


ดูพี่ชายผมพูดสิครับ พูดทีมีแต่หมาเต็มห้องไปหมด


“บ้า พี่ปอบ้า ใครจะไปปล้ำคนเมาให้เสียศักดิ์ศรีหละ”


ผมตะโกนตามหลัง พี่ปอที่หัวเราะหึหึออกจากประตูไป และเมื่อประตูปิดลง ความเงียบเริ่มเข้ามาครอบคลุมผมมองหน้าเข้มขาวได้รูปที่แดงก่ำด้วยพิษสุรา ผมลังเลพักนึง ก่อนที่จะแกะกระดุมเสื้อไอ้หน้าขาวอย่างแผ่วเบา อกกว้างตึง กล้ามแน่น หน้าท้องแบนราบเกร็งแข็งไม่มีไขมันห้อยย้อย เพราะว่ามันรักษาสุขภาพดีมาก ผมปลดเข็มขัด และถอดกางเกงมันออก แต่ดูเหมือนว่าคนเมามันพยายามที่จะขืนตัวเอาไว้ จนผมต้องออกแรงเพิ่มขึ้น จนกระทั่งตลอดร่างกายของมันมีเพียงกางเกงในสีขาวตัวเดียว ผมมองร่างกายของมันแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เอื้อกใหญ่ คนอะไร หุ่นดีชะมัด ถ้าไอ้หน้าขาวมันไม่ขาวขนาดนี้ถ้ามันคล้ำกว่านี้ ผมว่ามันจะดูดีกว่านี้มากๆ เลย ขนาดที่ผมว่าตัวเองขาวแล้ว ไอ้หน้าขาวมันยังขาวกว่าผมอีกแน่ะ ผมลังเลเมื่อมาถึงตอนนี้ สักครู่ผมคิดออกครับ ผมเลยเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมมันไว้ก่อน คลุมตรงส่วนกลางมันไว้แล้วสอดมือเข้าไปรูดกางเกงในของมันออกมา จากการกระทบกระทั่ง ทำให้ผมคาดการณ์ว่าไอ้ลูกชายของไอ้หน้าขาวมันใหญ่มากครับ เพราะมันเริ่มโตขึ้น เมื่อผมกำลังถอดกางเกงในของมันและบางครั้งมือผม ก็ไปโดนมันเข้า ผมคิดว่าของไอ้หน้าขาวมันใหญ่กว่าพระเอกหนังเอ็กซ์ ที่นังต้องมันชอบเอามาให้ผมดูบ่อยๆ เพราะว่ามันกลัวว่าผมจะตายด้านไปซะก่อน ผมหน้าแดงเลย นี่ถ้าตอนนี้มันลุกขึ้นมาทำอะไรผม ผมก็คงต้องยอมมันอย่างไม่มีข้อแม้ แน่นอนเลย พยายามห้ามใจไม่ดูมัน ผมเลยไปเปิดทีวีก่อน ตาจ้องดูทีวีมือก็เช็ดตัวของมัน พลิกซ้ายพลิกขวายังไงไอ้หน้าขาวยังไม่มีวี่แววจะตื่น แต่ตัวมันสั่น ขนลุกตั้งชันเมื่อผมอาผ้าชุบน้ำเย็นลากผ่าน ผมหรี่แอร์ลงและหาชุดนอนมาใส่ให้มัน ใส่เสื้อมันไม่ยาก แต่ใส่กางเกงนี่สิมันไม่ง่ายเลย............



jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #265 เมื่อ12-04-2007 12:13:59 »

จะมีฉากอะจึ๊ยกันอะเปล่าเนี่ยอิๆ  :haun4:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #266 เมื่อ13-04-2007 13:33:08 »

จิ้นคร้าบบบ จิ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

:pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #267 เมื่อ13-04-2007 14:05:12 »

ท่าจะไม่รอดแน่แล้วน้องเป้  :pigha2:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #268 เมื่อ17-04-2007 00:58:55 »

ไม่ว่าผมจะพลิกซ้ายพลิกขวายังไงๆ ไอ้หน้าขาวไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กว่าจะใส่กางเกงให้มันได้ก็ตัดสินใจอยู่นาน เมื่อเห็นว่ามันเมาจนไม่มีสติแน่นอนแล้วผมเลย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ดึงกางเกงใส่เข้าไป แต่ว่าไอ้ผ้าเช็ดตัวเจ้ากรรมที่ปิดน้องชายไอ้หน้าขาวดันร่นขึ้นไปทางหน้าท้องทำให้ผมเห็น ....... ฮื้อ ฮือ ใหญ่ แข็ง เกร็ง ชูผงาดง้ำค้ำโลกจริงๆ ตายแน่ๆ นังเป้ ถ้าโดนเข้าไป ผมไม่อยากคิดแล้วหละตอนนี้ ผมรีบใส่กางเกงให้มันจนเสร็จโดยไม่สนใจว่าน้องรักของมันพองโตแค่ไหน คลี่ผ้าห่มผืนนุ่มคลุมร่างมันไว้ จากนั้นผมหาถังขยะใบเล็กๆ หาทั่วห้องไม่มี เจอชามใบหนึ่ง อืม....ใช้ได้ ผมรินน้ำออก หาถุงพลาสติกมาครอบไว้ เผื่อไงได้หน้าขาวมันอ๊วกจะได้ไม่เลอะที่นอนหรือเลอะพื้นห้อง จัดการกับไอ้หน้าขาวเสร็จ ผมเหงื่อซึมเลย ต้องอาบน้ำหละสิ ผมหอบสมบัติและเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนในห้องน้ำซะเลย ซึ่งปกติแล้วเนี่ย อยู่คนเดียวผมจะเปลี่ยนที่ข้างนอก แต่มีไอ้หน้าขาวมาอยู่ด้วยนี่สิ ผมอาย ผมแอบดูมันนิดนึงว่ามันหลับจริงหรือเปล่าก่อนปิดประตูห้องน้ำลง ยังอาบน้ำได้ไม่ทันเสร็จ ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ด้านนอก ผมเลยแอบแง้มประตูดู ไอ้หน้าขาวมันลุกมานั่งโงนเงน มันอ๊วกรดผ้าห่มครับ ผมแทบจะกรี้ดใส่มันให้บ้านแตกไปเลย เลอะเทอะ แถมเหม็นเปรี้ยวไปหมด ที่สำคัญเสื้อที่ใส่นอนก็เลอะเปรอะด้วยสิ่งที่มันขย้อนออกมา เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมเลยตัดสินใจนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา แอร์กระทบผิวหนังจนหนาว

“ดูสิ เดือดร้อน คนอื่นเขา เบื่อจริง พวกเมาแล้วอ๊วก”


ผมบ่น ง๊องแง้ง ขณะที่ดึงผ้าห่มออกมากองไว้นอกเตียงโดยห่ออ๊วกเอาไว้ข้างในให้แน่นก่อน เดี๋ยวกลิ่นมันจะกระจาย จากนั้นก็เช็ดสิ่งสกปรกที่เกาะบนเสื้อ แต่ไม่ได้ดมว่าสะอาดเหมือนใหม่แบบโฆษณาผงซักฟอกหรอก เพราะ กลิ่นเปรี้ยวๆ มันฟ้องว่ามันไม่สะอาดเหมือนใหม่แน่นอน ไม่ไหวหละแบบนี้ ที่สำคัญไอ้คนเมาตรงหน้ามันโผเข้ามากอดผม พร้อมกับระดมจูบแบบคนเมาๆ จะกรี้ดให้บ้านแตก นี่ผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเองนะนี่ โดนคนเมาระดมจูบพัลวันจนผ้าผมก็หลุดเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า ผมก็ดิ้นสุดฤทธิ์สุดแรง


“อ๊ายยย....พี่ยอดปล่อยน้องเป้นะ อึ๋ยยย ปล่อย โอ้ย เจ็บ อย่ามาทำบ้าๆนะ บอกให้ปล่อยไง”


ผมดิ้นรน ตะโกนเสียงดัง ไม่รู้ว่าคนเมาเอาแรงมาจากไหน ในที่สุดผมก็หลุดออกมาจากอ้อมแขนของคนเมาจนได้ รีบแจ้นไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อน อายสุดชีวิต มือสั่น เมื่อเลือกเสื้อคลุมมาใส่แบบถูกๆผิดๆ ไอ้หน้าขาวมันก็ล้มตัวลงไขว่คว้าไปหา ปากก็เรียกชื่อผมอยู่ไปมา ผมมองดูปมที่ผูกเสื้อคลุมก่อน เมื่อเห็นว่ามันแน่นหนาพอที่จะกันคนเมาแล้วเลยเดินเข้าไปอีกทีแบบหวาดๆ


“พี่ยอด รู้ตัวเองปะเนี่ย”


ผมจับตัวมันประคองขึ้นมานั่ง แล้วเขย่าตัวมันเลย จนมันหัวสั่นหัวคลอน


“อืมม......น้องเป้ พี่เวียนหัวจัง จะอ๊วก”


ผมเลยคว้าชามที่เตรียมไว้มารองทันที แล้วน้ำขมๆก็ออกมาอีกระลอก จนผมจะอ๊วกตาม รู้สึกผะอืดผะอมที่ได้เห็นแล้วก็ได้กลิ่น ไอ้หน้าขาวมันอ๊วกจนหมดแรงจนต้องกอดผมไว้


“อาบน้ำนะพี่ยอด จะได้สดชื่น”


“อืม”


มันพยักหน้า จะว่าไปทั้งผมและมันก็เป็นคนรักสะอาดกันทั้งคู่หละครับ แต่ผมว่ามันหนะเป็นคนเจ้าระเบียบ มากกว่าผมอีก เพราะว่าไอ้หน้าขาวเป็นหลานรักของคุณย่า แถมคุณย่าก็ได้เลี้ยงหลานคนนี้มากกว่าทุกคน เลยทำให้นิสัยจุกจิกพิถีพิถันติดตัวมันมามากกว่าหลานคนอื่นๆ ของคุณย่า


“เดี๋ยวน้องเป้ประคองไป ค่อยๆลุก”


ในที่สุดผมก็ลากคนเมามาห้องน้ำจนได้ ปลดกระดุมเสื้อให้หละ เพราะคนเมาแกะกระดุมเสื้อยังไง ก็แกะไม่ออก ผมกำลังจะถอดกางเกงนอนให้ แต่ไอ้หน้าขาวมันพูดขึ้นมาก่อน


“พี่อาย.......... น้องเป้”


อยากจะร้องกรี้ดสักสิบรอบ ทำไมไม่รู้สึกตัวตอนที่ผมเช็ดตัวมันหละ ที่สำคัญผมเห็นของมันหมดแล้ว และเห็นตอนพร้อมที่จะออกศึกด้วย ฮิฮิ เบ้อเริ่มเทิ่ม


“อาบคนเดียวได้ปะหละ”


ผมถามคนเมาให้แน่ใจอีกที มันหลับตาพยักหน้าหงึกหงัก มันคงสร่างจริงๆหละครับตอนนี้ เพราะว่าอ๊วกออกมาซะมากขนาดนั้น


“งั้นก็รูดม่านอาบน้ำก็พอ ไม่ต้องปิดประตู เมาอย่างนี้ เดี๋ยวล้มแล้วจะไปกันใหญ่ โอเคนะ”


มันพยักหน้าแล้วดึงผมไปกอด ก้อนที่มันจะทำหน้าอ้อน ตาปรือเยิ้มฉ่ำ


“หอมหน่อยนะน้องเป้”


มันมองหน้าผม ไอ้ผมก็สบตามัน นี่ขนาดในห้องน้ำนะเนี่ย ผมเอียงแก้มให้มัน หอม แต่มันพยายามมาที่ปากผม จนผมต้องเบนหน้าหนี


“อี๋ ไม่เอานะพี่ยอด น้องเป้เหม็นอ๊วก รีบอาบน้ำ เดี๋ยวเป้จะได้อาบต่อ อ๊วกเลอะน้องเป้ด้วยแหละ”


“อือ”


ไอ้หน้าขาวมันรับคำก่อนที่จะหันหลังแล้วรูดม่านพลาสติกกั้นไว้ ผมก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่ามกลางสียงน้ำที่ตกกระทบพื้น.....................


เขาว่าคนเมาจนหลับแล้วของไม่แข็งเพราะไม่รู้สึกตัว แต่ทำไมของไอ้หน้าขาวมันแข็งมากจริงๆนะครับสาบานได้เลย แล้วทีนี้พี่กิตติยาวดีที่บอร์ดปาล์มเขาแย้งมา แถมสังเกตุจากตัวเองตอนเมา ถามจากใครต่อใคร ปนากฎว่าประมาณ10เปอร์เซ็นต์ครับที่เมาไม่รู้เรื่องแล้วแข็ง อันนี้ถามจากฝ่ายภรรยาเขานะครับ ทีนี้เป้เลยเอามาเขียนเพราะตอนนั้นมันแข็งโด่เด่จริงๆ ด้วยความที่คาใจเลยไปซักถามตรงๆ ไอ้หน้าขาววันนั้นมันเมาดิบครับ มันไม่เมาแต่มันแกล้งเมา

"อยากรู้ว่าน้องเป้จะทำไงกับพี่เวลาพี่เมา"

อ้าว ไหงมาพูดแบบนี้ ไอ้ผมก็นึกว่าเรารู้จักกันดีแล้วซะอีก วันนั้นผมก็รู้มาอีกว่าไอ้หน้าขาวมันจะแพ้แอลกอฮอล์ ถ้ากินเข้าไปเยอะๆ ตัวมันจะแดงมากๆ จนน่ากลัว แต่มันบอกว่ามันไม่เป็นอะไร มันเพิ่งเป็นมาไม่กี่ปีนี่เอง มิน่าหละ วันนั้นเป้ถึงนึกว่ามันเมามาก อุตส่าห์ดูด้วยใจระทึก ที่ไหนได้ไอ้หน้าขาวมันบอกว่ามันรูสึกตัวทุกอย่าง พอไปเล่าให้นังต้องฟังมันก็บอกว่า

"ดีนะที่มึงไม่ขึ้นขย่มเอง เขาจะได้รู้กันซะทีว่ามึงหนะ เก็บกดจนเป็นฮิททีเรียขึ้นสมอง"


ดูนังต้องมันว่าผมสิครับ
ผมคิดถึงชีวิตในอนาคตของสองเรา ทางที่จะก้าวไปของสองเรา จริงอยู่ที่ครอบครัวของผมและของมันยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างสนิทใจ เพราะผมกับครอบครัวไอ้หน้าขาวรู้จักกันมาตั้งแต่ผมตัวเล็กๆ ตั้งแต่เด็กๆที่ไอ้หน้าขาวมาติดผมอยู่ คุณนายแสนดีเล่าให้ผมฟังว่าเวลาพูดเรื่องแฟนทีไร ไอ้หน้าขาวมันจะบอกว่าผมเป็นแฟนมัน แถมมันยังบอกพ่อของมันว่าถ้าโตขึ้นมันจะมาขอผมแต่งงาน อันนี้เป็นเรื่องขำๆ ของผู้ใหญ่หนะ มันไม่เคยพูดให้ผมได้ยินหรอก แต่ผู้ใหญ่เขาพูดกัน แล้วคุณนายแสนดีก็มาเล่าให้ผมฟัง พอผมถามมัน มันก็บอกว่าผมขี้ตู่ เฮ้อ.....

“คิดอะไรอยู่น้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันคงสร่างมากแล้ว และผมก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการขังตัวเองในห้องน้ำ เพื่อการวัดใจและตัดสินใจอะไรบางอย่าง มันรั้งผมเข้าไปกอด จนใบหน้าของผมแนบกับอกแน่นๆของมัน ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าไอ้หน้าขาวมันไม่ชอบใส่เสื้อนอน แล้วมันชอบใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนแถมไม่ยอมใส่กางเกงในอีก มีหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวมัน นี่ยิ่งทำให้ผม ไม่กล้าที่จะตัดสินใจทุ่มให้เต็มร้อย ผมยังไม่รู้จักไอ้หน้าขาวดีเลยครับ ที่ผ่านมารู้จักเพียงด้านเดียวเท่านั้น อีกด้านหนึ่งของชีวิตผมกำลังเริ่มที่จะเรียนรู้.....


“น้องเป้คิดว่าต่อไปเราจะเป็นไงบ้างน๊า”


“เราก็มีลูกด้วยกันสิ แต่งงานกันแล้วนี่”


ไอ้หน้าขาวมันพูดยิ้มๆ พลางกอดกระชับแน่นเข้าไปอีก


“พูดเล่นๆ ก็ไม่ขำหรอกนะพี่ยอด อืม.....ถ้ามีลูกได้ก็ดีสิเนาะ”


“ไม่มีลูกเราก็อยู่กันได้นะน้องเป้ ถ้าหากเรารักกัน เชื้อชาติ เพศ หรืออะไรก็ไม่เห็นเกี่ยว ที่สำคัญขอให้น้องเป้รู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่พร้อมที่จะปกป้องน้องเป้ตลอดไป”


แค่นี้ผมก็ชื่นใจหละครับ ผมซุกหน้าลงที่อกแกร่ง ผมวางใจแล้วครับว่าผมมีที่พึ่งของใจแล้ว ผมรู้ครับว่าความรักที่แท้จริงระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันหายากมากที่จะรักกันแล้วไม่ทิ้งกันง่ายๆ แต่ผมคิดว่าทำอย่างไรที่จะให้เรารักกันได้นานเท่านาน


“พี่ยอดคิดว่าพี่ยอดรู้จักน้องเป้ดีหรือยัง”


ผมถามขึ้นมา เมื่อไอ้หน้าขาวมันได้แต่กอดแต่หอมผมอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ ทั้งที่มันดึกแล้ว และผมก็ง่วงนอนแล้วด้วย


“เรารู้จักกันมา จะยี่สิบปีแล้วนะน้องเป้”


“แต่น้องเป้ว่าเรายังไม่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันเลยนะพี่ยอด บอกตรงๆว่าน้องเป้กลัว”


“กลัวอะไรครับน้องเป้”


ไอ้หน้าขาวมันหอมแก้มผมทีนึง


“กลัวความไม่แน่นอนมั้ง”


ไอ้หน้าขาวมันนิ่งเงียบ


“แล้วน้องเป้ว่ายังไง”


“น้องเป้ว่าเราเรียนรู้กันก่อนอีกสักหกเดือนดีมั้ย อยู่ร่วมกันสักหกเดือนก่อน ห้ามมีอะไรกันด้วย”


“หกเดือน บ้าหรือเปล่าน้องเป้ นี่ตั้งปีกว่าแล้วน้องเป้ยังไม่ไว้ใจพี่เหรอ”


“น้องเป้อยากรู้จักมากกว่านี้ อีกหกเดือนนะพี่ยอด”


“ไม่เอา พี่ไม่รอถึงขนาดนั้นหรอก นานเกินไป นี่พี่ก็รอมาตั้งปีกว่าแล้ว น้องเป้ไม่เห็นใจพี่เหรอ”


“น้องเป้รักพี่ยอดนะ แต่น้องเป้ไม่พร้อม”


“งั้นอีกสามเดือน ที่เราจะเรียนรู้กัน คราวนี้ถ้าน้องเป้ไม่พร้อมอีก พี่คงต้องพิจารณาตัวเองใหม่หละมั้ง”


ไอ้หน้าขาวมันพูดเศร้าๆ จนผมใจหาย ใจผมหนะรักมัน แต่ผมไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ขอเวลาหน่อยนะพี่ยอด...........




ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: [story]ต้นเหตุที่หัวใจ by อีเรียม
«ตอบ #269 เมื่อ17-04-2007 02:50:15 »

น่าฉงฉานพี่ยอดจัง อดเปรี้ยวไว้กินหนาวนะพี่ยอด  :kikkik:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด