สำลีชุ่มเลือดและแอลกอฮอล์ถูกทิ้งลงในถาดแสตนเลสก้อนแล้วก้อนเล่า ในขณะที่พยาบาลสาวค่อยๆจัดแจงวางเครื่องมือแพทย์ลงบนในถาดโลหะที่มีผ้าสีเขียวปูรองอยู่ด้านบนอย่างเป็นระเบียบ... เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับรอยบอบช้ำบนร่างกาย..
ใบหน้าเข้มที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำนั้นดูเฉยชาต่อความเจ็บปวดทั้งมวล มีพียงดวงตาแดงก่ำที่ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวพึ่งผ่านการร้องให้มาอย่างหนัก..
พยาบาลสาวแกะซองพลาสติกออกจากไซริงค์ ก่อนจะกดมันลงไปในหลอดเล็กๆที่มีเข็มฉีดยาบรรจุอยู่ในนั้น เธอหันมาบอกกับเด็กหนุ่มที่นอนซมอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
"น้องคิมหันต์คะ..เดี๋ยวคุณหมอจะมาเย็บแผลให้นะคะ พี่ขอฉีดยาชานิดนึงนะ.."
ไม่มีอาการตอบรับจากเด็กหนุ่ม พยาบาลสาวหยิบผ้าสีเขียวคลุมลงบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำอย่างเบามือ เธอเลื่อนช่องโหว่ตรงกลางผ้าให้ตรงรอยแตกเหนือคิ้วเป็นทางยาว.. พลางชวนเด็กหนุ่มคุยเป็นระยะเหมือนเป็นการปลอบโยน..
"ไม่ต้องห่วงนะคะ เย็บแผลนิดเดียว ไม่เจ็บหรอก คุณหมอฝีมือดีมาก.. รับรองว่าแผลหายแล้วก็กลับมาหล่อเหมือนเดิม.."
คนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมยังคงเงียบจนน่าใจหาย กระนั้น เธอก็ยังกระซิบบอกเด็กหนุ่มก่อนจะลงมือฉีดยาชา...
"เจ็บนิดเดียวนะคะ.."
กล้ามเนื้อบริเวณที่ถูกเข็มแทงลงไปกระตุกเพียงเล็กน้อย..แต่คนเจ็บยังคงนิ่งงัน.. นายแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินเดินทะลุบังตาเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
มือทั้งสองข้างสวมถึงมือยางกลิ่นประหลาดชวนพะอืดพะอม พยาบาลสาวพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่ายาชาน่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
ทันทีที่หมอเริ่มลงมือทำงาน เสียงกริ๊กๆของอุปกรณ์โลหะก็ได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบที่บีบคั้นความรู้สึก..
การเย็บแผลดำเนินไปอย่างรวดเร็วและปราณีต เมื่อหมอจรดปลายเข็มสุดท้ายเกี่ยวเย็บผิวเนื้อที่แตกเป็นทางยาวและดึงขมวดปมไหมละลายเสร็จ.. ก็พูดกับเด็กหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนเตียงไข้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"เดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ปวดเพิ่มให้อีกเข็มนะครับ อย่าพึ่งลุก เดี๋ยวหน้ามืด.."
ร่างสูงใหญ่ในชุดนักเรียนขืนตัวลุกอย่างดึงดัน.. เด็กหนุ่มดึงผ้าสีเขียวที่คลุมหน้าออก ไม่แยแสกับรอยแผลที่พึ่งเย็บเสร็จหมาดๆแม้แต่น้อย หมอและพยาบาลข้างเตียงมองสบตากัน ก่อนที่จะช่วยกันเกลี้ยกล่อมคนเจ็บอย่างนุ่มนวล...
"ขอหมอฉีดยาแก้ปวดอีกเข็มเดียวครับ..แล้วค่อยลุก.."
ใบหน้าเข้มนั้นค่อยคลี่คลายลงเมื่อได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยน.. เด็กหนุ่มยื่นท่อนแขนให้อย่างว่าง่ายเพื่อให้พยาบาลสาวใช้สำลีก้อนเล็กๆชุบน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด.. ก่อนที่เธอจะฉีดยาให้อย่างเบามือ..
"น้องคิมต้องนอนพักซักเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวยาก็ออกฤทธิแล้ว"" พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อเด็กหนุ่มชันตัวขึ้นมานั่งทันทีฉีดยาเสร็จ แต่เจ้าตัวไม่สนใจฟังพยายาม นั่งอยู่ในท่าห้อยขาเตรียมลุกจากเตียงให้ได้..
"จะไปไหนคะ? หรือจะเอาอะไร จะให้พี่เรียกคุณพ่อให้มั้ย?" น้ำเสียงอ่อนหวานพยายามหว่านล้อมให้เด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เตียงตามเดิม แต่คนเจ็บยังคงพยายามจะลุกจากเตียงให้ได้ แม้เจ้าตัวจะเริ่มรู้สึกอ่อนล้าลงเพราะพิษบาดแผลและการอดนอน แต่ก็ยังแข็งใจกัดฟันพูด..
"ผม..จะไปหา..แบ็งค์"
หมอหนุ่มพยักหน้าให้พยาบาลสาวชวนคุยฆ่าเวลา ในขณะที่คนบนเตียงเริ่มกะปลกกะเปลี้ยขึ้นเรื่อยๆ..
"นอนรอที่เตียงซักประเดี๋ยวนะคะ... เดี๋ยวพี่ไปตามคุณพ่อมาให้ ไม่ต้องห่วงเพื่อนหรอกค่ะ..ตอนนี้พักก่อนดีกว่า.."
"แบ็งค์...ผมต้องไปหา..แบ็งค์"
เด็กหนุ่มพูดได้เพียงเท่านั้นดวงตาก็หรี่ปรือลง ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน.. ภายในหัวหนักอึ้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว.. แม้เจ้าตัวจะพยายามความสามารถที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นให้ได้..แต่ดูเหมือนร่างกายอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมโดยสิ้นเชิง.. คิมหันต์พยายามตะเกียกตะกายต่อสู้กับสติสัมปชัญญะที่กำลังจะจมดิ่งสู่ความมืดอย่างรวดเร็ว..ในใจทุรนทุรายต้องการที่จะไปเฝ้าหาแบ็งค์ให้ได้..
ทั้งหมอและพยาบาลยืนขนาบสองข้าง..ก่อนจะประคองให้เด็กหนุ่มค่อยๆเอนตัวลงบนที่นอนอย่างระมัดระวัง
เสียงสุดท้ายจากคุณหมอหนุ่มที่ยืนข้างเตียงแว่วเข้าหู...
"ยาที่หมอฉีดให้คงจะออกฤทธิแล้ว พอแกหลับสนิท คุณช่วยไปตามญาติผู้ป่วยที.. เห็นว่าจะขอรับตัวกลับบ้านคืนนี้เลย เดี๋ยวหมอต้องไปดูคนไข้รายอื่นอีก.."