ชอบหนูวินธ์จริงๆ แบบนี้ล่ะมันส์
ลิงน้อยหน้าขาวปากแดงนึกถึงคนนี้ขึ้นมาเลย
ปล.ไม่รู้จะมีใครคิดเหมือนเราบ้าง
อยากกินนิชชิน หวาน มัน กรอบ
น่ารักเนอะ แ่ต่วิธวินท์ในความคิดผมคิ้วเฉียง ดุๆ ดื้อๆ หน่อยนึงและแมนกว่านี้ แต่ว่าน้องนิชคุณนี่ก็น่ารักดีเนอะ คนอะไร น่ากิน จับมาแต่งหน้าทาปากนี่คงสวยน่าดู
ขอบคุณสำหรับความเห็นทุกท่านนะครับ โดยเฉพาะคุณ here
มีอะไรติชมก็ช่วยส่งมาหน่อยนะครับ เพราะจะได้ปรับปรุง ตอนนี้เขียนไปเยอะและทำวิดยานิพินด้วย ไหนจะตระเวนหาเมียอีก เลยชักเบลอๆ
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกดคะแนนให้นะ ใกล้จะถึง 1000 แล้ว แต่ยังไม่มีแววสมหวังซะที คนที่เราชอบเขาก็ทำเฉยๆ อุตส่าห์ส่ง เอสเอ็มเอสบอกความในใจก็ทำเป็นเฉไฉ
เฮ้อ สงสัยต้องใช้วิธีเขียนชื่อทุกคนที่รู้จักใส่กระดาษแล้วเลือกขึ้นมา 1 ชื่อ ได้ชื่อใคร คนนั้นก็ต้องโดนผมปล้ำทำเมีย
20
ศรายุธเดินเข้ามาในล๊อบบี้โรงแรมเมื่อเวลาสิบห้านาทีหลังเที่ยงคืน แล้วมุ่งตรงไปยังเคาท์เตอร์พนักงานต้อนรับเพื่อรับกุญแจห้อง แต่ยังไม่ทันจะถึงก็ต้องชะงักเพราะจู่ๆ ก็มีคนก้าวเข้ามาขวางทาง
"อายุธ หายไปไหนมา"
"วินท์ ทำไมยังไม่นอนอีก" ศรายุธเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่ตอบคำถามหลานหากตั้งคำถามฝ่ายนั้นแทน
"นอนได้ยังไง มาเที่ยวนะ หกทุ่มเป็นเวลาออกไปท่องราตรี"
"แล้วทำไมยังไม่ไป" ศรายุธถาม
"ก็เพราะมารออายุธไง"
"อาไม่ไปด้วยหรอก จะนอน" ศรายุธทำท่าหาว "ไปกันเองเถอะ แต่อย่ากลับดึกนักนะ อย่าดื่มเหล้าจนไม่ได้สติ แล้วบอกภมรด้วยว่าให้เตรียม..."
"ทำไมหัวยุ่ง เสื้อปล่อยชายข้างเดียว อาไปทำอะไรมา" วิธวินท์เปลี่ยนเรื่องถาม
ศรายุธก้มลงมองตัวเองแล้วหันหน้าไปมองด้านข้างเพราะต้องการหลบตาหลานชายที่ยืนทำหน้านิ่งเรียบอยู่ตรงหน้า วางท่าราวกับว่าเขาเป็นเด็กหนีเที่ยว
"ปกติอายุธเอาเสื้อเข้าในกางเกง"
"อามาเที่ยวทะเลนะวินท์ ไม่ต้องเรียบร้อยขนาดนั้นก็ได้ แล้วที่ผมยุ่งก็เพราะลมทะเลมันพัด นี่จะมาจับผิดอะไร" ศรายุธอธิบายยิ้มๆ
"ไม่ได้จับผิดหรอก เพียงแต่แปลกใจที่เห็นแวบหายไปทันทีหลับทานข้าวเย็นเสร็จ เจ้าของบริษัทไม่อยู่สนุกกับลูกน้อง"
"วินท์กับภมรก็อยู่ เจ้าของบริษัทมีสามคน"
"แต่อาเป็นผู้ใหญ่สุด ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าถึงเราเป็นหุ้นส่วนกันสามคน แต่ผมกับภมรก็ยกให้อายุธเป็นประธานบริษัท"
"แล้วนี่จะรู้ให้ได้ใช่ไหมว่าอาไปไหนมา" ศรายุธถอนหายใจเบาๆ มองหน้าวิธวินท์ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหลบจากการขวางทาง
"ไปหาคุณเต้ยใช่หรือไม่ นัดคุณเต้ยมาที่เกาะด้วนใช่หรือเปล่า"
"เปล่า" ศรายุธตอบปฏิเสธทันที
"เปล่านี่คือตอบคำถามแรกหรือตอบคำถามที่สองของผม" วิธวิณท์ทำหน้าบึ้งแล้วถามต่อว่า "แต่คุณเต้ยรู้ใช่ไหมว่าเรามาที่นี่ แล้วบอกให้คุณธีรดนย์ตามมาด้วย"
"อาไม่รู้"
"ไม่รู้ว่าคุณเต้ยรู้ หรือไม่รู้ว่าคุณธีรดนย์มา หรือไม่รู้ไม่เห็น"
"ทั้งสองอย่างนั่นล่ะ นี่อากลายเป็นจำเลยใช่หรือเปล่าวินท์" ศรายุธยังทำหน้ายิ้มขันกับการซักไซร้ไล่เลียงของหลานชาย
"คุณธีรดนย์มาที่นี่ ถ้าเจ้านายรู้ก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเลขาบอก และถ้าเลขารู้ก็คงต้องรู้จากคนที่เขาสนิทสนมด้วย และในบริษัทเรา คุณเต้ยเขาก็สนิทกับอายุธมากที่สุด ซึ่งผมไม่ค่อยจะอยากเห็นด้วย" วิธวินท์ยืดกอดอก เอียงคอพูดกับศรายุธช้าๆ
"เดือนร้อนวินท์มากนักหรือ"
"เปล่า ผมแค่เป็นห่วง"
"อะไรนะ เป็นห่วง เป็นห่วงอาเรื่องอะไร อาต่างหากที่ต้องเป็นห่วงวินท์"
...เป็นห่วงกลัวคุณธีรดนย์จะทำอะไรวินท์แล้วทิ้งให้เสียใจ...
"ผมเอาตัวรอดได้ แต่อายุธนั่นล่ะจะไม่รอด รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร"
"เจอกับอะไรหรือวินท์" ศรายุธแกล้งถาม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหลานชายตัวดีกำลังจะพูดอะไร เขารู้ว่าวิธวินท์อยากให้อาของตัวเองลงเอยกับภิรายุเพราะเหตุผลที่ว่าเหมาะสมกัน
"เฮ้อ" วิธวินท์แหงนหน้าขึ้นถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะพูดว่า "ก็เจอกับนักล่านะสิ"
"หมายความว่ายังไง"
"อายุธ" วิชวินท์เดินเข้ามาใกล้แล้วมองตาศรายุธนิ่ง "อายุธไม่ทันคุณเต้ยหรอก แล้วอาก็ไม่เหมาะกับเขา คุณเต้ยเปรี้ยวและสมัยใหม่มาก ไม่รู้ว่าเขาจะจริงใจและจริงจังกับอายุธแค่ไหน อาจจะหลอกให้อายุธฟันเขาแล้วเขาก็ทิ้ง อายุธก็จะตกหลุมรักคุณเต้ยแล้วก็ต้องมาเศร้าภายหลัง คนที่เหมาะสมกับอายุธคือ..."
"ภิรายุ" ศรายุธแทรก "ทำไมอาจะไม่รู้ว่าวินท์พยายามจับคู่ให้อา แต่อย่าลืมนะวินท์ ความเหมาะสมกับใจรักมันคนละเรื่อง ถ้าเป็นวินท์ จะเลือกอะไร"
"ความเหมาะสมสิ สองคนต้องไปกันได้ มีอะไรเหมือนๆ กัน เข้ากันได้ ทันกัน"
"แน่ใจได้ยังไงที่ว่าคุณเต้ยจะหลอกอาแล้วก็ทิ้ง"
"แสดงว่าอายุธกะจะได้คุณเต้ยแล้วทิ้งเหมือนกันหรือ" วิธวินท์สรุป
"โธ่วินท์ ทำไมชอบคิดอะไรเอาเองไปเรื่อย" ศรายุธส่ายหน้า "ไร้สาระ คิดอะไรก็ไม่รู้ พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง ไป๊ ไปเที่ยวได้แล้ว"
ศรายุธหัวเราะออกมาแล้วยกมือขั้นจะตบแก้มหลานหนุ่มเบาๆ อย่างที่เคยทำ แต่หลานชายตัวโตรีบเอียงหน้าหลบแล้วขยับตัวออกไปด้านข้างพร้อมบ่นว่า "เอาอีกแล้ว จะตบแก้มผมอีกแล้ว บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ นี่ก็กลางล๊อบบี้ ไม่อายบ้างหรือไง"
"วินท์เป็นเด็กของอาเสมอ ถึงตัวโตเป็นยักษ์ก็ยังเป็นเด็กสำหรับอา"
"เด็กอย่างนี้ก็ยังทันคน ผู้ใหญ่อย่างอายุธนั่นล่ะระวังตัวเอาไว้ เดี๋ยวได้โดนหลอกให้เจาะไข่แดงเขาแล้วถูกเขาทิ้ง" วิธวินท์เตือน ทำหน้าห่วงใยศรายุธอย่างจริงจัง
"ครับ จะระวัง" ศรายุธยิ้มมุมปาก มองวิธวินท์ด้วยสายตาขำๆ ที่หลานห่วงเขาจนเกินเหตุ ก่อนจะเอื้อมมือไปผลักไหล่หลานชาย "อารู้วิธีใส่ถุงยางอนามัย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"ผมกลัวว่าอาจะตกเป็นของคุณเต้ยโดยประมาท เดี๋ยวจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา" วิธวินท์เบ้ปาก
ศรายุธศีรษะ ทำหน้าระอาใจกับพฤติกรรมของหลานชาย หากในใจพูดกับวิธวินท์ว่า
...สายไปแล้วล่ะวินท์ มันเริ่มจะยุ่งแล้วล่ะ...
...วินท์ไม่รู้อะไรหรอก ไม่รู้จริงๆ..
ภมรส่ายหน้าอย่างระอาใจเมื่อคนที่เขากำลังพูดโทรศัพท์ด้วยไม่ยอมวางสายเสียที บารมีบ่นใหญ่ว่าวิธวินท์ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ว่าเป็นโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์ในห้องพัก ครั้นรู้ว่าภมรกับวิธวินท์กำลังจะไปเที่ยวผับกัน บารมีถึงกับบอกว่าจะตามมาด้วย
"แกจะบ้าไปแล้วหรือบารมี นี่บนเกาะนะ แล้วนี่ก็หกทุ่ม แกอยู่กรุงเทพฯ คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง" ภมรโวยวาย
"แล้วนายนอนห้องเดียวกันกับวินท์หรือเปล่า" บารมีถาม
"เออสิวะ ไปไหนก็นอนกับไอ้วินท์นี่ล่ะ นอนกันมาตั้งนานแล้ว เอ็งจะมาหึงอะไรตอนนี้ เพื่อนกันนะโว๊ย" ภมรเสียงดังกว่าเดิม
"แล้วตกลง นายชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิง" บารมียังคงซักต่อ
"ไอ้บารมี แกนี่เป็นเอามาก อยากจะรู้จริงๆ หรือ ไปถามวินท์ดูสิ" ภมรแกล้งทำเสียงเข้ม "รับรองว่าคำตอบที่ได้รับ แกต้องกระอักเลือด"
"ภมร อย่าให้รู้นะว่าแกทำอะไรวินท์ ไม่งั้นเราเลิกเป็นเพื่อนกัน" บารมีขู่
"ไม่ต้องมาขู่ข้าหรอก ข้าจะไปทำอะไรไอ้วินท์มันได้ โดนมันเตะปากแตกล่ะสิ คนที่จะทำมันคือคุณธีรดนย์โน่นแน่ะ ไล่จับไอ้วินท์เหมือนแมวไล่จับหนู เอ๊ะ ไม่สิ เหมือนเสือหิวไล่จับกวาง" บารมีหัวเราะชอบใจ
"ธีรดนย์ ธีรดนย์ไปโน่นด้วยหรือ ไปได้ยังไง"
"คงไม่ได้เดินมามั๊ง ข้าคิดว่าเขาขับรถมา รวยแบบนั้นน่าจะมีรถหลายคัน ไม่ก็ขับเรือยอท์ช แกก็รู้ว่าไอ้วินท์ชอบล่องเรือไปกลางทะเล" ภมรทำเสียงเยาะๆ "บารมี ถ้าแกไม่มีเรือยอท์ช อย่าหวังว่าจะได้แอ้มวิธวินท์เนื้ออ่อน"
"ไอ้..." บารมีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะร่าของภมร เขารู้ว่าเพื่อนแกล้งยั่ว แต่อีกใจหนึ่งก็อดกังวลไม่ได้ ขณะนี้บารมีรู้สึกทรมานมาก ตั้งแต่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของตนที่มีต่อวิธวินท์แล้วเขายิ่งร้อนรุ่ม
"เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่เอ็ง ข้าจะดูแลไอ้วินท์อย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แต่ถ้าเกิดมีเผลอมากัดมันบ้าง ข้าจะตบยุงให้ ลูบผิวเนียนสะอาดของวินท์ให้หายเจ็บแล้วทายาให้ด้วย แกไม่ต้องห่วง" บารมีทำเสียงนุ่มนวลแล้วรีบวางสาย ในใจก็บ่นต่อว่า ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะยุ่งเหยิงวุ่นวายกว่าที่คิด
...ชอบกันพัลวันไปหมด คนนี้ชอบคนโน้น ส่วนคนโน้นก็ชอบคนนั้น แล้วคนนั้นก็ดันมาชอบคนนี้...
...ยุ่ง ยุ่งจริงๆ คุณเต้ยเองที่ทำท่าจะเป็นกามเทพ ตอนนี้ตัวเองก็ดูเหมือนจะกลายเป็นกามเทพขี้โกงไปเสียนี่ สงสัยภมรต้องแสดงฝีมือซะแล้ว...
วิธวินท์นั่งอยู่บนขอบกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่หน้าผับ ในมือถือขวดเบียร์ที่พร่องไปแล้วครึ่งขวด ส่วนภมรยังสนุกอยู่ข้างใน ไม่มีทีท่าจะกลับง่ายๆ ชายหนุ่มมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์เพราะในผับเล็กๆ นั้นอบอวลไปด้วยควันบุหรี่
วิศวกรหนุ่มยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึก ตั้งใจว่าพอเบียร์หมดขวดก็จะเข้าไปลากตัวภมรกลับโรงแรม แต่มือที่ยกจับขวดเบียร์อยู่นั้นค่างเติ่งเมื่อมองไปเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่คิดว่าตัวเองรูปหล่อและมีเสน่ห์ยิ่งกว่าใครเดินเข้ามาหา
...ธีรดนย์ เมื่อไหร่จะเลิกล้มความตั้งใจก็ไม่รู้ ดูไม่ออกหรืออย่างไรว่าเขากับตัวเองไม่เหมาะสมกัน...
...คนเรา จะเอาเรื่องหัวใจมาพิจารณาไม่ได้หรอก ต้องดูเรื่องอื่นด้วย เขากับธีรดนย์มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน...
"ถูกทิ้งหรือครับ" ธีรดนย์ถามยิ้มๆ
"นี่หรือวิธีทักคนของคุณ" วิธวินท์อดตอบโต้ไม่ได้
"ถ้าไปเที่ยวกับผม จะไม่ปล่อยให้คุณนั่งเหงาอยู่คนเดียว" ธีรดนย์ทำตาเจ้าชู้อย่างเปิดเผย ตอนนี้เลิกคิดที่จะอ้อมค้อมแล้วเพราะวิธวินท์ฤทธิ์มากนัก และที่สำคัญได้ประกบปากกับเขาแล้ว ก็ถือว่าเป็นของเขาไปแล้วกว่าห้าเปอร์เซ็นต์
"ใช่ คงไม่ทันได้เหงาหรอก" วิธวินท์ยิ้มเยาะแล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม "เพราะผมคงขาดใจตายก่อน"
"วิธวินท์" ธีรดนย์เสียงเข้ม รู้สึกหน้าตึงที่โดนสบประมาทเพราะคนอย่างเขาไม่เคยเลยที่จะมีใครปฏิเสธ
"ครับผม คุณธีรดนย์" วิธวินท์เลิกคิ้ว ทำหน้ามีคำถามว่า...มีอะไรไหม มีปัญหาอะไร...
"ลองดูหน่อยไหมล่ะ อย่าดีแต่พูด แต่ผมว่าคุณไม่กล้าหรอก เพราะคุณกลัวพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของผม" ธีรดนย์ยิ้มเยาะเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มจะจับจุดวิธวินท์ได้แล้วว่าเป็นคน 'ยั่วขึ้น' พอๆ กับเขาที่ทนไม่ได้และต้องการเอาชนะหากมีใครมาสบประมาท 'เสน่ห์' ของตัวเอง
"คุณนี่หลงตัวเองจริงๆ" วิธวินท์ส่ายหน้า ทำเสียงเหนื่อยหน่าย
"ผมไม่เรียกว่าหลงตัวเอง ผมเรียกว่ารู้จักตัวเอง" ธีรดนย์ยืดอกขึ้น ทำท่ามั่นใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง "ผมท้าได้เลยว่า หากผมเดินเข้าไปในผับนั่น ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมจะกลับออกมาพร้อมใครซักคนข้างกาย"
"ครึ่งชั่วโมงเลยหรือ" วิธวินท์ทำท่าตกใจ
"วิธวินท์"
"อะไรครับ เรียกอยู่นั่น คุณไม่เห็นต้องทำท่าไม่พอใจ เอายังงี้ ไหนๆ คุณก็พูดออกมาแล้ว ทำให้ผมดูเป็นขวัญตาหน่อยเถอะ" วิธวินท์ท้า
ธีรดนย์ยกมือขึ้นเท้าสะเอว แล้วเบือนหน้าออกไปด้านข้าง ถอนหายใจแรงๆ ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหันมาหาวิธวินท์ที่นั่งมองไปรอบๆ ทำทีไม่สนใจว่าธีรดนย์กำลังออกอาการหงุดหงิด
"นี่คุณกำลังพนันกับผมหรือ" ธีรดนย์ถามเสียงต่ำ จ้องต้องวิธวินท์นิ่ง"
วิศวกรหนุ่มไม่หลบตา ทั้งที่เริ่มไม่แน่ใจในการท้าทายธีรดนย์ ลึกๆ เขาต้องต้องยอมรับว่าธีรดนย์มีเสน่ห์จริงอย่างที่ฝ่ายนั้นพูด
...แต่เขาแพ้ไม่ได้ หากธีรดนย์ชอบเอาชนะนัก เขาก็จะทำให้แพ้ซักครั้ง...
"คุณคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ และดึงดูดใครก็ได้ แต่ลักษณะอย่างคุณดึงดูดแต่พวกหวานๆ ติ๋มๆ เท่านั้นล่ะ ลองโปรยเสน่ห์หาห้าวๆ เข้มๆ แมนๆ ซักคนให้ดูซิ" วิธวินท์ท้า
"ระวังแพ้นะวิธวินท์" ธีรดนย์ยิ้มเหยียด "คุณจะเดินพันด้วยอะไร"
"ไม่รู้" วิธวินท์ยักไหล่
"จูบจริงๆ หนึ่งครั้ง" ธีรดนย์เสียงเข้ม ใบหน้าจริงจัง "ขอซักหนึ่งครั้งเถอะ ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูว่า คุณจะติดใจจนลืมไม่ลง"
"มั่นใจในตัวเองมากเลยนะ"
"ไม่มั่น ไม่ใช่ธีรดนย์" คนที่มั่นใจในลีลาการจูบของตัวเองตอบทันที "ลังเลละสิท่า ไม่แน่จริงนี่"
"ถ้าไม่ได้ คุณห้ามมาตื๊อผมอีกตลอดชีวิต" วิธวินท์ตอบเสียงเข้ม
"ราคาต่อรองทำไมมันห่างกันยังงั้นล่ะวิธวินท์ จูบเดียวกับเลิกตื๊อตลอดชีวิต ไม่แฟร์นี่นา แบบนี้เขาเรียกว่าเดิมพันของคนขี้ขลาด" ธีรโดย์โวย
"แบบไหนของคุณจะเรียกว่าแฟร์" วิธวินท์ถามเสียงห้วน
"งั้นผมขอเพิ่ม ในเมื่อเดิมพันคุณสูงขนาดให้ผมเลิกตื๊อตลอดชีวิต สิ่งตอบแทนมันน่าจะมากหน่อย"
"บอกมาเลย ไม่ต้องเยิ่นเย้อ" วิธวินท์ใกล้จะหมดความอดทน
"ถ้าผมทำไม่ได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ตื๊อคุณอีกต่อไป แต่ถ้าผมทำได้" ธีรดนย์เว้นช่วง แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นเบียร์อ่อนๆ จากปากของวิธวินท์ "ถ้าผมทำได้ คุณนอนกับผม"
...ไม่ตื๊อคุณอีกต่อไป ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจอกันอีกเลยนะพ่อโลมาน้อย เขาเป็นนักธุรกิจ ทำอะไรต้องมีแผนสำรองเผื่อพลาด...
วิธวินท์นิ่งอึ้ง ไม่นึกว่าธีรดนย์จะเรีรยกร้องมากขนาดนั้น
"ว่าไง กลัวละสิท่า ไม่แน่จริงนี่" ธีรดนย์เหยียดปาก ส่ายหน้า ทำท่าระอาใจ
"ได้" วิธวินท์พยักหน้า "ผมจะเริ่มจับเวลาทันทีที่คุณเดินเข้าประตูผับ"
...นอนด้วยกัน ได้สิ นอนด้วยกันไม่ได้หมายความว่าจะร่วมรักกันนี่พ่อเสือหิว เขาต้องมีทางออกเตรียมเอาไว้เผื่อแพ้พนัน...
**********20*********