แอม...ครายเปงเจ้าแม่เล้า เรียกให้มานดีๆหน่อยยย :โหลๆ:

แกล้งให้คนค้างเล่น คิกคิก อ้าว มาต่อให้แย้วจ้า
*****************************************************************************
ไอ้หน้าขาว มันดึงกระดาษทิชชู่จากลิ้นชักหน้ารถ ออกมาซับน้ำตาผมเบาๆ
บรรยากาศทุกอย่าง ดูเหมือนมันจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมมองสบตากับมันอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมมันต้องดีกับผมเหมือนเมื่อก่อน ทำไมมันไม่ปล่อยให้ผมร้องไห้ แล้วด่า ใช้คำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจ ให้ผมเลิกคิดฝัน
กับการมีความสุขจากการเสพความหลังปลอบใจตัวเองไปวันๆ อย่างที่แล้วมาเสียที
ยิ่งมันมาทำดีกับผมมากเท่าไร ผมก็ยิ่งร้องให้มากเท่านั้น ผมปล่อยโฮเสียงดังออกมาทันที ไร้สิ้นเรี่ยวแรงที่จะขับรถต่อไป
ผมร้องไห้ ตัวผมสั่น เสียงที่มี ได้เปล่งออกมาด้วยความปวดร้าว
“อย่ามาดีกับเป้เลย พี่ยอด เป้ขอให้เราจบกันไปเลยดีกว่า อย่าให้เจอกันอีกทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาที่เป้ได้ล่วงเกินทุกอย่างเป้ขอให้พี่ยอดอโหสิกรรมให้เป้ด้วย ขอให้เป้ได้อยู่ตามเส้นทางของเป้
อย่าให้เป้ต้องมาเจ็บมากกว่านี้เลย ถึงเราจะไม่เจอกัน หรือเป้ต้องอยู่คนเดียว แต่เป้ก็ยังได้อยู่อย่างมีความสุข อยู่กับภาพความสุขในหัวใจของเป้ตลอดไป”
ผมพูดไปสะอื้นไป ไอ้หน้าขาวตอนนี้ดูหน้ามันก็แดงก่ำ ดวงตาเหมือนมันจะร้องให้หรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ
แต่ดวงตาคู่นั้นมันเหมือนจะขังเอ่อด้วยน้ำใสๆ อยู่ให้สังเกตได้ แล้วไอ้หน้าขาวมันก็รั้งร่างของผมไปกอดเอาไว้ .....
“อย่าเพิ่งพูดอะไรนะน้องเป้ เดี๋ยวพี่ยอดขับรถให้”
มันยกตัวผมขึ้นให้ผมโหย่งตัวขึ้นสลับที่กัน อารมณ์เศร้าผมยังไม่หาย ได้แต่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำตาจนหมดม้วน
ตอนนี้รถเริ่มจะเคลื่อนตัวได้บางแล้ว แม้จะมีรถที่จอดติดกันข้างๆมองเข้ามาที่ผมกับไอ้หน้าขาว แต่ตอนนั้นผมก็ไม่สนใจ
เมื่อผ่านช่วงแยกแห่งความอึดอัดมาได้และฝนก็เริ่มจะซาลงไอ้หน้าขาวเหลือบมองหน้าผมบ่อยครั้ง
“น้องเป้อย่าร้องสิครับ เลิกร้องได้แล้วตั้งนานแล้วนะ เดี๋ยวตาก็แห้งหมดหรอก”
ผมไม่ตอบมันครับ ก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างเดียว จนกระทั่งเสียงของโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา
“ครับพี่ ว่าไงครับ”
ผมพยายามที่จะปรับเสียงไม่ให้มันสะอื้นหลุดรอดเข้าไปในกระบอกโทรศัพท์ แต่กระนั้น ทางปลายสายก็ยังจับเสียงผิดปกติของผมได้อยู่ดี
“น้องเป้ เป็นอะไรหรือเปล่า ตอนนี้อยู่ไหนครับ นั่นร้องไห้หรือเปล่าหนะ”
พี่บอยครับแกถามเสียงรัวมาตามสาย........................
ผมเหลือบตาไปมองคนร่างสูง ที่ขับรถแทนที่ผมอยู่ตรงหน้า หน้าขาวคมเหลือบมองหน้าผมนิดนึง ก่อนที่จะเอามือใหญ่อุ่นคว้ามืออีกข้างผมไปเกาะกุมไว้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจนถึงหัวใจ
“เปล่าครับพี่บอย...ตอนนี้รถติดฝนมันตกหนะครับพี่บอย เป้อยู่บนถนนแถวสุขุมวิทครับ เดี๋ยวเป้ว่าจะเข้าบ้านเลย พี่บอยวันนี้ต้องไปบ้านคุณแม่ไม่ใช่เหรอครับ”
“อืม.. แล้วหาข้าวกินนะ เหงาปะ...ที่วันนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าว”
“เป้กินมาม่าที่ห้องก็ได้ หรือถ้ายังไง วันนี้ว่าจะนัดต้องไปหาจีบหนุ่มซะหน่อย พี่บอยห้ามว่าเป้นะ เพราะว่าพี่บอย ไม่อยู่ไปกะเป้เอง55”
“อืม...ได้ได้ แต่ยังไงก็ตามกติกาเดิม ตีหนึ่งครึ่ง โทรรายงานตัวกับพี่ เข้าใจมั้ยครับคนน่ารักของพี่บอย”
“ค้าบแค่นี้ก็กลัวจะแย่แล้วครับ”
ผมพยายามทำเสียงให้ดูดี เพื่อไม่ให้พี่บอยรับรู้ว่าผมร้องไห้อยู่
“เสียงอู้อี้แหบๆ นะน้องเป้เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
กระแสเสียงห่วงใยมาตามสายทำให้ผมอดที่จะตื้นตันไม่ได้จริงๆ
“เป้โดนฝนอะครับพี่บอย เดี๋ยวยังไงถึงบ้านแล้ว...เป้โทรหานะครับ สวัสดีครับพี่”
ผมพูดกับพี่บอยสักครู่ ก่อนวางสายลงแล้วน้ำตาผมก็เอ่อออกมาอีก ผมยังมีเหลืออยู่สินะคนที่ห่วงใย
คนที่เขาต้องการผมอยู่อย่างแท้จริง มือใหญ่ของคนข้างๆ บีบมือผมเบาๆพลาง โยกหัวผมเล่นเหมือนที่เคยทำในสมัยก่อน
“โอ๋...นิ่งซะเด็กขี้แย ของพี่ยอด”
ไอ้หน้าขาวมันพูดจนผมต้องโฮเสียงดังออกมาอีกรอบ พลางเอามือปัดมือใหญ่ทีลูบหัวผมอยู่ออก ผมจ้องตากับมัน
“ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องมาทำดีกับน้องเป้อีก ยังไม่สะใจพอหรือ พี่ยอดเคยฆ่าน้องเป้ให้ตายมาครั้งหนึ่งแล้ว
แล้วนี่พี่ยอดยังไม่สะใจ ตามมาฆ่ากันอีกหรือ”
ผมถามมันเสียงสั่น ๆ พร้อมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาทั้งสองข้าง ไอ้หน้าขาวมันนิ่ง ผมเลยพูดต่อ
“พี่ยอดทำเพื่ออะไรกัน ทำไมต้องทำให้น้องเป้ต้องเจ็บซ้ำซาก บอกตรงๆว่าเป้พอแล้ว เป้เจ็บจนเกินพอแล้ว ฮือๆๆ ”
ไอ้หน้าขาวมันหน้าเครียด ขบกรามเป็นสันนูน มือมันกุมพวงมาลัยรถผมแน่น สายตามันจ้องไปข้างหน้าที่มีแต่รถ จอดติดกันบนท้องถนนเป็นแพแบบนี้