อย่ามาหลอกซะให้ยาก ไม่แฮปปี้กันง่าย ๆ หรอก โฮะๆๆๆๆ
ว้าย เมาท์ร้ายนะคะบทที่ 33รุ่งเช้าของวันใหม่ เกรย์ค่อยๆลืมตาขึ้นสู้กับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางช่องว่างของที่พัก เขาสัมผัสได้ถึงท่อนแขนที่กอดเขาเอาไว้ เกรย์หลับตาลงอีกครั้ง ความชื้นบริเวณนัยน์ตาเริ่มก่อตัวอีกครั้ง เขาภาวนาในใจซ้ำๆ
‘ขอให้เป็นไทนอส’แต่คำขอนั้นไม่มีทางเป็นจริงอีกต่อไป คนที่เขาเห็นนั้นคือฮีล เพื่อนสมัยเด็กคนดีที่คอยดูแลเขาเสมอ เกรย์ถอนหายใจเบาๆ พลางใช้มือปาดน้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง จะไม่ให้เสียใจได้อย่างไร ในเมื่อภาพที่เห็นอีกฝั่งของที่พักนั้นเป็นภาพคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันอย่างมีสุข
ผิดกับเขา
เกรย์รีบลุกขึ้นแล้วพาตัวเองออกไปจากที่แห่งนี้อย่างเร็วที่สุด เขาหายใจไม่ค่อยออกเหมือนถูกแย่งอากาศออกไป น้ำตาเจ้ากรรมเองก็ไม่ยอมหยุด จนเกรย์ต้องกลั้นใจกัดริมฝีปากตนหมายให้ความเจ็บร่างกายนี้บรรเทาความเจ็บปวดในใจบ้าง
“เป็นไงล่ะ โดนเข้ากับตัวเองบ้าง สะใจดีมั้ย” ชีวาสอดไม่ได้ที่จะซ้ำเติม เมื่อเห็นเกรย์เดินออกมาจากที่พัก แค่เห็นหน้าก็พอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในใจนึกสะใจเป็นยิ่งนักที่เห็นเกรย์ผิดหวัง
ใช่ ความผิดหวังในแบบที่เขาเคยมาก่อน
“ชีวาส……ข้า” เกรย์เอ่ยปากอยากจะอธิบาย แต่ชีวาสตัดบทเดินหนีไปทำอาหารเสีย เกรย์ไม่ยอมแพ้ตามไปอธิบายต่อ แต่ก็ถูกด่าทอกลับมา
“ไม่ต้องมาพูดกับข้า หรือว่าอยากจะโดนซ้อมอีก หา” ชีวาสว่าด้วยอารมณ์ ตั้งแต่กลับมามีแต่เรื่องเกิดขึ้นตลอด ทั้งไทนอส ทั้งเกรย์ ไหนจะแอล อีก…..และเรื่องใหญ่ที่สุด เอสเปอร์
“ว่าไงที่รัก เสียงดังแต่เช้าเลยนะ” เอสเปอร์ส่งเสียงอย่างร่าเริงตามเคย เขากำลังออกมาจากที่พักอีกหลัง เสื้อไม่ได้ใส่ แถมทั้งยังใส่กางเกงผิดด้านมาอีกต่างหาก
ชีวาสได้แต่ส่ายหน้า แค่คิดวูบเดียวก็มาหาทันที เป็นผีหรือไง โผล่มาได้ตรงจังหวะพอดี
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ชีวาสหันไปเล่นงานคนมาใหม่ พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย
“ทีตอนนี้ล่ะเสียงดัง ทีเมื่อคืนล่ะไม่ยอมร้อง…..จะกลั้นไว้ทำไม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์แซวชีวาสอย่างสนุกปากและยิ่งได้ใจเมื่อเห็นใบหน้านั้นแดงก่ำ จะด้วยความอายหรือโกรธก็แล้วแต่
แต่สำหรับเอสเปอร์แล้วเขาเห็นว่ามันน่ารักดี
เสียงโวยวายด้านนอกปลุกฮีลให้ตื่นขึ้น ทันที่ที่เขาลืมตาเขามองหาคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเมื่อคืน แต่กลับไม่เจอใคร
เหมือนแค่ฝันไป
แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นฝันที่ดีที่สุดที่เขาเคยรับรู้ ความรู้สึกที่ได้โอบกอดคนรักไว้ในอ้อมกอดนั้นช่างวิเศษนัก ราวกับตัวเขาเองได้ดูแลปกป้องเกรย์ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายได้อีก ไหนจะกลิ่นหอมจางๆจากแก้มอันนั้นที่คอยกวนใจไม่ปล่อยให้เขาได้หลับนอน เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นทุกครั้งทำเอาเขาเจ็บไปด้วย เขาเพียงกอดคนๆนี้ไว้ให้มั่น ดั่งคำสัญญาว่าเขาไม่มีทางทอดทิ้งเด็ดขาด
ฮีลสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัว เขาตื่นพร้อมๆกันกับแอลและไทนอส ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของเตรียมตัวไว้สำหรับงานใหญ่ในวันนี้ ทั้งสามพากันออกมาด้วนนอกเพื่อทานอาหารเช้าฝีมือชีวาสที่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน
หมอหนุ่มได้แต่นั่งสังเกตคนข้างตัวที่นั่งใช้ช้อนคนอาหารในชามไปมาจนมันเย็นชืด เย็นเหมือนจิตใจของเจ้าของที่เหมือนมีลมหนาวพัดผ่านพาเอาความสุขปลิวหายลับ สายตาของเกรย์มองไปยังไทนอสเสมอ ไม่ว่าตอนนี้เกรย์เองจะนั่งอยู่ข้างๆกับฮีล แต่ฮีลเองรู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยแอบมองอย่างสม่ำเสมอ แม้รู้ตัวว่าจะต้องปวดร้าวในใจ แต่เกรย์ก็ไม่ยอลละสายตา
“อาหารเย็นหมดแล้ว” ฮีลจับเอาข้อมมือเล็หผมอนั้นให้หยุดคนช้อน เกรย์เหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจปากก็บอกว่าไม่หิวและขอตัวไปเก็บของก่อนจะเดินออกไปเสียดื้อๆ
“แค่นี้ทำทนไม่ได้ โถ่เห็นภาพบาดตาบาดใจแค่นี้เอง” ชีวาสตะโกนไล่ตามหลัง ทำเอาเกรย์กัดฟันแน่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนออกเดินต่อโดยทำเป็นไม่ใส่ใจคำพูดของชีวาส
“ปากเจ้านี่มันจริงๆเลย….เก็บไว้ อม อย่างเดียวก็พอแล้วชีวาส”
เสียงจากชายหนุ่มเมืองเถื่อนทำเอาชีวาสสะอึก ก่อนจะหันไปเล่นงานคนขี้กวนใจเกิดเสียงดังตอบโต้กันไปมา
ฮีลไม่ได้ใส่ใจอาหารหรือเพื่อนๆของเขาอีก เขาลุกตาม ภายในที่พักเกรย์นั่งเก็บของอย่างเงียบๆ ฮีลนั่งลงข้างๆพร้อมช่วยหยิบของยัดลงไปในถุงผ้า เกรย์เองไม่ได้ว่าอะไร เขาหันมามองชั่วครู่แล้วลงมือก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ
ไม่นานข้าวของทั้งหมดของเกรย์และฮีลก็ถูกลำเลียงใส่ถุงเป็นที่เรียบร้อย เกรย์หันไปมองอีกฝั่ง ข้าวของทั้งของไทนอสและแอลเองก็ถูกจัดเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเดินทาง
ทั้งๆที่เมื่อก่อนต้องเป็นเกรย์ที่คอยจัดข้าวของให้ไทนอส
คิดได้เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมานองหน้าขาวซีดอีกครั้ง
“เกรย์” ฮีลตกใจที่เห็นอย่างนั้นรีบเข้าไปคว้าเอาเกรย์เข้ามาปลอบ แต่ดูเหมือนเกรย์จะร้องมากเข้าไปใหญ่
ฮีลแค่นหัวเราะเยอะตนเอง รู้ทั้งรู้ว่าเกรย์รักใคร แต่ก็ยังทนบากหน้าเข้ามาหา ทั้งๆที่เป็นได้เพียงที่รองรับน้ำตา แต่เขาก็เต็มใจทำ ฮีลเองรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องวิ่งตามเกรย์แบบนี้ จนหลายครั้งเขาอยากที่จะยอมแพ้ แล้วหันหลังกลับ
แต่พอเห็นว่าเกรย์เสียใจเพียงใด เขาเองก็ไม่อาจทิ้งให้คนที่เป็นท่รักร้องไห้อยู่ในเงามืดเพียงลำพัง
เพราะเขาเองรู้ดี ว่าการอยู่คนเดียวมันเจ็บมากเพียงใด
ด้านนอก เสียงตอบโต้ของชีวาสและเอสเปอร์ยังดังต่อเนื่อง จนในที่สุดชีวาสก็หาเรื่องชายเถื่อนอีกไม่ไหวขึงหันไปเล่นงานคนอื่นแทน
“เป็นไงล่ะ สะใจเจ้าแล้วใช่ไหมแอล ทำคนอื่นเจ็บไปหมด ฮึ”
“ชีวาส” ทั้งเอสเปอร์และไทนอสพูดเสียงเข้มออกมาพร้อมกัน
“ทำไม ข้าพูดอะไรผิด”
“ปากเจ้าว่างมากไปแล้วชีวาส ข้าว่าเดี๋ยวข้าหาอะไรมาปิดมันก่อน” เอสเปอร์ไม่รอช้าคว้าจอมเวทหนุ่มขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดาย พาเดินเข้าที่พัก
จากที่ได้ยินเสียงชีวาสตะโกนด่าอย่างต่อเนื่อง กลับค่อยๆขาดตอน
และเงียบหายไปในที่สุด
ร่วมชั่วโมง
เหลือไว้แต่ไทนอสและแอลด้านนอกที่ตอนนี้แอลดูเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าไปฟังชีวาสเลย แอล”
แอลได้แต่พยักหน้าและยิ้มเจื่อนๆ
“อาจเป็นข้าเองก็ได้ที่ผิด” ไทนอสถอนหายใจ นึกคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา
ถ้าหากเขาตัดสินใจเด็ดขาดพอเรื่องเกรย์
ถ้าเขาไม่ปล่อยให้เรื่องของชีวาสยืดเยื้อมาจนถึงทุกวัน
ถ้าเขาไม่ได้พบเจอกับแอล
ทุกอย่างมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่
“ไม่เป็นไรนะแอล…..อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว”
ไทนอสโอบคนตัวเล็กให้เข้ามาแนบกับตัว เฝ้ามองไปยังสถานที่เป้าหมายที่จะยุติเรื่องราวการเดินทาง
ภายในหอคอยสะอาดกว่าภายนอกที่เห็นนัก หินก้อยสีเทาอมดำเรียงกันเป็นระเบียบอย่างมีแบบแผนตีวงเป็นกรอบสูงขึ้นไปเท่าต้นไม้ใหญ่ๆได้ ที่น่าแปลกคือเพดานที่ว่างโล่ง เผยให้เห็นท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกฉาบด้วยแสงอาทิตย์สีส้ม บัดนี้ผู้เดินทางทั้งหก ได้มาถึงหอคอยแห่งธอร์แล้ว
“เจ้าเล่นอะไรอยู่แอล”
ชีวาสส่งเสียงรำคาญใจเมื่อไม่เห็นว่าในสถานที่นี้จะมีอะไร มีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า ก้อนหิน เพียงเท่านั้น ไม่มีของที่คาดว่าจะมี เช่นพวกลูกแก้ว หรือ หนังสือ แก้คำสาป
“ท่านเกรย์ ฮีลมาทางนี้” แอลไม่ใส่ใจกับชีวาส เรียกเกรย์และฮีลเข้าไปยังจุดกลางของอาคาร
“จับมือกันไว้…ทั้งสองข้าง” แอลออกคำสั่ง และคว้ามือทั้งคู่ให้จับกันเมื่อเห็นว่าทั้งคู่มัวแต่ยืนงงอยู่
ฉับพลันแสงสว่างแสบตาก็เจิดจ้าออกมารายรอบตัวพวกเขา ปรากฏบันใดวนที่โปร่งแสง ปล่อยแสงสีทองออกมาเรืองรอง ทั้งหมดมองอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นบันไดวนนั้นขดเกลียวขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
“พวกท่านต้องอยู่ที่นี่ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด”
“เจ้าหมายความว่าไงแอล”
“ถ้าพวกท่านปล่อยมือ บันใดเหล่านี้จะหายไป แล้วพวกเราหมดทางขึ้นไป” แอลอธิบายพลางดันตัวไทนอสให้รีบเดินขึ้นไป
“แล้วเราจะไปไหนกันแน่” ตอนนี้กลับเป็นเอสเปอร์ที่เริ่มออกคำถาม
“ไปหาท่านมหาเทพ…..ข้างบน”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร…..” ตอนที้ชีวาสเริ่มซักอีกคน
แต่แอลตะเบ็งเสียงกลับไป
“จะรู้อย่างไรก็ช่าง…..เร็วๆเข้า…..ไม่อยากแก้คำสาปหรือไง”