กว่าคนจะรู้ใจตัวเอง บางครั้งก็สายเกินไป
********************************************************
หลังจากที่กินข้าวกับครอบครัวแล้ว ผมรีบปลีกตัวออกมาครับยิ่งครอบครัวไอ้หน้าขาวที่ตามมาสมทบในช่วงก่อนจะเช้ามันทำให้ครึกครื้นมากยิ่งขึ้น แถมตอนนี้ยังมีผู้หญิงที่ผมเกลียดมากที่สุดในโลกอย่าง น้องกิฟต์ .......ผมหละเซ็ง ไม่อยากเห็นไม่อยากให้ใจเจ็บอีกต่อไป แต่มันก็ยังต้องทนเห็นอยู่ดี ภาพของไอ้หน้าขาวที่ตระกองกอดน้องกิฟต์อย่างทนุถนอม ทำให้ผมเจ็บแปลบ ขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาผมพาลจะไหล ทั้งๆที่ตอนนั้น สองครอบครัวเริ่มจะเชื่อมสัมพันธ์กันผ่านทาง.....น้ำเมา ผมทนไม่ไหวจริงๆมันเจ็บที่หน้าอกแปลบๆจนผมต้องเอามือกุมไว้
ความรักที่ไม่ได้รับการแยแส รสชาติมันเจ็บแบบนี้นี่เอง ผมลุกขึ้นตรงไปยังแม่ผมทั้งๆที่น้ำตานองหน้า
“แม่จ๋า น้องเป้ปวดหัวมากๆ เดี๋ยวน้องเป้ขอนอนเลยนะแม่ ไม่ไหวแล้ว”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หือ น้องเป้ ไหนให้แม่ดูหน่อยสิลูก” แม่ประคองแก้มของผมไว้ด้วยมือทั้งสองข้างจนน้ำตาผมไหลรินลงไปมือทั้งสองของแม่
“ตัวอุ่นๆหนะลูก ไปเดี๋ยวแม่จะพาไปนอน”แม่จ๋า แม่รู้ไหมว่า แม่ชวนน้องเป้กลับบ้านมา เพื่อให้ไอ้หน้าขาวทำลายหัวใจของลูกแม่แล้ว.......
ผมนอนร้องไห้ทั้งคืนครับคืนนั้น น้ำตาไม่รู้มันมาจากไหนมันไม่ยอมหยุดในสมองก็มีแต่ภาพที่ไอ้หน้าขาวที่ตระกองกอดกับน้องกิฟต์
“พี่ยอด น้องเป้รักพี่.....” ผมคร่ำครวญออกมาพลางซบหน้าลงบนหมอนที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำตา..........
ผมปวดหัวมากมันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกไปไหนอีกเลย ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลืมตาขึ้นมามองโลกสีครามใบสวยนี้อีก ทำไมมันไม่อยากทำอะไรเลย ผมพยายามที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เบื้องหน้าเท่าที่สายตาพร่ารางเลือน ที่ผมเห็นก็คือ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเผ้าไม่อยู่ในระเบียบนัก นัยน์ตาของเธอมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แววตาเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่รักผมเสมอมา ไม่ว่าผมจะเป็นยังไง เลวร้ายยังไง ผู้หญิงคนนี้ คือคนที่คอยเคียงข้าง และปกป้องผมตลอดเวลา
“น้องเป้ ฟื้นแล้วหรือลูก หนูไม่สบายมากจ๊ะ ช็อคไปตั้งแต่เมื่อตอนดึก อย่าเพิ่งลุกนะลูก” แม่เอามือดันตัวผมลงบนที่นอนของโรงพยาบาล ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้หมอกพร่านั้นมันรางเลือน จนแม่ผมต้องเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดมันออกมา
“อย่าร้องไห้เลยนะน้องเป้ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว ขวัญเอ้ย ขวัญมา ลูกน้อยของแม่ ”แม่ลูบหัวผมเบาๆ
“น้องเป้อยากกลับกรุงเทพได้มั้ยแม่ วันนี้เลย ไม่อยากอยู่ตรงนี้” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
“เดี๋ยววันนี้แม่จะให้พี่ปอ ขับรถไปส่ง แล้วแม่จะไปอยู่กับน้องเป้สักพัก ไม่อยากให้อยู่คนเดียว แม่รักน้องเป้มาเลยรู้ไหมลูก” แม่ผมพูดน้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม
“แม่จ๋า น้องเป้รักแม่” ผมร้องไห้โฮโผเข้ากอดแม่สะอื้นตัวโยน....................
หลังจากที่ผมฟื้นได้สติขึ้นมา พี่ปอก็ขับรถมาส่งผมกับแม่ ผมรู้สึกเหงาอย่างประหลาด ไอ้หน้าขาวจะหมั้นพรุ่งนี้ ไม่อยากรับรู้ความเจ็บปวดนี้ เมื่อก่อนผมเคยทำได้ไม่ใช่เหรอสองปีที่ผ่านมาผมไม่เคยที่จะเจอกับมันแม้แต่เงา....และการเจอที่ไม่คาดคิดก็ผับคืนที่เกิดเหตุวันนั้น... ทำให้ใจผมไหวแกว่งอีกครั้งหนึ่ง ขอเวลาให้เป้สักนิดนะแม่ ขอให้เป้เข้มแข็งกว่านี้อีกนิด ทีนี้ไม่ว่ากับใครเป้ก็จะไม่อ่อนไหวอีกแล้ว ผมเหลือบไปมองผู้หญิงวัยกลางคน ร่างบางๆที่หลับมาบนเบาะด้านหลัง...บอกกับตัวเอง น้องเป้จะเข้มแข็งแล้วนะแม่..... พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่ไอ้หน้าขาวจะเข้าพิธีหมั้น ผมยอมรับเลยว่าถ้าให้ผมอยู่ร่วมพิธีนั้น ผมคงต้องตายแน่ๆ ทางที่ดีผมต้องหนี หนีไปให้ไกล จะได้ไม่ต้องรับรู้ข่าวสารของกันและกันอีก แค่คิดมันทำไมถึงเจ็บได้ขนาดนี้ พรุ่งนี้เขาก็จะเป็นคนที่มีเจ้าของไปแล้ว ส่วนผมคงได้แต่อยู่ตามลำพัง แบบคนที่หัวใจสลาย.......
วันรุ่งขึ้นแม้จะเป็นวันหยุด ถึงผมจะอยู่ที่กรุงเทพแล้วก็ตาม แต่หัวใจของผม ลิ่วไปอยู่ที่ผู้ชายที่ผมรัก คนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้ตอนเด็กๆนั้น ไอ้หน้าขาวแม้มันจะรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ถึงมันไม่ได้เข้ามากีดกันเด็กผู้ชายคนอื่นหรือจีบผมเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ตามดูแลผมอยู่ไม่ห่างนัก คอยปกป้อง คอยดูแล น้ำใจของมันมีมาให้ผมก็เยอะแยะ จนผมลืมไม่ลง สมัยก่อนต้องไปไหนด้วยกัน กินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน ไปดูหนังก็ไปด้วยกัน ถึงไม่ได้ไปสองต่อสองก็ตาม แต่ก็ยังต้องมีไอ้หน้าขาวติดตามไปด้วยทุกครั้ง แม้ว่าจะโดนล้อมาตั้งแต่ประถมว่าผมเป็นแฟนกับไอ้หน้าขาว แต่เราสองคนไม่เคยเถียง ปล่อยให้คนอื่นๆเข้าใจไปเอง บางทีมันคงรำคาญมั่งหรอก แต่ผมนี่สิมันไม่เป็นอย่างนั้น ผมกลับรักมันยิ่งขั้นทุกวันๆ แต่วันนี้สิมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่สิความจริงแล้วมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสาม เมื่อมีน้องใหม่เข้า และน้องปีหนึ่งคนนั้นชื่อ......น้องกิฟต์
น้องกิฟต์เป็นน้องปีหนึ่งที่น่ารักมาก สะสวย เรียบร้อย ร่ำรวยจึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นที่กล่าวขานทั่วมหาวิทยาลัย และที่สำคัญเธอเป็นเดือนมหาวิทยาลัยที่ส่องใส มีผู้ชายมากมายรุมล้อมและหนึ่งในนั้น.......ไอ้หน้าขาว
ช่วงที่ไอ้หน้าขาวหมั้นนั้นผมเหม่อลอย บางครั้งคิดจะฆ่าตัวเองด้วยซ้ำไป ครั้นพอเห็นหน้าแม่ ที่แกมาอยู่กับผม มาดูแลผม ผมทำไม่ลงครับ แม้ใจจะเจ็บปวดเพียงไรก็ตาม บางครั้งแม่ก็เอ่ยปากชื่นชมไอ้หน้าขาวพลางบ่นเสียดายที่ไม่ได้ร่วมในงานหมั้น ผมมีอาการทุกครั้งมันเจ็บจริงๆนะครับ เจ็บหัวใจเหมือนถูกใครบีบอย่างรู้สึกได้ จนต้องแอบเดินเลี่ยงออกมาร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวม เวลาสองสัปดาห์ที่แม่อยู่กับผมมันเป็นเวลาที่ทำให้ผมแกร่งโลกมากขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าบนโลกใบนี้ในความโหดร้ายบางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดมันอยู่ใกล้ๆตัวเรานี่เอง บางคนไขว่าคว้าหามาจากสิ่งที่ไกลตัวอย่างอยากลำบาก จนลืมนึกไปว่าสิ่งใกล้ๆตัวก็ทำให้เรามีความสุขได้เช่นเดียวกัน ช่วงเวลาที่แม่ผมมาอยู่นังต้องก็แวะมาอยู่เนืองๆ มันรู้อาการของผม รู้ว่าผมมีปัญหาแน่นอน แต่มันไม่พูดอะไรออกมา นอกจากที่มันไม่ซักไซ้ผมแล้วมันยังคอยปลอบประโลมผมด้วยซ้ำไป
“กูไม่รู้หรอกนะว่า มึงเปลี่ยนไปเพราะอะไร แต่กูอยากเห็นอีเป้คนเดิมวะ คนที่เคยสดใสร่าเริง มันไปอยู่ที่ไหนวะ กูรู้ ว่ามึงไม่อยากพูดถึงมันอีก แต่มึงจะมาทำตัวท้อแท้ ไม่ยอมลุกขึ้นมาสู้อย่างนี้ไม่ไหวแล้วนะโว้ย สงสารแม่มึงมั่ง
มึงไม่รู้หรอกว่าแม่มึงกลุ้มแค่ไหน บางทีกูเห็นแกแอบร้องไห้ จนกูทนไม่ไหวแล้วนะเป้ มึงไม่สงสารแม่มึงบ้างเหรอ” นังต้องพูดเสียงเครือพลางร้องไห้ออกมา
“ต้อง กูไม่อยากอยู่เลย กูทนอยู่ทุกวันนี้ เพราะกูไม่อยากให้แม่กูเสียใจ มึงรู้ไหม กูไม่อยากนอนหลับเลย แต่กูต้องฝืนใจหลับตา เพราะกูรู้ว่า ถ้ากูยังไม่นอน แม่กูก็ต้องคอยเฝ้ากูอยู่อย่างนั้น”
“แล้วมึงไม่คิดจะทำให้แม่มึงสบายใจมั่งเลยเหรอ เลิกท้อแท้เหอะเป้ เห็นแก่แม่มึงเหอะ พ่อแม่มึงหนะรักมึงมากนะ”
“กูจะพยายามต้อง” นังต้องมองหน้าผมแล้วยิ้ม
“กูรู้ว่ามึงต้องทำได้ อย่าลืมที่มึงเคยบอกกูไว้หละ อีเรียมไม่มีวันท้อแท้ วันนี้กูเอาคำพูดเดิมๆที่มึงเคยบอกกูมาพูดมั่ง อี่นี่ อกหักมันไม่ตายหรอกว่ะ”
“รู้ได้อย่างไรว่ากูอกหัก”
“อีนี่ ถ้ากูไม่เคยมีอาการแบบมึงกูจะรู้เรอะ สมัยที่กูยังไม่รู้จักกับมึงหนะ กูมีแฟนอยู่คนหนึ่ง รักกันมาตั้งแต่ ม.6 ก็คบกันเรื่อยมา จากนั้นเราก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย คิดดูนะมึงกูเรียนรังสิต มันเรียนหนองจอก กูยังตะลอนๆไปหามันเกือบทุกวัน พอกูอยู่ปีสี่ครอบครัวกูเริ่มมีปัญหาทางการเงิน กูต้องดรอปเมาช่วยงานครอบครัว สรุปแล้วกูจบช้ากว่ามันปีนึงวะ ช่วงที่กูดรอปเรียนมาทุ่มเทช่วยงานที่บ้านเต็มที่ช่วงนี้หละที่มันเริ่มเปลี่ยนแปลง เป็นเพราะกูไม่มีเวลา หรือกูไม่เอาใจใส่มันก็ไม่รู้ มันแอบมีคนใหม่โดยที่กูไม่รู้ แล้วคนที่เป็นแฟนใหม่มันคือเพื่อนสนิทของกู ที่รวยกว่ากูตอนนั้นกูเป็นหนักยิ่งกว่ามึงซะอีก กูยิ่งกว่าคนบ้า อาละวาดมันทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุด กูก็กินยาฆ่าตัวตาย แต่แม่กูมาเห็นพอดี เลยส่งโรงพยาบาลทัน ตอนนั้นหนะ กูก็ยังไม่เลิกคิดหรอกนะ ว่ากูจะทำยังไงที่จะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่แม่กูสิ ทำให้กูเลิกคิด สภาพแม่กูตอนนั้น เหมือนแม่มึงตอนนี้ไม่มีผิด กูเห็นแล้วเลยถอดใจ ยอมสู้อีกครั้ง ไอ้ที่แล้วมาให้แล้วกันไป กูก็ทำตัวใหม่แม้กูจะเจ็บจะคิดมาก แต่กูต้องหักใจ เพราะกูรักแม่ แล้วมึงหละเป้ มึงไม่รักแม่มึงเลยหรือ”
“ต้องกูขอโทษ”
“โน่นเลย คนที่มึงควรขอโทษ และกราบตีนขอขมา โน่น แม่มึงโน่น”
ผมเดินเข้าไปหาแม่ ดูแม่จะแปลกใจนิดๆ ใบหน้าแม่หมองหม่น แววตาไม่แจ่มใส ปกติแม่จะดูดีกว่านี้มาก นี่ผมทำร้ายแม่สุดที่รักของผมขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ผมเดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าแม่ พลางมองหน้าแม่ แม่มองผมแล้วยิ้มให้ น้ำตาผมไหลริน... ดูแม่จะตกใจเล็กน้อยเมื่อผมก้มลงไปกราบแทบเท้าของแม่ น้ำตาผมหยดบนหลังเท้าของแม่ จนแม่ต้องประคองผมขึ้นมา
“แม่จ๋าน้องเป้ขอโทษ น้องเป้ทำให้แม่เสียใจ ทุกข์ใจ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว แม่ยกโทษให้น้องเป้นะแม่”ผมร้องไห้ โผเข้ากอดแม่ โดยมีนังต้องยืนมองอยู่ไม่ไกลนัก
“แม่ก็รักน้องเป้มากจ๊ะ แม่ไม่อยากเห็นน้องเป้กลุ้มแบบนี้ ลูกของแม่เคยร่าเริง พอมาเป็นอย่างนี้แม่ทำตัวไม่ถูกเลยลูก”
“น้องเป้ จะเป็นคนที่เข้มแข็งไม่ขี้แยอีกแล้วหละแม่” ผมยิ้มให้กับแม่ที่อยู่ตรงหน้า
“จ้า.....อีคนสวย แหมพอยิ้มขึ้นมาหละขี้ตาเขรอะเลย ร้องไห้ก่อนนอนจะทำให้ขี้ตาเขรอะนะมึงจำไว้”ปากของอีนังเพื่อนผมแต่ผมไม่สนใจหละครับตอนนี้เพราะผมมีความสุขท่ามกลางคนที่ผมรักละยังรักผมมากตั้งสองคนแหนะครับ