สายฟ้าเบื้องบนฟาดฝ่า
พังทลาย ย่อยยับ......หมดสิ้น
หายนะ....อุบัติ.......เสียสูญ
เหลือเพียงความเจ็บช้ำ......ตรอมตรม
บทที่ 23“พวกเจ้าไม่มีทางไปถึง ประตูได้”ผู้ซึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศประกาศความต้องการของตนอย่างชัดเจนที่จะขัดขวางทุกทางไม่ให้พวกของไทนอสเดินทางต่อไปยังจุดหมายได้อย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นใคร…..ต้องการอะไร” ไทนอสตะโกนถามไป แต่ลำปืนยังคงชี้เล็งไปทางผู้มาเยือน
ผู้มาเยือนยิ้มอย่างดูถูกอีกครั้ง
‘เจ้าพวกมนุษย์นี่มันคิดว่ามันเป็นใครถึงได้กล้ามาถามชื่อข้า’“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก…..เพราะมันไม่จำเป็น” สิ้นเสียงตอบ ปีกเล็กๆที่ส้นเท้าทั้งสองพัดกระพือเร็วขึ้น นำพาร่างขาวนวลนั้นลอยสูงขึ้นไปร่วมสิบเมตร เสียงสวดที่ฟังดูไม่เข้าใจค่อยๆถ่ายเทออกมา ไทนอสไม่รอช้าอีกลั่นไกปืนออกไป กระสุนเกลียวหมุนควงแหวกอากาศเข้าตรงหาเป้าหมายอย่างเร็ว ตามด้วยเวทไฟที่ปั่นรวมตัวเป็นพายุไฟขนาดย่อมเข้าทำร้ายเจ้าคนที่ลอยอยู่นั้น
แต่เพียงเขาโน้มตัวเพียงน้อยนิดก็สามารถหลบกระสุนไปได้แล้ว อีกทั้งพายุไฟนั้นดูเหมือนจะมอดดับไปเมื่อเข้าใกล้ ชายผู้นุ่งอาภรสีขาวมองเหล่ามนุษย์อย่างนิกขัน……
‘เป็นเพียงมนุษย์ หาญมาสู้กับข้าอย่างนั้นรึ’เสียงสวดทวีเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไร มีเพียงแอลเท่านั้นที่กระสับกระส่าย เร่งให้ทุกคนรีบจำกัดศัตรูก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น แต่ถึงเอสเปอร์จะขว้างมีดไปอย่างไร ทั้งกระสุดแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งเวทย์สายใด ก็ไม่มีทีท่าจะทำให้ชายผู้นั้นหยุดบทสวดได้เลยจนกระทั่ง
เลือดของอสูรที่พึ่งถูกไทนอสเป่าสมองไปค่อยๆไหลย้อนกลับขึ้นมาบนเนินดินที่มีผลึกขนาดใหญ่อยู่บนนั้น แอลกรีดร้องขึ้นพร้อมกับรี่เข้าไปสกัดกั้นไว้
“อย่ามาขวางข้า” เข็มพิษถูกซัดลงมายังแอล แต่โชคดีที่ไทนอสพุ่งเข้าไปรวบตัวคนตัวเล็กให้หลบได้ทัน และนั่นก็ทำให้โลหิตของอสูรนั้นไหลลามไปถึงฐานของผลึกก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปจนผลึกนั้นมีสีแดงฉาน
บทสวดสิ้นสุดลงแล้ว พิธีกรรมได้สิ้นสุดลง แอลได้แต่ตัวสั่นไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิด
ทันใดนั้นผลึกสีแดงนั้นค่อยๆสั่นรัวทำเอาแผ่นดินที่รายรอยแตกเป็นเสี่ยง เผยให้เห็นร่างของโกเลมผลึกที่หลับไหลอยู่บนเนินดินนั้นมาแสนนาน จนกระทั่งถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ลักษณะของเจ้าโกเลมผลึกในครั้งนี้หาได้ต่างจากเจ้าโกเลมศิลาที่พวกไทนอสได้ประมือครั้งที่แล้ว เพียงแต่ในครั้งนี้วัสดุที่ใช้เสกโกเลมนั้นมาจากเลือดและผลึกมันก็เท่านั้น
เกรย์เห็นดังนั้นจึงฝืนลุกขึ้นเพื่อจัดการ เขาจำเป็นต้องมองหาจุดอ่อนของเจ้าโกเลมเหมือนครั้งก่อน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ฮีลก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อนพร้อมกับทำหน้าเข้มเป็นเชิงห้ามและบอกว่าเดี๋ยวฮีลจะเป็นคนจัดการเอง
ชายผู้ล่องลอยบนฟ้ามองผลงานของตนอย่างพอใจ ครั้งที่แล้วเขาดูถูกฝีมือเจ้าพวกมนุษย์ไป แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เขาอุตส่าห์ตั้งใจสร้างสาวกที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาอย่างเหนื่อยยาก ไหนจะเลือดของเจ้าหน้ากระทิงที่หายาก ไหนจะบทสวดที่ยาวเสียจนปวดหัวนั่นอีก เขาเองก็นึกอยู่ในใจลึกๆว่าถ้าตัวเองลงมือจัดการซะคงจะง่ายกว่านี้ แต่อีกความคิดกลับขัดว่าตัวเขาเองไม่ควรลดตัวไปยุ่งกับพวกชั้นต่ำให้แปดเปื้อนเสียเปล่า
และนั่นทำให้เขาเลือกใช้สาวกผู้ซื่อสัตว์ตนนี้ โกเลมผลึก จะมีอะไรที่แกร่งไปกว่านี้อีก ไหนจะไอ้หมอผีที่ยังเจ็บอยู่นั่นอีกมันคงไม่สามารถทำอะไรได้อีก งานนี้เขาชนะใสๆ
‘เท่านี้เจ้านายของข้า ก็ไม่ต้องถูกเจ้าพวกนั้นรบกวน’ทางด้านไทนอสเขาระดมยิงเจ้าโกเลมอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถึงใช้กระสุนระเบิดที่แรงที่สุกกลับไม่ระคายผิวของเจ้าผลึกยักษ์นี่เลย มันยังคงย่างก้าวเข้ามาอย่างใจเย็น ดวงตาสีแดงสดนั้นมองไปยังเป้าหมายข้างหน้าพร้อมจะทำลายเสมอ……..เป้าหมายที่อันตรายที่สุดในตอนนี้…..ชีวาส
ชีวาสที่กำลังเร่งพลังเวทพร้อมกับร่ายคาถาที่ซับซ้อนอย่างเร่งรีบ ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เขาเองรู้สึกถึงแรงกดดันจากเจ้าโกเลมตัวนั้น หากทำเป็นเล่นมีหวังเขาได้จากไทนอสไปจริงๆ
เอสเปอร์เองก็พยายามในการจักการเป็นอย่างยิ่ง แต่สัตว์มายาของเขาที่มีในตอนนี้คงไม่สามารถทำอะไรเจ้ายักษ์นี้ได้ ฟอกซ์ก็เจ็บอีก มันแย่เสียยิ่งกว่าแย่
แอลเองก็คิดไม่ออก เขาคว้ากองไพ่ออกมา จะใช้ The hanged man ก็ไมได้ บริเวณนี้ไม่มีต้นไม้เลย
โกเลมยักษ์เงื้อมือขึ้นทุบพื้นทำเอาทั่วบริเวณสั่นไหวจนแอลทรงตัวไว้ไม่อยู่ล้มลง เจ้ายักษ์ได้ทีเงื้อมืออีกข้างหมายทำลายคนที่พลาด
ตูมกระสุนระเบิดกระทบเข้าเต็ๆใบหน้าใหญ่ ถึงแม้จะทำอันตรายใดไม่ได้แต่ก็พอดึงเวลาเอาไว้ได้
“อยู่ข้างๆข้า แอล” ไทนอสบอกเสียงแข็งโอบเจ้าตัวเล็กที่ตัวสั่นไว้ข้างกาย
แรงระเบิดเมือ่กี้ทำให้โกเลมหงุดหงิดขึ้นไปอีกระดับ สำหรับมันเหมือนถูกยุงกัดเข้าที่ใบหน้า แน่นอนมันไม่เจ็บหรอก แต่มันเพียงรำคาญมากก็เท่านั้น มันส่งเสียงร้องลั่น ก่อนจะรัวหมัดไปยังไทนอสและแอล
“ระวังหน่อยสิ…” เกรย์ต่อว่าด้วยเสียงตำหนิ มีกรงกระดูกขาวโผล่ออกมาจากผืนดินคอยป้องกันพวกเขาจากเงื้อมือของโกเลมไว้ ยังดีฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้ช่วยใช้น้ำยาเสริมความแข็งแรงให้กระดูก ไม่อย่างนั้นทั้งหมดคงตายไปแล้ว
The towerท้องฟ้าที่เคยเงียบสงบบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีนิล ประกายไฟพากันวิ่งไปมาระหว่างชั้นบรรยากาศส่งแสงสีขาวเป็นเส้นวิ่งไปมาละลานตา
แอลชูไพ่ the tower ไว้เหนือหัว เร่งสมาธิก่อนที่จะปล่อยสายฟ้าลงมาครั้งแรก
เปรี้ยงสายฟ้าสีขาวแสบตาฟาดลงยังพื้นที่ข้างๆเจ้ายักษ์นั่น แรงระเบิดทำเอามันเซไปสองสามก้าว แอลหัวเสียที่ไม่สามารถควบคุมสายฟ้าได้อย่างใจ…..พลังของธรรมชาติมันออกจะเกินตัวเขาไปหน่อย
“เจ้าทำบ้าอะไร” เสียงตวาดของฮีลทำเอาแอลเสียความมั่นใจไปอีก ก็แน่ล่ะเล่นส่งสายฟ้ามั่วๆแบบนั้น มันเกือบจะโดนตัวเกรย์เสียแล้ว ดีที่ตนไหวตัวโอบตัวเกรย์ไว้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังเกรย์คงโดนเศษดินกระแทกเข้าเต็มๆ
แอลก้มหัวขอโทษขอโพย แต่ก็ไม่มีเวลามาก เจ้าโกเลมเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้งและครั้งนี้มันหันมาเล่นงานแอลเสียแล้วสิ
“ทางนี้แอล” ไทนอสฉุดแอลวิ่งไปทางชีวาส ที่ตอนนี้มหาเวทย์เข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว
อีกฟากหนึ่งศัตรูหน้าหยกเอนตัวกลางอากาศมองการต่อสู้อย่างนึกสนุกที่ได้เห็นพวกมนุษย์วิ่งเสียจนวุ่นไปคนละทาง ทันทีที่โกเลมของเขากระโดดแล้วทิ้งตัวลงกระแทกเล่นเอาทั้งหมดล้มลงตามแรงสั่น
‘หึ ดูซิพวกเจ้าจะทำอะไรได้’เขามัวแต่มองการต่อสู้เบื้องล่างจนลืมสนใจรอบตัว ซึ่งขณะนี้ เอสเปอร์ได้เกาะเจ้านกอีโมที่พาบินขึ้นมาช้าเบื้องหลัง
เอสเปอร์กระซิบบอกเจ้านกให้กระพือปีกให้น้อยที่สุด แต่นั่นก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากตัวของเอสเปอร์เองหนักเหลือทน อีโมส่งเสียงค้านเบาๆ
เอสเปอร์จ้องเขม็งไปยังเป้าหมาย ใกล้เข้าไปใกล้เข้าไป……ตรงนี้อยู่ในระยะหวังผลของเขาแล้ว เอสเปอร์ส่งสัญญาณให้อีโมรักษาระยะห่างไว้ ใบมีดของเขาถูกคว้าออกมาจากซองหนังข้างตัว เอสเปอร์บรรจงเปิดน้ำยาที่ได้จากฮีลก่อนจะเคลือบมันไว้ที่ผิวมีด จนมันมีสีเขียวสด
‘เพียงแค่แผลเล็กๆ’เอสเปอร์เพ่งสมาธิตั้งมั่นใจที่เป้าหมายตาไม่กระพริบ จนลมหายใจของเขาสม่ำเสมอมั่นคง เขาเงื้อมือแล้วพุ่งมีดออกไป
เสียงมีดแหวกอากาศทำเอาชายผู้ลอยตัวตกใจ เอี้ยวตัวมองยังใบมีดที่เคลื่อนตัวเข้ามา เขาสั่งให้เจ้าปีกจิ๋วหยุดทำงานเพื่อทิ้งตัวหลบ ทว่าช้าไปเสียแล้ว ใบมีดคบกริบนั้นเฉือนเข้าที่ต้นขาข้างขวาเผยรอยแผลยาวตัดกัยเนื้อที่ขาวเนียนนั้น
แต่ที่แปลกกว่านั้น ของเหลวสีทองที่ลามไหลลงตามช่วงขาเนียนนั้นมันคืออะไรกัน เอสเปอร์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ แต่ยังไงก็ช่างเขาทำงานเสร็จสิ้น มันถูกพิษเข้าแล้ว ไม่ว่ายังไงอีกสักพักมันต้องตายแน่
“เจ้าบังอาจ……..” ผู้ถูกทำร้ายกร่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด มือขวาล้วงเขาไปยังร่มผ้าควานเข้าหาเข็มพิษออกมาขว้างใส่เอสเปอร์ทันที
ใบมีดอีกอันถูกใช้เพื่อสกัดป้องกันตัวไว้ได้อย่างคล่องตัว แม้ว่าจะใช้ได้เพียงมือเดียวเนื่องจากอีกมือต้องเกาะตัวอีโมเอาไว้ แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอ เอสเปอร์เพียงแค่รอเวลา…..เวลาที่พิษซึมเข้าสู่หัวใจ
“โกเลม จัดการขั้นเด็ดขาดซะ” เมื่อเห็นว่าจัดการคนตรงหน้าไม่ได้โดยง่าย อีกทั้งพลังส่วนใหญ่ก็ใช้เรียกโกเลมไปเสียเกือบหมด
โกเลมเงยหน้ารับคำสั่ง ดวงตาฉายประกายวาววับ โลหิตที่เคลือบกายาถูกดึงมารวมไว้ที่ปลายหมัด
เอสเปอร์ได้ยินดังนั้นจึงหันไปสนใจข้างล่างแทน ปล่อยเจ้าบ้านี่ไว้เดี๋ยวมันก็ตายเอง เขาสั่งอีโมให้พาตนลงไปยังพื้นอย่างเร็ว
“จะไปไหน….ข้ายังไม่ได้คิดปัญชีกับเจ้า” หมัดขาวๆซัดเข้าตรงกลางใบหน้าเล่นเอาเอสเปอร์หงายหลังไป
ด้านล่าง เจ้าโกเลมวิ่งตรงเข้าหาพวกไทนอสที่ตั้งกำแพงรอหน่วงถ่วงเวลาให้ชีวาสซึ่งเหลือบทร่ายอีกเพียงไม่กี่บทเท่านั้น
เกรย์บอกให้ฮีลพาเขาไปข้างหน้าพร้อมกับเรียกกำแพงกระดูกออกมาอีกสามชั้นซ้อน ฮีลที่ใช้มือขวาโอบเกรย์ไว้มั่นไม่ยอมให้อีกคนต้องเจ็บอีกต่อไป เขาจะปกป้องเอาไว้เอง
ไทนอสเล็งกระบอกปืนไป ยิงกระสุนระเบิดออกไปต่อเนื่องหวังให้ลดแรงของโกเลมที่วิ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต
เปรี้ยงสายฟ้าจากแอลยังฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังไม่ถูกเป้าหมายนักแต่อนุภาพมันก็แรงพอที่จะเห็นว่าโกเลมนั้นโอนเอนไปตามแรงระเบิด
โกเลมใกล้เข้ามาแล้ว……มันใช้ไหล่เข้ากระแทกป่นกำแพงกระดูกเป็นผงสลายไป มันเง้อมือขึ้นสูง แสงสีแดงสว่างแผ่ออกมาจากกำปั้นทั้งสอง พลันทุบลงใจกลางกลุ่มนักเดินทาง
ไทนอสรวบเอาแอลแนบเข้ากับอกเขาแน่น เช่นเดียวกับเกรย์ที่ปิดหลังเข้าบดบังสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ฉับพลันที่ฝ่ามือกระทบลงกับพื้น แสงสว่างได้แผ่ออกก่อนเหล่าผลึกทั้งหลายได้รวมใจโผล่ขึ้นมาเป็นวงกว้าง
ตามติดด้วยการระเบิดพลีชีพของโกเลมที่แผ่รัศมีกว้างออกไป ผลักกระแทกผู้คนรอบข้างให้กระเด็นถอยไป
“ชีวาส”เอสเปอร์ที่เกาะอยู่บนอีโมร้องอย่างใจเสียที่เห็นภาพชีวาสปลิวตกลงไปยังรอยแยกที่ดำมืดนั้น
เขาปลดอีโมส่งกลับยังมิติของมันทิ้งตัวปล่อยให้ตัวดิ่งลงเพื่อลดแรงต้านอากาศ
แล้วทั้งสองก็ร่วงหล่นลงสู่ความมืดอันมืดมิด