พิมพ์หน้านี้ - The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Tifa ที่ 02-06-2009 11:48:16

หัวข้อ: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-06-2009 11:48:16
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สวัสดีอีกครั้งครับ กลับมาอีกครั้งกับนิยายแฟนตาซีเรื่องใหม่ The odyssey

เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะแตกต่างไปจากเรื่องก่อนมากพอควรทีเดียว

จากเรื่องที่แล้วที่ออกแนวแฟนตาซีออกทะเลไปไกล

เป็นแฟนตาซีจ๋ามากขึ้นกลับสู่สมัยเวทมนต์ เทพเจ้า และการเดินทาง

ยังไงก็ขอฝากตัวฝากใจด้วยนะครับ


ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-06-2009 12:02:25
บทเบิกโรง




โชคชะตา


บางสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่มีบทของมันเอง ทั้งดีและร้ายผสมปนเป บทเศร้าเคล้าน้ำตา เสียงหัวเราะ ความขมขื่น มันช่วยสร้างสีสรรให้โลกใบนี้มีความหลากหลาย ขึ้น

อยู่กับว่าผู้กำกับที่เรียกตนว่าพระเจ้านั้นกำหนดให้คุณเป็นสีอะไรก็เท่านั้น





การเดินทาง


สิ่งมีชีวิตย่อมไม่หยุดอยู่กับที่…..ทุกสิ่งเคลื่อนไหวอยู่เสมอ และการเดินทางนั้นเองนำพาการเปลี่ยนแปลงให้มาพบคุณ…..ไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะนำพาคุณ

ไปสู่จุดไหน ทางแยกมีอยู่มากมาย การเลือกนั้นส่งผลต่อบทสุดท้าย…….หลายคนบอกว่าชีวิตของเรานั้นขึ้นกับเส้นทางที่เราเลือกเอง



แต่ถ้าการเลือกนั้น……อยู่ในบทชีวิตอยู่แล้วล่ะ





ความขัดแย้ง


มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หนึ่งครั้งเกิดจากความเห็นที่ไม่ลงรอย สองครั้งเกิดจากอารมณ์ที่ไม่รู้จักควบคุม บ่อยครั้งที่เกิดจากความไม่เหมือนกัน ทั้งเชื้อชาติ

ศาสนา และทุกครั้งมันจบลงที่คำว่าสูญเสีย





ความรัก


นิยามของคำนี้ช่างมีมากมายนักตามแต่คุณจะมองว่ามันเป็นอย่างไร บางคนบอกว่ารักเป็นสิ่งสวยงาม ในทางตรงกันข้ามอีกคนกลับบอกว่าคือความเจ็บปวด แต่ไม่ว่า

ใครจะพูดว่ามันคืออะไรมีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามารถพูดได้เต็มปาก……….นั่นคือ………ทุกคนต้องการมัน







เมื่อโชคชะตากำหนดให้พวกเขาต้องเดินทางไกล……ทางเลือกต่างๆมีไว้ทดสอบพวกเขา


………..และในเมื่อเริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง…….ความรักจะช่วยบรรเทารอยร้าวนั้นอย่างไร





ติดตามได้ใน The Odyssey
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 02-06-2009 12:25:26

 :mc4:
แอร้ย  เข้ามาเจิม  ชอบแนวแฟนตาซีอ่ะ
แล้วเรื่องนี้ มีน้องสาวคีน่าจังป่ะ
 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey
เริ่มหัวข้อโดย: mole eye man ที่ 02-06-2009 16:45:51
มาตั้งโต๊ะรอ   เพราะติดใจหักมุมท้ายเรื่องของอันที่แล้วมากมาย  >w</

จะรอติดตามต่อนะฮะ  ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-06-2009 12:21:50
เปิดเรื่องน่าสนใจ 

ขอร่วมเดินทางด้วยคน :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-06-2009 14:53:48
ขอบคุณทุกเสียงตอบรับมากๆเลยครับ อิอิ มีกำลังใจๆ



อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ = คือเรื่องนี้เป็นอีกแนวเลยอะแฟนตาซีจ๋า......แต่ก็ไม่แน่อาจมีตอนพิเศษ ให้น้องคีน่าเข้ามาป่วนเล่น คริๆ


mole eye man = ถ้าจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีหักมุมจะติดตามอ่านมั้ยครับ แงๆ (อ่านเถอะนะ)


dahlia = ยินดีต้อนรับสู่ขบวนจ้า


มาเริ่มเรื่องกันต่อเลย



[/color]
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องให่ด้วยนะครับ (บทนำ 3/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-06-2009 15:00:37
ปฐมบทแห่งการเดินทาง





ณ ห้วงนภาอันกว้างไกล




ปุยเมฆขาวนวลลอยล่องอยู่รายรอบโอบล้อมสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ ปราสาทสีขาวนวลเปล่งประกายเจิดจ้าเด่นสง่าอยู่ใจกลางหมู่เมฆหมอกเหล่านั้น แสงสีทองสาดส่องไปทั่วสร้างความอบอุ่นให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ สถานที่อันเป็นนิรันดร์ ที่สถิตของเหล่าปวงเทพ


เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปรอบห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างห้องหนึ่ง บ่อน้ำขนาดย่อมตั้งอยู่ใจกลางของห้องนี้ และข้างๆนั้นก็มีชายผู้สวมชุดเกราะยืนรออยู่ก่อนแล้ว


“เจ้ามาช้า” ชายที่รออยู่ว่าอย่างหัวเสีย แน่ล่ะทั้งๆที่นัดเวลากันแน่นอนแล้ว แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ใส่ใจกับมันนัก ยังทำทีเดินอย่างสะบายใจมาอีก เห็นแล้วมันน่าลงโทษนัก

“ท่านอย่าคิดเป็นจริงเป็นจังนักเลย….ก็แค่เล่นอะไรสนุกๆ” ผู้มาช้าหยุดยืนด้านตรงข้ามของบ่อน้ำ เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีที่กวนใจอีกฝ่ายได้ เขานั่งลงที่ขอบของบ่อน้ำสีใส ชายผ้าขาวบางเบาข้างลำตัวสัมผัสกับน้ำจนเปียกชุ่ม มือเรียวเล็กค่อยๆเลื่อนไล้ไปตามผิวน้ำเกิดคลื่นเป็นวงกระจายไปตามแนวมือ ใบหน้าขาวนวลนั้นจ้องไปยังอีกฝ่ายอย่างยั่วเย้าริมฝีปากแดงสดนั้นยังยิ้มร่า แน่ล่ะมันสร้างความหงุดหงิดให้อีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

อีกฝ่ายได้แต่ทำตาดุไปถึงเจ้าตัวกวนที่มีแต่จะสร้างเรื่องให้เขาเสียเรื่อย เขาสะบัดหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย ผมสีน้ำตาลเข้มโบกไปมาตามแรง เขาย่อตัวลงคุกเข่าลงพื้น

เสียงเกราะเหล็กกล้ากระทบกันดังไปสักพักจนกระทั่งเขานั่งลงเรียบร้อย มือที่หยาบหนากว่าอีกฝ่ายจ้วงลงไปในน้ำอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายฉีกยิ้มยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาอารมณ์เสียแค่ไหน

“เริ่มกันได้แล้ว” ชายผู้ใส่เกราะเหล็กว่าอย่างเร่งรีบ เขาเสียเวลามามากแล้ว

“ท่านจะรีบไปไหนกัน…..ข้ามีเวลาให้ท่านทั้งคืน ทั้งวัน” เจ้าตัวกวนไม่ตอบเปล่ายังแกล้งทำเสียงสั่นเพียงเพื่อหวังแหย่เล่นๆก็เท่านั้น

“หึ ปากดีนักนะเจ้า….อย่ามายั่วข้าเลย….เร่งมือเข้าท่านมหาเทพใกล้กำหนดกลับมาแล้ว”

“ท่านกลัวรึ”

“รึเจ้าไม่กลัว”




กว่าที่ทั้งสองเลิกต่อล้อต่อเถียงกันได้ ก็ล่วงไปหลายนาทีแสงทองที่ลอดมาจากหน้าต่างค่อยๆลับตาไป น่าแปลกแม้ภายในห้องนี้ไม่มีแสงไฟ แต่ร่างของทั้งสองกลับเปล่งแสงอ่อนๆออกมาพอให้เห็นสภาพในห้องได้เลาๆ ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน




และบัดนี้ก็ได้เวลาเริ่มต้นเสียทีกับการละเล่นต้องห้ามที่เหล่าเทพต่างพากันชื่นชมมันเสียยิ่งนัก แต่ก็เพราะเป็นของต้องห้ามทำให้ยิ่งมีความใคร่รู้…..อะไรที่ปกปิด….สิ่งใดที่ซ่อนเร้น….มันช่างน่าค้นหานัก

เทพทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหวของมือแล้วดึงกลับมาปล่อยให้คลื่นน้ำค่อยๆนิ่งสงบลง แต่เมื่อผิวน้ำกลับมาราบเรียบอีกครั้งภาพสะท้อนที่ควรจะเป็นใบหน้าอันสง่าของทั้งสองกลับเป็นภาพของกองทหาร

ทางฝ่ายท่านนักรบเกราะเหล็กที่ตอนนี้กวาดสายตาสำรวจเหล่าทัพของตนอย่างพอใจในความพร้อมและความยิ่งใหญ่ของทัพตน ทัพหน้าประกอบด้วยพลหอกนับพันคอยทะลวงคู่ต่อสู้ให้กระเจิง ปีกซ้ายและขวาขนาบด้วยทหารราบที่ฝึกปรือมาอย่างดีชุดเกราะตีด้วยเหล็กกล้า อีกทั้งศาสตราวุธยังเป็นของชั้นดีหาที่เปรียบได้ไม่ ในส่วนหลังเป็นส่วนของกองทัพจอมเวทคอยให้ความคุ้มครองและโจมตีได้อย่างรุนแรง ด้านหน้าสุดปรากฎแม่ทัพผู้อยู่บนอาชาสีดำสนิท ข้างกายเขามีเหล่าเสนาธิการอีกสองคนเคียงข้างเขาเสมอ

“ยอมแพ้เสียตอนนี้ยังทันนะ” เทพแห่งสงครามหันไปเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เขาดูยังไงก็ไม่น่าจะมีทางชนะได้เลย ดูสิทั้งกำลังคน ทั้งประสบการในการรบ…เทพแห่งความรู้จะมาสู้กับเทพสงครามอย่างเขาได้อย่างไร

“แหมท่านก็…..ถ้าข้ายอมแพ้สัญญาที่ให้ก็ถือเป็นโมฆะ” เทพแห่งความรู้ไม่ยอมเปล่าจะยอมเสียเชิงท่านเทพแห่งสงครามได้อย่างไรกัน ถึงแม้ในด้านกำลังคนของเขาจะน้อยกว่าและจะเสียทีให้ในการรบครั้งที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้……เรื่องอะไรจะยอม

“เจ้าเลือกเองนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เทพหนุ่มหัวเราะร่า ในใจคิดเพียงจะทำอย่างไรรางวัลที่ได้ดี




กองทัพของจ้าวแห่งตำรานั้นดูด้อยไปถนัดตาเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายทัพหน้าที่กระกอบด้วยเหล่าทหารที่ขี่อยู่บนบรรดาสิงสาราสัตว์ประเภทต่างๆ พลธนูอยู่ถัดลงไป ท้ายสุดเป็นเพียงเครื่องยิงหินแบบเหวี่ยงที่ถูกสร้างด้วยไม้ดูแล้วไม่น่าจะทำงานได้เกิน 3 ครั้งก็น่าจะหักโครมเสียแล้ว ไม่เพียงแค่จำนวนคนที่ลดน้อยลงจากการรบครั้งที่ผ่านๆมา ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารดูจะไม่มีเอาเสียเลย…..แววตามีแต่ความสิ้นหวัง หดหู่……จะมีก็เพียงแม่ทัพที่ยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าที่ไม่ว่าจะตกเป็นรองแต่ก็ยังมีใจสู้…….หรือเพียงว่าจำเป็นต้องสู้



“ข้าเริ่มก่อนล่ะนะ” จ้าวแห่งการรบเปิดฉากก่อนจะให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว



เสียงแตรดังลั่นก้องไปทั่วทุ่งหญ้า เสียงโห่ร้องระงมร้อง เหล่าทหารฝ่ายเทพสงครามชักอาวุธจัดเตรียมในท่าพร้อม บรรดานักเวทร่ายมนต์เสียงงึมงำ ไอเวทสีเทากระจายแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ ท่านแม่ทัพปืนทรงขึ้นเหนือศีรษะแล้วลั่นไกส่งสัญญาณออกศึก

เหล่าฝีเท้ากระหน่ำเหยียบลงฝืนปฐภีสร้างแรงสั่นสะเทือนได้น่ากลัวพอๆกับเสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
กระแสทหารไหลหลากเข้าบุกอย่างไม่ลังเล พลหอกเบื้องหน้าตั้งหอกไว้เฉียงไปเบื้องหน้าหมายปลิดชีพผู้ที่คิดขวางทาง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีดำที่มีกระแสไฟ้ฟ้าวิ่งไปมาส่งเสียงครืนๆเป็นระยะ

“ขี้โกง เล่นไม่ทันตั้งตัว” เมื่อเห็นทัพของข้าศึกวิ่งกรูเข้ามาเทพแห่งความรอบรู้ก็ต้องเหงื่อตก เขาไม่แน่ใจเลยว่าจะชนะศึกนี้ไปได้ง่ายๆหรือไม่…..เอาน่ะไม่ชนะด้วยกำลังก็ต้องใช้เล่ห์เอาล่ะ

ไม่รอช้าแม่ทัพฝ่ายเทพแห่งความรู้ชูมือชี้ไปบนฟากฟ้าที่กำลังแปรปรวน สัตว์ร้ายคำรามสร้างขวัญ เหล่านักรบตั้งรับชักอาวุธออกมาประจำกาย ศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว………….ห่างไปเพียง500เมตร



เสียงกรีดร้องของสัตว์ร่างยักษ์ดังขึ้นเหนือหมู่เมฆ กองทัพเทพแห่งการต่างรบชะงักไปพร้อมกับมองหาต้นเสียงอันน่าสะพรึงนั้น เสียงที่เล็กแหลมจนมันกรีดเข้าไปถึงหัวใจ

เสียงนั้นไม่หยุดร้องยังคงข่มขวัญเหล่าผู้รุกรานได้อย่างดี

“เฮ้ยยยย….” เสียงร้องโวยวายพร้อมทั้งการชี้นิ้วกับบางสิ่งที่ค่อยๆปรากฏออกมาจากฟากฟ้าสีดำนั้นเล่นเอากองทัพหอกถอยกรูกันไป



วิหกยักษ์สีทองอร่ามนับสิบค่อยๆร่อนลงยังพื้นอย่างสวยงามประกายสายฟ้าแล่นไปมาระหว่างดวงตาคมของจ้าวแห่งนภาไม่บอกก็รู้ว่าพวกมันกำลังโกรธ……

“บุกเข้าไป….ไม่ต้องกลัว” แม่ทัพบนม้าดำไม่ยี่ระต่อกำลังเสริมที่พึ่งเข้ามา เขายังควบม้าต่ออย่างรวดเร็ว มือซ้ายกุมบังเหียน ขวาจับปืนไว้มั่น ปืนกระบอกยาวเล็งเป้าหมายไปยังกลางอกของนกสีทองตัวหน้าสุด


เสียงปืนดังลั่น…….เลือดสีแดงสดไหลรินสู่พื้นปฐภี……จ้าวแห่งนภาสิ้นใจล้มตัวลงกระแทกกับพื้นดิน….พรรคพวกวิหกที่เหลือมองเป้าหมายอย่างโกรธกริ้ว….สายฟ้าถูกปล่อยลงมานับสิบสายกวาดเป็นลานกว้าง แสงสีขาวทอดยาจากฟ้าลงฝืนดิน เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว

เทพในชุดขาวยิ้มอย่างปิติ อย่างน้อยก็จัดการตัวสำคัญได้….แต่ก็ได้แต่ดีใจไปชั่วครู่ในเมื่อผงฝุ่นจากการระเบิดจางลงไป ชายบนหลังม้ายังยืนหยัดอยู่อย่างไร้บาดแผล รอบกายประกอบด้วยสองเสนาธิการซึ่งหนึ่งในนั้นได้จัดการกับสายฟ้านั้นให้พ้นทางไป

“เจ้าคิดว่าจะใช้แผนเก่าๆได้อย่างนั้นรึ หึหึ” จ้าวแห่งการรบยิ้มเยาะ ก่อนจะโบกมือออกคำสั่งผ่านบ่อน้ำไป ในตอนนี้กองพลหอกได้ฝ่าทะลวงกองทัพสัตว์เทพไปได้แล้ว…..และดูเหมือนจะมีชัยได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ไป

“ขอเวลานอก” เทพแห่งความรู้กล่าว



ภาพการรบอันดุเดือดถูกหยุดค้างไว้ อีกฝ่ายได้แต่แอบยิ้มแต่ก็แกล้งทำเป็นตีหน้านิ่ง



“ข้าว่า…..ข้าอาจจะต้องทบทวนขอเสนอของท่านดูเสียหน่อย” เทพแห่งความรู้ค่อยๆเคลื่อนตัวไปยังอีกฝั่งของบ่อน้ำ ชายผ้าที่เปียกน้ำนั้นแนบชิดติดกับผิวกายเผยให้เห็นสัดส่วนที่เย้ายวน เล่นเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่

“ท่านพอที่จะให้โอกาสข้าอีกหรือไม่” มือเรียวเล็กนั้นไล้ไปตามเกราะเหล็กกล้า สร้างความหวั่นใจให้ชายร่างยักษ์ไม่ใช่น้อย

“แล้วเราจะไม่ต้องมาเล่นเกมบ้าๆนี่อีก” มือทั้ง 2 รวบใบหน้าของนักรบที่พยายามหลบหนี บิดหันมาจ้องตา เทพร่างบางค่อยๆโน้มตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายทีละน้อยช้าๆ แล้วบรรจงฝากริมฝีปากไว้กับเขาอย่างนุ่มนวล



ภาพสะท้อนในบ่อน้ำนั้นเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง



“ท่านพอจะให้ข้าได้ไหม…….” เสียงสั่นๆของเทพแห่งความรู้กระซิบเข้าที่ข้างหูของนักรบ พร้อมรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยเล่ห์…

ท่านเทพแห่งการรบก้มลงหอมแก้มขาวนวลอันนั้นก่อนจะกระชับวงแขนรวบเจ้าตัวเล็กไว้




“เจ้าอย่ามาลีลา…..ลูกไม้ตื้นๆใช้กับข้าไม่ได้หรอก” น้ำเสียงดุดันกลับมาอีกครั้ง แววตาที่หวั่นไหวเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าว……แขนทั้ง 2 รัดตัวเทพเจ้าเล่ห์ไว้

“ยังไงข้าก็จะชนะ……”เขากระซิบริมหูพร้อมใช้ลิ้นชิมรสของเทพตัวดีองค์นั้น

“และเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น”


เสียงร้องห้ามจากเทพแห่งความรู้ไม่ได้ทำให้เทพแห่งสงครามหยุดการกระทำของตน เขายังคงมีความสุขกับการลิ้มรสของหวานที่อยู่ตรงหน้าอย่าตะกละราวกับอดอยากมานาน

การศึกยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง……..เป็นไปตามคาดทัพของเทพแห่งสงครามบุกเข้าถึงทัพหลวงของอีกฝ่ายแล้ว……..และอีกไม่นานคงจบลง

“เจ้ามันโรคจิต” เทพตัวบางพยายามดิ้นแต่มันก็เหมือนเด็กสู้กับผู้ใหญ่นั่นล่ะ มือเล็กๆที่ทุบลงบนร่างใหญ่นั้นแทบจะไม่เห็นผลอันใด ยิ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้อีกฝ่ายปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกไปให้พ้นเสียมากกว่า

เกราะเหล็กถูกปลดลง เผยให้เห็นความแข็งแกร่งภายในที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม เทพแห่งสงครามกระชากอาภรสีขาวนุ่มนั้นออกไปอย่างง่ายดาย พรางกดร่างบางนั้นลงกับพื้นเย็นๆของห้องแห่งนี้

“ปล่อยข้า อ๊ะ……ทะ…ท่าน…..อ….อย่า” เทพแห่งความรู้พูดไม่เป็นคำ เมื่อเทพตัวใหญ่ระดมลงลิ้นไปทั่วร่าง มือแกร่งนั้นลูบไล้ไปทั่ว

“เจ้ายั่วข้าเอง……เป็นของข้าเสียเถอะ” ท่านเทพไม่อยากรอช้าอีกเขาจับท่อนสวรรค์ชี้ไปยังเป้าหมาย เขารอเวลานี้มานานเหลือเกิน…..แล้วจะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปอีก



“พวกเจ้าทำอะไรกัน”



เสียงอันทรงอนุภาพดังก้องไปทั่วห้อง เทพทั้งสองหัวขวับมาทางประตู ปรากฏร่างชายชราในอาภรสีขาวนวลพาดสะพายจากไหล่ขวาลงมาบรรจบที่เอว อวดอกหนาที่ยังดูแข็งแรงผิดกับสีผมและหนวดเคราที่เริ่มจะมีสีขาวแซมมาบ้างแล้ว เขาก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วและหยุดลงเบื้องหน้าเทพทั้ง 2 ซึ่งตอนนี้ได้แต่หมอบกราบตัวสั่นอยู่ที่พื้น










“ข้าถามว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทนำ 3/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 03-06-2009 16:09:56
เข้ามาเชียร์เรื่องใหม่  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทนำ 3/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-06-2009 16:21:51
แอร๊ยยยยยยยยยยยย  เล่นหมากเก็บกันอยู่ มั้งค่ะ  :laugh:

จะมาถามทำไมตอนนี้เนี๊ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทนำ 3/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-06-2009 16:00:10
ฮิ้วๆ......มาอ่านกันเยอะนะจ๊ะ

อ้างถึง
mist= ยินดีต้อนรับเจ้า

dahlia = แอร๊ยยยย นึกว่าเล่นจำ้จี้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่1 5/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-06-2009 16:04:28
บทที่ 1 บารอน มหานครแห่งผู้กล้า





   มหานครบารอนอันเกรียงไกรตั้งอยู่ทางเหนือของทวีปแห่งนี้ ด้านบนถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้า เป็นปราการธรรมชาติที่ช่วยป้องกันอันตรายต่างๆนับแต่อดีต กาลเวลาผ่านเลย นครบารอนได้พัฒนาตนเองไปได้อย่างรวดเร็วจนขึ้นชื่อเป็นศูนย์รวมของอารยะธรมมต่างๆไว้มากมาย นครบารอนแห่งนี้ มีปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในติดกับขุนเขาบารอน ล้อมรอบด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากเขาเกิดเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่หากคิดจะบุกเข้ามา นอกจากนี้กำแพงเมืองยังสร้างจากหินชั้นดีที่ใช้เวลานับร้อยปีในการก่อสร้างจนกลายเป็นป้อมกำปังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาได้มีนครใดเทียม


   จากรุ่นสู่รุ่น “แอสตรา” ปืนประจำกายของผู้ปกครองบารอนได้ส่งทอดมือต่อมือ ผู้ที่สามารถบงการความเป็นอยู่ของผู้คนแห่งนี้ ผู้ที่สามารถสร้างกฎเกณ ผู้ที่อาศัยในปารสาทใหญ่แห่งบารอน






   เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังก้องไปตามทางเดินในปราสาทบารอน ชายหนุ่มผมยาวคนหนึ่งเดินไปตามทางพร้อมสาดส่องสายตาไปตามห้องต่างๆที่มีอย่างมากมายในปราสาทแห่งนี้



อยู่ที่ไหนกัน



หนุ่มวัย 27 คนนี้กำลังตามหาใครบางคนอยู่ใบหน้าบึ้งตึงช่างไม่เหมาะสมกับผิวขาวเนียน และผมดำขลับที่รวบไว้ด้านหลัง เสื้อคลุมดำยาวพริ้วไหวไปตามการก้าวขาดูเหมือนมีชีวิตและน่าเกรงกลัวไปพร้อมกัน

นางสนมคนหนึ่งถูกซักถาม ก่อนจะถูกตวาดไล่ให้ไปทำงานเสีย

“ไม่ได้เรื่อง คนๆเดียวยังไม่รู้อยู่ไหน” ชายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย เห็นทีเขาคงทำการจัดการกับพวกไร้ประโยชน์เหล่านี้เสียที







“อ๊า………….”

เสียงครางดังแว่วกระทบเข้าโสตประสาทของเขาเข้า ชายหนุ่มหยุดเดิน เงี่ยหูฟังถึงตำแหน่ง นั่นไง ตรงนั้น

“ท่านไทนอส…..อ๊ะ…….แรงอีกค่ะ…..อ๊า”


ชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าห้องเก็บของ ภายในมีเสียงแห่งความสุขลอดผ่านออกมาอย่างเสมอ เขาจ้องผ่านรอยแยกของประตูไม้ที่เก่าเจียนพัง ดวงตาสีดำกลับถูกฉาบด้วยสีแดงเพลิง ผ้าคลุมสะบัดไปมาทั้งที่ไม่มีลม



เขากำลังโกรธ



ปัง




ประตูถูกกระชากให้เปิดออกเผยให้เห็นภายในห้องซึ่งบัดนี้ ชายหญิงไร้สิ่งปกปิดร่างกายคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันอย่างลึกซึ้ง

หญิงสาวร้องกรี๊ดด้วยความตกใจพลันสายตาเห็นผู้ที่มาขัดจังหวะก็ถึงกับผละตัวออกจากคู่ รีบก้มหมอบที่พื้นทันที


“เจ้ามีอะไรชีวาส”


ชายร่างเปลือยถามอย่างหงุดหงิด

“ได้เวลาแล้วไทนอส” หนุ่มผมยาวตอบไปแต่สายตายังคงจ้องไปที่นางสนมที่หมอบอยู่กับพื้นอย่างคาดโทษ

“อีกเดี๋ยวน่าชีวาส…ข้ากำลัง…..”

“ไม่มีแต่ไทนอส” ชีวาสว่าเสียงเข้ม




สุดท้ายไทนอสก็ต้องยอมแพ้ต่อเสนาธิการของเขาเอง ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าที่กองทิ้งไว้มาสวมอย่างลวกๆพร้อมจัดแจงสิ่งที่ยังไม่สงบให้ลงไปอัดอยู่ในกางเกงหนังตัวเล็กนั่น มันทำให้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

“เดี๋ยวเราค่อยมาต่อกัน” ไทนอสทิ้งท้ายไว้กับสาวน้อยแล้วเดินจากไป

สาวน้อยผู้น่าสงสารยังคงก้มหน้าหมอบติดอยู่กับพื้นห้อง น้ำตาแห่งความกลัวไหลนองทั่วหน้าอันงดงาม


“ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้ทำกันต่อแล้วล่ะ”

ชีวาสก้มลงกระซิบข้างๆหูของสนมนางนั้นหลังจากทิ้งให้ไทนอสเดินไปจนลับตา ประกายไฟลอยล่องออกจากฝ่ามือพุ่งตรงเข้าไป…..ตรงจุดที่สาวน้อยนั่งอยู่

หากมีใครเดินผ่านไปบริเวณนั้นคงได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวน้อยผู้น่าสงสารคนหนึ่ง





ภายในห้องโถงใหญ่ โต๊ะหินอ่อนขาวทรงกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางรายล้อมด้วยผู้คนหลายหน้าหลายตำแหน่ง ทางทิศเหนือของโต๊ะเป็นที่นั่งของ ไทนอส ผู้ปกครองมหานครบารอนคนล่าสุด ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่า ผู้ปกครองที่เด็กที่สุด ด้วยวัยเพียง 25 ปี ไทนอสก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองคนก่อน ทว่านั่นเป็นเหตุที่ทำให้หลายผ่ายไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จึงจำเป็นต้องมีเสนาธิการทั้ง 2 เพื่อถ่วงดุลอำนาจไว้


   ไทนอสนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งเหนือ ตำแหน่งที่บ่งบอกถึงภาระ ที่ต้องสอดส่องดูแลความสงบสุขของผู้คนในบารอนแห่งนี้ เขาช่างสง่างามด้วยเครื่องทรงขาวนวลทับด้านนอกด้วยเกราะพื้นดำประดับลวดลายด้วยทองคำเกี่ยวกระหวัดไปมาน่าชม ข้างกายมีกระเป๋าหนังสีน้ำตาลห้อยไว้ข้างสะโพกภายในบรรจุกระสุนปืนไว้ใช้ ปืนแอสตรา ไม่เคยห่างตัว ผมสีน้ำตาลที่ตัดสั้นถูกเสยขึ้นไปขับให้เห็นใบหน้าคมคายนั้นชัดเจน

“แล้วคำทำนายว่าอย่างไร”

โหรตัวน้อยค่อยๆมองมาที่ท่านผู้นำก่อนเอ่ยวาจาออกมา

“เอ่อ…..คือว่าข้า…….”

“ว่าอย่างไรข้ารอฟังอยู่” ไทนอสออกเสียงเร่งเมื่อเห็นผู้น้อยพูดขัดๆเขิน แต่มันก็ยิ่งทำให้โหรตัวน้อยเกิดอาการหนักเข้าไปเสียอีก

“เอ่อ….อะ…..ขะ ขะ ข้าว่า…..ตะ”

“อ้าว…..ว่ามาสิ” ไทนอสยิ้มจนแก้มปริ อะไรก็ไม่สนุกเท่าแกล้งคนน่ารักๆแบบนี้หรอก

“นี่ไทนอสเลิกเล่นเสียที…..เจ้าก็อีกเลิกติดอ่างได้แล้วข้าไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ” ชีวาสดึงไทนอสที่กำลังชะโงกหน้าไปทางโหรให้กลับมานั่งตรงเก้าอี้ของตนอย่างเรียบร้อย พร้อมทั้งส่งสายตามองเจ้าผู้ทำนายอย่างไม่พอใจ

“ดะ…..ดวงชะตาบ้าน…..เมือง…..มะ…ไม่ค่อย….ดิ…ดีนัก……อะ…อาจ…เกิดเรื่องยุ่ง..ยะ..ยาก”
โหรตัวน้อยพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะบรรยายสิ่งที่ตนทำนายได้ออกมาแต่นั่นล่ะเรื่องที่ยากที่สุด….ในเมื่อไทนอสยังจ้องเขาไม่เลิกแบบนี้



“ไร้สาระน่า”
 “ก็แค่เดา”
“โอ….ช่างน่ากลัวนัก”


ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นอย่างออกรส เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่เชื่ออยู่มากพอควร



   ปัญหางั้นรึ…..ในตอนนี้ก็มีเพียง “นครกราซ” พวกบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนั้นจะทำอะไรให้นครบารอนได้ ไทนอสเองพยายามคิดวิเคราะห์ถึงเหตุ พอที่จะเห็นทางที่จะเกิดภัยมาสู่เมือง เนื่องด้วยทั้งบารอนและกราซเองมีอาณาเขตติดกันมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่เรื่อยมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันจนมีสงครามยืดเยื้อเรื่อยมาจนกระทั่งได้มีสัญญาเลือดเกิดขึ้นมา ทั้งสองยอมสงบศึก…..ทว่าก็ยังสะสมกองกำลังไว้ดูท่าทีของกันและกัน




เอาเถอะถึงยังไงเตรียมตัวให้พร้อมไว้คงไม่เสียหาย ไอ้เมืองกราซนั่น……..ได้มาคงดีไม่น้อย ไหนจะทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำกลางเมืองนั่นอีก ผลประโยชน์มากมายจริงๆ






“แอล เจ้าจะรีบไปไหน” ไทนอสร้องทักเมื่อโหรตัวเล็กนั้นรีบก้มหน้าก้มตาเก็บของเพื่อกลับไปห้องตน

“ขะ….ข้าต้องรีบกลับห้อง” โหรแอลตอบไปอย่างติดๆขัดๆ และมักเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าใกล้ไทนอส

“ข้ายังไม่ได้คุยกับเจ้าเลย” ท่านผู้นำยังไม่ยอม เรื่องอะไรจะยอมล่ะ ในเมื่อคนน่ารักทำตื่น แบบนี้ใครจะอดใจไหวกัน

“…..” แอลไม่ตอบ เขารู้ตัวดีว่าโดนไทนอสแกล้งเข้าอีกแล้ว

“เจ้ากลับไปพักได้แล้วแอล” ชีวาสเดินแทรกเข้ามาระหว่างแอลกับไทนอส ดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงบ่งบอกอันตรายได้อย่างดี แอลรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตกเป็นเป้านิ่งเสีย



ใครๆในปราสาทบารอนก็รู้กันทั้งนั้นล่ะว่าพิษรักแรงหึงของชีวาสนั่นน่ะรุนแรงแค่ไหน ถ้าไม่นับหญิลสาวที่พึ่งโดยเผาไปวันนี้ก็รวมได้ 58 รายแล้วที่มีรอยแผลเป็นจากความร้อนประทับบนใบหน้า



ชีวาสส่งเสียงคำรามในคอก่อนจะหันไปมองไทนอส……หนุ่มเสน่ห์แรงแห่งบารอน

ไทนอสเองได้เพียงส่ายหัวไปมาด้วยความเสียดาย ของเล่นหลุดมือไปอีกแล้ว วันหลังคงต้องหาเวลาส่วนตัวที่ไม่มีชีวาสอยู่ด้วยเสียแล้ว (แต่คงยากเนอะ)

“เจ้าไม่ต้องคิดเลยนะไทนอส”

เสนาธิการฝ่ายซ้ายชีวาส ตรงรี่เข้าเกาะกุมแขนล่ำนั้นไว้ทันทีที่แอลวิ่งหนีไปจนลับตา ทำตัวประหนึ่งเป็นคู่ชีวิตของไทนอส

แต่ก่อนที่ไทนอสจะได้พูดอะไรเสียงหัวเราะก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน

“มีอะไรน่าขัน  เกรย์” ชีวาสหันไปต่อว่าเจ้าคนที่นั่งหัวเราะอยู่

   เสนาธิการฝ่ายขวา เกรย์ ชายผู้มีผิวขาวซีดเหมือนซากศพ ใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกปิดด้วยหน้ากากที่ทำมาจากกระดูก ยากนักที่จะเห็นเกรย์ผู้นี้หัวเราะ เขามักเหม่อลอยจมอยู่กับความคิดของตน ปล่อยให้ดวงตาเศร้าๆจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย

“เปล่านี่ชีวาส เจ้าคิดมากไปมั้ง คิกๆ”
“ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไร”

“เอ่อ…..เจ้าคุยกันไปแล้วกันข้าไปก่อนล่ะ” ไทนอสได้ทีรีบสลัดแขนตนออกจากการเกาะกุมแล้ววิ่งออกไปอีกคน ทวีเสียงหัวเราะของเกรย์ให้ดังยิ่งขึ้นเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียของชีวาส

“เออ…..หัวเราะเข้าไป อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะเกรย์ว่าแกรู้สึกอย่างไร” ชีวาสกว่าวเสียงแข็งก่อนประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน




เสียงหัวเราะหยุดไปแล้ว





“ข้าไม่ยกไทนอสให้เจ้าหรอก เกรย์……ไม่ยกให้ใครทั้งนั้น”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่1 5/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-06-2009 21:46:06
ชีวาส แรงสมชื่อ แล้วจะกลมกล่อมด้วยม้ายอะ   :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่1 5/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 05-06-2009 23:59:12

รีเจ้น อีกคน  แรงไม่แพ้ชีวาส  เหอๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่1 5/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 06-06-2009 11:31:57
เรื่องราวชักเข้มข้น

แต่อิตาไทนอสนี่มันเด็กดี ๆ นี่เองอ่ะ ดู ๆ ไป ชีวาสเหมือนแม่มันเลยเนาะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-06-2009 19:31:13
มาแล้วจ้ามาแล้ว ตอนใหม่แต่ก่อนหน้านั้น

พบกับมุมไขปัญหาคาใจกันค้าาาา



อ้างถึง
dahlia = ค้าาาาาา......อันนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะแรงได้สักกี่แก้ว เอ้ย ตอน


กิมตี๋หัดขับ = โอเคๆ......เดี๋ยวเปลี่ยนชื่อทั้งหมดเป็น เรด......เบนมอร์......ไพเพอร์ แอร๊ยยย คงไม่มีน้องแสงโสมเนอะ


mist = แหมๆ ก็เป็นคนรักเด็กนี่เนอะ มันเคี้ยวง่ายดี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-06-2009 19:43:18
บทที่ 2 กราซ นครนอกรีต





   นครกราซนั้นตั้งอยู่ทางใต้ต่อมหานครบารอน ทั้งสองเมืองมีตำนานร่วมกันมานานนับร้อยปี ทว่าตำนานนี้กลับเป็นเรื่องเศร้า ความปิติยินดีนั้นหาได้มีไม่……..มันเป็นเรื่องของสงคราม



การต่อสู้ของทั้งสอง……การสูญเสีย



ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงจนกระทั่ง 10 ปีที่แล้วผู้ปกครองทั้ง 2 เมืองได้ตกลงทำสัญญาเลือด นั่นจึงเป็นเหตุให้ไฟสงครามสงบลง……แต่มันก็เป็นเพียงฉากบังหน้าเพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างทำสงครามเย็น สะสมกองกำลัง ทั้งอาวุธและกำลังพลเตรียมพร้อมสำหรับการรบเสมอ



นครการซนั้นดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบารอน ถ้าเปรียบได้บารอนคงเสมือนผู้ดีที่มีเงิน อำนาจ แต่กราซนั้นเล่าคงเป็นได้เพียงขอทานจนๆเพียงเท่านั้น ด้วยขนาดอาณาเขตที่เล็กกว่าบารอนเกือบครึ่ง ไม่มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต มีเพียงเพิงไม้หลังเล็กๆที่ประชากรใช้เป็นที่พักอาศัย แต่ที่น่าจะจัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดีที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้นคุ้มหลวงแห่งกราซ……ที่อาศัยของผู้ปกครองนครแห่งนี้


   สิ่งก่อสร้างที่ผสมกันระหว่างไม้และดินตั้งอยู่ใจกลางเมือง กำแพงไม้ปักเรียงรายอยู่โดยรอบ คงไม่ถือว่ามันแข็งแรง เพียงแต่แค่ปักไว้แสดงอาณาเขตก็เท่านั้น

“กองกำลังของเราในขณะนี้ยังน้อยนัก”

“อาวุธส่วนใหญ่ก็ชำรุดเสียหาย”

“ข้าเกรงว่าถ้าทางบารอนยกทัพมา…..เราจะแย่”



ภายในคุ้มหลวง เหล่าผู้บริหารต่างถกเถียงกันถึงเรื่องความมั่นคงของเมือง เนื่องด้วยช่วงนี้มีข่าวลือหนาหูว่า ทางบารอนได้เตรียมการที่จะฉีกสัญญาเลือดแล้วยกทัพมาถล่มกราซ


“เรายังมีสัตว์เทพท่าน ทั้งหลายอย่าพึ่งตื่นตนไป” เมื่อผู้ที่นั่งตรงตำแหน่งสูงสุดพูดขึ้น การถกเถียงจึงหยุดลง




เขาลุกยืนขึ้นเดินไปปรับแผนการรบบนแผนที่ขนาดใหญ่ที่ตั้งกลางโต๊ะ ปรับให้มีรูปปั้นสัตว์ต่างๆวางเป็นจุดๆ เสริมด้วยกองกำลังมนุษย์เป็นระยะอย่างลงตัว เหล่าผู้เข้าร่วมมองตาม ต่างพากันพยักหน้าเป็นเชิงว่าเห็นด้วย และมีบางส่วนที่ทำท่าหมั่นไส้ความฉลาดของผู้ปกครองเสียจนอยากจะร้องออกมาดังๆ


   เอสเปอร์ ชายหนุ่มวัย 30 ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยแผลหลายแห่ง ผิวสีคล้ำกร้านแดด แสดงถึงความโชกโชนในการรบ เขามักใส่เสื้อแขนกุดสีดำเสมอ สีเดียวกับผมที่ถูกตัดสั้นไถเกรียนไปกับศีรษะ มีดสั้นสองเล่มงามห้อยอยู่ข้างตัว อกหนาล่ำนั่นขยายตัวตามจังหวะลมหายใจแลน่าเกรงขาม


   การประชุมจบไปแล้วบัดนี้เหลือเพียงเอสเปอร์เท่านั้นที่ยังคงพิจารณาถึงแผนการรบต่างๆ เขานั่นเหม่ออยู่นานจนเผลอถอนหายใจออกมา ไอ้พวกบารอน ไอ้พวกฉวยโอกาส พวกหัวขโมย……ชายหนุ่มได้แต่นั่งบ่นกับตัวเองอยู่คนเดียวในใจ




“ใช่แล้วท่านเอสเปอร์”



เสียงปริศนาดังขึ้นด้านหลังเขา มีดประจำกายถูกคว้าเข้าประกบลำคอผู้บุกรุกทันที มืออันใหญ่หยาบนั้นคว้าข้อมืออีกคนรวบไว้ไม่ปล่อยให้หนีได้

“ใจเย็นๆสิท่านเอสเปอร์”

ผู้บุกรุกร่างบางกล่าวอย่างใจเย็น รอยยิ้มนั้นดูสบายใจหาได้กลัวเกรงใบมีดที่กดแนบลงบนคอของตนไม่

“เจ้าเป็นใคร”

“ปล่อยข้าก่อนสิ ท่านเอสเปอร์” ผู้บุกรุกหัวเรอะเล็ก ก่อนที่เอสเปอร์เองค่อยๆคลายมือ ปลดปล่อยมือทั้งสองให้เป็นไท ถึงแม้กระนั้นใบมีดนั้นยังคงเล็งไปที่ผู้บุกรุกหมายเอาชีวิตได้ทันที

“ระวังตัวจริงนะท่าน หึ…..ไม่ต้องจ้องข้าขนาดนั้น ข้ารู้ตัวดีว่าน่ารัก หึหึ” เจ้าคนแปลกหน้าพูดทีเล่นทีจริง เรื่องยั่วโมโหคนน่ะเขาถนัดนักล่ะ

“ข้าเห็นด้วยกับท่าน เอสเปอร์ ท่านควรกำจัดพวกเห็นแก่ตัวบารอนนั่นซะ”
คนแปลกหน้าร่างบางชิงพูดขึ้นก่อนเมื่อสังเกตเห็นกล้ามเนื้อใบหน้าของเอสเปอร์เริ่มกระตุก….นั่นหมายถึงหมดเวลาสนุกแล้วสิ

“เจ้าว่าอะไรนะ” เอสเปอร์แปลกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ข้าคิดเหมือนที่ท่านคิด เอสเปอร์ กำจัดมันซะ…..พวกเห็นแก่ตัวบารอน” น้ำเสียงขี้เล่นนั้นหายไป

“สิ่งที่ท่านต้องการคือ…..สงคราม”

“แต่ติดอยู่ตรงสัญญาสงบศึกบ้านั่น”


สถานะการเปลี่ยนไปแล้ว เอสเปอร์ได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้คนแปลกหน้ากระซิบข้างๆกาย ทางซ้ายที ขาวที มีดพกที่เคยถือไว้กลับถูกปลดลงปักที่โต๊ะทำงาน



“พวกบารอนหวังจะบุกทำลายท่านก่อน”

“ท่านลองจัดทัพไปสำรวจชายแดนสิ”









เอสเปอร์ตกใจตื่นขึ้นกลางดึก เขายังอยู่ในห้องทำงาน



ฝัน………



เหมือนจริงมาก



หรือว่า……เขาสำรวจมีกพกข้างตัวทันที แต่มันไม่ได้ห้อยข้างตัว มันถูกปักอยู่บนโต๊ะนั่นเอง

“เห็นทีต้องจัดทัพไปสำรวจเสียหน่อยแล้ว”




…………………………………………………………………………………



ทัพขนาดย่อมถูกเตรียมพร้อมภายในวันถัดไป กว่าจะเดินทางไปถึงชายแดนได้ก็ใช้เวลาถึง1 วันเต็มด้วยกัน และบัดนี้กองทหารสำรวจแห่งนครกราซก็ได้ยืนอยู่ ณ จุดบรรจบกันของเขตแดนนครทั้ง 2 ที่ราบ “ดาสราล” กลุ่มทหารทั้งหลายเดินตรวจตราเลอะแนวชายแดนไปเรื่อยอย่างอดทนไม่ย่อท้อต่อแสงแดดที่แผดเผาร่างกำยำ การสำรวจเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีทีท่าของอีกฝ่ายมาให้พบเจอ


“เอาล่ะ จุดสุดท้ายแล้ว พวกเรากลับ” หัวหน้ากองออกคำสั่งลูกน้องที่พร้อมใจเฮโลกันอย่างดีใจที่จะได้กลับเสียที


“ข้าจะได้ไปนอนกอดเมียเสียที”

“ลูกข้าคงคิดถึงข้า”

“เจ้าน่ะมีเมียด้วยหรอ ข้านึกว่ามีแต่ผัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”


เหล่าทหารต่างหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ด้วยความปิติที่จะได้กลับเมืองเสียทีจนลืมระวังตัวไปเสีย ทันใดนั้นเอง




ฉึก




ร่างทหารนายหนึ่งร่วงตกลงจากหลังม้าแน่นึ่งไป ลูกธนูปักลงใจกลางอกเลือดสีแดงสดไหลลามด้ามศรสู่พื้นดิน เหล่าทหารแตกฮือ ชักอาวุธเพื่อเตรียมพร้อม



ทว่า



สายไปเสียแล้ว ลูกธนูตกลงจากฟากฟ้าราวกับห่าฝน แต่น้ำฝนในครั้งนี้คงไม่เย็นชุ่มฉ่ำเป็นแน่แท้




…………………………………………………………………………………………




“เท่านี้เราก็เตรียมการเรียบร้อย” ร่างบางยืนมองซากไร้ชีวิตเหล่านั้นบนยอดไม้ใกล้ๆ ชายผ้าขาวไหวปลิวไปตามลม ใบหน้าประด้วยรอยยิ้ม ข้างกายนั้นเป็นหนุ่มร่างกำยำที่กำลังมองไปอีกฟากหนึ่ง มองไปยังทางบารอน

“ส่วนของข้าก็เรียบร้อย” ชายตัวใหญ่เอ่ยในที่สุด

“เท่านี้เราก็เริ่มเกมกันได้แล้วสินะท่าน” คนตัวบางไม่พูดเปล่า เขาเดินเข้าไปชิดอีกคน

“เจ้าอย่าลืมข้อตกลงก็แล้วกัน”

“แหม…..ท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไร คิก คิก”

“เจ้านี่มันกวนโมโหนัก” ชายร่างใหญ่ไม่พูดเปล่า ใช้มือคว้าเอวอีกคนเข้ามาแนบชิดทันทีพร้อมโน้มตัวลงหมายจะปิดปากตัวดีนี้เสีย แต่เจ้าตัวเล็กรู้ทัน

“อย่าสิท่าน ข้ายังไม่ได้แพ้เกมนะ” มือเล็กนั้นวางทาบบนอกอีกคนเป็นเชิงเตือน

“หึ” เจ้าตัวใหญ่หัวเราะเบาๆก่อนจะปล่อยมือออกมา

“ยังไงเจ้าก็แพ้ข้าอยู่ดี ยอมข้าเสียตอนนี้ก็ได้” เขายืดอกอย่างมั่นใจ เขาหลงรักเจ้าตัวเล็กนี้มานานแล้ว



นานมาแล้ว



แต่อีกคนเหมือนยังไม่ตกลงเสียที มีแต่ทำทีเล่นทีจริง



“เอาน่าท่าน ของที่ได้มาง่ายๆน่ะมันไม่น่าภูมิใจหรอก”

นั่นไง เหตุผลบ้าๆบอของคนตัวเล็ก ชอบนักไอ้เรื่องให้ความหวังคนแล้วกลับมาหักอกกันเสียนี่ เอาสิลองดูสักตั้งให้มันรู้ว่าเทพแห่งสงครามจะมาแพ้ไอ้เทพแห่งความรู้

“ได้……จัดการเตรียมทัพของเจ้าได้เลยข้าจะนับวันรอ”

ชายร่างใหญ่หันตัวกลับไปทะยานตัวสู่ห้วงอากาศแล้วลอยล่องไปจนลับตา ทิ้งให้อีกคนยืนอยู่บนยอดไม้สูงนั่นตามลำพัง งานของเขายังไม่เสร็จ เขาต้องการสงสารและจำเป็นต้องมีผู้นำสารด้วย เขามองซากเหล่านั้นพลางวิเคราะห์ความเป็นไปได้



และแล้วก็พบเป้าหมาย




ร่างไร้ชีวิตชายวัยกลางคนถูกศรปักเข้ากลางอกและแขนนอนแน่นิ่ง

แสงสีทองไหลจากปลายมือของเทพหนุ่มห่อหุ้มร่างไร้วิญญาณนั้น

ร่างที่ควรอยู่นิ่งกลับค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างง่ายดาย


“กลับไปเมืองซะ” เทพตัวน้อยสั่งการ

นายทหารพยักหน้าช้าๆ เดินไปด้วยสายตาเหม่อลอย จุดหมายของเขาอยู่ที่ประตูเมือง












“เท่านี้เกมก็เริ่มขึ้นได้”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-06-2009 22:52:09
อ้าว อ้าว อ้าว  ไหงมายิงคนเล่นกันแล้วล่ะ

คำถามเมื่อตอนปฐมบทยังคาใจอยู่เลยนะ   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 07-06-2009 23:34:01
 :เฮ้อ: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ชอบแนวแฟนตาซีอยู่แล้ว (เรื่องของตัวเองยังไม่มาต่อ และคงจะมาต่อยาก...) เหอๆๆๆ ต้องติดตามอ่านต่อกันต่อไปเรื่อยๆล่ะจ้า คุณ "ทีฟา"...

 o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 08-06-2009 10:29:00

เกมล่าสวาทเริ่มแล้วคร้า    :oo1:
มาเชียตัวเล็ก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่2 7/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 08-06-2009 11:18:38
 o22 เทวดาเรื่องนี้ใจร้ายแท้ เอาชีวิตคนมาเป็นเกมได้ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-06-2009 06:18:51
บทที่ 3 ลางร้าย





เสียงปืนยังคงดังต่อเนื่อง เลือดไหลรินลงพื้นปฐภีไม่ขาดสาย ไทนอสควบอาชาสีนิลคู่กายตรงฝ่าเข้าดงวิหกสายฟ้าอย่างไม่กลัวเกรง ข้างกายตามติดด้วยผู้ช่วยทั้งสอง ชีวาสและเกรย์ เสนาธิการแห่งบารอน



เปรี้ยง



สายฟ้านับสิบพร้อมใจแหวกอากาศสู่ผู้บุกรุกทั้ง 3 แต่ผลที่ได้นั้นคงเหมือนเคย ชีวาสปัดออกไปได้อย่างง่ายดาย



ปัง



ลูกกระสุนทะลวงเข้ากลางหัวของนกสายฟ้าผู้เคราะห์ร้าย มันทิ้งตัวลงสิ้นใจในทันที ผูงวิหกที่เหลือกระพือปีกหลบหลีกขึ้นบนฟ้าอย่างรวดเร็ว เสียงกรีดร้องด้วยโทสะของพวกมันดังก้องไปทั่ว



เปรี้ยง



สายฟ้านับสิบพุ่งลงมาอีก แต่คราวนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ไทนอสอีกต่อไป


เสียงระเบิดพร้อมกับเสียงร้องตะโกนดังขึ้นเบื้องหลัง กองทัพบารอนถูกสายฟ้าเข้าอย่างจัง นายทหารนับร้อยนอนดิ้นอยู่กับพื้นบนตัวของพวกเขามีแต่แผลดำไหม้ ส่งกลิ่นเหม็นสาปคลุ้งไปทั่ว




“ชีวาสทำอะไรสักอย่างเร็วเข้า” ไทนอสเร่ง ปืนของเขาไม่สามารถยิงไปถึงเป้าหมายได้

“ขอเวลา 5 นาที” ชีวาสกระโดดลงจากมาทันที หนังสือปกหนังปรากฎต่อหน้าจอมเวทย์ มันเปิดออกทันควันราวกับรู้ใจเจ้าของว่า ชีวาสต้องการเวทบทใด


ทันทีที่ชีวาสเริ่มท่องบทสวดวงเวทย์สีฟ้าอ่อนก็ปรากฎห้อมล้อมเขาไว้อักขระโบราณค่อยๆแต่งเติมให้เวทย์นั้นสมบูรณ์ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี


คุณคิดอย่างนั้นหรือ


นักรบแห่งกราซบุกเข้าระรานทันทีที่เห็นวงเวทย์นั้น ขวานขนาดใหญ่เงื้อขึ้นอย่างง่ายดายก่อนที่จะฟาดลงอย่างแรง…..ชีวาสยังคงร่ายคาถาอย่างไม่สนใจ



ปัง



นายทหารผู้โชคร้ายปล่อยขวานใหญ่นั้นลงจากมือ ตาของเขาเบิกโพลงเลือดจากกลางหน้าผากพร้อมเศษของเนื้อสมองไหลย้อยลงตามใบหน้าก่อนร่างอันไร้วิญญาณจะล้มลง



ฝ่ายกราซไม่ยอมแพ้ พลทหารต่างรุมเข้าโรมรันผู้รุกรานเสียงปืนดังต่อเนื่อง คนแล้วคนเล่าที่ล้มลง ไทนอสยังใจเย็นลั่นไกจัดการกับศัตรู เขาหาได้รู้ตัวว่าเบื้องหลังตนได้มีทหารแห่งกราซนายหนึ่งลอบเข้ามาช้าๆ ในมือกำดาบยาวไว้มั่น ใกล้เข้าไปอีกนิดเดียว…….และดาบนั้นถูกเงื้อขึ้น



อ๊อก




ไทนอสตกใจหันกลับในทันใด



“ระวังตัวด้วย” เกรย์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยในแบบของเขา มือขวาทิ่มเข้าไปกลางอกของนายทหารดาบยาวนั้น ก่อนจะกระชากมือกลับออกมาอย่างแรง

โครงกระดูกสีขาวของนายทหารนั้นติดมือเกรย์ออกมาทั้งร่างเศษเนื้อแดงสดหล่นร่วง เนื้อหนังที่เคยยืนอยู่เมื่อไร้โครงร่างอันแข็งแกร่งก็สุดที่จะยืนอยู่ได้ เกรย์จ้องเข้าไปในโพรงเป้าตาที่ว่างเปล่านั้นพร้อมกับปล่อยมือออกจากกระดูดซี่โครง

ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาทางด้านข้าง และเป้าหมายมันคือเกรย์ ไทนอสร้องตะโกนบอกอย่างร้อนรน



หมับ




มือที่มีแต่กระดูกนั้นคว้าลูกธนูไว้ได้ก่อนที่จะหักมันทิ้งไป
“จัดการซะ” เกรย์ออกคำสั่ง


และบัดนี้โครงกระดูกดาบยาวก็ไล่ฟันเหล่าทหารกราซอย่างไม่กลัวตาย



เวลาผ่านไปสองนาทีวงเวทย์ของชีวาสเปล่งแสงเรืองรองมากขึ้นอักษรต่างๆรายเรียงอย่างสวยงาม พิธีกรรมใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ทว่ากองกำลังกราซยังไม่สิ้นหวังเข้าถาโถมหมายกำจัดจอมเวทย์ก่อนที่มหาเวทย์จะสำแดงฤทธิ์ นั่นหมายถึงความเสียหายนับแสนที่พวกตนต้องเสียไป


กองศพค่อยๆเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เหงื่อเม็ดใหญ่เกาะตามใบหน้าคมของผู้นำแห่งบารอน เขายังคงกำจัดศัตรูอย่างต่อเนื่อง ลูกกระสุนชุดใหม่บรรจุเข้าสู่ปืนแอสตราอย่างคล่องตัว นัดแล้วนัดเล่า ศพแล้วศพเล่า


กองกำลังกระดูกขาวของเกรย์เองก็ดูจะเพิ่มจำนวนเร็วขึ้นอย่างน่าใจหาย มือทั้งสองข้างของเกราย์ชุ่มไปด้วยเลือดของข้าศึก เขากระชากโครงกระดูกออกมาจากทหารร่างอ้วนนายหนึ่ง และนั่นก็นับเป็นตัวที่ 15 ในวันนี้



เปรี้ยง



สายฟ้ายังกระหน่ำลงบนพื้นที่ทัพของบารอน ขณะนี้บารอนเสียกำลังไป 1ใน3 แล้วและดูท่าทีจะมากขึ้นเรื่อยๆ ไทนอสชักวิตกหันไปมองจอมเวทย์ที่ยังคงนิ่งในวงเวทย์นั้น

“เมื่อไรจะเสร็จชีวาส” เขาตะโกนพร้อมยิงนายทหารที่ย่องเข้ามาด้านหลัง

ไม่มีเสียงตอบจากชีวาสเขาเพ่งสมาธิกับการท่องบทสวดอันนี้ หากเป็นเวทย์ระดับกลางแล้วล่ะก็มันคงไม่เสียเวลามากมายเท่านี้หรอก

บทสวดดำเนินมาถึงจุดสุดท้ายวงเวทย์สว่างวาบพร้อมทั้งหมุนรอบตัวผู้ร่ายเร็วขึ้น เร็วขึ้น ดวงตาชีวาสเปล่งแสงสีฟ้านวลร่างของเขาลอยขึ้นสู่ผืนฟ้า ห่าลูกธนูพร้อมใจกันพุ่งสู่เขาเป็นจุดเดียว



แต่สายไปแล้ว มหาเวทย์เสร็จสิ้นแล้ว



สายลมพัดหมุนรอบชีวาสอย่างรวดเร็วปกป้องเขาจากห่าลูกดอกเหล่านั้น เขาลอยขึ้นไปเรื่อยๆจนใกล้กับฝูกนกสายฟ้า เหล่าวิหกรู้สึกได้ถึงสายลมที่แปรปรวนพวกมันหันมามองเป็นจุดเดียว ก่อนจะรีบกระพือปีกเพื่อหนีจากอันตรายครั้งนี้

น่าสงสารเจ้าพวกวิหกสายลมทวีความแรงดึงดูดเข้าสู่จุดศูนย์กลาง ก่อเกิดพายุขนาดย่อมที่ส่งผลแก่เหล่าทหารบนพื้นด้วย ทั้งหมดต้องหาที่ยึดกับพื้นเพื่อไม่ให้ตนปลิวเข้าหาใจกลางพายุนั้น

แต่เป็นเรื่องยากสำหรับวิหาตัวใหญ่เหล่านั้น พวกมันถูกดูดเข้าใจกลางพายุ่อย่างง่ายดาย เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวดังก้องแข่งกับเสียงพายุลม



เปรี้ยง



สายฟ้าฟาดลงมายังชีวาส แต่เขาก็หลบมันได้อีกตามเคย


“เอาล่ะได้เวลาแล้ว”


แรงลมทวีความแรงขึ้น แรงขึ้น และบีบเข้าจุดศูนย์กลางมากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ชีวาสมากเท่าไรกระแสลมยิ่งรุนแรง
พายุค่อยๆหดเล็กลง เล็กลง

จนกระทั่ง



เสียงระเบิดดังก้องทั่วน่านฟ้า พายุลมระเบิดออกทุกทิศทาง เหล่าวิหกปลิวไปทั่วทิศ กระแสลมที่คมดุจใบมีดต่างแหวกผ่านเนื้อหนังที่ปกคุมด้วยขนเหล่านั้นอย่างสนุก รอยบาดหลายแห่งปรากฎบนเจ้านกสายฟ้า ละอองเลือดกระเซ็นไปทั่ว ก่อนจะโปรยปรายสู่พื้นดั่งเช่นสายฝนที่ถูกย้อมด้วยสีชาด…….สีแห่งชีวิต

เมื่อทุกอย่างสงบลง ไม่มีเสียงกรีดร้องของเหล่าวิหกอีกต่อไป พวกมันได้จากไปแล้ว เสียงเฮจากฝั่งบารอนยิ่งทำให้ฝ่ายกราซหมดกำลังใจไปใหญ่

ในเมื่อไพ่ตายของพวกเขาได้พ่ายต่อเสนาธิการแห่งบารอนเสียแล้ว









อีกด้านของสนามรบ


“ห้ามเลือดเร็วเข้า”
“อดทนไว้”
“หมอ…..หมอทางนี้”



ผนังเมืองบารอนฝั่งในถูกจัดตั้งเป็นสถานพยาบาลไปเสียแล้วบัดนี้ผู้คนบาดเจ็บต่างถูกทยอยมา ณ จุดนี้ นางพยาบาลในชุดคลุมสีขาวซึ่งบัดนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยโลหิตแดงฉานพากันวิ่งวุ่นไปทางโน้นทีทางนี้ที ทั้งแพทย์และนักเวทย์ขาวกระจายตัวตามจุดต่างๆ เสียงโอดโอยระงม ช่างน่าเวทนานัก



แอลมองไปยังกองผ้าสีขาวที่ตั้งอยู่ทางตะวันตก ใช่แล้วมันคือร่างของทหารผู้จากไป หนึ่ง สอง สาม สี่…….เขาไม่อาจนับจำนวนทั้งหมดได้ เขาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าได้มีใครอีกเลย ขอให้ศึกครั้งนี้จบเสียที




พระเจ้าได้โปรดฟังข้าด้วย



แอลคุกเข่าลงพื้นประกบมือมั่นปากพร่ำสวดอ้อนวอน ใบหน้างามนั้นเงยขึ้นสู่ฟากฟ้า สู่มหานครแห่งเทพ


ได้โปรด


ได้โปรด



ฉับพลันนั้นท้องฟ้าเหนือสมรภูมิถูกย้อมเป็นสีแดง ประหนึ่งลางร้าย ผู้ทำนายตัวน้อยจ้องตาไม่กระพริบ กล้ามเนื้อทุกส่วนสัดแข็งเกร็ง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้า





ไม่ได้การ……ข้าต้องรีบไป




สำรับไพ่ถูกคว้าออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็วก่อนที่จะปล่อยให้ไพ่เหล่านั้นกระจายลอยตัวอยู่รอบตัว แอลกวาดตามองหาสิ่งที่ต้องการอย่างเร่งรีบ

ท่านอยู่ที่ไหน ไทนอส…..ชีวาส…..เกรย์

นั่นไง The moon……เขาเอื้อมมือไปสัมผัสไพ่แห่งดวงจันทร์ ไพ่ใบนั้นส่องแสงสว่างวาบแล้วลอยมาเบื้องหน้าแอล

และก็เป็น The emperor ไพ่แห่งผู้เป็นใหญ่ที่ลอยมาหยุดเบื้องหน้าเป็นลำดับต่อไป

สุดท้าย The magician ไพ่ของเหล่าพ่อมด ก็หยุดลงต่อหน้าเขา

เมื่อองค์ได้เป้าหมายแล้วขั้นตอนต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป The temperance ไพ่แห่งการเดินทาง การโยกย้าย เปล่งแสงพร้อมตอบรับการทำงาน ก่อนแสงนั้นสว่างวาบ

แล้วร่างของหมอดูหนุ่มก็หายไปจากตรงนั้น





ภายในกลางวงล้อมของข้าศึกนั้นมีคนทั้งหมดสี่คนอยู่ในนั้น สามคนได้แก่ไทนอส ชีวาส และเกรย์ ส่วนอีกคนนั้นคือเอสเปอร์แม่ทัพของทางฝั่งกราซ ถึงแม้จะอยู่ในศึกแต่เขากลับไม่ใส่ใจที่จะสวมเกราะป้องกันตัวแม้แต่น้อย แววตาฮึกเหิมกับท่าทีกร่างนั้น ข่มขวัญคนทั้งสามจากบารอนได้มากโข

เหล่าขุนศึกแห่งกราซถูกกันออกไปโดยกำแพงไฟที่โอบล้อมทั้งสี่คนไว้ใจกลาง ทั้งป้องกันคนเข้า และดักทางหนี

“ช่างกล้านักที่บุกมาโดยไร้กองกำลังแบบนี้” เอสเปอร์เปิดฉากทักทายเขาเดินอ้อมไปทางซ้ายคอยจับตาอยู่ที่ศัตรูทั้งสามอย่างระวังตัว เล่นมีทั้งนักเวทย์ นักรบ และหมอผีแบบนี้ใครจะไปไว้ใจได้

“เจ้าจงยอมแพ้เสียเอสเปอร์ กองทัพของเจ้าเสียหายเกินกว่าจะทานทัพบารอนได้” ไทนอสตอบกลับไปด้วยเสียงที่ห้าวหาญไม่แพ้กัน ในมือจับด้ามปืนมั่นนิ้วชี้รั้งไว้ตรงไก พร้อมรับการจู่โจม

“ไม่มีทาง” เอสเปอร์แผดเสียงลั่นเขาหายใจแรงด้วยโทสะ
“ใครจะยอมยกเมืองให้พวกเห็นแก่ได้แบบเจ้า” เขาดึงมีดออกมาเตรียมพร้อมแต่ยังคงรั้งระยะห่างไว้

“เจ้าโง่ คนของเจ้าจะตายเปล่าใช้สมองเสียมั่ง” ลำปืนถูกยกขึ้นตั้งฉากกับโลกเล็งไปทางเอสเปอร์
“เจ้าต้องเสียใจในความรั้นของเจ้า”



ปัง



กระสุนแห่งไฟวิ่งออกจากกระบอกปืนแอสตราด้วยความเร็วสูง มันหมุนเกรียวด้วยความเร็วสูงก่อนลุกติดไฟทวีความรุนแรงในการโจมตี

แต่เอสเปอร์เร็วกว่านั้นเขาพุ่งหลบไปด้านข้าง เขาเร็วอย่างเหลือเชื่อ ชีวาสร่ายเวทไฟขึ้นมาบนมืออย่างรวดเร็ว
เกรย์ถอยออกมาหนึ่งก้าวสายตาจับจ้องไปยังเอสเปอร์



ปัง



ไทนอสเล็งพลาดอีกครั้ง เอสเปอร์หลบได้ฉิวเฉียด เขาพุ่งเข้าหาไทนอสด้วยความเร็วสูง โดยที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ไทนอสต้องทิ้งตัวหลบใบมีดนั้น





แต่เขาพลาด

เอสเปอร์ไม่ได้หวังพุ่งเข้าหาไทนอสแต่แรก

ใบมีดคบกริบนั้นนาบลงบนคอจอมเวทย์หนุ่ม เวทย์ไฟในมือนั้นถูกปัดไปให้พ้นทางเสียแล้ว

“อะไรจะน่ากลัวไปกว่าทิ้งให้จอมเวทย์มีเวลา….เจ้าว่ามั้ย” เอสเปอร์ที่บัดนี้อยู่เบื้องหลังจอมเวทย์กดมีดลงบนคอนวลนั้น รอยบาดมีเลือดซึมไหลย้อยตามคมมีด

“อ๊ะๆ อย่าดีกว่า” เอสเปอร์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่เข้าไปอีกเมื่อชีวาสมีท่าทีขัดขืน
“วางอาวุธเสีย” เขาตะโกนขู่ ไทนอสทำท่าลังเลเล็กน้อย

“เร็วสิ อยากให้มันตายหรือไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แต่ทันใดนั้นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเอสเปอร์ก็เปลี่ยนไป มันมืด ทหารที่รายล้อมค่อยๆถูกความมืดกลืนไปทีละคน เขาเริ่มรู้สึกผิดปกติ กดแนบใบมีดแน่ขึ้นไปอีกจนบัดนี้มันกรีดลึกจนเลือดสีแดงไหลทะลักออกมามากมาย

แต่กลับไม่มีเสียงร้องของชีวาสแม้แต่น้อย

“เฮ้” เอสเปอร์ตะโกน แต่ไม่มีเสียงตอบรับใด ใจของเขาเต้นรัว

เขาลองเขย่าตัวของชีวาสไปมา หัวของชีวาสโครงเครงไปมาตามแรงสั่นก่อนที่จะเกิดรอยฉีกจากแนวมีดไปยังลำคออีกข้างหนึ่ง

และแล้วศีรษะนั้นก็หลุดลงสู่พื้น ผมสีดำยาวสยายทั่วพื้นหญ้า เลือดพุ่งกระฉุดออกจากต้นคออันว่างเปล่าตามจังหวะหัวใจเต้น และค่อยๆช้าลง ช้าลง

เอสเปอร์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เขาไม่เคนฆ่าใคร แต่ครั้งนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก

“ฮิ ฮิ ฮิ” เสียงหัวเราะเล็กแหลมดังมาจากพื้น

เอสเปอร์ตัวสั่นค่อยๆมองไปยังต้นเสียง

นัยตาของชีวาสเบิกโพรง ปากฉีกยิ้มกว้างแสยะ เลือดไหลทลักออกมาจากนัยตา

ศีรษะนั้นกำลังหัวเราะ

เอสเปอร์ตกใจรีบปล่อยส่วนลำตัวของชีวาสออก แต่ทำไม่ได้แขนทั้งสองข้างของจอมเวทย์หนุ่มกอดรัดเขาไว้เสียแล้ว

เสียงหัวเราะดังมาอีก

“จะรีบไปไหนจ๊ะพ่อรูปหล่อ”




เพล้ง




อยู่ๆความมืดที่เคยปกคลุมก็เกิดรอยร้าวก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวกับแก้วที่ถูกทุบ

สนามรบกลับมาอีกครั้ง

เอสเปอร์หายใจหอบ เขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากเดิมที่เขาเป็นต่อ แต่ตอนนี้มันกลับกัน ศัตรูทั้งสามอยู่ห่างจากเขาไปห้าก้าว กระบอกปืนเล็งมายังจุดตาย ไหนจะเวทย์ไฟนั่นอีก



“ท่าทางเจ้าฝันดีนะ” ไทนอสเดินเข้าไปหนึ่งก้าวปลายปืนยังคงนิ่ง

“ข้าไม่ชอบบทนี้เลย” ชีวาสส่ายหัวไปมาพลางทำหน้าไม่พอใจให้เกรย์

“…….” เกรย์เองยืนเงียบ เขาเองดูอิดโรยมากกว่าเดิม จากที่ปกติก็ดูไม่มีเลือดอยู่ในตัวอยู่แล้ว บัดนี้ร่างของเขาดูซีดอย่างน่ากลัว ริมปากและเล็บมือคล้ำเป็นสีม่วง

“เจ้าแพ้แล้วเอสเปอร์”

ไทนอสเหนี่ยวไกปืนช้าๆ

แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น แสงสว่างขาวแสบตาปรากฎต่อหน้าของไทนอส ทำให้การมองเห็นพร่ามัวไป

คนๆหนึ่งโผล่มาจากแสงนั้น ใครกัน




“พวกท่านต้องหยุด” เสียงนั้นช่างคุ้นหู…..แต่มันจะเป็นไปได้หรือ

“พวกท่านต้องหยุด…..อ๊ะ”


เสียงตะโกนดังพอดีกับที่สายตาของทั้งสามกลับมาสู่ปกติ


“ดูเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างข้านะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”







แอลตกเป็นเหยื่อรายต่อไปเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Lollipop_pop ที่ 09-06-2009 06:35:41
 เย่ๆๆ เรื่องใหม่ๆๆ   

น่าสนใจมาก ขอสมัครเป้นแฟนคลับด้วยคนน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2009 09:42:39
ขอบอกว่า มันส์มากกกกกกกกกก   o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 09-06-2009 10:37:12
ยิ่งอ่านยิ่งมันTifa ฝีมือไม่ตกเลย  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 09-06-2009 10:45:09
เห็นชีวิตมนุษย์เป็นของเล่นกระนั้นหรือเหล่าทวยเทพ :fire:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-06-2009 14:50:10
 :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่3 9/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 09-06-2009 19:27:49
ว้าวนิยายใหม่...ชอบแนวนี้มากๆเลย...
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-06-2009 14:54:06
มาแล้วจ้าตอนใหม่

ขอคุณทุกแรงใจที่เข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ


อ้างถึง
Lollipop_pop = ค่าสมัครคือชายรูปงาม สูง 180 อัพ อกหนาท้องเรียบผิวขาว มีรถ บ้านรวยค่ะ ........แอร๊ยยยยย


dahlia = ขอบใจจ้า......คนละอารมณ์กับเรื่องที่แล้วเนอะ


mist = ใจจ้า.....เวลาแต่งก็กลัวๆเหมือนกันนะ


three = นางฟ้าเรื่องนี้ใจร้าย.....แต่คนแต่งใจดี แอร๊ยยยยย


nOn†ღ = ขอบใจสำหรับดอกไม้จ้า


thanagorn = คอเดียวกัน เราก็ชอบมากเลยแนวนี้ แนวสูงๆ ล่ำๆ แอร๊ยยยย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-06-2009 15:01:52
บทที่ 4 คำสาป







สถานะการกลับพลิกผันอีกครั้ง ใบมีดเล็กเรียวกดนาบลงคอพ่อหมอดูคนเก่ง ทำให้พวกไทนอสเองทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เอสเปอร์ยิ้มออกได้อีกครั้ง




“พวกเจ้าน่าจะฆ่าข้าเมื่อมีโอกาส”



“อย่า…..พวกท่านต้องหยุดศึกนี้” แอลในอ้อมแขนเอสเปอร์ไม่ยอมหยุดนิ่งเขาพยายามงัดตัวออกมา แต่ก็เหมือนแรงเด็กที่ยังไงก็สู้ผู้ใหญ่เอาไม่ได้เสียเลย

“อยู่นิ่งๆ” เอสเปอร์ส่งเสียงดุพลางรัดวงแขนให้แน่นขึ้นจนแอลไม่สามารถพูดได้อย่าชัดเจน

“ปล่อยเขานะ” ทางไทนอสเองก็ได้แต่เล็งหาช่วงที่อีกฝ่ายเผลอ



ชีวาสเร่งพลังเวทย์ส่งไปยังลูกไฟในมือทวีความแรงขึ้น เขาหันไปมองเกรย์เพื่อนร่วมทีม…..ท่าทีโงนเงนกับสายตาที่เลื่อนลอยแบบนั้นบ่งบอกได้ว่าเกรย์เองไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป



“ดะ….ได้โปะ…..โปรด” แอลพยายามพูดออกมาอย่างยากลำบาก น่าเสียดายเสียงที่หลุดรอดออกมาช่างแผ่วเบาเหลือเกิน….เบาจนไม่มีใครได้ยิน

“กะ…ก่อนทุก….ทุกอย่าง….จะ….”





ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป





ในโลกใบนี้มีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ยังคงไม่เป็นที่เข้าใจ บางเรื่องก็เป็นเรื่องง่ายๆ……แต่มันกลับลึกซึ้งจนหาบทสรุปไม่ได้….บางเรื่องมันควรจะมีบทสุดท้ายอย่างลงตัว….แต่กลับพลิกผันอย่างเหนือความคาดหมาย



มันเกิดจากอะไร……โชคชะตา



หรือว่าเกิดจากการกระทำของพวกเรา







ก้อนแสงสว่างสีขาวนวลลอยเด่นอยู่เหนือสนามรบ ไม่มีใครรู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้เมื่อไร ดูเหมือนมันค่อยๆขยายตัวขึ้นทีละน้อย ความสว่างของมันทวีความแรงขึ้น จากกลางคืนที่มืดมิดค่อยๆผันแปล แสงสว่างนั้นส่องสาดไปทั่วสมรภูมิ สว่างขึ้น สว่างขึ้น จนกระทั่งพื้นที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยสีขาว







“มันเกิดอะไรขึ้น”



พวกไทนอสทั้งสามมองหน้ากันอย่างสงสัย เอสเปอร์เองก็ดูงงไม่น้อย ผิดกับแอลที่เหมือนจะหมดสติคอพับอยู่ในอ้อมแขนเอสเปอร์

เสียงต่อสู้หายไปอย่างน่าใจหาย เสียงกระทบของอาวุธ เสียงโห่ร้อง เสียงโอดโอย เสียงกรีดร้อง ทุกสิ่งมันเงียบเกินไปเงียบจนไม่น่าเป็นไปได้




เพราะอะไรน่ะหรอ




รูปปั้นหินขนาดเท่าคนจริงปรากฎอยู่ทั่วไปตามทุ่งหญ้าแห่งนี้ บางอันยืนถือดาบทำท่าฟาดฟัน บางอันเป็นนักเวทย์ถือไม้เท้ายื่นไปเบื้องหน้า รูปปั้นม้านั่นอีก ไหนจะรูปปั้นเครื่องยิงหิน โอ้รูปปั้นสัตว์อัญเชิญ



“ไม่จริง”




“เพราะเจ้า” ไทนอสกัดฟันกรอดเล็งเป้าหมายไปยังเอสเปอร์
“……..”เอสเปอร์ไม่ตอบโต้ เขาเองก็ไม่เข้าใจมันเกิดอะไรกันคนของเขา…..สัตว์ของเขา…..กองทัพของเขากลายเป็นหินไปเสียแล้ว




“เพราะเจ้าคนเดียว” ไทนอสตะโกนด้วยความโกรธ นิ้วชี้เลื่อนมาสัมผัสกับไกปืน




ปัง




แต่กระสุนนั้นกลับไม่สามารถทำอันตรายเอสเปอร์ได้ ไม่สิมันไม่ได้ถูกตัวชายหนุ่มเลย……มันถูกพลังบางอย่างสลายทิ้งไปเสียก่อน





“เจ้าพวกโง่”



เสียงตะโกนจากฟากฟ้าดังสนั่นปฐพี เศษก้อนหินสั่นไปมาตามแรงพลังเสียง รูปปั้นหินตัวที่ใกล้ชีวาสล้มลงแตกเป็นเสี่ยง ทั้งสี่คนเงยหน้าสู่เบื้องบนด้วยความตกใจ




“พวกเจ้าถูกสาป…..” เสียงของแอลดังขึ้น




เขาดึงแขนของเอสเปอร์ออกได้อย่างง่ายดายในครั้งนี้ ดวงตาของเขาล่องลอย มองเหม่อไปยังบนฟ้า






“พวกเจ้าต้องเดินทางสู่ประตูแห่งทวยเทพ”



“พวกเจ้าต้องร่วมกันเดินทาง”



“ข้าจะชี้ทางให้เจ้า”






พูดจบแอลก็ล้มลงทันที ไทนอสรีบเข้าไปดูอาการ เขาโอบเจ้าตัวน้อยขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นเบา….ลมหายใจยังคงมีถึงแม้จะอ่อนแรงเสียเต็มทน


ในใจของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนไหว ค่ำคืนนี้เกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน เขาเสียทั้งกองทัพ……และตอนนี้เขากำลังจะเสียโหรประจำเมืองไปอีก…..พระเจ้า….ท่านทำอะไรลงไป


ทางเอสเปอร์ก็สับสนไม่แพ้ไทนอส เขาออกวิ่งไปยังนครกราซเพื่อหวังจะได้พบเพื่อน…..หรือคนของกราซบ้าง แต่นั่นก็ยิ่งตอกย้ำความเสียใจให้มากขึ้นไปอีก….ทุกที่ที่ย่างก้าวมีแต่รูปปั้นหินที่เย็นชืดเท่านั้น


ชีวาสและเกรย์รีบเข้ามาดูอาการของแอล แต่ที่ทั้งสองทำได้ก็เพียงเฝ้าดูและให้กำลังใจไทนอสที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องเรียกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น






อาจเป็นโชคชะตาที่คนบนฟ้ากำหนดให้มันเป็นไปตั้งแต่ต้น

หรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่เราได้ทำลงไปมันส่งผลตอบแทน

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าสิ่งที่เราได้ทำลงไปนั้นไม่ได้มาจากการขีดเส้นของสิ่งที่เรียกว่าชะตา






เวลาล่วงไปแล้วสามวันอาการของแอลยังคงที่เขานอนนิ่งสงบอยู่ภายในห้องของผู้ปกครองแห่งบารอนข้างกายแอลคงมีไทนอสเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง

“ไทนอสเจ้าไปพักเสียเถอะ เดี๋ยวเกรย์จะดูแลแอลให้เอง” ชีวาสที่ทนนั่งเงียบๆอยู่อีกฝั่งทนไม่ไหวเมื่อเห็นว่าไทนอสที่ดูอิดโรยนั้นกุมมือของแอลไว้

เขาไม่มั่นใจนักว่าเป็นห่วงที่ไทนอสดูอ่อนแรงลง

หรือว่ากำลังหวงที่ไทนอสมีท่าทางเป็นห่วงเจ้าแอลนั่นเสียประดา

เกรย์ที่ถูกโยนงานให้มองชีวาสอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร




แต่ไทนอสยังคงอยู่ที่เดิม




“เขาไม่เป็นไรหรอก ดูแล้วพรุ่งนี้เขาคงฟื้น” ชีวาสไม่พูดเปล่าเดินเข้าไปดึงแขนของไทนอสให้ลุกขึ้น

“ข้าแค่กลัว….ชีวาสข้ากลัวเหลือเกิน…..กลัวว่าจะเสียใครไปอีก”ไม่บ่อยนักที่ไทนอสจะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแต่จากเหตุครั้งนี้มันใหญ่หลวงเกินไปนัก ไม่เพียงแต่พวกทหารเท่านั้น ประชาชนทั่วทั้งนครบารอนก็มีสภาพไม่ต่างจากก้อนหินเลย เหลือเพียงพวกเขาเท่านั้น

“ไม่เป็นไรไทนอส ไม่เป็นไร” ชีวาสโอบกอดเขาไว้พลางตบหลังเบาๆ
“เจ้าแค่เหนื่อย….พักเสียหน่อยเถอะไทนอสแล้วเราค่อยหาทางกัน” ชีวาสเดินพาไทนอสไปอีกห้องหนึ่ง

“ฝากด้วยนะเกรย์” ผู้ถูกโยนงานทำหน้าเฉย มองไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เกรย์ประสานมือเข้าหากันสวดอ้อนวอนขอให้แอลหายดี

อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้วเหมือนกัน






“นอนเสียนะไทนอส”

ชีวาสพยุงตัวชายหนุ่มเอนลงบนเตียงของตนก่อนที่ตยเองจะเอนตัวลงนอนข้างๆ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร….เราอยู่นี่ไทนอส ไม่เป็นไร”

เขาโอบกอดร่างที่กำลังสั่นเทาอยู่ข้างๆ หยดน้ำใสๆค่อยไหลลงมาจากตา ชีวาสกระชับอ้อมกอดไว้ กระซิบข้างหูไทนอสเพื่อปลอบโยน…..เสียงสะอึกดังแผ่วเป็นระยะ ก่อนจะเงียบหายไปเหลือเพียงคำกระซิบ



“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร….”








กว่าที่แอลจะฟื้นขึ้นมาก็กินเวลาไปอีกสามวันให้หลัง ระหว่างนี้ไทนอสมาเฝ้าโดยไม่ยอมห่างไปไกลอีก เล่นทำเอาชีวาสหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเกรย์ได้ออกสำรวจไปทั่วนครหวังเพียงอาจจะพบสักคน ที่ยังรอดเหลือปลอดภัย แต่นั่นคงเป็นเพียงความฝันเท่านั้น






รุ่งเช้าของวันที่หก



“เจ้าว่าอะไรนะ” ชีวาสทวนคำถามอย่างไม่เชื่อหูตน

“ทะ….ท่านได้ยินถูกแล้ว” โหรน้อยที่อาการดีขึ้นตอบ

“จะบ้าไปแล้วหรือ ไปสู่ประตูแห่งทวยเทพเนี่ยนะ” ชีวาสยังคงไม่ยอมแพ้ ต้องยอมรับว่าเรื่องที่ได้ฟังนั้นดูเกินที่จะเชื่อถือได้ บางทีสมองแอลอาจจะถูกกระทบกระเทือน

“ข้าว่าแอลพูดจริง เจ้าก็ได้ยินนิชีวาสในวันนั้น” เกรย์ที่เงียบมานานเสนอความคิด

“แต่….”

“เชื่อข้าเถอะ…..ข้ามั่นใจ” แอลตอบเสียงแข็ง

“แต่เราจะไปกันอย่างไร…..ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย”

“ไม่ต้องห่วง…..ข้าสามารถบอกพวกท่านได้”

“แต่….” ชีวาสยังคงเป็นกังวล เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องห่างจากนครไปไกลขนาดนี้

“ไม่มีแต่ชีวาส ถ้านี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้คนของเรากลับมาเหมือนเดิม” เป็นไทนอสที่สรุปผล เนื่องจากเขาไม่เห็นทางไหนที่จะสามารถแก้ไขได้เลย เขาทั้งลองใช้สมุนไพรต่างๆ ยาแก้คำสาปที่ดีที่สุด แม้กระทั่งเวทย์สายรักษาที่พอมีติดตัวบ้าง แต่มันไม่สามารถทำให้คนเหล่านั้นกลับมาได้เลย

และทางแก้คงมีอยู่ทางเดียว

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจอย่างนั้นข้าเองก็ไม่อาจขัด” ชีวาสตอบรับไป ทั้งๆที่เขาแอบน้อยใจอยู่ลึกๆที่ไทนอสไม่ยอมรับฟังเขาบ้าง ตั้งแต่ที่แอลฟื้นมานี้ ไทนอสพูดคุยกับแอลอยู่ตลอด

แต่นั่นก็เพราะไทนอสอยากหาวิธีช่วยผู้คนไม่ใช่หรือ

คำตอบคือใช่……แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบเลย……รู้สึกเหมือนถูกแย่งไป









โอ……ถ้าเป็นแบบนั้นจริงข้าจะทำอย่างไรดี
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 11-06-2009 15:46:47
มะม่วงแฝงพวงมะม่วงอ่ะสิ55+ก็นะตีตราจองเป็นของตัวเองตั้งนานแล้วก็โดนพกทำนายแย่งความสำคัญไปนี้นา :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 11-06-2009 16:22:42

กริ๊บกริ้วๆ  เข้ามาเชียร์ ชีวาส  :mc4:

สรุปเดินทางไปสี่คนเหรอ Tifa แล้วแอลไม่ไปด้วนเหรอ  :z3:

แอลจากจะได้รกับ เอสเปอร์ แอร้ยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 11-06-2009 17:09:36
ทำไมอยู่ ๆ ถึงถูกสาปได้หว่า ต้องมีเบื้องหน้าเบื้อหลังอะไรแน่  :m28:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 11-06-2009 18:35:34
ทำไมเราไม่เกิดเทพเทวดาบ้างน้า :call: :call: :call: :call:

 :impress3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-06-2009 07:59:48
 :yeb:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-06-2009 12:06:36
เหมือนเป็นเกมส์ม่ะ คนเป็นหมากเดิน เล่นโดยเทพ  :m28:

ระหว่าง แอล กับ เทพแห่งความรู้ ท่าทางจะน่ารักทั้งคู่เนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 13-06-2009 15:54:52
ลงชือสมัครเป็นแฟนคลับเรื่องนี้

อิอิ รอตอนใหม่นะค่ะ ^__^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่4 11/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 13-06-2009 17:07:53
ขอบคุณทุกกำลังใจจ้า

มีแรงเขียนต่อแล้ว แอร๊ยยยยย


อ้างถึง
three = เนอะๆ มีของดีก็แบ่งๆกันไปใช้บ้าง

กิมตี๋หัดขับ = ไปกันหมดนั่นล่ะจ้า หวังว่าตัวละครคงไม่เยอะไปนะ

mist = สงสัยไปบนอะไรไว้แล้วไม่ไปแก้ชัว คริๆ

thanagorn = เอ่อ อยากเป็นเทพหรอจ๊ะ......แต่เราอยากเป็นนางฟ้า แอร๊ยยยยย

nOn†ღ = สู้ค่ะ

dahlia = ใช่แล้วครับแนวๆนั้นเลย เรื่องนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา คงไม่งงกันเนอะ

fOnfOn :D= ต้อนรับสมาชิกใหม่จ้า ยิ้นดีจ้าดนัก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่5 13/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 13-06-2009 17:15:06
บทที่ 5 การเดินทาง








“เราต้องให้ท่านเอสเปอร์ร่วมเดินทางด้วย”



ไม่ว่าทุกคนจะหาข้ออ้างมาถกเถียงอย่างไรแอลก็ยังคงยืนยันคำเดิม จนในที่สุดทั้งสามจึงต้องยอมตัดสินใจเดินทางไปยังนครกราซ เพื่อตามหาเอสเปอร์ ชายผู้รอดพ้นคำสาปเช่นเดียวกับพวกเขา


อีกทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะต้องเดินทางโดยเท้าเปล่า เหล่าอาชาที่เลี้ยงไว้ก็กลายเป็นหินไปเสียหมดเหลือทิ้งไว้แต่เกวียนอันใหญ่เท่านั้น

“ข้าไม่เดินไปเด็ดขาด” ชีวาสเริ่มโวยเมื่อทราบชะตาของตนที่จะต้องเดินย่ำๆเป็นระยะทางไกล

“น่าชีวาส เราทำอะไรไม่ได้นี่” จนไทนอสต้องเข้าไปคุยด้วยเจ้าตัวถึงยอม แต่ถึงกระนั้นใบหน้านั้นก็คงความบึ้งตึงเหมือนเด็กน้อยที่ถูกบังคับให้ทำอะไรขัดใจอยู่ตลอดเวลา

“หัดใช้แรงเสียบ้างชีวาส” เกรย์บอกกล่าวอย่างเนือยๆตามแบบของเขา เล่นเอาชีวาสค้อนเข้าให้





การเดินทางไปสู่นครกราซในครั้งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมณ์เสียอย่างไร ในเมื่อผู้คนทั้งนครกลายสภาพไปแบบนี้ อีกทั้งเมื่อเดินทางถึงสนามรบกลับยิ่งตอกย้ำความผิดพลาดที่พวกเราพึ่งทำลงไป

“ท่านไม่ควรลงโทษพวกเราแบบนี้” ไทนอสบ่นกับตัวเองเบาๆ มีชีวาสคอยปลอบอยู่ข้างๆไม่เคยห่าง

ดวงตะวันลับฟ้าไปอย่างรวดเร็ว พวกเรายังเดินทางมาได้ถึงแค่จุดตั้งค่ายฝ่ายบารอนเพียงเท่านั้น ทุกคนต่างเหนื่อยล้ากับการเดินทาง ไทนอสจึงสั่งให้พักกันตรงนี้เสียก่อน

“เกรย์เจ้าช่วยชีวาสทำอาหาร ส่วนแอลเจ้าจัดการเรื่องที่พัก” ผู้นำของเราจัดแจงออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

กองไฟขนาดใหญ่ถูกจุดขึ้นอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของชีวาส เกรย์เองนำอาหารที่เตรียมมาจัดแจงให้เป็นระเบียบเตรียมโยนเข้าสู่กองไฟ





ทางหมอดูหนุ่มเหมือนจะมีปัญหามากที่สุด จะอะไรน่ะหรือ



“ยังไม่เสร็จหรือแอล” ไทนอสที่พึ่งเสร็จจากการลาดตระเวรตรวจตราความปลอดภัยรอบๆกลับมา ก็พบผืนผ้าใบห้อยต่องแต่งอยู่ตามแง่งไม้ เชือกผ้ายสีน้ำตาลโยงไปมาอย่างไม่มีระเบียบ

“….เอ่อ…..คือ” แอลได้แต่ก้มหน้านิ่ง นึกเสียใจที่เรื่องง่ายๆแค่นี้กลับทำไม่เป็น

“มาๆ เดี๋ยวข้าช่วย” ไทนอสยิ้มน้อยๆก่อนจะรี่เข้าไปช่วยอย่างเต็มใจ

“เจ้าต้องหาโครงที่จะใช้ยึดผ้าใบก่อนแบบนี้” เขาจัดแจงทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แอลแทบไม่ต้องทำอะไรนอกเหนือไปจากหยิบยื่นอุปกรณ์ต่างๆให้ชายหนุ่ม

“ขอเชือกอีกเส้น แอล” ไทนอสใช้มือขวาจับชายผ้าใบไว้ มัดชายผ้าตรงนี้เสร็จก็เป็นอันเสร็จสิ้น

แอลยื่นเชือกให้อย่างคล่องตัว



ทว่า



ไทนอสหาได้จับเชือกเส้นนั้นไว้

มือของโหรน้อยถูกเกาะกุมด้วยมือใหญ่หยาบกร้านของไทนอสเสียแล้ว

แอลตกใจรีบสะบัดมือออกทันใด แต่มีหรือเสืออย่างไทนอสจะปล่อยให้หลุดไปง่ายๆ เขาจับมือแอลไว้มั่น พร้อมทั้งจ้องหน้าที่ทำท่าทางตกใจนั้นไว้

“ปล่อยข้า ท่านไทนอส” แอลสะบัดมืออีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เขาก้มหน้าลงมองพื้นเพราะเขารู้ดี ไทนอสจ้องมาที่เขาอยู่

“มือเจ้านุ่มดี”



“ปล่อยข้าเถอะท่านไทนอส”

ไทนอสยิ่งได้ใจเมื่อเห็นว่าแอลเลิกที่จะดิ้นรนแล้วเขาโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อของดูหน้าแอลสักหน่อย…..ตอนอายนี้จะน่ารักแค่ไหนกัน




“อาหารพร้อมแล้ว”



ชีวาสเข้ามาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ที่สัมผัสได้นั่นคือไอเวทที่ถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ประกายไฟปรากฎอยู่ในดวงตาสีแดงนั่น……เขากำลังหงุดหงิด

“โอ้ กำลังรอพอดีเลย ไปกันเถอะข้าหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวเลย” ไทนอสปล่อยมือแอลออกอย่างรวดเร็ว และเดินจูงมือชีวาสออกไปทันที

“…..” แต่ชีวาสกลับไม่ยอมเคลื่อนไหว สายตาจ้องเขม็งมายังแอลที่ตอนนี้กำลังใช้เชือกมัดชายผ้าอันสุดท้ายไว้กับกิ่งไม้ ซึ่งมันทำได้อย่างยากลำบาก……มือเขากำลังสั่น

“ไปเร็วชีวาส ข้าอยากกินอาหารฝีมือเจ้าเต็มทนแล้ว” ไทนอสเห็นท่าไม่ดีรีบออกแรงดึงไปอีก ซึ่งคราวนี้ชีวาสยอมไปโดยดี


 

บรรยากาศอาหารมื้อแรกของการเดินทางนั้นช่างเงียบนัก คงมีแต่ไทนอสเท่านั้นที่พูดได้อยู่คนเดียว ชีวาสที่นั่งข้างไทนอสนั้นส่งสายตาพิฆาตมาให้แอลเสมอ ส่วนแอลได้แต่ก้มหน้าก้มตากินไปอย่างรีบร้อน สุดท้ายคนที่ดูจะไม่ร้อนไม่หนาวกับเรื่องนี้นัก เกรย์ เขาคงมีความสุขกับการปิดปากเงียบและนั่งทานข้าวไปอย่างอร่อย

“แอลเจ้าชอบเนื้อปลาอิ๊กซอนใช่ไหม อะข้าให้” ไทนอสตักเนื้อปลานั้นให้โหรหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที

แต่ยังไม่ทันที่เนื้อปลาจะสัมผัสจานของแอล เนื้อปลานั้นกลับถูกคนข้างๆโฉบไปเสียก่อน

“ข้าขอนะ…..ข้าเองก็ชอบเสียด้วยสิ” ชีวาสคว้าเนื้อปลาได้ก็ตักเข้าปากเคี้ยว

“เฮ้ๆ ข้าให้แอลนะ”
“ข้าอยากได้…ข้าก็ต้องได้”


จากเดิมที่บรรยากาศก็ครุกรุ่นอยู่แล้วเหมือนถูกราดน้ำมันบนกองไปเข้าไปอีก ชีวาสมองมาอย่างไม่ยอม ไทนอสเองก็บ่นไปตามประสาของคนที่ไม่คิดอะไรมาก ส่วนแอลนั้นอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นเสียให้ได้



“เอานี่ ข้าให้”



เนื้อปลาอีกชิ้นถูกวางลงบนจานของแอลอย่างนิ่มนวล ทั้งชีวาสและไทนอสเลิกสงครามกันทันที

เกรย์วางเนื้อปลานั้นลงบนจานแอลก่อนจะถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วลุกเดินออกไปจากวง บ่งบอกว่าเขาอิ่มแล้ว หรืออีกนัยหนึ่งคือ เขาไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วนั่นเอง








ที่พักชั่วคราวนั้นประกอบด้วยห้องย่อยสองห้องด้วยกันซึ่งดูเหมือนในตอนแรกไทนอสตั้งใจจะนอนกับแอลให้ได้

“แอลยังไม่หายดีข้าต้องดูแล” นั่นล่ะเหตุผลของเขา แต่ก็ใช่จะไม่มีคนรู้จุดประสงค์ที่แท้จริง

“เกรย์เจ้าดูแอลด้วย ข้าไปล่ะ” ชีวาสไปยอมรีบจัดแจง ก่อนจะดึงไทนอสเขาไปอีกฟากของที่พัก

“เอ่อ……เรานอนกันเถอะครับท่านเกรย์”

“…….เกรย์ ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วเรียกข้า เกรย์ก็พอ” เกรย์เองพยายามบอกแอลอยู่หลายครั้งแต่นั่นก็ดูเหมือนโหรตัวน้อยจะไม่ยอมรับฟัง

“ไม่ได้หรอกครับ ท่านเป็นถึงเสนาธิการ” และนั่นคือคำตอบที่มักได้ยินเสมอ

“….” เมื่อเกรย์เห็นว่าเถียงอย่างไรคงไม่สามารถชนะแอลได้จึงเดินนำเข้าที่พักไปอย่างเงียบๆ



ที่พักทั้งสองห่างกันไม่มากนักเพื่อความปลอดภัยและสามารถช่วยเหลือกันได้ เพียงแค่ส่งเสียงเรียกเบาๆคนอีกฟากก็สามารถรับรู้ได้ทันที

เสียงคุย (ที่จริงต้องบอกว่าเสียงแอลเพียงคนเดียว)ของอีกฟากเงียบไปแล้ว บ่งบอกว่าทั้งสองเข้าสู่ห้วงฝันแล้ว แต่ทางฟากของไทนอสยังคงไม่

“ตรงนี้ใช่ไหม” ชีวาสที่กำลังบรรเลงมือกดลงบ่าอันใหญ่ที่แข็งเกร็งนั้น พร้อมกับคลึงนวดอย่างชำนาญถาม

“อืม…..” เสียงไทนอสตอบกลับมาแสดงให้รู้ว่าเขากำลังผ่อนคลาย

ชีวาสไล้มือลงไปยังหน้าอกแกร่งอันนั้น ไทนอสหลับตาพริ้ม มือทั้งสองของชีวาสชะโลมด้วยน้ำมันหอมจากเกษรดอกดาลีนา ซึ่งมีสรรพคุณในการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างดี

ไม่ช้ามือทั้งสองก็ไล้ลงมาถึงท้องที่ถูกแบ่งเป็นลอนอย่างสวยงาม ชีวาสบรรจงกรีดนิ้วลงตามร่องต่างๆ และคลึงอย่างเบามือสร้างความสุขให้ชายหนุ่มได้อย่างมาก

“อา…….” ไทนอสร้องอย่างมีความสุข กล้ามเนื้อเขาผ่อนคลายแต่ไอ้สิ่งที่อยู่ใต้กางเกงขาสั้นนั้นกลับถูกกระตุ้นตื่นผงาดพาดเป็นลำยาว

ชีวาสไล่มือมาต่ำลงมาอีก ช้าๆ จนถึงของกางเกงเขากลับวนมือไปมาตามท้องน้อย เล่นแนวขนอ่อนที่ไล่ขึ้นมาจนถึงสดือแล้วกลับลงไปอีก

“อืมมม….ชีวาสเร็วเข้าสิ” ไทนอสเองทนไม่ไหวเขาคว้าจอมเวทหนุ่มกดลงบนตัวเขาทันที




“อ๊ะ….ทะ ไทนอส…..”




“ซี๊ด……”





“แรงอีก…..ไทนอส แรงอีก”






แอลตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก เสียงของคนฟากตรงข้ามดังลอดเข้ามาปลุกเขาจากนิทรา ในตอนแรกเขายังนึกไม่ออกว่ามันคือเสียงอะไร แต่พอฟังไปอีกสักพักถึงได้รู้ว่าสองคนนั้นคงไม่ได้ทำกับข้าวกันแน่


พลันมองไปข้างกาย ที่นอนของเกรย์กลับว่างเปล่า เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น



“อ๊า……….”



เสียงของชีวาสกรีดร้องดังเข้ามาและเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

แอลหน้าแดงอย่างไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะแดงได้ ตัวเขาร้อนผ่าว

ไม่ไหวแล้วเขาต้องออกไปจากที่นี่




เกรย์ที่ยังไม่นอนนั่งมองเหม่อไปยังท้องฟ้าที่ปกคุมไปด้วยเมฆสีดำ แสงจันทร์ถูกบดบังไปบางส่วน ทำให้ยังพอมองว่าเขานั่งอยู่บนขอนไม้ใกล้ๆกับกองไฟที่มอดดับลง

แอลมองจากเบื้องหลังกำลังจะเข้าไปทัก เขาย่องไปอย่างเงียบๆ

“นอนไม่หลับหรือท่านเกรย์” แอลเรียกทัก


เกรย์พยักหน้า


“ข้าก็เหมือนกัน……เอ่อ……เสียงนั่นทำข้านอนไม่ได้”




แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แอลได้แต่จ้องเกรย์อย่างเบื่อๆ คิดในใจว่าทำไมน้า ท่านเกรย์ถึงเงียบแบบนี้




เวลาผ่านไป



“ท่านเกรย์เราไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล….อีกอย่าง” แอลเว้นช่วงเล็กน้อย

“สองคนนั้นคงเสร็จแล้วล่ะ” แล้วเจ้าตัวก็หน้าแดงอีกครั้ง





เกรย์หันมามองแอลแล้วยิ้ม







“ยังหรอกแอล……เจ้ารู้จักไทนอสน้อยไป”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่5 13/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 13-06-2009 22:39:28
 
ชอบ ปลาอิ๊กซอน  / ปลาช่อนยักษ์ ของไทนอส จังคร้า   :haun4:
ท่านเกรย์  กับ แอลนี่ เครือๆกันอยู่นะ สงสัย สังสัย   :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่5 13/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-06-2009 15:06:01
น่าสลับตัว จาก ชีวาส เป็น แอล เนอะ

เราชอบ แอล ดูน่ารักกว่าอีก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่5 13/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 14-06-2009 15:44:59
เจ้าไทนอสนี่ก็เหลือเกิน รู้ว่าชีวาสมันหึงโหดขนาดนั้น ก็ยังเที่ยวไปแจกขนมจีบไปทั่ว ชักจะห่วงเจ้าแอลตงิด ๆ แล้วสิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-06-2009 16:25:16
วันนี้ไปเติมเงินแบบออนไลที่ 7-11 มาพนักงานน่ารักมากเลย แอร๊ยยยย


เขาจะแอบโทรมารึเปล่านะ.....

/me ตบแป้งรอ[/color]


อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ : คริๆ ใครคู่ใครก็เดากันไปเนอะ

dahlia : ชีวาสน่ะ ถึงฉันเริด ฉันเริด ฉันก็ไม่เชิดใส่เธอ    ถึงฉันร้าย ฉันร้าย ฉันก็น่ารักกับเธอ คริๆ

mist : เค้าเป็นพนักงานเซเว่นมาก่อนชัว แจกใหญ่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-06-2009 16:31:13
บทที่ 6 ข้อบังคับ






รุ่งเช้าแอลถูกปลุกให้ตื่นโดยเกรย์ เขารู้สึกไม่สดชื่นนักในเมื่อเขานอนไปเพียงแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น

“เจ้าดูแย่นะแอล” เกรย์แกล้งล้อ เขาเองก็นอนน้อยพอๆกัน แต่คงเพราะเป็นคนนอนน้อยอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกนัก

“อืม” แอลงัวเงียขยี้ตาเดินไปข้างนอกเพื่อทำธุระส่วนตัว



“อ้าวแอลตื่นเช้าจังนะ” เสียงสดใสทักขึ้นจนแอลต้องหันไปมอง

ไทนอสที่กำลังออกกำลังกายยามเช้าโดยการวิดพื้นยิ้มให้ พร้อมกับโชว์พาวโดยการวิดพื้นข้างเดียวส่วนอีกมือก็ยกโบกทักทาย ร่างกายที่สวมใส่เพียงกางเกงตัวเดียวเผยมัดกล้ามชัดเจนแม้จะไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายแต่ก็นับได้ว่าน่าชม…….จนแอลมองตาค้าง


“สนใจมาออกกำลังด้วยกันมั้ย” คนเจ้าเล่ห์ถามและแฝงความนัยไว้ เขาเน้นช่วงจังหวะที่ดันตัวขึ้นลงอย่างมีความหมาย และนั่นยิ่งทำให้แอลปั่นป่วนเข้าไปอีก

คนถูกยั่วไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ ซึ่งกว่าจะรู้ตัวว่าเขายืนมองไทนอสอยู่นานก็เป็นเวลาที่เกรย์ออกมาจากที่พัก แอลจึงรีบก้มหน้าแดงๆนั้นหนีออกไปทันที



เกรย์ถอนหายใจเล็กน้อย
“เมื่อไรเจ้าจะเลิกนิสัยแบบนี้สักที”

“หืม…..ไม่เอาน่าเจ้าก็รู้ว่าข้าแค่เล่นสนุก”



เกรย์ถอนหายใจอีกครั้ง เขาได้แต่คิดในใจ
‘ใช่เจ้าเล่นสนุกไทนอส……แต่คนอื่นคงไม่สนุกไปกับเจ้า’



กว่าที่ขบานแห่งบารอนจะเริ่มเดินทางก็สาย (เนื่องจากต้องรอชีวาสตื่นนอน) และกว่าที่จะถึงนครกราซได้ก็กินเวลาเข้าไปถึงห้าวันเต็มด้วยกัน (ซึ่งแอลได้หลับอย่างเต็มอิ่มเพียงหนึ่งวันเท่านั้น)

นครกราซดูเหมือนจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับบารอน ผู้คนมากมายยืนนิ่งผิวหนังกลายเป็นหินอันแข็งแกร่ง รวมไปถึงสัตว์เวทชนิดต่างๆ


ภายในสวนพักผ่อนคุมหลวงแห่งกราซประกอบด้วยแมกไม้ยืนต้นต่างๆมากมายผิดแผกไปจากนครแห่งอื่นที่มักจุดเป็นไม้พุ่มเล็กหรือไม้ดอกเสียมากกว่า ต้นสนตรงใจกลางนั้นสูงร่วมสิบเมตรได้รายล้อมด้วยไม้แปลกตามากมาย ดูลึกลับและน่ากลัวไปพร้อมกัน

“ระวังตัวด้วย ข้ารู้สึกเขาอยู่แถวนี้” ไทนอสเตือนผู้ร่วมเดินทางโดยมีเขานำหน้าตามด้วยชีวาสและแอล ตบท้ายด้วยเกรย์



เสียงลั่นของไม้ทำให้พวกเขาหยุด มีบางสิ่งเคลื่อนไหวเบื้องหน้า……….พุ่มไม้นั้นสั่นไหวช้าๆก่อนที่จะหยุดนิ่ง

“ใครน่ะ” ไทนอสเล็งปืนไปยังเป้าหมาย

ไม่มีเสียงตอบ ทุกสิ่งหยุดนิ่ง……เงียบกริบ



ฟ้าว




เสียงบางสิ่งแหวกอากาศมาจากด้านหลังไทนอสหันไปมองอย่างตกใจ

มีดล่าสัตว์ขนาดเล็กปักอยู่บนพื้นห่างจากเกรย์ไปหนึ่งเมตร …..เขาเอี้ยวตัวหลบได้เฉียดฉิว

“เอสเปอร์ พวกเรามาดี เจ้าหยุดเถอะ” ไทนอสตะโกนบอกเจตจำนง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมฟัง

ใบมีดพุ่งมาอีกทิศและตรงมาสู่ ชีวาส

แต่คราวนี้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือเพียงไทนอสยิงปืนออกไป ใบมีดนั้นก็กระเด็นไปอีกทาง

“เอสเปอร์ข้าบอกให้หยุดไง”





“หยุดงั้นหรือ”

ชายผู้รอดคำสาปแห่งกราซปรากฎตัวบนกิ่งไม้เหนือไทนอส เขามองด้วยสายตาเหยียดหยาม เขากำลังโกรธ

คนพวกนี้ทำให้กราซต้องสาป……ประชาชนของเขาต้องถูกสาป……




เขาไม่มีวันให้อภัยคนพวกนี้





“พวกเจ้าต้องชดใช้”

เอสเปอร์กระโดดลงจากกิ่งไม้ทันใด ใบมีดทั้งสองถูกกำแน่นในมือ เขาเงื้อมือขึ้นก่อนวาดลงมาสวนทางเป็นรูปกากบาท

“อย่า” แอลร้องลั่น

พวกไทนอสหลบกันไปคนละทาง เอสเปอร์ไม่ยอมหยุดให้เสียเวลาเขาลงถึงพื้นพร้อมหมุนตัวแล้วถีบตัวพุ่งเข้าหาบุดคลอันตรายก่อนทันที





เป้าหมายคือเกรย์




“ท่านเกรย์” แอลที่เห็นเหตุการร้องเรียกเกรย์อย่างตกใจ

เกรย์เองก็คาดไม่ถึงว่าตนจะตกเป็นเป้าหมายก่อน เขารีบปักมือเข้าสีข้างของตนแล้วดึงซี่โครงออกมาหกอัน

เมื่อใบมีดประทะเข้ากับกระดูกนั่นทำให้เอสเปอร์ตระหนักได้ว่า โครงกระดูกของมนุษย์นั้นช่างแข็งแกร่งยากที่จะทำลายนัก แต่อย่างน้อยชั้นเชิงในการต่อสู้ของเขาย่อมเหนือกว่าหมอผีอยู่แล้ว จึงเป็นเอสเปอร์ที่ไล่ฟันอย่างมันมือ ให้เกรย์ต้องตั้งรับอย่างเดียว

ชีวาสเสกลูกไฟเตรียมไว้ในมือแล้วแต่เกรย์อยู่ใกล้เอสเปอร์เกินไปอาจถูกลูกหลงได้ ไทนอสเองก็ยิงไม่ได้เสี่ยงเกินไป เขาจึงเลือกที่วิ่งเข้าหาทั้งสองแทน กระบอกปืนแอสตราถูกยกขึ้นสูงก่อนฟาดลงไปยังศีรษะของเอสเปอร์




“พวกท่าน หยุดเถอะ” แอลซึ่งอยู่ไม่ไกลร้องอ้อนวอน

เอสเปอร์กระโดดลอยตัวไปด้านหลังไทนอสอย่างง่ายดายใบมีดทั้งสองดิ่งตรงกลางลำคอ เกรย์มองตาค้างตกใจ ไทนอสหนีไม่พ้นแน่






กึก




เสียงโลหะกระทบเข้ากับของแข็ง ใบมีดทั้งสองหลุดกระเด็นไปคนละทางเอสเปอร์ไม่เข้าใจกับเหตุการที่เกิดขึ้น





เขาแทงลงไปแล้ว




แต่ไทนอสยังอยู่ ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยขีดข่วน

ไทนอสเองก็ดูงงไม่แพ้กัน เขาหันไปมองเกรย์ แต่เกรย์ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้ทำอะไร




ทันใดนั้นลูกไฟถูกขว้างมายังเอสเปอร์ทันที ร่างเขาติดไฟอย่างรวดเร็ว เอสเปอร์ร้องโหยหวนล้มตัวกลิ้งกับพื้นหวังดับไฟที่ท่วมตัว

“ท่านชีวาส ปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไป” แอลตรงรี่เข้ามาขวางเมื่อเห็นชีวาสเตรียมร่ายเวทบทต่อไป

“มันจะฆ่าพวกเรานะ”

“พวกท่านต้องฟังข้า…ปล่อยเขา”แอลยืนยันคำเดิม

บัดนี้ร่างของเอสเปอร์นั้นแน่นิ่งไปแล้วแต่เปลวเพลิงยังคงโหมลุก




“ข้าจะบอกอะไรให้นะว่าพวกเราทำร้ายกันไม่ได้” แอลอธิบายต่อเมื่อไม่เห็นว่าชีวาสจะปลดพลังตน

ร่างที่เคยนิ่งกลับเริ่มเคลื่อนไหว เอสเปอร์ยันตัวขึ้นนั่งด้วยความไม่เข้าใจ เปลวไฟที่ควรร้อนกลับไม่ส่งอันตรายใดต่อเขาเลย ยิ่งผู้เสกมันขึ้นมายิ่งไม่เข้าใจ

“เป็นไปไม่ได้”



“มันเป็นข้อบังคับ….โถ่ได้โปรดเถอะพวกท่านฟังข้าเสียที” แอลบ่นออกมาอย่างหมดความอดทน ครั้งที่แล้วไม่ฟังแล้วผลเป็นไงล่ะ มาครั้งนี้ยังไม่ยอมกันอีก

“พวกเจ้า…..เพราะพวกเจ้า ย้ากกก” แต่ดูเหมือนเอสเปอร์ผู้มีมัดกล้ามใหญ่กว่าสมองคงไม่ได้คิดทวนคำพูดของแอล เขาพุ่งเข้าต่อสู้อีกครั้ง

คนทั้งสี่เข้าห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งๆที่ไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ ไม่ว่าจะเป็นหอกกระดูกที่ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อกระทบกับหน้าอกเอสเปอร์ เวทสายต่างๆก็ไม่มีผลใดนอกเหนือจากความเหนื่อยของผู้ร่าย ลูกปืนที่แม้แต่เล็งไปยังดวงตา หรือกระทั่งใบมีดที่ทิ่มแทงส่วนต่างๆ




“ข้าบอกให้หยุดไง โว้ย” แอลตะโกนอย่างหมดความอดทน

เขาล้วงมือเข้าแขนเสื้อก่อนที่จะเรียกไพ่ขึ้นมาหนึ่งใบ





Hanged man




สายลมโชยพัดผ่านผู้ใช้การ์ด เขาปล่อยไพ่ให้ลอยขึ้นไปเหนือหัวมันหมุนวนอย่างเร็ว…….และเริ่มทำงาน


ต้นไม้รอบตัวส่งเสียงคำรามต่ำๆตอบรับคำร้องขอ รากไม้ที่ฝังตัวถูกยกออกมาจากดินและงอกยาวออกไป กิ่งก้านไม้เถาเลื้อยลงมาจากลำต้นอย่างช้าๆมุ่งสู่คนทั้งสี่ ซึ่งบัดนี้ต่างมองมาอย่างตกตะลึง



“ข้าบอกให้หยุด…ได้ยินมั้ย” แอลตะโกนไปอีกครั้ง



ทั้งรากไม้และเถาวัลพุ่งโจมตีเหล่านักรบทันที ชีวาสถูกเถาไม้รัดขาเอาไว้ได้เป็นคนแรก เกรย์กระโดดหลบอย่างคล่องตัว ดาบกระดูกขาวถูกดึงออกมาจากแขนอีกครั้งเพื่อช่วยชีวาส….แต่ดูเหมือนจะช้าไปเขาถูกรากไม้ซัดกระเด็นไปอีกทางก่อนที่เถาไม้จะเข้ามารัดตัวเขาไว้

ทางด้านไทนอสเองก็หนีไม่พ้นแม้เขาจะยิ่งทำลายต้นไม้เหล่านี้เท่าไร มันยิ่งงอกออกมาเพิ่มเป็นสองเท่าจนสุดท้าย เขาจึงกลายเป็นก้อนกลมๆสีเขียวเหมือนถูกพันด้วยหมี่หยก

เอสเปอร์เองดูจะหลบหลีกได้อย่างสบายที่สุดเพียงเอี้ยวตัวไปมาเขาสามารถเลี่ยงไปได้อย่างง่าย พุ่งตัวมาอีกทีเขาก็อยู่ตรงหน้าแอลแล้ว ใบมีดถูกแทงเข้ากลางอกโหรหนุ่มทันที



แอลยิ้มอย่างเยือกเย็นเขากำใบมีดนั้นไว้อย่างไม่กลัวมันบาด

“ข้าบอกแล้วไง……ทำไมไม่มีใครฟังข้าบ้าง”

แล้วเอสเปอร์ก็กลายเป็นก้อนหมี่หยกไปอีกราย บัดนี้ทั้งสี่ถูกยกตัวขึ้นกลางอากาศในสภาพห้อยหัวลง ทำให้เลือดไหลย้อนลงมาที่ศีรษะ ส่งผลให้ใบหน้าทุกคนแดงก่ำ ชีวาสที่ดูเหมือนจะร่ายเวทก็ถูกเถาไม้คาดปากไว้เสียทันควัน








“ข้าจะพูดอีกรอบเดียว….เข้าใจมั้ย”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 15-06-2009 22:25:14
เจ้าเอสเปอร์ น่าหมั่นไส้นัก
แอร้ยยยย...ไทนอส ช่างอึดถูกใจข้าพเจ้ายิ่งนัก  ขอยืมตัวสักวันได้มั้ยเคอะ Tifa  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-06-2009 09:46:32
แอล ดูท่านอนน้อยแล้วจะหงุดหงิดง่ายนะเนี่ย

แต่ช่าง อย่างไงก็น่ารัก แอบเก่งอีกตะหาก ชอบๆๆๆ แอร๊ยยยยยยยย   :m3:


ปล. 7-11 สาขาไหนเนี่ย  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 16-06-2009 10:00:10
โอะโอ หนูแอลเวอร์ชั่นใหม่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 16-06-2009 10:46:31
นี้ล่ะมั้งครับที่เขาว่าปรอทแตกอ่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 16-06-2009 18:47:55
1 วันผ่านไปโดยไร้เสียงโทรศัพท์


เมื่อวาน


"รับอะไรดีครับ" หนุ่มน้อยหน้าคมเข้มยิ้มต้อนรับ

"เอ่อ....เติมเงินทรู 50 ครับ" แต่ความจริงอยากสั่งน้องมากกว่า...แอร๊ยยยยย

"ออนไลน์นะครับ" คนอะไร พูดไปยิ้มไปโอ้ย.....


พูดไม่ออกเลยพยักหน้าไป

กดเบอร์

ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด......เออ

"หมายเลข xxxxxxxx นะครับ"

"ครับ เรียบร้อยครับ"





โถ่คุณน้อง นึกว่าจะแอบจดเบอร์โทรแล้วโทรหาเสียอีก

อ๊ะๆ


หรือว่าน้องเขาเงินหมด......อืม ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ คริๆ

เดี๋ยวคงโทรมาเนอะ

(ผู้หญิงคิดบวก แอร๊ยยยย)




ปล.เหตุเกิดที่ 7-11 สาขาเชียงใหม่เจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่6 15/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 16-06-2009 20:45:34
/\
/\
/\
ตื่นค่ะ ตื่นๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ7 17/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 17-06-2009 23:37:02
ว้าย......ตกใจตื่นมาตีสี่

เฮ้อ.....เสียดายจัง

แหม......เสียดายจริง คริๆ


อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ : ว้ายๆ จะยืมไทนอสหรอคะ ........ ตื่นได้แล้วค่ะ ตื่น คริๆ

dahlia : ประมาณคุณชายเทวดามั้ย คริๆ เอ่อเนอะ....ปกติแอลใจเย็นนี่นา.....ซิกๆ

mist : เดี๋ยวจะมีอีกเวอร์ชั่น.....แบบใส่จี ส้นจิก ชุดหนัง แอร๊ยยยยย แซบ

three : เนอะๆ เจอแบบนี้ใครจะทนได้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ7 17/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 17-06-2009 23:41:19
บทที่ 7 ก้าวแรก






ณ ห้องประชุมในคุมหลวงนครกราซ ในเวลาค่ำคืนนี้ต่างเป็นเวลาแห่งการพักผ่อน ทว่าเอสเปอร์ชายผู้ปกครองนครแห่งนี้กลับตาสว่าง เขานั่งบนเก้าอีกประจำตัว มือทั้งสองกุมเข้าที่ใบหน้า เขากำลังคิดไม่ตก

“พวกท่านต้องออกเดินทาง……..นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยคนของพวกท่านได้”

เขาคิดวนเวียนถึงวาจานักทำนายชะตาแห่งบารอนนับเป็นร้อยรอบแล้ว แต่เขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร เขาจะเชื่อพวกที่แอบซุ่มโจมตีทัพของเขาจนเกินสงครามตามมานี้ได้อย่างไร จะยอมไว้ใจพวกผู้ดีเห็นแก่ตัวเหล่านั้นหรือ



“ทั้งสองฝ่าย…..นั่นเป็นข้อบังคับ”



เอสเปอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะล้มตัวลงเอนพนักพิงเพื่อผ่อนคลาย ไม่ว่าจะพยายามหาวิธีไหน เขาก็คิดไม่ออกเลย……..นั่นอาจเป็นชะตาที่เขาต้องพบเจอ

ในเมื่อพระเจ้าท่านกำหนดมา……ข้าคงไม่สามารถขัดขืนได้







อีกฝั่งของคุ้ม ภายในห้องนอนขนาดเล็กผู้เดินทางแห่งบารอนยังคงโต้เถียงกันอย่างออกรส

“เจ้านั่นมันจะฆ่าพวกเรานะ” ชีวาสดูเหมือนจะใส่อารมณ์มากเป็นพิเศษ

“แอล เราไปโดยไม่มีมันไม่ได้หรือ” ไทนอสเองก็ไม่เห็นด้วยที่จะรับเอสเปอร์ชายอันตรายแบนั้นเข้ากลุ่ม



ผิดกลับเกรย์ที่นิ่งเงียบไม่ได้ออกความเห็นใดๆ



“ข้าบอกพวกท่านไปแล้ว……แล้วข้าจะไม่ออกเดินทางหากไม่มีคนจากทั้งสองฝ่าย” แอลยังยืนยันคำเดิม เขาดูหงุดหงิดเนื่องจากต้องพูดคำเดิมๆหลายๆครั้ง บางที่เขาน่าจะเขียนลงกระดาษแล้วแจกให้คนละแผ่นจะได้ไม่ต้องพูดซ้ำอีก


“ไม่ยังไงข้าก็ไม่ยอม”
“โถ่แอล นะๆ เราไปกันเองได้”


แอลรู้สึกเหนื่อยและเบื่อกับการต่อสู้ในครั้งนี้เขาจึงเดินหนีออกมาเสียอย่างนั้นทิ้งให้อีกสามหน่อตกลงกันเองแต่เมื่อเขามาถึงห้องนอนตนเองกลับพบว่าเกรย์เองเดินตามเขามา

“ข้าเหนื่อย”เกรย์บอกด้วยสีหน้าอ่อนล้า หากสังเกตสักนิดจะเห็นว่าตัวของเขานั้นดูซีดจนออกเป็นสีขาวปนเขียวแล้ว

“ท่านไม่เป็นอะไรแน่นะ บางทีท่านอาจต้องการ…..”

“ข้าขอนอน” เกรย์พูดแทรก แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีทิ้งให้แอลมองดูด้วยความเป็นห่วง

แอลเดินเข้าไปใกล้ๆร่างที่นอนอย่างอ่อนแรงนั้น ยื่นมือไปหมายจะถอดหน้ากากนั้นออก การนอนโดยใส่หน้ากากไว้คงไม่สะบายเท่าไรนัก




หมับ




มือเย็นๆคว้าเข้าที่ข้อมือโหรหนุ่มอย่างจัง

“เจ้าจะทำอะไร” น้ำเสียงเย็นลึกบาดเข้าไปถึงใจเอ่ย เกรย์มองแอลอย่างไม่พอใจ ไม่คิดเลยว่าใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นจะน่ากลัวได้ขนาดนี้

“ข้า….คะ…แค่จะ..ถอดหน้ากากให้”

“ไม่ต้อง” น้ำเสียงกึ่งพูดกึ่งตะคอกเล่นเอาคนใจดีตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แขนที่ถูกจับไว้เริ่มปรากฎรอยแดง

แอลเองไม่รู้ว่าเกิดอะไร เขาเพียงหวังดีแต่กลับถูกต่อว่าเข้าให้ เขายังไม่เคยเห็นเกรย์ผู้เงียบสงบเกิดอาการแบบนี้มาก่อน……ถ้าเป็นชีวาสละก็ว่าไปอย่าง

เกรย์เองคงเห็นแววตาตระหนกของแอล เขาจึงค่อยๆคลายมือออก และนั่นเผยรอยแดงรูปมือตรงข้อมือเล็กๆนั้น



“เอ่อ ข้าขอโทษเจ้าเจ็บมากไหม”



แอลส่ายหน้าไปมาเขายังตกใจในเหตุการเมื่อกี้ไม่หาย

“ข้าแค่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง…..เอ่อ….กับหน้ากาก”

แอลพยักหน้ารับรู้แล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วล้มตัวลงนอนตามเกรย์

“ข้าเองก็ต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่รู้” เมื่ออาการใจสั่นลดลงแอลจึงกล่าวคำขอโทษบ้าง


เกรย์ยิ้มตอบ


“นอนเสียเถอะแอล อย่างน้อยคืนผนังห้องนอนก็หนาพอ….เจ้าคงหลับได้สบาย”

ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างรู้ความหมาย





ยามสงตะวันสาดส่องสู่พื้นแผ่นดินเป็นยามที่เหล่านกกาต่างพากันออกหากิน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วปลุกชีวิตแห่งป่าให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในวันนี้ไม่มีเสียงเหล่านั้นอีกต่อไป คงเหลือไว้แต่รูปปั้นหินเพียงเท่านั้น

เช้าวันนี้ เป็นเช้าแห่งการตัดสิน

เอสเปอร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม……..เมื่อแสงทองสาดส่องเข้ามาเขาตัดสินใจลุกขึ้น


การทดสอบแรกของคนบนฟ้าที่มอบทางแยกให้คนเหล่านี้ได้ตัดสินใจ

ไทนอสยันร่างอันเปลือยเปล่าขี้น ทิ้งให้ชีวาสจมอยู่ในห้วงฝันต่อไป


และคำตอบนั้นกำลังจะปรากฎ





ยามสายทุกคนผู้เกี่ยวข้องมาพร้อมหน้ากันที่โถงใหญ่ เอสเปอร์แยกตัวออกไปอีกฝั่งมองไทนอสด้วยสายตาขุ่นๆ ทางฝั่งไทนอสก็ส่งชีวาสพูดจากระทบกระทั่งอยู่ไม่ขาดสาย

“ตกลงพวกท่านว่าอย่างไร” แอลที่ยืนอยู่ตรงกลางข้างๆเกรย์เอ่ยถามในที่สุด

เกิดความเงียบน่าอึดอัด ไม่มีใครตอบอะไร ทั้งสองฝ่ายมัวแต่จ้องดูเชิงกันไปมา



“ตกลงพวกท่านว่ายังไง” แอลเน้นคำพูดอีกครั้ง คราวนี้เขาพูดช้าๆและดังขึ้น

“ตกลง” เหนือความคาดหมาย เอสเปอร์เป็นคนแรกที่กล่าวออกมา และเขายอมตกลงเสียด้วย

แต่อีกฝ่ายกลับเงียบ

“ท่านไทนอส”

“เจ้ากลัวข้าหรือไง” เอสเปอร์กระเซ้าจงใจกวนโมโห พร้อมกับยักคิ้วให้

“ใครว่าข้ากลัว ตกลงแอลข้าเอาด้วย” ไทนอสรีบตอบอย่างหงุดหงิด เรื่องอะไรต้องโดนเจ้าเถื่อนนี่สบประมาทด้วย

“เอาล่ะเท่านี้เราก็ออกเดินทางได้”

โหรตัวน้อยยิ้มร่าอย่างเก็บอาการไม่อยู่เขากระโดดไปมาเหมือนเด็กที่ได้อมยิ้ม

“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย แต่เราจะไปที่ไหนกัน” ชีวาสถามอย่างหัวเสีย เขาไม่ชอบใจที่ต้องเดินทางกับเอสเปอร์นัก อย่าลืมสิเขาเคยโดนเอสเปอร์เอามีดจ่อคอมาแล้วนะ







“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”


แอลล้วงเอาไพ่ออกมาจากแขนเสื้ออีกครั้ง ไทนอสเห็นไพ่แล้วถึงกับสะดุ้งมองซ้ายขวาทันที แต่เมื่อไม่เห็นต้นไม้แถวๆนี้จึงหันกลับมามองแอล

การ์ดทั้งหลายลอยตัวรายล้อมแอลเป็นวงกลม พวกมันค่อยๆหมุนรอบตัวโหรหนุ่มช้าๆ แอลหลับตาลงทำสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้า ออก



หมับ




ไพ่หนึ่งใบถูกเขาหยิมออกมา ฉับพลับไพ่ใบที่เหลือก็ร่อนลงบนมืออีกข้างอย่างเป็นระเบียบ

“The towerไพ่รูปหอคอยถูกฟ้าผ่า” แอลแสดงให้ทุกคนดู

“แล้ว…..แปลว่ายังไง” เอสเปอร์ถาม

“ไพ่ใบนี้แปลว่า การเกิดสิ่งไม่ดีต่างๆ อุบัติเหตุ หายนะ” แอลตอบอย่างใจเย็น แต่พวกที่เหลือไม่เป็นเช่นนั้น

“นี่จะให้เดินทางไปแส่หาที่ตายรึไง” ชีวาสส่งเสียงแหววด้วยความไม่พอใจ

“ไม่ๆๆๆ…..นั่นเพียงความหมายของไพ่ โถ่….ท่านชีวาสอย่าพึ่งโวยฟังข้าให้จบก่อน” แอลต้องใช้เวลาสักพักอธิบายกว่าที่ชีวาสจะสงบได้

“คำใบ้นั้นไม่ได้อยู่ที่ความหมายของไพ่ แต่อยู่ที่สัญลักษณ์บนไพ่ต่างหาก” แอลเริ่มอธิบาย

“หอคอยเนี่ย….ทวีเรามีเป็นร้อยเลยนะแอล” ไทนอสเองลองนับจำนวนหอคอยเท่าที่คิดได้ เขาจึงรู้ว่ากว่าจะเดินทางไปครบคงแก่ตายกันพอดี

“ยังมีสายฟ้าอีก” แอลบอกคำใบ้ต่อไป

ทุกคนต่างเงียบ ต่างคนต่างเรียบเรียงความคิดและนึกถึงสถานที่ ที่พอจะเป็นไปได้และคำตอบนั้นมีเพียงหนึ่ง








“หอคอยแห่งธอร์”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ7 17/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-06-2009 10:24:14
และแล้ว คณะตามหาแหวน อะม่ายช่าย คณะเล่นแร่แปรธาตุเปลี่ยนคนกลายเป็นหิน  ก็ครบองค์ออกเดินทางได้แล้วดิ

ว่าแต่มี เลโกลาส ม้ายยยยยยยยยย  :o8:


ปล. คุง Tifa รู้ได้ไงว่า น้องเขาเงินหมดอะ ก็น้องเล่นโทรมาคุยกับเราอยู่ล่ะ

แอร๊ยยยยยยยย  รอไปก่อนนะตัวเอง   :give2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ7 17/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 18-06-2009 16:48:20

ตื่นแล้วๆ มาเชียร์ แอล กับ เกรย์
แต่แอบอิจฉา ชีวาส แอร้ยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 20-06-2009 22:25:07
มาอ่านๆดูอีกทีแล้วเรื่องไปช้าเนอะ......พึ่งออกเดินทางเอง เฮ้อ



บทที่ 8






และแล้วคณะเดินทางก็ได้เวลาออกจากนครกราซเสียที การลงใต้ครั้งนี้คงกินเวลานานเหลือ เนื่องจากการเดินเท้านั้นไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเอาเสียเลย

“ข้าหวังว่าเมืองทริซึม ข้างหน้าคงไม่โดนคำสาปนะ” ไทนอสพูดอย่างมีความหวัง เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขามีโอกาสที่จะหาพาหนะได้ที่เมืองนั้น

แต่แค่ระยะทางไปยังเมืองทริซึมนั้นก็นับว่าไกลเอาเรื่อง นี่ก็พ้นไปสองวันแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดหมายแต่อย่างไร แต่เรื่องระยะทางคงไม่ใช่ปัญหา



ความสัมพันธ์ในกลุ่มต่างหากที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ติดขัดอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นชีวาสที่พูดจาถากถางคนต่างเมืองอยู่ตลอด ไทนอสเองแม้จะไม่ได้เอ่ยปากแต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาไม่พอใจ ส่วนเอสเปอร์นั้นมักปลีกตัวออกไปเพียงคนเดียว ตอนกลางวันเขามักเดินรั้งท้าย เวลาทานข้าวก็ปลีกตัวไปอีกทาง ส่วนเวลากลางคืนที่นอนของเขาคืนกิ่งไม้สักกิ่งหนึ่ง


และคืนนี้ก็เช่นกันเอสเปอร์นอนทอดกายอย่างสบายบนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นโอราน เขานอนหลับตาคิดเรื่องต่างๆตามลำพัง คิดถึงวันที่ประชาชนของเขาพ้นคำสาป คิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุ….บารอน


“ชิ พวกไรอารยธรรม”ชีวาสที่กำลังเดินผ่านเห็นเข้าก็อดที่จะแขวะไม่ได้
“ไม่เอาน่าท่านชีวาส เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ” แอลเองก็ได้แต่ไกล่เกลี่ย แต่เหมือนไม่มีผลเลย
“ปล่อยพวกคนเถื่อนไว้เถอะชีวาส เราไปกันดีกว่า” ไทนอสอดที่จะเสริมไม่ได้




แล้วทั้งสองก็เดินจูงมือกันไปที่พักของตน เหลือไว้เพียงแอลกับเกรย์ที่ตัดสินใจเลือกตั้งที่พักห่างออกไปอีกทาง



“ท่านเอสเปอร์ ท่านมานอนกับเราได้นะ”

ผู้นำแห่งกราซถึงกับลืมตาก้มลงมองผู้บอกกล่าว แอลส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“เรายังมีที่ว่างเหลือ ท่านจะได้นอนสบายๆ ใช่ไหมท่านเกรย์” แอลเองพยายามหาแนวร่วม รีบหันไปถามอีกคนที่เหม่ออยู่ เล่นเอาเกรย์งงไปพักใหญ่ก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย



‘จะมาไม้ไหนกันอีกเจ้าพวกบารอน’ เอสเปอร์ได้แต่คิดในใจ เขาไม่ตอบสนองใดๆต่อคำร้อง ไม่ว่าแอลจะพยายามแค่ไหนก็ตาม เขาไม่ให้อภัย เขาไม่ไว้ใจ



“กลับเถอะแอล เขาไม่ยอมหรอก” เมื่อเห็นว่าคงไม่มีผลเกรย์จึงชวนโหรน้อยผู้ใจดีกลับที่พัก
“แต่…..”
“น่าแอล สักวันเขาจะเข้าใจเอง”




และนี่ก็เป็นอีกคืนที่เหมือนเดิม





เข้าสู่วันที่สามของการเดินทางทุกอย่างเป็นไปตามปกติ (ที่ไม่ค่อยปกตินัก) ขบวนเดินทางอยู่ในรูปแบบเดิมๆนั่นคือ ชีวาสและไทนอสเดินนำหน้าตามมาด้วยแอลและเกรย์ ท้ายสุดตามมาด้วยผู้ปกครองนครกราซ เอสเปอร์


“แอลเจ้าเหนื่อยมั้ย”


หลังจากเดินเงียบๆไปได้สักพัก คนเจ้าชู้เริ่มรู้สึกเบื่อจนต้องหาอะไรสนุกๆทำ

“ไทนอส” ชีวาสเรียกคนที่กำลังเดินเข้าไปหาโหรหนุ่ม แต่ไทนอสกลับไม่ใส่ใจบอกกลับเพียงว่าให้เดินไปก่อน

ได้ยินดังนั้นแอลรีบหลบเข้าหลังเกรย์ทันควัน ตั้งแต่ออกเดินทางมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่โดนไทนอสตามตอแย และนั่นทำให้เขาประหม่าทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

“ขะ ข้า…ไม่เหนื่อย” โอยทำไมต้องพูดติดๆขัดๆด้วยนะเวลาแบบนี้ แอลเองก็ไม่เข้าใจตนเอง

“แต่เจ้าดูเพลียๆนะ” ไทนอสไม่ยอมแพ้อ้อมตัวไปหลังเกรย์พร้อมกับสัมผัสใบหน้าของแอล

เกรย์เองได้แต่ถอนหายใจและเดินปลีกตัวออกไปข้างๆ

“เอ่อ…..ขะ…..”

“เขาบอกไม่เป็นไรไงไทนอส” ชีวาสแทรกเข้ามาโดยทั้งสองไม่รู้ตัว

แรงผลักทำเอาโหรน้อยเซไปสองสามก้าว ยังโชคดีที่เกรย์จับไว้ได้ทันจึงไม่เกิดการบาดเจ็บขึ้น

“ชีวาสเจ้าทำอะไรน่ะ” ไทนอสมองคู่หูอย่างไม่พอใจ

“เจ้าต่างหากที่ทำอะไร” ชีวาสตอบกลับด้วยอารมณ์เช่นกัน เขาทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะเห็นภาพเหล่านี้อีก

“ข้าว่าเราพูดกันหลายครั้งแล้วเรื่องนี้…..เกรย์เจ้าพาชีวาสไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า” จ้าวเมืองหันไปออกคำสั่ง

“….” เกรย์มองอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

แต่ชีวาสกลับกำหมัดแน่น ตัวสั่นไปด้วยความโกรธ นัยตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงนั้นหากมองให้ดีจะเห็นน้ำใสๆเอ่อนองเตรียมไหลลงมาอยู่

“เจ้ามันไม่เคยเข้าใจเลย……ไม่เคยเข้าใจเลย” นักเวทหนุ่มตัดพ้อก่อนจะหมุนตัวแล้วออกวิ่งไปทันที
“ท่านชีวาส” แอลตะโกนเรียกและออกตัววิ่งตาม

แต่ถูกเกรย์ดึงไว้เสียก่อน เกรย์ส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม ควรรอให้ชีวาสเย็นลงก่อนจะดีที่สุด และหากจะตามคนที่ไปต้องไม่ใช่แอล

ส่วนคนต้นเหตุนั่นน่ะหรอดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอะไรมากนัก ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม
“เกรย์ แอล มานั่งพักนี่สิตรงนั้นร้อนจะตาย”




ถึงแม้แอลเองจะไม่ชอบท่าทีเฉยชาของไทนอสนักแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า รอยยิ้มของไทนอสนั้นมันช่างดึงดูดนัก





ใจกลางป่ารก เหล่าพุ่มไม้สูงใหญ่ต่างพากันแผ่กิ่งก้าน ดอกไม้ป่าหลากสีสันแข่งกันผลิบานอวดกลีบสวย ละอองน้ำฟุ้งกระจายลอยไปตามลม บรรยากาศแบบนี้ชวนให้สดชื่นนัก



แต่ผู้ที่นั่งตรงโขดหินนั้นกลับตรงข้าม



น้ำตาที่ไหลรินลงเป็นสายพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น ชีวาสนั่งตรงนี้ได้สักพักใหญ่เขาเองได้แต่หวังลึกๆว่า

ไทนอสคงตามมา






แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความหวัง และคงเป็นหวังลมๆแล้งๆเสียด้วยสิ

ชีวาสได้แต่ปล่อยให้ความเสียใจกัดกร่อนหัวใจเขาทีละน้อย ความน้อยใจทวีความรุนแรง เขาไม่เคยที่จะเป็นตัวจริงของไทนอสเลยงั้นหรือ…..นี่เขาไม่มีวันจะเคียงคู่ไทนอสได้เลยใช่ไหม…..หลายครั้งเหลือเกินที่ไทนอสทำร้ายจิตใจเขา ครั้งแล้วครั้งเล่า

“เจ้ารักข้ามั้ยไทนอส” คำถามอันนี้ชีวาสเองได้เอ่ยอยู่บ่อยครั้ง

และทุกครั้งไม่เคยมีคำตอบออกมาจากชายผู้เป็นที่รักเลยสักครั้ง





เคยมีคำพูดโบราณกล่าวไว้

รักแท้คือการรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน





ชีวาสมั่นใจว่าเขารักไทนอสจริงจากก้นบึ้งหัวใจ เพียงแต่เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่รักเฉยชากับตน ยิ่งไทนอสทำดีกับคนอื่นยิ่งทำให้เขาน้อยใจนัก……ทั้งๆที่เขาทุ่มเทให้ไทนอสไปทั้งหมดแต่สิ่งที่กลับมานั้นไม่มีเลย




จิ๊บ




ขณะที่ชีวาสจมอยู่ในห้วงความคิดนั้นเสียงๆหนึ่งปลุกเขาให้หลุดออกมา

นกตัวน้อยสีดำขลับเกาะอยู่ตรงเข่าของเขา จงอยปากแหลมนั้นอ้าออกร้องส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ปีกสีดำคู่แกร่งกระพือไปมาส่งเสียงผึบผับ และมันก็บินมาแกะที่ไหล่ของนักเวทหนุ่ม

ไอหมอกสีดำแผ่ออกมารอบๆตัวเจ้านกน้อยนั้นเสียงร้องของมันยังดังต่อเนื่อง แต่น่าแปลกที่ไม่ทำให้ชีวาสรู้สึกรำคาร ตรงข้ามเสียอีก



เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น



จนบัดนี้เจานกสีนิลไม่ได้เป็นเจ้านกน้อยอีกต่อไป ตัวของมันใหญ่เท่าแม่ไก่ตัวโต ขนที่เคยเล็กบอกบางกลับแข็งกระด้างและคมดุจใบมีด ที่สำคัญดวงตานั้นแดงก่ำเหมือนย้อมไปด้วยเลือด



“อิ่มแล้วก็กลับมาอีโม”



ชายหนุ่มผู้อุดมไปด้วยมัดกล้ามเรียกสัตว์มายาของเขากลับ นกอีโมร้องลั่นอีกครั้งและบินตรงมาหานายอย่างเร็วรี่ก่อนจะสลายกลายเป็นหมอกสีดำไป

ชีวาสมองเอสเปอร์อย่างไม่เข้าใจ……เขาต้องการอะไรและทำแบบนี้ทำไม

ถ้าเข้าใจไม่ผิดเอสเปอร์พึ่งช่วยทำให้เขาดีขึ้น…..หรือว่าที่จริงเอสเปอร์เองก็เป็นห่วง




“ถ้าดีขึ้นแล้วก็กลับไปเสียที จะได้ออกเดินทางต่อ ข้าไม่มีเวลามาดูละครน้ำเน่าของพวกเจ้าหรอกนะ”







และนั่นก็ทำให้ชีวาสรู้ว่าเขาคิดผิดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 20-06-2009 22:59:08
สนุกครับ จิตนาการล้ำเลิศอ่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 21-06-2009 14:53:47
มีปริศนากันทุกคนเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 21-06-2009 15:42:00
 มีปริศนามากมายโอ้ยยยยยๆ  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-06-2009 09:01:39
เอสเปอร์ มั้ย ชีวาส   :m13:

แอล น่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 22-06-2009 09:25:31
มันจะไปรอดไหมเนี้ยตีกันเองแบบนี้อ่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ8 20/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-06-2009 14:16:18
ชีวาสเปลี่ยนใจจากไทนอสจะดีกว่ามั้ยเนี่ย  :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-06-2009 18:26:06
อืม.....ยิ่งแต่ง.....อืม ยิ่งไม่รู้จะไปยังไงต่อ

รู้สึกว่าเรื่องนี้ไปไม่ค่อยถูกเลย กว่าจะพิมพ์ออกมาได้แต่ละตอนเล่นเอาเหนื่อย

ไม่เหมือนเรื่องที่แล้ว เขียนคล่องมาก สงสัยต้องใช้สารหล่อลื่นซะแล้ว แอร๊ยยยยย


ปล.เมื่อวานไป 7-11 ที่เดิมกับน้องคนเดิม

เราก็เดินไปหยิบของมาแล้ววาง

น้องเขาก็ยิ้มกดคิดเงิน

"ใส่ถุงมั้ยครับ" น้องเขาถามพร้อมรอยยิ้ม โอ้ย

"ไม่ต้องครับ" เราก็ยิ้มตอบ


แต่ในใจกลับบอกว่า


"พี่ชอบสดๆ ค่ะ ถุงยางไม่ต้อง แอร๊ยยยยยย"


อ้างถึง
kom-kamol : หุหุ เขิลนะเนี่ย

mist : อะ.....ไม่งงหรอกครับเรื่องนี้ จริงๆนะ ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก

กิมตี๋หัดขับ : แม่นางอย่าคิดมาก ข้าน้อยมิกล้าๆ

dahlia : เอ จะให้เอสเปอร์กับใครดีนะ อิอิ

three : นั่นสิแตกคอกันเองอีก เฮ้อๆ

nOn†ღ : ชีวาสฝากบอกว่า.......หากเปลี่ยนใจไปรักใครได้ฉันทำไปแล้ว คริๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-06-2009 18:34:16
บทที่ 9





“ทะ….ท่านไทนอส ท่านไปตามหาท่าน….อะ…ชีวาสเถอะครับ” แอลต้องก้มหน้าก้มตาพูดติดๆขัดๆ

จะให้ทำไงล่ะก็ไทนอสเล่นนั่งเบียดเขาอยู่แบบนี้แล้วยังจับไว้ไม่ให้ไปไหนอีก


“น่าเดี๋ยวเจ้านั่นก็กลับมาเอง” ไทนอสดูไม่ใส่ใจนัก เขารู้ดีไม่ว่าอย่างไรชีวาสไม่หนีไปไหนแน่


ไทนอสบรรจงเอนตัวลงให้ศีรษะหนุนลงบนท่อนขาของอีกคน (ที่พยายามจะลุกหนีแต่ก็ช้าไป) แอลขยับขาหนีเล็กน้อย แต่สู้แรงของไทนอสไม่ได้เลย เมื่ออีกคนนอนลง สายตาทั้งสองจึงประสานกัน

ใบหน้าคมเข้มนั้นช่างดึงดูดสายตา ดวงตาที่แน่นิ่งจ้องมาที่ตาของอีกคนเหมือนงูที่สะกดให้เหยื่อหยุดนิ่งกับที่ ไรหนวดเคราเขียวครึ้มหากโดนเข้าคงรู้สึกดีไม่น้อย

แอลไม่รู้ตัวเลยว่าเขาสบตาไทนอสนานเท่าไร และดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจที่ได้มองเสียด้วยสิ

“เจ้าจ้องข้าแบบนี้ข้าเองก็อายนะ” ไทนอสยิ้มน้อย แต่ท่าทางที่แสดงออกนั้นช่างขัดกับคำพูดนัก

“……” เป็นแอลเสียอีกที่เบือนหน้าหนี และก็นับเป็นอีกครั้งที่เขาโดนไทนอสแกล้ง



แต่นั่นก็น่าแปลกที่แอลไม่คิดจะโกรธ หรือไม่พอใจคนชอบแกล้งเลยสักนิด






ขอนไม้ด้านตรงข้าม เกรย์นั่งมองทั้งสองคนตั้งแต่ต้น…..จนกระทั่งไทนอสเองเริ่มเอนตัวลงนอน จุดนั่นแหละที่ทำให้เกรย์เองรีบหลบสายตาหนีไป เขาไม่อยากมองเลย….ไม่อยากรับรู้



เรื่องที่ทำร้ายจิตใจ




หนึ่งครั้งที่เขาทำให้ปักใจเชื่อในความรัก


เพียงสองครั้งที่เขาขโมยหัวใจไปโดยไม่รู้ตัว


หลายครั้งที่เผ้ามอง……และนั่นทำให้เรายิ้มได้


แต่ทุกครั้งกลับเป็นดั่งเข็มทิ่มแทงหัวใจ…….ที่มองไปข้างกาย………ยังว่างเปล่า






เกรย์ทอดตัวลงยังพื้นหญ้านุ่ม เขาชูมือซ้ายขึ้นมาดู…..มันเย็น…..และเดียวดาย

รอ……เขารออยู่ คนที่จะมาทำให้มือของเขาอุ่นขึ้นได้……เขาต้องการ……แค่สักคนที่มากุมมือเขาไว้




‘คงเป็นไปไม่ได้’




เกรย์เองได้แต่พร่ำบอกตนเองซ้ำ




เป็นไปไม่ได้…..เป็นไปไม่ได้






…………………………………………………………………………………………………………………………………………………






ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกค่ำคืนที่เงียบสงัด ที่พักชั่วคราวถูกกางขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายๆที่ชายป่าทางใต้ ขณะนี้คณะเดินทางได้ผ่านพ้นป่าทึบมาได้แล้วเหลือระยะทางอีกไม่ไกลนักพวกเขาก็จะเข้าสู่เมืองทริซึมนครแห่งแสงเสียที

ดวงจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่บนฟ้า สาดแสงนวลส่องไปทั่วผิวน้ำที่กระเพื่อมไปมาตามจังหวะเคลื่อนไหวของคนสองคน


“ท่านเกรย์เสร็จหรือยังข้าหนาวแล้ว” นักทำนายที่แช่อยู่ในน้ำทำตัวสั่น การอาบน้ำนั้นทำให้เขาสดชื่นก็จริง แต่ในเวลาดึกแบบนี้ น้ำในแอ่งยิ่งทวีความเย็นขึ้นไปอีก

“เจ้าขึ้นไปก่อนเลยแอล ข้าขอแช่ต่ออีกหน่อย”

“แต่….”

“ไปเหอะ” เกรย์ตอบสั้นๆ พลางโบกมือไล่ แต่เจ้าตัวดีก็ไม่ยอมขึ้นจากผิวน้ำ



สิบนาทีผ่านไป ริมปากของแอลเริ่มกลายเป็นสีม่วง เขาทนไม่ไหวจึงของขึ้นไปก่อนทิ้งไว้เพียงเกรย์ที่นอนแช่น้ำเหม่อมองไปยังนภาที่แสนไกล

เมื่อเสียงของอีกคนเงียบไป นั่นแสดงว่าแอลได้กลับไปแล้ว และนี่ก็เป็นเวลาที่เขาอยู่เพียงลำพัง



หน้ากากกระดูกค่อยๆถูกปลดออกมาจากใบหน้า เกรย์บรรจงวางหน้ากากลงบนตลิ่งใกล้ๆนั้น ก่อนจะวักน้ำมาล้างหน้าสักสองสามครั้งให้รู้สึกดี

คลื่นน้ำแผ่เป็นวงกระจายตามหยดน้ำ มันแผ่เกรียวไปไกล และค่อยๆเบาแรงลง……จนนิ่งสนิท

ภาพสะท้อนนั้นเผยให้เห็นชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งที่กำลังจ้องมองตัวเองอีกคนอยู่ สายตานั้นจับภาพไปยังอีกฟากของใบหน้า



ซ่า



ภาพชายหนุ่มหายไปพร้อมกับสายน้ำที่พุ่งตามแรงมือเกรย์ เขารีบคว้าเอาหน้ากากนั้นสวมทับเข้ากับตนทันที






เป็นไปไม่ได้………เป็นไปไม่ได้




………………………………………………………………….……………………………………………………………………





“เดินคนเดียวแบบนี้อันตรายนะแอล”

แอลตกใจรีบกระชับผ้าเข้าแนบกับอก ถึงแม้เขาจะใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วก็เหอะ แต่สายตาของไทนอสนั้นเหมือนจะสามารถมองลอดผ่านเข้าไปได้เสียอย่างนั้น


“เฮ้ ไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้นก็ได้” ไทนอสยิ้ม เดินเข้าไปหาอีกคนและแย่งเอาของที่แอลถืมมาไปเสีย

“อะ….ท่า….ท่านไทนอส” จะไม่ให้ติดอ่างได้อย่างไรในเมื่อแอลเองก็พึ่งสังเกตว่าไทนอสนั้นไม่ได้ใส่เสื้อ มีเพียงผ้าผืนเล็กที่คาดไว้ตรงเอวเท่านั้น

“อะไร” ไทนอสยิ่งได้ใจเมื่อเห็นเหยื่อของตนประหม่า…..และนั่นล่ะมันช่างน่ากินเหลือเกิน

“เอ่อ…..อ๊ะท่านชีวาส” แอลชี้มือไปอีกทาง

ได้ผลไทนอสมองไปตามที่แอลชี้โดยไม่ได้ระวังตัว แอลฉวยโอกาสนี้รีบวิ่งหนีทันที


“เสียรู้จนได้” ไทนอสยิ้มให้ในความผิดพลาดครั้งนี้ แย่จังอุตส่าห์ไม่มีชีวาสกวนแล้วเชียวลูกเล่นเยอะจริงๆ แอล

‘แบบนี้ล่ะยิ่งยาก…..ยิ่งชอบ ……… ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อยให้รอดแน่’ไทนอสสาบานกับตนเอง





อีกส่วนหนึ่งของริมน้ำชีวาสที่แอบดูอยู่ได้แต่กรีดร้องในใจ วันนี้ทั้งวันไทนอสไม่ยอมคุยอะไรกับเขาอีกเลย แม้ว่าจะนอนในที่พักเดียวกัน แต่ไทนอสกลับไม่สนใจ ชีวาสรู้ดีว่านี่คือการลงโทษ



ที่โกรธมันผิดงั้นหรือ



ที่ทำลงไปมันไม่ถูกใช่ไหม




เพียงแค่หวง….เพียงแค่หึง….ไม่ได้ใช่ไหม



เพราะอะไร…..เพราะข้า…..เพราะเจ้า…….หรือเพราะมัน



เพราะมัน



เพราะมัน



ชีวาสวางมือบนต้นไม้ข้างหน้า เล็บมือจิกลงบนเปลือกไม้ด้วยความโกรธ เส้นเอ็นนิ้วมือปูดโปน




ไม่….ข้าไม่ให้ใครทั้งนั้น


‘แอล…….ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง’ ชีวาสยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม


‘ถึงแม้ข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ก็อย่าหวังว่าเจ้าจะอยู่สุขเลย’




……………………………………………………………………………………………………………………………




กลับมาที่พัก


แอล ยืนหอบอยู่ใกล้กองไฟ ใจเขาเต้นรัว แต่นั่นไม่ได้มาจากการวิ่งหรอกเพียงแต่มันเต้นรัวตั้งแต่ถูกไทนอสแกล้งต่างหาก…….

แกล้งอย่างนั้นหรือ…….ถ้าแกล้งต้องไม่พอใจสิแต่นี่…..



แอลกำลังยิ้ม



แล้วยังฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข เขาเดินไปยังอีกฟากของที่พักเพื่อเก็บของและนอนพักผ่อน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นอีกคนเสียก่อน

เอสเปอร์ที่เปลือยท่อนบน แสดงให้เห็นอกหนาแกร่งดั่งรูปปั้น ต้นแขนที่ใหญ่ล่ำ แกว่งไปมาอย่างองอาจ รอยแผลเป็นนูนเด่นตามร่างกายพบได้ประปราย ที่สำคัญคือหน้าท้องที่แบนราบมีร่องลึกตรงกลางแบ่งก้อนกล้ามเนื้อออกจากกันนี่สิเล่นเอา แอลแอบมองไม่ได้



‘หุ่นดีกว่าไทนอสเสียอีก’ แอลเองแอบพิจารณา
‘แต่แบบนี้ไม่ไหวอะ น่ากลัวไป เอาแบบ……’ และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่แอลคิดถึงไทนอสโดยไม่รู้ตัว



“ท่านเอสเปอร์จะอาบน้ำหรือ” แอลเอ่ยถามขณะที่เอสเปอร์เดินสวน

“อืม” เอสเปอร์ตอบสั้นๆตามเคย แต่นี่ก็นับว่าเขามันพัฒนาการมากขึ้นแล้ว

“วันนี้ท่านมานอนกับพวกข้าเถอะ….โถ่นะท่าน ข้าเตรียมที่นอนไว้ให้แล้ว….ตกลงนะ”
แอลรีบพูดโดยไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายโต้ตอบก่อนที่จะวิ่งหายเข้าไปในที่พัก



แต่น่าเสียดายที่เตียงอันนั้นกลับไร้ผู้นอนเหมือนเคย



เอสเปอร์ยังคงนอนบนต้นไม่เช่นเคย…..และคืนนี้เขาคงคิดเรื่องเดิมๆ


คำสาปนั้นจะแก้ได้อย่างไร…..ประชาชนของข้าจะเป็นอย่างไร และ






ข้าควรไว้ใจคนพวกนี้หรือ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-06-2009 19:28:36
เราชอบเรื่องนี้นะ ติดเลยแหละ เราว่าสนุกดี

ที่สำคัญเราชอบ แอล แอร๊ยยย น่ารักได้อีก  :man1:

ว่าแต่ใครคนนั้นเห็นหน้าเกรย์มั้ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 23-06-2009 00:21:38

แปะไว้ก่อง ประเดี๋ยวมาอ่าน คร้า

แนะนำ ให้ใช้ แกสบี้เจล ไตล์เว็ทลุกค์ สูตร ซุปเปอร์ฮาร์ท รับรองคร้า แข็งยันเช้า  คริคริๆ
ตกลงน้องคนนั้น  ชอบใส่ถุงก้อปแก็บ ชิมิเคอะ
ให้ได้กันน้า  ไปแระ (แอบเชียร์อยู่นะ)
 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-06-2009 08:06:18
 :a5: งานเข้าแล้ว นู๋แอล

เรื่องหน้าชักอยากอ่านตำนานรักหนุ่มเซเว่น ยังไงก็ขอให้ได้ขอให้โดนนะจ้ะ   :z1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ9 22/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 23-06-2009 08:20:58
เวรกรรม เจ้าชีวาสนี่ นิสัยผู้หญิงแท้ ๆ เลยเชียว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 24-06-2009 15:33:07
เรื่องสั้นคั่นเวลา




ยามเย็นเป็นเวลาที่ช่างวุ่นวายเสียกระไร

เฮ้อๆ.....ร้อนเสียจริงไปหาน้ำเย็นๆกินดีกว่า

จะที่ไหนหรอ ก็ 7-11 เจ้าเดิมไง




คริๆ โอเคๆ เดินผ่านตู้เย็นไปหยิบเสื้อกันแดด อืม...ตบแป้งหน่อยดีกว่า

อ๊ะ.....ปากซีดจังเติมลิปหน่อย.....อืม เสื้อตัวนี้ไม่แจ่มเลย เปลี่ยนๆๆๆ




โอเคพร้อมแล้ว จูงมอไซด์คู่ใจออกจากหอ แสงแดดอันแรงกล้าคงไม่สามารถทะลุเสื้อและครีมกันแดดที่ทามาหรอก

เลี้ยวออกมาหน้าปากซอย......นี่ไง 7-11

แต่ยังไม่ใช่......เลยไปก่อน สาขานี้ไม่ใช่น้องคนนั้นนี่



ผ่านไปได้ 500 เมตร โอเคนั่นไงเจอแล้ว ก่อนอื่นต้องแอบดูก่อนว่าใครคิดเงินอยู่

อ๊ะๆ......เจอแล้วๆ.......แอร๊ยยยยยย

คนอะไรนะคิดเงินยังน่ากินขนาดนี้ กร๊ดดดดด


ฟู่ๆ




โอย....ไม่ไหวแล้วขอพักสักนิด

หายใจเข้าลึกๆ









โอเคพร้อมละ........ไหนๆส่องกระจกอีกทีซิ

งามพร้อมค่า........



ลุย



ปิ๊งป่อง



"เซเว่น อีเลพเว่นสวัสดีครับ" น้องเขากล่าวคำต้อนรับเหมือนเช่นเคย

แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินเชิดเข้าไปก่อน......ว้าย ไม่ได้ๆอย่าหันไปเดี๋ยวน้องเขาจะหาว่าใจง่าย

ก็ขอเล่นตัวนิดนึงนะ



เอาล่ะได้น้ำเย็นชื่นใจที่อยากได้แล้ว คิดเงินเลยดีกว่า



ตึง



วางน้ำลงบนเคาเตอร์

มองไปข้างนอก ทำไม่สนใจ คริๆ



ตุ๊ดๆ




"ทั้งหมด 22 บาทครับ"


อ๊ะ ทำไมน้องเขาเสียงเปลี่ยนไป








กี๊ดดดดดดดด





น้องสุดเลิฟเขาเดินออกไปเชคของข้างนอกเฉยเลย ปล่อยให้เพื่อนอีกคนคิดเงินให้


กรี๊ดดดดดดดด





แล้วฉันจะแหกมาซื้อน้ำทำไมถึงที่นี่ยะ




ภาระกิจล้มเหลว




อ้างถึง
dahlia : ขอบใจจ้า ว่าแต่ใครคนนั้นคือใครหรอ อิอิ

กิมตี๋หัดขับ : ถ้าได้อ่านตอนนี้คงจะรู้แล้วว่า ได้กันหรือยัง 555

nOn†ღ : เอาเป็นว่าหากมีอะไรเดี๋ยวจะมาอัพเดทให้ฟังเนอะ คริๆ เตรียมเควาย เจล แอร๊ยยย

mist : ชีวาสฝากบอกว่า......"ก็แค่ผู้หญิง.....ที่อยากเป็นตัวของตัวเอง" แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 24-06-2009 15:44:28
บทที่ 10





เมื่อเข้าสู่เขตนครทริซึมทั้งหมดก็พบว่าพพวกเขายังไม่โชคร้ายไปเสียหมด เพราะบัดนี้นกไลท์ซึ่งเป็นนกประจำพื้นที่ได้บินโฉบไปมาอวดเรือนร่างสีทองเปล่งปลั่ง เหมือนพวกมันกำลังต้อนรับแขกผู้มาเยือน แสดงว่าเมืองแห่งนี้ไม่ถูกคำสาป


“พวกมันสวยจัง” แอลมองยังนกไลท์ตัวนั้นทีตัวโน้นที จนไม่ได้มองพื้น

และนั่นก็ทำให้แอลชนเข้ากับไทนอส(ที่จงใจหยุดเดินกระทันหัน)อย่างจัง

“อยากอยู่ใกล้ข้าขนาดนั้นเชียว แอล” คนเจ้าเล่ห์ยิ้ม เล่นหูเล่นตากับโหรตัวน้อย

“……” แอลเข้าสู่ภาวะพูดไม่ออก เขาลืมความสวยงามของนกแห่งแสงไปเสียหมด จะให้คิดอะไรได้เล่าเมื่อถูกไทนอสรวบตัวไว้แบบนี้



ชีวาสที่เดินตามหลังหยุดเดิน เขากำหมัดแน่นเล็บจิกเข้ากับฝ่ามือจนเลือดซึมออกมา แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บสักมือนิด ใจของเขาต่างหากที่มันถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า


‘ดูสิ นั่นไงไทนอสที่โอบเอวอีกคนไว้พร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มนั่น…….ดูเขาช่างมีความสุขนัก

แต่คนที่อยู่ข้างๆ……..เป็นข้าได้ไหม…..ไทนอส’




เอสเปอร์ที่เดินรั้งท้ายเดินตามมาจนทันชีวาสที่ยืนนิ่งอยู่ลำพัง เขาพอจะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

‘เรื่องมากจริง’


หมอกสีดำแผ่ออกมาจากผ่ามือชายหนุ่มแล้วรวมตัวกลายเป็นนกสีดำอีกครั้ง อีโม สัตว์มายาที่สามารถซึมซับอารมณ์ได้ มันร้องอย่างดีใจที่ได้ออกมาข้างนอกอีกครั้ง……

“ไม่ต้อง เก็บนกของเจ้าเสีย” แต่ชีวาสปฎิเสธเสียงแข็ง

เขารีบเช็ดน้ำตาที่ซึมตามขอบตาออกไปแล้วออกเดินอีกครั้ง

“ข้าไม่อยากให้เรื่องน้ำเน่าของพวกเราทำให้เจ้าเสียเวลาหรอก เอสเปอร์”

เอสเปอร์ได้แต่นิ่งเขามองจอมเวทเดินไปจนลับตา ก่อนที่รอยยิ้มจะผุดขึ้นที่ดวงหน้า






“ข้าจะรอดูชีวาส……เจ้าจะไปได้สักกี่น้ำ”




…………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….



นครแห่งแสงทริซึม เป็นนครที่ไม่มีวันหลับ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนนครแห่งนี้เต็มไปด้วยแลงสว่างไม่ว่าจากแสงอาทิตย์ แสงไฟจากกองไฟใหญ่กลางใจเมืองที่ไม่มีวันดับ รวมถึงไฟหลากสีที่ประดับตามบ้านเรือนต่างๆนับพัน สิ่งก่อสร้างของนครนี้โดยส่วนมากแล้วมักเป็นรูปทรงง่ายๆเช่นทรงเหลี่ยม แต่มีลูกเล่นที่การตกแต่งไฟสีต่างๆ ท่านอาจพบสิ่งก่อสร้างที่มีไฟสีเดียวธรรมดา หรืออาจพบสิ่งก่อสร้างหลากสีสรรก็เป็นได้


ผู้คนแห่งเมืองนี้ล้วนแต่มีอาชีพร้องเล่นเต้นรำ ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี นักระบำ หรือนักแสดง จึงไม่แปลกใจนักที่โดยส่วนมากแล้วจะพบเห็นผู้หญิงที่สวมใส่เพียงเสื้อผ้าน้อยชิ้น อีกทั่งยังสั้นมากเสียด้วย และนั่นก็ทำให้ไทนอสอดหันซ้ายหันขวาไม่ได้


ค่ำคืนนี้ทั้งหมดตกลงพักที่โรงแรมแถบชานเมือง แน่นอนที่พักแบ่งออกเป็นสามห้องเหมือนเช่นเคย ทั้งๆที่แอลเองชวนเอสเปอร์มานอนด้วย


“เจ้าจะไปไหนไทนอส” ชีวาสส่งเสียงถามขณะที่เห็นไทนอสกำลังเปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอก
“แถวๆนี้ล่ะ” ไทนอสตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ้า” ชีวาสขึ้นเสียงดัง เขารู้ว่าไทนอสต้องออกไปหาเหยื่อตามสถานเริงรม


แต่เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของไทนอสชีวาสก็เงียบไป


“กลับมาเร็วๆล่ะ”

ชีวาสได้แค่บอกไปแค่นั้น ทั้งๆที่ไม่อยากให้คนที่รักไป แต่หากจะต้องถูกไทนอสโกรธอีก





เขายอมให้มันเป็นแบบนี้ดีกว่า……..ดีกว่าที่ไทนอสจะจากเขาไปตลอดกาล



………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….



“เจ้าจะออกไปเที่ยวใช่ไหม ไทนอส”

“ใช่เกรย์ เจ้าสนใจไปกับข้ามั้ย”

“……..ไม่ล่ะ……ไทนอสเจ้าอย่าไปเลย”

“โถ่เกรย์นับวันเจ้ายิ่งเหมือนชีวาสเข้าทุกวันเจ้ารู้ตัวไหม” ไทนอสบ่นอย่างหัวเสีย ทำไมทุกคนถึงต้องห้ามโน่นห้ามนี่กับเขาด้วย…..ทั้งๆที่เขาแค่ไปสนุกก็เท่านั้น

“แต่มันไม่ดีกับชีวาส”

“โถ่เกรย์ เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นยังไง”

“แล้ว แอล เล่า ไทนอส”

“หืม แอล หรือ โอ้ไม่เอาน่าเกรย์ แอลก็ส่วนแอล แต่นี่เวลาสนุกของข้า เจ้าหลีกไปได้แล้ว” ไทนอสไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไปเขารีบเดินออกไปโดนเร็ว ทิ้งให้เกรย์ยืนมองด้วยสายตาเศร้าเพียงลำพัง




‘สักวันเจ้าจะเข้าใจ…….สักวันเจ้าจะเสียใจ’




………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………….




บาร์ใต้โรงแรมที่อาศัยนั้น เสียงเพลงช้าๆจากนักร้องสาวฟังดูเศร้าจับใจ แสงไฟสีฟ้าอ่อนไหววูปวาบไปตาแรงลม โชคดีที่วันนี้ลูกค้าไม่มากนักทำให้เอสเปอร์มีที่นั่งเงียบจิบเหล้าอยู่เพียงลำพัง



อีกนานเท่าไร ที่จะเดินทางถึง

จะมีทางใดอีกที่จะรักษาคนของกราซได้



ชายหนุ่มกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วก่อนที่จะสั่งเหล้าขวดใหม่มาอีก



เจ้าพวกบารอน……



เหล้าทั้งแก้วถูกดื่มลงไปในครั้งเดียวอีกครา และอีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งสติของเอสเปอร์เริ่มไม่ปกติ

ภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งฉายเข้ามาในสมองของเอสเปอร์

“ข้าขอโทษเอสเปอร์……ข้าเอ่อ…..ข้าไม่ได้รักท่าน”

คำพูดนั้นเขาจำได้ขึ้นใจ จำได้แม้กระทั่งใบหน้าที่สำนึกผิดนั้น……กับแผ่นหลังที่เดินหนีออกไป



เอสเปอร์จำได้อย่างไม่มีวันลืม









“ขอโทษค่ะท่าน ร้านของเราจะปิดแล้วค่ะ”


นับเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่เอสเปอร์นั่งอยู่ตรงนี้ ขวดเปล่านับสิบล้มเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ คนตัวใหญ่โงนดงนไปมาควักเงินจ่ายค่าเหล้าเป็นที่เรียบร้อย แล้วจึงลุกขึ้นอย่างยากลำบาก จนพนักงานต้องเข้ามาพยุง





แล้วชายตัวใหญ่ก็เปิดประตูเข้าไปแล้วตรงสู่เตียงนอนทันที






“ข้ารักเจ้าเลโอ”



“ข้าขอโทษเอสเปอร์……ข้าเอ่อ…..ข้าไม่ได้รักท่าน”




“ข้าขอร้องล่ะเอสเปอร์ เจ้ายอมรับเสียเถิด”





เสียงแห่งความหลังทำไมหนอมันช่างชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้น

เมื่อไรกันที่ความทรงจำเหล่านี้จะเลือนหาย




ข้าไม่อยากจำ



ข้าไม่อยากจำ


…………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………….




“อืม” ชีวาสส่งเสียงเบาๆ เช้านี้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก



มันแปลกมาก



เขาถูกกอดอยู่…….ชีวาสยิ้มอย่างสุขใจ ไทนอสกลับมาแล้ว และเขากำลังกอด

ชีวาสดึงแขนหนานั้นเข้ากระชับตัว ทำให้แผ่นหลังของชีวาสเองแนบติดกับอกหนาๆนั่น



‘นี่เขากำลังฝันใช่ไหม’




ไม่ใช่ฝัน……นี่ไม่ใช่ฝัน เขารู้สุกได้ถึงไออุ่น เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ต้นคอของเขาเอง




แต่ไทนอสไม่เคยกอดแบบนี้




ก็นี่ไงไทนอสอยู่นี่แล้ว






แต่……ความรู้สึกนี้มันแปลกไป

แขนของไทนอสไม่ใหญ่เท่านี้

หน้าอกไทนอสก็ไม่ได้ล่ำหนาเช่นนี้เช่นกัน

ชีวาสลืมตาตื่นขึ้น จ้องมองไปที่มือของอีกคน ค่อยๆเลื่อนไปยังแขน

ไม่ใช่ไทนอสแน่…..แต่ใครกัน




เขารีบยันตัวออกห่างโดยเร็ว



“เอสเปอร์” ชีวาสร้องลั่นอย่างตกใจ เท้าทั้งสองออกแรงถีบเต็มที่เล่นเอาคนตัวใหญ่กลิ้งตกพื้นไป

เอสเปอร์เองตกใจตื่นมาอย่างไม่เข้าใจ หัวเขายังหมุนไม่หยุดด้วยฤทธิ์สุราเมื่อคืน








“เจ้าจะทำอะไรข้า ไอ้บ้ากาม”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Pecca_Suracora ที่ 24-06-2009 15:54:05

ทำอะไรดีละนั่น
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ขอลูกชิ้นเนื้อสด ไม่ใส่ถุงที่นึง

ป.ล
7-11 แถวไหนหว่า
จะได้ชวนไปดักตีหัวพนักงาน
ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 24-06-2009 17:02:57
ดี ๆ จับคู่กันเลย ทิ้งอีตาไทนอสโลดดดดดดดดดดดดด ปู้จายห่วย ๆ สนทำไม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 25-06-2009 00:53:10
/\
/\
/\
รีบน

เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ปู้ซายซ่วๆ  เอามาให้กิมตี๋เถอะ อิอิอิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-06-2009 09:10:47
ใครจะปราบไทนอสได้มั้งมั้ยนะ ไม่ฟังใครแบบนี้เดี๋ยวก็เจอดีจนได้

เอสเปอร์ อะ เมาจริงเหรอ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ10 24/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 25-06-2009 14:18:43
ไทนอสนี่ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวกับใครเค้าเลย  :beat:



ปล. ครั้งที่แล้วล้มเหลว ปฏิบัติการขั้นต่อไป ดักฉุดเลยดีม้ายยย  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-06-2009 23:28:26
โอ๊ยๆ

ทำไมพ่อพระเอกของเราถึงถูกเกลีดแบบนี้ล่ะ

ไม่ได้ๆ ต้องหาบทเรียกคะแนนเสียแล้ว

ว่าแต่เขียนไปเขียนมาชักกลายพันธ์เป็นดราม่าอีกแล้ว


เอ้า......กลับมาเป็นแฟนตาซีอีกสักบทละกัน



ปล.เรื่องของหนุ่ม 7 วันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-06-2009 23:36:24
บทที่ 11





เอสเปอร์รู้สึกมึนงงกับเหตุการที่เกิดขึ้น หัวสมองของเขาเหมือนมีพายุขนาดใหญ่พัดกระหน่ำจนเขารู้สึกได้ถึงเส้นเลือดที่เต้น ตุบ ตุบ ท่าทางเมื่อคืนคงดื่มหนักมากไปเสียหน่อย

แต่ยังไม่ทันที่เอสเปอร์ของเราจะตั้งสติได้ลูกไฟก้อนโตก็พุ่งเข้ามากระทบตัวเขาเสียแล้ว


“โอ้ย เจ้าเล่นอะไรน่ะ” เอสเปอร์ร้องโวยวาย ถึงแม้ลูกไฟนั้นจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้แต่มันก็รู้สึกไม่พอใจ ก็คนกำลังตื่น แล้วยังมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เป็นใครก็คงโมโห

“เจ้านั่นล่ะ ทำอะไรข้า” ชีวาสแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับเสกลูกไฟอีกดวงปาเข้าไปอีกซึ่งมันเด้งไปถูกหัวอีกพอดี

“โอ้ยๆ หยุดก่อน นี่เจ้า” เอสเปอร์เอ็ดใส่ในเมื่อชีวาสดูไม่มีทีท่าที่จะหยุดปาไฟใส่เขา

“เจ้ามันบ้ากาม ไอ้เถื่อนตัณหากลับ โอ้ย ถ้าไทนอสเข้ามาเห็นเขาจะคิดยังไง”

“โว้ย” เอสเปอร์ตะโกนดัง เขารู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้มาก ไหนจะปวดหัวจากเหล้าเมื่อคืน นี่ยังต้องมาปวดหัวเพราะจอมเวทเอาแต่ใจคนนี้อีก



เขาพุ่งเข้าไปหาชีวาสอย่างเร็ว จอมเวทหนุ่มไม่ทันระวังตัวถูกกดลงกับที่นอน ข้อมือทั้งสองถูกมืออันแข็งแกร่งบีบกดไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว ขาทั้งสองของเอสเปอร์กดลงบนหน้าขาของอีกคน ด้วยแรงของเขาชีวาสไม่อาจดิ้นหลุดไปแน่


“เจ้าจะทำอะไรข้าน่ะ ปล่อยข้านะ” ชีวาสโวย เขาเริ่มหวั่นใจกลัวในสิ่งเอสเปอร์จะลงมือทำ
“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร” คนตัวใหญ่ตีหน้าเข้ม ก้มลงไปกระซิบข้างหู ซึ่งชีวาสเองบิดหน้าหนีไปอีกทาง


“ปล่อยข้านะ” จอมเวทออกแรงดิ้น แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงได้

“ข้าบอกให้….ปะ…..อุ้บ”



ยังไม่ทันที่จอมเวทหนุ่มจะพูดเสร็จ คนตัวใหญ่ก็จัดการปิดปากด้วยปากของตนเสียก่อน




ขณะเดียวกันนั้นเองที่ประตูห้องเปิดออก



“ท่านชีวาส….อ๊ะ” แอลที่ได้ยินเสียงตะโกนข้างนอกรีบเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องกลับตะลึงเมื่อเห็นภาพที่ทั้งสองจูบกันที่บนเตียง

“ขะ….ข้าขอโทษ..ที่….เอ่อ….โอ้ยข้าไปล่ะ” แล้วเจ้าโหรน้อยก็รีบวิ่งแจ้นออกไปทันที

“ปล่อยข้านะ บอกให้ปล่อย” เมื่อเอสเปอร์ผละออกห่าง ชีวาสได้โอกาสเปล่งเสียงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมอยู่เฉยๆอีก ไอเวทถูกรวบรวมไปที่มือทั้งสองข้างเป็นที่เรียบร้อย

“โถๆ พ่อนักเวทอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้ฮึ” เอสเปอร์ยิ้มเยาะ เขาชักสนุกกับเกมส์นี้เสียแล้ว ดูซิจะรอดไปได้อย่างไรในเมื่อต่างคนต่างทำอะไรกันไม่ได้



ลูกไฟขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือถูกเสกขึ้นมาอีกครั้ง



ชีวาสส่งสายตาเกลียดชังให้อีกคน ก่อนส่งลูกไฟพุ่งขึ้นไป



ตูม



เพดานห้องลั่นร้าวแตกเป็นเสี่ยง ก้อนอิฐร่วงหล่นลงมายังชายทั้งสอง ก้อนแล้วก่อนเล่า ฝุ่นควัยฟุ้งเต็มห้องไปหมด และนั่นก็สร้างเสียงดังให้คนที่อยู่นอกห้องได้ยิน



“โห….รุนแรงกันขนาดนี้เชียวท่านชีวาส ท่านเอสเปอร์”

แอลที่อยู่ข้างนอกได้แต่จินตนาการไปฝ่ายเดียว ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไร รู้แต่หากมองหน้าชัดๆจะเห็นว่าแอลหน้าแดงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



……………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………………….



สายของวันนั้นเป็นอะไรที่วุ่นวายพอดู กว่าที่เอสเปอร์และชีวาสจะแยกกันได้ก็เล่นเอาเกรย์เหนื่อยไปทีเดียว แต่ถึงกระนั้นทั้งสองดูเหมือนจะเพิ่มระดับความไม่พอใจกันมากขึ้น (ซึ่งจากเดิมก็มากอยู่แล้ว) ไหนจะไทนอสที่เมาเดินเซไปเซมากลับมาตอนเที่ยงอีก เล่นเอาชีวาสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ (แต่ก็พาไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้)


กว่าที่ทั้งหมดจะพร้อมออกเดินทางก็บ่ายแก่ๆไปแล้ว


“เร็วเข้าไทนอสเราต้องรีบไปให้ถึงก่อนตะวันตกดิน” เกรย์ร้องเรียกหัวหน้าที่กำลังเหม่อเซไปมาอยู่
“น่าเกรย์เจ้าก็เห็นว่าเขาเหนื่อย” แต่กลับเป็นชีวาสที่คอยพยุงคนขี้เมาตอบคำถามแทน
“โถ่ท่านชีวาส เราจะไม่ทันซื้อรถลากน่ะสิ” แอลให้เหตุผล
“ใครถามเจ้ากัน” น้ำเสียงของชีวาสช่างเย็นชานัก สายตาแฝงไปด้วยแรงอาฆาตมุ่งร้ายไปยังแอล ทำเอาโหรน้อยกลัวจนต้องหลบไปข้างเกรย์



เอสเปอร์ถอนหายใจอีกครั้ง


‘นี่ข้าต้องเสียเวลาแบบนี้อีกนานเท่าไรกัน’







“กรี๊ด…..ไปให้พ้น”

เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นข้างหน้า ประกอบกับเสียงคำรามต่ำๆ บอกได้คร่าวๆว่าคงมีสัตว์ร้ายเข้ามาทำร้าย

แอลและเกรย์ออกวิ่งๆทันที แต่ถูก ไทนอสรั้งเอาไว้ก่อน
“หยุดก่อน เกรย์ แอล”




เอสเปอร์มองคนของบารอนอย่างไม่ชอบใจ

‘คงจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเราสิ’

คนตัวใหญ่ตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยเพียงลำพัง จะให้หวังกับพวกเห็นแก่ตัวบารอนอย่างนั้นคงไม่ได้ พวกนั้นคิดแต่ผลประโยชน์เท่านั้น ช่างน่าขยะขแยงนัก



“กรี๊ดดดดดด”



สาวน้อยร่างอวบส่งเสียงร้องลั่น สองเท้าเปลือยเปล่าออกวิ่งมาทางเอสเปอร์อย่างไม่คิดชีวิต สิ่งที่ตามมานั่นสิตัวปัญหา ลำตัวของมันสูงใหญ่เท่าตึกสองชั้น ร่างกายประกอบด้วยหินผาทุกส่วนสัด เท้าทั้งสองที่ก้าวมานั้นทำเอาพื้นดินสั่นสะเทือน เหล่านกไลท์ต่างบินขึ้นสู่ท้องฟ้าหนีต่ออันตราย


“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย” หญิงผู้นั้นส่งเสียงร้อง เมื่อเห็นเอสเปอร์


ฟิ้ว


มีดล่าสัตว์ขนาดเล็กถูกขว้างออกไปอย่างรวดเร็ว มันกระทบเข้ากับหัวของศิลายัษ์อย่างจัง ถึงแม้จะไม่ทำอันตรายให้ได้แต่ก็พอที่จะหันความสนใจมาได้

เจ้าศิลายักษ์มองมาอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกขวางการทานอาหารของมัน มันหายใจดังฟืดฟาดก่อนจะตบมือใหญ่ๆของมันไปที่เอสเปอร์


ตูม


ฝ่ามือกระทบพื้นเสียงดัง พื้นสั่นไหวตามแรง ฝุ่นผงฟุ้งกระจายตามสายลม โชดยังดีที่ชายหนุ่มไวกว่าเขาพุ่งตัวหลบไปด้านข้าง

เขาเงื้อมือปักมีดลงที่มือนั้นอีกครั้งแต่ว่า

มีดเขากับไม่สามารถแทงเข้าไปในตัวหินผาได้ มันทำได้เพียงเกิดประกายไฟเล็กๆ เจ้าศิลายักษ์หัวเราะเสียงต่ำ ก่อนที่จะส่งมืออีกข้างลงมา


ตูม


และเป็นอีกครั้งที่เอสเปอร์หลบได้ แต่เขาเริ่มคิดหนัก อาวุธเขาไม่สามารถทำอะไรเจ้าตัวประหลาดนี้ได้เลย คงต้องหวังพึ่งสัตว์อันเชิญ……โถ่แต่จ้าวแห่งนภาสัตว์มายาที่แข็งแรงที่สุดก็ตายไปแล้ว




ช่วยไม่ได้

“ฟอกซ์ ออกมา” เอสเปอร์ออกเสียงเรียก เกิดสายลมพัดมาวูบใหญ่ก่อนจะปรากฏตัวหมาป่าตัวหนึ่งที่ไม่ธรรมดา

นั่นเพราะขนสีขาวล้วนที่พริ้วสยายเป็นเงางาม ดวงตาสีฟ้านวลดูนุ่มนวลและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญมันตัวใหญ่พอๆกับเอสเปอร์เสียด้วยสิ



“จัดการได้” เอสเปอร์ชี้นิ้วออกคำสั่ง

เจ้าฟอกซ์ส่งเสียงขู่ มันแยกเขี้ยวคำรามเบาๆ เจ้าศิลายักษ์ มองมาอย่างไม่สนใจ มันใช้กำปั้นทุบลงมาอีกครั้ง และเจ้าฟอกซ์ก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวเสียด้วย


ตูม


เกิดกลุ่มฝุ่นควันอีกครั้ง จ้าวแห่งหินฝาหัวเราะชอบใจ แต่มันก็ต้องหุบปากลงเมื่อฝุ่นควันจางลง




ฟอกซ์ยืนอยู่บนมือของศิลายักษ์

เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้น มันวิ่งไล่ขึ้นมาตามแขนหิน เจ้าศิลายักษ์รีบสะบัดแขนออก แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฟอกซ์ร่วงไป มันมาถึงหัวไหล่แล้วกระโจนตัวออกมาม้วนตัวกลางอากาศ

กระแสลมท่คมดุจใบมีดพัดผ่านออกมาตามการหมุนตัวของฟอกซ์ ใบมีดอากาศกระทบเข้าอกของยักษ์เต็มแรง จนมันล้มลงกับพื้นส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ

“เก่งมากฟอกซ์” เอสเปอร์เอ่ยปากชม



แต่ฟอกซ์ยังหมอบอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เสียงขู่ยังดังต่อเนื่อง

ศิลายักษ์ยังไม่ตาย ถึงแม้มันจะถูกโจมตีตรงๆแต่นั่นก็ไม่ทำให้เกิดบาดแผลอันใจ แต่นั่นยิ่งทวีความโกรธให้มันมากกว่า

ทั้งแขนทั้งขาต่างมุ่งเข้าทำร้ายเจ้าฟอกซ์ และแน่นอนว่าฟอกซ์เองก็หลบได้สบาย แต่ก็เพียงแค่หลบ สายลมของฟอกซ์ไม่สามารถทำอะไรได้

ถึงจุดนี้เอสเปอร์ถึงตัดสินใจเรียกฟอกซ์กลับมา



“แผนบีนะฟอกซ์” พอชายหนุ่มแจงแผนการให้คู่หูเสร็จสรรพ ทั้งสองก็วิ่งตรงเข้าหาศัตรูทันที

ฟอกซ์เองไปฝั่งซ้ายและเอสเปอร์เองมาทางขวา ทำเอายักษ์หินสับสน ก่อนที่มันจะหันไปสนใจเจ้าหมาป่าแทน
เอสเปอร์ได้ทีรีบปีนขึ้นไปบนตัวยักษ์ แต่เหมือนเจ้ายักษ์จะรู้ตัวมันปัดตัวทำให้ชายหนุ่มกระเด็นลอยออกมากลางอากาศ

“ฟอกซ์” เอสเปอร์เรียก

หมาป่าขาวกระโจนโผล่ขึ้นมากลางอากาศพอดี ชายหนุ่มหมุนตัวกางขานั่งลงบนหลังสัว์มายาได้พอดี

เมื่อได้จังหวะฟอกซ์พุ่งกระโจนพาเจ้านายขึ้นสู่ส่วนหัวของยักษ์หินทันที



เอสเปอร์เตรียมตัวรออยู่แล้ว




“อีโม” เขาสลายฟอกซ์เก็บเข้ามิติของมัน สับเปลี่ยนสัตว์มายาอีกตัวออกมาแทน

นกสีนิลขนาดเท่าแม่ไก่ส่งเสียงร้อง ตาแดงก่ำเหมือนเปลวไฟจ้องไปยังเป้าหมาย ขนที่แข็งดุจใบมีดตั้งชันพร้อมทำลาย ไอหมอกสีดำพวยพุ่งจากตัวมันอย่างบ้าคลั่ง

และมันก็พุ่งออกไปสู่เป้าหมาย…….ดวงตาของยักษ์




“สำเร็จ” เอสเปอร์ชูมืออย่างดีใจเมื่อเจ้ายักษ์ส่งเวียงเจ็บปวดล้มลงกองกับพื้น แล้วเงียบลง

อีโมที่ตอนนี้กลายเป็นนกสีดำตัวน้อยอีกครั้งบินกลับมาหานายอย่างยินดี ที่มันทำงานลุล่วง

และความดีใจนั่นเองที่ทำให้ทั้งสองไม่ได้ใส่ใจกับอันตรายที่จะเกิดขึ้น




หมับ



เอสเปอร์ถูกศิลายักษ์จับไปได้ ใช่มันยังไม่ตาย ตาข้างซ้ายมันกลวงโบ๋ แต่ข้างขวายังคงอยู่ แถมยังมองมาอย่างโกรธแค้นเสียด้วยสิ ถึงตอนี้มันไม่สนเรื่องอาหารแล้วมันสนใจแต่การแก้แค้น…..คนที่ทำให้มันเจ็บ

มือที่กำชายหนุ่มนั้นชูสูงขึ้น เอสเปร์พยายามหนี แต่เจ้ายักยิ่งรัดแน่นขึ้น

แล้วมือนั้นก็ลดลงสู่ผืนดินอย่างเร็ว หมายให้เหยื่อถูกกระแทกจนสิ้นเสีย






“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 27-06-2009 01:28:03
    ใม่ระเบิดมันไปเลยละ       เอานิวเคลียร์เลยนะ

     รับรองไม่เหลือหรอพินาศสันตะโรและชิหายวายวอด(ร่ายเวทย์ไม่ทัน)..........หมด

       :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 27-06-2009 14:20:08

ชีวาสไปชอบแอสเปอร์เถอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-06-2009 10:10:57
ชีวาส ช่วย เอสเปอร์ หน่อยดิ เร็วๆๆ   :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 29-06-2009 11:50:09
กรรมเวรเหมือนเด็กๆไม่รู้จักโต :angry2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-06-2009 14:11:24
 :m31: มาปล่อยพลังช่วยแอสเปอร์

 :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ11 26/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 01-07-2009 10:07:34
แอร๊ยยยย หายไปไหน   :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ12 1/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-07-2009 16:34:32
งิ้ว........หายไปหลายวันเลยทีนี้

ก็ไม่ได้ไปไหนมาหรอกครับ

มัวแต่แวะหาน้องๆที่ 7 เอ้ย....

ทำงานจ้า ทำงาน....กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยเลย


อัพเดทเรื่องน้องสุดเลิฟ 7-11

ตอนนี้สถานการไม่ค่อยดีเลย เรื่อยๆตลอด

มีแค่ซื้อของ ยิ้มให้ จบ



สงสัยจะใช้แผนเชิงรับไม่ได้ผลแล้วล่ะ

ต้องรุกเองเสียแล้ว แอร๊ยยยยย

ใครมีแผนช่วยหน่อยนะจ๊ะ ขอแบบเนียนๆนะ แล้วจะลองดู คริๆ

ส่วนนิยายตอนนี้ก็เชิญอ่านกันเลยจ้า อย่าพึ่งเบื่อกันเสียก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ12 1/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-07-2009 16:39:58
บทที่ 12








‘ข้าตายแล้วหรือ’



เอสเปอร์ยังคงหลับตาอยู่ เขาน่าจะรู้สึกเจ็บปวดบ้างจากการถูกบดกับพื้น แต่กลับไม่มี

หรือว่าข้าตายเสียแล้ว

แต่ถ้าอย่างนั้นแล้วความรู้สึกที่ถูกบีบแน่นตามลำตัวนี่ล่ะไม่ใช่มือของเจ้ายักษ์นั่นหรือ




“ท่านเอสเปอร์” เสียงเล็กๆของแอลดังขึ้นข้างหลัง ในมือโหรน้อยนั้นเป็นไพ่  Hanged man เปล่งแสงออกมาเรืองรองบงการให้เหล่าแมกไม้พันธนาการแขนของเจ้าศิกลามิให้เคลื่อนไหวได้


ปัง


เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของเจ้ายักษ์หิน ไทนอสลั่นกระสุนตรงไปยังแผลเก่าได้อย่างแม่นยำ ทำเอาเจ้ายักษ์คลายมือที่จับเอสเปอร์ออก


ปัง


ลูกกระสุนอีกนัดยิงเข้าซ้ำที่เดิม ทวีความเจ็บปวดให้ศัตรูอย่างมาก มันส่งเสียงคำรามดังด้วยความไม่พอใจ

“โอ้ย…..ท่านชีวาสเร็วเข้าข้าทนไม่ไหวแล้ว” แอลร้องตะโกน เมื่อเถาไม้หลายเส้นเริ่มฉีกออกจากแรงสบัดตัวของศิลายักษ์



แต่ทางจอมเวทย์กลับอ้อยอิ่งค่อยๆเปิดหนังสือไปทีละหน้าอย่างช้าๆ



“ชีวาสเร็วเข้า” ไทนอสที่คอยคุ้มกันแอลเองก็ชักจะควบคุมสถานการได้แล้ว ไม่ว่าจะเสียกระสุนไปเท่าไรดูเหมือนเจ้าตัวใหญ่นี้ไม่ได้รับความเสียหายมากกว่าเดิมนัก

ชีวาสไม่ใส่ใจ อะไรที่ทำให้แอลหายไปจากไทนอสได้เขายอมทุกทางที่จะทำตาม…..แม้ว่าจะต้องทำสัญญากับปีศาจก็ยอม



ฮูม



เจ้ายักษ์หินออกแรงเพียงไม่กี่ครั้งเถาไม้ทั้งหมดที่พันธนาการไว้ก็ขาดสบั้นลง ทำเอาเจ้าของเวทล้มลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

และมันก็หันมาเล่นงานแอลเสียแล้วสิ

“แอล” ไทนอสรีบกระหน่ำยิงรัว แต่ครั้งนี้เจ้ายักษ์รู้ทันมันได้ใช้มือข้างหนึ่งบดบังใบหน้าไว้ ลูกกระสุนมิอาจทำอันตรายใดๆได้

แอลมองอันตรายที่ย่างเข้ามาอย่างใจสั่น มือทั้งสองรีบคว้าไพ่สำหรับเคลื่อนย้ายหนีออกมา แต่ช้าไปเสียแล้ว มือใหญ่ๆนั้นตบลงมาหาเขาในทันที




“มัวทำอะไรอยู่ เร็วเข้า” เอสเปอร์ที่ขณะนี้นั่งอยู่บนหลังฟอกซ์ หมาป่าแห่งลมวิ่งเข้ามาโฉบช่วยแอลไว้ทันท่วงที

ชีวาสดูไม่พอใจเท่าไรนัก เขาดูหงุดหงิดอย่างมากที่แอลรอดไปได้

“ชีวาส” ไทนอสเร่งอีกครั้ง



‘เอาเถอะ โอกาสยังมีอีกมาก’ จอมเวทหนุ่มคิดได้อย่างนั้นจึงเริ่มร่ายเวทย์ที่เลือกไว้แต่แรกอยู่แล้ว



ผืนพสุธาเริ่มสั่นไหว บังเกิดรอยแยกตรงพื้นที่เจ้ายักษ์ยืน ขาทั้งสองข้างของมันตกลงไปยังปฐภี


“ผนึก”


รอยแยกที่เคยอ้าออก ถูกกระแทกกลับสู่ปกติ บัดนี้ลำตัวช่วงล่างของเจ้าศิลา ถูกผนึกอย่างสิ้นเชียงเสียแล้ว

เกรย์ที่ยืนเงียบอยู่นานเดินเข้าไปใกล้เป้าหมาย มันยังไม่หมดฤทธิ์ กวัดแกว่งแขนไปมาหมายทำร้ายผู้รุกรานแต่ก็ถูกเถาไม้ของแอลมัดไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง

“เร็วเข้าท่าเกรย์ ข้ารั้งไว้ไม่ได้นาน” แอลบอกพลางปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา

เกรย์พยักหน้าก่อนจะเพ่งจิตมองเข้าไปหาเป้าหมาย…..ซึ่งในขณะที่อยู่นิ่งแบบนี้มันง่ายดายยิ่งเสียกว่าบอกกล้วยเข้าปากเสียอีก เขามองไปยังส่วนหัว…….ไม่พบเป้าหมาย……ลำตัวก็ไม่มี



นั่นไง…..หัวไหล่ด้านซ้ายนั่นเองที่เป็นแหล่งพลังงาน จากแผ่นกระดาษที่เขียนคำว่า EMETH



เกรย์ยิ้มพร้อมกับนั่งลงกับพื้น ได้เวลาปิดฉากเสียที



ร่างวิญญาณของเกรย์ค่อยๆลุกขึ้นจากร่างเนื้อ ร่างนั้นโปร่งแสงยังพอมองออกว่าคือเกรย์ เขาเดินเข้าไปตรงเป้าหมายนั้น ด้วยร่างนี้เขาสามารถทะลุสิ่งของได้ อีกทั้งยังเลือกที่จะหยิบจับอะไรได้ด้วย




มือทั้งสองจับเข้ากับกระดาษเจ้าปัญหาก่อนที่จะฉีกเอาส่วนต้นของอักษรนั้นออกมา

เหลือเพียงอักษรสี่ตัวที่คงอยู่



METH




แปลว่าความตาย



เจ้าศิลายักหยุดการเคลื่อนไหวฉับพลันราวถูกปิดสวิช ร่างที่ประกอบจากหินค่อยๆหลุดร่วงทีละชิ้น

หินก้อนแล้วก้อนเล่าหล่นร่วงลงผืนดิน

และนี่คือจุดจบ





ร่างวิญญาณของเกรย์กลับเข้าร่างแล้วแต่เหมือนเขายังไม่ยอมตื่นขึ้น ทำเอาแอลรีบเข้าไปดูอย่าเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรหรอก พักสักหน่อยก็ดีขึ้น” ไทนอสที่เข้ามาดูอาการอีกคนอธิบาย

“เกรย์ก็เป็นแบบนี้เสมอล่ะ…..ว่าแต่เจ้าล่ะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” จ้าวนครบารอนถามพลางใช้มือสำรวจไปทั่วตัวโหรหนุ่ม เล่นเอาแอลถอยหลังหนี แต่มีหรือจะหนีพ้น

“ขะ…..ขะไม่เป็นไร…..ตะ..ต้อง….ขะ ขอบคุณ..ทะ ท่านเอสเปอร์ที่ช่วยไว้” แอลรีบหนีไปจากคนชอบแกล้ง เพื่อขอบคุณผู้ช่วยชีวิตไว้

“ไม่เป็นไร….เจ้าก็ช่วยข้าไว้” เอสเปอร์ตอบพร้อมรอยยิ้มน้อย เวลาเขายิ้มช่างดูอ่อนโยนนักผิดกับรูปร่างที่ดูแข็งแกร่งนัก…..และแอลก็อดชื่นชมในรอยยิ้มนั้นไม่ได้เสียด้วยสิ



“ทำอะไรไม่คิด” ไทนอสแขวะ เมื่อเห็นว่าแอลและเอสเปอร์คุยกันได้อย่างสนิทใจ นั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดในใจลึกๆ

“เจ้าว่าใคร” เอสเปอร์สวนกลับ แต่ไทนอสเองก็ทำเฉยราวกลับไม่ได้ยิน

“ถ้ามัวแต่คิดเล็กคิดน้อย คำนวณผลประโยชน์อยู่ล่ะก็ ผู้หญิงคนนั้นได้ตายก่อนพอดี” เอสเปอร์ตอบกลับอย่างเหลืออด เขาจึงหันไปสนใจผู้หญิงนางนั้นที่ดูกำลังหวาดกลัวอยู่



‘พวกบารอนก็แบบนี้ทั้งนั้น’





ทางฝั่งไทนอสถึงจะไม่พอใจนัก…..แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า หากแอลเองไม่ตามมาเขาก็คงจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเป็นแน่แท้

‘ก็มันไม่ใช่ธุระของข้า’




ภายใต้เงาไม้ที่มืดมิด ร่างๆหนึ่งยินพิงกายอยู่เบื้องหลัง เขามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่ในตอนจบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังไว้นัก


‘พวกนี้เก่งกว่าที่คิดนัก บังอาจทำลายโกเลมของข้าได้นับว่าไม่เลว’


‘อย่างไรก็ตาม ข้าคงให้พวกเจ้าเดินทางต่อไม่ได้หรอก’


มือของผู้ที่อยู่ในความมืดคว้าเอาลูกดอกขึ้นมาก่อนที่จะขว้างไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า




“โอ้ย” ไทนอสถูกลูกดอกปักเข้าตรงต้นแขนพอดี เขาดึงมันออกอย่างเร็ว แล้วหันไปเล็งปืนส่องหาศัตรูอีกคน

บัดนี้คณะเดินทางได้จับกลุ่มกันอีกครั้ง หลังที่ชนกันล้อมรอบร่างของเกรย์และผู้หญิงผู้โชคร้ายเพื่อป้องกัน


ฟ้าว


ลูกดอกอีกอันพุ่งมาสู่เอสเปอร์ แต่เพียงแค่ชายหนุ่มยกมีดขึ้นมากัน มันก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้

ทันใดนั้นเอง ที่ไทนอสทรุดล้มลง ชีวาสรีบเข้ามาดูอาการ

อักขระโบราณสีดำค่อยๆปรากฏออกมาจากรอยแผลจากลูกดอกนั้น แขนของไทนอสเริ่มซีดขาวราวกับเลือดนั้นได้แห้งเหือดไป



ลูกดอกอีกอันพุ่งเข้ามาอีก



และเป็นอกคราที่เอสเปอร์ช่วยทั้งสองไว้


‘ไทนอส……แกทำอะไรไทนอส’


ดวงตาทั้งสองของชีวาสเปลี่ยนเป็นสีแดงสดอีกครา เส้นผมถูกยกขึ้นตามแรงเวทย์ วงแหวนมหาเวทย์ลอยเหนือหัว มันหมุนวนจนเปล่งแสงจ้า


 “ไปตายซะ”


สิ้นเสียง เปลวไฟบังเกิดขึ้นใต้ล้อมรอบเหล่าสหาย ก่อนมันจะขยายออกไปทุกทิศทาง




บัดนี้ภายใน รัศมี 500 เมตร นั้นกลับกลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว ความร้อนของเปลวไฟแผดเผาอย่างร้อนแรง หากใครคนนั้นยังรอดอยู่ได้ก็นับว่ามันไม่ใช่คนแล้ว



และนั้นก็คงไม่ใช่คนเสียด้วยสิ



“ไทนอส โอ้ ไม่นะ” ชีวาสตบหน้าร่างชายหนุ่มที่หมดสติ



ซึ่งบัดนี้อักขระโบราณนั้นลามมาถึงกลางอกเสียแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ12 1/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-07-2009 09:41:18
พิษรักแรงหึง น่ากลัวมากกกกกกกกกก  o22


ปล. ดักฉุดหน้า 7-11 เลยดีม้ายยยย  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ึ12 1/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 02-07-2009 10:26:56
ชอบอะ ชอบชีวาส ร้ายได้เจ๋ง อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (เรื่องไร้สาระ 5/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-07-2009 15:00:39
ไม่ได้มาต่อให้เลย เนื่องจากเมื่อวานไปเดินขึ้นดอยมา

ปีนี้ดีหน่อยที่แดดไม่แรงมาก ไม่งั้นดำแน่นอนเลย

ถึงแม้ว่าจะ block มาแล้ว บวก ร่ม และ แขนยาวก็เหอะ


แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆสำหรับปีนี้ บ่าวน้อย สาวน้อยแต่ละคณะต่างแต่งตัว

ประชันความงามของเสื้อพื้นเมืองกันเต็มที่ ไอ้เราก็ได้แต่ส่องๆๆๆๆๆ

แหมก็น้องๆน่ารักทั้งนั้นเลยนี่นาเนอะ


นอกเรื่องมามากแล้ว วันนี้มาอัพรูปให้ดูก่อนละกัน คาดว่าค่ำๆคงพิมพ์ตอนใหม่เสร็จครับ


อ้างถึง
mist : ชีวาสฝากบอกว่า......"ถึงร้ายก็รัก เจ้า"

dahlia : เอ่อขอวิธีที่แบบว่า นางเอกนิดนึงอะค่ะ.....ได้มั้ยคะ...../ m e จิบน้ำส้ม



(http://www.uppic.net/tb/balthierpsdjpgcopy.jpg) (http://www.uppic.net/show/990dc7260216498b51746768207e1e61)
อันนี้รูปพระเอกของเราเอง แต่ไหงกลับไม่ค่อยมีคนชอบหว่า....ไหนว่าส่วนมากชอบแบบร้ายๆไง

(http://www.uppic.net/tz/zgray.jpg) (http://www.uppic.net/show/5a3427b976024f7f671b16ecfd933837)
อันนี้น้องเกรย์ผู้ปิดปากเงียบ

(http://www.uppic.net/ig/golemwd7.jpg) (http://www.uppic.net/show/7f0036fa436cd2755053089c9ed7e054)
ส่วนอันนี้ น้องแอล คริๆ




หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (เรื่องไร้สาระ 5/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 05-07-2009 16:10:07

ทำไมแอลหน้าตาดี้ดี อิอิอิ

ปล.ไทนอสเล็กกว่าที่คิดไว้อีก .......เอ้กกกก (ยังชอบอยู่นะ)
 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 13 5/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-07-2009 21:24:00
อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ : คริๆ เป็นไงคะ แอลน่ารักล่ะสิ

ปล ไทนอสแต๊ป อยู่อะเลยเล็กไปหน่อย แอร๊ยยยย




บทที่ 13





ไทนอสลืมตาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย สายตาเขายังพร่ามัวกับแสงสว่างจ้าที่ส่องมา เขามองเห็นเพียงร่างเลือนๆของคนๆหนึ่งที่ฟุบลงนอนข้างๆเขา ผมยาวดำขลับนั้นสยายลงปรกดวงหน้างาม


‘ชีวาส’


ไทนอสต้องใช้เวลาอีกสักพักสายตาเขาจึงปรับตัวได้ รอบห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ประดับด้วยลูกไฟสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ไหววูบไปมาตามแรงลม แสดงว่าพวกเขายังอยู่ที่นครทริซึม

ไทนอสลองออกแรงขยับตัว แต่เหมือนเรี่ยวแรงของเขานั้นถูกดูดออกไป ที่ทำได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเพียงเท่านั้น

“ช….ชี….วาส” ไทนอสพยายามเปล่งเสียงออกจากลำคอที่แห้งผาก เขารู้สึกแย่ กระหายน้ำ และต้องการรู้ว่าเกิดอะไนขึ้น หลังจากที่เขาล้มลงไป แล้วคนที่เหลือเล่า……เกรย์……แอล

ผู้ถูกเรียกยกตัวขึ้นด้วยความดีใจ ชีวาสปัดผมออกจากใบหน้าเผยให้เห็นดวงตาที่ปูดโปนจากการร้องไห้ แม้กระทั่งขณะนี้ก็ยังมีน้ำใสๆเอ่อล้นนองอยู่ในตา

“ไทนอส….เจ้าฟื้นแล้ว….ไทนอส” ชีวาสร้องอย่างดีใจ มือของเขาลูบไปมาบนใบหน้านั้นอย่างห่วงใย จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรในเมื่อสุดที่รักของเขาหลับไปถึงสองวันเต็ม อีกทั้งอากการที่ยังไม่สู้ดีนัก

“เกิด….อะ…..ร…ไร…..” ไทนอสพยายามออกเสียงต่อแต่ชีวาสเอานิ้วชี้มาแตะปากเสียก่อน
“เจ้าไม่สบายเท่านั้น อย่าพึ่งถามอะไรเลย เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”  ชีวาสโน้มตัวลงโอบกอดไทนอสเอาไว้ เขากระชับร่างนั้นไว้แน่นรวงกับไม่อยากให้จากไป……



ไทนอสเองก็คงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ ความรู้สึกดีๆที่ไหลผ่านมา มันบอกอะไรได้มากเหลือเกิน รวมถึงหยดน้ำใสๆ ที่ร่วงหล่นบนใบหน้าของเขาด้วยเช่นกัน



ถึงแม้ไทนอสเองจะเข้าใจถึงความรู้สึกของชีวาสและอดใจที่จะสงสารไม่ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งของความรู้สึกเขากลับคิดถึงอีกคนหนึ่ง ที่เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอล




………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ณ สวนหลังบ้าน แอลนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ ข้างๆนั้นคือเกรย์ที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่อย่างเงียบๆ ถัดออกไปตรงต้นไม่ใหญ่จ้าวนครกราซนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่



“เฮ้อ….” แอลถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สิบ ทำเอาเกรย์ที่มองยิ้มน้อยๆให้ แอลเองกำลังเป็นห่วงคนตัวใหญ่ที่ชอบแกล้ง สองวันที่ผ่านมานี้เขารู้สึกแปลกๆ…..มันเงียบจนรู้สึกผิดปกติ……



‘ไทนอส….ท่านเป็นอย่างไรบ้างนะ’ แอลเองได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ถึงแม้อยากจะเข้าไปหา แต่พอเห็นภาพที่ชีวาสเองเฝ้าดูอย่างเป็นห่วง เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเสีย



‘นี่ข้าคิดอะไรอยู่…..ท่านไทนอสมีท่านชีวาสอยู่แล้ว’ แอลรู้ดีว่าไทนอสนั้นกะล่อนมากแค่ไหน ถึงแม้กระนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็มักจะกลับไปหาชีวาสเสมอ…….และสำหรับแอลเองก็คงจะเหมือนกัน…..คงเป็นเพียงของเล่นชิ้นใหม่ของไทนอสก็เท่านั้น



‘แต่ข้าอยากให้ท่านแกล้งข้าอีก…..ข้าอยากอยู่ใกล้ท่าน’ แอลเองยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าจะมีความคิดนี้อยู่ในหัวของตน



“เฮ้อ….” เสียงถอนหายใจครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สิบเอ็ดพอดี และนั่นก็ทำให้ความอดทนของใครอีกคนขาดสะบั้นลง


“ถ้าเจ้าอยากไปหามันนักก็ไปเสียสิ” เอสเปอร์บอกไป เขาไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นคนที่ไม่ยอมทำอะไรตามใจ


‘จะเป็นอะไรนักหนา แค่ไปเยี่ยมแค่นั้น’ เอสเปอร์รู้สึกหงุดหงิดในการกระทำของแอล หากเพียงแค่เป็นห่วง ก็ไปหาเสีย เท่านั้นเรื่องก็จบลง ไม่เห็นจะต้องมานั่งถอนหายใจอยู่แบบนี้ ทำไมหนอเจ้าพวกนี้ไม่ชอบที่จะทำตามหัวใจกัน อยากทำอะไรก็จงทำเสีย……



“อ๊ะ….ข้าไม่ได้อยากไปเสียหน่อย” แอลรีบตอบกลับ

“หึหึ เจ้าโกหกไม่เก่งนะแอล เอาเถอะ…..เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง” เกรย์ที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆยันตัวขึ้น
“ท่านเกรย์ ช้าๆสิ มานี่ข้าช่วยเอง” แอลรีบเข้าไปพยุงเกรย์ซึ่งดูสภาพยังไม่สมบูรณ์นัก เขาดูอิดโรย
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เกรย์บอกปัด แต่ก็ขัดเจ้าโหรตัวน้อยไม่ได้
“ไม่ได้ๆ ท่านเกรย์ไม่สบายอยู่นะ” แอลขมวดคิ้วให้ดูน่ากลัว แต่นั่นก็คงได้แค่ขู่เด็กสามขวบก็เท่านั้น
“ร่างกายข้า…ข้ารู้ดีแอล”


“บอกว่าไม่ได้”


แล้วเกรย์ก็ยอมจำนนปล่อยให้เจ้าตัวเล็กพยุงเขาไปตามทาง ทิ้งให้เอสเปอร์อยู่ที่สวนแห่งนี้เพียงลำพัง เขาเอนตัวลงนอนบนกิ่งไม้เพื่อหลับตาลงพักผ่อน แต่จมูกของเขาสัมผัสถึงสิ่งแปลกปลอมเสียก่อน

“ฟอกซ์” เอสเปอร์เรียกเจ้าหมาป่าออกมา สายลมไหววูบผ่านใบไม้ปรากฏเป็นเจ้าฟอกซ์ หมาป่าขาวตัวใหญ่ มันก้มหัวเคารพเจ้านายของมัน

“ตรวจดูรอบๆด้วย ข้าได้กลิ่นหนูอยู่แถวนี้”




…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………




“ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันเจ้าก็เป็นปกติ” เสียงแข็งๆกล่าวต่อไทนอส ที่นอนหมดแรงอยู่ที่เตียง หลังจากถูกกรอกน้ำยาสีม่วงสดเข้าปากไปหนึ่งแก้วใหญ่ ขณะที่ชีวาสเองนอนสลบอยู่ด้วยฝีมือของคนๆนี้อยู่ที่โซฟา

“ข..ขอบคุณ…เจ้ามาก” ไทนอสมองสำรวจชายผู้ที่ชีวาสเรียกว่าหมอ ชายหนุ่มร่างสูงที่ดูๆแล้วไม่ว่าอย่างไรอายุคงจะพอๆกัน ใบหน้าที่ดูหงุดหงิด ร่วมกับน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขัดกับบุคลิกของหมอเสียกระไร ไหนจะเครื่องแต่งกายนั่นอีก ผ้าโพกหัวสีดำที่คัดกับผมสีทองเข้ม เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่คลุมร่างกายอันใหญ่โตของเขาไว้ ทุกสัดส่วนล้วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามแสดงถึงความแข็งแรง ไทนอสเองเสียอีกที่นึกอาย สำหรับคนที่ต้องต่อสู้อย่างเขากลับมีร่างกายที่อ่อนกว่าหมอผู้ที่แทยจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย

“ไปขอบใจคนที่จ้างข้ามาเถอะ” หมอหนุ่มตอบห้วนๆ เขากำลังยุ่งกับการผสมยานอนหลับขึ้นมาใหม่ (อันที่หมดไปได้ใช้กับชีวาสไปเสียแล้ว)




ประตูที่เปิดออกทำทั้งสองหนุ่มที่อยู่ในห้องหันไปมองผู้เข้ามาพร้อมกัน



ไทนอสเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่เห็นแอลประครองเกรย์เข้ามา ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องต่างๆจากที่ชีวาสเล่าให้เขาฟังแล้วก็ตาม แต่ก็อดที่จะอยากเห็นด้วยตาของตนเองไม่ได้ ว่า……แอลยังสบายดีอยู่

แอลประครองเกรย์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล แต่สายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ไทนอสแต่เพียงผู้เดียว

“ข้าบอกให้เจ้าพักอยู่ที่ห้อง” เสียงไม่พอใจของหมอหนุ่มดังขึ้นมา

“ข้าไม่เป็นไรฮีล” เกรย์ตอบออกไป




“เกรย์ ….. เจ้า….พักเถอะ…ขะ…ข้าไม่เป็นไร” ไทนอสออกปากเสริมด้วยความเป็นห่วง


น่าเสียดาย……สิ่งที่เกรย์ได้ยิน…..เขากลับคิดเป็นอื่นไปเสีย



“ฮีลข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าไปส่งข้าที่ห้องได้ไหม” เกรย์เบี่ยงสายตาไปจากไทนอสเอ่ย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าไปส่งท่านเอง” แอลรีบร้อนบอกหมอหนุ่มที่หยุดผสมยาแล้วเดินเข้ามาหา


“เจ้าน่ะอยู่กับไทนอสนี่ล่ะ เจ้าอยากมาหาไม่ใช่” เกรย์พูกนิ่งๆ ก่อนจะยันตัวขึ้นยืนแล้วเดินออกไป โดยมีหมอหนุ่ม ฮีล เดินตามออกไป

“เดินไหวไหม” เสียงแข็งๆถามคนตัวซีดที่เดินเซไปมาข้างหน้า

“อืม” เกรย์ตอบสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจนัก

ในใจของเกรย์ตอนนี้มันมีเพียงถ้อยคำของไทนอสที่พูดว่า “เจ้าออกไปเถอะ” ดังก้องอยู่ในหัวรอบแล้วรอบเล่า




‘ข้าเองก็แค่……เป็นห่วงก็เท่านั้น’



…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



“ท่านสบายดีนะ” แอลเองไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาถามไปอย่างอายๆ

“เข้ามา…..กะ..ใกล้..ข้า…สิ” ไทนอสแอบยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กที่ก้มหน้า ยืนบิดไปมา แต่ก็แอบดูเขาเป็นระยะ


แอลเองค่อยๆก้าวมาจนยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย


“เจ้า….ไม่เป็นไร..นะ”ไทนอสคว้าเข้ากับมือเรียวเล็กของแอลเอามากุมไว้ เขารู้สึกได้ว่าแอลเองไม่ได้ขัดขืน นั่นมันทำให้ชื่นใจนัก

“…..” เจ้าโหรน้อยพยักหน้าหงึกๆ เขายังก้มหน้ามองพื้นต่อไป



‘โอ้ย….ทำไมพูดกับเขาไม่ออกเลย’



แอลรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ใกล้ไทนอส เพราะมันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถพูดได้อย่างปกติ อย่าว่าถึงพูดเลย แค่จะมองหน้าไทนอสเอง แอลยังไม่กล้าที่จะมอง………แต่กระนั้นแอลเองก็ไม่อยากที่จะห่างไทนอสไป……



“หิว…น้ำ”

“อ๊ะ….ครับ” แอลรีบดึงมือออกรี่ตรงไปหยิบแก้วน้ำที่หัวเตียง แล้วบรรจงพยุงคนตัวใหญ่ขึ้นมา

ไทนอสกลืนกินน้ำด้วยความกระหาย หางตาเขาชำเลืองมองใบหน้าอีกคน ที่ดูตั้งใจในการป้อนน้ำเป็นอย่างมาก ก็ทำตัวน่ารักแบบนี้ไง ถึงน่าแกล้งนักเชียว

เมื่อดื่มน้ำจนพอแล้วแอลเองค่อยๆช่วยพยุงไทนอสลงนอน และแน่ล่ะ แอลไม่กล้าสบตาไทนอสเช่นเคย ทำเอาชายหนุ่มไม่พอใจเริ่มคิดแผน…….และแล้ว



“โอ้ย”



ไทนอสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด มือทั้งสองกุมศีรษะตนเองไว้

“ท่านไทนอส เป็นอะไรไป” แอลตกใจรี่เข้ามาหา

แต่กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าเสียแล้ว มือทั้งสองของไทนอสก็รวบเอาคนตัวเล็กไว้ได้เสียแล้ว

“ท่าน….นี่ท่านแกล้งข้า”
“น่า…..แอล”

และนั่นก็เป็นเหตุที่ทั้งสองได้สบตากัน แม้แต่แอลก็ไม่สามารถละสายตาจากไทนอสไปได้ ความรู้สึกแปลกๆนี่มันคืออะไร แอลเองไม่เข้าใจ เพียงแต่เขารู้สึกดี

รู้สึกดีจนไม่อยากที่จะพลาดมัน

แอลมองใบหน้านั้นนานเท่าไรไม่รู้ จนไทนอสกระชับวงแขนเขาแรงขึ้นจนโน้มให้ตัวแอลต่ำลงมา จนใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ

ถึงจุดนี้แอลเองไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ใบหน้าที่ร้อนผ่าวกับเสียงของหัวใจที่บอกให้เขาก้มลงไปอีก เขารู้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร





เสียงกรนเบาๆของชีวาสแผ่วแว่ว




แอลชะงักหันไปมองอีกคนที่หลับด้วยแรงยานอนหลับ

“แอ….ล”

“ข้าต้องไปแล้วท่านไทนอส” แอลแกะมือของไทนอสออกอย่างเร็ว แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย






‘นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่’
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 13 5/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-07-2009 18:18:05
ภาพเกรย์ สวยดี แต่.......

กรี๊ดดดดดดดดด ภาพแอล หลอนมากกกก ม่ายยยยยย :a5:


นี่มันรักกี่เส้าล่ะเนี่ย  :z10: 

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 13 5/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 06-07-2009 18:38:15
ตกลงเกรย์ ก็ จะเอาไทนอส รึ เว้าววววววว

แต่ว่าไทนอสจะเอา แอสเปอร์ จ้ากกกกกกกก บัดสี อิอิอิ

 :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-07-2009 08:45:32
ลืมไปเลยว่าต้องหาภาพของหนูแอลมาเพิ่มคริๆ

ติดไว้ก่อนนะจ๊ะ



(http://imgsv1.uploadfile.biz/img/625_1163821409.jpg) (http://image.uploadfile.biz/view-625_1163821409.jpg)

มัดข้าไว้สิความรัก แบบนั้นล่ะแน่นขึ้นอีก

ยิ่งข้าดิ้นยิ่งรัด อย่าได้นอนใจ

ให้ข้าได้จมอยู่ในห้วงวังวน



แม้สุดท้าย......ต้องเสียใจ
















บทที่ 14





“ไหนว่าจะกลับห้อง” ฮีลเรียกทักเมื่อเห็นว่าเกรย์เองไม่มีท่าทีจะเดินกลับไปยังห้องพัก ตรงข้ามเกรย์เดินออกไปยังสวนทางด้านหลังพร้อมกับหย่อยตัวลงบนเก้าอี้อย่างเงียบเชียบ เล่นเอาเอสเปอร์ที่นั่งบนกิ่งไม้เกือบปามีดเข้าใส่

“…..” เกรย์ไม่ตอบอะไร เขาเพียงมองเหม่อออกไปยังเบื้องบนที่แสนไกลอย่างที่ทุกครั้งเขามักกระทำ และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่เกรย์เฝ้ามอง…..มองสิ่งที่อยู่เกินเอื้อม…..สิ่งที่ไม่อาจคว้ามาอยู่ข้างกาย


‘เป็นไปไม่ได้……เป็นไปไม่ได้’


“เจ้าก็เป็นอย่างงี้เสียทุกครั้งสิน่า” หมอหนุ่มออกเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ คิ้วที่ปกติก็แทบจะชนกันอยู่แล้ว กลับขมวดมาติดกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้จะทำหน้าบึ้งอย่างไร เขากลับยอมนั่งลงอีกฟากของเก้าอี้ยาวตัวนั้น

“เจ้าหายไปนานเลยนะ” ฮีลเอ่ยเปิดประเด็นขึ้นก่อน

ใช่เขารู้ดีหากต้องอยู่กับเกรย์ ไม่ว่าอย่างไรต้องเป็นผู้เริ่มพูดก่อนเสียทุกครั้งไป ตั้งแปดปีแล้วที่ผ่านไป เกรย์ยังไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม เหมือนเคย

แต่อะไรที่เปลี่ยนไปกัน

“อืม” เกรย์ตอบเพียงสั้นๆเช่นทุกครั้ง เขาดูเหนื่อยอย่างชัดเจน

“เจ้าดูแย่ เข้าห้องซะ ข้าจะจัดยาให้”

“ข้าไม่เป็นไร”

“ไม่เป็นไรได้ไง” ฮีลยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารี่ตรงไปอีกฟากของที่นั่งตรงหน้าผู้ป่วย
“ทั้งใช้พลังเกินตัว อีกยังดูดพิษจากไอ้บ้านั่นมาอีก” ฮีลกระชากเสื้อคลุมของเกรย์ออกเผยให้เห็นรอยอักขระโบราณเฉกเช่นเดียวกับไทนอส แต่เกรย์ดึงเสื้อกลับมาคลุมตามเดิมอย่างไม่สนใจ
“มันเรื่องของข้า”




“เจ้าเปลี่ยนไปนะเกรย์” ฮีลปล่อยมือลงจากตัวสหายเก่า



“เจ้าก็เหมือนกันฮีล”


“เจ้าไม่เคยต้องใช้พลังมากขนาดนี้ เจ้าทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกัน”


‘เพราะคนคนนั้นใช่ไหม’




“อย่ายุ่งกับข้าได้ไหม” เกรย์ตวาดออกไปย่างหมดความอดทน น้ำตาที่ปริ่มอยู่ในตาสะท้อนแสงจันทร์นวลเห็นเป็นประกายระยิบระยับ แต่กลับแผงไว้ด้วยความเศร้าในนั้น

“ยุ่งงั้นหรือ เจ้าต่างหากที่เข้ามายุ่งกับข้าเองอย่าลืมสิว่าใครกันที่มาอ้อนวอนขอร้องให้รักษา”

“และเจ้าก็ได้ค่าจ้างที่อันสูงค่าเรียบร้อย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นั่นสิ พวกเจ้าต้องขอบใจคนของกราซนะนี่ ที่เขาช่วยจ่ายให้” ฮีลหัวเราะอย่างสะใจ พร้อมกับคว้าผู้ป่วยจอมดื้อมาหวังลากเข้าห้อง

“บอกว่าไม่” เกรย์พยายามขัดขืน แต่มีหรือจะสู้แรงฮีลได้ แต่ไหนแต่ไรเกรย์เองก็ไม่เคยชนะฮีลเลยสักครั้ง

“มาซะ.....เดี๋ยวจะหาว่าข้าบริการไม่คุ้มกับที่เจ้าจ่ายไป” หมอหนุ่มกระชากคนตัวซีดเข้าตัว เกรย์กระแทกเข้ากับอกหนาของฮีลอยากจัง ก่อนที่ฮีลจะเปิดขวดน้ำยานอนหลับจับกรอกใส่ปากของคนฤทธิ์มากจนหลับไป



ร่างที่หลับใหลถูกอ้อมแขนแข็งแรงโอบขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย



‘ผอมลงเยอะเลยนะเกรย์’



สายลมอ่อนๆพัดโชยพากลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้ราตรีผ่านทั้งสองไป และนั่นก็เหมือนช่วงเวลาหนึ่งที่คุณหมอหน้าเหี้ยมจอมขูดรีดคนนี้ จ้องมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยสายตาที่อ่อนโยนที่สุดอย่างไม่มีใครเชื่อ




ว่าหมอหน้าเลือดอย่างฮีลจะสามารถทำได้



…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



เอสเปอร์ที่แอบซุ่มดูอยู่มองดูอย่างเงียบๆ ส่ายหัวให้กับเรื่องราวต่างๆที่เข้ามา



‘มากเรื่องจริงๆพวกนี้’






ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน


“ฮีล ช่วยไทนอสด้วย” เกรย์วิ่งโผเข้าไปฉุดแขนชายร่างใหญ่ทันทีที่พบอย่างร้อนรน เล่นเอาหมอหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวเซไปมาตามแรงของสหายเก่า

“เกรย์นี่เจ้า….เจ้ากลับมา” ฮีลมองคนที่ฉุดอย่างไม่เชื่อสายตา เขาขยี้ตาครั้งหนึ่งก่อนจะพบว่า นี่ไม่ใช่ภาพลวง
“โถ่เร็วเข้าฮีล รักษาเพื่อนข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ไทนอสที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ท่อนบนที่เปลือยเปล่าเผยอักขระโบราณพันเกี่ยวไปรอบตัว แผ่นอกที่กระเพื่อมเล็กน้อยบ่งบอกสัญญาณชีพที่อ่อนล้าเต็มทน ข้างกายมีชีวาสที่เฝ้าดูไม่ห่างด้วยแววตาที่บวมแดงเจ่อนองไปด้วยน้ำตา

“ท่านหมอได้โปรดช่วยด้วย” เมื่อเห็นผู้รักษาเข้ามา ชีวาสรีบรี่เข้าขอร้องอีกแรง อาการไทนอสไม่ดีเลย เขาหวั่นใจนัก กลัวว่าไทนอสเองจะหนีจากเขาไปเสียก่อน……..

“เอ่อ…” ฮีลมองร่างของไทนอสอย่างถี่ถ้วน

เขารู้ดีว่าไทนอสคือใคร…..และคนผู้นี้เองที่ทำให้เรื่องราวชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไป……อย่างไม่มีทางเหมือนเดิม

“ท่านหมอช่วยเขาด้วย” ครั้งนี้กลับมีอีกคนที่เข้ามารุม….แอลนั่นเอง

ฮีลมองไปทางเกรย์ที่ยังฉุดแขนเขาให้เริ่มการรักษาเสียที เสียงของชีวาสละแอลเองไม่ได้เข้าสู่สมองเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดที่เขาคิดมีเพียงแค่เรื่องเดียว



‘หากเจ้านั่นไม่เป็นอะไร……เจ้าคงไม่มาหาข้า’




ความอิจฉาริษยาเขารุมเร้าจิตใจของหมอหนุ่ม



‘ข้าไม่มีความสำคัญกับเจ้าใช่ไหม’



ไม่มีค่าพอที่จะเผื่อเวลาที่จะมาหาบ้าง……ผ่านมาแล้วแปดปี ไม่มีเลยสักครั้งที่เจ้าจักมาหาข้า
และไม่มีวันใดที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า




‘เพราะมันคนเดียว’



“ผลึกแห่งสายลม……คือค่ารักษา” หมอหนุ่มยื่นคำขาด เขาแอบยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่ผิดสังเกต ผลึกอันนี้หายากมาในบารอน ยังไงคงไม่มีทางที่จะมีได้

“ข้าไม่มีหรอก แต่ฮีลข้าของร้องล่ะ ช่วยไทนอสด้วย ข้ายอมเจ้าทุกอย่างเลย” เกรย์ร่ำไห้คุกเข่าอ้อนวอน
“ข้าอีกคน เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรข้าทำได้ทุกอย่าง”
“ข้าด้วยท่านหมอ ได้โปรด”

แต่ฮีลยังคงมั่นไม่หวั่นไหวแม้เกรย์จะร้องขออย่างไร ถ้าเพียงแต่ไม่มีมัน เราก็คงเหมือนเดิม



หากเพียงไม่ได้พบมัน




เรื่องราวของเราคงไม่เป็นแบบนี้

“ฮีล……” อยู่ๆเสียงของเกรย์ก็หายไปแรงฉุดที่ชายเสื้อก็หายไปเช่นกัน หมอหนุ่มรีบหันไปสำรวจความผิดปกติ
“เกรย์/ท่านเกรย์” ทั้งแอลและชีวาสต่างตกใจรีบรับตัวเกรย์ที่หมดสติไว้ทันท่วงที

“นี่มันอะไรกัน” ฮีลผลักทั้งสองออกพร้อมกับคว้ามีดผ่าตัดประจำกายออกกรีดเสื้อของเกรย์ออกจนสิ้น

อักขระเฉกเช่นเดียวกับไทนอสปรากฏอยู่บนตัวชองเกรย์ด้วยเช่นกัน

“บอกข้ามาเกิดอะไรขึ้น” ฮีลกระชากแอลเข้ามาถามทำเอาโหรน้อยตื่นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร







“เอาไป….แล้วเริ่มรักษาเสียที”

เสียงผลึกทรงกลมตกกระทบกับพื้นส่งเสียงกังวาน ลายสีขาวขุ่นวนรอบผิวสีฟ้าอ่อนงามตาชวนให้คิดถึงลมที่หมุนวนไปรอบแล้วรอบเล่า

“ผลึกแห่งสายลม”

“ข้าให้สองอัน แทนค่ารักษาของคนสองคน” เอสเปอร์พูดนิ่งๆเหมือนเคย
“หมดข้ออ้างแล้วหมอ รีบรักษาซะ”

แล้วเอสเปอร์จึงเดินจากมา สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือสีหน้าไม่พอใจของฮีลที่แสดงออกมาอย่างแน่ชัด



…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



นึกๆดูแล้วก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมคนจอมกะล่อนอย่างไทนอสถึงได้กุมหัวใจคนได้มากขนาดนี้ ตัวเอสเปอร์อยู่มาก็นานแล้วแต่ไม่ยักจะมีใครเข้ามาติดพันธ์ มีแต่เขาเองนี่ล่ะที่เข้าไปหลงคนอื่นหัวปักหัวปำ

แล้วก็จบลงได้ไม่สวยนักเสียด้วยสิ




เอสเปอร์เผลอนึกถึงอดีตที่ไม่อยากจำเสียเท่าไรนัก ทุกครั้งที่เขาอยู่ลำพัง ทุกเวลาที่ใจมันเผลอ กาลเวลาเหมือนจะพาใจเขาย้อยกลับไปในห้วงแห่งความคิดเสียทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“เอสเปอร์ ท่านเลิกตามข้าได้แล้ว” น้ำเสียงเล็กๆแผดดังแสดงความไม่พอใจ

“ข้าแค่….”

“ไม่มีแต่เอสเปอร์ ข้าเหนื่อยที่จะพูดเต็มทีแล้ว”


“หึหึ” เอสเปอร์หัวเราะให้กับตัวเองในตอนนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทนตอแยไปได้อย่างไรถึงปีหนึ่งเต็ม ตอนแรกคิดเพียงว่าสักวันเขาอาจจะยอมใจอ่อน……แต่นั่นเป็นเพียงสมมติฐานเพียงฝ่ายเดียว






“เฮ้อ”




เสียงถอนหายใจดึงความสนใจของเอสเปอร์จากอดีตอีกครั้ง บัดนี้เจ้าโหรน้อยนั่งทำหน้าหงอยอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม



เอสเปอร์มองพรางส่ายหัวไปมา




‘วันนี้ช่างมากเรื่องจริงๆ’
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-07-2009 10:07:09
ทำไม เอสเปอร์ มีผลึกได้อะ แถมมีตั้ง 2 อัน

ว่าแต่ แอล มานี่มะ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 09-07-2009 10:43:01
นั่นสิน้า ทำไมปู้จายห่วย ๆ อย่างไทนอส ถึงมีแต่คนมารุมรักน้า

เอ... รึที่เค้าว่ากันว่า คนเลวมักมีเสน่ห์นี่จะจริง สงสัยต้องหัดเลวมั่งแระ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 09-07-2009 14:55:49
ใครช่างใจร้าย ทิ้งเอสเปอร์ได้ลงคอ  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-07-2009 10:28:09
จะรอดไหมเนี้ยรักกี่เส้าก็ไม่รูหนจะทิฐิอีกสารพัด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kom-kamol ที่ 11-07-2009 11:08:16
เจ๋งสุดๆ มาต่อไวๆ นะคร๊าบบบบบบบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 14 9/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 11-07-2009 11:45:25
หึ หึ หึุ ยัยคีน่า ก็มีผลึกใช่มะ  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 15 13/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 13-07-2009 17:48:09
โหย เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี้งานยุ่งมากๆเลย

เล่นเอาดำขึ้นเป็นกอง เลยไม่ได้เข้ามาอัพเรื่อง

แต่ไปอ่านของคนอื่นแทน 555

มาต่อกันเลยเนอะ




อ้างถึง
dahlia : ทำไมเอสเปอร์มีผลึก......อืม.....เอ่......อ้า........อะ

mist : ผู้ชายห่วยๆจะมีบางอย่างที่น่าติดตามน่าค้นหาค่ะ.....จริงๆนะ

กิมตี๋หัดขับ : เรื่องมันผ่านไปแล้วเนอะ....อย่าขุดมันมาอีกเลย คริๆ

three: คนแต่งก็จะไม่รอดแล้วครับ ยิ่งแต่งแต่งมัดเรื่องให้วุ่นไปอีก จะแก้ไงดีนิ

kom-kamol: จ้า ยินดี เจ้า

The Living Rive : ว้ายยยย......กลับมาครั้งนี้ไฉไลกว่าเดิมนะยะ....รีบไปอัพขนมหวานโดยด่วน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 15 13/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 13-07-2009 17:55:31
(http://www.uppic.net/ib/1163821126.jpg) (http://www.uppic.net/show/bcad3910b45b02899f7180a4cc4a2b55)



ข้าเป็นดั่งแสงไฟส่องทาง

ผู้คนมากมายหลุดพ้นจากทุกข์

ด้วยแสงแห่งข้านำพา



แต่ตัวข้าเล่า

ข้าควรเดินไปทางไหนกัน





บทที่ 15





“ข้าอยากให้เจ้าร่วมเดินทางกับพวกเรา”

สามวันถัดมาอาการเจ็บไข้ของทั้งสองแห่งบารอนดีขึ้นมากแล้ว ไทนอสจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทางต่อ แต่อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้คิดได้ว่า พวกเขาควรมีแพทย์ประจำทีมเดินทางไปด้วย

และหมอคนนั้นควรอยู่ในระดับสูงที่สามารถดูแลพวกเขาได้ ซึ่งไทนอสเชื่อว่า ฮีล เองก็เป็นคนๆนั้น

“แต่ว่า…..” เกรย์เอ่ยปากหมายจะขัด แต่ก็ถูกสายตาจากฮีลมองมาเสียก่อนทำให้เขาหยุดไป

‘ไม่อยากให้ข้าไปด้วยงั้นสิ…’ หมอหนุ่มได้แต่เก็บความน้อยใจนั้นไว้ในใจ

ฮีลเองมีใจอยากที่จะเสนอตัวพร้อมออกเดินทางร่วมกับเกรย์เองอยู่แล้ว และจะดีมากหากเกรย์เป็นคนออกปาก

แต่ในความจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น

“ว่ายังไง มากับข้านะฮีล” ไทนอสเอ่ยย้ำคำ



‘ตกลง’ ในใจของฮีลมันตอบตกลงไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่แค่เพียงมองไปยังสหายเก่าเขากลับต้องมาทบทวนความคิดเสียใหม่



การได้เพียงแค่อยู่ใกล้กาย…….แต่หัวใจนั้นช่างห่างไกล



หรือจะยอมปลีกทั้งตัวและหัวใจให้ไกลจาก




แต่ไม่ว่าทางไหนเขาเองก็ต้องเจ็บ……ลงท้ายด้วยความเดียวดายเสียทุกทาง

หากทางเลือกใดเขาต้องเจ็บอยู่แล้งล่ะก็……..ข้าขอเลือกที่จะดูแลหัวใจของเขาให้มีความสุข




“ข้าจะได้อะไร” หมอหนุ่มเอ่ยถาม

“แล้วแต่เจ้าจะขอมา” ไทนอสตอบกลับไปบ้าง ไม่ว่าอย่างไรเขาคงต้องทำให้ได้ เพราะฮีลเองสำคัญต่อการเดินทางครั้งนี้มาก

“ผลึกแห่งไฟ และ แร่บริวารทั้งห้า”

คำร้องของฮีลเองเล่นเอาไทนอสเลิกคิ้วขึ้นสูงเพราะนับว่าถูกมากหากคิดถึงภาระงานที่ต้องทำ

“นั่นแค่เพียงค่าจ้างเดินทาง……หากต้องการให้ข้ารักษาต้องจ่ายเพิ่มอีก”

คำร้องที่สองเล่นเอาทั้งกลุ่มเหงื่อตกไปเป็นแถวๆ ชีวาสมีท่าทีไม่พอใจเด่นชัดแต่จะต่อว่าผู้มีพระคุณก็คงทำไม่ได้

“ข้าว่า….พวกเราไม่มีทางเลือกใช่ไหม” ไทนอสตัดสินใจ เขาคำนวณทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่ว่าอย่างไร ฮีลมีประโยชน์กับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก

“…….” เกรย์เดินไปสะกิดไทนอสและส่ายหน้าเล็กน้อยหวังเพียงให้เขาเปลี่ยนใจ

“ข้าตกลง นี่ค่าเดินทางของเจ้า” การตกลงซื้อขายเป็นอันสิ้นสุดและการเดินทางจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง





ล้อเกวียนออกตัวหมุนตามพลังงานจากหินขับพลังเวทที่จ่ายออกมาอย่างต่อเนื่องค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามถนนเรื่อย ที่นั่งภายในไม่กว้างนักแต่ก็นับได้ว่าทุกคนสามารถหาพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างพอดี โดยที่ด้านในสุดของเกวียนเป็นที่ของชีวาสและไทนอส ถัดมาคือเกรย์และแอล ตบท้ายด้วยเอสเปอร์ผู้ปลีกตัวและหมอหนุ่มสมาชิกใหม่จากทริซึม

ข้างทางที่เคยเป็นสีเขียวของเหล่าแมกไม้ค่อยๆจางหายไปเมื่อหลุดออกจากเขตนครทริซึม เหลือเพียงถนนที่ทำจากหินสีขาวทอดยาวไปตามทาง ราวรอบด้วยเหล่าผลึกแก้วที่ผุดขึ้นข้างทางคอยส่องแสงตามทางเหมือนไฟนำทางเป็นระยะ

“เอาล่ะวันนี้เราพักกันตรงนี้ก่อน” ไทนอสประกาศหยุดการเดินทางแต่เพียงเท่านี้ ถึงแม้จะไม่ได้เหนื่อยอะไรมากแต่การเดินทางตอนกลางคืนนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีนักยิ่งเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยด้วยแล้ว ยิ่งอันตราย ที่พักชั่วคราวถูกกางออกอีกครั้ง

“ท่านเอสเปอร์กับฮีลมานอนด้วยกันนะ” แอลที่พึ่งกางที่พักเสร็จเดินเข้าไปหาชายทั้งสองที่ยุ่งอยู่กับการหาเชื้อเพลิง ซึ่งในที่โล่งแบบนี้ทำได้ยากยิ่ง

“จะนอนกันได้หรือ ที่เล็กขนาดนั้น” ฮีลมองไปยังที่พัก…..เขาคิดว่าอย่างมากก็เพียงแค่สามคนเท่านั้น

“ข้านอนข้างนอกได้” เอสเปอร์ยังคงบอกผ่าน

“ไม่ได้ครับท่านเอสเปอร์แถวนี้ไม่มีต้นไม้ด้วยท่านจะนอนยังไง” โหรตัวเล็กรีบตอบ ทั้งสามเถียงกันไปเรื่อยๆ ด้วยเสียงที่ดังขึ้น จนกระทั่ง

“เอสเปอร์เจ้ามานอนที่พักของข้า….ยังมีที่ว่าง” ไทนอสที่บังเอิญได้ยินเข้ามาร่วมวงการจัดสรรที่นอนอีกคน
“ไทนอส” ชีวาสที่มาพร้อมกันร้องออกมาอย่างตกใจ ที่ต้องมีก้างมาขวางเวลาของเขากับที่รัก

“อะไรชีวาส เจ้าคงไม่ปล่อยให้ผู้มีพระคุณนอนกลางดินหรอกใช่ไหม”



เหตุผลของไทนอสเล่นเอาจอมเวทหนุ่มเงียบไป



“ได้แต่เจ้าตัวคงไม่อยากนอนกับเราเท่าไรหรอกใช่ไหมเอสเปอร์” ชีวาสจงใจเน้นเสียงประโยคให้ชัดเจนถึงจุดประสงค์ของตน

เอสเปอร์เองใช่จะไม่รู้ความหมายที่แฝงมานั้น เขามองไปยังผู้พูดที่จ้องกลับมาอย่างมาดมั่นหมายไม่ให้เขาเข้าร่วมที่พัก…..

“ได้ข้าตกลง” เอสเปอร์ตอบไปพร้อมรอยยิ้มที่เห็นสีหน้าผิดหวังของอีกคน

ไม่รู้ทำไมถึงได้ทำไปแบบนั้นแค่รู้ว่าการได้แกล้งคนนี่มันก็สนุกดีเหมือนกัน





พูดถึงความสัมพันธ์ของคนในคณะเดินทางนั้นดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะเข้ากันได้ดีขึ้น อย่างน้อยไทนอสและเอสเปอร์ดูเหมือนจะพูดกันมากขึ้นกว่าเดิม ยกเว้นไว้เพียงชีวาสที่ยังคงสะบัดหน้าหนีเอสเปอร์ทุกครั้งไป ส่วนฮีลนั้นเข้ากับทุกคนได้ค่อนข้างดีถึงแม้เขามักจะตีหน้าเข้มก็เถอะ อาจจะยกเว้นเพียงเกรย์เท่านั้นที่ฮีลเองดูไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีนัก




“ยังไม่นอนอีก” เสียงเข้มๆของฮีลดังขึ้นเล่นเอาเกรย์ที่เหม่ออยู่ตกใจ

“…..”

“เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยนอนดึก”

“…..” เกรย์ไม่อยากตอบอะไร ความสัมพันธ์ของเขากับฮีลนั้นมันได้จบลงไปนานเสียแล้ว

นานจนเขาลืมไปช่วงใหญ่เลยทีเดียว



“นี่ข้าพูดกับเจ้านะ” ฮีลอดใจไว้ไม่ไหวเขากระชากตัวของผู้ปิดปากเงียบให้หันหน้ามาหาเขา

“……” แต่เกรย์กลับนิ่งเงียบอีกครั้ง คำพูดเมื่อแปดปีก่อนกลับมาชัดเจนอีกครั้ง



“เจ้าจะไปหามันใช่ไหมเกรย์….เออไปสิรีบไปเลย”

“มัวแต่ทำอะไร รีบไปสิ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็อด”

“ข้าคิดผิดเอง…..นึกว่าเจ้าไม่เหมือนใครที่แท้ก็แค่อีตัวที่อยากได้ผู้ชาย”



ถ้อยคำเสียดสีเหล่านั้นมันเตือนให้เกรย์ระลึกเสมอว่าผู้ชายคนนี้ คนที่ยืนตรงหน้าเขานี้ได้ทำให้เขาเสียใจมากมายเพียงใด จากเพื่อนสนิทที่เรียกได้ว่ารู้ใจกัน……….กลับกลายเป็นไม่เข้าใจกันเสียดื้อๆ

‘เขาไล่ข้ามา’

น้ำตาที่เสียไปวันนั้นมันมากมายเหลือเกิน วันที่เกรย์เดินจากออกมาจากทริซึม นครแห่งความหลังของเขากับสหายที่ดีที่สุด แม้ว่าคำอธิบายต่างๆถูกถ่ายทอดออกมานับพันนับหมื่น…..แต่จะมีประโยชน์อะไรกันในเมื่ออีกคนไม่คิดที่จะยอมรับฟัง

“ข้ามันแค่อีตัว” เกรย์จ้องมองคนข้างหน้าอย่างไม่ละสายตา เผยความเจ็บใจไว้ลึกๆในนั้น ก่อนจะเบี่ยงตัวเลี่ยงออกมาเดินเข้าที่พักไป




แต่เกรย์คงไม่รู้หรอกว่าคำพูดนั้นนอกจากจะทำร้ายตนเองแล้วยังทำร้ายจิตใจของอีกคนด้วย




ฮีลทุบขาตนเองอย่างหัวเสีย วันนี้เขาตั้งใจที่จะเริ่มทุกสิ่งใหม่ ตั้งใจจะขอคืนดี ตั้งใจที่จะขอโทษกับเรื่องผ่านมา

แม้จะผ่านไปแปดปีแล้วก็ตาม หัวใจของเขาไม่เคยลบภาพคนตัวเล็กที่ยิ้มแย้มอย่างร่าเริงไปได้เลยแม้สักวัน ความเสียใจที่ขับไล่คนที่ตนรักนั้นเข้าจู่โจมเขาอยู่ทุกวี่วัน



เขารู้สึกผิด



ยิ่งได้เห็นสภาพของเกรย์ในวันนี้ยิ่งทำให้ฮีลเสียใจยิ่งนัก ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาจะแอบสืบข่าวมาเป็นระยะ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเกรย์จะดูแย่ถึงเพียงนี้ ผิวที่ซีดเซียวราวกับคนไม่ยอมออกสู่แสงแดด ร่างกายที่ผ่ายผอมจนเห็นซี่โครงได้ชัดเจน และไอ้หน้ากากบ้าๆนั่นอีกที่เกรย์ใส่ไว้ตลอดถ้าให้เขาเดามันคงจะเป็น……………



‘ไอ้บ้าเอ้ย’



ฮีลล้มตัวลงนอนอย่างไม่ใส่ใจว่าจะทำให้เขาเปื้อนดิน คิ้วขมวดเข้าชนกันอย่างเป็นปกติของคนที่คิดมาก ทุกวันเขามีคนไข้ให้รักษามากมายจึงไม่ได้ปล่อยใจให้คิดมากนัก




แต่พอว่างงานเข้าแบบนี้มีหรือที่เขาจะไม่หวนคิดถึง



ยิ่งได้ใกล้คนที่เฝ้าฝันถึงอยู่ทุกวัน



แต่ทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น



ทำไมหรอสิ่งที่เขาคิดเอาไว้กลับตรงข้ามไปหมดเสียทุกอย่าง



เขาเคยคิดว่าหากเจอเกรย์อีกครั้งพวกเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม



เขาคิดว่าเกรย์เองคงยกโทษให้เขา



เขาคิดว่าการเดินทางนี้คงช่วยให้เขากับเกรย์เข้าใจกัน












แต่สุดท้ายเขาคิดว่า…………….

 เขาคิดผิดเสียแล้วที่กลับมาอยู่ใกล้เกรย์แบบนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 15 13/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-07-2009 09:36:36
เหอๆๆๆ ยุ่งอิรุงตุงนัง กันดีแท้ๆๆ คู่โน้นคู่นี้คู่นั้น

สงสัยเมื่อก่อนเกรย์จะน่ารักไม่น้อยเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 15 13/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-07-2009 09:43:42
ทำไมพูดจาได้หน้าต่อยปากกมากมายอ่ะครับ :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 15 13/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-07-2009 11:23:56
รักกันไม่ตรงล็อกซักคู่ซักคนเลย

วุ่นวายกันดีแท้นะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-07-2009 17:34:07
และแล้วเรื่องก็ยุ่งพันไปพัมมาจนได้

แต่ไหงชีวิตจริงไม่เห็นมีใครมายุ่งแบบนี้เลย

เง้อ...........

มีแต่เอาตัวเองไปยุ่งกับคนอื่น  :o12:


อ้างถึง
dahlia : น่ารักไม่น่ารักไม่รู้......แต่ที่รู้คือคนแต่งน่าร้ากกกก แอร๊ยยยย


three : ดูเหมือนฝ่านพระเอกเรื่องนี้ไม่มีใครเป็นที่ชอบใจเลยเนอะ


nOn†ღ : ใจเย็นๆจ้า พยายามจับคู่อยู่......สงสัยต้องพึ่งลุงหนวดหาคู่อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-07-2009 17:41:18
(http://www.uppic.net/ig/1163820545.jpg) (http://www.uppic.net/show/f388b9c45504610175d73114f24052d8)

ข้าคือผู้รอบรู้

ทุกสิ่งเป็นไปตามที่ข้ากล่าว..........แต่ทำไมสำหรับเจ้า......ข้าอ่านไม่ออก



ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่

ใครๆต่างยอมทำตามคำ........แต่สำหรับเจ้า........ทำไม









บทที่ 16






ท่ามกลางแสงไฟอันริหรี่ของเหล่าผลึกริมทางที่ส่องแสงให้เหล่านักเดินทางไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัยนั้น ปรากฏร่างเล็กๆร่างหนึ่งเดินเอ่ยเฉื่อย วนกลับไปกลับมาไม่สนใจสิ่งใดราวกับเขาคนนั้นตกอยู่ในวังวนของความคิด และในเมื่อความอ่อนล้าจากการเดินบังเกิดเขาจึงทอดตัวนั่งลงบนผลึกเล็กๆข้างทาง



“เฮ้อ”



แอลถอนหายใจออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง หลายวันตั้งแต่เรื่องวันนั้นเขาและไทนอสไม่ค่อยได้คุยกันอีกเลย ไม่ใช่สิไทนอสก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่แอลเองต่างหากที่พยายามปลีกตัวออกมา แต่หัวใจของเขานั้นกลับร่ำร้อง


‘อยากอยู่ใกล้เขาเหลือเกิน’


ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่างต่อสู้กันอยู่ในหัวของหมอดูหนุ่ม เขารู้ดีว่าชีวาสรู้สึกอย่างไร และเขาคงรู้สึกเหมือนกันหากคนรักของตัวเองปันใจให้คนอื่น ทางเลือกของเขานั้นเหลือเพียงทางเดียวเท่านั้น


‘ห้ามใจเสีย’


แอลพร่ำบอกตัวเองอยู่ทุกคืน ตั้งแต่วันนั้นเขาเข้าใจตัวเองมากขึ้น หากเขายังมัวปล่อยใจไปเรื่อยๆแบบนี้ไม่ช้า ไทนอสต้องได้หัวใจไปเป็นแน่แท้ และตัวแอลเองคงยอมตกลงด้วยดี


‘ต้องตัดไฟแต่ต้นลม’


แอลได้แต่บอกตัวเองเบาๆในใจ แต่ตัวเขาเองคงไม่รู้หรอกว่าจะต้องคอยเตือนตัวเองแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร





…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………





“อ้าว แอล ตื่นเช้าเหมือนเคยนะ” น้ำเสียงสดใสของไทนอสสะกิดให้แอลรีบเดินหลีกไปอีกทาง

“เฮ้ เดี๋ยวสิ” ไทนอสเห็นดังนั้นจึงวิ่งไปขวางไว้เสียก่อน

“ขะ….ข้ารีบไป” รีบตอบโดยไม่มองหน้าอีกคน เขากลัวเหลือเกิน กลัวใจตัวเอง

“เดี๋ยวสิ….เจ้าหลบข้าตลอดเลยนะช่วงนี้” ไทนอสไม่ยอมให้แอลหนี เขาเบี่ยงตัวไปตามทิศที่โหรน้อยหันไป

“ท่าน…..ดะ ได้โปรด”

“นี่เจ้าเป็นอะไรของเจ้า มองหน้าข้าสิ” ไทนอสรู้สึกหงุดหงิดคว้าเข้าที่ใบหน้าเรียวนั้นบีบแน่น


ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาถึงแม้ไม่ไหลนองออกมาแต่มันก็บ่งบอกความรู้สึกทางด้านลบออกมาได้อย่างไม่ต้องแปลความหมายให้ยุ่งยาก ไทนอสตกใจปล่อยมือออกมา ก้มตัวลงบรรจงใช้นิ้วหนาปัดน้ำเหล้านั้นตรงขอบตาออกไป


“เจ้าเป็นอะไรไป แอล”

“ปล่อยข้าไปเถอะ……ท่านไทนอส” แอลบอกด้วยเสียงสั่นเครือเขาแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้อีกไม่ได้ ยิ่งใกล้แบบนี้เขาอยากที่จะสัมผัสตัวไทนอสมากยิ่งขึ้น แต่ทำไม่ได้



เขาทำไม่ได้



“ไทนอส” น้ำเสียงเฉียบขาดดังมาจากด้านหลัง ชีวาสนั่นเองเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและแน่นอนเขาเองไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก เดิมทีก็อารมณ์เสียกับเรื่องเอสเปอร์มาแล้ว ไหนจะมาเห็นทั้งแอลและไทนอสแบบนี้อีกยิ่งทำให้ความร้อนในอารมณ์พุ่งสูง

“เจ้าจะไปไหนก็ไป” ชีวาสดันตัวแทรกระหว่างสองคนเล่นเอาแอลเซล้มไป ไทนอสเหมือนจะไปช่วยแต่ชีวาสก็ดึงไว้เสียก่อน

“เจ้าทำอะไรน่ะชีวาส” ไทนอสตวาดใส่เล่นทำชีวาสหน้าเสีย

“เจ้าต่างหากไทนอส กำลังทำอะไร”

“ข้าแค่คุยกับแอล”

“แน่ใจว่าแค่นั้น”

“ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้วชีวาส…..ไปสงบสติเสียก่อน” ไทนอสหุนหันหลีกออกมาหมายจะตามแอลไป ทว่าโหรหนุ่มได้หายตัวไปจากตรงนั้นเสียแล้ว เขารีบวิ่งออกตามทันทีทิ้งให้ชีวาสยืนนิ่งจมอยู่กับความแค้นที่สะสมเพิ่มทวี



‘เจ้าอีกแล้วนะ….แอล’



นักเวทหนุ่มไม่รอช้าหมุนตัวออกเดินสู่เกวียนทันที เวลาเช้าตรู่แบบนี้ต่างคนต่างง่วนกับการทำภารกิจส่วนตัว ไม่มีใครใส่ใจกันมากนัก ชีวาสใช้โอกาสทองนี้ลอบเข้าไปยังเกวียนเพื่อค้นหาของที่ต้องการ


‘อยู่ไหนกัน’


ขวดน้ำยาหลากสีถูกหยิบเข้าหยิบออกอยู่หลายขวดด้วยกัน แต่ดูเหมือนชีวาสยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาค้นต่อไปอย่างเร่งรีบจนไม่ทันระวังตัว



“เจ้าทำอะไรน่ะ”



ชีวาสตกใจรีบหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“ข้ามาเอายาให้ไทนอส เจ้ามีอะไร” เขาโกหกไป โบกน้ำยาที่อยู่ในมือเขาไปมา

“……..”เอสเปอร์หรี่ตาลงอย่างไม่เชื่อ ปกติแล้วหน้าที่นี้เป็นของฮีลตลอด ชีวาสเองไม่มีทางเข้ามาเอายาเองแบบนี้แน่…….อีกทั้งวันนี้ยังพูดกับเขาดีผิดหูเสียด้วยสิ…….เรื่องนี้ต้องมีอะไรปกปิดไว้

“หลีกไปสิเอสเปอร์ เจ้าขวางทางข้าอยู่นะ” ชีวาสที่พยายามจะออกจากเกวียน ออกแรงผลักคนตัวใหญ่ แต่ก็แค่เหมือนเอาขนนกไปลูบกับก้อนหินเสียยังงั้น

“เจ้าตั้งใจทำอะไรอย่าคิดว่าข้าไม่รู้” ชายหมุ่มคว้าเอาข้อมือบอกบางนั้นไว้ เขาบีบไว้แน่นป้องกันการหลบหนี
“โอ้ย….ปล่อยข้านะ”
“อย่าดิ้นให้มากเลย อยากให้ข้าทำเหมือนวันนั้นอีกหรือไง” เอสเปอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ หวนนึกถึงวันที่เขาเข้าห้องผิดในวันนั้น

“เจ้าคนโรคจิต โอ้ย ปล่อยข้าสิ”

“ดูเหมือนเจ้าไม่ทำตามกฎข้านะ” เอสเปอร์ฉีกยิ้มกว้าง ค่อยๆดึงข้อมือน้อยๆนั่นเข้ามาใกล้ตัวเขาจนชีวาสเซไปตามแรง บัดนี้ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมากและดูเหมือนเอสเปอร์ไม่ยอมหยุดอยู่เพียงเท่านี้

“อย่านะเจ้า…..” ชีวาสหลับตาแน่น เบือนหน้าหนีไปอีกทางเป็นเวลาเดียวกับที่ผ้าม่านท้ายเกวียนเปิดขึ้น

“โอ๊ะ…..ทะ…ท่านเอสเปอร์….อ๊ะ…..ท่าน…ชีวาส…ขะ….ข้า…..อ้า…….” แอลที่ตั้งใจมาหายาแทนฮีลที่กำลังยุ่งกับการปรุงยาอยู่พูดไม่เป็นภาษาเมื่อเห็นคนทั้งสอง…..เอ่อ…….อยู่ในท่าแบบนี้

“ข้า..ขะ ขอโทษ” แล้วเจ้าโหรน้อยก็รีบแจ้นหนีออกไปทันทีด้วยใบหน้าที่เจือด้วยสีแดงเหมือนจะถูกใครหยิกเล่นเสียอย่างนั้น

“อะไรของมัน” เอสเปอร์มองตามแอลอย่างสงสัย ไม่ได้ดูสภาพของตนว่ามันล่อแหลมแค่ไหน

ชีวาสได้โอกาสเมื่อเห็นว่าเอสเปอร์คลายมือออกแล้วรีบเรียกพลังเวทเข้าที่ฝ่ามือ และแล้ว

“เฮ้ย” ก้อนพลังแห่งสายลมกระทบเข้าอย่างจังที่อกแน่นๆของเอสเปอร์ถึงแม้จะไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขากระเด็นไปกระแทกผนังเกวียนด้านตรงข้ามได้

ชีวาสได้ทีรีบวิ่งลงเกวียนไปอีกคน ทิ้งให้เอสเปอร์เอามือลูบหลังที่เริ่มปวดจากการกระแทกเมื่อกี้


‘ร้ายนักนะเจ้า……ดีข้าจะจับตาดูเจ้าเอง’


ชายหนุ่มจากกราซคิดอย่างคะนอง รอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นบนดวงหน้าเข้ม


‘อยากรู้เหมือนกัน….เจ้าจะทำอย่างไร’






ทางด้านจอมเวทหนุ่มเมื่อเห็นว่าออกห่างจากการมองเห็นของเอสเปอร์แล้วจึงหยุดวิ่ง เขาหายใจแรงอย่างต่อเนื่องแสดงความเหน็ดเหนื่อย ก็นักเวทอย่างเขาไม่ได้ใช้แรงมากนักเสียหน่อย มือขวาของชีวาสกุมขวดน้ำยาสีดำไว้มั่น สักพักพอการหายใจของเขากลับมาปกติ เขาจึงยกขวดใสนั้นขึ้นมาดูอย่างพอใจ


‘ในที่สุดก็ได้มา’


ชีวาสยิ้มให้ตัวเองอย่างพอใจ เพียงเท่านี้ ไทนอสก็ตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพียงเท่านี้แอลก็จะหายไปจากชีวิตคู่ของข้า เพียงเท่านี้ความรักของข้ากับไทนอสก็จะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง


‘เหมือนเดิมงั้นหรือ’


แต่อีกฟากของความคิดกลับคิดในทางตรงข้าม

สิ่งที่ผ่านมาชีวิตของชีวาสและไทนอสถือว่าราบเรียบหรือ……แล้วไอ้การที่ชีวาสต้องตามล้างตามผลาญพวกชู้รักอีกคนแล้วคนเล่า นั่นคืออะไร

นั่นก็คือสิ่งที่ข้าต้องทำตลอดไปใช่หรือไม่



‘แน่ใจหรือว่าหลังจากแอลแล้ว ไทนอสจะไม่มีใครอีก’



ชีวาสอดหวั่นใจไปกับความคิดไม่ได้ ใช่…..แอลไม่ใช่รายแรกที่เขาต้องกำจัดออกไป เพียงแค่ในครั้งนี้มีบางอย่างที่ดูต่างออกไป……ดูไทนอสสนใจมากกว่าปกติทั่วไป

และเขามั่นใจว่าหากปล่อยทิ้งไว้ ระยะห่างของเขาเองกับไทนอสต้องฉีกกว้างออกเป็นแน่



‘ข้าไม่ยอม’



หากแต่เขยังอยู่แล้วล่ะก็……ใครคนอื่นจงอย่าหวังแม้จะคิดพรากจากเราทั้งสองเลย


‘ข้าไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น’


ชีวาสเปิดจุกขวดยาออก มันส่งควันสีนิลโชยออกมาราวกับมัจจุราชผู้คร่าชีพ เขาบรรจงเอียงขวดแก้วใสทีละน้อยปล่อยน้ำยาไหลรินลงสู่ผืนดิน

เหล่าแมลงในดินต่างพากันแตกฮือ วิ่งหนีขึ้นมาสู่ผิวดินเมื่อรับรู้ถึงอันตราย อนิจจา บางตัวที่เคลื่อนไหวได้ช้ารับน้ำยาเข้าร่างไปเสียแล้ว

ชีวาสหัวเราะเบาๆอย่างมีความสุข มองเหล่าแมลงที่ค่อยๆล้มตัวลงดิ้นกับผืนดินแห้ง ก่อนที่จะนิ่งไปอย่างไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง









‘อาหารมื้อหน้า…….ข้าจะทำให้สุดฝีมือเลย’
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 16-07-2009 00:10:29

ทำให้กิมตี๋สักจานน่ะ ชีวาส  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-07-2009 09:20:48
พิษรักแรงหึงรุนแรงจริงๆ เลย  o22

มันน่าเอามาให้ไทนอสกินนะเนี่ย  o3
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-07-2009 09:46:13
แอร๊ยยย ชีวาส จะเอายามาทำอะไร  :a5:  ม่ายยยยยยย นะ

แรงๆ ร้ายๆ แบบนี้ต้องให้ เอสเปอร์ จัดการ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 16 15/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 17-07-2009 23:38:29
ไปหาซื้อชีวาสที่ร้านเซเว่นหรือจ๊ะ TF  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-07-2009 19:39:14
งานเข้าอีกแล้วตอนนี้ เบื่อๆ

ไม่รู้จะบ่นทำไม ยังไงก็หนีไม่พ้น เพราะไม่ทำก็ไม่จบ แอร๊ยยยย


อ้างถึง
กิมตี๋หัดขับ : นี่ค่ะ ปูปลาร้าที่สั่ง แซ่บ หลาย


nOn†ღ : ว้ายๆ ได้เลยตามคำขอ คริๆ


dahlia : ตามนั้นเลยจ้า


The Living Rive : ชิชะ ใครจะหวานได้เหมือน คู่น้องโล กะ ลัว ล่ะ ไปต่อเลยนะเรื่องต่อน่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-07-2009 19:49:00
(http://www.uppic.net/iq/1163824422.jpg) (http://www.uppic.net/show/b23c71ddeedc8302ae6535e4b1dd44b0)

ยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ

ข้าเฝ้ามองจันทร์แรมเพียงลำพัง



หนาวเหลือเกิน





เหงาจับใจ





เพียงลำพัง




ผู้เดียว









บทที่ 17



เอสเปอร์แอบดูการกระทำของนักเวทหนุ่มอย่างลับๆ ในใจคิดไปต่างๆนาๆ ไม่นึกเลยว่าชีวาสจะทำลงไปได้ถึงขนาดนี้ ความรักมันมีพลังมากขนาดนี้เชียวหรือ



ใช่……เขาเห็นด้วย



ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ตามความเห็นของเอสเปอร์เองแล้ว เขาออกจะชื่นชอบชีวาสอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุที่จอมเวทคนนี้ช่างตามใจตัวเองนัก….

‘อย่างน้อยก็ไม่โกหกตัวเอง’

เทียบกันกับพวกที่เหลือแล้วดูเจ้าชีวาสนี่ล่ะดูจะเข้าใจและยอมรับตัวเองที่สุดว่าตนต้องการอะไรและอยากได้สิ่งไหน แน่นอนชีวาสเองไม่เคยคิดจะปิดบัง นั่นเป็นเหมือนดาบสองคมที่คอยกัดกินจอมเวททีละน้อย

การทำตามใจตัวเองมันก็ดีอยู่หรอก…….เพียงแต่

ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยกฎต่างๆมากมาย ซึ่งจัดตั้งออกมาตามความเห็นชอบ ใครก็ตามที่บังอาจล้ำเส้นขอบเขตนั่นไปแล้วล่ะก็ คนนั้นคงไม่สามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างปกติสุข

ชีวาสเองเดินอยู่ระหว่างเส้นที่ขีดไว้……หากเพียงแค่มีสิ่งกระตุ้นเล็กๆน้อยๆ เขาคงเบนไปตามแรงได้อย่างง่ายดาย…..





มันขึ้นอยู่กับว่าแรงที่ว่านั้นจะเป็นไปในทิศทางไหน



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



การเดินทางในเช้าวันนี้ช่างดูเรียบง่ายจนน่าตกใจ นอกจากไทนอสที่เข้ามาแกล้งแอลเล่นเป็นประจำแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมนั่นคือไม่มีสายตาพิฆาตของชีวาสน่ะสิ จะว่าไปแล้วชีวาสในวันนี้ดูนิ่งผิดปกติ เขาทำเพียงนั่งตีหน้านิ่ง บ้างหลับตาแกล้งทำเป็นหลับ บ้างเหลือบมามองไทนอสที่หยอกล้อแอลอย่างสนุกปาก

‘จะทำอะไรก็รีบทำ……เวลาของเจ้าจวนหมดลงแล้ว’



เขาหันหน้าเข้าผนังเกวียนเพื่อแอบยิ้ม คงมีเพียงเอสเปอร์เท่านั้นที่มองเห็นความผิดปกติในครั้งนี้

‘เอาสิ……เจ้าจะทำอย่างไร’



ทั้งคู่ต่างไม่ได้มองหน้ากันแต่กลับมีรอยยิ้มที่แฝงไว้เหมือนกันทั้งคู่ จะต่างกันเพียงแค่สาเหตุเพียงเท่านั้น



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้” สิ้นเสียงประกาศของไทนอส ทุกคนรีบแยกออกไปทำงานของตนทันทีอย่างรู้หน้าที่

“เจ้าตามข้ามาทำไม” ชีวาสมองคนที่ตามมาอย่างไม่พอใจ

“วันนี้ข้ามาช่วยเจ้า” เอสเปอร์ตอบอย่างสบายอารมณ์

“ข้าไม่ต้องการ” ชีวาสบอกพลางสะบัดมือปล่อยลูกไฟเข้าไปในกองฟืนที่ฮีลจัดหาให้

“ข้าไม่มีงานทำ” คนตัวใหญ่ดื้อไม่ยอม แย่งเอาเนื้อชิ้นใหญ่จากชีวาสพร้อมกับชักมีดออกมาสับเป็นชิ้นอย่างเหนือชั้น มันดูดีกว่าที่ชีวาสทำเสียด้วยซ้ำ

“…….” นักเวทมองอย่างไม่เชื่อตา ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายถ่อยๆจะมีความสามารถทางด้วนงานครัวด้วย

เอสเปอร์ยักคิ้วให้กวนๆ พร้อมกับคว้าเอาเนื้ออีกชิ้นไปสับอย่างรวดเร็ว

“ใครบอกให้สับเป็นชิ้น” ชีวาสส่งเสียงขัด

เอสเปอร์หันมาอย่างไม่เข้าใจ ก็ทุกทีเห็นชีวาสทำแต่อาหารแบบนี้ทั้งนั้น

“วันนี้ข้าจะทำเนื้อย่าง เจ้าสับเป็นชิ้นเล็กๆแบบนั้นได้ยังไง เสียของ” ชีวาสดีใจที่เห็นว่าในวุบหนึ่งเอสเปอร์เผลอแสดงสีหน้าออกมา

“เจ้าออกไปได้แล้ว เกะกะข้า”



‘ถ้าเจ้ายังอยู่ แผนการของข้าคงเป็นไปได้ยาก’



เอสเปอร์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังยุ่งกับอาหารอยู่ เขาโน้มตัวไปใกล้ใบหูของชีวาสอย่างไม่ให้อีกคนรู้ตัว

“แล้วข้าจะรออาหารมื้อพิเศษนี้” เขากระซิบออกมาเบาๆ โดยตั้งใจเน้นคำว่าพิเศษโดยเฉพาะ


ชีวาสหันตัวกลับมองอีกคนอย่างท้าทาย

“ถ้าเจ้าต้องการ…..ข้าจะจัดให้”

บทพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้นได้แฝงความนัยเอาไว้ มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่รับรู้

ว่า…….สงครามเล็กๆได้เริ่มขึ้นแล้ว



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



กองไฟขนาดใหญ่ลุกโชติช่วงส่งความน้อมออกมาพอให้คลายหนาวไปได้บ้าง ณ เวลานี้ถึงแม้เทพแห่งฤดูกาลยังไม่เริ่มจริงจังกับงานนัก แต่ก็เล่นเอาคนตัวผอมสั่นไปเหมือนกัน

“ข้าสั่งแล้วไง” ฮีลบ่นเล็กน้อยพร้อมกับโยนเสื้อคลุมตัวใหญ่ไปให้เกรย์ที่นั่งสั่นอยู่ข้างกองไฟ ในความเป็นจริงากาศวันนี้ก็ไม่ได้หนาวเย็นอะไรนัก เพียงแต่ว่าชั้นไขมันของเกรย์นั้นช่างน้อยนิดเสียกว่าจะกันความเย็นนั้นได้

“…..” เกรย์ไม่ได้สนใจอีกคนที่เข้ามา แต่เขาก็รับเอาเสื้อคลุมนั้นห่อร่างกายไว้ นั่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

“…..” ฮีลเองเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก เขาเลือกที่นั่งที่ห่างจากเกรย์มากที่สุด…เพราะนั่นคงเป็นสิ่งที่เกรย์ต้องการ



ไม่นานนักแอลและไทนอสก็เข้ามานั่งรอบกองไฟพร้อมกัน ดูเหมือนว่าแอลจะหนีไทนอสมาอีกตามเคย ทั้งสองเล่นเก้าอี้ดนตรีสับเก้าอี้ไปมา แอลเองก็หนีเรื่อย ส่วนอีกคนก็ตามจริง

“พอได้แล้วแอลมานี่” จนเกรย์ทนเวียนหัวไม่ไหวเรียกแอลให้มานั่งข้างตน

“เจ้าไปทางโน้นไทนอส” เกรย์ชี้นิ้วไปทางฮีลที่นั่งอยู่คนเดียว



สักพักกลิ่นอาหารหอมลอยกระทบกับประสาทรับกลิ่น มันช่างกระตุ้นความอยากให้เพิ่มขึ้นได้อย่างท่วมท้น ชีวาสลำเลียงจากอาหารมาให้อย่างระมัดระวัง

“นี่ของเจ้า” อาหารจานแล้วจานเล่าทยอยแจกให้คณะเดินทางคนละจาน และในที่สุด

“นี่ของเจ้าแอล” ชีวาสยื่นจานให้โหรน้อย พร้อมรอยยิ้มที่ยากจะบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร

แอลรับมาช้าๆ เขาก้มหน้าไม่กล้าสบตาชีวาส

ช้อนโลหะสีเงินค่อยๆบรรจงตักเอาเนื้อสับที่คลุกเคล้ากับเครื่องชูรสเพื่อชิมรส ปากน้อยๆนั่นเปิดออก ก่อนที่มือจะเลื่อนเข้ามาใกล้



“เดี๋ยวสิแอล….ไม่รอข้าเลยนะ” เอสเปอร์วิ่งเข้ามาคว้าแขนแอลได้ทันเวลา




‘เกือบไปแล้ว’



“นึกว่าเจ้าไม่หิว” ชีวาสประชด เขายื่นจานข้าวอีกอันให้คนที่มาช้า นัยน์ตาแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย

“มื้อใหญ่แบบนี้มีหรือข้าจะพลาด ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์หัวเราะอย่างสบายใจ



‘เริ่มจาก…..ตัวปัญหาก่อนเลย’



“โอ้ แอล จานของเจ้าได้เยอะกว่าของข้าอีก ข้าขอแลกได้ไหม” เอสเปอร์ดำเนินแผนการขั้นแรกทันที ทำเอาชีวาสตกใจจนเผลอทำช้อนตกใส่จานเสียงดัง

“เอ่อ…..”

“เจ้ากินไม่หมดหรอก นะ” เอสเปอร์ไม่รอคำตอบคว้าเอาจานของโหรน้อยมาทันทีแลกเปลี่ยนด้วยจานข้าวของเขา


‘เป็นยังไงล่ะทีนี้’


เอสเปอร์หันไปยิ้มเยาะชีวาส ที่ขณะนี้ทำหน้าบึ้งได้ไม่แพ้ฮีลเลยทีเดียว


‘มันยังไม่จบแค่นี้หรอก’


“โอ้….ไทนอสแต่ข้าว่าของเจ้าเยอะที่สุดเลย วันนี้ข้าหิวมากข้าของแลก นะ”

“นี่เจ้า…..จะมากไปแล้วนะ” ชีวาสหมดความอดทน วางจานข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นชี้หน้าเอสเปอร์อย่างเหลืออด

“ไม่เอาน่า ชีวาส เรื่องแค่นี้เอง” ไทนอสดึงตัวคนอารมณ์ร้อนลงนั่ง และแลกจานข้าวที่ทานไปเพียงแค่คำเดียวให้เอสเปอร์

คนรับจานข้าวยิ้มแก้มปริรีบตักข้าวทานอย่างเอร็ดอร่อย


‘ทีนี้เจ้าจะทำอย่างไร’


“เจ้าต้องการอะไรเอสเปอร์” ชีวาสยังไม่ยอมหยุด

ทุกคนหยุดการกินแล้วเงยหน้ามองมวยคู่เอกที่กำลังจะเริ่มต่อยในอีกไม่กี่นาที


“ทำไม แค่แลกจานข้าว มันมีปัญหาอะไรหรือไง” เอสเปอร์ปล่อยหมัดฮุกเข้าเต็มหน้าชีวาส ทำเอาอีกคนไปไม่ถูก
“เจ้า……..”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่เห็นต้องร้อนตัว”
“เจ้า”


“เอาน่าพอได้แล้ว กินเร็วเข้าอร่อยๆทั้งนั้นเลย” ไทนอสดึงเสื้อชีวาสเพื่อให้ลงนั่ง แต่จอมเวทกลับแข็งขืนจ้องหน้าเอสเปอร์ไม่ละสายตา

“หึ….เอาล่ะๆ กินกันเถอะทุกคน โดยเฉพาะเจ้าไทนอส มื้อนี้ชีวาสตั้งใจเพื่อเจ้าเลยนะ” เอสเปอร์ยิ้มร่าก่อนจะนั่งลงตักอาหารเข้าปากไปอย่างสบายใจ แต่ก็ไม่ละสายตาไปจากนักเวทผู้มีความลับคนนี้แม้แต่วินาที

เมื่อไม่เห็นว่าทั้งสองจะทะเลาะกันอีก ไทนอสจึงเริ่มตักอาหารบ้าง ริมฝีปากหนานั้นอ้าออกช้าๆ


เอสเปอร์ยิ้ม






‘ศึกครั้งนี้เขาชนะ’
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 19-07-2009 23:05:57
แอร๊ยยยยย รอดไปได้นะยะ คราวนี้..................เชอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 19-07-2009 23:08:37

แล้วใครกินลาบเลือดอะคะ ทีนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-07-2009 23:26:16
ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มั้ยละนั่น  o22

ชักชอบคู่เอสเปอร์ กะ ชีวาส ซะแล้วสิ ทันกันขนาดนี้อยู่ด้วยกันท่าจะมันส์ดีพิลึก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 20-07-2009 00:01:03
อิอิ



ชอบเรื่องนี้มากมายคับ อิอิ



ชอบเอสเปอร์ แต่.... ชอบคนแต่งมากกว่า



ห้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-07-2009 10:04:34
คนแต่งหายไปไหนอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 17 19/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 24-07-2009 20:45:23
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:


นี่เมื่อไหร่จะมา

รอนานแระนะ




ใจคนรอ  :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-07-2009 21:38:34
แอบไปลั้นลามา ลืมพิมพ์ตอนต่อไปเลย คริๆ

ขออภัยๆทุกท่านด้วย วันนี้ได้เวลามาลงแล้ว เชิญเลยจ้า












บทที่ 18





เอสเปอร์นั่งทานอาหารมื้อพิเศษอย่างสบายอารมณ์ จะมีอะไรอีก……..ก็ที่ได้ซ้อนแผนของคนขี้หึงขี้หวง….เขานั่งจ้องเป้าหมายตาไม่กระพริบ ยิ่งเห็นสีหน้ากระวนกระวายแบบนั้นยิ่งทำให้เขาสนุกขึ้นไปอีก

ไทนอสหาได้สนใจทั้งสองอีก เขาตั้งหน้าตั้งตาตักเนื้อใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย เขาเอ่ยปากชมชีวาสไม่หยุดว่าอาหารวันนี้ช่างวิเศษนัก ชีวาสเองได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับ



‘เอาล่ะเจ้าจะทำอย่างไร ในเมื่อไทนอสโดนยาเข้าไปแล้ว’



แต่แล้วชีวาสกลับทำในสิ่งตรงข้ามกับที่เอสเปอร์ตั้งไว้ จอมเวทหนุ่มสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งลงอย่างสง่าโดยไม่สนใจต่อสายตาของชายหนุ่ม และคราวนี้ชีวาสเองก็ได้เวลาทานอาหารบ้างแล้ว ช้อนโลหะนั้นค่อยๆลำเลียงอาหารรสเลิศเข้าปากไปทีละคำ……จนพร่องไปกว่าครึ่งจาน

“อาหารไม่อร่อยหรือเอสเปอร์”

ชีวาสเปิดคำถามเริ่มสงครามขึ้นอีก ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดแต่ท่าทางและสีหน้านั้นหาได้มีความกังวนเมื่อครู่อยู่เลยแม้แต่น้อย เขาเลียเศษอาหารที่ติดอยู่ที่ช้อนอย่างช้าๆ สร้างความไม่พอใจให้อีกคนเป็นอย่างมาก


‘เจ้าชีวาสมันเล่นอะไรกันแน่….หรือว่า’




เอสเปอร์รู้สึกสังหรณ์ใจหันไปมองทางโหรน้อย……แต่ช้าไปเสียแล้ว ร่างเล็กนั้นโงนเงนไปมา ช้อนที่ถือไว้อย่างหลวมๆในมือตกลงสู่พื้นก่อนที่ร่างกายทั้งหมดของแอลได้ร่วงหล่นสู่ผืนปฐพี





“แอล” ทั้งหมดร้องเสียงหลง ต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น




ตัดจบ คริๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 26-07-2009 21:51:16
 :serius2: :serius2: :serius2:



ไมแค่นี้อ่ะ



-*-
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 26-07-2009 23:16:12
สั้น..ตัดฉับ..แบบ...ค้ากำไรเกินงาม  :5779:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 27-07-2009 00:09:23

สั้นมากคระ  แบบนี้เค้าไม่ยอมนะ  จะเอาอีกๆ  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-07-2009 09:46:05
แอลลลลลลลลลลลลล  :serius2:

ตัดแบบนี้ได้อย่างไง  :z3:   :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 26/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 27-07-2009 10:08:52
ทำไมทำแบบนี้อ่ะครับผม :fire:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 เต็มบท 27/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-07-2009 18:42:52
แอร๊ยยยยยย ไหนๆก็ค้ากำไรเกินงามแล้ว งวดนี้เลยเอาใจทุกท่านโดยการลงไปเต็มๆ



1

บท

คริๆ







(http://www.uppic.net/ik/1163821613.jpg) (http://www.uppic.net/show/a988283a937468ff716aeba06a67de02)



ความตาย.......ท่านคือความตาย


ท่านหวังเฝ้าเพียงลมหายใจ


โอ้......ท่านเองก็ไม่ต่างจากหัวขโมยนักหรอก


ขโมยชีวิตของข้าไป


เอาหัวใจของข้าไป


ปล่อยให้ข้านั้นตายทั้งเป็น








บทที่ 18






เอสเปอร์นั่งทานอาหารมื้อพิเศษอย่างสบายอารมณ์ จะมีอะไรอีก……..ก็ที่ได้ซ้อนแผนของคนขี้หึงขี้หวง….เขานั่งจ้องเป้าหมายตาไม่กระพริบ ยิ่งเห็นสีหน้ากระวนกระวายแบบนั้นยิ่งทำให้เขาสนุกขึ้นไปอีก

ไทนอสหาได้สนใจทั้งสองอีก เขาตั้งหน้าตั้งตาตักเนื้อใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย เขาเอ่ยปากชมชีวาสไม่หยุดว่าอาหารวันนี้ช่างวิเศษนัก ชีวาสเองได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับ


‘เอาล่ะเจ้าจะทำอย่างไร ในเมื่อไทนอสโดนยาเข้าไปแล้ว’


แต่แล้วชีวาสกลับทำในสิ่งตรงข้ามกับที่เอสเปอร์ตั้งไว้ จอมเวทหนุ่มสะบัดชายเสื้อแล้วนั่งลงอย่างสง่าโดยไม่สนใจต่อสายตาของชายหนุ่ม และคราวนี้ชีวาสเองก็ได้เวลาทานอาหารบ้างแล้ว ช้อนโลหะนั้นค่อยๆลำเลียงอาหารรสเลิศเข้าปากไปทีละคำ……จนพร่องไปกว่าครึ่งจาน

“อาหารไม่อร่อยหรือเอสเปอร์”

ชีวาสเปิดคำถามเริ่มสงครามขึ้นอีก ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดแต่ท่าทางและสีหน้านั้นหาได้มีความกังวนเมื่อครู่อยู่เลยแม้แต่น้อย เขาเลียเศษอาหารที่ติดอยู่ที่ช้อนอย่างช้าๆ สร้างความไม่พอใจให้อีกคนเป็นอย่างมาก


‘เจ้าชีวาสมันเล่นอะไรกันแน่….หรือว่า’



เอสเปอร์รู้สึกสังหรณ์ใจหันไปมองทางโหรน้อย……แต่ช้าไปเสียแล้ว ร่างเล็กนั้นโงนเงนไปมา ช้อนที่ถือไว้อย่างหลวมๆในมือตกลงสู่พื้นก่อนที่ร่างกายทั้งหมดของแอลได้ร่วงหล่นสู่ผืนปฐพี


“แอล” ทั้งหมดร้องเสียงหลง ต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ไทนอสรี่เข้าหาทันที เขาโอบแอลขึ้นมาเขย่า ปากก็ส่งเสียงเรียกชื่อ แต่ไร้ผล…….ไร้การตอบรับ


ท่อนแขนของโหรหนุ่มที่ร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงขยับไปมาตามแรงของไทนอส ศีรษะที่ส่ายไปมา….ดวงตาที่ปิดลง……ลมหายใจแผ่วเบา…….



เหมือนดั่งคำลา



การลาจาก






“เจ้าทำอะไรแอล” เอสเปอร์ไม่รอเปล่าหันไปเล่นงานต้นเหตุทันที ซึ่งตอนนี้ดูจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ข้าไม่ได้ทำนะ…..” ชีวาสสั่นหัวรัวอย่างร้อนรน

“ข้าไม่เชื่อ เจ้าทำอะไร” เอสเปอร์ตรงเข้าหาชีวาสอย่างเอาเรื่อง หากไม่ได้คำตอบที่ดีล่ะก็ งานนี้มีเรื่องแน่




แต่น่าเสียดาย…ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเข้าถึงตัว ชีวาสกลับล้มทรุดลงเสียก่อน




“เฮ้ย…ชีวาส” คราวนี้เอสเปอร์ถึงกับตกใจไม่คิดฝันว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ แล้วใครกันเป็นคนทำในเมื่อคนที่ตนสงสัยกองอยู่กับพื้นแบบนี้เสียแล้ว



“ฮีลเร็วเข้า” เกรย์เรียกหมอหนุ่มเข้าไปดูอาการ

“……” ฮีลขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง พลางนึกคิดอะไรสักพัก

“เร็วสิฮีล” เกรย์เร่งอีก ทีนี้เขาไม่รอช้าดึงมือหมอตัวใหญ่ทันที


ตุบ


เสียงวัตถุกระทบพื้นกับแรงกระชากคืนทำให้เกรย์เสียหลัก เขาเหลียวกลับหมายจะต่อว่าคนที่มัวแต่ชักช้า แต่พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเกรย์ทำได้เพียงร้องเรียกชื่อฮีล

เกรย์หันไปมองหาไทนอสที่โอบแอลไว้พร้อมกับร้องเรียก อีกผั่งก็เห็นเอสเปอร์พยายามตบหน้าเรียกชีวาส






และอีกครั้ง


“เกรย์”

ไทนอสตะโกนเมื่อเห็นเกรย์ล้มลงไปอีกคน


“เกรย์ นี่มันอะไร…..ไทนอสทำอะไรสักอย่างสิ” เอสเปอร์ที่ลองเอาสมุนไพรแก้พิษที่เขาเตรียมไว้ยัดใส่ปากชีวาส แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล ร้องตะโกนเรียกไทนอส……เผื่อไทนอสเองอาจพอทำอะไรได้



“…….”



“ไทนอส”



เงียบ มันเงียบเกินไป ไม่มีเสียงเรียกชื่อแอลอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป

เอสเปอร์เริ่มใจไม่ดี เขาค่อยๆหันกลับไปมองแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด……..ไทนอสแน่นิ่งไปอีกคนแล้ว

เอสเปอร์เริ่มกลัว…….ไม่ใช่เขาไม่เคยอยู่คนเดียว เพียงแต่ครั้งนี้ พวกพ้องของเขาได้จากไปเสียหมด เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว…..ไม่เหลือเลยจริงๆ ทั้งที่เมือง รวมถึงเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย



“ตื่นสิไอ้เจ้าชู้…แอลเจ้าอย่าแกล้งข้า เกรย์…..ฮีล…..โถ่ชีวาส ข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้ ได้โปรด”

ชายหนุ่มคร่ำครวญต่อหน้าเพื่อนที่นอนนิ่ง เขามองไปแต่ละคนเพียงหวังให้พวกเขาพื้นขึ้นมา



ทันใดนั้นเองเขารู้สึกถึงความไม่มั่นคงของพื้นที่ยืน เหมือนว่าเขาอยู่ในโคลนที่ยวบยาบ มันเอนไปมา สั่นไหว และเด้งขึ้นลง การรับรู้ทางกายของเอสเปอร์ปั่นป่วน สายตาเริ่มพร่ามัว เขาตบหน้าตัวเองไปมา แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น พื้นมันเหมือนสั่นแรงขึ้นจนเขาไม่สามารถทรงตัวไว้ได้และล้มลงนั่งนิ่งอยู่บนผืนดินแห้ง ที่มีเพียงแสงจากกองไฟที่เริ่มมอดลง



จนกระทั่งแสงไฟสุดท้ายจากกองฟืนนั้นมอดดับลงพร้อมกับเสียงวัตถุกระทบพื้น




ไม่มีเสียงอันใดอีก




……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………




ร่างๆหนึ่งค่อยๆเดินอย่างระวัง ก้าวต่อก้าวนั้นพยายามเบาแรงมากที่สุดหวังเพียงจะให้เกิดเสียงน้อยที่สุด เขาใช้เพียงแสงอันริบหรี่จากก้อนผลึกริมทางในการหาเป้าหมายของเขา



ใช่



ทั้งหมดถูวางแผนมาเพื่อการนี้ เวลาของเจ้าหมดลงแล้ว

นั่นไงมันอยู่ตรงนั้น เขาค่อยๆก้าวเท้าไปอย่างเงียบเชียบ สายลมอ่อนๆโชยพัดมาเป็นระยะช่างทำให้เขาคนนั้นรู้สึกหนาวขึ้นมา แต่เพียงแค่นี้รึจะหยุดความตั้งใจของเขาได้ ไม่มีทางเสียหรอก

เขากระชับเสื้อเข้าด้วยกันให้มากขึ้น พร้อมกับออกเดินต่อจนกระทั่งเป้าหมายของเขาอยู่ตรงหน้า เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ จบสิ้นกันเสียที


‘เพียงเท่านี้เรื่องทั้งหมดก็จบลง’


ขวดน้ำยาถูกหยิบขึ้นมาเปิดฝาออก ไอพิษโชยออกมาเบาๆ ส่งเสียงซู่อย่างน่ากลัว

เขาคนนั้นเอื้อมมือไปยังใบหน้าของเป้าหมาย


‘อภัยให้ข้าด้วย’


มือของเขาที่สั่นเทานั้นออกแรงบีบปากให้อ้าออก



‘ข้าจะทำแบบนี้จริงๆหรือ’



จิตของเขาเองแย้งออกมา ทำให้เขาหยุกชะงักไปชั่วครู่




‘แต่ถ้าไม่มีมัน’



‘แล้วไทนอสจะรักข้าอย่างงั้นหรือ’



‘แล้วไทนอสจะอยู่กับข้าอย่างนั้นหรือ’




ชายผู้นั้นส่ายหน้าสะบัดความคิดเหล่านั้นให้กระเจิงออกไป…..ไม่ได้ เขาวางแผนนี้มาอย่างดีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็หยุดไม่ได้ เพื่อตัวข้า………….และไทนอส

ขวดน้ำยาถูกยกสูงขึ้น



ในเมื่อต่างคนต่างใช้พลังทำอะไรกันไม่ได้ก็คงมีแต่วิธีนี้เพียงเท่านั้นที่สามารถปลิดชีพลงได้


ขวดน้ำยาค่อยๆเอียงลงมา



ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ไม่ชอบเจ้าหรอก…….ข้าขอโทษ


ข้าเพียงอยากอยู่กับไทนอสจริงๆ


เจ้าคงเข้าใจข้า


ข้าขอโทษ





ของเหลวภายในขวดน้ำยาไหลมาจนสุดภาชนะ บัดนี้มันพร้อมทำงานแล้วเพียงแต่เอียงลงไปอีกนิด



“เป็นเจ้าจริงๆ”



ชายร่างใหญ่อีกคนปัดขวดแก้วนั้นออกไปไกล มันตกกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ พิษในนั้นแผ่ไปตามพื้นแห้งก่อนจะซึมหายไป







“เจ้าทำแบบนี้ทำไม”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 เต็มบท 27/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 27-07-2009 22:41:03

เนียนนะคะ ชีวาส :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 เต็มบท 27/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 28-07-2009 14:31:44
ตลบหลังรึ ฮึ  :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 18 เต็มบท 27/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-07-2009 16:16:54
ชีวาส จริงๆ นะเหรอ  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 30-07-2009 03:10:31
วันนี้นอนไม่หลับเลย อีกทั้งพรุ่งนี้ยังมีงานแต่เช้าอีก

เฮ้อเลยไม่หลับเลยดีกว่าเนอะ

วันนี้มาพร้อมเปิดตัวพ่อหนุ่มๆทั้งหลายมาดูซิจะเป็นยังไงกันบ้าง

(http://www.uppic.net/tr/26321_1.jpg) (http://www.uppic.net/show/f52357f78c822ec7058f26bdf277be68)

คนนี้ เอสเปอร์คนเก่ง เป็นไงเอ่ย เถื่อนไปมั้ยอะ



(http://www.uppic.net/tf/0final_fantasy_xiii.jpg) (http://www.uppic.net/show/4894697851f498ddcf6429d580cf6e31)

ส่วนคนนี้พี่หมอฮีล love love อิอิ


เอาล่ะเกริ่นมานานละมาอ่านกันต่อเลยดีกว่าเดียวป้าๆ จะหาว่าค้ากำไรเกินงามอีก คริๆ



ปล. มีคนรู้ทันชิ












บทที่ 19





หมอหนุ่มออกแรงบืบให้แรงขึ้นไปอีกเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายดิ้นรน คำขอร้องต่างๆไม่ทำให้เขาใจอ่อนลงสักนิด มันไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้เลย

“ปล่อยข้านะ” คนร้ายบิดข้อมือไปมา แต่ยิ่งกับทำให้ตนเองเจ็บปวดมากกว่าเดิม

ปล่อย……ฮีลเองไม่มีความคิดที่จะปล่อยคนที่ไม่รู้ค่าของชีวิตไปแบบนี้หรอก เขานึกพลางหัวเราะเบาๆ คนสมัยนี้ก็แปลก ทั้งๆที่รักชีวิตตัวเองเหลือเกินแต่กับชีวิตคนอื่นเล่า……กลับเห็ยเป็นเรื่องสนุก คิดจะทำอย่างไรก็ได้เสียอย่างนั้น ไอ้สงครามบ้าๆนั่นก็อีก


‘สมควรแล้วที่พระเจ้าลงโทษ’


“ข้าบอกให้ปล่อยข้า ฮีล”

ฮีลส่งเสียฮึดฮัดในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ ออกแรงดึงคนร้ายเข้ามาใกล้ตัวกว่าเดิม คนตัวเล็กโผปลิวเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ปล่อยคนร้ายอย่างเจ้าน่ะหรอ ฮึ”

“อะไร….ข้าเพียงแค่จะช่วยทุกคน” คนร้ายตัวเล็กโกหก เขาเองไม่กล้าสบตาฮีลโดยตรง ได้แต่ก้มหน้าก้มตา

“ก่อนจะโกหก เจ้าควรคิดให้ดีก่อนนะว่าข้าเป็นหมอ ไม่มีน้ำยาไหนที่ข้าไม่รู้จัก โดยเฉพาะของๆข้า” ฮีลใช้มืออีกข้างเชยคางผู้ร้ายขึ้นมาสบตา แม้กระนั้นอีกคนกลับเบือนหน้าหนี

“ข้าไม่ได้…….”  

“ฉลาดมากนะเจ้า…..วางยานอนหลับทุกคนให้หลับไปก่อน…..แกล้งหมดสติไปด้วยอีกคนจะได้ไม่ถูกสงสัย….พอได้เวลาก็ลุกมาลงมือ….ฆ่า” ฮีลพูดอย่างใส่อารมณ์ และพยายามเน้นคำว่า ฆ่า ด้วยสียงอันดังจนอีกคนตกใจ

“ข้า….ข้า…ข้าไม่…..” คนร้ายพูดด้วยเสียงอันสั่น ความกลัวเริ่มเข้ารุมเร้า หากทุกคนตื่นมา หากไทนอสรู้เข้า



‘มันคงจบ’



“บอกมาเสียทีทำไมเจ้าทำแบบนี้” ฮีลเข้นหาคำตอบ ถึงแม้เขาเองจะพอเดาได้ แต่ในใจลึกเขากลับอยากฟังจากปากของอีกคนเสียมากกว่า

แต่อีกคนก้มหน้าเงียบ ฮีลสังเกตเห็นว่าตัวสั่นเล็กน้อย น่าเสียดายหากมีแสงสว่างกว่านี้อีกนิด ฮีลเองคงเห็นหยดน้ำที่หยดลงพื้นดินเป็นแน่แท้

“เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ……..” ฮีลปล่อยมือของเขาออก ถึงแม้อยากจะทำใจแข็งแต่พอเห็นอีกคนต้องเป็นแบบนี้ เขาเองก็อดใจอ่อนเสียไม่ได้



เกรย์……ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำเรื่องแบบนี้ได้” น้ำเสียงของฮีลแฝงความผิดหวังไว้





มาถึงจุดนี้เกรย์กลั้นน้ำตาอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ตลอดมาเขายังเชื่อว่า ฮีลคือคนที่เข้าใจเขามากที่สุด……แต่มาถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจและพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกับเขา

“ใช่ ข้ามันชั่วแบบนี้ เจ้ามีปัญหาอะไร” เกรย์บอกไปอย่างน้อยใจ น้ำตาไหลลงอาบหน้ากากกระดูกสีขาวเป็นสาย

“เจ้าอย่ามาพูดแบบนี้นะ….นี่มันชีวิตคนนะเกรย์ไม่ใช่เรื่องเล่น” หมอหนุ่มตอบกลับอย่างฉุนๆ

“ข้าเพียงแค่…..” ชั่วเวลาหนึ่งเกรย์เกิดคิดอยากบอกกับฮีลเสียทีว่าทั้งหมดนั้นเพื่ออะไร แต่เขากลับพูดออกไปไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นใบหน้าที่ชวนหงุดหงิดอันนั้น มันทำเขาไม่กล้าบอกไป

“เพราะไทนอส ฮึ” ฮีลที่พอจะรู้อะไรอยู่แล้วต่อความให้จบประโยคพร้อมกับแค่นหัวเราะในลำคอ



แต่การกระทำนั้นมันเหมือนใบมีดที่กรีดซ้ำรอยแผลเดิมของเกรย์เข้าไปอีก

 

“ใช่แล้วจะทำไม” เกรย์เริ่มขึ้นเสียงบ้าง เขาม่สนใจกลัวพรรคพวกที่เหลือจะตื่นขึ้นมารับรู้อีกต่อไป…

“เจ้ามันก็แค่……”

“อย่ามาว่าข้าเป็นอีตัว” เกรย์ตะคอกดักทางไว้ได้ เขาหายใจเข้าออกแรงๆด้วยความโกรธที่เพื่อนรักที่คบกันมานาน กลับไม่เข้าใจเลยว่าเขาต้องการอะไร



“เจ้าไม่เข้าใจข้าหรอกว่าข้ารู้สึกยังไง” บัดนี้เกรย์เริ่มร้องไห้อีกครั้ง นั่นทำให้ฮีลเองเผลอเอื้อมมือไปเพื่อปลอบ….อย่างที่เคยทำ



“ไม่ต้อง…..เจ้าไม่รู้หรอกฮีลว่าตั้งแต่วันที่เจ้าไล่ข้าออกมา……จนถึงวันนี้ข้าเหงามากแค่ไหน….ข้าต้องอยู่คนเดียวมาตลอด” เกรยืปัดมือของหมอหนุ่มออกไปอย่างไม่ใยดี



“ตลอดแปดปีที่ผ่านมาเจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกอย่างไร เจ้าไม่รู้หรอกว่าการได้แค่มองคนที่รักมันรู้สึกอย่างไร”



“เจ้าไม่รู้หรอกการที่เห็นคนที่รัก ควงคู่กับคนอื่นนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน”



“และเจ้าคงไม่รู้หรอกว่าข้ารู้สึกอย่างไร…..ในเมื่อความพยายามของข้าที่เฝ้าติดตามไทนอสนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย……ความพยายามของข้าสูญเปล่า”



เกรย์เพ้อพร่ำสิ่งต่างๆที่อักดอั้นในใจออกมาพร้อมทั้งน้ำตาตลอดแปดปีที่ผ่านมาเขาฝึกอย่างหนักเพียงเพื่อหวังในตำแหน่งคนสนิทของผู้สูงศักดิ์ จากนายทหารชั้นต่ำ เกรย์ค่อยๆไต่เจ้าขึ้นมาด้วยลำแข้งของตันเองจนกระทั่งเขาได้ยืนอยู่เคียงข้างไทนอสได้สำเร็จ



แต่นั่นกลับเป็นมีดสองคมที่ทำร้ายตัวเองเข้าไปใหญ่ การได้พบเจอใกล้ชิดนั่นมันช่างชื่นมื่นก็จริงอยู่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อไทนอสเองไม่เคยคิดที่จะสนใจในตัวเกรย์เลยเพียงสักครั้ง



“ความรักมันเป็นอย่างไรหรือฮีล” เกรย์ทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรง



“หากจับมือกันจะรู้สึกอย่างไรหรือ” ถึงตรงนี้เกรย์ใช้มือทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกันเสมือนคนรักที่คอยจับมือกันไว้ แต่แน่ล่ะเกรย์ยังคงไม่รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร



“หากถูกกอดจะรู้สึกอย่างไรหรือ” เกรย์ตั้งคำถามต่อไป มือทั้งสองข้างเปลี่ยนมากอดร่างกายที่ผ่ายผอมของตัวเองแทน



“รู้สึกอย่างไร……รู้สึกอย่างไร” เกรย์พูดซ้ำๆพรางโยกตัวเองไปมาราวกับไทนอสได้โอบกอดเขาไว้



“โถ่เกรย์” ฮีลเอ่ยออกมาเบาๆ



“แล้วจูบเล่า……รสชาติมันเป็นอย่างไรกัน” เกรย์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเพื่อนเก่า เขาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าฮีลพอดี



“ข้าเหนื่อยเหลือเกิด ฮีล” คนตัวเล็กเอนตัวไปซบลงกับอกหนานุ่นของชายหนุ่มอย่างที่เคยเป็นประจำยามเขาไม่สบายใจ





“ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”

ฮีลค่อยๆยกแขนขึ้นรอบตัวเกรย์เอาไว้หมายจะปลอบใอย่างที่เคยทำตอนเด็ก

“ข้าไม่อยากทนต่อแล้ว” แต่เกรย์กลับผลักตัวออกจาก



ฮีลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจความหมาย



เกรย์ฉีกยิ้มออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น มือขวาของเขาวางตรงหน้าแข้งก่อนที่จะล้วงเข้าไปดึงกระดูกแท่งยาวออกมา

“ฝากบอกลาคนอื่นด้วย”

“เกรย์…..ไม่…..”




กลางค่ำคืนที่เงียบสงบนั้นถูกรบกวนด้วยเสียงร้องลั่นของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ผู้ที่ซึ่งกำลังจะเสียดวงใจของเขาไป

“ไม่นะเกรย์ เจ้าทำอะไรแบบนี้” ฮีลใช้มือดึงกระดูกที่ปักเข้ากลางอกของอีกคนออกไปเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดตามการเต้นของหัวใจ ร่างของเกรย์ถูกย้อมจนเป็นสีแดงส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง


“ปะ..ปล่อยข้าไปเถอะ” เกรย์เอ่ยอย่างหมดแรง


ทั้งแรงใจและแรงกาย


แต่ฮีลไม่ฟังคำขอ น้ำยาห้ามเลือดถูกเทราดลงไปเพื่อรักษา

“ไม่…..ไม่” เกรย์ใช้แรงเฮือกสุดท้ายจับแขนของฮีลไว้ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“ไม่เกรย์เจ้าต้องอยู่กับข้า….ได้ยินไหมเจ้าต้องอยู่กับข้า” ฮีลเอ่ยพร้อมน้ำใสๆที่ไหลล้นมาจากตา น้ำยาของเขาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว แต่ความเสียหายนั่นช่างน่ากลัวนัก

“ฝากบอกไทนอสด้วย……ว่า…ข้าระ…รัก” คำพูดของเกรย์ทำเอาชายหนุ่มห้ามใจไม่ให้ปล่อยโฮออกมาไม่ไหว ฮีลหยิบน้ำยาอีกขวดออกมารินเข้าปากของเกรย์ทีละนิดจนหมด

“เจ้าบอกเขาเองนะ…….เจ้าต้องอยู่ต่อเพื่อบอกด้วยตัวเอง” ฮีลลูบใบหน้าเกรย์อย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าเกรย์นิ่งลงเขาก็ดีใจ ลงมือดึงน้ำยาขวดที่สามออกมาเทราดบาดแผลอีกครั้ง



บาดแผลทางร่างกายนั้นทุเลาลงแล้วแต่จิตนั้นเล่า



“เกรย์ตื่นสิ”

“เกรย์”


ฮีลตบใบหน้านั้นเบาๆเมื่อเห็นอีกคนปิดตา สภาพตอนนี้หมออย่างเขายังไม่อาจฟันธงไปได้ว่าจะปลอดภัย เขาไม่ยอมให้เกรย์จากไปง่ายๆแบบนี้หรอก…..ไม่มีทาง


“อืม” เกรย์ส่งเสียงครางในลำคอก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา




“ไทนอส” ถึงแม้น้ำเสียงจะดูโรยแรง แต่มันกลับแฝงความดีใจเอาไว้



“ใช่ข้าเอง เจ้าต้องอยู่นะเกรย์อยู่กับข้า….ไทนอสคนนี้คงบ้าตายหากไม่มีเจ้า”



“จะ…เจ้าอยากให้ข้า…..”



“ใช่เกรย์….อย่าไปไหนเลย”




“อยู่กับข้า…..เกรย์”




น้ำตาใสๆไหลลงมาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาของความดีใจ เกรย์กอดไทนอสไว้แน่นราวกลับกลัวจะหลุดหายไปไหนอีก
ฮีลใช้น้ำยาขวดที่สี่ก่อนจะกอดรัดอีกคนอย่างแนบแน่น ก่อนจะเปล่งเสียงกระซิบออกมาข้างใบหูอีกคน








“ใช่แล้วเกรย์…..อยู่กับข้า…..ไทนอสผู้นี้จะดูแลเจ้าเอง”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 30-07-2009 10:59:59
ความรัก :เฮ้อ:ซับซ้อนเสียยิ่งกระไร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 30-07-2009 12:27:32
มาแปะไว้ก่องน้า เดี่ยวมาอ่านจร้า

หมอฮีล หล่อตรงสแปกมากๆ  ขอเปลี่ยนใจมาชอบหมอฮีลดีกว่า อิอิอิ  จะได้ฉีดยาให้เราทุกวัน หุหุหุหุ :o8: :-[ :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 30-07-2009 13:37:29
อยู่กับฉันนะ อยู่กับฉันเหอะ
ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว
ให้มันแล้วกันไปเหอะ

อยู่ตรงนี้นะ อยู่ตรงนี้เหอะ
อยู่กับฉัน มีแต่ความสบายใจ
อย่าไปไหน ฉันจะคอยดูแลเธอ


:L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 30-07-2009 15:48:16
ตกลงเป็นเจ้าเกรย์นี่เอง  :m31:
 แล้วกรูก็เดาผิดๆมาตลอดสินะ หน้าแตกยับเยิน อิอิอิ :a5:
พี่หมอฮีล อย่าบอกนะว่ากินยาแปลงร่างเป็นไทนอส มาปลอบเจ้าเกรย์อ่ะ   โหยแบบนี้หาไม่ได้แล้วนะเจ้าเกรย์ เป็นเราหน่อยไม่ได้พี่หมอฮีลคางเหลืองไปนานและ หุหุหุ :oo1:

 :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Dangerous_patz ที่ 30-07-2009 22:46:11
ซับซ้อน



จรี๊๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง




เอาไงละทีเนี้ยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-07-2009 09:49:12
เขาถึงว่ากันว่า คนนิ่งๆเงียบๆ อะน่ากลัววววววว   :m30:

โรครักเป็นพิษแบบนี้ หมอฮีลจะรักษาหายหรือเปล่า  :impress:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 19 30/7/09)
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 31-07-2009 11:23:23
รอตอนต่อไปอยู่คร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-08-2009 12:12:01
แบบนี้ทุกครั้งเลยเนอะ แต่งไปแต่งมาก็รัดปมเข้ามาอีกละ

ตอนแรกกะเป็นเรื่องเบาๆ แต่ก็อดใจไม่ไหวเสียนี่

อยากบอกว่าตอนแรกกะให้แอลเป็นคนร้ายไปเสียแล้ว


แต่ก็ไม่เอาดีกว่าเสียภาพนางเอกแสนดีหมด คริๆ

เอาล่ะบ่นมาเยอะละมาอ่านกันต่อเลยครับกับตอนต่อไป



อ้างถึง
three : เรื่องแบบนี้มันคงเข้าใจได้ยากล่ะครับ ไม่งั้นคงมีความสุขกันทั่วแล้ว


กิมตี๋หัดขับ : กรี๊ดดดด ดีใจหลอกได้ 1 คน คริๆ เราเองก็ชอบพี่หมอฮีลเหมือนกันล่ะ แอร๊ยยยย


The Living Rive : แอร๊ยยย มาแบบนี้เลยนะ เค้ารอเรื่องตัวอยู่นะ กำลังมัน


Dangerous_patz : จ้าแล้วเราจะกลายพันธ์เป็นนิยายสอบสวนไป โคนัน กับ คินดะอิจิมาเร็ว


dahlia : คนเงียบๆหรอ.......ก็เราอะดิ คริๆ


vin2526 : จ้าอ่านต่อเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-08-2009 12:26:14
(http://www.uppic.net/ic/1163821148.jpg) (http://www.uppic.net/show/15e9bb3840b737eb945f93559e6635fa)

กงล้อแห่งชีวิตหมุนวน

เวียนวน.....ไปมา


แรงกรรม ไหลเวียนสู่คน

เรื่องดีปนเรื่องชั่วสั่งสมปนเป



ใครทำสิ่งใดย่อมได้......สิ่งนั้น









บทที่ 20






แสงแดดยามเช้าปลุกเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆให้ตื่นจากการหลับใหล เหล่าแมลงชั้นใต้ดินต่างพากันชอนไชออกมาตามร่องตามรูเพื่อออกหาแหล่งอาหารใหม่ พวกมันสะบัดปีกออกกาง ร่อนไปมาตามกลิ่นที่ได้รับไป

ไทนอสตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว เขาทุบหัวตัวเองสักสองสามทีแต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อคืนได้ไทนอสรีบสำรวจมองหาเพื่อนๆทันที

แต่มันก็แปลก…..ขณะนี้ไทนอสเองนอนยู่ในที่พักชั่วคราวของเขาเอง ข้างๆมีชีวาสและเอสเปอร์ที่นอนอยู่อย่างสงบ…..และดูท่าจะยังไม่ยอมตื่นง่ายๆ เขารู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในใจนึกเป็นห่วงคนที่คิดถึงเสียเหลือเกิน โดยไม่รอช้าไทนอสเร่งออกจากที่พักไปสู่อีกที่ทันที





“แอล” เมื่อเข้าสู่ที่พักอีกหลัง ไทนอสก็พบแอลเองนอนนิ่งอยู่ ขณะที่ข้างๆเป็นเกรย์ที่นอนนิ่งอยู่มีฮีลนั่งข้างๆ

“แอล….ฮีลมันเกิดอะไรขึ้น แล้วแอลเป็นอะไรไป” ไทนอสรัวถาม

“……..” ฮีลมองไทนอสอย่างไม่ชอบใจ….ทั้งๆที่ไทนอสเห็นเกรย์นอนนิ่งอยู่เหมือนกันแต่กลับไม่สนใจเสียนี่



‘เกรย์เจ้าหลงรักคนแบบนี้ได้อย่างไร’



“นักล่าฝัน……โชคดีที่ข้ากับเกรย์รู้ตัวเสียก่อนจึงไล่พวกมันไป” ฮีลโกหกออกไป เพราะนั่นคงเป็นการดีกว่าที่จะให้ไทนอสรับรู้…..อีกอย่างเกรย์คงคิดมากจนอาจทำอะไรบ้าๆอีก

“หา….จริงหรือ ข้าขอบใจเจ้ามาก แล้วอาการของทุกคนคงไม่เป็นไรนะ”

“ไม่เป็นไร เพียงแต่……” ฮีลเว้นช่วงไว้ เขาหันมามองเกรย์ที่นอนนิ่ง บนใบหน้านั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้ม…

“เกรย์เป็นอะไร” ไทนอสถามอย่างเป็นห่วง

“เสียท่าให้พวกมัน….อาการหนักเอาการ” ฮีลเปิดผ้าห่มที่ปกร่างออก เผยให้เห็นรอยแผลกลางอกขาวนั้น

“เจ้ามาก็ดีแล้วไทนอส ช่วยดูแลเกรย์ต่อที ข้าต้องไปปรุงยาเพิ่ม” ฮีลออกคำสั่ง แต่ไทนอสกลับมองไปทางแอล

“เจ้าต้องวางมือกดตรงแผลไว้…..เพื่อห้ามเลือด….ห้ามปล่อยด้วยจนกว่าเกรย์จะตื่น” ฮีลคว้ามือไทนอสวางตรงแผลทันที ซึ่งอันที่จริงแล้วยาห้ามเลือดของเขาเองก็ได้ผลดีจนไม่ต้องออกแรงกดให้วุ่นวายแล้วแท้ๆ ไทนอสได้แต่พยักหน้ารับคำ พร้อมออกแรงกดแผลไว้อยู่อย่างนั้น แต่ยังไม่วายแอบมองไปยังคนที่นอนอยู่อีกฝั่งเสียไม่ได้

“ดูให้ดีล่ะ” ฮีลพูดแค่นั้นแล้วเดินออกมาด้านนอกมุ่งสู่เกวียนที่จอดนิ่งไว้ เพื่อทอดกายลงนอนอย่างอ่อนล้า ทั้งคืนที่ผ่านมาช่างเหน็ดเหนื่อยนักจิตใจของเขาอ่อนล้าเสียจนจนทำให้ชายหนุ่มนอนไม่ได้……….




“เฮ้อ….” ฮีลยันกายขึ้นค้นของในกระเป๋าหยิบเอาขวดน้ำยาอันหนึ่งออกมาก่อนจะดื่มมันเข้าไปรวดเดียวหมด




‘ข้าจะมีความสุขได้แค่ในฝันเท่านั้นหรือ’ ฮีลบ่นให้กับตัวเองก่อนทิ้งตัวลงนอนบนพื้นแข็งๆอีกครั้ง เขากลับตัวไปมาสักพักจนยาเริ่มสำแดงผล ตาของเขาค่อยๆหรี่ลงจนปิดสนิทในที่สุด




‘ข้าคงทำได้เพียงเท่านี้’




…………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………





ถึงแม้ไทนอสเองจะห่วงแอลมากขนาดไหนแต่ในเมื่อเกรย์อาการหนักขนาดนี้เขาเองก็คงไม่สามารถใจร้ายทิ้งเกรย์ได้ลงคอ ฮีลเองก็บอกแล้วด้วยว่าอาการของทุกคนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงทิ้งไว้สักพักก็ฟื้น

ไทนอสออกลดแรงกดที่แผลลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเกรย์แสดงสีหน้าเจ็บปวด พลางนึกบ่นในใจ ว่าฮีลคิดผิดที่ใช้เขา จะให้นักรบมือหนักมาทำเรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ได้อย่างไรกัน แต่ก็เอาเหอะครั้งนี้ถือว่าโชคดีไปที่เกรย์ไม่เป็นอะไรไป โชคดีจริงๆ



“อืม”



เสียงของคนที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้ามเปล่งออกมาเบาๆ ทำเอาไทนอสรีบหันไปมองแอลที่กำลังงัวเงียดันตัวลุกขึ้นมา น่าแปลกเรืองเพียงเท่านี้กลับทำให้คนอย่างไทนอส ใจเต้นแรงอย่างผิดปกติ

“เจ้าฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มทักอย่างดีใจจนออกนอกหน้า

โหรตัวน้อยยังไม่ตอบรับเขายังคงเวียนหัวไปมา เขานั่งโยกตัวไปมาสักพักจึงดีขึ้นหันไปเห็นคนตัวใหญ่ส่งยิ้มทักมาให้

“ท่าน…..ไทนอส…..นี่ขะ ข้าเป็นอะไรไป” แอลรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ เขาจำได้ว่ากำลังกินข้าวกันแล้ว…

“เราถูกโจมดี แต่ไม่เป็นอะไรมาก เกรย์กับฮีลช่วยพวกเราไว้น่ะ” ไทนอสตอบข้อสงสัย เขาอยากจะเข้าไปกอดแอลเหลือเกิน แอลจะรู้ไหมว่าเขาคนนี้เป็นห่วงมากขนาดไหน ร้อนใจแค่ไหนที่เห็นเจ้าตัวเล็กล้มลงไปต่อหน้าต่อตา แต่เขาตอนนี้ต้องดูแลเกรย์เสียก่อน

“แล้วท่าน…ไม่เป็นไรนะ” แอลถามพร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทาง เขาเองก็รู้สึกแปลกๆที่ต้องถามไทนอสไปแบบนั้น……

“ข้าไม่เป็นไร…..เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ” ไทนอสยิ้มจนแก้มปริ จนเผลอตัวออกแรงกดที่มือแรงเสียจนเกรย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“แย่แล้ว แอลเจ้าไปตามฮีลที สงสัยอยู่ที่พักอีกหลังหนึ่ง” ไทนอสออกคำสั่งพร้อมกับโอบเกรย์ที่เริ่มร้องโอดไปมา



แอลหน้าตื่นรีบเร่งวิ่งออกไปทันที



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ทางด้านชีวาส เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เขาแนบใบหน้าลงกับเนื้อแน่นๆแทนหมอน ‘นี่คงเป็นอกของไทนอส’ เจ้าตัวเชื่อว่าอย่างนั้น ถึงแม้ตัวชีวาสเองจะพอรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สติดีนัก จะเรียกว่าครึ่งหลับครึ่งตื่นก็คงไม่ผิดนัก



“เจ้าจะทำอะไรข้าน่ะ”



‘อืมมมม อย่าถามเลยน่าไทนอส เรื่องแบบนี้เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ’ จอมเวทหนุ่มคิดไปยิ้มไป เขาบรรจงไล้มือมาตามผิวเนื้อของอีกฝ่าย


“หยุด” เสียงนั้นดูเหมือนไม่พอใจ


‘อะไรกันไทนอส ……หรือว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าใช้มือ’ คิดได้ดังนั้นชีวาสรีบแย้มกลีบปากอันอ่อนนุ่มไล้เลียยอดอกหนา เล่นทำอีกคนส่งเสียงครางออกมาไม่ได้

‘นั่นกระไร ในที่สุดก็ทนไม่ได้’ ชีวาสยิ่งได้ใจเมื่อได้ยินเสียงนั้นดังยิ่งขึ้น เขายิ่งเลื่อนตัวลงมาช้าๆ เน้นลงลิ้นตรงร่องท้องที่อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ


“อูยยยย……ตามใจ…อา…..ตามใจเจ้าแล้วกัน…..แล้ว…จะหาว่าข้าไม่เตือน”


‘โถ่ ไทนอสข้าเองก็ถูกเจ้าลงโทษมานักต่อนัก มีเรื่องอะไรที่ข้าต้องกลัวอีก’ มือทั้งสองไม่รอช้าคว้าเข้าตรงกลางลำตัวอีกฝ่าย ซึ่งมันแข็งตัวรออยู่นานแล้ว เจ้าท่อนเนื้อเต้นรับสัมผัสจากชีวาสเป็นจังหวะเล่นเอาชีวาสนึกสนุกบีบเล่นเบาๆ

‘วันนี้ใหญ่จัง สงสัยตื่นเต้น หึหึ’

“อืมมมมม”

มือที่รูดขึ้นลงสลับกับปลายลิ้นที่รัวเล่นอยู่ที่เนินอกทำเอาฝ่ายถูกกระทำครางไม่หยุด ชีวาสยิ้มอย่างได้ใจก่อนจะครอบปากลงไปยังท่อนเนื้อใหญ่ยักษ์นั่น สัมผัสแรกที่รู้สึกมันช่างคับแน่นไปเสียหมดทุกส่วน กลิ่นอับจางๆเล่นกระตุ้นอารมณ์ชีวาสให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก


‘สมกับเป็นไทนอส ดูสิกระแทกใหญ่เชียว’


อีกคนออกแรงเด้งสวนเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตเล่นเอาชีวาสเกือบสำลักไปหลายรอบจนต้องใช้มือดันท้องเอาไว้

“หยุดทำไมอยากนักไม่ใช่” แต่เขาคนนั้นกลับไม่ยอมใช้มือกดหัวชีวาสเข้าไปอีก


‘วันนี้ไทนอสช่างรุนแรงนัก…..โอเร้าใจข้ายิ่งนัก’


แต่การกระทำดังกล่าวกลับทำให้ชีวาสมีอารมณ์ร่วมเข้าไปใหญ่ ปลายลิ้นเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ เขาฉกรัวเร็วและแรงพร้อมออกแรงดูดอย่างสุดความสามารถ


“โอววว….ชีวาส…..ข้าไม่ไหวแล้ว”


ไม่นานนักชายหนุ่มก็ร้องลั่นพร้อมกับเกร็งตัวกระฉูดน้ำรักเข้ายังปากของชีวาสเต็มรัก ทำเอาจอมเวทไม่ต้องออกแรงกลืนน้ำรักทั้งหมดก็ไหลผ่านลงลำคอของเขาไปเอง



“ซะ….สุดยอด”



‘ก็แหงล่ะ เล่นซะข้าเหนื่อยเลย’ ชีวาสค่อยๆถอนปากออกจากท่อนเนื้อแข็ง น้ำเมือกขาวขุ่นที่คงค้างไหลย้อยลงเป็นทาง


‘แต่น้ำของไทนอสวันนี้มันคาวผิดปกตินะ……แต่ข้าก็ชอบ’ ชีวาสใช้นิ้วปาดน้ำรักที่ขอบปากแล้วลงมือลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อย


“ฮีลเจ้าอยู่ที่นี่……..อ๊ะ” น้ำเสียงที่ฟังดูตกใจดังขึ้นเล่นเอาชีวาสหันไปพร้อมกับลืมตา แต่ด้วยแสงแดดที่จ้ามันทำให้เขามองได้ไม่ชัดเจนนัก



‘ใครมาขัดจังหวะข้ากัน’



“ทะ….ท่าชีวาส”


‘อ้อ เจ้าแอลนี่เองข้าจำเสียงได้ หึก็ดีเห็นข้ากับไทนอสสภาพนี้คงพอคิดอะไรได้นะ ว่าไทนอสน่ะของข้า’ ชีวาสยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมกับกอดคนอีกคนเสียแน่น



“ทะ…ทะ…..ท่านเอสเปอร์…..ข้าขอโทษ”



พูดได้เพียงเท่านั้นแอลผู้โชคร้ายก็วิ่งพาหน้าแดงๆกลับออกมาจากที่พักทันที



‘ดีหนีไปไกลๆเลยไม่ต้องกลับมา………' ชีวาสยิ้มอย่างมีชัย


‘เดี๋ยวนะเมื่อกี้มัน’


ใช้เวลาอีกไม่นานสายตาชองชีวาสก็คุ้นเคยกับแสงสว่างภายนอก เขาค่อยๆเบนสายตามาหาคนที่กอดอยู่


‘อย่าให้เป็นอย่างที่ได้ยินเลย’


แต่ภาพที่เห็นต่อหน้าคือเอสเปอร์ที่เปลือยเปล่า เขายักคิ้วกวนๆให้สองสามทีก่อนจะพูดออกมาว่า








“เจ้านี่เด็ดจริงๆ ชีวาส”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 03-08-2009 22:20:18
ชีวาส  เจ้านี่แรงจิง ๆ

555+
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 03-08-2009 23:59:32
อ้ายยยยย ชีวาสเหมาหมดแร้นนนน ไม่ยอมๆๆๆๆๆๆ  :z3:

แต่สงสารพี่หมอฮีลจังอ่ะ  :เฮ้อ:

ตอนนี้ข้าเลือกไม่ถูกและ หมอฮีล กะ เอสเปอร์ ไง ขอ 2 คนพร้อมกันได้ป่ะ ทีฟ่า หุหุหุ นะนะนะนะนะนะนะน :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 04-08-2009 12:00:16
เท ชีวาส ลงไปบนร่างเอสเปอร์ ที่เปลือยเปล่านั้น อุอุ   :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 04-08-2009 12:56:54
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคำเดียวจริงๆ :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 20 3/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-08-2009 17:51:03
งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องติดใจจนลืมไม่ลง :z1:  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-08-2009 07:29:17
แง้ว......หายไปนานเป็น 10 วัน

หนีไปเที่ยวนิดหน่อยเอง

นิยายที่ตามอ่านลงไปกันไกลเลย ต้องตามอ่านตาแฉะชัว

แอร๊ยยยยยยยยยย











บทที่ 21






เช้าอันสดใสอีกวันที่ไม่ค่อยจะราบรื่นนักสำหรับกลุ่มนักเดินทางกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่สืบเนื่องจากราตรีอันยากที่จะเข้าใจ จนมาสู่ความวุ่นวายในยามเช้า ไม่ว่าจะเป็น




ไทนอสที่กำลังร้อนใจเมื่อเห็นอาการเจ็บปวดของเกรย์ที่นอนบิดร่างกายไปมาจนเลือดเปรอะมือของเขาไปทั่ว




หรือจะเป็นแอลที่กำลังพยายามปลุกหมอหนุ่มที่พึ่งจะเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยน้ำยาที่แรงที่สุดของตนเอง




แต่หากจะพูดไปแล้วเรื่องที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด…..อาจจะเป็น





“เจ้ามันคนฉวยโอกาส”

เสียงด่าทอตามมาด้วยเสียงระเบิดเป็นระยะดังขึ้นอย่างต่อเนื่องบนพื้นที่กว้างแห่งนี้ ทำเอาสัตว์เล็กสัตว์น้อยตื่นกลัวหนีออกไปจากที่อยู่ด้วยเกรงว่าอาจถูกลูกหลงเข้า

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว….เจ้าต่างหากที่อยู่ๆก็ดูดเอา” อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ตอบโต้ไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ จนทำให้ชีวาสหน้าแดงขึ้นไปอีก

“เจ้า…..” ชีวาสไม่รู้จะว่าอะไรอีก ไม่ว่าเขาจะด่าอะไรไปก็เหมือนไม่ได้ซึมเข้าสู่สมองน้อยๆของเจ้าเอสเปอร์เลยสักนิด

“แต่ลิ้นเจ้านี่สุดยอดจริงๆ” เอสเปอร์ยิ้วกวนๆ ก่อนจะหลบลูกไฟลูกใหญ่ที่พุ่งเข้ามาตรงๆ

“เจ้ามันบ้า” ชีวาสเสกลูกไฟขึ้นอีกนับสิบแล้วขว้างออกไปอย่างไม่คิด….ถึงจุดนี้เขาถูกความโกรธครอบงำจนลืมไปแล้วว่าพลังของตนนั้นทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

เอสเปอร์หัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเสีย เขาหลบลูกไฟเหล่านั้นไปมาอย่างเชี่ยวชาญ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้จริงจังนัก มีบางครั้งที่ลูกไฟเหล่านั้นกระทบกับตัวเอสเปอร์เข้าอย่างจัง แต่มันก็ทำได้เพียงหยุดการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มชั่วขณะก็เท่านั้น

ชีวาสเริ่มหายใจถี่ขึ้น การร่ายเวทต่อเนื่องแบบนี้ไม่เป็นผลดีนัก ยิ่งนานเข้าพลังเวทมีแต่จะเสื่อมถอยลงเป็นทวี สู้รวบรวมไว้แล้วปล่อยไปเสียทีเดียวยังคุ้มค่ากว่า



ไม่รู้เหตุใดตอนนี้ชีวาสรู้สึกสงบขึ้น อาการโกรธ บ้าคลั่งเมื่อสักครู่หายไป



“หายบ้ารึยัง” เอสเปอร์ถามด้วยรอยยิ้มอย่างเคย นั่นเองที่ชีวาสไม่ชอบใจเอาเสียเลย

“เจ้านี่มัน” ชีวาสเริ่มหัวเสียอีกครั้ง ลูกไฟลูกเล็กถูกเสกมาอีกครั้ง

“อ๊ะๆ พอได้แล้ว ดูสิ….อีโมมันกินจนอิ่มแล้วล่ะ” เอสเปอร์ยกมือห้าวพลางชี้ไปข้างหลังของจอมเวท



นกสีแดงสดตัวใหญ่เท่าสุนัขกำลังนอนหงายท้องขาทั้งสองชี้ขึ้นฟ้าดิ้นไปมา บ่งบอกถึงความทรมาร ปีกทั้งสองกระพือขึ้นลงเพื่อกลับตัวให้ยืนอีกครั้ง แต่ทว่าแรงนั้นคงไม่พอที่จะพาตัวที่น้ำหนักมากขนาดนี้ขยับไปไหนได้



จิ๊บบบบบบบ



ชีวาสมองเจ้านกอย่างสงสัย…..เขาเคยเจอมันมาแล้วแต่…..มันเป็นสีดำไม่ใช่หรือ

“ขอบใจที่เลี้ยงอาหารให้อีโม….อ๊ะๆ อย่าพึ่ง….ข้าขอโทษเจ้าก็ได้” เอสเปอร์รีบพูดเมื่อเห็นดวงตาชีวาสเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง

“ข้าผิดที่น่าจะห้ามเจ้า” เมื่อชายหนุ่มพูดขอโทษชีวาสเองก็ดูจะสงบลง

“แต่เจ้าเองก็ผิด…..ที่ไม่ฟังคำข้าทั้งๆที่ข้าเตือนแล้วเจ้ายังมา”

“หยุดพูดเลยนะ” ชีวาสรีบขัดคอเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคนซื่อคนนี้จะพูดอะไรที่มันตรงเสียเกินไปออกมา

“เราทั้งคู่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก” ชีวาสทำสัญญา ซึ่งเขาเองคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรให้ไทนอสรับรู้เป็นเด็ดขาด แน่นอนอีกเดี๋ยวเขาคงต้องไปจัดการกับเจ้าแอลเป็นรายต่อไป


“ข้าตกลง” เอสเปอร์ยืดอกรับคำ ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลิศนัยอีกครั้ง



“แต่ข้าว่าเจ้าคงติดใจข้านะ……เล่นลงลิ้นเสียรัวเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”




จิ๊บบบบบบบบบบ




อีโมผู้โชคร้ายส่งเสียงร้องพร้อมกับดิ้นไปมาอีกครั้ง เจ้านายของมันจะรู้หรือไม่ว่าตอนนี้มันอิ่มเสียเกินกว่าจะรับอะไรเข้าไปอีกแล้ว




……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………




“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า” ฮีลต่อว่าไทนอสอย่าเดือดดาล
 

“ขะ ข้า”


“แค่ดูแลง่ายๆแค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้….แล้วข้าจะปล่อยให้เพื่อนของข้าอยู่กับเจ้าได้อย่างไร” ฮีลลงมือราดน้ำยาลงบนตัวเกรย์อีกครั้ง เขาต่อว่าไทนอสไม่หยุด ซึ่งไทนอสเองก็ก้มหน้าก้มตารับคำด่าทอแต่โดยดี



เกรย์สงบนิ่งลงไปอีกครั้ง เขาหายใจแผ่วเบา ตายังหลับพริ้ม เม็ดเหงื่อที่เกาะบนใบหน้าเริ่มจางหายไป



“เจ้าจะไปไหนก็ไป” ฮีลออกปากไล่

“แต่ข้า….”

“ข้าบอกให้ออกไป”

“ข้าเพียงอยากแก้ตัว…..ข้าก็เป็นห่วงเกรย์” ไทนอสตอบไปด้วยความจริงใจ แม้เขาเองจะไม่แน่ใจนักว่าที่เขาพูดไปเนื่องจากความรู้สึกผิด หรือ เขาเองเป็นห่วงเกรย์จริงๆ

“เกรย์ไม่ได้ต้องการเจ้า” ฮีลกล่าว……



แต่น่าเสียดายสิ่งที่หมอหนุ่มพูดออกมานั้นหาได้ตรงกับความจริงเสียอย่างไร



“ทะ..ไท..นอ….ส” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอย่างแผ่วเบาทำเอาผู้ที่กำลังเถียงกันทั้งสองหยุดการโต้วาทีพร้อมใจกันหันไปมองคนเจ็บที่กำลังลืมตาพร้อมกับเอ่ยชื่อไทนอสออกมา

“ข้าอยู่นี่ เกรย์” ไทนอสรีบเข้าไปข้างๆ เขารีบจนเบียดเอาหมอหนุ่มถอยออกไปข้างหลัง

“ขะ….ข้า….เป็น..อะ….ไร” เกรย์รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ เขาไม่เข้าใจทำไมเขาจึงนอนอยู่ตรงนี้ ทำไมรู้สึกเจ็บกลางอก…..แล้วเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น….

ทำไมเขาจำอะไรไม่ได้

“เจ้าจำอะไรไม่ได้หรือ” ไทนอสถามอย่างเป็นห่วง เขาหันไปถามฮีลว่าเกรย์เป็นอะไร แต่ฮีลเองเพียงบอกว่าเกรย์ถูกกระทบกระเทือนที่หัวอาจทำให้ความจำไม่ปกตินัก

“แต่ข้า….ข้า”เกรย์พยายามคิดทบทวนถึงเรื่องราว แต่มันมืดไปเสียหมด เขาคิดเสียจนปวดหัว

“เกรย์เจ้าอย่าพึ่งคิดมากเลย เจ้าไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ไทนอสปลอบ

“อืม” เกรย์รับคำอย่างว่าง่าย เขายิ้มน้อยๆ อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรในเมื่อไทนอสมาดูแลเขาแบบนี้ ได้เห็นสายตาที่เป็นห่วง กับมืออันอบอุ่นที่กุมมือของเขาไว้แบบนี้ มันช่างเหมือนฝันนัก



“น้ำ….ขะ….ขอน้ำ”

“ค่อยๆสิเกรย์” ไทนอสพยุงคนร่างเล็กลุกขึ้นด้วยแขนเพียงข้างเดียว เขาอดคิดเสียไม่ได้ว่าเกรย์ช่างผอมเสียกระไร อีกมือก็คอยเอียงแก้วน้ำป้อนให้คนเจ็บเป็นระยะอย่างพอดี




ในขณะที่มีคนๆหนึ่งดีใจนั้น เขาคนนั้นคงไม่ได้สนใจสิ่งอื่นหรอก…..ถึงมองเห็นก็คงไม่ได้เข้าใจหรือไม่ได้ใส่ใจว่าสิ่งอื่นๆนั้นรู้สึกอย่างไร……หรือเป็นอย่างไร……เกรย์คือหนึ่งในนั้น เขามีความสุขอยู่กับไทนอสที่คอยดูแลไม่ห่าง จนเขาไม่คิดว่าเป็นความจริง จนอดหยิกเนื้อตัวเองเพื่อทดสอบว่านี่ไม่ใช่ฝันอยู่บ่อยๆ ใช่แล้ว….เกรย์กำลังยิ้ม…..ยิ้มอย่างมีความสุขทั้งๆที่ร่างกายเจ็บปวด



ฮีลทนเห็นภาพเหล่านั้นไม่ได้อีกต่อไป เขาอยากตะโกนบอกนักว่าเขาเองต่างหากที่พาเกรย์มารักษา….เฝ้าดูแลทั้งคืน….เขาคนนี้ต่างหากที่เป็นห่วงเสียจนหลับไม่ได้….เขาคนนั้นที่รักเจ้าเสียจนไม่อยากให้เจ้าเสียใจ



แต่เพียงหมอหนุ่มเห็นรอยยิ้มอันนั้นเขาเองก็เข้าใจ





ในบางครั้งสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับเกรย์….สิ่งที่เขาทำให้ทุกอย่างเพื่อเกรย์

เกรย์เองไม่ได้ต้องการมันเลย




เขาหันหลังเดินออกไปช้าๆ

“เจ้าตามข้ามาแอล” ฮีลดึงมือโหรน้อยให้ตามเขาไปซึ่งแอลเองก็ไม่มีแรงพอที่จะขัดได้

“เจ้าต้องถูกลงโทษที่กวนเวลานอนของข้า” ฮีลสร้างเหตุผลหลอกๆขึ้นมาเพื่อดึงตัวอีกคนออกไป



แอลพยักหน้าอย่างง่ายดาย เขาเดินตามฮีลไปยังเกวียน

แต่ในใจของเขายังคงคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่

ภาพของเกรย์และไทนอสมันทำแอลไม่พอใจ……..เหมือนกับเวลาที่ไทนอสอยู่กับชีวาส มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกัน





แต่เกรย์ไม่สบายอยู่นะ





แต่เขาเองก็ไม่ชอบที่ไทนอสจะไปใกล้ชิดคนอื่นแบบนั้น




‘ข้าไม่ควรคิดแบบนี้ไม่ใช่หรือ…..ข้าควรหนีห่างไม่ใช่หรือ’



……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………



ภาพเหตุการณ์วุ่นวายเหล่านี้หาได้หลุดรอดสายตาผู้ตามล่าคนนี้ เขาจ้องมองผ่านบ่อน้ำเล็ก รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก ลูกดอกในมือขว้างออกไปปักกลางนกโกลวิงโชคร้ายที่บินผ่าน มันแน่นิ่งและตกลงสิ้นใจอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ


‘รีบเดินทางมาเร็วเข้าเจ้าพวกมนุษย์’


ชายนักล่าเฝ้ามองบรรดาเหยื่อพร้อมวิเคราะห์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน เพื่อปรับวิธีต่อสู้เสียใหม่ ครั้งที่แล้วเขาพลาดไปเพราะดูถูกเจ้าพวกนี้ไปเสียมาก แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน



เขาได้เตรียมเรื่องน่าสนุกไว้รอต้อนรับไว้แล้ว



ณ รอยแยกแห่งผลึก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-08-2009 11:46:35
แอร๊ยยยยยยยยยยยย แล้วเอสเปอร์ติดใจชีวาส มั้งปะ  :m4:

แล้ว แอล จะเป็นไรมั้ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-08-2009 13:14:11
 :เฮ้อ:เรื่องวุ่นวายคงไม่จบเท่านี้แน่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 14-08-2009 15:31:12
เข้ามาเชียร์ แอสเปอร์ กะ ชีวาสสสส   o13

กิ่งทองใบหยกน่ะคู่นี้  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 14-08-2009 19:17:47


เอ่อ แบบว่า แบบ แบบ แบบว่า << ลิ้นระรัวพัวพัน กรี๊ดดดดดดดดดดด

แล้วเอสเปอร์ ไม่อยากดื่มจาก ขวดชีวาส โดยตรงบ้างหรือไร กรี๊ดดดดดดดดดดดเพิ่ม


ปล. นิ หนีเที่ยว มีประสบการณ์พร่างพรู มาฝากชีวาสบ้างไหมล่ะ ขยับขลุกขลักกุกกัก

กุกกัก คือ ไม่สะดวก
ขลุกขลัก คือ ติดอยู่ในที่แคบ

ติดอยู่ในที่แคบ โดยขยับได้ไม่ค่อยสะดวก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดกว่า  :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 21 13/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: J๐ly ที่ 15-08-2009 19:58:58
 :z13: :z13:


ชอบคู่ ชีวาส กะ เอสเปอร์ จิง ๆ เร้ยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-08-2009 03:08:18
มีแต่คนเชีย ชีวาสกันจริงๆ

สงสัยต้องเปลี่ยนคู่เอกกันเสียแล้วงานนี้ คริๆ








บทที่ 22






ผ่านไปถึงสามวันกว่าที่อาการของฮีลทุเลาลงพอที่จะเดินทางต่อได้ หากแต่ว่าอาการเจ็บนั้นยังไม่หายดีนัก เกรย์ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้มากนัก ลำพังแค่เดินไปมาก็หอบจนเหนื่อยจะแย่ ฮีลบอกว่าจำเป็นต้องพักฟื้นอีกสักพักจึงจะหายเป็นปกติ ช่วงนี้จึงไม่แปลกใจเลยหากจะพบเจอฮีลบังคับให้เกรย์ดื่มยาอยู่เสมอ

สำหรับความทรงจำของเกรย์นั้นได้ถูกฮีลจัดการไปเสียสิ้น เกรย์ไม่รับรู้เรื่องราวในคืนนั้นและไม่มีวันนึกขึ้นได้ เขารู้เพียงคำบอกกล่าวจากทุกคนเพียงแค่เรื่องโกหกที่ฮีลแต่งขึ้นมา



เป็นชีวาสเสียอีกที่ยังนึกสงสัยถึงเรื่อที่เกิดขึ้น



ในคืนนั้นเขาเองตั้งใจหมายจะใส่ยาพิษลงไปในจานอาหารของแอล แต่แผนการนี้ต้องยกเลิกไปเสียก่อนเนื่องจากเอสเปอร์คอยตามจับตาดูเขาโดยตลอด คงไม่ดีนักหากจะทำการอะไรลงไปในตอนนี้ บางทีชีวาสอาจต้องคิดแผนการใหม่ที่แยบยลกว่านี้ แผนที่เอสเปอร์ไม่สามารถรู้ทันเขาได้

และก็เป็นจริงดังคาด มื้อเย็นของวันนั้นเอสเปอร์ก็ทำเรื่องเข้าจนได้ นี่ถ้าเขาใส่ยาพิษลงไปจริงๆ อะไรจะเกิดขึ้นกัน แน่นอนเขาคงบอกห้ามไม่ให้ไทนอสกิน แต่จะบอกเหตุผลว่าอะไรกันเล่า…มีหวังไทนอสต้องรู้ความจริงแน่

ทั้งๆที่ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขากลับล้มลงทีละคน…..เพราะอะไรกัน

เพราะพวกนักล่าฝันหรือ………อาจจะใช่ แต่ที่ข้าสงสัยมากกว่านั้น

ยาพิษที่เขาขโมยมามันหายไปที่ไหนกัน

คำถามเหล่านี้ยังคงกวนใจชีวาสอยู่จนถึงทุกวันนี้




“คิดเรื่องอะไรอยู่” เอสเปอร์ถามชีวาสขณะที่ทั้งหมดอยู่ในเกวียน เสียงของเขาดังพอที่จะทำให้ทุกคนหันมามอง

ชีวาสส่งสายตาดุเข้าให้ พร้อมกับบอกไปว่าไม่มีอะไร

“นึกว่าคิดเรื่อง……..” เอสเปอร์ลากเยงยาวพร้อมกับทำเสียงครางเบาๆ เล่นเอาชีวาสรีบใช้มือปิดปากเขาโดยเร็ว

แอลมองมาอย่างรู้ความหมาย แต่เจ้าตัวน้อยก็ถูกสายตาข่มของชีวาสเข้าเสียก่อน จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาไปเสีย ส่วนฮีลเองไม่ได้ใสใจเขายังมัวแต่บังคับให้เกรย์กินยาที่เหลือ

“เจ้าสองคนดูสนิทกันดีนะ” ไทนอสโพล่งออกมา

“ไม่ใช่นะไทนอส” ชีวาสรีบแย้ง เรื่องอะไรจะให้เข้าใจไปแบบนั้น

ชีวาสใช้เวลาที่เหลือไปกับการเอาใจไทนอส หวังเพียงไม่ให้เรื่องวันนั้นแพร่งพรายเข้าหูไทนอสได้เป็นพอ แต่มีรึที่เอสเปอร์จอมยั่วจะอยู่เฉยๆ








รอยแยกแห่งผลึก รอยแยกอันกว้างใหญ่กินอาณาเขตนับพันกิโลเมตร ไม่มีใครรู้ว่าที่แห่งนี้กำเนิดมาได้อย่างไร มีเพียงตำนานที่เล่าขานสืบกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

แผ่นดินที่ถูกแยกออกจากกันเป็นแนวตรงเสมือนมีใครตั้งใจสร้างเอาไว้อย่างจงใจ ผลึกเรืองแสงผุดขึ้นเป็นหย่อมๆ ไล่ไปตามหุบเหวสูงชัน มองลงไปคล้ายกับหิ่งห้อยนับพันเรืองแสงอย่างสวยงามในความมืด เสียงหวีดหวิวจากสายลมเหนือพัดผ่านส่งเสียงคราญ เหมือนหญิงสาวที่หัวใจแตกสลายร่ำไห้แด่ชายผู้เป็นที่รัก

แอลมองสะพานแขวนที่ทำจากไม้อย่างไม่ไว้ใจ เชือกเก่าๆที่ใช้มัดนั้นดูหนาแน่อยู่หรอก เพียงแต่มันผ่านร้อนผ่านหนาวมานักต่อนัก ไหนจะพื้นไม้ผุๆนั้นอีก ตัวคนเองคงน่าจะผ่านไปได้ แต่การจะให้รถเกวียนที่หนักเป็นตันนั้น คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเป็นแน่แท้

“เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกแอล” ไทนอสโผล่มาข้างแอลเมื่อไรไม่ทราบได้ ทำเอาแอลตกใจหนีไม่ทันทำได้เพียงเออออไปตามเรื่องตามราว

ไทนอสโม้ต่อไปว่าไม่ต้องห่วงเขาจะคอยดูแลแอลเอง ไม่ปล่อยให้ตกไปด้านล่างเด็ดขาด ทำเอาคนตัวเล็กเขินจนพูดไม่ออกได้แต่ก้มหน้ามองแสงไฟในหุบเหวนั้น

ทั้งสองคนคงไม่รู้หรอกว่าชีวาสนั้นจ้องมองอยู่อย่างเหลืออด ประกายไฟลุกวาบในดวงตา อกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ประทุ

“ใจเย็นๆพวก……เจ้าคงไม่อยากเผาสะพานหรอกใช่ไหม” เอสเปอร์เห็นท่าไม่ดีเร่งเข้าไปหาเรื่องคุยเบี่ยงประเด็นเสีย

ชีวาสบอกไม่ต้องมายุ่งพร้อมกับเดินหนีไปอีกทาง ในใจคิดถึงแต่ไทนอส…..และแอล



‘ถ้าเกิดตกลงไป……คงไม่รอด’



ความคิดน่ากลัวผุดขึ้นในสมองของจอมเวทหนุ่ม เขาลองเขี่ยเศษผลึกที่อ่อนแสงให้ตกไปสู่เบื้องล่าง เขามองเห็นแสงนั้นไกลออกไป…….จนหายวับไปที่สุด








ส่วนเกรย์ซึ่งตอนนี้นั่งพักอยู่ในเกวียนที่ค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านสะพานไปอย่างระมัดระวัง มีบางครั้งที่สะพานเกิดสั่นไหวจากสายลม จนทำให้เกรย์ถึงกับต้องกลั้นหายใจ

“เจ้ากลัวหรือ” น้ำเสียงของฮีลนั้นถึงแม้จะแข็งกร้าวแต่ก็สายตาที่จ้องมองไม่ได้เป็นไปตามนั้นเลย

เกรย์ส่านหน้าไปมา แต่ก็ยังขบกรามแน่น ราวกับว่าสิ่งนั้นจะช่วยให้สะพานหยุดไหวเสีย ทำเอาฮีลหัวเราะเบาๆกับท่าทีของสหายเก่า







ทางด้านนอก


“เจ้าจะไปไหนแอล รีบเดินเข้าสิ” เอสเปอร์ดันหลังแอลให้เดินไปคู่ไทนอส แต่แอลเองขืนตัวไว้ ด้วยความเกรงต่อชีวาสที่อยู่ข้างตัวชายหนุ่ม

“ชีวาส….เจ้ามานี่หน่อยสิ” เอสเปอร์กวักมือเรียกพร้อมรอยยิ้มอันน่ากวนใจอย่างที่ทำเป็นประจำ

ชีวาสทำเมินไม่ใส่ใจ ในใจนึกโกรธเจ้าถึกที่อยู่ๆก็จะจับแยกเขาออกไปจากไทนอส อีกทั้งยังให้เจ้าแอลมาคู่กันอีก


‘มันจะมากไปแล้ว’


“มาน่าชีวาส ข้าเพียงอยากคุยเรื่องตอนเช้าวันนั้นเสียหน่อย……ที่เราติดค้างกันไว้น่ะ….เผื่อเจ้า….” เอสเปอร์ร่ายยาว เขารออีกไม่กี่อึดใจ ในใจนึกอยากจะเผาไอ้หน้ากวนๆนั้นเสีย แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้

“เอ้า แอลไปโน่นสิ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” เอสเปอร์ดันหลังของโหรน้อยไปอีก เล่นเอาแอลเซไปมา ไทนอสจึงต้องรีบคว้าเอาไว้อย่างเป็นห่วงพร้อมกับต่อว่าเอสเปอร์ที่เล่นไม่เป็นเวลา

“เอ้า ข้าอุตส่าช่วยนะนี่” เอสเปอร์บ่นเบาๆให้พอได้ยินเพียงเขากับชีวาสเท่านั้น

“นี่เจ้า” ชีวาสขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ และยิ่งมากเข้าไปอีกเมื่อเห็นเอสเปอร์ยังยิ้มระรื่นอยู่

“ให้แอลอยู่ใกล้ไทนอสแบบนี้ล่ะดีแล้ว…..จะได้ปลอดภัย” เอสเปอร์ว่า

“เจ้าก็ดูแลได้” นักเวทเถียงไม่ยอมความ

“หึ……” เอสเปอร์แค่นหัวเราะ นึกในใจหากเขาเดินคู่กับแอลจริงๆมีหวังถูกชีวาสจับโยนลงไปทั้งคู่เป็นแน่




การเดินทางข้ามรอยแยกแห่งผลึกผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนต่างโล่งใจที่สะพานนั้นสามารถทนน้ำหนักของพวกเขาไว้ได้ ยกเว้นก็คงเพียงชีวาส ที่กำลังขบฟันแน่นด้วยความหงุดหงิดที่แผนการของเขาต้องถูกเอสเปอร์ขัดเอาอีกครั้ง


หรือข้าต้องจัดการเจ้าบ้าถึกนี่เสียก่อน’




ฮูม



เสียงคำรามของอสูรดังขัดความคิดของจอมเวท ทั้งหมดคว้าอาวุธออกมาเตรียมพร้อม ทั้งเกรย์และฮีลต่างลงมาจากเกวียนเตรียมพร้อมรับมือ

พื้นดินสั่นไหวเป็นจังหวะการเดินของอสูรตัวยักษ์ เสียงกีบเท้าดังตึงๆน่าเกรงขาม เขาโค้งงอสีดำปลายแหลมดูน่ากลัว ใบหน้าของกระทิงพ่นลมหายใจเข้าออกผ่านทางรูจมูกอันใหญ่ เหมือนมันไม่สบอารมณ์นักในยามนี้ แต่ร่างกายกับเป็นชายตัวใหญ่อุดมไปด้วยมัดกล้ามที่เรียกได้ว่าเอสเปอร์ต้องยอมแพ้ เส้นเลือดปูดโปนเลื้อยไปมาตามผิวสีน้ำตาลไหม้ มือขวาถือมั่นไว้ซึ่งขวามเงินด้ามใหญ่ ปลายของขาวนครูดไปตามผืนดินแห้งเกิดรอยเป็นทางยาว


ฮูม


มันส่งเสียงร้องอีกครั้งพร้อมกับเงื้อขาวนขึ้นแล้วฟันลงพื้นดิน บังเกิดการระเบิดทำเอาเศษดินกระจายไปทั่วทุกทิศ
ดีที่ทุกคนตั้งท่ารอไว้อยู่แล้วจึงก้มหลบได้อย่างปลอดภัย

เจ้าหน้ากระทิงวิ่งตรงเข้าไปหาเกรย์ที่ยังหมอบอยู่ที่พื้นๆ มันเร็วเสียจนน่าใจหาย ขวานนั้นเงื้อขึ้นอีกครั้งก่อนจะฟาดลงมา



ปึก



ฮีลโผเข้าใช้มือขวายันด้ามขวานไว้ แขนเขาสั่นเขารีบใช้มือที่ว่างอีกข้างคว้าเอาน้ำยาที่แรงที่สุดสาดเข้าใบหน้าศัตรูทันที จนมันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดปล่อยมือออกจากขวานเงิน เพื่อมากุมใบหน้าของตนแทน



ปัง



กระสุนเงินทะลวงเข้าใจกลางหน้าผากเจ้าอสูร ปลิดชีพของมันในนัดเดียว เลือดสีแดงไหลปนออกมากับเศษสมองสีเทาขาวชวนอาเจียร

ทั้งหมดยังไม่วางใจ ในมือถืออาวุธพร้อม เอสเปอร์สั่งฟอกซ์ออกมาสำรวจบริเวณโดยรอบแต่ยังไม่ทันที่มันจะไปไหนไกลกลับถูกลูกดอกปักเข้าเสียก่อน มันล้มลงนอนแทบจะในทันที

“ฟอกซ์” เอสเปอร์ตกใจรีบเข้าไปหาสัตว์ของเขา ลูกดอกแบบเดิมที่เคยใช้กับไทนอสปรากฏให้เห็นบนลำตัวเจ้าฟอกซ์ ลายอักขระสีดำค่อยๆขีดเขียนขึ้น

ลูกดอกอีกอันถูกขว้างออกมา แต่ถูกไทนอสปัดทิ้งไปได้ก่อน

“เจ้าออกมานะ….ไอ้พวกลอบกัด” เอสเปอร์ตะโกนด่าอย่างไม่นึกกลัว หลังจากที่ดึงฟอกซ์กลับมิติเมื่อฮีลให้ยาฟอกซ์เรียบร้อย



แปะ แปะ แปะ



เสียงปรบมือดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนจะปรากฏร่างของชายหนุ่มกลางอากาศ ชายหนุ่มที่มีผิวเนียนขาวราวหิมะ รูปร่างสูงโปร่งถูกห่อหุ้มด้วอาภรสีขาวนวล เรือนผมสีทองเปล่งประกายระยิบระยับขับให้ใบหน้าดูอ่อนวัย นัยตาสีฟ้าโตช่างชวนฝัน รองเท้าสีน้ำตาลแบบโบราณมีเชือกสานไขว้ไปมาจนถึงกลางหน้าแข้ง ส้นมีปีกขาวนวลอันเล็กกระพือไปมาเพื่อพยุงร่างไว้ให้ลอยล่องไปมาในอากาศ

ใบหน้านั้นเจอไปด้วยรอยยิ้ม……แต่มันเป็นยิ้มเพื่อการดูแคลนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า






“พวกเจ้ามาได้เพียงเท่านี้”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-08-2009 07:59:53
 :z13: มารอลุ้นจ้ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-08-2009 10:10:17
ค้างงงงงงงงงง มากกกกกกกกกกกก เลย  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 26-08-2009 14:27:59
กรรมมีนกกระทุงเหวมาก่อกวนอีกและ ใครก็ได้ยิงให้ร่วงแล้วย่างเลยครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 26-08-2009 16:46:14

เทวดาหล่อจัง  อยากกินๆ  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 22 26/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 28-08-2009 19:52:52
ชีวาส ได้เวลาแสดงฝีมือแล้วนะ จัดการ ดูด เอ๊ย ดับ เจ้าผ่องนี่ซะ
เอสเปอร์จะได้เลิกแกล้งเจ้า และหันมาเอาใจปากมหัศจรรย์ของเจ้าเสียที

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ชีวาส กินแต่ของอร่อย  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-08-2009 22:31:19
เอ.....จะให้สู้กันยังไงดีเนอะ ไอ้เราก็เขียนไม่ค่อยจะเป็น

แต่ถ้าจะตัดทิ้งเดี๋ยวก็จะกลายเป็นดราม่าไปอีก ซิกๆ




อ้างถึง
nOn†ღ : ลุ้นต่อเลยจ้า ไม่รู้ว่าจะต้องลุ้นต่ออีกมั้ย

dahlia : มาต่อแล้ว ไม่ค้างแล้วเห็นมั้ย คริๆ

three : เอาเป็นสอยดาวก่อนละกันเนอะ

กิมตี๋หัดขับ : แฮ่ม.....ซับน้ำลายหน่อยจ๊ะ

The Living Rive : แอร๊ยยยยย เม้นนี้แรงนะคะ ให้กิ๊ฟเลยค่ะเพื่อนสาว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-08-2009 22:40:04
(http://www.uppic.net/im/1163824291.jpg) (http://www.uppic.net/show/464f3a717814d42fbe25df20d58a4181)



สายฟ้าเบื้องบนฟาดฝ่า


พังทลาย ย่อยยับ......หมดสิ้น


หายนะ....อุบัติ.......เสียสูญ




เหลือเพียงความเจ็บช้ำ......ตรอมตรม











บทที่ 23



“พวกเจ้าไม่มีทางไปถึง ประตูได้”ผู้ซึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศประกาศความต้องการของตนอย่างชัดเจนที่จะขัดขวางทุกทางไม่ให้พวกของไทนอสเดินทางต่อไปยังจุดหมายได้อย่างแน่นอน


“เจ้าเป็นใคร…..ต้องการอะไร” ไทนอสตะโกนถามไป แต่ลำปืนยังคงชี้เล็งไปทางผู้มาเยือน



ผู้มาเยือนยิ้มอย่างดูถูกอีกครั้ง

‘เจ้าพวกมนุษย์นี่มันคิดว่ามันเป็นใครถึงได้กล้ามาถามชื่อข้า’



“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก…..เพราะมันไม่จำเป็น” สิ้นเสียงตอบ ปีกเล็กๆที่ส้นเท้าทั้งสองพัดกระพือเร็วขึ้น นำพาร่างขาวนวลนั้นลอยสูงขึ้นไปร่วมสิบเมตร เสียงสวดที่ฟังดูไม่เข้าใจค่อยๆถ่ายเทออกมา ไทนอสไม่รอช้าอีกลั่นไกปืนออกไป กระสุนเกลียวหมุนควงแหวกอากาศเข้าตรงหาเป้าหมายอย่างเร็ว ตามด้วยเวทไฟที่ปั่นรวมตัวเป็นพายุไฟขนาดย่อมเข้าทำร้ายเจ้าคนที่ลอยอยู่นั้น

แต่เพียงเขาโน้มตัวเพียงน้อยนิดก็สามารถหลบกระสุนไปได้แล้ว อีกทั้งพายุไฟนั้นดูเหมือนจะมอดดับไปเมื่อเข้าใกล้ ชายผู้นุ่งอาภรสีขาวมองเหล่ามนุษย์อย่างนิกขัน……


‘เป็นเพียงมนุษย์ หาญมาสู้กับข้าอย่างนั้นรึ’


เสียงสวดทวีเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไร มีเพียงแอลเท่านั้นที่กระสับกระส่าย เร่งให้ทุกคนรีบจำกัดศัตรูก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น แต่ถึงเอสเปอร์จะขว้างมีดไปอย่างไร ทั้งกระสุดแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งเวทย์สายใด ก็ไม่มีทีท่าจะทำให้ชายผู้นั้นหยุดบทสวดได้เลยจนกระทั่ง

เลือดของอสูรที่พึ่งถูกไทนอสเป่าสมองไปค่อยๆไหลย้อนกลับขึ้นมาบนเนินดินที่มีผลึกขนาดใหญ่อยู่บนนั้น แอลกรีดร้องขึ้นพร้อมกับรี่เข้าไปสกัดกั้นไว้

“อย่ามาขวางข้า” เข็มพิษถูกซัดลงมายังแอล แต่โชคดีที่ไทนอสพุ่งเข้าไปรวบตัวคนตัวเล็กให้หลบได้ทัน และนั่นก็ทำให้โลหิตของอสูรนั้นไหลลามไปถึงฐานของผลึกก่อนที่จะถูกดูดเข้าไปจนผลึกนั้นมีสีแดงฉาน

บทสวดสิ้นสุดลงแล้ว พิธีกรรมได้สิ้นสุดลง แอลได้แต่ตัวสั่นไม่อยากนึกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิด





ทันใดนั้น



ผลึกสีแดงนั้นค่อยๆสั่นรัวทำเอาแผ่นดินที่รายรอยแตกเป็นเสี่ยง เผยให้เห็นร่างของโกเลมผลึกที่หลับไหลอยู่บนเนินดินนั้นมาแสนนาน จนกระทั่งถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง

ลักษณะของเจ้าโกเลมผลึกในครั้งนี้หาได้ต่างจากเจ้าโกเลมศิลาที่พวกไทนอสได้ประมือครั้งที่แล้ว เพียงแต่ในครั้งนี้วัสดุที่ใช้เสกโกเลมนั้นมาจากเลือดและผลึกมันก็เท่านั้น

เกรย์เห็นดังนั้นจึงฝืนลุกขึ้นเพื่อจัดการ เขาจำเป็นต้องมองหาจุดอ่อนของเจ้าโกเลมเหมือนครั้งก่อน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ฮีลก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อนพร้อมกับทำหน้าเข้มเป็นเชิงห้ามและบอกว่าเดี๋ยวฮีลจะเป็นคนจัดการเอง

ชายผู้ล่องลอยบนฟ้ามองผลงานของตนอย่างพอใจ ครั้งที่แล้วเขาดูถูกฝีมือเจ้าพวกมนุษย์ไป แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เขาอุตส่าห์ตั้งใจสร้างสาวกที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาอย่างเหนื่อยยาก ไหนจะเลือดของเจ้าหน้ากระทิงที่หายาก ไหนจะบทสวดที่ยาวเสียจนปวดหัวนั่นอีก เขาเองก็นึกอยู่ในใจลึกๆว่าถ้าตัวเองลงมือจัดการซะคงจะง่ายกว่านี้ แต่อีกความคิดกลับขัดว่าตัวเขาเองไม่ควรลดตัวไปยุ่งกับพวกชั้นต่ำให้แปดเปื้อนเสียเปล่า

และนั่นทำให้เขาเลือกใช้สาวกผู้ซื่อสัตว์ตนนี้ โกเลมผลึก จะมีอะไรที่แกร่งไปกว่านี้อีก ไหนจะไอ้หมอผีที่ยังเจ็บอยู่นั่นอีกมันคงไม่สามารถทำอะไรได้อีก งานนี้เขาชนะใสๆ


‘เท่านี้เจ้านายของข้า ก็ไม่ต้องถูกเจ้าพวกนั้นรบกวน’







ทางด้านไทนอสเขาระดมยิงเจ้าโกเลมอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ถึงใช้กระสุนระเบิดที่แรงที่สุกกลับไม่ระคายผิวของเจ้าผลึกยักษ์นี่เลย มันยังคงย่างก้าวเข้ามาอย่างใจเย็น ดวงตาสีแดงสดนั้นมองไปยังเป้าหมายข้างหน้าพร้อมจะทำลายเสมอ……..เป้าหมายที่อันตรายที่สุดในตอนนี้…..ชีวาส

ชีวาสที่กำลังเร่งพลังเวทพร้อมกับร่ายคาถาที่ซับซ้อนอย่างเร่งรีบ ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว เขาเองรู้สึกถึงแรงกดดันจากเจ้าโกเลมตัวนั้น หากทำเป็นเล่นมีหวังเขาได้จากไทนอสไปจริงๆ

เอสเปอร์เองก็พยายามในการจักการเป็นอย่างยิ่ง แต่สัตว์มายาของเขาที่มีในตอนนี้คงไม่สามารถทำอะไรเจ้ายักษ์นี้ได้ ฟอกซ์ก็เจ็บอีก มันแย่เสียยิ่งกว่าแย่

แอลเองก็คิดไม่ออก เขาคว้ากองไพ่ออกมา จะใช้ The hanged man ก็ไมได้ บริเวณนี้ไม่มีต้นไม้เลย

โกเลมยักษ์เงื้อมือขึ้นทุบพื้นทำเอาทั่วบริเวณสั่นไหวจนแอลทรงตัวไว้ไม่อยู่ล้มลง เจ้ายักษ์ได้ทีเงื้อมืออีกข้างหมายทำลายคนที่พลาด



ตูม



กระสุนระเบิดกระทบเข้าเต็ๆใบหน้าใหญ่ ถึงแม้จะทำอันตรายใดไม่ได้แต่ก็พอดึงเวลาเอาไว้ได้

“อยู่ข้างๆข้า แอล” ไทนอสบอกเสียงแข็งโอบเจ้าตัวเล็กที่ตัวสั่นไว้ข้างกาย

แรงระเบิดเมือ่กี้ทำให้โกเลมหงุดหงิดขึ้นไปอีกระดับ สำหรับมันเหมือนถูกยุงกัดเข้าที่ใบหน้า แน่นอนมันไม่เจ็บหรอก แต่มันเพียงรำคาญมากก็เท่านั้น มันส่งเสียงร้องลั่น ก่อนจะรัวหมัดไปยังไทนอสและแอล

“ระวังหน่อยสิ…” เกรย์ต่อว่าด้วยเสียงตำหนิ มีกรงกระดูกขาวโผล่ออกมาจากผืนดินคอยป้องกันพวกเขาจากเงื้อมือของโกเลมไว้ ยังดีฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้ช่วยใช้น้ำยาเสริมความแข็งแรงให้กระดูก ไม่อย่างนั้นทั้งหมดคงตายไปแล้ว



The tower



ท้องฟ้าที่เคยเงียบสงบบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีนิล ประกายไฟพากันวิ่งไปมาระหว่างชั้นบรรยากาศส่งแสงสีขาวเป็นเส้นวิ่งไปมาละลานตา

แอลชูไพ่ the tower ไว้เหนือหัว เร่งสมาธิก่อนที่จะปล่อยสายฟ้าลงมาครั้งแรก



เปรี้ยง



สายฟ้าสีขาวแสบตาฟาดลงยังพื้นที่ข้างๆเจ้ายักษ์นั่น แรงระเบิดทำเอามันเซไปสองสามก้าว แอลหัวเสียที่ไม่สามารถควบคุมสายฟ้าได้อย่างใจ…..พลังของธรรมชาติมันออกจะเกินตัวเขาไปหน่อย



“เจ้าทำบ้าอะไร” เสียงตวาดของฮีลทำเอาแอลเสียความมั่นใจไปอีก ก็แน่ล่ะเล่นส่งสายฟ้ามั่วๆแบบนั้น มันเกือบจะโดนตัวเกรย์เสียแล้ว ดีที่ตนไหวตัวโอบตัวเกรย์ไว้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังเกรย์คงโดนเศษดินกระแทกเข้าเต็มๆ

แอลก้มหัวขอโทษขอโพย แต่ก็ไม่มีเวลามาก เจ้าโกเลมเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้งและครั้งนี้มันหันมาเล่นงานแอลเสียแล้วสิ

“ทางนี้แอล” ไทนอสฉุดแอลวิ่งไปทางชีวาส ที่ตอนนี้มหาเวทย์เข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว







อีกฟากหนึ่ง



ศัตรูหน้าหยกเอนตัวกลางอากาศมองการต่อสู้อย่างนึกสนุกที่ได้เห็นพวกมนุษย์วิ่งเสียจนวุ่นไปคนละทาง ทันทีที่โกเลมของเขากระโดดแล้วทิ้งตัวลงกระแทกเล่นเอาทั้งหมดล้มลงตามแรงสั่น

‘หึ ดูซิพวกเจ้าจะทำอะไรได้’

เขามัวแต่มองการต่อสู้เบื้องล่างจนลืมสนใจรอบตัว ซึ่งขณะนี้ เอสเปอร์ได้เกาะเจ้านกอีโมที่พาบินขึ้นมาช้าเบื้องหลัง

เอสเปอร์กระซิบบอกเจ้านกให้กระพือปีกให้น้อยที่สุด แต่นั่นก็เป็นไปได้ยากเนื่องจากตัวของเอสเปอร์เองหนักเหลือทน อีโมส่งเสียงค้านเบาๆ

เอสเปอร์จ้องเขม็งไปยังเป้าหมาย ใกล้เข้าไปใกล้เข้าไป……ตรงนี้อยู่ในระยะหวังผลของเขาแล้ว เอสเปอร์ส่งสัญญาณให้อีโมรักษาระยะห่างไว้ ใบมีดของเขาถูกคว้าออกมาจากซองหนังข้างตัว เอสเปอร์บรรจงเปิดน้ำยาที่ได้จากฮีลก่อนจะเคลือบมันไว้ที่ผิวมีด จนมันมีสีเขียวสด


‘เพียงแค่แผลเล็กๆ’


เอสเปอร์เพ่งสมาธิตั้งมั่นใจที่เป้าหมายตาไม่กระพริบ จนลมหายใจของเขาสม่ำเสมอมั่นคง เขาเงื้อมือแล้วพุ่งมีดออกไป

เสียงมีดแหวกอากาศทำเอาชายผู้ลอยตัวตกใจ เอี้ยวตัวมองยังใบมีดที่เคลื่อนตัวเข้ามา เขาสั่งให้เจ้าปีกจิ๋วหยุดทำงานเพื่อทิ้งตัวหลบ  ทว่าช้าไปเสียแล้ว ใบมีดคบกริบนั้นเฉือนเข้าที่ต้นขาข้างขวาเผยรอยแผลยาวตัดกัยเนื้อที่ขาวเนียนนั้น

แต่ที่แปลกกว่านั้น ของเหลวสีทองที่ลามไหลลงตามช่วงขาเนียนนั้นมันคืออะไรกัน เอสเปอร์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ แต่ยังไงก็ช่างเขาทำงานเสร็จสิ้น มันถูกพิษเข้าแล้ว ไม่ว่ายังไงอีกสักพักมันต้องตายแน่

“เจ้าบังอาจ……..” ผู้ถูกทำร้ายกร่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด มือขวาล้วงเขาไปยังร่มผ้าควานเข้าหาเข็มพิษออกมาขว้างใส่เอสเปอร์ทันที

ใบมีดอีกอันถูกใช้เพื่อสกัดป้องกันตัวไว้ได้อย่างคล่องตัว แม้ว่าจะใช้ได้เพียงมือเดียวเนื่องจากอีกมือต้องเกาะตัวอีโมเอาไว้ แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอ เอสเปอร์เพียงแค่รอเวลา…..เวลาที่พิษซึมเข้าสู่หัวใจ

“โกเลม จัดการขั้นเด็ดขาดซะ”  เมื่อเห็นว่าจัดการคนตรงหน้าไม่ได้โดยง่าย อีกทั้งพลังส่วนใหญ่ก็ใช้เรียกโกเลมไปเสียเกือบหมด

โกเลมเงยหน้ารับคำสั่ง ดวงตาฉายประกายวาววับ โลหิตที่เคลือบกายาถูกดึงมารวมไว้ที่ปลายหมัด

เอสเปอร์ได้ยินดังนั้นจึงหันไปสนใจข้างล่างแทน ปล่อยเจ้าบ้านี่ไว้เดี๋ยวมันก็ตายเอง เขาสั่งอีโมให้พาตนลงไปยังพื้นอย่างเร็ว

“จะไปไหน….ข้ายังไม่ได้คิดปัญชีกับเจ้า” หมัดขาวๆซัดเข้าตรงกลางใบหน้าเล่นเอาเอสเปอร์หงายหลังไป




ด้านล่าง



เจ้าโกเลมวิ่งตรงเข้าหาพวกไทนอสที่ตั้งกำแพงรอหน่วงถ่วงเวลาให้ชีวาสซึ่งเหลือบทร่ายอีกเพียงไม่กี่บทเท่านั้น

เกรย์บอกให้ฮีลพาเขาไปข้างหน้าพร้อมกับเรียกกำแพงกระดูกออกมาอีกสามชั้นซ้อน ฮีลที่ใช้มือขวาโอบเกรย์ไว้มั่นไม่ยอมให้อีกคนต้องเจ็บอีกต่อไป เขาจะปกป้องเอาไว้เอง

ไทนอสเล็งกระบอกปืนไป ยิงกระสุนระเบิดออกไปต่อเนื่องหวังให้ลดแรงของโกเลมที่วิ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต



เปรี้ยง



สายฟ้าจากแอลยังฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ายังไม่ถูกเป้าหมายนักแต่อนุภาพมันก็แรงพอที่จะเห็นว่าโกเลมนั้นโอนเอนไปตามแรงระเบิด

โกเลมใกล้เข้ามาแล้ว……มันใช้ไหล่เข้ากระแทกป่นกำแพงกระดูกเป็นผงสลายไป มันเง้อมือขึ้นสูง แสงสีแดงสว่างแผ่ออกมาจากกำปั้นทั้งสอง พลันทุบลงใจกลางกลุ่มนักเดินทาง

ไทนอสรวบเอาแอลแนบเข้ากับอกเขาแน่น เช่นเดียวกับเกรย์ที่ปิดหลังเข้าบดบังสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ฉับพลันที่ฝ่ามือกระทบลงกับพื้น แสงสว่างได้แผ่ออกก่อนเหล่าผลึกทั้งหลายได้รวมใจโผล่ขึ้นมาเป็นวงกว้าง
ตามติดด้วยการระเบิดพลีชีพของโกเลมที่แผ่รัศมีกว้างออกไป ผลักกระแทกผู้คนรอบข้างให้กระเด็นถอยไป


“ชีวาส”


เอสเปอร์ที่เกาะอยู่บนอีโมร้องอย่างใจเสียที่เห็นภาพชีวาสปลิวตกลงไปยังรอยแยกที่ดำมืดนั้น

เขาปลดอีโมส่งกลับยังมิติของมันทิ้งตัวปล่อยให้ตัวดิ่งลงเพื่อลดแรงต้านอากาศ






แล้วทั้งสองก็ร่วงหล่นลงสู่ความมืดอันมืดมิด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 29-08-2009 23:05:18
มาอ่านแล้วจร้า   อ้ายยยย คู่พระคู่นางได้เสียกันแร้นนนน  :oo1:

แต่เทวดาสุดหล่ออย่าเพิ่งตายนะ ยังไม่ทันโชว์เสียวเลยจะตายแร้นเหรอ  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-08-2009 13:53:30
แยกกันเป็นคู่ๆ แอร๊ยยยยยยยยย หุ หุ หุ  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 03-09-2009 11:26:15
ชีวาส ~ เอสเปอร์ ตกลงไปในร่องดำมืด หุหุ

อ คลำดีๆนะ ช รอเจ้าอยู่ คุคุคิคิ


:m10:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 23 29/8/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-09-2009 12:55:47
^
^
^
ป้า รีบน คิดอะไรอยู่นั่น

ป่านนี้ไทนอส กับ แอล จะเป็นอย่างไงบ้างเนี่ย
คนแต่งไปไหนค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-09-2009 14:43:04
ไม่ได้หายไปไสหรอกเจ้า

เพียงแค่ช่วงนี้อยู่ในโหมด ซึมเศร้ามากไปหน่อย

(ก็แค่อ่านเรื่องน้องนิน แล้วอินซะ ซิกๆ)


เลยไม่รู้ว่าจะแต่งเรื่องตัวเองไปทางไหนดี










บทที่ 24





ท่ามกลางความมืดมิดแห่งคืนเดือนแรม คืนที่ฟ้าไร้ดาว เมฆหมอกสีดำปกคลุมทั่วท้องนภา มีเพียงแสงเรืองรองจากบรรดาเศษผลึกที่แตกกระจายเป็นเสี่ยง สายลมเอื่อยที่พัดโชยนั้นไม่ได้ช่วยให้ใจของชายหนุ่มเย็นลงเลย


“เมื่อไรแอลจะฟื้นเสียที” น้ำเสียงที่เจือด้วยความร้อนรนดังขึ้นในที่พักชั่วคราวที่ถูกกางไว้อย่างลวกๆ


ฮีลที่กำลังปรุงยาอยู่หันมามองอย่างหงุดหงิด จะไม่ให้อารมณ์เสียได้อย่างไรในเมื่อเขาเองพึ่งบอกไปอยู่เมื่อกี้ว่าต้องใช้เวลาสักพัก และไหนอาการของเกรย์อีก นี่คงไม่คิดสนใจเลยสินะ

“……..” ฮีลหันกลับไปสนใจการปรุงยาต่อโดยไม่ได้พูดคำใดๆออกไป ภายในห้องนั้นช่างเงียบงันมีเพียงเสียงขวดแก้วกระทบดังกรุ้งกริ้ง กับเสียงบดยาของฮีลเพียงเท่านั้น


ไทนอสนั่งอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วยที่กำลังหลับใหลอย่างไม่ได้สติ ร่างน้อยนั้นหลับตาลงนอนนิ่ง มีเพียงหน้าอกเนียนขาวนั้นที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะบ่งบอกว่ายังหายใจ รอยแผลยาวสีแดงหลายแผลกรีดยาวตามลำตัว แขน และขา ตัดกับผิวขาวนั้นอย่างเด่นชัด ไทนอสบรรจงกุมมือแอลไว้มั่น พร้อมกับสวดภาวนาให้คนตัวเล็กตรงหน้าตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย


‘เพราะข้า……ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้’








ตูม…



เสียงระเบิดดังลั่น แรงระเบิดผลักร่างทั้งสองให้ปลิวออกไป ไทนอสกอดรัดร่างเล็กนั้นไว้แน่ไม่ยอมปล่อย เศษผลึกจากร่างโกเลมแตกออกเป็นเสี่ยงกระจายตามแรงระเบิดพุ่งเข้าหาพวกเขาเหมือนห่าฝน ไทนอสได้แต่กอดแอลเอาไว้ ใช้ร่างกายของเขาป้องกันเอาไว้………คนที่เขาห่วงใยมากที่สุด

จนทุกอย่างสงบลง ไทนอสที่นอนนิ่งอยู่รีบดันตัวคลอยอ้อมกอดออก ร่างของแอลถูกอาบไปด้วยเลือด รอยแผลกรีดยาวไปตามร่างจนเสื้อผ้าขาดลุ่ย แอลหมดสติไปแล้ว ร่ากายของเขาทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วงโลก ลำคอบางเรียวถูกประครองให้นอนอยู่ในอ้อมแขนไทนอส ชายผู้กำลังใจเสียกับเหตุการณ์ที่เกิด


“แอล”


เสียงร้องนั้นดังพอที่จะทำให้ศัตรูหน้าใสมองเห็นเป้าหมายที่ไม่ยอมตายเสียที เขาสั่งการให้ปีกจิ๋วพาเขาโฉบเข้าใกล้เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที


‘ตายยากเสียจริงไอ้พวกมนุษย์’


เข็มพิษอันใหม่ถูกเตรียมไว้พร้อมปลิดชีพ และครั้งนี้มันคงไม่โชคดีรอดไปเหมือนครั้งที่แล้วได้อีก เมื่องานเสร็จข้าก็คงได้รางวัลมากเสียจนสบายไปทั้งชาติแล้ว

ผู้รุกรานยิ้มกระหยิ่ม ขว้างอาวุธเข้าใส่ไทนอสเต็มแรง










ควันสีขาวที่กำลังพุ่งออกมาจากหม้อปรุงยาส่งกลิ่นหอมไปทั่วที่พัก ฮีลค่อยๆตักของเหลวเหล่านั้นลงขวดอย่างระวัง ก่อนที่จะบรรงปิดฝาไว้อย่างเรียบร้อย

และก็ถึงเวลาที่เขาต้องตรวจอาการของแอลอีกรอบ ฮีลถอนหายใจเล็กน้อย เพราะเขาต้องเจอหน้าไทนอส…..และทุกครั้งที่พบมันยิ่งตอกย้ำถึงความรู้สึกของเกรย์ ที่ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าวันไหน ก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงใจของเกรย์ไปได้สักครั้ง

ฮีลลงมือตรวจดูอาการของแอลเป็นรอบที่สามของวัน อาการของแอลไม่น่าเป็นห่วงนักพักผ่อนอีกสองสามวันก็คงสามารถเดินได้ ฮีลเองก็ตกใจในพลังชีวิตของคนตัวเล็กคนนี้ ตามปกติแล้วคนที่ดูอ่อนแอแบบนี้ไม่น่าที่จะฟื้นฟูตัวได้เร็วขนาดนี้ แต่ก็นั่นอีกล่ะ คงเพราะได้กำลังใจดีล่ะมั้ง ฮีลหันไปมองไทนอสด้วยหางตาอย่างไม่ชอบใจนัก


‘เจ้ารักคนผิดจริงๆ เกรย์’




หลังจากตรวจอาการแอลเสร็จแล้ว ฮีลก็เร่งไปยังอีกฟากของที่พัก

เกรย์นอนนิ่งอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่งของที่พัก รอยแผลเก่าจกาการทำร้ายตัวเองยังคงเด่นชัดกลางหน้าอกขาว แต่แผลนี้หาได้ใช่เหตุผลที่เขาต้องกลับมานอนนิ่งแบบนี้อีก…..รอยแผลอันใหม่ตรงต้นขานั่นเสียอีก ไหนจะรอยกรีดที่ข้อมืออีกเล่า แน่นอนต้องไม่ลืมรอยแผลที่กรีดผ่านเส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอนั่นอีก

ฮีลก้นลงนั่งข้างๆเกรย์พลางลูบไล้ตามใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างห่วงใย รอยแผลต่างๆเหล่านั้นยิ่งกระตุ้นให้ฮีลเข้าใจชัดถึงความในใจของเกรย์




รู้ว่าเกรย์รักไทนอสมากเพียงไหน




ฮีลจัดการเทน้ำยาที่ปรุงเสร็จใหม่ๆลงไปยังบาดแผลต่างๆ และปล่อยให้มันจัดการอาการต่างๆไป เขาก้มลงมองหน้ากากกระดูกที่เกรย์ใส่ไว้ประจำ ก่อนจะเอื้อมมือถอดมันออกช้าๆ

ภาพที่เห็นแม้ว่าจะไม่ผิดจากที่คิดไว้นัก แต่ก็ทำเอาหมอหนุ่มใจหายเสียไม่ได้ ผลของการใช้พลังแห่งความมืดมักต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ……และนั่นคือสิ่งที่เกรย์กำลังประสบ



‘เจ้าต้องการพลังมากขนาดนั้นเชียว’


‘เจ้าทำเพื่อมันมากเกินไปแล้ว’



ชายหนุ่มอดใจที่จะเสียน้ำตาออกมาไม่ได้ที่เห็นคนที่ตนรักต้องเจ็บปวด ขวดน้ำยาอีกอันถูกราดลงบนใบหน้าซีกนั้นจนชุ่มก่อนที่น้ำยาจะซึมลงใบบนผิวหนังและเริ่มออกฤทธิ์



ชายหนุ่มโน้มตัวลงประทับริมฝีปากเบาๆอย่างไม่นึกรังเกียจ พร้อมกับคำสัญญาที่ตั้งมั่นไว้ในใจ



‘ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป…..เกรย์……ข้าสัญญา’











เข็มอาบยาพิษด้ามนั้นวิ่งตรงดิ่งเข้าสู่เป้าหมาย ชายผู้ระรานยิ้มให้กับความสำเร็จของตน ไทนอสผู้ไม่ทันระวังตัวหาได้ใว่ใจกับสิ่งรอบข้าง อันตรายใกล้เข้ามา เข้ามา



ฟ้าว



แหลมกระดูกที่พุ่งเข้ามากระทบเข้ากับเข็มพิษจนมันเบี่ยงออกไปทิศอื่นได้อย่างทันท่วงที ศัตรูหน้าหยกหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์

เกรย์ยืนอยู่ตรงนั้นห่างออกไปห้าร้อยเมตร ในมือมีแหลมกระดูกเตรียมรอไว้อีกสองอันพร้อมโจมตีอย่างห้าวหาญ แต่ใครจะรู้กันว่าชายหนุ่มต้องฝืนไว้แค่ไหน ลำพังแค่ยืนเองก็เหนื่อยเสียจะแย่ ไหนจะต้องดึงพลังออกมาใช้อีก

“เจ้า….” ผู้รุกรานสบถออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว บินพุ่งตรงเข้ามาหาเกรย์ทันที

“เกรย์ระวัง” ฮีลที่นอนทรุดอยู่ข้างๆเกรย์ร้องเตือน

แต่มันช่างยากเสียเหลือเกินที่คนอ่อนแรงย่างเกรย์จะสู้ได้ เขาถูกมือยาวเรียวนั้นคว้าเข้าที่คอแล้วยกขึ้นอย่างง่ายดาย เท้าทั้งสองที่กวัดแกว่งในอากาศทำเอาชายเสื้อขาวยิ้มออกมาได้อีกครั้ง

“รักมันมากใช่ไหม เจ้านั่นน่ะ”

เกรย์พยายามดิ้นอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่เขากำลังลอยไปอยู่ข้างหลังไทนอสที่กำลังร่ายเวทรักษาเบื้องต้นให้แอลอย่างเอาเป็นเอาตาย

“แต่ดูมันสิ…..โถ่….ข้าล่ะสงสารเจ้าเสียจริง”

“เอาเถอะนะ…..ไหนๆมันก็ไม่ได้สนใจเจ้าปล่อยให้มันตายเสียเถอะ”

เข็มพิษอีกดอกโผล่ออกมาเตรียมพร้อมปลิดชีพไทนอสอีกครั้ง เขาอดสะใจไม่ได้ที่เห็นเกรย์ดิ้นรนใหญ่ ปากที่อ้าออกพยายามเปล่งเสียงที่พอจะจับความได้ว่า “อย่า” สายตาที่สั่นไหวด้วยความกลัว กลัวการสูญเสีย มันช่างน่าอภิรมนัก

“บอกลาคนรักเจ้าได้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

มือที่ถือเข็มนั้นเงื้อขึ้น



“เจ้าทำอะไรน่ะ”

ศัตรูหน้าหยกรู้สึกปกติทันที เขาไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่สิ รู้สึกเหมือนถูกบีบคอเอาไว้อีกด้วย รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบถูกแหลมกระดูกของเกรย์แทงเข้าเสียแล้ว

“เจ้าทำอะไรข้า”

เขาสะบัดแขนออกไปอย่างแรงปล่อยให้เกรย์กลิ้งไปคลุกฝุ่น เขาย่างก้าวเข้าหาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับซัดเข้าที่ท้องเกรย์อีกทีหนึ่ง



อีกแล้ว เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้อีกแล้ว

เกรย์ค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ในมือเหลือแหลมกระดูกอีกหนึ่ง และเขาคงต้องรีบจัดการก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว



ฉึก



เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครา

“เจ้า…..โอ้ยยยยย”

เกรย์แทงแหลมกระดูกนั้นเข้าที่ขาของตน แต่ที่น่าแปลกนั่นคือที่ขอของฝ่ายตรงข้ามกลับมีแผลชนิดเดียวกันและตำแหน่งตรงกันกับของเกรย์เสียด้วยสิ



“มาดูซิ…..ว่าใครจะอึดกว่ากัน”

เกรย์แค่นพยายามพูดอย่างยากเย็น สายตาเขาเริ่มพล่าเลือน แต่เขาต้องอดทนไว้……ยังไม่หมดหน้าที่เขา

แหลมกระดูกถูกดึงออกมาจากต้นขาชายหนุ่ม เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดขึ้นมาเป็นสาย เสียงร้องของทั้งสองต่างแข่งกันร้องดังก้อง

เกรย์ไม่รอช้า ใช้ปลายแหลมนั้นกรีดเข้าที่ข้อมือตนเองตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ และต่อด้วยที่ลำคอของตน เลือดสีแดงไหลรินท่วมร่างเขาเป็นสาย ไม่แตกต่างนักกับอีกฝ่ายที่บัดนี้ถูกย้อมไปด้วยของเหลวสีทองเช่นเดียวกัน

ทั้งสองยืนนิ่งอยู่กับที่ปล่อยโลหิตของตนให้ไหลหลั่งออกไปเรื่อยๆ คนที่ล้มก่อนนั่นคือผู้แพ้ แม้ว่าเกรย์เองในขณะนี้จะไม่มีแรงเหลือแล้วก็ตามแต่เขายังต้องอยู่…..ถ้าเขาล้มลงก่อนนั่นหมายถึงโอกาสที่อีกฝ่ายจะหลุดออกจากวิชาของเขา และสามารถทำร้ายไทนอสอีกครั้ง

อนิจจาที่เกรย์นั้นไม่ได้สนใจเสียงตะโกนของฮีลที่ร้องขอตั้งแต่เห็นเกรย์แทงกระดูกลงที่ขาของตน ชายหนุ่มร้องขอให้เกรย์หยุด แต่เสียงนั้นกับไปไม่ถึงยังเกรย์ ฮีลนึกโกรธตัวเองที่ถูกแรงระเบิดจะกระดูกขาหักทั้งสองข้าง ถึงแม้จะดื่มน้ำยาประสานกระดูกเข้าแล้วแต่ก็ยังไม่สามาถเดินได้ เขาจึงได้แต่ใช้มือคลานเข้าไปเรื่อยๆ



“เกรย์ ไม่นะ”

ฮีลร้องออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่พร่างพรูเมื่อเห็นคนอันเป็นที่รักล้มลงนอนแช่กองเลือดอยู่อย่างนั้น



ชายผู้โชกไปด้วยโลหิตทองย่างสามขุมเข้าใกล้เกรย์มากขึ้นอย่างคาดโทษ ไม่ว่าเสียงของฮีลจะขอร้องอย่างไรเขาก็ไม่สนใจทั้งนั้นรู้เพียงเขาต้องจัดการไอ้คนที่ทำให้เขาเสียหน้าถึงขนาดนี้

เสียท่าให้พวกมนุษย์ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

แหลมกระดูกของเกรย์ถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง เขาเล็งไปยังศีรษะของเกรย์หมายจะให้มันจบในทีเดียว




“อย่า…..” ฮีลร้องขอสุดเสียง













‘ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป…..เกรย์……ข้าสัญญา’



ยิ่งฮีลนึกถึงเหตุการณ์นี้เท่าใดเขายิ่งนึกได้ว่าพวกเขานั้นโชคดีเพียงใดที่รอดมาได้โดยปลอดภัย นี่พิษที่เขาให้เอสเปอร์ไม่ออกฟทธิ์จนมันล่าถอยไปก่อนล่ะก็….พวกเราคงตายกันหมดแล้ว



พูดถึงเอสเปอร์……เจ้าจะเป็นอย่างไรกัน


ชีวาส…..พวกเจ้ายังปลอดภัยใช่ไหม




“เจ้ายังไม่นอนหรอฮีล” เสียงของไทนอสดึงเอาความคิดของฮีลกลับมา

ฮีลมองไปยังต้นเสียง ไทนอสยังอยู่ตรงนั้น ข้างๆแอล


‘ทำไมข้าต้องไม่พอใจด้วย’


“ไม่” ฮีลตอบสั้นๆห้วนๆ







“แล้วเจ้าอย่าลืมข้อตกลงของเราเสียล่ะ…..ไทนอส”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 14-09-2009 14:48:12
ดูจากพฤติการณ์ของชีวาส
เปลี่ยนเป็นชื่อเรื่อง

มนตร์ริษยา

แทนดีมั้ยครับ
หรือว่า

ชุลมุนเทใจรักอ้ายไทนอส

หรือว่าสั้น ๆ ง่าย ฟังอินเตอร์ดีด้วย

THE SWINKING



กร๊ากกกก

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey ฝากนิยายแนวแฟนตาซีเรื่องใหม่ด้วยนะครับ (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 14-09-2009 18:33:39

มายาริษยา  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-09-2009 11:41:03
จัดไปอย่าให้เสีย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 15-09-2009 15:32:22
ท่าทางจุดหมายปลายทางที่ตั้งหน้าตั้งตาจะไปกันเนี่ย ไปไม่ถึงแล้วมั้ง
วิกฤตการณ์ความรักหนักหน่วงขนาดนี้   :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 24 14/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 16-09-2009 20:34:32
แอร๊ยยยยยยย ละครเด็ดเจ็ดสี มายาริษยาตาร้อน แย่งกันจังไทนอสเนี่ย

แล้วป่านนี้ ชีวาส จะไปตกระกำลำบากมากมาย เสียก็ไม่รู้
เอสเปอร์ จะไว้ใจให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่นะ แบบจัดการโซ้ยๆๆ เลยน่ะ


ปล. ฮึ พาดพิงเลยนะ ฮึ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 25 20/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 20-09-2009 17:38:44
มาละจ้า......ลุ้นๆกัน





บทที่ 25





‘เจ็บจัง…..’




สิ่งแรกที่แอลเองรู้สึกได้นั่นคือความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างจนอดร้องออกมาไม่ได้ ทั้งแขน ขา ลำตัว เหมือนมีใบมีดนับสิบคอยกรีดแทงอยู่ เขาออกแรงลองขยับตัวแต่แขนมันหนักเหลือเกิน…..ลองออกแรงฮึดอีกทีแอลก็สามารถยกแขนนั้นลอยพ้นเตียงได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสนสาหัส

“เจ้ารีบทำอะไรสักอย่าสิ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วเข้าหูของแอล

“ข้ากำลังลงมือ เจ้าไปทางนู้นได้แล้ว……อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้” อีกเสียงหนึ่งพูดตัดบท

แต่แอลไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นนัก เขาอ้าปากกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แขนที่พึ่งเคลื่อนไหวเมื่อกี้มันปวดมากจนกล้ามเนื้อเต้นออกมาเป็นจังหวะ ฮีลจัดการเทน้ำยาระงับปวดไปยังแผลต่างๆ ทิ้งไว้สักพักแอลจึงสงบลง

“ไปได้แล้ว” ฮีลออกปากไล่อีกคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆอย่างเป็นห่วง

ตอนนี้แอลรู้สึกเบาขึ้นมาก ความเจ็บปวดนั้นทุเลาลงไปมาก เขาค่อยเพ่งมองไปข้างกายเขา ปรับสายตาที่พร่าเลือนให้จับโฟกัสได้ ภาพตรงหน้าค่อยๆชัดขึ้น

“ฮีล……” แอลเรียกชื่อคนที่ยืนข้างเขา แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า คนที่มักอยู่ข้างๆเขานั้นหายไปไหนเสีย

“เจ้าเจ็บหนัก อย่าพึ่งถามอะไรมาก ดื่มยานี่เสีย” ฮีลบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนดั่งเคยท่เป็นประจำ

แอลถูกพยุงตัวขึ้นมาด้วยแขนแกร่งของฮีล น้ำยาสีใสค่อยๆถูกรินลงไปช้าๆ เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กสำลักได้ แอลกว่าวขอบคุณฮีลหลังจากที่หมอหนุ่มทำการป้อนน้ำให้เขาเสียจนหมดแก้ว

“เอ่อ แล้วท่านไทนอส……” แอลเอ่ยปากถามทันที ทำเอาฮีลตีหน้าบึ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อไทนอส

ถึงแม้จะไม่ได้คำตอบจากปากฮีล แต่แอลเองก็เห็นเข้าเสียแล้ว ไทนอสอยู่ตรงนั้น นั่งอยู่ข้างๆเตียงของเกรย์ที่นอนซมอยู่ แต่ไม่ทันที่แอลจะเอ่ยปากอะไรอีก ฮีลรีบจัดแจงโน้มตัวคนไข้ลงนอน และทันทีที่หัวลงแนบกับหมอนอันนุ่มนั้น ความอ่อนล้าก็เริ่มออกผลให้หมอดูตัวน้อยหลับไปในที่สุด






แอลตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้งกลางดึก ในท่พักชั่วคราวนั้นมีเพียงแสงไปจากผลึกขนาดจิ๋วที่แขวนไว้อยู่ตรงกลางที่พัก ถึงแสงสว่างจะไม่ได้มากนักแต่ก็พอให้เห็นได้ทั่วที่พัก ไทนอสนอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆเตียงของเกรย์ เกรย์เองก็ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น แอลขยับตัวเล็กน้อยหมายจะยันตัวขึ้นนั่ง แต่ความเจ็บปวดก็มากเกินกว่าที่เขาจะทำได้ แอลจึงทำได้เพียงนอนนิ่งๆคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงลำพัง

แอลนอนพลิกตัวไปมาอย่างคนคิดไม่ตก เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮีลเองก็ไปเอ่ยปากเล่าเสียด้วย เท่าที่เขาจำได้นั้นรู้เพียงเกิดระเบิดขึ้นแล้วท่านไทนอสก็เข้ามาโอบตัวเขาไว้……..และหลังจากนั้นก็จำอะไรอีกไม่ได้ แล้วท่านเอสเปอร์กับท่านชีวาสเล่า จะเป็นอย่างไร พวกเขาหายไปไหนกัน

พูดถึงไทนอสแอลก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังคนตัวใหญ่ที่นั่งเอนตัวหลับกับเก้าอี้อย่างอ่อนเพลีย ตามแขนขาของเขามีผ้าพันแผลพันรอบป้องกันบาดแผลไว้จากการติดเชื้อ เปลือกตาที่ปิดลงนั้นนิ่งสงบ มุมปากที่มักยกขึ้นอย่างมีเล่ห์บักนี้กลับเหยียดตรง ดูๆไปเหมือนเสือร้ายที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บออกไป ใครจะเชื่อล่ะว่าใบหน้าของหนุ่มเจ้าเสน่ห์ยามหลับไหลจะเป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาๆ เพียงเท่านั้น

แต่ก็นั่นล่ะที่กลับทำให้แอลใจสั่น ทั้งดีใจที่เห็นเขาคนนั้นปลอดภัยไม่เป็นอะไรมาก มันคงแย่ถ้ารู้ว่าคนที่เข้ามาปกป้องเรานั้นเป็นอะไรไปเสีย มันคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต อีกใจของแอลกลับน้อยใจ ที่เขาคนนั้นไม่เห็นมาดูแลตนบ้าง ครั้งที่แล้วก็เห็นเพียงแต่ฮีล และครั้งนี้ ก็กลับไปนั่งเฝ้าเกรย์เสีย

แอลสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไป แปลใจตัวเองเหมือนกันที่กล้าคิดอะไรแบบนี้ ชั่วเวลาหนึ่งที่แอลนึกอิจฉาเกรย์ที่ได้ไทนอสไปเฝ้าไข้ อีกชั่วขณะหนึ่งที่คิดว่าชีวาสอาจไม่กลับมาหาพวกเขาอีก


‘คิดบ้าอะไรอยู่นะเรานี่’


แอลต่อว่าตัวเอง พลางนึกรังเกียจตนเองในใจ








สองวันผ่านไปอาการของแอลดีขึ้นมาก เขาสามารถเดินเองได้แล้ว แต่ถึงกระนั้นไทนอสเองก็ยังไม่เข้ามาเยี่ยมเจ้าโหรเลยสักครั้ง ทั้งๆพื้นที่ในที่พักนั้นช่างน้อยนิด ไม่ได้ยากเลยที่จะเดินมาเพียงสองสามก้าว สิ่งนี้รบกวนจิตใจของแอลเป็นอย่างมากจนเขาอดใจไม่ไหว ตั้งใจเข้าไปถามให้รู้เรื่อง

ทางไทนอสเมื่อเห็นแอลตรงเข้ามาก็ก้มหน้าก้มตาทายาให้เกรย์ต่อ แม้ว่าตอนนี้เกรย์ยังไม่ได้สติ แต่สภาพร่างกายโดยรวมถือว่าเบาใจได้ เหลือเพียงให้เวลาพักฟื้นอีกสักหน่อยเท่านั้น

“ทะ….ท่าน…ไท…..นอส” เอาเข้าจริงๆแอลกลับพูดติดๆขัดๆเหมือนเดิมอีกเสียนี่ ทำเอาตัวเองไม่พอใจที่ทุกครั้งที่ใกล้ไทนอสต้องเกิดอาการแบบนี้เสียทุกครั้ง

คนถูกเรียกค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่แกล้งทำเป็นเรียบเฉยนั้น ทำได้ไม่ดีนัก จนแอลเองก็พอจะมองออก ว่าต้องมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาเอาไว้

“มีอะไรแอล” ไทนอสพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ แต่ก็ยังมีความสั่นไหวเจือปนอยู่ในนั้น

“คือ……..ขะ……ข้า” แอลอึกอักสักพักก่อนจะเลี่ยงคำถามไปถึงสุขภาพของเกรย์แทน ซึ่งไทนอสตอบกลับมาเพียงสองสามคำแล้วหันไปลงมือทายาต่อ

แอลมองภาพข้างหน้าอย่างเจ็บใจ เขาหันหลังเดินออกไปข้างนอก คิดย้อนไปถึงครั้งที่ผ่านมา ไทนอสเองก็คอยดูแลเกรย์เหมือนกัน

นึกๆ อารมณ์น้อยใจมันก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้








“เจ้าไม่เป็นไรแล้ว”

น้ำเสียงทุ้มต่ำทักขึ้น แอลหันไปมองทางคุณหมอที่นั่งอยู่นั้นมองมาอย่างสงสัย แอลตอบขอบคุณที่ช่วยรักษาตน และบอกว่าตอนนี้อาการตนดีขึ้นแล้ว สามารถเดินได้เอง และยังตบท้ายด้วยคำชื่นชมหมอฮีลว่าช่างเก่งเสียจริงๆ

ฮีลไม่ตอบอะไรเพียงพยักหน้าและขมวดคิ้วราวกับคิดอะไรอยู่ เขาชวนแอลให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเริ่มการสนทนา

“เจ้าสามารถล่วงรู้ เรื่องของพวกชีวาส และ เอสเปอร์ ไหม”

แอลส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา ใช่ว่าเขาไม่ได้อยากรับรู้ความเป็นไปของเพื่อนร่วมเดินทาง แต่จากการทดลองทำนายอยู่หลายครั้งผลที่ออกมาก็เหมือนๆเดิม นั่นคือ ไพ่บอกให้พวกเขาเดินทางกันต่อไป โดยไม่ได้กล่าวถึงพวกชีวาสและเอสเปอร์เลยสักนิด และถึงแม้แอลอยากจะหายตัวไปหาแต่ไพ่ประจำตัวของทั้งสองก็ไม่ยอมออกมาให้แอลจับได้เลย เหมือนกับทั้งคู่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้เสียแล้ว




ทั้งคู่นิ่งเงียบไปอีกสักพักจนได้ยินเสียงร้องตะโกนของไทนอสจับได้ความว่า เกรย์ฟื้นแล้ว

และก็เป็นฮีลที่เด้งขึ้นยืนทันที





เกรย์ที่ลืมตาในขณะนี้คงเรียกได้ว่ามีสติไม่สมบูรณ์นัก เขาเพ้อถึงไทนอสอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ร้องไห้ อีกช่วงหนึ่งกลับยิ้มออกมา ที่สำคัญเขาไม่ยอมปล่อยมือที่จับไทนอสไว้ออกเลย ฮีลเห็นดังนั้นก็พอโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยอาการทางกายก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เขาเข้าไปตรวจอาการอีกครั้งด้วยความยากลำบาก ก็เกรย์น่ะสิคอยปัดเขาตลอดปากก็บ่น “ไม่เอาๆ” มันทำลายความรู้สึกดีๆของหมอหนุ่มเสียหมดสิ้น แต่ฮีลก็ไม่สนใจเขาเตรียมใจมาก่อนแล้ว ตีหน้าเรียบเฉยลงมือตรวจจนเสร็จสิ้น พร้อมยัดยาอีกขวดลงปากคนเจ็บที่พึ่งหมดแรงหลับไป

“อาการไม่น่าเป็นห่วง อีกห้าวันคงพอเคลื่อนไหวได้เอง” ฮีลบอกไทนอสขณะเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋า

“ข้าไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรดี” ไทนอสตอบอย่างจริงใจ ถ้าไม่ได้ฮีลล่ะก็ทั้งแอล คง……..

“เจ้าแค่ทำตามข้อตกลงเพียงเท่านั้น ไทนอส….อ้อ เจ้ายังไม่รู้สินะแอล” ฮีลพูดเมื่อเห็นแอลทหน้าสงสัย

“ค่าจ้างในการรักษาครั้งนี้คือ คนรับใช้……และเจ้า แอล เจ้าต้องมารับใช้ข้า….ไม่มีคำว่าแต่” ฮีลบอกเสียงเรียบ และรีบเดินหนีออกไปทางประตูก่อนจะสั่งให้แอลไปกางที่พักชั่วคราวขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง

แอลยืนนิ่งอย่างไม่เข้าใจ เขามองไทนอสหมายจะถาม….แต่หมุ่มเจ้าเบือนหน้าหนีไปอีกทาง


“ท่าน…..ท่าน..”




“ข้าขอโทษแอล…..มันไม่มีทางเลือก”



คำตอบที่ได้มานั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เจ้าโหรน้อยปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นไหลลงมาเป็นสาย รีบเดินออกไปทันที









น้อยใจ



นั่นคือสิ่งที่แอลรู้สึก

เขามีค่าเป็นเพียงสิ่งของแลกเปลี่ยน……เพื่อให้ฮีลรักษาเกรย์เพียงเท่านั้น




ไม่เข้าใจ

แล้วที่ไทนอสแสดงออกมาล่ะมันหมายความว่าอย่างไร…..ไทนอสชอบเขาไม่ใช่หรือแต่ทำไม…….

หรือเขาไม่ได้ชอบเรา

เพียงแค่เล่นไปวันๆ อย่างที่เคย





ฮีลนั่งมองแอลที่ค่อยๆจัดกางที่พักอย่างคนไม่มีชีวิต ประกายสดใสที่เคยมีอยู่นั้นดับหายไปตั้งแต่เขาตั้งข้อตกลงบ้าๆนั้นขึ้นมา เห็นแบนี้ฮีลนึกอยากเดินเข้าไปบอกยกเลิกสัญญานัก



แต่พอนึกถึงคนที่นอนอยู่



เขากลับฝืนนั่งทนกับความรู้สึกผิดต่อไป



‘ข้าขอโทษ แอล……ข้าขอโทษ’




ภายในที่พักหลังเดิม ไทนอสที่พึ่งทายาให้เกรย์เสร็จนั่งเอนตัวอย่างอ่อนใจ เขาคิดถึงแต่ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาคู่นั้น คิดแล้วนึกโกรธตัวเองนักที่ทำให้คนๆนั้นเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบ อยากจะเข้าไปบอก “มันไม่ใช่แบบนั้น”


แต่รอยแผลทั่วร่างของเกรย์ก็กลับความคิดของไทนอสเสียใหม่


“เกรย์มันไม่เคยทำเพื่อใครมากเท่านี้มาก่อน” คำพูดของฮีลดังก้องอยู่ในหัว ยิ่งทำให้เขาสับสน

“ถ้าไม่มีเกรย์ ป่านนี้เจ้าตายไปนานแล้ว …… ไทนอส”


ไทนอสถอนหายใจออกมาก่อนจะเอนตัวลง กลั้นน้ำตาที่เอ่อนองออกมากองที่ขอบตานั้นไว้ ทั้งๆที่มือข้างหนึ่งของเขาถูกจับไว้มั่นด้วยมือของคนเจ็บ ที่ขณะนี้ นอนยิ้มอยู่อย่างมีความสุขในฝัน








เมื่อรอยยิ้ม…..ซ้อนทับบนคราบน้ำตา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 25 20/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-09-2009 11:32:52
ว๊ากกกกกกกกกกก ทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ ชิชะ  :z3:

เจ้าฮีล   :beat:

เจ้าไทนอส   ตบๆๆๆๆๆๆๆๆ :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 25 20/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 22-09-2009 14:15:27

น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน

เห็นไหม ไม่มีใครจะใสซื่อเกิน ชีวาส อีกแล้ว ชริ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 25 20/9/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 22-09-2009 21:18:04
 :o8:

เห็นด้วยกะ รีบน  ไม่มีใคร เลิศสะแมนแตน เท่าชีวาส อีแร้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 06-10-2009 12:05:20
แหะๆ หายไปนานโขเลย ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

อ่านต่อกันเลยเนอะ







บทที่ 26





เสียงร้องในลำคอของเกรย์ปลุกไทนอสให้ตื่นขึ้นในรุ่งเช้าวันถัดมา เกรย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดไปทั่วร่าง ปากและลำคอแห้งผากด้วยอาการขาดน้ำไปมาก ไหนจะสารอาหารที่ขาดไปเนื่องจากต้องนอนนิ่งแบบนี้อีก ทั้งหมดนั้นมันทำให้เขาไม่สบายตัวนัก

“เจ้าตื่นแล้ว” ไทนอสดีใจ รีบร้องเรียกฮีลที่อยู่อีกฟากหนึ่งมาดูอาการ


เกรย์จ้องไทนอสเขม็ง……


“เจ้า……ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” น้ำเสียงของเกรย์เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ไทนอสจึงโน้มตัวเอาหูของตนเข้าไปใกล้ๆ

เกรย์พูดซ้ำอีกครั้ง เขาพยายามที่จะพูดให้ดังขึ้น ไทนอสตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรพลางลูบหัวเกรย์ไปมาด้วยความเป็นห่วง

“ตื่นแล้วหรอ” น้ำเสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ดังขึ้น ทำเอาไทนอสชักมือกลับมาข้างตัว

ฮีลเดินเข้ามานิ่งๆวางน้ำยาลงบนโต๊ะพร้อมกับย้ำให้ไทนอสให้ยาและอาหหารตามเวลาแล้วเดินออกมาโดยไม่ได้พูดกับเกรย์สักคำ และนั่นก็ทำให้เกรย์ประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

“เจ้าทานน้ำก่อนนะ….เดี๋ยวแอลคงเอาอาหารมาให้” ไทนอสพยุงร่างคนเจ็บเอนตัวขึ้น อีกมือเอียงแก้วน้ำเข้าปากเล็กๆอันนั้นอย่างระวัง เป็นเกรย์เสียอีกที่จ้องหน้าไทนอสไม่วางตา ทำเอาสำลักน้ำเข้าไปอึกใหญ่ จนไทนอสต้องรีบลูบหลัง กว่าจะหยุดไอได้ก็เล่นเอาเหนื่อย

เกรย์เองก็แสบจมูกและคอไปหมด ถึงกระนั้นเขาเองกลับมีความสุข การที่ชายในฝันได้มาดูแลเขาอย่างนี้ช่างเป็นอะไรที่วิเศษนัก ไหนจะมือใหญ่ที่เกาะตรงเอวคอยพยุงไว้ ไหนจะสายตาอ่อนโยนชวนหลงใหลคู่นั้น ช่วงเวลานั้นเกรย์อธิฐานในใจขอให้เป็นแบบนี้เรื่อยไป……..เขายอมเจ็บปวดแบบนี้ไปตลอดกาล…..


‘แต่มันจะเป็นจริงได้หรือ’





ไม่นานนักแอลก็เดินถือถาดอาหารเข้ามาด้วยท่าทีฝืนทน ไทนอสเกือบเผลอปล่อยมือออกจากเกรย์เมื่อเห็นขอบตาของโหรตัวน้อยมีน้ำใสๆเอ่อนอง

“เจ้าสะบายดีนะแอล” เกรย์ถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของสหายแปลกไป

“…..ข้า…ไม่เป็นไรท่านเกรย์” แอลก้มหน้าก้มตาตอบ…

“จะรีบไปไหนล่ะมาทานด้วยกันสิ” เกรย์ชวน

แอลเหลือบตามองไทนอสชั่วขณะหนึ่ง และขณะนั้นเองที่ไทนอสเองก็มองมาที่แอล นับเป็นเพียงชั่ววินาทีที่สายตาของทั้งสองประสานกัน



แววตาของแอลนั้นเต็มไปด้วยคำถาม



ส่วนอีกคนที่มีคำตอบ กลับซ่อนมันไว้



แอลหลบสายตาทันที เขาก้มหน้าต่อแล้วบอกปัดเกรย์โดยบอกว่าตนต้องไปช่วยงานของฮีลอีกคงไม่มีเวลา ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งให้เกรย์ทำหน้าสงสัยในท่าทางที่เปลี่ยนไปของแอล

“แอลเป็นอะไรไป ไทนอส” คำถามนี้ของเกรย์เล่นเอาไทนอสสะอึกไปเหมือนกัน ก่อนจะบ่ายเบี่ยงให้เกรย์ทานข้าวเสียแล้วจะได้ให้ยาต่อ ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกสักพักจนเกรย์เผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง





ไทนอสเก็บจานชามที่เหลือรวบเข้าด้วยกันให้เรียบร้อยก่อนที่จะยกเดินออกมายังที่พักอีกหลังหนึ่ง

“ข้าเอาของมาคืน”

แอลที่กำลังง่วนกับการบดสมุนไพรรีบวางมือหันหน้ามามองคนที่พูดทันที และต้องหลบสายตาไปทางอื่นเสียเมื่อเห็นไทนอสไม่ได้สนใจตน ไทนอสเพียงวางของเหล่านั้นไว้แล้วหันหลังเดินจากไป

สักพัก….จนกระทั่งแอลไม่ได้ยินเสียงเดินแล้ว เขาเงยหน้ามองตรงที่เดิมอีกครั้ง…….ไทนอสออกไปแล้ว

นัยน์ตาของแอลชื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ คำตอบของเขาเองมันถูกเฉลยขึ้นมาอย่างง่ายๆ จากที่เคยถามตัวเองไว้ ว่าเขารักไทนอสจริงหรือเปล่า…….จากที่เคยเตือนตัวเองให้ห้ามใจอย่าได้ปล่อยใจไปกับไทนอส

แอลรู้แล้วว่ามันสายเกินจะหยุดใจได้

มันช่างเงียบเหลือเกิน จากที่เคยมีคนคอยมากวนใจ……จากที่เคยมีคนชวนพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้เสมอ

ในตอนนี้กลับเงียบงัน……..







วันรุ่งขึ้นฮีลตกใจตื่นขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องของเกรย์ เขาใจเสียนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกรีบลุกจากที่นอนมุ่งตรงไปยังอีกฟากทันที

“อย่ามองนะไทนอส….ออกไป…ข้าบอกว่าอย่ามองไง” เกรย์ร้องตะโกนไล่ไทนอส มือทั้งสองกุมอยู่ที่ใบหน้าของตน ก้มหน้าห้มตาร้องลั่น

“เจ้าเป็นอะไรเกรย์ เจ็บตรงไหน” ไทนอสเองก็ตกใจที่จู่ๆเกรย์ก็ร้องขึ้นมา แถมยังไล่เขาให้ออกไปอีกด้วย

“เกินอะไรขึ้น” ฮีลโผล่เข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจ เขาไม่รอคำตอบถลาเข้าประกบคนไข้ทันทีเมื่อเห็นเกรย์ปิดบังใบหน้าแบบนั้นก็พอจะเดาออก

“เจ้าใจเย็นๆเกรย์ เอามือออกก่อน” ฮีลปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง เขาอื้อมไปจับมือของเกรย์ที่ยังแข็งขืนปิดบังใบหน้าไว้

เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เกรยืร้องไม่หยุดไล่ทั้งสองให้ออกไปให้พ้น

“เป็นอะไรไป ข้าไม่เห็นเจ้าจะเป็นอะไรสักนิด” ฮีลปลอบต่อ พลางคว้าเอาผลึกใกล้ๆตัวมาถือไว้ข้างหน้าเกรย์ อีกมือก็ออกแรงดึงที่ข้อมือคนไข้ให้ออกจากใบหน้า

“ได้เวลารับความจริงแล้วเกรย์” ฮีลออกแรงดึงเต็มที่ มือของเกรย์หลุดออกมาพร้อมกับเสียงร้องของเกรย์

“ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่” ไทนอสเพ่งพินิจใบหน้าที่กำลังหลับตาแน่น ขับให้น้ำในตาไหลลงอาบแก้ม

“ลืมตาสิเกรย์” ฮีลบรรจงปล่อยมือเกรย์ลงวางอย่างเบามือ ก่อนที่จะกระตุ้นให้คนข้างหน้าลืมตาอีกครั้ง เกรย์เองค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และมองที่ภาพสะท้อนในผลึกอย่าไม่น่าเชื่อ

ภาพของชายหนุ่มร่างผอมปรากฏอยู่ในนั้น ใบหน้าของเขาขาวซีด ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ขณะนี้แวววับไปด้วยน้ำตา แก้มทั้งสองที่เปียกแฉะไป

เกรย์จ้องไปอย่างไม่เชื่อตัวเอง

“เห็นมั้ย ไม่เห็นมีอะไรเลย” ฮีลลูบใบหน้าซีกนั้นอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งให้เกรย์อยู่กับไทนอสต่อ



ถึงตรงนี้ชายหนุ่มอดคิดไปเองเสียไม่ได้



ถ้าหากเกรย์หายดีแล้ว เขายังจะได้มาพูดกับเกรย์หรือเปล่า

ถ้าหากไม่มีอาการป่วยแล้ว…..เขายังมีข้ออ้างใดที่จะเข้าหาได้

แต่เขาก็มีเหตุผลมากพอ……ที่ยอมทำทุกทางให้เห็นรอยยิ้มของคนๆนั้น


แม้ว่าการกระทำนั้นจะทำให้เขาเองเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม





ฮีลเทส่วนประกอบของน้ำยาจากถุงข้างกาย ผลึกที่เหลือก้นถุงเพียงไม่กี่อันไหลลงไปยังเครื่องบด เขาอดเสียดายเสียไม่ได้ กว่าที่จะเก็บผลึกเหล่านี้มาได้นับว่าค่อนไปกว่าแปดปีทีเดียว แต่มันจะสำคัญอย่างไรล่ะในเมื่อเขาเองมีของที่สำคัญยิ่งกว่าที่ต้องรักษา


‘หวังว่ายาชุดนี้จะทำให้อาการหายขาด’


หมอหนุ่มได้แต่หวังในใจให้เป็นแบบนั้น ทั้งนี้มันต้องขึ้นกับเกรย์เองด้วย หากเกรย์เองให้ความร่วมมือดี อาการคงไม่กลับมากำเริบอีก คงต้องอธิบายให้เข้าใจเสียที






“ข้าทำเสร็จแล้วฮีล” แอลนำขวดเปล่าที่ล้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยนำขวดแก้วเหล่านั้นกลับมาบรรจุน้ำยาที่ปรุงใหม่

“อืม”

ฮีลตอบรับเพียงสั้นๆ พร้อมกับสั่งให้แอลรีบนำน้ำยาที่เสร็จแล้วใส่ลงไปในขวดเหล่านั้น ส่วนเขานั่งพักพิงเก้าอี้จิบน้ำไปเรื่อยๆ

“ทำไมเจ้าถึงเลือกข้าเป็นสิ่งตอบแทน”

ฮีลเองถึงกับตกใจเมื่อได้ยินแอลถามเอาซึ่งๆหน้าแบบนี้

“ข้าอยากมีคนรับใช้บ้างน่ะสิ”

เขาโกหกไป แต่แอลก็มองมาเหมือนไม่เชื่อ

“แล้วทำไมถึงต้องเป็นข้า” น้ำเสียงที่ถามต่อไม่ใช่ถามด้วยความโกรธ เพียงแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

ฮีลมองแอลอย่างสงสาร  แต่ต้องข่มใจไว้

“เจ้าอย่าถามอะไรให้มากเลย แค่รู้ไว้ว่าเจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้าก็พอ” ฮีลแสร้งทำเป็นโกรธ ต่อว่าแอลเข้าให้ แต่ก็ต้องรีบออกคำสั่ง และหลบหน้าไปข้างนอกเมื่อเห็นแอลทำท่าจะร้องให้อีกครั้ง





ปล่อยให้แอลทำงานอย่างเงียบๆเพียงลำพัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-10-2009 22:10:31
ทำไมทำกับ แอลตัวน้อย ของเราแบบนี้  :serius2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 09-10-2009 00:26:28
แอล นางเอกนักนะ ชริ ฮีลใช้ให้หนัก
ใช้ให้ไปจัดที่นอนสำหรับสองคน..เดี๋ยวนี้

หุหุ (ฮีล ซะที ซะทีสิ)  :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 09-10-2009 18:53:45
   
        ใส่ชื่อเรื่องแล้วหรอครับ

          มิน่าละหาตั้งค่อนวันค่อนคืนไม่เข้าไม่รู้นะเนี่ย

           ดีใจที่หาเจอ....... :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-10-2009 16:00:05
แอร๊ยยยยย แอล หายไปไหนค่ะ แอล นะ หรือว่าไปดักตบชีวาสอยู่  o18
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 26 6/10/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-11-2009 02:24:45
โหๆ

ไม่ได้มาต่อตั้งนานเลยเนอะ

ด้วยเหตุที่ว่า ต่างๆ นาๆ

เอาเหอะๆ มาอ่านกันต่อเลยดีกว่า ลืมกันยังนิ เอามาครึ่งหนึ่งก่อนเนอะ เดี๋ยวมาอีกแน่ จุ๊บๆ








บทที่ 27



ภายในที่พักยามค่ำคืน แอลนั่งวางไพ่เรียงกันเป็นครึ่งวงกลม ไพ่เหล่านั้นค่อยๆถูกหงายขึ้นถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ แอลแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ในรอบหลายวันที่ผ่านมาเขาพร่ำทำนายไพ่อยู่หลายเพลา แต่ผลที่ได้นั้นไม่ช่วยให้รับรู้หรือเข้าใจเรื่องต่างๆได้เลย ทั้งชีวาสและเอสเปอร์ที่ไม่รู้ชะตากรรม ไหนจะเรื่องของไทนอสอีก…..


หลายวันที่ผ่านมาทั้งสี่ได้เคลื่อนพลสู่หอคอยแห่งธอร์อีกครั้ง แค่การเดินทางในครั้งนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าเดิมนัก ทั้งสภาพเกวียนที่ถูกระเบิดจนยากที่จะซ่อมให้สมบูรณ์ ไหนจะสภาพร่างกายของเกรย์อีกแต่ยังดีที่มีไทนอสคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ขาดทำให้เกรย์ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก


เป็นอีกสามคนที่เหลือต่างหากที่ต่างพากันเงียบ ฮีลที่เอาแต่ปรุงยา จับโน่นผสมนี่อยู่เรื่อยอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ไหนจะคอยหางานป้อนให้แอลคอยรับใช้ตลอดไม่ให้แอลมีเวลาว่างพอที่จะเข้าใกล้ไทนอสได้ เรียกได้ว่าไทนอสไปซ้ายฮีลจะสั่งให้แอลไปทางขาวเสีย แต่ถึงกระนั้นก็มีบ้างที่แอลต้องเผชิญหน้ากับไทนอสตามลำพัง


“ท่าน….ทะ…ไทนอส” แอลตกใจเมือพบว่าเขาเกือบเดินชนไทนอสที่โผล่ออกมาหลังผลึกก้อนใหญ่

“แอล” อีกฝ่ายก็ดูตกใจไม่แพ้กัน ไทนอสหันหลังกลับทันที


ไม่ว่าแอลจะเรียกอีกสักกี่ครั้งไทนอสก็ไม่ยอมหันกลับไป เขากลัวตัวเอง กลัวเหลือเกินว่าจะห้ามใจไว้ไม่อยู่

แค่ได้มองดวงตานั้น…..ดวงตาที่เคยเปล่งปลั่งดุจดวงดาวยามราตรี ต้องมัวหมองนองไปด้วยน้ำตาแบบนั้น เขาคงทนไม่ได้ที่จะเข้าไปโอบกอดคนตัวเล็กนั้นไว้เสีย











“ไทนอส”

“หืม” ไทนอสที่ถูกเรียกตอบกลับไปโดยไม่หันมองคนที่ทัก เขายังมองตรงนิ่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว เกรย์มองใบหน้านั้นก่อนที่จะดึงเอาคนตัวใหญ่กว่านอนลงที่ตักของเขาเอง

“อย่าคิดมากสิ” เกรย์ลูบใบหน้านั้นอย่างแผ่วเบา คลึงนิ้วทั้งสองข้างไปมาตรงขมับหวังบรรเทาความตึงเครียดที่ไทนอสแสดงออกมาทางสีหน้า


ถ้าเป็นเมื่อก่อนไทนอสคงลุกหนีไปแล้ว แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่ เขาปล่อยให้เกรย์นวดคลึงไปเรื่อยๆ บางทีเขาเองอาจจะคิดมากไปจนปวดหัวไปหมด


ขอพักสักหน่อยแล้วกัน




สายลมเย็นไหลผ่านร่างของคนทั้งสองไปอย่างช้าๆ ริมทะเลสาบกระจกแห่งนี้มีเพียงเกรย์และไทนอสเท่านั้นที่นั่งรับลมในยามเย็น ข้ามฟากออกไปอีกฝั่งของแหล่งน้ำหากมองให้ดีจะเห็นหอคอยเล็กๆตั้งอยู่ไกลออกไป นั่นคือจุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้ เกรย์มองหอคอยแห่งนั้นพลางคิดเรื่องต่างๆมากมาย



ถ้าการเดินทางครั้งนี้จบลง ไทนอสจะกลับไปเหมือนเดิมอีกหรือไม่



แล้วที่ไทนอสกลับมาทำดีกับข้านั้นมันหมายความว่าอย่างไร



แล้วการหลบหน้าแอลนั่นอีก



คิดได้แค่นั้นน้ำตาก็ไหลออกมาอีกจนได้ เกรย์เองก็ไม่ใช่คนโง่ที่ไหนที่จะมองไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของทั้งสี่คน ที่มันค่อยๆเปลี่ยนแปลง

น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงจากใบหน้าขาวซีดนั้นหล่นลงเกือบกระทบใบหน้าของคนที่หลับอยู่ดีที่เกรย์ใช้มือรับมันไว้ได้ ก่อนที่จะใช้มือเช็ดน้ำตาตนเองอย่างลวกๆ พร้อมกับกลั้นเสียงร้องให้เบาที่สุด เขาเพียงไม่อยากรบกวนไทนอสในตอนนี้ อยากเพียงแค่ปล่อยให้เขาได้พักผ่อนอย่างสบาย



ข้าควรต้องปล่อยเจ้าไปใช่ไหม



คำถามเดิมๆผุดขึ้นกลางใจของหมอผีหนุ่มอีกครั้ง เกรย์เจ็บใจทุกคั้งที่เห็นสายตาไทนอสที่แอบลอบมองแอลอยู่ห่างๆ สายตาที่เต็มไปด้วยคาวมรัก ความห่วงใย



แต่สายตาที่มองมาที่เขากลับว่างเปล่า



ท่าทีที่เคยกระฉับกระเฉง นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกาย ในตอนนี้มันไม่มีเหลือแล้ว ซึ่งเกรย์เองไม่ชอบเอาเสียเลยที่ไทนอสกลายเป็นแบบนี้

คนที่เคยเป็นเหมือนแสงอาทิตย์อันร้อนแรงคนนั้นได้หายไป เหลือเพียงตะวันที่อ่อนแรงในยามเย็นเพียงเท่านั้น



“เจ้าอย่าทำแบบนี้เลยไทนอส” เกรย์พูดออกมาเบาๆ เพียงเพราะเขารู้ว่าอีกคนนั้นไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน




ใช่




เกรย์นั้นไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปตรงๆ เพราะอีกครึ่งใจของเขาเองเรียกร้องให้ไทนอสอยู่กับเขาแบบนี้ไปตลอด




แม้เพียงร่างกายก็ตาม



สายลมเย็นพักผ่านทั้งสองไปอีกครั้ง และยิ่งทวีความหนาวเย็นไว้ในตัว เกรย์ตัวสั่นอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ เขาค่อยๆบรรจงยกศีรษะของคนอันเป็นที่รักขึ้นและวางลงอย่างแผ่วเบาบนพื้น แล้วจึงเอนตัวลงซบเข้ากับอกแน่นๆนั้นพร้อมกับโอบแขนรัดลำตัวอีกคนไว้ให้พออบอุ่น








ข้าขอเพียงได้อยู่ใกล้เจ้าแบบนี้ก็พอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 27 22/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 25-11-2009 17:16:23

หล่นไปไหนแล้วคุณ ขึ้นมา ขึ้นมา
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 27 22/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 25-11-2009 21:58:33
ชีวาสหายไปหนายยยยยยยยยยยยยย

เฮ้อ ฉงฉานเกรจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 27 22/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: thanagorn ที่ 26-11-2009 15:40:44

      สองคนนั้นสงสัยตกเหวแห่งความสุขแน่ๆเลยไม่อยากขึ้นซักที :oo1:

      เนอะท่านพี่รีบน :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 27 22/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-11-2009 22:53:33
ทำไมไม่ทันเห็นว่า มาต่อแล้วอะ  :z3:

แอลน้อย ก็ยังต้องเล่นบทเศร้าเหมือนเดิม ไทนอส นี่ ไม่ไหวๆ แย่ๆๆๆๆๆ  :beat:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 28 27/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-11-2009 01:39:27
สวัสดีอีกครั้งเจ้า

ครั้งนี้มาต่อให้นะจ๊ะ เอายาวกว่าเดิมหน่อยเพราะครั้งที่แล้วสั้นไปหน่อย

ขอบคุณ ทุกท่านที่คอยติดตามเน่อเจ้า ซึ้งใจๆ


ปล. ไหงมีแต่คนไม่ชอบไทนอส แล้วถามหาชีวาส กันจัง ชิๆ














บทที่ 28




ไม่ไกลห่างนักจากทะเลสาบ ฮีลยืนมองทั้งสองด้วยสายตาเศร้าหมอง เขายืนตรงนี้ได้นาน พอรู้ว่าเกิดอะไร ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่เพียงภาพที่เห็นมังเองก็ฟ้องอะไรได้หลายอย่างในตัวของมัน ครู่หนึ่งที่เขาเองเกือบเผลอเดินเข้าไปดึงตัวเกรย์กลับมา แต่เพียงเห็นใบหน้าอันเป็นสุขนั้นมันทำให้เขาต้องหยุดลง สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ คงได้เพียงมองดูเท่านั้น



อีกด้านหนึ่ง แอลเองได้แต่จ้องมองภาพใบหน้าของตนที่สะท้อนในทะเลสาบกระจกซึ่งผิวน้ำของมันนิ่งใสเสียจนสะท้อนสิ่งต่างๆออกมาได้อย่างเถรตรง ใบหน้าของแอลในตอนนี้ต่างออกไปจากเคย แอลที่เคยเป็นในวันนี้มันไม่มีอีกแล้ว ความรู้สึกแบบนี้หรือที่เขาเรียกกันว่าเสียใจ



ความรู้สึกนี้หรือ ที่เขาเรียกว่ารัก





นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกกันว่ารัก…….ที่ข้าไม่เคยได้รู้จัก รู้สึกกับใครสักที


นี่ใช่ไหม…..ที่ข้ามีใจให้เจ้าแบบนี้………..ทุกเวลา กับสิ่งที่มีในหัวใจ




แอลแค่นหัวเราะตัวเองอย่างเศร้าๆ ทำไมหนอก่อนหน้าที่จะเจอท่านไทนอส ตนเองกลับเรียกร้องอยากมีความรักเสียเหลือทน มันอดไม่ได้เสียทีเดียวที่ทนเห็นคนอื่นๆมีรักกันไปหมด แต่ตนเองกลับไม่มี


แต่แล้วพอมาเจอกับตนเองเข้าจริงกลับไม่เป็นดังฝัน



มาถึงตอนนี้หัวใจของเขากลับเรียกร้องไม่อยากรู้จักกับมันเลย……ความรัก



มันเจ็บปวดเหลือเกิน……เจ็บเหลือเกิน






หยดน้ำใสๆค่อยๆไหลรินจากดวงตาสวยคู่นั้นหยดลงบนผืนน้ำ ทำเอาภาพสะท้อนของเขาเองแตกกระจายเป็นวงคลื่นที่ค่อยๆขยายตัวออกไป ก่อนที่จะค่อยเปลี่ยนเป็นภาพใหม่ของใครบางคน


แอลรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็น แต่ยิ่งเพ่งเท่าไรก็ยิ่งเลือนราง คลื่นน้ำไม่ยอมนิ่งเสียที รู้แต่ว่าเขาคุ้นหน้าคนๆนี้เสียด้วย


แต่ก่อนที่คลื่นน้ำจะนิ่ง แอลเองได้ยินเสียงแว่วจนต้องลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆตัว แต่ก็ไม่พบอะไร


เวลานี้ตะวันใกล้ลับฟ้าไปแล้ว อากาศเริ่มเย็นตัวลงยิ่งทำให้โหรตัวน้อยหวั่นใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าอยู่เพียงลำพัง ยิ่งต่างที่ต่างถิ่นแบบนี้ยิ่งไว้ใจอะไรได้ยาก



เปรี้ยง




เสียงฟ้าผ่า ดัง แว่วเข้ามากระทบโสตถึงแม้จะไม้ได้ดังมากเหมือนเสียงนี้มีต้นกำเนิดจากที่ไกลๆ แต่ก็ทำเอาคนขวัญอ่อนตกใจเสียจนทำกองไพ่หล่นลงพื้นเสียจนกระจัดกระจาย


“อ๊ะ”


มีเพียงไพ่ทั้งสามที่หงายหน้าออกมาให้เห็น  The moon The emperor และ The tower

“ท่านเกรย์ ท่านไทนอส” แอลเห็นดังนั้นก็รู้ว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่แท้ เขารีบรวมไพ่ไว้ก่อนที่จะรีบเคลื่อนย้ายตัวไปหาไทนอสทันที













“เกรย์!!! ระวัง”



เสียงของฮีลที่ดังลั่นปลุกให้ทั้งสองตื่นจากการหลับใหล เกรย์ที่งัวเงียลืมตาขึ้นกลับเห็นฮีลที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ที่แปลกคือเขาได้กลิ่นเหม็นไหม้เหมือนเนื้อถูกเผา แต่ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรอีกคำตอบนั้นก็ถูกเฉลย

ฮีลหันกลับมาเผยรอยไหม้ที่ถูกสายฟ้าผ่าลงเป็นแนวยาวเฉียงลงจากบ่ามาเอว กลิ่นเนื้อไหม้ยิ่งทำให้ฮีลรู้สึกแย่ ไทนอสที่ตั้งสติได้รีบคว้าเอาปืนคู่ใจเตรียมพร้อมการโจมตี

“ฮีลเจ้าบาดเจ็บ” เกรย์รีบเข้าไปดูอาการพร้อมกับเร่งให้หมอหนุ่มรักษาตัว
“เจ้าบ้า ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” ฮีลตะโกนก่อนจะคว้าเอาเกรย์หลบจากสายฟ้าอีกเส้นที่พุ่งตรงมา



เปรี้ยง



ก้อนผลึกที่ถูกพลังงานไฟฟ้ามหาศาลเข้าไปถึงกับทนไม่อยู่ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

ไทนอสไม่รอช้ากระหน่ำยิงลงไปยังผืนน้ำตรงตำแหน่งที่สายฟ้าโผล่ออกมา



“ท่านไทนอส” จังหวะเดียวกันที่แอลปรากฎออกมาพร้อมกับใช้ไพ่ The tower ส่งสายฟ้าช่วยไทนอสอีกแรง ถึงแม้จะไม่ตรงเป้าเสียทีเดียวแต่อานุภาพของมันก็เล่นเอาน้ำกระจายไปตูมใหญ่

“พวกท่านไม่เป็นไรนะ” แอลถามทั้งเกรย์และฮีลที่ลุกขึ้นมาตั้งท่าพร้อมกัน

“มันตัวอะไร….คิเมร่าหรือเปล่า” ไทนอสออกปากถาม

“ไม่ใช่…..ข้าเองก็ไม่รู้”


เปรี้ยง


สายฟ้าอีกเส้นฟาดผ่านตรงเข้ามา แต่ครั้งนี้ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงรับได้อย่างง่าย แต่ไม่ว่าไทนอส ฮีล และเกรย์จะตอบโต้ไปเท่าไร ก็เหมือนไม่เกิดผลอะไร ไม่มีร่องรอยของเลือด ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้น้ำ


“ข้าว่าต้องลงไปลากมันออกมาจากน้ำเสียแล้ว” ไทนอสว่าอย่างเลือดร้อน หมดความอดทนในการรอ

“อย่าท่านไทนอส มันจะยิ่งแย่น่ะสิ” แอลดึงเสื้อห้ามไว้แต่ก็เอาชนะแรงคนตัวใหญ่ไม่ได้

“อย่าไทนอส ข้าขอร้องล่ะ” เกรย์เข้ามาช่วยอีกแรง

“ถอยออกมาเร็วเข้า” ฮีลออกแรงลากทั้งสามออกมาให้พ้นจากระยะสายฟ้า เขาเองสังเกตสักระยะจนพอรู้ว่า สายฟ้าพวกนั้นถูกปล่อยออกมาตำแหน่งเดิมๆ และระยะทำลายของมันก็ไปไม่ได้ไกลเสียด้วย

“มันจะไม่มาตามพวกเราหรือ” แอลถามฮีล เขาเองยังไม่ไว้ใจนัก

“ไม่รู้ ข้าว่าพวกเรารีบเดินทางต่อเร็วเข้า แล้วจัดเวรยามคอยระวังด้วย…..อ้อแน่นอนไม่ใช่เจ้าเกรย์” ฮีลเอ่ยปากห้ามเกรย์อย่างรู้ดีว่า เกรย์ต้องเสนอตัวเฝ้าเวรอย่างแน่นอน ทำเอาคนถูกห้ามทำหน้าไม่พอใจ

“เจ้าเสียพลังไปเยอะแล้ววันนี้…..ข้าจะเฝ้ากะแรกเอง” ฮีลสั่งเสร็จก็รีบเก็บของขึ้นเกวียนทันที

“เจ้าเองก็เจ็บเหมือนกัน ข้าเฝ้าเวรเองดีกว่าเจ้าพักเสียเถอะ” แต่ไทนอสเห็นรอยแผลของฮีลจึงออกตัวเพื่อทำหน้าที่แทน

“ไม่มีแต่…ฮีล เจ้าไปพักเสีย ทั้งหมดนั่นล่ะ” แล้วไทนอสก็เร่งให้ทุกคนที่เหลือเข้าเกวียนให้หมดก่อนจะขึ้นนั่งบนที่บังคับค่อยๆขับเคลื่นเกวียนออกไปยังถนนที่เรียงรายไปด้วยก้อนผลึกน้อยใหญ่ที่คอยส่องแสงริมทาง







ภายใต้ท้องฟ้าสีนิลนั้นเอง แสงผลึกส่องประกายสะท้อนลงสู่ผิวน้ำที่ควรนิ่งสนิทราวกระจกที่ส่องสะท้อนอย่างงามตา เพียงแต่ยามนี้กลับมีคลื่นน้ำเกิดขึ้นซ้ำๆ ตรงตำแหน่งเดิม



วงแล้ว วงเล่า ที่คลื่นน้ำนั้นแผ่กระจายออกไปทุกทิศ





แรงขึ้น




และแรงขึ้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 28 27/11/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-11-2009 18:31:46
แรงขึ้น แรงขึ้น แล้วอย่างไงต่อ
ค้างงงงงงงงง และลุ้นนนนนนนนนนตาม  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา.....ชีวาส come back (บทที่ 28 12/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 12-01-2010 23:22:59
ว้ายยยยยย

ดองไว้ซะข้ามปีเลย วันนี้มีอารมณ์เปลี่ยว เลยเข้ามาเพิ่มให้ซะเลย

อ้อ ใกล้จบแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้มาก อ๊ะ ยังไง

เอาว่าอ่านกันต่อเลยละกัน

แอร๊ยยยยยย













บทที่ 28






สองราตรีผ่านพ้นไปกับการเฝ้าระวังภัยคุคาม แต่ดูเหมือนพวกเขายังคงปลอดถัย ทั้งสองคืนที่ผ่านมานั้นก็เหมือนเคย ยังคงมีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในแดนรกร้างแห่งนี้

“ท่านไทนอส……ขะ….ข้ามาเปลี่ยนเวร” แอลที่ลอบมองไทนอสที่นั่งระวังภัยมานาน เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยไป

ไทนอสพยักหน้ารับรู้ แต่เขาไม่ได้มีทีท่าที่จะขยับตัวไปไหน ยังคงนั่งมองไปยังหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ไม่ไกลมากนัก



“อีกไม่ไกลทุกอย่างก็จะจบแล้วสินะ”

แอลแทบจะไม่เชื่อหูตนเองที่ได้ยินเสียงของไทนอส และถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง เขาคิดว่า ไทนอสกำลังพูดอยู่กับเขา…….เพียงเท่านี้ก็ทำให้รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนดวงหน้านั้น อยากที่จะเข้าไปนั่งใกล้ๆให้ไทนอสแกล้งเขาอีกเหลือเกิน แต่แอลทำได้เพียงหาที่นั่งใกล้แล้วแอบมองด้วยหางตา


“อีกไม่นาน เราจะได้กลับบ้านกัน”


พูดถึงจุดนี้แอลเองก็ตระหนักได้ว่า เวลาของการร่วมเดินทางในครั้งนี้ใกล้สิ้นสุดลงเสียแล้ว อีกไม่นานเขาคงไม่ได้อยู่ใกล้ไทนอสแบบนี้อีก งานของเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไทนอสโดยตรง นานๆทีจะได้พบกันเสียที

“ร้องไห้ทำไม เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับบ้าน กลับไปสู่ชีวิตเดิมๆ” ถึงแม้จะมืดแต่ไทนอสก็สังเกตได้ถึงหยดน้ำใสๆที่ไหลลงแก้มขาวนวลน่าสัมผัสนั้น

“ช่วงนี้เจ้าดูซึมไปนะ มันไม่เหมาะกับเจ้าหรอก” ไทนอสบรรจงปาดน้ำตาอย่างบรรจงออกจากเจ้าตัวน้อยที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“กลับไปเป็นแบบเดิมเถอะนะ ถือว่าข้าขอร้อง…..ข้า……..”




‘ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุข’




ไทนอสยั้งคำของเขาเอาไว้ได้เพียงแต่คิดในใจ ในบางครั้งคำพูดที่ดูดี มันอาจจะกลายเป็นยาพิษที่กัดกร่อนหัวใจได้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ ในขณะที่เขาเองไม่สามารถทำตามหัวใจตนเองได้อย่างนี้




กี่ครั้งที่ต้องกัดฟันทนทำร้ายจิตใจแอล


กี่ครั้งที่ต้องคอยหลบหน้า






ไทนอสไม่คิดเลยว่าคนอย่างไทนอสที่ต่างมีคนมารุมล้อม คนที่บรรดาสาวๆยอมพลีทั้งกายและใจให้จะต้องมีวันนี้

วันที่คนอย่างเขาต้องตัดใจ



“ท่าน…….”



แอลร้องเรียกไทนอสอีกครั้งขณะที่ไทนอสเองลุกเดินจากไป แต่ครั้งนี้ไทนอสกลับไม่ได้สนใจอีกแล้ว เขาหยุดเพียงครู่ใจแล้วสาวเท้าเดินกลับไปยังที่พัก ที่ซึ่งเกรย์เองหลับใหลอยู่


ที่ๆเขาควรอยู่ตามคำสัญญา







บัดนี้ ไทนอสได้ปล่อยให้ดวงใจของเขาร้องไห้เพียงลำพังใต้แสงจันทร์ เขากลั้นใจที่จะไม่หันไปมอง พียงเพราะกลัวใจของเขาจะไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้น

เขาเอนกายลงยังพื้นที่นอนข้างๆเกรย์ที่นอนนิ่ง แรงขยับทำให้คนที่นอนอยู่ขยับตัวเบาๆ

“เจ้ามาแล้ว ไทนอส”

“ข้าขอโทษที่ทำเจ้าตื่น เกรย์”

“ไม่เป็นไร นอนเถอะ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

ไทนอสแทรกตัวลงยังพื้นที่ของเขา เสื้อตัวหนาถูกโยนออกไปที่ปลายเท้าอย่างเคยตัว ปล่อยให้แผงอกสัมผัสอากาศเย็นอย่างที่เป็นทุกวัน





“ไทนอส……..กอดข้าหน่อยสิ”

“อืม”

ไทนอสเอื้อมแขนเขาเกี่ยวเอาเกรย์ที่นอนหันหลังให้เข้ามากระชับตัว แผ่นหลังผอมซีดนั้นแนบไปกับเนื้ออกเปลือยเปล่าทำเอา เกรย์ ใจสั่นอยู่ไม่น้อย เกรย์ดันหัวของเขาให้ใกล้สัมผัสถึงลมหายใจของอีกคนที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

และนั่นทำเอาคนตัวเล็กนอนแทบไม่หลับ




เพียงแค่เวลาของความสุขมันช่างสั้นนัก

“เกรย์ เจ้าหลับหรือยัง” ไทนอสกระซิบข้างๆหู พร้อมเขย่าตัวเกรย์เล็กน้อย

“……..” เกรย์ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแค่อยู่นิ่งๆหมายจะแกล้งให้อีกคนตกใจ

แต่ก่อนที่เกรย์จะได้ทำตามแผนการ ไทนอสกลับปลดแขนของเขาออกจะเกรย์พร้อมกับขยับตัวออกเว้นช่องว่างไว้ระหว่างสองคน







เวลาล่วงเลยไปอีกยาม แอลยังคงนั่งซึมอยู่ตามลำพัง เขานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งอดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่จะเกิดในอนาคต



บางทีการห่างกันอาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับตัวเองก็เป็นได้




เวลาและระยะทางคงจะสามารถช่วยเยียวยา ให้ภาพของไทนอสจืดจางหายไปจากใจ

แต่เขาเองไม่ได้อยากจะลืม……แต่มันจำเป็นต้องลืม




เขามีหน้าที่ต้องลืม





“ร้องไห้อีกแล้ว”


แอลรีบเช็ดน้ำตาของตนเมื่อเห็นฮีลที่นั่งอยู่ข้าง……นี่เขาเองไม่รู้ตัวเลยว่าฮีลมาเมื่อไร

“ข้าเปล่านะ” ถึงแม้จะบอกไม่แต่รอยน้ำและความช้ำของดวงตามีคงบอกคำตอบไปหมดเรียบร้อย

“เกรย์ยังไม่มาเปลี่ยนเวรอีก” ดูเหมือนฮีลเองก็ไม่ได้อยากต่อความเรื่องที่แอลเองร้องไห้ จึงเปลี่ยนไปถามถึงคนเข้าเวรกะต่อไปซึ่งน่าที่จะมาเปลี่ยนเวรได้แล้ว

“ได้เวลาแล้วหรือ ข้าอยู่ให้ต่อก็ได้นะ ข้ายังไม่อยากนอน”

“เฮอะ จะให้เจ้าเฝ้าต่อ……แค่ข้าเดินมานั่งใกล้ๆยังไม่รู้ตัวเลย…..ไปได้แล้ว” ฮีลไล่เสียงดุทำเอาแอลไม่กล้าที่จะเถียงต่อ ได้แต่เดินทำท่าทางไม่พอใจที่ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าหมอจอมเผด็จการเสียทุกครั้ง





“อ๊ะ…..ท่านเกรย์”

“แอล”


แต่ก่อนที่จะได้เข้าที่พักทั้งสองก็ได้พบกันก่อน ในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก


“ท่านเกรย์ ท่านเป็นอะไร ท่านร้องไห้ทำไม” แอลเห็นทีท่าไม่ดีรีบเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง จากที่เกรย์เองก็ดูไม่มีแรงอยู่แล้ว มาร้องไห้ซ้ำเข้าไปอีกยิ่งทำให้ดูแย่นัก

“ข้าไม่เป็นไร…..เจ้าไปพักเถอะแอล” เกรย์บอกปัด

“แต่”

“ข้าไม่เป็นไร อีกอย่าง สภาพเจ้าเองก็ไม่ต่างจากข้าหรอก แอล ไปพักเสีย”

เกรย์ออกแรงผลักแอลออกไปเบาๆให้แอลเข้าไปยังที่พัก







“วันนี้มันวันคนเจ้าน้ำตาหรือยังไงกัน” ฮีลส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจที่เห็นเกรย์เองเหมือนพึ่งจะร้องไห้มา

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เกรย์ตอบกลับ พร้อมกับนั่งลง

“แล้วอีกอย่าง เวลานี้ยังไม่ใช่เวรของเจ้า กลับไปพักได้แล้ว”

“ข้าไม่ง่วง” หมอหนุ่มไม่สนใจคำไล่ เอนตัวลงนอนอย่างสบาย

“เจ้านี่มัน…..” เมื่อเกรย์เห็นว่าคงไม่มีทางไล่เจ้าเพื่อนคนนี้ไปได้จึงปล่อยเลยตามเลย



เวลาผ่านไปด้วยความเงียบ



“เสร็จจากงานนี้แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ” ในที่สุดเกรย์ก็เป็นคนเริ่มก่อน

“ข้าก็กลับไปที่เดิมของข้า”

“เจ้า……จะมาทำงานกับข้าก็ได้นะ….เอ่อ….”

“ข้าคงไม่ไปหรอก…..อยู่ที่เดิมก็ดีแล้ว” ฮีลตอบปฏิเสททันทีอย่างไม่ต้องคิด



เจ้าจะให้ข้าต้องทนเห็นเจ้ากับไทนอสอยู่ด้วยกันอย่างนั้นหรือ

เจ้าจะให้ข้าทนได้อย่างไรกัน เพราะทั้งหัวใจข้าไม่เคยที่จะขาดเจ้าเลย

ข้าคงทนไม่ได้ เพียงแค่ทุกวันนี้ข้าก็เจ็บแย่อยู่แล้ว มันทรมารเจ้ารู้ไหม เกรย์



ฮีลเองได้แต่น้อยใจ เก็บเอาคำตัดพ้อไว้แต่ในใจ

“แต่ข้า……..นั่นใครน่ะ”



ยังไม่ทันที่เกรย์จะพูดจบ เขาเองสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่แผ่มาจากความมืดเบื้องหน้า ง้าวกระดูกถูกดึงออกมาจากแขนเตรียมพร้อมโจมตี ฮีลเองก็รู้สึกได้ เข้าเด้งตัวขึ้นยืนเตรียมพร้อม



“จำข้าไม่ได้รึ เกรย์”



ชายในเงามืดค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาทีละนิด จนใกล้พอที่ทั้งสองผ่ายมองเห็นกันและกัน

“ชีวาส” เกรย์ร้องดีใจ

“ใช่ข้าเอง”



เปรี้ยง




สายฟ้าถูกปล่อยออกมาจากนิ้วชี้ของจอมเวทย์หนุ่มวิ่งกระทบเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทำเอาเกรย์ลอยปลิวกลางอากาศก่อนที่จะตกกระแทกพื้นส่งเสียงดัง



“นี่สำหรับ คนที่คิดจะแย่งไทนอสจากข้า”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 28 12/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 13-01-2010 00:05:40
 :-[

มาอัปจนได้เน้อะ ขอแปะโป้งไว้ก่อนน้า เดี๋ยวมาอ่านทีหลังจร้า

 :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 28 12/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 16-01-2010 00:14:48

:jul3: ต๊าย ไม่ ตาย แถม ยัง แรง ดี อี๊กกกกกกกกกก นะยะ  :impress2:


ปล. ไม่ให้สุ้มให้เสียงนะจ๊ะคุณ  :o
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 29 16/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 16-01-2010 04:17:39
วุ้ย คุณเพื่อนขา

ก็มาเงียบ สวยเงียบๆไงคะ มาต่อเลยค่ะ เครื่องกำลังร้อน











บทที่ 29





“ชีวาส เจ้าทำบ้าอะไร” ฮีลตวาดลั่นขณะเร่งราดน้ำยาลงบนตัวเกรย์ รอยไหม้ตรงกลางอกค่อยสมานเองโดยเร็ว

ชีวาสไม่ตอบได้แต่หัวเราะ เขาเรียกวงเวทย์ออกมาอีกสามวงซ้อนกัน ประกายสายฟ้าแล่นส่งเสียงครางน่ากลัว

“เกิดอะไรขึ้น…….ชีวาส” ไทนอสและแอลที่วิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรต่อ สายฟ้าทั้งสามเส้นต่างรี่พุ่งเข้าหาเกรย์



ตูม


ตูม


ตูม




แรงระเบิดเล่นเอาเศษดิน เศษหินปลิวว่อนกระทบใบหน้าทำเอาเจ็บได้เรื่อง

“เกรย์” ไทนอสมองเข้าไปในดงฝุ่นที่เกิดจากแรงระเบิดอย่างร้อนใจ

“ไม่เป็นไร”  เสียงของฮีลดังลอดออกมา ก่อนจะปรากฏกายออกมาเมื่อฝุ่นจางลง

“ชีวาสนั่นเจ้าใช่หรือไม่” เกรย์ถามเสียงแข็ง เล็งศรกระดูกไว้ที่เป้า

“……..เจ้าแย่งข้า…….เจ้าแย่งข้า” ชีวาสไม่ตอบ คำพูดเดิมซ้ำไปมาอยู่หลายรอบก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น พร้อมกับวงเวทย์ที่ปล่อยออกมารอบตัว

“แอล” ไทนอสหันมาถามคาวมเห็น ปากปืนเองก็เล็งไปทางชีวาสที่เริ่มร่ายเวทแล้ว


“……..”


“เป็นท่านชีวาสจริงๆ แต่……..” แอลดึงไพ่ออกมาหนึ่งใบ และผลที่ได้มันก็คือไพ่ The magician ไพ่ประจำตัวของชีวาส แต่มีสิ่งที่กวนใจเขาอยู่นั้นคือ……..ไพ่ที่ได้นั้นกลับหัว

“จะทำอะไรก็เร็วเข้า ข้าป้องกันได้ไม่หมดหรอกนะ” ฮีลเร่ง เขาเองก็ปลดขวดยาออกมามากมายเทราดลงบนตัวพวกเขาทั้งหมด หวังผลบรรเทาอันตรายจากเวท

“วางใจได้ พวกเราต่างทำอันตรายกันไม่ได้” แอลบอกอย่างสบายใจ

“ไม่นะแอล ข้าถูกเวทเล่นงานเมื่อครู่…..ถ้าไม่ได้ฮีลช่วยล่ะก็แย่แน่”

“ยังไงก็จัดการก่อนแล้วกัน” ฮีลไม่รอช้า ทิ้งให้แอลคิดหาคำตอบ ส่วนเขารี่ตรงเข้าไปหาจอมเวทเจ้าปัญหาคนนั้น กระชากมือที่กำลังเขียนอัขระในวงเวทออกมาให้พ้น

ชีวาสมองตาขวาง ก่อนเรียกเวทสายไฟอย่างง่ายพุ่งเข้าใส่ฮีล แต่ลูกไฟนั้นกลับดับลง เมื่อลูกไฟสัมผัสของเหลวบนร่างกายหมอหนุ่ม

“ไม่รู้จักน้ำยาลบพลังเวทล่ะสิ” ฮีลยิ้มเยาะก่อนจับตัวชีวาสทุ่มลงพื้น

ชีวาสสะบัดหัวไล่ความมึนงง เขามองหน้าฮีลอย่างพิเคราะห์

“ข้าไม่มีธุระกับเจ้า”

ชีวาสเร่งพลังเวทจุดประกายเพลิงให้ลามลุกไปทั่วร่างตนหวังเผาผู้อยู่ใกล้ให้ดับดิ้น แต่ก็กลับทำอะไรฮีลที่มีน้ำยาป้องกันไว้ได้

“ข้าบอกว่าไม่มีประโยชฯไงเล่า” ฮีลเงื้อมือขึ้นก่อนจะชกลงมาเป้าหมายอยู่ที่ท้อง



วาบ



“เจ้าแย่งของข้า เกรย์” ชีวาสหายตัวไปโผล่ขึ้นข้างหลังเกรย์ ไม้เท้าด้ามยาวถูกเรียกออกมาไว้อยู่ในมือชีว่าเรียบร้อย



เปรี้ยง



สายฟ้าขนาดย่อมถูกปล่อยออกจากปลายไม้เท้าพุ่งเข้าหาเกรย์


ฟู่


แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม น้ำยาที่ฮีลราดลงไปยังแสดงผลของมันได้ดี

“ชีวาส หยุดเถอะ เจ้าเป็นอะไรน่ะ” เกรย์ถอยออกมาตั้งหลัก พยายามพูดให้อีกคนเข้าใจ

“เจ้าแย่งของข้า”


เมื่อใช้เวทไม่ได้ผล จอมเวทเงื้อไม้ขึ้นหมุนรอบตัวอย่างชำนานก่อนจะวิ่งตรงเข้าหาเกรย์และฟาดลงไปอย่างจัง


“กรงกระดูกขาว” เกรย์ประสานมือประกบลงดิน ปรากฏแหลมกระดูกโผล่ออกมาขังชีวาสไว้ ชีวาสมองอย่างขัดใจ เขาหายตัวอีกครั้งโผล่ข้างหลังเกรย์พอดี ชีวาสได้จังหวะเงื้อไม้เท้าขึ้นฟาด


หมับ


“ระวังตัวหน่อยสิ” ฮีลโผล่เข้ามาจับด้ามไม้ไว้ทัน ส่งเสียงตำหนิให้คนตัวผอม ก่อนจะออกแรงปัดจนชีวาสลอยออกไป

“เกรย์ระวัง” เสียงเตือนจากไทนอสทำเอาฮีลต้องรีบเอาตัวเข้าไปบังเกรย์อย่างเร่งรีบ เมื่อชีวาสหายตัวโผล่มาข้างหน้าพร้อมกับแทงไม้เท้าเข้ามาอย่างจัง

“อุ๊ก” ฮีลโดนเข้าเต็มที่ท้องเล่นทำเอาจุก เขาไม่อยากจะคิดเลยหากถ้าเกรย์โดนเข้าไปอาจเป็นอันตรายมากกว่านี้นัก

“ฮีล…..เจ้าเล่นมากไปแล้วชีวาส”

เกรย์ตัวสั่นด้วยความโกรธ โครงกระดูกสองสามตนค่อยๆโผล่ออกมาจากดิน แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้ออกโรง เปลวเพลิงของชีวาสก็จัดการไปเสียก่อน


ฟ้าว


ไม้เท้าตรงเข้ามาหาเกรย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เกรย์ตั้งตัวได้ เขาค้านเอากระดูกหน้าแข้งมาต่างดาบ ตั้งรับไม้เท้าที่ประโคมหวดเข้ามาไม่ยั้ง

“หยุดนะ” ฮีลที่อาการดีขึ้นพุ่งตรงเข้าหาชีวาสหมายจะช่วย กลับถูกชีวาสพาหายตัวออกไปอยู่ข้างๆไทนอส

“ทำอะไรสักอย่างสิ” ไทนอสเร่งแอล เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงไม่ดี


ปัง


กระสุนน้ำแข็งพุ่งเข้ากระทบเท้าทั้งสองของชีวาส จับแช่แข็งตรึงแน่นกับพื้นหมายไม่ให้เคลื่อนไหว จนฮีลอดเอ่ยปากชมไทนอสสียไม่ได้

“ไทนอส……” ชีวาสมองมาทางชายอันเป็นที่รัก ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ด้วยเหตุที่ไม่คิดว่าไทนอสเองจะทำร้ายตน

“เกรย์มันเป่าหูเจ้าจนเสียคนเลยใช่ไหม” ก่อนที่จะเปลี่ยนความเศร้าเป็นโกรธแค้น ดวงตาชีวาสแปรเป็นสีแดงสดเรียบร้อย เปลวไปลุกโชนที่เท้าทั้งสองละลายน้ำแข็งหายไปทันควัน



“เจ้าต้องชดใช้ เจ้าต้องชดใช้”



ไม้เท้าด้ามที่สองถูกเรียกออกมาระดมฟาดลงไปยังเกรย์ที่ได้แต่ตั้งรับ โยชีวาสไม่ปล่อยโอกาสให้เกรย์ได้โต้กลับ พอฮีลและไทนอสเข้ามาใกลทีไร ก็ถูกชีวาสพาหายตัวออกมาอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“The star”


ประกายแสงสีขาวขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าว ค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืดล้อมรอบบริเวณนั้นเอาไว้จนทั่ว มองดูคล้ายอยู่ในอวกาศที่มีดวงดาวนับพันอยู่รอบตัว




“อย่าขยับนะทุกคน” แอลส่งเสียงเตือน ในมือก็ถือไพ่ไว้อยู่




ชีวาสมองแสงเหล่านั้นอย่างครุ่นคิด เขาลองเอาไม้เท้าอันหนึ่งสัมผัสกับเกร็ดแสงใกล้ตัว เพียงสัมผัสเบาๆ ดวงดาวเหล่านั้นต่างพองตัวออกแล้วระเบิดตนเองออกมา

แม้จะเป็นเพียงแรงระเบิดที่ไม่มากนักแต่เมื่อพร้อมใจกันแบบนี้ก็คงอันตรายใช่น้อย

ชีวาสมองไม้เท้าที่หักเป็นท่อนอย่างไม่พอใจ

“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าไม่สนใจหรอกแอล……เจ้าเป็นรายต่อไปถัดจากเกรย์” ชีวาสบอกเสียงเขียว

“แล้วของแค่นี้ คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ” ชีวาสยิ้มร่าเสกวงเวทขึ้นใต้เท้าตนพร้อมร่ายบท




ร่ากายของชีวาสค่อยจมหายลงไปในดินจนมิดทำเอาทั้งหมดระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

“เฮ้ย” เกรย์ร้องอย่างตกใจเมื่อเท้าของตนถูกมือของชีวาสจับไว้ได้ ก่อนที่ชีวาสจะโผล่ตัวขึ้นมาผลักเอาเกรย์เซไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นมันก็พอเพียงที่จะทำให้ลำตัวชองเกรย์สัมผัสเข้ากับดวงดาวเหล่านั้น

เสียงระเบิดดังต่อเนื่องปนกับเสียงหัวเราะของชีวาส เสียงร้องเรียกของฮีลที่เรียกชื่อคนตนที่รักอย่างสุดเสียง

หมอหนุ่มวิ่งิกไปทางเกรย์อย่างไม่กลัวอันตราย แรงระเบิดทำเอาเขาเกิดบาดแผลที่ขา แขน และ ลำตัว แต่ก็ไม่มีท่าทีจะหยุดลง




“แอลเก็บไพ่ซะ” ไทนอสที่ได้สติเรียกแอลที่กำลังตื่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

แอลชงักไปชั่วครู่จนไทนอสเร่งอีกครั้ง เขาพยักหน้าแล้วเก็บไพ่เข้าสำรับ ประกายสงทั้งหมดได้หายไป

บัดนี้ ชีวาสกำลังสนุกกับการลงไม้หวดไปยังร่างของเกรย์ที่นอนขดตัวดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด ฮีลเองก็ถูกคลื่นลมพัดออกมาไม่ให้เข้าไปยุ่ง




“เจ้าต้องชดใช้ เกรย์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”




ชีวาสยังคงลงมืออย่างไม่สนใจในความเจ็บปวดของเกรย์ เหมือนเขาเองต้องการให้เกรย์ตายลงไปอย่าที่พูดจริงๆ




ในขณะนั้นเองเหนือขึ้นไปบนอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา เงาของคนๆหนึ่งได้ปรากฏกายขึ้นมา รอยยิ้มอันไม่ทราบสาเหตุผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงอันดังเกินตัว


“แตกคอกันเองแล้วหรือไง”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 29 16/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-01-2010 14:09:23
เรื่องนี้กลับมาแล้ว  :m4:
ขนาดชีวาสไม่อยู่แอลยังไม่ได้เข้าใกล้ไทนอสเลย แล้วนี่ชีวาสกลับมาแบบนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 29 16/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 16-01-2010 15:14:33
สมชื่อมายาริษยา  โฮะๆๆๆ


ลงทะเบียนเป็นแฟนคลับชีวาส   :fire:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 29 16/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 16-01-2010 22:24:00
 o13

อิอิอิอิ ชีวาส จ๋า ทำได้ถูกใจอิชั้นเป็นที่สู้ด  อิชั้นเก็บกดมานานและ กะอินังเกรย์  อินังแอล  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 29 16/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 17-01-2010 10:35:26

ฮ่าๆๆๆ ไงจ๊ะ ยัยแอล ยัยนางเอก เก็บไพ่ป๊อกของหล่อนไปเลยนะ
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครคือนางเอกตัวจริง ชิมิคะ ชีวาส เนอะๆๆ เชอะ



ปล. เอ่อ "ไม่รู้อะไรเข้าสิง" ยัยชีวาส นะเนี่ย  o22
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 18-01-2010 20:39:51
วั๊ยยยยย

สงสัยคุณแดงจะต้องเปลี่ยนนางเอกเสียเเล้วล่ะมั้งงานนี้

ชีวาสคะแนนโหวตเพียบ

ปล. The Living Rive อย่ามาว่าน้องแอลนะ เจอนี่เลย 5 ดอกจิก 4 ดอกจิก ป๊อก 9 สองเด้งค้าาาาา

แอร๊ยยยยยย









บทที่ 30







ชายผู้มีผิวขาวราวหิมะในชุดผ้าขาวนวลลอยอยู่เหนือพวกเขา ปีกเล็กๆคู่นั้นคงทำงานได้อย่างดี ถึงแม้จะมืดเพียงใด แต่เหมือนผิวกายของชายผู้นั้นสามารถเปล่งแสงออกมาได้ ขับให้ร่างของเขาเด่นชัดในราตรีกาลแบบนี้


“เจ้า……” ไทนอสไม่รอช้าเมื่อเห็นศัตรูเก่า ลูกปืนหลายชุดถูกยิงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถือเป็นการต้อนรับที่ดี” เพียงแค่เขาสั่งการ ปีกน้อยๆเหล่านั้นก็พาให้เขาหลบหลีกไปทางนั้นทางนี้ดั่งใจนึก กระสุนทั้งหลายแทบจะไม่สัมผัสเขาเลย

รอยแผลจากครั้งก่อนยังชัดเจน มันนูนออกมาเป็นแผลเป็นที่ยากจะเลือนหาย ทั้งขา แขน และลำคอ มันช่างทำงายความสวบงามของร่างอันสมบูรณ์ของเขานัก และนั่นมันทวีความแค้นให้ผู้ที่กระทำเป็นอย่างยิ่ง ปีกคู่เล็กเร่งกระพือพาตัวเขาร่อนเข้าหาเกรย์ ที่กำลังถูกชีวาสทำร้ายอยู่

เข็มพิษสิบเล่มถูกกำไว้ในมือ เขาขว้างมันออกไปเมื่อเข้าใกล้ระยะ ฮีลที่เห็นเหตุการณ์ร้องตะโกนเตือน แต่เกรย์เองมัวแต่ป้องกันตนจากไม้เท้าของชีวาสอยู่จึงไม่ระวัง



เข็มทั้งสิบพุ่งใกล้เข้ามา



“อย่ามายุ่ง…..นี่มันเรื่องของข้า” ชีวาสตะโกนบอก

เข็บนับสิบที่ขว้างไปกลับถูกสายลมแรงพัดเสียกระจายกันไปเสีย



ปัง



กระสุนนัดหนึ่งฝังเข้าที่ต้นขาของศัตรูหน้าเก่าโดยที่เขาไม่ทันระวัง ทำเอาเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อาการปาดเจ็บครั้งก่อนยังไม่คลายดี ทั้งๆที่หัวหน้าของเขาเตือนไว้แล้วแต่ตนกลับแอบหนีออกมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ


เข็มพิษอีกชุดถูกขว้างออกไปทางไทนอส ต่างฝ่ายต่างใช้อาวุธระยะไกลผลัดกันรุก รับ เวลาฝ่านไปพอควรก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรกันได้

“เก่งนักใช่ไหม” ศัตรูหน้าหยก เห็นท่าไม่ดีเขาตัดสินใจพุ่งเข้าสู้ระยะประชิด และนั่นคงทำให้เขาได้เปรียบบ้าง


และนั่นก็เป็นความจริง ไทนอสเองไม่ได้เก่งกาจในการต่อสู้ระยะประชิดนัก เพียงหมัดแรกเขาก็โดนซัดจนล้มไปเสียแล้ว ทำเอาอีกคนกระหยิ่มในความสำเร็จหมายจะตามซ้ำ




“The strength”




ก่อนที่ไทนอสจะถูกกำปั้นตะบันหน้าอีกครั้ง ก็มีมือเล็กๆของแอลมาขวางไว้เสียก่อน

เทพผู้รุกรานมองอย่างไม่เชื่อสายตา ถึงแม้เขาเองจะไม่ได้มีร่างกายที่ใหญ่โตนัก แต่ก็นับได้ว่าใหญ่กว่าเจ้าหนูหมอดูนั่นเป็นแน่ แรงจากกานที่ถูกรับหมัดได้แบบนี้ ย่อมไม่ธรรมดา


“มาเล่นกับข้าดีกว่า” แอบปัดเอาหมัดออกไปตั้งการ์ดขึ้นอย่างเชี่ยวชาญ สายตาจ้องมุ่งไปหาอีกคนอย่างท้าทาย
















“หยุดนะชีวาส”



อีกฝั่งหนึ่งเกรย์กับฮีลต่างตั้งรับ ชีวาสอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่ไม่อยากจะโต้กลับ เพียงแต่ชีวาสดูเก่งขึ้นมาก เวทชนิดใหม่ๆที่ยังไม่เคยเห็นถูกนำมาใช้เสริมพลังให้ชีวาสมีความสามารถเพิ่มพูน ไหนจะวิชาต่อสู้นั่นอีก เกรย์จำได้ว่าตอนที่อยู่นครบารอนด้วยกันเป็นเขาเสียอีกที่ต้องสอนการต่อสู้ให้

เกรย์จึงทำได้เพียงตั้งรับอย่างระวังตัว โดยมีฮีลของเสริมพลังให้อีกที



ยิ่งตอนนี้ชีวาสใช้เวทสายลมพยุงร่างกายของเขาให้ล่องลอยไปมาอย่างเสรี ยิ่งเพิ่มทิศทางการโจมตีได้รอบทิศ เกรย์กับฮีลก็โดนฟาดกันไปตามๆกัน


“โอ๊ย”


ฮีลร้องขึ้นเมื่อถูกไม้เท้าฟาดเข้าที่หัวเต็มๆ เกิดแผลเปิดเผยเห็นเนื้อสีแดงและโลหิตเหลวไหลซึมผ่านใบหน้าลงมา ทำเอาเกรย์ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันตกใจ

ฮีลคว้าเอาน้ำยามาอีกขวดหนึ่งรีบราดลงบนบาดแผลของอีกคน เกรย์บอกปัด กะให้เขารักษาตนเองก่อน แต่ฮีลไม่ฟัง เขาจัดการจนน้ำยาในขวดหมดเกลี้ยง

“ขวดสุดท้ายแล้ว” เจ้าตัวบอก พร้อมออกตัวว่าจะเป็นคนรั้งชีวาสไว้ให้เกรย์รีบหนีไป

แต่ไม่ทันที่เกรย์จะตอบปฏิเสธ ชีวาสก็โผล่เข้ามาฟาดเสยเข้าที่ปลายคางของฮีลกระเด็นไปอีกทาง ชีวาสตวัดไม้อีกหลายครั้ง ส้รางบาดแผลให้หมอหนุ่มนับสิบ


“ชีวาส”


เกรย์ตะโกนดัง ทำเอาชีวาสหยุดสนใจกับร่างของฮีลที่หมดสตินอนนิ่งอยู่หันไปสบตากับเป้าหมายที่แท้จริง


“เจ้าเป็นใครกันแน่…..”


ชีวาสยิ้มแสยะ

“ข้าคือ ชีวาส และไทนอสเป็นของข้า” พูดจบชีวาสก็พุ่งเข้าหาเกรย์ทันที แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวชีวาสกลับขยับตัวไม่ได้ เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ จะหายตัวก็ทำไม่ได้อีก

“เจ้าทำแบบนี้ทำไม” เกรย์ถามต่อ โดยไม่ยอมละสายตาสะกดไปยังชีวาส

ชีวาสยิ้มอีกครั้ง

“ข้าแค่อยากลงโทษ เจ้าหัวขโมย….อ้อ แล้ววิชานี้ของเจ้าน่ะ จะใช้ได้นานสักเท่าไรนักเชียว” เขายิ้มอย่างสบายใจ เมื่อรู้ว่าวิชาสะกดของเกรย์นั้นหากเจ้าตัวไม่รีบจัดการศัตรูขั้นเด็ดขาด ก็ไม่น่ากลัวอะไร ซึ่งแน่นอน ชีวาสมั่นใจว่าเกรย์ไม่มีทางทำอะไรเขาเป็นแน่

เกรย์จ้องอีกคนไม่วางตา ตาข้างซ้ายของเขาแปรเป็นสีขาวขุ่นทั้งหมด และเริ่มวิเคราะห์ดวงวิญญาณ แต่ผลที่ได้ก็เหมือนที่แอลบอกไว้ คนๆนี้ คือชีวาสไม่ผิดแน่นอน

“เอ้า รีบทำอะไรเข้าสิก่อนที่ข้าจะทำให้เจ้าหมอบไปเหมือนเจ้าหมอเถื่อนนั่น”

เกรย์เองเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยถูกอย่างที่ชีวาสว่า วิชานี้ของเขากินพลังวิญญาณมากพอดู ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างคงแย่

แหลมกระดูกถูกควักออกมาจากแขนอีกครั้ง เกรย์กล่าวขอโทษในใจและปักมันลงที่ต้นขาทั้งสองอย่างแรง เสียงกรีดร้องของทั้งสองดังขึ้นประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

“ต้องแบบนี้สิ เอาอีกสิ เร็วเข้าก่อนที่ข้าจะหุดออกไป”

แหลมกระดูกอีกสองอันถูกเรียกมาและปักลงที่ต้นแขนทั้งสอง เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง เลือดของทั้งสองไหลรินลงมามากมาย จนมันดูคล้ายแอ่งเลือดขนาดย่อม เกรย์โงนเงนไปมาอย่างเลื่อนลอย ตาของเขาเริ่มพล่าเลือน ก่อนที่พลังผนึกของเขาจะตัดไป ปล่อยให้ชีวาสเป็นอิสระ

“ทำแสบนักเจ้า” ชีวาสสบถ

แต่การกระทำของเกรย์ใช่จะไรประโยชน์ ทั้งแขนแลละขาของชีวาสเองก็ถูกจัดการไปเสียแล้ว แค่จะขยับไปมายังทำไม่ได้

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้หรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชาสเร่งพลังเวทขึ้นอีกครั้งปล่อยสายฟ้าเข้าไปยังก้อนผลึกขนาดใหญ่ที่ใกล้ตัวจนมันหักล้อมลง ขึ้นต่อไปสายลมต่างพากันโอบล้อมก้อนผลึกนั้นผลักให้ลอยขึ้นช้าๆและเคลื่อนมาจนอยู่เหนือร่างที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อนนั้น



“ลาก่อน เกรย์”





ตึง
























‘ไอ้ตัวเล็กนี่เก่งใช่ย่อย’



ศัตรูหน้าเก่าหลบฉากถอยออกมาเว้นระยะไว้เพื่อกันตัวจากหมัดหนักๆที่ช่างขัดกับตัวของแอลยิ่งนัก และนั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาตัดสินใจผิด เมื่อห่ากระสุนจากไทนอสระดมยิงเข้าทันทีที่ห่างจากแอล


เขาโฉบเอียงตัวหลบนัดแล้วนัดเล่า ซัดเข็มพิษตอบโต้กลับไปบ้างมองหาโอกาสเข้าประชิดอีกครั้ง


‘คงต้องจัดการเจ้าคนยิงปืนนั่นเสียก่อน’





แต่โอกาสอันนั้นคงไม่มีเสียแล้ว เม็ดแสงเล็กๆค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละจุดจนปกคลุมทั่วบริเวณนี้ไว้อีกครั้ง

“The star”

แอลชูไพ่รูปดาวขึ้นเหนือหัว มือที่จับนั้นสั่นรัว เขาเสียพลังไปเยอะมากแล้วในวันนี้ ไหนจะใช้ The strength เพิ่มกำลังอีก ทำให้กล้ามเนื้อของเขาทำงานอย่างหนักในชนิดที่ไม่เคยมาก่อน นั้นทำให้เกิดอาการอ่อนล้าตามมา

“ท่านไทนอสเร็วเข้า”

กระบอกปืนที่เล็งไปทางเป้าที่ลอยอยู่กลางอากาศไหวปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปมาชั่วครู่แล้วหยุดนิ่ง ไทนอสเล็งจุดบอดที่ไร้กลุ่มดาวบดบังแนวกระสุนได้ เขาลั่นไกออกไป


‘ได้ผล’


กระสุดพุ่งเข้าตรงกลางอกขาวนวล เลือดของเขาทะลักไหลเปื้อนผ้าสีขาวนวลที่ปกปิดร่างกาย เขาเซไปมาก่อนจะร่วงลงพื้น สัมผัสเข้ากับละอองดาว



เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง



ทั้งสองค่อยๆก้าวย่างเข้าไปดู ร่างของอีกคนนอนนิ่งไม่ไหวติง แขนที่ขาดออกไปหนึ่งข้างจากแรงระเบิดกระเด็นหายไป แผลกลมๆกลางหน้าอกยังคงมีเลือดไหลรินออกมา ลมหายใจของเขาค่อยๆเบาลงๆ



จนเงียบไปในที่สุด



แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือตรวจให้แน่ใจ เสียงหัวเราะของชีวาสก็ดังขัดขึ้นมาก่อน ทั้งสองจึงรีบเบนหน้าไปช่วยเกรย์อีกด้านแต่ภาพที่เห็นทำเอาพวกเขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นก้อนผลึกก้อนใหญ่หล่นทับร่างของเกรย์ที่นอนอยู่ที่พื้นนั้นเสียงดังลั่น


ตึง


ชีวาสเองได้แต่หัวเราะอย่างสะใจ แอลและไทนอสรีบวิ่งเข้าไปผลักก้อนผลึกนั้นออกไปหวังว่าเกรย์คงไม่เป็นไร แต่ทั้งหมดก็ต้องแปลกใจ เมื่อข้างใต้นั้นกลับไม่มีอะไรอยู่เลย





จะมีก็เพียงหมาป่าที่มีร่างของเกรย์อยู่บนหนังที่บุไปด้วยขนสีขาวนุ่มๆก็เพียงเท่านั้น
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 18-01-2010 20:57:52

แอร๊ยยย ชนนะเคอะ Tifa เค้าได้ แจ๊คโพดำ กับ เก้าโพดำ เด้งๆ นะฮ้า



ต่อยมันอีกเลยสิ น้องตุ้ม เอ๊ย น้องแอล เอาให้ปีกมันหัก ไปเล้ยยยยยย



ปล. เกรย์ เธอ ช่าง "อึด" นัก  :-[
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-01-2010 13:07:36
แอร๊ยยยยย หนูแอล เก่งมาก  เลิศเลอที่สุด ว่าแต่ตัวแอลมันแค่ไหนเนี่ย -*-  แต่ไม่เป็นไรแค่นี้ก็น่ารักจะแย่แล้ว   :man1:

อ้างถึง
ต่อยมันอีกเลยสิ น้องตุ้ม เอ๊ย น้องแอล

ป้า มองอย่างไง ไปตัดแว่นเพิ่มได้แล้วนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-01-2010 14:55:32
แอล  o13

หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 28-01-2010 00:56:20
แอร๊ยยย ดังๆ


เรียกคะแนน น้องแอลกลับมา











บทที่ 31







“เอสเปอร์”


ทั้งแอลและไทนอสต่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครที่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้อย่างถูกจังหวะ ผสมกับความยินดีที่ได้รู้ว่าเขายังไม่ได้ตายจากไป ไม่เพียงเท่านั้นขณะที่เอสเปอร์เบี่ยงตัวหลบพลังเวทของชีวาส ทั้งสองต้องตะลึงไปอีกครั้งเมื่อพบว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเอสเปอร์




“ชีวาส”

ชีวาสอีกคนหงายฝ่ามือรับเอาพลังเวทที่ยิงมา เขาปล่อยให้มือของเขาไหลไปตามแรงกระแสก่อนที่จะเหวี่ยงเปลี่ยนทิศให้พุ่งไปยังเจ้าของผู้ร่าย



เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง



ชีวาสลอยตัวหลบแรงระเบิดออกมาได้เฉียดฉิว แต่ก็ถูกสายลมจากฟอกซ์ เจ้าหมาป่าของเอสเปอร์เล่นงานเข้า แต่พอที่เขาจะยิงเวทเข้าใส่ก็ถูกลูกไฟขนาดใหญ่ขว้างใส่เต็มๆ

ทั้งแอลและไทนอสต่างมองอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงมีชีวาสสองคนได้ แล้วคนไหนคือตัวจริง แอลเองยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าไพ่ที่เขาเปิดออกมาทั้งสองครั้งต่างก็เป็นไพ่ประจำตัวของชีวาสทั้งสองครั้ง

“เจ้าโง่…..ช่วยสองคนนั่นเร็วเข้า” เอสเปอร์ที่ยังโจมตีชีวาสด้วยมีดสั้นตะโกนบอกเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนมองอยู่เฉยๆ ไทนอสพยักหน้ารับรู้รีบพาแอลเข้าไปรักษาคนเจ็บทั้งสอง




ชีวาสทั้งสองต่างผลัดกันร่ายเวทออกมาประมือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเวทขั้นต้นจนถึงระดับมหาเวท แต่ทางฝ่ายมาใหม่มีเอสเปอร์ร่วมสู้ด้วย ซึ่งคนที่อยู่ลำพังคงยากที่จะรับมือได้

“จะทำอะไรก็รีบเข้า ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ชีวาสผู้มาใหม่บอกคู่หู ด้วยสีหน้าที่แสดงความอ่อนล้า การใช้พลังเวทต่อเนื่องแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อเขาเท่าไรนัก

“เจ้าพูดไม่เพราะเลยนะ ไหนลองพูดใหม่ซิ….ข้าสอนว่ายังไง” เอสเปอร์พูดกวน เขาชอบใจที่เห็นชีวาสทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมทำตามเขาอยู่ดีนั่นล่ะ

“อะไรนะ ข้าไม่เห็นได้ยินเลย” เอสเปอร์ย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นปากชีวาสอ้าขึ้นลงเหมือนจะออกเสียง แต่ก็เบาเสียเหลือเกิน

“โอ้ย ก็ได้ๆ” ชีวาสบ่นอย่าหงุดหงิด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบังคับให้เขาทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เถียงไปก็คงต่อปากต่อคำกับไอ้คนเถื่อนเอสเปอร์ไม่ได้อยู่ดี

เขาเรียกหนังสือปกดำออกมาจากมือ กางวงเวทออกมาให้พลังเวทไหลเวียนไปเกิดแสงสีฟ้าอ่อนไหววูบวาบ ชีวาสอีกคนเห็นอย่างนั้นจึงหายตัวเข้ามาใกล้เงื้อไม้เท้าเตรียมหวดคนหน้าเหมือนกัน

“เร็วสิ…..ครั้งนี้ข้าช่วยฟรีแต่ครั้งหน้าไม่มีแล้วนะ” เอสเปอร์คว้าเอวชีวาสที่กำลังฟาดไม้เท้าเหวี่ยงออกไปจากระยะจู่โจม ทำให้ชีวาสที่ร่ายเวทอยู่ปลอดภัย

“ว่าไง…..ที่รัก” เอสเปอร์ถามต่อ แต่แขนทั้งสองของเขายังไม่ยอมปล่อยชีวาสอีกคนที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอด

“…….” และนั่นทำให้ชีวาสยิ่งไม่มีสมาธิในการท่องมนต์ ภาเห็นเจ้าชายเถื่อน กอดรัดตัวเองแบบนี้ยิ่งทำให้เขาคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องที่ผ่านมา

“ว่าไง….ที่รัก” เอสเปอร์ย้ำอีกครั้ง เขาไม่พูดเปล่าแต่กลับหอมเข้าฟอดใหญ่ที่แก้มของชีวาสที่อยู่ในอ้อมแขน ทำเอาทั้งสองชีวาสหน้าแดงไปตามกัน

“พี่เอสเปอร์…..ช่วย……ช่วย…น้องด้วย”

“ก็เท่านั้น” เอสเปอร์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเรียกอสูรมายาตัวใหม่ออกมาแทนที่ฟอกซ์เมื่อเห็นชีวาสในอ้อมกอดเริ่มที่จะร่ายเวทออกมาอีกครั้ง

“ไม่มีประโยชน์น่า อยู่นิ่งดีกว่า” เอสเปอร์ไม่พูดเปล่าฉวยโอกาสหอมแก้มจอมเวทหนุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวงเวทที่สร้างเมื่อสักครู่ได้จางหายลงไป

ถึงแม้ว่าชีวาสจะเรียกพลังเวทใหม่สักกี่ครั้ง กลับถูกเจ้าอสูรมายาตัวใหม่กลืนหายไปจนสิ้น

“เจ้าคนฉวยโอกาส” ชีวาสที่กางหนังสือร่ายเวทอยู่อดด่าเอสเปอร์เสียไม่ได้ที่เห็นเขาล่วงเกินอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่นจนแก้มนั้นออกสีแดงเรื่อๆจากการกดขยี้

“อะไรกัน…..เจ้าหึงข้ากับตัวเองหรอกหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะของเอสเปอร์ทำเอาชีวาสไม่พอใจ เขาไม่ได้หึงสักหน่อย เรื่องอะไรต้องไปหึงคนแบบนั้น

“ข้าไม่ได้….”
“เอ้า เร็วเข้าสิ จะทำอะไรก็ทำ”

ยังไม่ทันที่ชีวาสจะตอบโต้ไปว่าไม่ได้คิดอะไร เอสเปอร์กลับขัดคอเข้าเสียก่อนทำเอาชีวาสหงุดหงิดขึ้นไปอีก เขาขมวดคิ้วเข้าหากันจนมันจะชนกันให้ได้ ทำเอาเอสเปอร์หัวเราะดังเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจ

ชีวาสรีบท่องมนต์ต่อ เขาพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจคำพูดของเอสเปอร์ที่ลอยเข้ากระทบหูเขาเป็นระยะ ซึ่งนั่นก็ต้องใช้ความอดทนมากพอดู และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เส้นแสงสีทองค่อยๆไหลเลื่อนออกจากวงเวทเลื้อยไปตามอากาศตรงเข้าหาชีวาสอีกคนอย่างช้าๆ เอสเปอร์ปล่อยแขนของตนออกปล่อยให้ชีวาสที่ทำหน้าตื่นเป็นอิสระ

“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะชีวาส…..เจ้าหลอกข้าไม่ได้…..ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร” ชีวาสหน้าตื่นร้องบอกชีวาสอีกคน “ไม่มีใครรู้ใจเจ้าไปกว่าข้า เราร่วมมือกันได้”

ชีวาสผู้มาใหม่หยุดชะงัก คิดถึงความจริงในข้อนี้ เขาเองต้องยอมรับว่ารู้สึกเช่นเดียวกัน

“อย่าลังเล ชีวาส……เจ้าคิดจะผิดสัญญาของข้าหรอ” เอสเปอร์เดินเข้าไปหาชีวาสทำหน้าดุ แน่นอนก่อนที่จะมาที่นี่ทั้งสองได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และชีวาสเองก็รับปาก ดังนั้นเขาไม่ยอมแน่หากจะปล่อยให้เจ้าตัวร้ายนี่หลุดมือไป

ชีวาสถอนหายใจเสียงดังอย่างเสียดาย ใจหนึ่งก็อยากจะทำตามใจของตน แต่เมื่อมองสายตาของคนเถือ่นตัวใหญ่นี่ก็ชักหวั่น เกรงว่าชีวิตเขาคงไม่ได้อยู่ดีแน่หากผิดคำพูดที่ให้ไว้



อีกอย่า ตัวเขาเองก็ยังเป็นหนี้เจ้าคนเถื่อนคนนี้อยู่




“ไม่นะ ชีวาส ไม่” ชีวาสที่ตกอยู่ในวงล้อมของเวทร้องขอ



“กลับไปเถอะ”



“ไม่”



สิ้นเสียงบรรดาเส้นสายสีทองต่างพุ่งเข้าพัธนาการชีวาสไว้ มันพากันขมวดปมกลิ้งไปมากลางอากาศจนกลายเป็นใจไหมที่มีแกนกลางเป็นชีวาส


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” พวกของไทนอสที่เดินเข้ามาถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ลืมที่จะถืออาวุธเตรียมท่าไว้

“ตามมาสิ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง” เอสเปอร์ไม่สนใจเดินจูงมือชีวาส(ที่ทำท่าจะสะบัดมือออกแต่สู้แรงไม่ได้)ไปทางทะเลสาบ





แอลกับไทนอสเดินตามไปโดยทิ้งระยะห่างไว้พอควร ตามมาด้วยฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้อย่างห่วงใย แม้ไทนอสจะรับปากว่าจะอุ้มให้เมื่อเห็บาดแผลของฮีล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธและยืนยันที่จะดูแลเกรย์เอง

“มองลงไปสิ” เอสเปอร์บอกให้ทั้งหมดจ้องลงไปที่ผืนน้ำ โดยอาศัยแสงจากลูกไฟที่ชีวาสเสกขึ้นมาทำให้เห็นภาพสะท้อนของคนทั้ง 5 แอลที่ยืนอยู่ริมสุดถัดมาเป็นไทนอสที่เกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ตามมาด้วยฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้และสุดท้าย เอสเปอร์………




แต่ไม่มีชีวาส




“ชีวาส…..เจ้าไม่มีภาพสะท้อน” เกรย์ที่คิดได้ก่อนกล่าวอย่างอ่อนแรง จากความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้

ชีวาสพยักหน้า เขาบังคับกลุ่มก้อนเส้นแสงเข้าใกล้ผิวน้ำให้มากขึ้น และกดให้จมลงไป จมลงไป

คลื่นน้ำค่อยๆกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม เผยให้เห็นภาพสะท้อนของคน 6 คนที่ยืนอยู่ริมน้ำ



ภาพสะท้อนของชีวาสกลับมาแล้ว




“ผืนน้ำแห่งนี้สามารถสะท้อนตัวตนของคนได้…..”ชีวาสเริ่มอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของทุกคน

“หมายถึงความต้องการลึกๆในใจ……สิ่งที่ตัวตนต้องการ….มากที่สุด” เขาอธิบายต่อไปบอกเล่าเหตุการี่ตนเองเห็นภาพไทนอสและเกรย์นอนเกยกันที่ริมน้ำ และนั่นทำให้ความปารถนาของเขาคือการแย่งชิงไทนอสกลับคืน


ไม่นานนักเงาสะท้อนของทุกคนต่างเริ่มเคลื่อนไหว เกรย์เป็นคนแรกที่กระโดดลงจากอ้อมแขนฮีลรี่เข้าหาไทนอส แต่ยังไม่ทันที่เกรย์จะถึงตัวไทนอส

ทั้งไทนอสและแอลต่างหันหน้าเข้าหากันแล้วสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ไทนอสโอบเอาร่างเล็กนั่นเข้าแนบกับอกของเขา มือข้างหนึ่งกระชับเข้ากับเอว อีกข้างได้โน้มหัวของคนตัวเล็กเข้าไว้กับอกของเขาพร้อมกับก้มลงสูดกลิ่นผมนุ่มละเอียดนั้นอย่างเต็มปอด

ถึงแม้แสงไฟจากเวทของชีวาสจะไม่สว่างมากนักแต่ทุกคนก็พอจะมองออกว่าบัดนี้เงาของเกรย์นั้นสั่นไหวเหมือนเขากำลังร้องไห้อยู่ โดยมีฮีลช่วยปลอบเขาไว้


ส่วนเงาของชีวาสนั้นตั้งท่าร่ายเวทเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็มีเงาของเอสเปอร์ทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ

“เอาล่ะพอได้แล้วเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก” เสียงของเอสเปอร์ดึงสายตาของทุกคนกลับมา

“ข้าง่วงแล้วกลับไปพักกันได้…..อ้อแล้วพวกเจ้าสี่คนน่ะ พักที่เดียวกันนะ ข้ากับชีวาสจะอยู่กันสองคน” เอสเปอร์ออกคำสั่งพร้อมกับดึงชีวาสเข้ามาโอบไว้ ชีวาสได้แต่โวยวายใช้มือผลักออกหนี แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนชายเถื่อนจะออกแรงแขนมากขึ้นไปอีก ไหนจะสายตาเข้มดุที่ส่งมาทำให้ชีวาสยอมไปแต่โดยดี



“เอ่อ….พวกเราก็กลับกันเถอะ” ไทนอสที่ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยขึ้นบ้าง

“พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้ายังไม่ง่วง” เกรย์บอกเสียงสั่น

“แต่เจ้าเจ็บอยู่” ไทนอสมองอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร มีฮีลดูอยู่” เกรย์ออกปากไล่ไทนอสไปอีกครั้ง แม้ไทนอสจะพยายามเท่าใดก็ไม่เป็นผล ไทนอสและแอลจึงยอมกลับเข้าที่พักแต่โดยดี ปล่อยให้ฮีลและเกรย์อยู่ที่ริมผืนน้ำแห่งกระจก

ทั้งแอลและไทนอสต่างเดินกลับเข้าที่พักอย่างเงียบๆ ภาพที่ทั้งสองเห็นช่างรบกวนจิตใจพวกเขา แอลเองก็แอบมองไทนอสรอดูท่าทาง แต่ทางไทนอสเองก็เก็บอาการเก่งเสียเหลือเกิน จนเวลาล่วงเลย





“เจ้าจะนอนเลยไหม” ไทนอสเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าได้เวลาแก่การพักผ่อนแล้ว

“….” แอลพยักหน้าก่อนที่จะลงมือดับไฟในตะเกียง








อีกทางหนึ่ง ฮีลเองรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ค่อยๆไหลรินลงบนกลางอกของเขา ที่ตอนนี้เกรย์ใช้เป็นที่เช็ดน้ำตา เสียงสะอื้นของเกรย์ดังขึ้นมาเป็นช่วงๆ ชายหนุ่มตัวใหญ่ได้แต่ลูบหัวปลอบใจอย่างที่ทุกครั้งเขาเคยได้ทำ

คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง ทั้งๆที่อยากจะร้องไห้เหมือนกันที่เห็นเงาของเกรย์ปรารถนาไทนอสถึงขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นเกรย์เสียใจแบบนี้คงไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะมาร้องไห้เป็นคู่กัน เขาควรจะแข็งแกร่งเพื่อให้อีกคนได้พึ่งพิงต่างหาก


“เจ้าอย่าคิดมากสิ เรื่งนี้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” ฮีลพยายามหาข้ออ้างมาหว่านล้อม

“ไทนอสเขาดีต่อเจ้าจะตายไป เจ้าก็เห็นที่ผ่านมา……”



“นั่นเพราะเจ้าทำอะไรบางอย่างน่ะสิ ฮีล” เกรย์สวนกลับมาในทันทีทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม



ทั้งเขาทั้งฮีลและไทนอสต่างรู้ดีว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร เกรย์เองไม่ได้โง่ที่จะไม่รับรู้เหตุการณืที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับไทนอส แต่เป็นเขาเองที่ปิดหูปิดตาตนเอง หลอกตัวเองไปวันๆเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ผู้เป็นที่รัก


โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือบ่วงที่ค่อยๆรัดคอเขาแน่นขึ้นทุกวัน


และสุดท้ายคนที่จะต้องเสียใจก็คงไม่ใช่ใครอื่น ก็คงเป็นคนโง่ที่หลอกตัวเองไปวันๆ





เหมือนเขาคนนี้


“พอแล้วฮีล…….หมดเวลาของข้าแล้ว”









“หมดเวลาของข้าแล้ว”
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-01-2010 17:01:22
หมายความว่าไงง่ะ อย่ามีใครตายนะ ไม่เอา เราไม่เอา   :serius2:

แต่ถ้าจะยก ไทนอส ให้ หนูแอล ก็ว่าไปอย่าง แบบนี้เอาอะ   :z1:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 28-01-2010 22:42:09
เร้าจวยเป็นที่สุด   :fire:


ฮีลเป็นวิญญาณเรอะ!!   o22
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 28-01-2010 23:56:51
 o13 มันส์พยะค่ะ  :impress2:

ถูกฝังถูกฝาสีกที   


เอสเปอร์น้ำยาช่างแรงดีแท้  ทำเอาชีวาสโงหัวไม่ขึ้น  :z1:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 03-02-2010 15:01:16

อะไรกันเนี่ย อลหม่าน อลวน อลเวง เสียยิ่งนัก

เอสเปอร์ ดูดขวด ชีวาส เลยสิเคอะ อิเคะอิเมะ อิเคะอิเมะ  :jul3:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 04-02-2010 09:50:42
WoW!!!!!!!  แนว Fantasy !!!!!!!!!!   :z1:   ต้องอ่านๆ (ไมกุเพิ่งเห็นฟระ?!)   :z2:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 04-02-2010 21:51:52
แอร๊ยยยย ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ค้าาาาาา

เรื่องนี้ก็วุ่นๆแบบนี้ล่ะค่ะ ตอนจบก็กะจะให้สวิงกิ้งกันเลยท่าจะมันพิลึก คริๆ











บทที่ 32








หอคอยแงสายฟ้าตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเขาผู้เดินทางจากแดนไกล จุดหมายที่ทุกคนต่างเฝ้านับวันให้ถึง จุดหมายที่เป็นจุดจบของคำสาป คำสาปที่พวกเขาได้ก่อเอาไว้ ไทนอสมองยอดสูงของหอคอยนั้นอย่างมุ่งมั่น นานเท่าไรแล้วที่พวกเขาได้ออกเดินทางจากบ้านเมืองอันเป็นที่พักพิง และอีกไม่นานทุกคนก็จะได้กลับบ้าน


“เจ้าแน่ใจว่าถูกที่แน่นะ” ชีวาสออกปากถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำเอาคนที่ได้ยินเย็นวาบไปอย่างเคยทุกครั้ง

“ท่านชีวาส……ข้าแน่ใจว่าถูกต้อง ไพ่ของข้าไม่เคยโกหก” แต่ถึงกระนั้นแอลกลับตอบไปอย่างฉะฉาน อีกทั้งยังมองตาอย่างท้าทาย ทำเอาทุกคนสงสัยไปตามๆกัน หลังจากชีวาสกลับมาดูท่าทางแอลจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ไม่เอาน่าชีวาส เจ้ามาหาข้านี่” เอสเปอร์รีบดึงตัวคนอารมณ์ร้อนให้ห่างจากหมอดูหนุ่มเมื่อเห็นประกายไฟเล็กๆในแววตา…..หากปล่อยไว้ล่ะก็ได้เกิดเรื่องกันอีก ชีวาสส่งเสียงไม่พอใจ เพียงแค่เอสเปอร์ส่งสายตาดุไป ชีวาสก็เริ่มเงียบลง

“ชิ…..เมื่อไรจะหมดเรื่องเสียที จะได้กลับบ้านกลับเมือง” ชีวาสอดบ่นเสียไม่ได้ นับตั้งแต่เขาและไอ้เจ้าเถื่อนตกลงไปยังรอยแยกนั้น เขามักถูกไอ้เถื่อนคนนี้ดักคอไว้เสมอ……ไหนจะมีเรื่องที่เอสเปอร์ได้…….

เอสเปอร์มองชีวาสพลางอดยิ้มเสียมิได้ กับท่าทีหงุดหงิดแบบนั้น กับคำพูดแบบนั้น ชีวาสจะเป็นอย่างไรนะถ้ารู้ว่า ถึงแม้เรื่องราวการเดินทางในรั้งนี้จบลง แต่เรื่องราวของเขาและจอมเวทหนุ่มนั้นมันต้องมีตอนต่อไปอีก





‘ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก……ชีวาส’









ทั้งไทนอสและเอสเปอร์ต่างเห็นพ้องกันว่าควรพักผ่อนเอาแรงเสียก่อนที่จะบุกเข้าไปในหอคอยนั้น ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ พวกเขาต้องการเตรียมพร้อมก่อนที่จะดำเนินการต่อไป เพราะพวกเขาต้องทำให้สำเร็จ หากล้มเหลวนั่นหมายถึงชีวิตจำนวนมากต้องจบลงไป




ระหว่างที่ไทนอสกับเอสเปอร์สองผู้นำนครกำลังปรึกษากันอยู่นั้น เกรย์ผู้ที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้ลอบมองอยู่ห่างๆ นับจากชีวาสกลับมาไทนอสเองก็ไม่ได้มาดูแลเขาอย่างเดิมอีกต่อไป



ไม่สิ



เขาเป็นคนบอกไทนอสเองต่างหาก……จะมีประโยชน์อะไรหากมันต้องฝืนใจ ในเมื่อหัวใจของไทนอสไม่ได้อยู่ที่เขา…….แต่หัวใจของเขาล่ะ อยู่ที่ไหนกัน

เกรย์ยังจดจำวันนั้นได้ วันที่เขามองไทนอสเดินหันหลังจากไป…..ไปสู่อ้อมกอดอีกคนหนึ่ง รอยยิ้มแห่งความปิติที่ทั้งสองต่างเติมเต็มให้กันนั้นทำให้ใจของเขาชุ่มชื้นไปด้วยความรักที่สัมผัสได้…..แต่อีกใจลึก กลับรู้สึกปวดร้าวกับรักที่กลับมาทำร้าย

น้ำตา…….เจ้าเป็นเพื่อนแท้ของข้าหรืออย่างไร เจ้ามาให้ข้าพบทุกราตรี ไม่มีวันใดที่เจ้าไม่มาเยือน เจ้าคงเห็นว่าข้าคงจะเหงาสินะ……..แต่ก็ดีที่ข้ามีเจ้า……เพราะไม่อย่างนั้นข้าคงจมอยู่กับความเหงา



ให้มันกัดกินใจไปทีละน้อย



ทีละน้อย





“ได้เวลากินยาแล้ว” ฮ๊ลทักคนตัวผอมข้างหน้า แล้วก็เหมือนเดิมเกรย์รีบยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาเร็วๆ แล้วหันมารับน้ำยาในขวดกรอกเข้าปากไปรวดเดียวหมด

“กลับไปนอนเถอะ เจ้าเหนื่อยมากแล้ว” ชายหนุ่มดึงเอาอีกคนให้ออกเดินไปตามแรง เกรย์เองออกแรงขืน แต่คงสู้แรงของหมอตัวใหญ่ไปเสียไม่ได้

“นอนเสีย” ฮีลจัดแจงคลุมผ้าให้เกรย์อย่างเบามือ อากาศเริ่มจะเย็นแล้วเขากลัวว่าเกรย์อาจหนาวจนเกิดโรคแทรกเข้ามาอีก เกรย์พยักหน้ารับคำพร้อมกับหลับตาลง เผยให้เห็นคราบน้ำตาและความบวมเป่งรอบดวงตาคู่เศร้า ฮีลอดใจไม่ไหวที่จะบรรจงเช็ดหยดน้ำตาหยดเล็กที่เริ่มปริ่มออกมาทางหางตาอีกครั้ง

แต่เกรย์เบือนหน้าหนีไปอีกทางเสีย ทำเอาฮีลน้อยใจไปอีก

“ให้ข้าดูแลเจ้าเถอะเกรย์” ฮีลรู้ว่าคนที่นอนอยู่ยังไม่ได้หลับ เพียงแค่แกล้งหลับตาเท่านั้น

เกรย์ยังนิ่งไม่ตอบรับต่อคำถามของฮีล

“เจ้าอย่าทำแบบนี้เลยเกรย์ รู้ไหมว่าข้าเองก็เจ็บปวด” ฮีลล้มตัวลงนอนข้างคนตัวผอม เขาเอื้อมมือผ่านร่างของเกรย์ไปแล้วรวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

และนั่นทำเอาเกรย์ตกใจไม่คิดมาก่อนว่าฮีลเองจะกล้าทำถึงขั้นนี้ เขาเอ่ยบอกบอกห้าม และออกแรงดิ้น แต่ด้วยแรงของฮีลทำให้เขาเองไม่สามารถกระดิกตัวได้มากนัก

“อย่าห้ามข้าเลยนะ……ข้าอยากดูแลเจ้าจริง…….นอนเถอะเกรย์ข้ารู้……เจ้าเองเหนื่อยมามากแล้ว”

ฮีลกระชับอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้นอีก ทำให้หลังเล็กๆของเกรย์แนบเข้ากับอกของเขา มืออีกข้างลูบเขาที่หัวอีกคนอย่างเบามือเป็นจังหวะ เขาเลื่อนหัวเข้าใกล้อีกคนให้พอได้ยินเสียงอันแผ่วเบา

“พักเสียนะเกรย์……พรุ่งนี้เจ้าจะได้มีแรง……ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้า…..ตลอดไป”

น่าแปลกสำหรับเกรย์ที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามความอบอุ่นนี้กลับทำให้น้ำตาเขาไหลมาอีกครั้ง ยิ่งเขาส่งเสียงสะอึกมากเท่าไร คนตัวใหญ่มักจะส่งคำปลอบมาทุกครั้ง ทั้งคำพูดอันแผ่วเบา ทั้งสัมผัสอันนุ่มนวล ทั้งหมดนี้เขาไม่เคยเลยที่จะได้รับมาก่อน



“หลับเสียนะ…….ที่รักของข้า”











อีกทางหนึ่ง




“จะมากไปแล้วนะแอล” ชีวาสต่อว่าชี้หน้าแอลอย่างเหลืออด เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งชิดติดกับไทนอสเสียจนจะทั่งทับกันอยู่อย่างนั้น และแอลยิ่งเล่นหนักเข้าไปอีกถึงขั้นเอนตัวลงซบกับไหล่ของไทนอส

“ไทนอสเอาเป็นว่าตกลงตามนี้…..ข้าไปพักก่อนล่ะฝากเจ้าเข้าเวรกะแรกด้วย” เอสเปอร์รีบสรุปแล้วลุกขึ้นลากชีวาสออกไปให้พ้นเสีย ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดเรื่องอีกรอบที่สามของวัน




“เจ้าบ้านั่น…..ได้ใจมากไปแล้ว” ชีวาสกัดฟันกรอด เขาไม่พอใจที่ไทนอสเองก็ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจใดๆ ออกจะเอียงไปทางชอบเสียด้วยซ้ำที่ได้คนตัวเล็กนั้นมาใกล้ตัว

“ข้าไม่ตัวเล็กบ้างให้มันรู้ไป”

“เลิกโวยวายได้แล้ว ข้าปวดหลัง” เอสเปอร์ที่ทนเสียงบ่นมานานชักจะทนไม่ไหว เขาถอดเสื้อออกอย่างช่ำชอง เผยร่างกายสมส่วนและรอยแผลเป็นหลายที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง เขาจัดเตรียมที่นอนให้เข้าที่ก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วถ้าเขาตาไม่ได้ฝาดไป เขาว่าเขาแอบเห็นชีวาสแอบมองเขาอยู่

“ทำไมข้าต้องนวดให้เจ้า”

“เพราะเจ้าคือเมียข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์ตอบไปทันควัน เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีรอดูการตอบสนองของอีกคน



และก็เป็นไปดังคาด



คำด่าทอต่างๆหลุดออกมาจากปากแดงอิ่มนั่น มือไม้ที่ยาวเก้งก้างฟาดขึ้นลงบนลำตัวเอสเปอร์อย่างเต็มแรง แต่นั่นก็ไม่ทำให้เอสเปอร์รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก เขากลับรู้สึกดีเสียอีก

“เอาน่าชีวาส จะอายทำไม ทีตอนอยู่ที่รอยแยกนั่นเจ้ายังไม่ว่าอะไรข้าเลย” เอสเปอร์ลุกขึ้นรวบตัวอีกคนไว้อย่างแน่น ชีวาสที่ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนนี้ได้แต่แหกปากร้อง

“เจ้านี่เมื่อไรจะเชื่องสักทีนะ ฝึกยากจริง” เอสเปอร์ส่ายหัวไปมา แต่ใบหน้ากลับยิ้ม เขากดริมฝีปากของเขากับอีกคนที่โวยวาย เล่นเอาชีวาสที่ไม่ทันตั้งตัวตกใจเผลอให้ลิ้มเจ้าคนเถื่อนล้วงลึกเข้าไปสำรวจภายในเสียจนสิ้น

เอสเปอร์ไม่ยอมปล่อยให้ชีวาสหลุดมือ ยังคงควานหาลิ้มรสความหวานในโพรงปากอีกคนอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงของชีวาส เขาจึงถอนออกมาอย่างเสียดาย

ชีวาสได้แต่นั่งนิ่ง เขาสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าทุกครั้งที่ชายคนที่เข้าใกล้เขา ทุกครั้งมันทำให้ใจเขาเต้นรัว และครั้งนี้ก็เช่นกัน รสสัมผัสที่เขาได้มอบให้เมื่อกี้ช่างวาบหวาม ร้อนแรง จนเขาเผลอปล่อยใจไป ความรู้สึกนี้มันช่างเหมือนกับตอนที่เขาอยู่กับไทนอสนัก

“นวดให้ข้าหน่อยสิ……นะชีวาส” เอสเปอร์ล้มตัวลงนอนพร้อมกับเอยคำขอร้องอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่เคย ไหนจะสายตาอ้อนวอนที่ส่งไปทำเอาชีวาสหลบหน้าไม่กล้ามอง




“พูดดีๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ชีวาสพูดเบาๆและลงมือคลึงนวดบนร่างกายของเอสเปอร์อย่างที่เคย
















“หนาวมั้ย” ไทนอสอดถามคนที่ซบไหล่เสียไม่ได้เมื่อสัมผัสสายลมเย็นเฉียบพัดผ่านมาเป็นระยะ

แต่แอลส่ายหน้าไปมาเล่นเอาผมนุ่มๆสะบัดโดนหน้าไทนอสอย่างไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นหอมจากผมทำเอาไทนอสอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงพิสูจน์กลิ่นนั้นอีกครั้ง ทำเอาแอลออกอาการเขินอายเสียจนหน้าแดง

สายลมหนาวพัดผ่านมาอีกคราทำเอาแอลสั่นน้อยๆ เขากอดแขนเข้าด้วยกันพร้อมกับถูไปมาเพื่อหวังให้อุ่นขึ้นบ้าง ไทนอสเองได้แต่แอบยิ้มให้อีกคนที่ปากแข็งบอกว่าไม่หนาว เขาไม่รอช้ารวบตัวแอลเข้ามาให้นั่งอยู่บนหน้าขาแข็งแรงของเขา แขนทั้งสองโอบตัวโหรน้อยเอาไว้ ด้วยความตัวเล็กของแอลทำเอาร่างกายเกือบทั้งหมดถูกไทนอสโอบเอาไว้ได้

“อุ่นไหม” ไทนอสเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่เห็นคนที่อยู่ในอ้อมกอดยิ้มตอบมา

“ท่านไทนอส……” แอลเงยหน้าขึ้นมองชายอีกคน เขาจับเอาแขนของไทนอสให้รัดแน่นเข้ามาอีก ราวกับกลัวว่าไทนอสจะปล่อยเขาไว้แล้วหนีไปหาคนอื่นอีก

ไทนอสรู้สึกได้ถึงความหมายที่แอลบอกเป็นนัยๆ เขาก้มลงข้างๆหูของโหนหนุ่ม กระซิบบอกผ่านความในใจให้รับฟัง เพียงคำไม่กี่คำ กลับทำให้ทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ขัดกับอุณหภูมิภายนอกที่ค่อยๆลดลง



ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก เพียงปล่อยให้ร่างกายและหัวใจของเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ



เพียงสัมผัส


เพียงสบตา


ได้อิงแอบ


ได้พักพิง


เพียงเราทั้งสองมีกันและกัน









เรายังจะต้องการอะไรอีก
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 05-02-2010 00:47:01
ถุงก็อบแก็บ คระ o13
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-02-2010 02:25:34
เยี่ยมมมมม เอาให้มันสมหวังกันทุกคู่ไปเรยยย
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 05-02-2010 02:38:03
อย่ามาหลอกซะให้ยาก  ไม่แฮปปี้กันง่าย ๆ หรอก  โฮะๆๆๆๆ   o18
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-02-2010 00:28:45
ทำไมจู่ๆ มันถึงดูเหมือนจะลงตัวกันทั้ง 3 คู่เลยอะ  แต่แบบนี้ก็นะ ขอแบบคู่ไทนอสกะหนูแอลหวานๆๆ เลยได้มะ   :o8:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บท
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-02-2010 00:22:44
อย่ามาหลอกซะให้ยาก  ไม่แฮปปี้กันง่าย ๆ หรอก  โฮะๆๆๆๆ   o18



ว้าย เมาท์ร้ายนะคะ












บทที่ 33




รุ่งเช้าของวันใหม่ เกรย์ค่อยๆลืมตาขึ้นสู้กับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางช่องว่างของที่พัก เขาสัมผัสได้ถึงท่อนแขนที่กอดเขาเอาไว้ เกรย์หลับตาลงอีกครั้ง ความชื้นบริเวณนัยน์ตาเริ่มก่อตัวอีกครั้ง เขาภาวนาในใจซ้ำๆ


‘ขอให้เป็นไทนอส’


แต่คำขอนั้นไม่มีทางเป็นจริงอีกต่อไป คนที่เขาเห็นนั้นคือฮีล เพื่อนสมัยเด็กคนดีที่คอยดูแลเขาเสมอ เกรย์ถอนหายใจเบาๆ พลางใช้มือปาดน้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง จะไม่ให้เสียใจได้อย่างไร ในเมื่อภาพที่เห็นอีกฝั่งของที่พักนั้นเป็นภาพคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันอย่างมีสุข


ผิดกับเขา


เกรย์รีบลุกขึ้นแล้วพาตัวเองออกไปจากที่แห่งนี้อย่างเร็วที่สุด เขาหายใจไม่ค่อยออกเหมือนถูกแย่งอากาศออกไป น้ำตาเจ้ากรรมเองก็ไม่ยอมหยุด จนเกรย์ต้องกลั้นใจกัดริมฝีปากตนหมายให้ความเจ็บร่างกายนี้บรรเทาความเจ็บปวดในใจบ้าง







“เป็นไงล่ะ โดนเข้ากับตัวเองบ้าง สะใจดีมั้ย” ชีวาสอดไม่ได้ที่จะซ้ำเติม เมื่อเห็นเกรย์เดินออกมาจากที่พัก แค่เห็นหน้าก็พอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในใจนึกสะใจเป็นยิ่งนักที่เห็นเกรย์ผิดหวัง


ใช่ ความผิดหวังในแบบที่เขาเคยมาก่อน


“ชีวาส……ข้า” เกรย์เอ่ยปากอยากจะอธิบาย แต่ชีวาสตัดบทเดินหนีไปทำอาหารเสีย เกรย์ไม่ยอมแพ้ตามไปอธิบายต่อ แต่ก็ถูกด่าทอกลับมา

“ไม่ต้องมาพูดกับข้า หรือว่าอยากจะโดนซ้อมอีก หา” ชีวาสว่าด้วยอารมณ์ ตั้งแต่กลับมามีแต่เรื่องเกิดขึ้นตลอด ทั้งไทนอส ทั้งเกรย์ ไหนจะแอล อีก…..และเรื่องใหญ่ที่สุด เอสเปอร์

“ว่าไงที่รัก เสียงดังแต่เช้าเลยนะ” เอสเปอร์ส่งเสียงอย่างร่าเริงตามเคย เขากำลังออกมาจากที่พักอีกหลัง เสื้อไม่ได้ใส่ แถมทั้งยังใส่กางเกงผิดด้านมาอีกต่างหาก

ชีวาสได้แต่ส่ายหน้า แค่คิดวูบเดียวก็มาหาทันที เป็นผีหรือไง โผล่มาได้ตรงจังหวะพอดี

“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ชีวาสหันไปเล่นงานคนมาใหม่ พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย

“ทีตอนนี้ล่ะเสียงดัง ทีเมื่อคืนล่ะไม่ยอมร้อง…..จะกลั้นไว้ทำไม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์แซวชีวาสอย่างสนุกปากและยิ่งได้ใจเมื่อเห็นใบหน้านั้นแดงก่ำ จะด้วยความอายหรือโกรธก็แล้วแต่



แต่สำหรับเอสเปอร์แล้วเขาเห็นว่ามันน่ารักดี










เสียงโวยวายด้านนอกปลุกฮีลให้ตื่นขึ้น ทันที่ที่เขาลืมตาเขามองหาคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเมื่อคืน แต่กลับไม่เจอใคร



เหมือนแค่ฝันไป



แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นฝันที่ดีที่สุดที่เขาเคยรับรู้ ความรู้สึกที่ได้โอบกอดคนรักไว้ในอ้อมกอดนั้นช่างวิเศษนัก ราวกับตัวเขาเองได้ดูแลปกป้องเกรย์ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายได้อีก ไหนจะกลิ่นหอมจางๆจากแก้มอันนั้นที่คอยกวนใจไม่ปล่อยให้เขาได้หลับนอน เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นทุกครั้งทำเอาเขาเจ็บไปด้วย เขาเพียงกอดคนๆนี้ไว้ให้มั่น ดั่งคำสัญญาว่าเขาไม่มีทางทอดทิ้งเด็ดขาด


ฮีลสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัว เขาตื่นพร้อมๆกันกับแอลและไทนอส ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของเตรียมตัวไว้สำหรับงานใหญ่ในวันนี้ ทั้งสามพากันออกมาด้วนนอกเพื่อทานอาหารเช้าฝีมือชีวาสที่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน









หมอหนุ่มได้แต่นั่งสังเกตคนข้างตัวที่นั่งใช้ช้อนคนอาหารในชามไปมาจนมันเย็นชืด เย็นเหมือนจิตใจของเจ้าของที่เหมือนมีลมหนาวพัดผ่านพาเอาความสุขปลิวหายลับ สายตาของเกรย์มองไปยังไทนอสเสมอ ไม่ว่าตอนนี้เกรย์เองจะนั่งอยู่ข้างๆกับฮีล แต่ฮีลเองรู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยแอบมองอย่างสม่ำเสมอ แม้รู้ตัวว่าจะต้องปวดร้าวในใจ แต่เกรย์ก็ไม่ยอลละสายตา

“อาหารเย็นหมดแล้ว” ฮีลจับเอาข้อมมือเล็หผมอนั้นให้หยุดคนช้อน เกรย์เหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจปากก็บอกว่าไม่หิวและขอตัวไปเก็บของก่อนจะเดินออกไปเสียดื้อๆ

“แค่นี้ทำทนไม่ได้ โถ่เห็นภาพบาดตาบาดใจแค่นี้เอง” ชีวาสตะโกนไล่ตามหลัง ทำเอาเกรย์กัดฟันแน่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนออกเดินต่อโดยทำเป็นไม่ใส่ใจคำพูดของชีวาส

“ปากเจ้านี่มันจริงๆเลย….เก็บไว้ อม อย่างเดียวก็พอแล้วชีวาส”

เสียงจากชายหนุ่มเมืองเถื่อนทำเอาชีวาสสะอึก ก่อนจะหันไปเล่นงานคนขี้กวนใจเกิดเสียงดังตอบโต้กันไปมา

ฮีลไม่ได้ใส่ใจอาหารหรือเพื่อนๆของเขาอีก เขาลุกตาม ภายในที่พักเกรย์นั่งเก็บของอย่างเงียบๆ ฮีลนั่งลงข้างๆพร้อมช่วยหยิบของยัดลงไปในถุงผ้า เกรย์เองไม่ได้ว่าอะไร เขาหันมามองชั่วครู่แล้วลงมือก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ




ไม่นานข้าวของทั้งหมดของเกรย์และฮีลก็ถูกลำเลียงใส่ถุงเป็นที่เรียบร้อย เกรย์หันไปมองอีกฝั่ง ข้าวของทั้งของไทนอสและแอลเองก็ถูกจัดเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเดินทาง

ทั้งๆที่เมื่อก่อนต้องเป็นเกรย์ที่คอยจัดข้าวของให้ไทนอส

คิดได้เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมานองหน้าขาวซีดอีกครั้ง

“เกรย์” ฮีลตกใจที่เห็นอย่างนั้นรีบเข้าไปคว้าเอาเกรย์เข้ามาปลอบ แต่ดูเหมือนเกรย์จะร้องมากเข้าไปใหญ่

ฮีลแค่นหัวเราะเยอะตนเอง รู้ทั้งรู้ว่าเกรย์รักใคร แต่ก็ยังทนบากหน้าเข้ามาหา ทั้งๆที่เป็นได้เพียงที่รองรับน้ำตา แต่เขาก็เต็มใจทำ ฮีลเองรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องวิ่งตามเกรย์แบบนี้ จนหลายครั้งเขาอยากที่จะยอมแพ้ แล้วหันหลังกลับ

แต่พอเห็นว่าเกรย์เสียใจเพียงใด เขาเองก็ไม่อาจทิ้งให้คนที่เป็นท่รักร้องไห้อยู่ในเงามืดเพียงลำพัง



เพราะเขาเองรู้ดี ว่าการอยู่คนเดียวมันเจ็บมากเพียงใด










ด้านนอก เสียงตอบโต้ของชีวาสและเอสเปอร์ยังดังต่อเนื่อง จนในที่สุดชีวาสก็หาเรื่องชายเถื่อนอีกไม่ไหวขึงหันไปเล่นงานคนอื่นแทน

“เป็นไงล่ะ สะใจเจ้าแล้วใช่ไหมแอล ทำคนอื่นเจ็บไปหมด ฮึ”

“ชีวาส” ทั้งเอสเปอร์และไทนอสพูดเสียงเข้มออกมาพร้อมกัน

“ทำไม ข้าพูดอะไรผิด”

“ปากเจ้าว่างมากไปแล้วชีวาส ข้าว่าเดี๋ยวข้าหาอะไรมาปิดมันก่อน” เอสเปอร์ไม่รอช้าคว้าจอมเวทหนุ่มขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดาย พาเดินเข้าที่พัก




จากที่ได้ยินเสียงชีวาสตะโกนด่าอย่างต่อเนื่อง กลับค่อยๆขาดตอน



และเงียบหายไปในที่สุด



ร่วมชั่วโมง











เหลือไว้แต่ไทนอสและแอลด้านนอกที่ตอนนี้แอลดูเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด

“อย่าไปฟังชีวาสเลย แอล”

แอลได้แต่พยักหน้าและยิ้มเจื่อนๆ

“อาจเป็นข้าเองก็ได้ที่ผิด” ไทนอสถอนหายใจ นึกคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา



ถ้าหากเขาตัดสินใจเด็ดขาดพอเรื่องเกรย์



ถ้าเขาไม่ปล่อยให้เรื่องของชีวาสยืดเยื้อมาจนถึงทุกวัน



ถ้าเขาไม่ได้พบเจอกับแอล



ทุกอย่างมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่



“ไม่เป็นไรนะแอล…..อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว”




ไทนอสโอบคนตัวเล็กให้เข้ามาแนบกับตัว เฝ้ามองไปยังสถานที่เป้าหมายที่จะยุติเรื่องราวการเดินทาง










ภายในหอคอยสะอาดกว่าภายนอกที่เห็นนัก หินก้อยสีเทาอมดำเรียงกันเป็นระเบียบอย่างมีแบบแผนตีวงเป็นกรอบสูงขึ้นไปเท่าต้นไม้ใหญ่ๆได้ ที่น่าแปลกคือเพดานที่ว่างโล่ง เผยให้เห็นท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกฉาบด้วยแสงอาทิตย์สีส้ม บัดนี้ผู้เดินทางทั้งหก ได้มาถึงหอคอยแห่งธอร์แล้ว

“เจ้าเล่นอะไรอยู่แอล”

ชีวาสส่งเสียงรำคาญใจเมื่อไม่เห็นว่าในสถานที่นี้จะมีอะไร มีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า ก้อนหิน เพียงเท่านั้น ไม่มีของที่คาดว่าจะมี เช่นพวกลูกแก้ว หรือ หนังสือ แก้คำสาป



“ท่านเกรย์ ฮีลมาทางนี้” แอลไม่ใส่ใจกับชีวาส เรียกเกรย์และฮีลเข้าไปยังจุดกลางของอาคาร

“จับมือกันไว้…ทั้งสองข้าง” แอลออกคำสั่ง และคว้ามือทั้งคู่ให้จับกันเมื่อเห็นว่าทั้งคู่มัวแต่ยืนงงอยู่



ฉับพลันแสงสว่างแสบตาก็เจิดจ้าออกมารายรอบตัวพวกเขา ปรากฏบันใดวนที่โปร่งแสง ปล่อยแสงสีทองออกมาเรืองรอง ทั้งหมดมองอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นบันไดวนนั้นขดเกลียวขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าเบื้องบน



“พวกท่านต้องอยู่ที่นี่ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด”

“เจ้าหมายความว่าไงแอล”

“ถ้าพวกท่านปล่อยมือ บันใดเหล่านี้จะหายไป แล้วพวกเราหมดทางขึ้นไป” แอลอธิบายพลางดันตัวไทนอสให้รีบเดินขึ้นไป

“แล้วเราจะไปไหนกันแน่” ตอนนี้กลับเป็นเอสเปอร์ที่เริ่มออกคำถาม

“ไปหาท่านมหาเทพ…..ข้างบน”

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร…..” ตอนที้ชีวาสเริ่มซักอีกคน






แต่แอลตะเบ็งเสียงกลับไป


“จะรู้อย่างไรก็ช่าง…..เร็วๆเข้า…..ไม่อยากแก้คำสาปหรือไง”
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-02-2010 10:02:23
อ้างถึง
“ไปหาท่านหมาเทพ…..ข้างบน”

เฮ้ย จริงอะ  :a5:  :a5:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 19-02-2010 14:20:10
ว้าย

ผิดอย่างรุนเเรง

ขอตัวไปให้ผู้ชายลงโทษก่อนค่ะ ซิกๆ
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 01-03-2010 15:19:46

นังแอล เผยธาตุแท้ของหล่อนออกมาแล้วใช่ไหม
(ตะเบ็งเสียงแข่งกับยัยไพ่ป๊อกดูดวง ใต้ต้นมะขาม สนามหลวง)

คริคริ
  :t4:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-03-2010 01:19:40
บทที่ 34





ฮีลมองใบหน้าของเกรย์อย่างอดห่วงเสียไม่ได้ ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับดูไร้น่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อบัดนี้สีชมพูเรื่อๆที่ยังพอคงมีอยู่ได้จางหายไป เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มจับขึ้นเป็นหยดไหลลามลงมา มือที่กุมกันไว้นั้นรับรู้ถึงความเย็นเฉียบที่ไหลผ่าน ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง เหมือนเกรย์เหมือนจะเซไปมาอยู่ตลอด

“เจ้านอนลงดีกว่า” ฮีลเอ่ยปากบอกอย่างเป็นห่วง และอย่างที่คิด เกรย์ตอบปฏิเสธทันที

“ไม่เป็นไรหรอก หลักการทำงานของบันไดนี้เพียงดึงเอาพลังเวทของคนสองคนไป แค่เรายังถ่ายทอดพลังอย่างต่อเนื่องคงไม่มีปัญหาอะไร” ฮีลอธิบายพร้อมกับดึงตัวลงนั่งจนเกรย์เองต้องรีบลดตัวลงนั่งเช่นเดียวกันด้วยความกลัวว่ามือนั้นจะหลุดออกจากกัน

“นอนพักสักหน่อย เจ้าคงดีขึ้น” ฮีลบอกให้คนที่ดูอ่อนล้าหลับตาลง แต่เกรย์ยืนยันว่าตนเองไม่เป็นไร จนฮีลขู่จะปล่อยมือ

“เจ้าไม่กล้าหรอก ฮีล”

“ทำไมข้าจะไม่กล้า…..ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าพวกนั้นจะเป็นยังไง” หมอหนุ่มตอบไปอย่างที่คิด ถ้าเพียงเพราะสิ่งที่ทำอยู่นี้จะดับลมหายใจของเกรย์เขาเองก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น

‘ข้าสนใจเพียงเจ้าเท่านั้น เกรย์’

น่าเสียดายที่ฮีลทำได้เพียงพูดมันในใจ จะมีประโยชน์อะไรหากความรึ้กของอีกคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่เขาเลย

และนั่นมันทำให้เกรย์ต้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย

“อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะฮีล”

ฮีลยิ้มตอบก่อนที่เกรย์จะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

“อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะฮีล”

คำพูดนี้ถ้าเกรย์เองหมายความเหมือนกับคนทั่วๆไปพูดกันคงดีไม่น้อย เขาคงเป็นชายผู้ที่มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับคนรักนานเท่านาน

“ข้าไม่มีวันปล่อยมือเจ้าหรอก เกรย์……มีแต่เจ้าที่ไปจากข้า”

ฮีลกระชับมืออันเย็นชืดนั้นไว้ให้มั่น เขาไม่มีวันปล่อยให้เกรย์ไปไหนอีกแล้ว ที่เกรย์หายไปครั้งที่แล้วเขาเองได้รับบทเรียนมามากพอ ความเหงา ความเศร้า ช่างร้ายกาจนัก และเมื่อจนได้พบกับเกรย์อีกครั้ง เขาสาบานกับตนไว้มั่น ว่าจะมีวันปล่อยให้เกรย์ไปไหนอีก






สูงขึ้นไปหลายกิโลเมตร






ไทนอสมองคนที่เดินเยื้องอยู่ข้างหน้าอย่างพินิจ แอลเองดูใจร้อนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนจะท่าทีที่ดูมั่นใจนั่นอีกที่เขาเองไม่เคยพบเห็น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“โอ้ย เมื่อไรจะถึง” เสียงโวยวายดังขึ้นเป็นรอบที่สิบ ชีวาสนั่นเองที่เดินจนขาลากเดินรั้งท้ายอย่างเหน็ดเหนื่อย ปกติจอมเวทเองก็ไม่ได้มีร่างกายที่ทนทานอยู่แล้ว ยิ่งต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดแบบต่อเนื่องยิ่งทำให้ขาของชีวาสล้านัก

“แอล พักสักหน่อยไหม เจ้าไม่เหนื่อยหรอ” ไทนอสถามคนที่เอาแต่เดินข้างหน้า

“ข้าไม่เหนื่อย”

คำตอบนั้นทำเอาทั้งสามคนที่เหลือแปลกใจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่แอลก็ชีวาสมักจะเหนื่อยง่าย และขอพักอยู่บ่อยๆ และจากสีหน้าท่าทางของแอลเองก็ยังดูแข็งขันไม่มีท่าทีเหนื่อยแต่อย่างไร

“แต่ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าอยากพัก” ชีวาสไม่ฟังใครอีก นั่งมันเอาดื้อๆ ดึงเอากระบอกใส่น้ำกรอกเข้าปากดื่มเสียงดัง

“เหลืออีกไม่ไกลแล้ว ทนอีกนิด” แอลมองไปยังปลายสุดของบันได ที่จมหายไปในปุยเมฆ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร ฮึ”

“ข้ารู้สึกได้ เร็วเข้าท่านชีวาส ท่าเกรย์กับฮีล หน่วงพลังเวทได้อีกไม่นานหรอกนะ” แอลเร่ง

“แต่ข้าเหนื่อยจะแย่ ขาข้าล้าไปหมดแล้วนี่” ชีวาสขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจที่เห็นแอลส่ายหน้าไปมาเหมือจะบอกว่าเขาเองช่างไม่อดทนเอาเสียเลย

“อ่อนแอ”

และเป็นอีกครั้งที่แอลทำเอาทั้งสามคนอ้าปากค้าง

“เจ้าว่าอะไรนะ…..อ๊ะ…..ปล่อยข้านะ”

ชีวาสที่กำลังจะตอบโต้แอลกลับต้องหยุดเมื่อรู้สึกถึงแรงยกเอาตัวเขาขึ้น

“ขี่หลังข้าไปแล้วกัน”

เอสเปอร์นั่นเองที่คว้าชีวาสให้เกาะหลังของเขาไว้ แต่ก็เหมือนเดิมชีวาสโวยวายใหญ่ ไม่ยอมท่าเดียว

“อ้าว….หรือเจ้าจะลงเดินเอง เลือกเอา” เอสเปอร์เค้นเสียงเข้มถาม ทำเอาชีวาสหุบปากลง เล้วบ่นเบาๆพอจับใจความได้ว่า

“ขี่เจ้าไปสิ”



แล้วการเดินทางก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง










เกรย์ลืมตาตื่นขึ้นเนื่องด้วยรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวส่วนหัวของเขา เขาลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ จึงรู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนขาของฮีล

“ข้าขอโทษ เจ้านอนต่อเถอะ” ฮีลกล่าวอย่างรู้สึกผิดที่ขยับขาจนทำเอาเกรย์ตื่นขึ้น

เกรย์ส่ายหน้าบอกว่าเขาดีขึ้นแล้ว เขามองไปยังมือทั้งสองที่ยังจับกันไว้มั่น จนเปียกไปด้วยเหงื่อเสียจนชุ่มไปหมด

“เจ้าเมื่อยขาแย่เลย”

“ไม่เป็นไรข้าเห็นว่าเจ้าคงนอนไม่สบาย”

เกรย์อดมองอีกคนเสียไม่ได้ ฮีลเองก็ดูอิดโรยไปมาก ทั้งๆที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง คงเพราะต้องเสียพลังเวทในส่วนของเขาขณะที่นอนไปเป็นแน่

“เจ้าเองก็พักสักหน่อยเถอะ”

ฮีลปฏิเสธ เขากลัวว่าหากเขานอนไปเกรย์เองต้องสูญเสียพลังเวทไปอีกมากโข และร่างกายของเกรย์คงทนไม่ได้

“แต่เจ้าดูแย่”

“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ” ฮีลเองอดยิ้มเสียไม่ได้ที่ได้ยิน แต่ก็เพียงไม่นาน

“ใช่สิ ก็เจ้าเป็นเพื่อนข้านี่”

“…….ใช่……..แต่….แต่ข้าไม่เป็นไรข้าไม่เหนื่อย” ฮีลพยายามที่จะตอบด้วยโทนเสียงปกติ แต่เกรย์เองจับได้ถึงเสียงที่เจือด้วยความรู้สึกน้อยใจ

“เจ้า…….โกรธข้าหรอ” เกรย์เองเลี่ยงที่จะพูดคำว่ารักออกไป แทนที่ด้วยคำอื่นเสีย



ในตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะพูดกันในเรื่องนี้ รออีกนิดนะฮีล รอให้เรื่องราวทั้งหมดนี้มันจบลงก่อน แล้วเราค่อยมาพูดกันให้มันเข้าใจไปเสียที













“ถึงสักที”


ประไม้ตูบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทั้งสี่ ลายเถาเลื่อมทองลามไปตามขอบเกี่ยวพันไปมาเป็นลายงามวิจิต แอลตรงรี่เข้าไปยืนตรงรอยต่อของบานประตูทั้งสอง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปลูบตามลวดลายพร้อมกับพูดออกมาด้วยถ้อยคำแปลกๆ สักพักประตูนั้นค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นภายในราชวังที่กว้างขวาง พื้นหินอ่อนขาวทอดตัวยาวผ่านเสาหินนับร้อยที่ทอดยาวเป็นทางเดินจนสุดปลายห้อง


และที่นั่น มีชายคนหนึ่งยืนรออยู่


“รีบนั่งลงสิ” แอลที่นำขบวนไปเร่งให้พวกของเขาคุกเข่าลงพื้น

ทุกคนต่างพากันมองอย่างไม่เข้าใจ

“นี่ท่านมหาเทพ พวกเจ้าคุกเข่าเร็ว”

“มากันจนได้นะพวกเจ้า”  น้ำเสียงทรงพลังดังขึ้นจากชายสูงอายุ ทำเอาทั้งสี่ตัวสั่นอย่างเสียไม่ได้

“ข้า…….ข้ามาเพื่อ”

“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ไม่ทันที่ไทนอสจะกล่าวอะไรต่อ เสียงอันดังก็สอดขึ้นมาก่อน

“ข้าแต่ท่านมหาเทพ ข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อแก้คสาป แม้แต่ชีวิตของข้า” เอสเปอร์กลั้นใจตอบกลับมา

แต่มหาเทพกลับหัวเราะลั่น

“เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามีค่ามากขนาดนั้นเลยรึ เจ้าโง่” ท่านหยุดถอนหายใจครั้งหนึ่ง

“ข้าคิดว่าการเดินทางครั้งนี้คงช่วยให้เจ้าได้คำตอบสำหรับคำสาปแล้วเสียอีก”

ทั้งสี่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าออกมารบราฆ่าฟันกันเรื่องอะไร”
“พวกเจ้ามีเหตุผลมากพอที่จะสั่งให้พลเมืองของเจ้าออกไปตายกันหรือเปล่า”

“ทางเมืองบารอน เป็นพวกเห็นแก่ตัวจริงหรือไม่” มหาเทพก้มลงกระซิบลงข้างหูของเอสเปอร์

“แล้วทางกราซเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างงั้นหรือ” ทีนี้เป็นทีของไทนอสที่ต้องรับฟัง


“ข้าว่าคำตอบมันชัดอยู่แล้วนะ…….อยู่ที่พวกเจ้าจะเข้าใจหรือไม่”

ทั้งหมดนิ่งเงียบกันครู่ใหญ่คำนึงคิดทุกถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกมาจากท่านเทพ

“เอาล่ะ หมดธุระของพวกเจ้าแล้ว กลับไปได้”

“แต่ว่าท่าน”

“ไม่มีแต่ไทนอส…..ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำตอบในใจเจ้า”

มหาเทพยิ้มน้อยๆให้พวกเขาก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกครั้ง ทั้งสี่หันหลังออกมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเดินเสียงของมหาเทพก็ดังขึ้นอีกครั้ง





“แล้วเจ้าจะไปไหน เอลาส กลับไปทำหน้าที่ได้แล้ว”
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-03-2010 11:47:47
อะอ้าวว ท่าทางจะกลับไม่ครบสี่คนซะแล้วสิเนี่ย

หุหุ รอลุ้นอยู่ค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-03-2010 18:08:07
ใคร คือ เอลาส อะ แล้ว เอลาส เป็นใคร ทำไมถึงห้ามไปด้วย  อย่าบอกนะว่า แอล  :z3:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 11-03-2010 13:18:05


เอสเปอร์ จะแมนไปไหนเคอะ แอร๊ยยยยยยยยย ชีวาส ระทดระทวย  :-[


ยัยแอล ที่แท้แกก็เป็นตัวอิจฉา :beat: ชิ ชีวาสหรอกที่เป็นนางเอก :laugh:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Papoonn ที่ 11-03-2010 14:46:16
แอล เอาไปเก็บเถอะแม่คู๊ณณณณณณณ  !
ชีวาสตามกันไปเลยค่ะ   55555555

เกรย์ + ฮีล ดีกว่า   : )))
แต่ ชีวาส & แอสเปอร์ดีที่สุด
สองคู่นี้น่ารักค่ะ        > < 
มาต่อไว ๆ นะ   
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 35 16/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 16-03-2010 22:32:40
เเละเเล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ใกล้จะจบเเล้วค่ะ ดีใจจัง ซิกๆ

บทหน้าอีกบทก็จบลงเเล้ว

แต่ไหงเเต่งไปแต่งมา แอล กลายเป็น นางอิจฉาไปได้หว่า คริๆ

ปล. เดาถูกกันมั้ยคะว่า เอลาส คือใคร  โฮะๆๆๆๆ




บทที่ 35







นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสานความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง บารอนและกราซ ผู้นำทั้งสองนครต่างเร่งทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ ทั้งเอกสารที่ไหลมาเทมา คำร้องของประชาชน ไหนจะเรื่องข้อตกลงถึงการติดต่อทางการค้าระหว่างเมืองอีก ช่างวุ่นวายจนในบางครั้งคนที่ได้แต่นั่งปวดหัวอยู่ก็นึกท้อใจ


ไทนอสเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนล้า กองม้วนกระดาษที่ส่งคำขอให้เขาพิจารณายังเหลืออยู่อีกกองย่อมๆ ปากกาขนนกสีสวยของเขาบัดนี้ยับเยินไปด้วยหมึกดำที่เกาะเขรอะจนกลบความงามงดไปเสียหมด ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาจากตอนเช้าทำเอากล้ามเนื้อทั่วตัวตึงไปเสียหมด เขายกแขนขึ้นเหยียดออกจนสุดเพื่อให้กล้ามเนื้อที่ตึงนั้นคลายตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงหลับตาที่ชักจะปวดลงช้าๆ


ตั้งแต่ที่ชีวาสจากไป การทำงานต่างๆก็ยุ่งยากขึ้น ตำแหน่งที่ว่างไปก็ได้แอลที่เข้ามาแทนที่ ถึงกระนั้นงานใหม่ที่แอลได้รับนั้นช่างแตกต่างจากงานเดิมที่เคยทำ ในช่วงแรกจึงดูวุ่นวายมาก ทั้งต้องคอยจี้ตรวจงาน ไหนจะต้องตามแก้สิ่งที่แอลได้ทำพลาดเอาไว้อีก จะต่อว่าอะไรมากก็ไม่ได้ คนตัวเล็กนั้นดูจะร้องไห้เสียทันทีที่เห็นเขาขึ้นเสียงใส่

พักพอรู้สึกดีขึ้นได้สักพักไทนอสจึงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ม้วนกระดาษถูกคลี่ออกมาอีกครั้ง ลายมือหวัดๆเขียนรายงานนี้ช่างน่าเวียนหัวนัก แต่ถึงกระนั้นเขาต้องทนอ่านจนจบ หลังสงครามความเสียหายที่เกิดขึ้นแม้ไม่ได้มากมายนัก แต่ก็มากพอที่สูบเอาเงินจำนวนมากในกองคลังเพื่อซ่อมแซมบ้านเมือง ไหนจะเรื่องเจรจากับทางกราซถึงเรื่องราวในอนาคต ไหนจะต้องรักษาชาวเมืองที่ได้รับบาดเจ็บ ยังดีที่ได้ฮีลมาช่วยในจุดนี้ แต่เขาเองก็ต้องจ่ายค่ารักษาไปมากโข





“ทะ ท่านไทนอส” เสียงสั่นๆอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น

ไทนอสพยักหน้าอนุญาตให้เข้ามาได้ แอลยังยืนทำหน้าลังเลชั่วครู่ก่อนจะได้ยินเสียงไทนอสเรียกอีกครั้ง จนต้องรีบวิ่งเข้าไป

“ขะ ข้า……ข้า เอางาน …… มะ….มาให้ท่าน” แอลก้มหน้าก้มตายื่นม้วนกระดาษที่มีให้

ไทนอสรับไปเปิดอ่าน คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันทีละน้อยๆ แอลที่แอบมองทางหางตาถึงกับเอ่ยปากขอโทษ อย่างติดๆขัด

จนแล้วจนรอดไทนอสก็อดที่จะดุผู้ช่วยงานคนใหม่ให้เสียไม่ได้ ทั้งเรื่องที่ผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ไหนจะความประมาทที่พบได้บ่อยเสียจนไม่น่าให้อภัย เขาเริ่มไล่ไปทีละจุด แต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้น

แอลยืนนิ่งส่งเสียงสะอึกออกมาเบาๆ น้ำตาใสๆที่ไหลร่วงลงพื้นทีละหยดและดูท่าทีจะค่อยๆมากขึ้นหากไทนอสยังไม่ยอมหยุด



“เฮ้อ….ไม่เอาน่าแอล มานี่สิ เดี๋ยวข้าจะสอนให้อีกครั้ง”



และก็เป็นอีกครั้งที่ไทนอสอดสงสารคนตัวเล็กจนต้องยอมเก็บความไม่พอใจไว้ในใจ เขาดึงเอาแอลที่ยังยืนร้องไห้ให้นั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะค่อยๆอธิบายรายละเอียดที่แอลได้ทำผิดพลาดไปทีละขั้นตอน

นานเท่าไรไม่รู้ ไทนอสพูดอธิบายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าคนตัวเล็กดูเหมือนจะนิ่งไปเสียแล้ว



“แอล”



เขาเรียก แต่ผู้ถูกเรียกยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง ไทนอสขยับตัวแอลเบาๆ จนลำคอของคนตัวเล็กไหวไปมาตามแรง

“หลับจนได้”

ไทนอสส่ายหัวไปมาอย่างไม่พอใจที่แอลปล่อยให้เขาเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาเงื้อมือขึ้นหมายจะตบโต๊ะเพื่อปลุกคนตัวเล็ก แต่พอมองเห็นคราบน้ำตาที่ไหลเป็นทางเขาก็ใจอ่อน ก่อนจะเอามือปัดผมที่ปรกใบหน้านวลนั้นให้พ้นเสีย

รู้ตัวอีกทีไทนอสก็นั่งจ้องหน้าแอลพร้อมกับรอยยิ้มที่เกิดขึ้น

เขาโน้มตัวไปข้างหน้าหมายบรรจงประทับรอยจูบไปอย่างที่เคย


ทว่า


มีแต่เสียถอนหายใจ ไทนอสเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้ายทิ้งให้แอลนอนพักอยู่ตรงนั้น ส่วนเขาเองเดินไปเกาะที่ขอบหน้าต่างมองออกไปไกลปล่อยความคิดให้ย้อนไปถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

ถ้าเป็นเมื่อก่อน การได้อยู่กับแอลสองคนในห้องเพียงลำพังแบบนี้ คงไม่พ้นที่เขาจะหยอดคำหวานแกล้งคนขี้อายเล่น คงจะคว้าเข้ามากอดไว้แล้วจูบลงโทษที่ทำงานผิดพลาด คงไม่ต่อว่าไปรุนแรงแบบนั้น




การเดินทางในครั้งนี้ช่างเกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน



‘ชีวาส…….เจ้าสบายดีไหมตอนนี้’











ด้านในของหอพยาบาลค่อนข้างเงียบเหงา  ด้วยเหตุที่ฮีลเองตั้งใจทุ่มแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือชาวบ้านท่บาดเจ็บให้หายได้อย่างรวดเร็ว เหตุผลนั่นคือ

“ฮีลวันนี้คนไข้หมดแล้วล่ะ เรากลับกันเถอะ”

เกรย์ที่เก็บของเข้าที่เรียบร้อยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มอันนั้นมันได้ฝังไว้ในใจของหมอหนุ่ม หยั่งรากลึกลงไปยากที่จะถอดถอนออกเสีย

“เกรย์ ข้าว่าจะกลับบ้าน” ฮีลตัดสินใจบอกไปในที่สุด เขาเองนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน เขาเองทนไม่ไหวจริงๆที่ต้องทนมองดูเกรย์เข้าไปหาไทนอส ทนไม่ได้ที่รู้ว่าในใจของเกรย์ยังมีไทนอสอยู่ ทนไม่ได้ที่รอยยิ้มนั้นเกย์มอบให้กับอีกคนหนึ่ง

“อ๊ะ…..ทำไมรีบกลับ”

“งานของข้าจบลงแล้วเจ้าก็เห็น”

“เจ้ายังอยู่ที่นี่ได้ต่อนะ เดี๋ยวข้าจะพูดกับไทนอสให้”

“………คงไม่ล่ะ ข้าคงอยู่ที่นี่ไม่ได้”

ทั้งสองเดินไปเงียบๆเข้าสู่เขตที่พักภายใน เหมือนที่ทุกๆวันต้องเดินเข้ามาเพื่อส่งให้เกรย์แวะหาไทนอสถึงแม้จะทำตามหน้าที่ แต่ดูเกรย์เองจะเต็มใจที่จะเข้าไปรายงานความคืบหน้าเสียเหลือเกิน จนบางครั้งฮีลเองก็น้อยใจ และรู้สึกท้อ





“อยู่กับเจ้าข้าทรมารเหลือเกิน เจ้ารู้ตัวไหม” เมื่อถึงทางแยกฮีลเริ่มที่จะเปิดบทสนทนาอีกครั้ง และนี่คงเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเขาตั้งใจให้มันจบลงเสียที

“เจ้าเคยบอกว่าจะพูดกับข้าให้รู้เรื่องหลังจากเสร็จงานแล้ว เกรย์”

ฮีลเข้าไปใกล้คนตัวผอมที่ยืนนิ่ง เขารวบมือเล็กๆทั้งสองเข้าไว้ด้ยกัน

“ข้ารักเจ้านะเกรย์”

แต่คนถูกบอกรักกลับก้มหน้านิ่ง

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รักข้า…..แต่เจ้าจะอยู่กับไทนอสไปเพื่ออะไร ในเมื่อในใจเขาก็ไม่ได้รักเจ้า”

ฮีลพูดไปอย่างที่ใจนึก อาจฟังดูรุนแรงแต่นั่นคือความจริง

ความจริงที่เขาเองกำลังโน้มน้าวให้เกรย์กลับไปกับตน

“กลับไปกับข้าเถอะ ไม่ต้องรักข้าก็ได้”

“แต่ว่า…..” เกรย์ทำท่าลังเล เขาเองไม่กล้าสบตาหมอหนุ่มในตอนนี้

“ข้าเชื่อว่ามันดีกว่าที่เจ้าต้องทนทุกข์อยู่แบบนี้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าแอบร้องไห้ทุกคืน”

ฮีลรวบเกรย์กอดไว้มั่นกระซิบเข้าเบาๆ

“ไปกับข้านะเกรย์ อย่าปฏิเสธข้าเลย ข้าคงทนไม่ได้”

“ฮีล…..”

เกรย์เอ่ยชื่อฮีลก่อนจะฉวยโอกาสเลี่ยงตัวออกจากอ้อมกอด เกรย์เองก้มหน้าก้มตา หากเพียงมองไปสักหน่อยคงจะเห็นน้ำตาของฮีลที่เริ่มไหลลงมาเป็นสาย




“ข้าเข้าใจแล้วเกรย์…….”




แล้วเกรย์ก็หันหลังเดินไปบนทางที่นำไปสู่ห้องทำงานของไทนอสเพียงลำพัง
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 35 16/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Papoonn ที่ 17-03-2010 12:57:31
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    T T
เหมือนไทนอสลังเลยังไงไม่รู้
แบบเหมือนอารมณ์ตอนนั้นกับตอนนี้แตกต่างกันมาก   
มีนึกถึง ชีวาส     = =
อะไรกันค่ะพ่อคู๊ณณณณณณณณณณณณณ   !
ทีตอนนั้น ทำเป็นไม่สนใจเค้า   เหอ ๆ
ชีวาสอยู่กับ แอสเปอร์นั้นแหละดีที่สุด 
ไทนอสปล่อย ๆ ไป  555555
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 35 16/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 18-03-2010 22:01:03

ยัยแอล :beat: สำออยนักนะ อึกอักร้องไห้ นิดหน่อยมีน้ำตา ไปเลย ไปถูพื้นเดี๋ยวนี้ ชิ อารมณ์เสีย  :m16:


ฮีล เจ้าจงไปสามพี กับ ชีวาสและเอสเปอร์ จะเจริญกว่านะ ข้าว่า  :m20:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 35 16/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-03-2010 07:56:23
หมอฮีลเมื่อไหร่จะสมหวังจ้ะเนี่ย เศร้าตลอดเลย  :impress3:



หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 35 16/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 19-03-2010 21:54:26
กรี๊ดดดดด เจ้าไทนนอสทำแบบนี้กับแอลของชั้นได้อย่างไง ตบๆๆๆ  :beat:  :beat:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 36 ฺBad ending 23/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-03-2010 01:11:54
บทที่ 36








“งานแค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้อีก จะไปไหนก็ไป” เอสเปอร์ตะโกนไล่หัวหน้าฝ่ายที่เข้ามาสอบถามถึงกระบวนการทำงานที่ตนยังไม่เข้าใจนัก ทำเอาหัวหน้าฝ่ายรีบวิ่งออกมาจนแทบหลบหินทับกระดาษแทบไม่ทัน

เอสเปอร์ก้มมองเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าหลังจากไล่คนไม่ได้ความให้พ้นหน้า ตัวหนังสือหวัดไปมาชวนเวียนหัว เขากวาดเอากองเหล่านั้นออกจากโต๊ะโดยไม่สนใจน้ำหมึกที่หกเลอะเปรอะจนลายอักษรนั้นถูกกลบไป

อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่อยู่กับที่นัก บางครั้งเขาเองอดสงสารบรรดาคนงานที่ต้องมารองรับอารมณ์ของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆที่เขาเองก็พยายามข่มใจไว้อย่างมาก

ทว่าเพียงแค่เผลอใจคิดไปถึงคนที่ควรจะอยู่เคียงข้างเขาในตอนนี้ขึ้นมา ก็ทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้น ข้อผิดพลาดอะไรเล็กๆน้อยๆก็ดูจะขวางหูขวางตาไปเสียหมด

ไหนจะต้องทำงานอย่างหนักในการดูแลนครในช่วงฟื้นฟู ปวดเมื่อยตัวไปหมด ยิ่งคิดถึงมือนุ่มที่คอยนวดให้เขาอยู่เสมอ

คิดถึงตรงนี้มันก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มขึ้นอย่างอดไว้ไม่ได้

เอสเปอร์คิดถึงเสียงบ่นโวยวาย ว่าทำไมถึงต้องนวดให้ด้วย คิดถึงใบหน้างอง้ำ ปากบางที่อ้าหุบออกคำบ่นต่างๆนาๆ แล้วไหนจะต้องมีการเสกลูกไฟมาขว้างใส่อีกหากเริ่มที่จะตอบโต้ไม่ได้

แต่สุดท้ายก็ต้องทำตามเสียทุกครั้ง


เอสเปอร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อคิดคำนึงแล้ว ชีวาสเองแทบจะไม่เคยปฏิเสธเขาเลย ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาต้องเถียงคอเป็นเอ็นกว่าจะยอม เอาเถอะไม่ว่าจะใช้วิธีการใด สุดท้ายผลลัพที่ได้ก็นับว่าน่าพอใจไม่น้อย

แต่ในตอนที่เจ้าไม่อยู่แบบนี้รู้ไหมว่ามันเหงาแค่ไหน

เอสเปอร์ถอนหายใจแหงนมองดูฟ้าที่ไกลออกไป คิดถึงคนที่รัก ที่ไม่ได้อยู่ข้างกาย ปล่อยให้หัวใจของเขาล่องลอย





‘ชีวาส………’














เกรย์เองต่อยๆเดินไปยังห้องทำงานของไทนอส เขาเดินช้าผิดปกติ ทุกก้าวที่วางลงพื้นพรม ทุกห้วงคำนึงที่หวนคิดถึงวันวานที่ผ่านพ้น

ใบหน้าของไทนอสในวันแรกที่พบกันยังตราตรึงในจิตใจของเขาไม่จางหาย รอยยิ้มพร้อมกับมือที่ยื่นเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง นับจากวันนั้นก็เป็นเขาเองที่เฝ้าแอบมองไทนอสอยู่ไกลๆ และพยายามดันตัวเองให้เข้าไปใกล้ไทนอสมากที่สุด……..และเขาก็ทำได้

เพียงแต่การเข้าใกล้ในครั้งนี้เขากลับพบว่าได้ทำร้ายตัวเองเข้าเสียแล้ว

ไทนอสไม่เคยคิดที่จะมองเกรย์ด้วยสายตาเกินคำว่าเพื่อนได้เลย หากเพียงใกล้แค่กาย

แต่ใจนั้นช่างห่างกัน


เกรย์เคาะประตูแล้วก้าวเข้าไป ภาพที่เห็นแอลนอนฟุบลงกับโต๊ะโดยมีเสื้อคุมของไทนอสคลุมทับไว้กันหนาว ทำเอาเขาอิจฉาและน้อยใจไปพร้อมกัน

ไทนอสหันหน้ามาสบตากับเขา





ถึงจุดนี้เกรย์ไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้เลยว่าเขารักชายที่อยู่เบื้องหน้านี้มากเท่าไร





‘ไทนอส’











หมอหนุ่นทรุดนั่งอยู่หน้าตู้ใบใหญ่ เขาค่อยๆเอื้อมมือหยิบเอาข้าวของที่มีอยู่น้อยนิดจัดเรียงใส่กระเป๋าเดินทาง ความจริงแล้วเขาควรจะทำเสร็จนานแล้ว ทว่าฮีลเองในตอนนี้เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง เขาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แววตาหมองหม่นไร้แววตา คราบน้ำตาที่ยังคงให้เห็นทำเอาใบหน้าหล่อเหลานั้นดูหมองไป

การพบเจอเกรย์อีกครั้งนั้นอยู่เหนือการควาดคิดของเขา….ทั้งๆที่เขาเองก็ทำใจต่อการจากลาได้แล้ว แต่เพียงใบหน้านั้นหวนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง กำแพงที่เขาเองเคยตั้งไว้กลับพังลงไม่มีชิ้นดี

เพียงแค่เห็นรอยยิ้ม โลกของเขากลับสดชื่นขึ้นมใหม่

เพียงน้ำตาที่ไหลริน ก็ทำเอาเขาอยู่ไม่สุข

เพียงเห็นแววตาที่คอยจ้องมองคนอื่น เขาเองแทบทนไม่ได้

ฮีลหัวเราะให้ตนเองเบาๆ ในที่สุดของทั้งหมดก็ถูกบรรจุใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่




‘ได้เวลาเสียที’



เมื่อก่อนเขาเองก็ยังทำได้ การใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเกรย์ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน



เขาเพียงต้องยอมรับละอยู่กับมันให้ได้ ก็แค่ชีวิตที่ไม่มีคนที่รักอยู่




‘ลาก่อนเกรย์’














สูงขึ้นไปเหนือก้อนเมฆใหญ่ที่ลอยเอื่อยอยู่บนนภา เทพแห่งสงครามที่กำลังเดินผ่านห้องสมุด ได้หยุดทักคนรู้จักที่เอาแต่เหม่อจ้องกองหนังสือที่สุมอยู่จนแทบจะล้อมทับเอา

“เป็นไงบ้าง” เขาทักขึ้นอย่างเป็นกันเอง รอยแผลที่กรีดยาวผ่านแขนข้างขวายังสดใหม่ นั่นเป็นรอยที่ได้มาจากการเดินทางของเขา บทลงโทษของท่านมหาเทพ

“ได้ข่าวว่า การเดินทางของเจ้าหนักเอาเรื่องนี่” เทพแห่งสงครามพิจพิเคราะห์เสาะหารอยบาดแผล แต่หาได้พบไม่ เอลาสหรือเทพแห่งความรู้ยังคงสง่างามเช่นเคย

เอลาสหันไปสบตาผู้มาเยือนชั่วครู่พอรับรู้ว่าเป็นใคร แล้วก้มหน้าลงคัดแยกหนังสือที่ยังค้างไว้ต่อไป

“ข้าว่าเจ้าพูดน้องลงนะ” เทพตัวใหญ่ยังหาเรื่องที่จะคุยต่อ นานๆครั้งที่เขาจะได้มีเวลาว่างแบบนี้ น้อยเหลือเกินที่จะได้พบเจอกันคนที่เขาเองคิดถึงมาตลอด คิดถึงคนที่เป็นต้นคิดที่จะเล่นเกมบ้าๆนั่น

เอลาสหาได้สนใจ เขาบรรจงคัดหนังสือต่อไปอย่างเหนื่อยหน่าย จนในที่สุดเทพแห่งสงครามก็เป็นคนถอยออกไปเอง ห้องสมุดกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง และนั่นทำให้เอลาสได้ยินเสียงของใจตนเอง





เขาคนนั้นจะเป็นอย่างไรกัน




เขาคนนั้นที่ทำให้ใจสั่น






อยากพบเจ้าอีกสักครั้ง



ฮิ้ววววววววว.........................ฮิ้ววววววววววววววว  :-[
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 36 ฺBad ending 23/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-03-2010 03:23:31
หลังตอนจบก็ต้องขึ้น     เครดิด      ชิมิคะ


ขอขอบคุณก่อนเลยละกัน

ขอบคุณนักอ่านทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมเดินทางไปด้วยกัน

เเม้ทางเดินเรื่องนี้อาจยังไม่สวยหรูนัก แต่ทุกคนก็ยังคงเดินมาถึงสุดทางร่วมกัน


ซึ้ง ค่ะ ซึ้ง


สำหรับตอนจบเรื่องนี้ ตอนเเรกกะให้เศร้ามากกกกกกๆๆๆๆๆๆ

แต่ก็ทำไม่ได้เพราะปกติ เป็นคนไม่ค่อยชอบเรื่องเศร้านัก

อีกอย่างก็ไม่ใช่เจ้าเเม่ ดราม่าเหมือน LR เค้า (คริๆ)

เลยเอาไปเบาๆ แต่เพียงเท่านี้


ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 36 ฺBad ending 23/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-03-2010 13:58:42
จบกันแบบนี้เลยหรอจ้ะ  :z3:

ไม่เศร้าเลยเนอะ แต่ค้างคาใจคนอ่านมาก ๆ เลย  :serius2:

สุดท้ายถ้าจบแบบนี้จริงๆ ก็ขอบคุณ Tifa ที่เขียนนิยายแฟนตาซีแนวแปลกๆ มาให้อ่านจ้ะ

ริษยาตาร้อนกันทุกตอนเลยเชียว แล้วจะรออ่านผลงานเรื่องหน้าจ้ะ  :L2:


หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 36 ฺBad ending 23/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 23-03-2010 18:50:45

LR นี่ใครน่ะ เล็ฟท์ แอนด์ ไรท์ หรือไงกัน คริคริ

แหม เดินทางกันมาจนถึงตอนจบจนได้นะ เพื่อนจ๋า
ขอบคุณมากๆสำหรับงานแฟนตาซีที่เข็นออกมาให้ได้อ่านกัน
เอลาส = เอเลน่า อิอิ ที่จริงคือชื่อหลังใช่ไหมจ๊ะ

เรารึกะจะรอซีนน้ำตาท่วมจอ ก็ดันมาจบแบบทิ้งเอาไว้ให้คิดขบกันต่ออีก
แต่ไม่เป็นไรหรอก จบเหมือนๆกันหมด มันก็เกร่อจริงไหม อย่างน้อยพ่อเอสเปอร์ยาหยี
ฮีก็ได้โซ้ย เอเลน่าแล้วแหละ แค่นี้ก็พอใจละ ฮ่าๆๆๆ  :jul3:

เรื่องใหม่มาเมื่อไหร่จ๊ะ จะได้ตามมาเม้าท์ใหม่ 

+๑ สำหรับความตั้งใจและเรื่องราวที่ ริษยา ได้ มายา มาก :L2:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 36 ฺBad ending 23/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-03-2010 11:34:55
จบแล้วจริงอะ   :a5:  :a5:

ต่ออีกหน่อยไปได้เหรอ มันยังคาใจ ไม่เคลียร์ แอร๊ยยยยยยย

แต่อย่างไงซะก็ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ อีกหนึ่งเรื่องนะ


ปล. LR =  ดราม่า แอนด์ โรคจิต มะ :laugh:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-03-2010 01:48:50
ตามธรรมเนียมของเกม RPG แฟนตาซีทั่วๆไป พอจบเครดิดปุ๊บ ก็จะมีฉากจบให้ดูอีกฉากหนึ่ง

งั้นไปต่อกันเลยค่ะ











ก่อนจากกัน






‘ชีวาส…….เจ้าสบายดีไหมตอนนี้’


ไทนอสเหม่อคิดถึงคนที่จากไป หากชีวาสยังอยู่งานของเขาคงดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อย ถึงแม้ชีวาสจะเจ้าอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้นเหตุนั้นเป็นเพราะตัวเขาเองไม่หนักแน่นพอที่จะบอกให้เด็ดขาดเสียในตอนต้น มัวแต่เก็บไว้เป็นคอเลกชั่น ฮาเร็ม

แน่นอน แรกๆชีวาสเองก็ดูจะยอมรับในตรงนี้ แต่นับวันยิ่งปีกกล้าขาแข็ง ยิ่งได้รับตำแหน่งเสนาธิการด้วยแล้ว จอมเวทหนุ่มแทบจะประกาศความเป็นเจ้าของอย่างออกหน้าออกตา ตามจองล้างจองผลาญเหล่าคนรักชั่วคราวของเขาเสียจนหมด

ไทนอสคิดได้ก็นึกขำในใจ เขานึกถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ชีวาสโกรธเสียจนประกาศตัดความสัมพันธ์ เขาเองล่ะดีใจแทบตาย รีบออกไปหาเหล่าเด็กๆคนอื่น แต่พอกำลังเข้าบทพระนางเท่านั้นล่ะ ชีวาสโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เล่นโกรธเสียจนทำไฟไหม้ครั้งใหญ่ ดีที่ไทนอสเองมักพกกระสุนน้ำไว้เสมอ จึงไม่เกิดเหตุร้ายแรงนัก

ถึงจะอารมณ์ร้ายแบนั้นแต่ก็ยังโดนปราบเสียจนอยู่หมัด

นึกถึงตรงนี้ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้ไทนอสเพิ่มมากขึ้น เมื่อคิดถึงภาพที่เอสเปอร์บังคับให้ชีวาสเองทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อย และชีวาสก็ได้เพียงแต่บ่น แต่สุดท้ายก็ยอมทำแต่โดยดี นั่นนับเป็นพัฒนาการที่เกินคาดเลยก็ว่าได้


‘เอสเปอร์…….ชีวาส……..ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงลงเอยด้วยดี’


ไทนอสหวังไว้อย่างนั้น มันคงจะดีไม่น้อยหากในบรรดาพวกของเขาจะได้ลงเอยกันอย่างมีความสุขสักคู่หนึ่ง เรื่องของเกรย์ดูท่าทีแล้วเกรย์ไม่มีท่าทีที่จะเลี่ยงจากเขาไปหาฮีลเลย และนั่นมันทำเขาอึดอัดใจทุกครั้งที่เห็นสายตาของฮีลที่จ้องมาขณะเกรย์คุยกับเขา ไทนอสเองอยากจะบอกเกรย์เหลือเกินว่าตนไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ก็กลัวเกรย์จะทำร้ายตนเองเหมือนครั้งก่อนมาอีก จึงต้องยอมปล่อยเลยไป ได้แต่พยายามปลีกตัวออกห่างทั้งสองให้มากที่สุด และได้แต่เพียงหวังว่าเกรย์เองคงจะเข้าใจฮีลในสักวัน




แล้วเรื่องของเขาเองเล่า

ไทนอสหันไปมองคนที่นอนฟุบอยู่กับโต๊ะ แน่นอนว่าใบหน้านั้นทำหัวใจเขาเต้นผิดจังหวะไปทีเดียว แอลตัวสั่นน้อยๆเมื่อลมหนาวพัดผ่านไป ไทนอสอดยิ้มเสียไม่ได้ รีบปลดผ้าคลุมของตนห่มให้คนตัวเล็กเสีย กลิ่มหอมที่คุ้นเคยโชยมาจากเรือนผมเงาแวววาว ช่างยั่วยวนให้เขาซุกจมูกลงไปสูดดมนัก หากเป็นครั้งก่อนเขาคงจัดการคนที่นอนยั่วเสียให้เรียบ



เพียงแต่ในขณะนี้เขาทำไม่ได้



เขาเองยังไม่แน่ใจนัก……..เขาเองรักใครกันแน่







เสียงเคาะประตูดังขัดความคิดของเขา เกรย์ก้าวเท้าเข้ามา เพื่อรายงานการทำงานเช่นเดิมเหมือนทุกวัน ทั้งๆที่ไทนอสเองได้บอกห้ามแล้ว แต่เกรย์อ้างเหตุผลร้อยแปดเพียงเพื่อจะได้หาทางพบหน้าเขาให้ได้

ไทนอสมองดูเกรย์ที่ในครั้งนี้ดูต่างไปจากทุกวัน เกรย์ที่มองเขานิ่งแต่ดวงตาไหลกรอกไปมาราวกับขบคิดอะไรในใจ รอยยิ้มเล็กๆที่มี ก็ดูกึ่งเศร้ากึ่งสุข ปากเล็กๆที่อ้าออกเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็เปลี่ยนใจเงียบไปเสียอย่างงั้น


“เจ้าเป็นอะไรเกรย์” ไทนอสสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จึงซักถาม แต่อีกคนไม่ตอบ ไทนอสเกรงจะเป็นเรื่องร้ายแรงจึงถามย้ำอีกครั้ง และครั้งนี้เกรย์เอ่ยปากตอบกลับมา




“ข้ามาลาเจ้า ไทนอส”





เกรย์ตอบตามสิ่งที่คิดไว้ในใจ ห้วงคำนึงของเขาแยกออกเป็นสองส่วน ทั้งไทนอส และ ฮีล คนที่เขารัก และคนที่รักเขา

คนที่เขารัก ผู้ซึ่งไม่เคยคิดที่จะหันกลับมามองดูว่าเขานั้นได้มอบหัวใจให้ไปมากเท่าไร แต่เขาเองก็มีความสุขที่ได้รัก แม้ว่าชายคนนั้นคนนั้นจะไม่ได้รักตนเลย




‘รักคือการให้ ไม่ใช่การครอบครอง’

แรกเริ่มเกรย์เห็นด้วยกับคำๆนี้ หากเขารักใครแล้วเขาคงยอมมอบความรัก มอบรอยยิ้มให้คนๆนั้น โดยไม่หวังให้ชายคนนั้นตอบแทนคืนมา ถึงแม้จะน้อยใจ แต่ก็สุขใจที่ได้เห็นชายคนนั้นมีความสุข

แต่การที่ต้องเห็นคนที่เขารักเดินเคียงคู่กับคนอื่นนี่สิ ที่เขาเองรับไม่ได้  เขาเองทำใจไม่ได้ที่ต้องทนเห็นคนที่รักไปกับใครอื่น มันเจ็บตรงหัวใจ เหมือนมีใครมาบีบมันไว้ ไหนจะน้ำตาที่ไหลรินออกมามากมายนั่นอีก

อยากให้เจ้ากอดข้าบ้าง

อยากให้เจ้าจูบข้าบ้าง

อยากให้เจ้ารักข้าบ้าง




แต่กับคนที่รักเขา เกรย์นึกเสียใจที่ลืมคิดถึงความรู้สึดของคนๆนั้นไป ทั้งๆที่ชายคนนั้นดีกับเขามากมาย แต่เกรย์เองกลับมองผ่านและให้คำจำกัดความเพียง เพื่อน เท่านั้น ถึงตอนนี้เกรย์เองได้คิดทบทวน ความรู้สึกของชายคนนั้นคงไม่ต่างกับความรู้สึกของเขานัก ที่ต้องทุกข์ใจไปกับการมองคนที่ตนรักหันหน้าไปหาคนอื่น คิดได้ตอนนี้ก็น่าเจ็บใจนัก นี่เขาเองก็ได้ทำร้ายชายคนนั้นไปกี่ครั้งแล้ว แต่ผู้นั้นกลับไม่เคยย่อท้อ

รอยยิ้มยังมีไว้ให้เขา

คำปลอบใจยังมีให้เขา

อ้อมกอดนั้นยังเว้นว่างไว้ให้เขาเสมอ












“ไม่รอข้าเลยนะ ฮีล”

“เกรย์ เจ้า…..”

เกรย์ที่แบกกระเป๋าใบน้อยหอบเล็กน้อยเพราะต้องวิ่งตามคุณหมอตัวใหญ่มา แต่ยังโชคดีที่ฮีลเองมัวแต่เหม่อจึงเดินช้าไปบ้าง ฮีลถลาเข้ามาดูอาการอย่างเป็นห่วง จนเกรย์ต้องบอกเป็นรอบที่สามว่าไม่เป็นไรฮีลจึงยอมปล่อย

“ข้าขอกลับด้วยคนนะ”

“เจ้า…..เกรย์ จริงๆ นะ”

“แต่ข้า…….”



“ไม่ต้องพูดเกรย์ ข้าเข้าใจ ไม่ต้องพูด เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว”


ฮีลกอดคนตัวผอมเข้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออกอีกครั้งคราบน้ำตาที่ยังไม่จางหายกลับถูกทับแทนด้วยน้ำตาอีกครั้ง เพียงแค่น้ำตาในครั้งนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป




‘เพียงแค่เจ้าให้โอกาสข้าแค่นี้ ข้าก็สุขใจเหลือเกินแล้ว…..เกรย์’













ชายผู้ใส่เสื้อคลุมดำแอบมองทั้งคู่ผ่านทางหน้ากากสีทองที่ปิดบังใบหน้าไปเสียหมด  ถึงกระนั้นก็ซ่อนประกายในดวงตานั้นไม่ได้ว่าเขากำลังยิ้ม


‘ลงเอยกันได้เสียที’


ชายใส่หน้ากากรีบหันกลับไปทำธุระกับหญิงวัยชราต่อจนเสร็จอย่างชื่นบาน ทั้งๆที่พึ่งจะถูกว่าเอาเสียๆหาย แต่ใครจะสนในเมื่อได้เห็นคนทั้งสองเริ่มต้นกันได้


‘แต่ข้าจะสนใจไปทำไมกัน’


ว่าแล้วเขาก็หุบยิ้มใต้หน้ากากนั้นลง พร้อมกับสะบัดผ้าคลุมเบาๆ สายลมโชยผ่านเพียงเบาๆ ทญิงชราคนเดิมกำลังจะอ้าปากต่อว่าเขาอีกครั้งแต่ก็ต้องอ้าปากเก้อ เมื่อชายผู้ใส่หน้ากากได้หายไปเสียแล้ว



“เจ้ากลับมาแล้ว” เสียงตะโกนดังโหวกแหวกเช่นเดิมทุกครั้งที่เขากลับมา

“อย่าเข้ามานะ” เขาขู่ชายอีกคนที่วิ่งเข้ามาพร้อมอ้าแขนหมายจะรวบกอดผู้มาถึงไว้

“ข้าคิดถึงแทบแย่ ชีวาส” เอสเปอร์ไม่สนใจคำขู่ กระชากหน้ากากสีทองที่ปิดบังตัวตนนั้นให้พ้นใบหน้าสวย ก่อนจะประกบปากลงจูบอย่างกระหาย เล่นเอาชีวาสที่ไม่ได้ตั้งตัวอึ้งไปเหมือนกัน

“อึ๊ก…..ปล่อยข้านะ” ชีวาสสะบัดหน้าหนี แต่ก็ติดที่เจ้าเถื่อนกอดเขาไว้เสียแน่น

“โถ่ ข้าล่ะคิดถึงแทบตาย แต่เจ้ากลับ”

“ไร้สาระ ข้าไปทำงานนะ นี่เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว” ชีวาสออกแรงดิ้นแรงขึ้น ทั้งๆที่รู้ว่าดิ้นไปก็เท่านั้น แรงของเอสเปอร์เยอะเหลือหลาย

“ไม่ปล่อย ข้าจะกอดเมียไว้แบบนี้ ใครจะทำไม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์หัวเราะร่า แบกคนในอ้อมกอดตรงไปยังห้องทันทีแล้วปิดประตูห้องลง

จากเสียงด่า เสียงกำปั้น เสียงของตก แตก ในห้อง ไม่นานเสียงนั้นกลับค่อยๆเงียบลงไป……….แทนที่ด้วยเสียงอู้อี้ เสียงสูดปากราวกับมีคนทานของเผ็ดร้อนภายในห้องนั้น



“เจ้ารักข้าหรือยัง” อยู่ๆเอสเปอร์ที่นอนกอดชีวาสอยู่บนเตียงก็ถามขึ้น ทำเอาชีวาสหน้าขึ้นสีรีบกระโดดออกจากเตียงพร้อมกับเสกลูกไฟขว้างไปหาคนพูดตรงก่อนจะวิ่งหนีออกไปข้างนอกแทน

และนั่นเป็นเหตุให้เอสเปอร์ต้องรีบดับไปที่เริ่มลามไปตามผ้าม่านฝืนงาม ซึ่งกว่าจะดับได้ผ้าม่านของเขาก็เหลือเพียงครึ่งหนึ่งเสียแล้ว

“เฮ้อ…..แบบนี้อีกแล้ว…..ปากแข็งจริงๆเนอะ อีโม” เอสเปอร์พูดกับเจ้านกตัวดี ที่เกาะอยู่ริมหน้าต่างมานาน และสีของมันในตอนนี้ก็เป็นสีชมพูอ่อนๆเสียด้วยสิ



จิ๊บ



เจ้าอีโมร้องตอบว่าเห็นด้วย ก่อนมันจะกระพือปีกออกบินขึ้นไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่













เหนือขึ้นไป เอลาส นั่งเหม่ออยู่ที่กองหนังสือเช่นเดียงกับทุกวัน เขาเฝ้าคำนึงถึงวันที่เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาจำได้เพียง เขาถูกแยกออกมาจากมนุษย์คนหนึ่ง น่าจะชื่อ เอ หรือ แอล นี่ล่ะ ทุกอย่างน่าจะจบลงไป เขาได้ถูกลงโทษโดยการพาเหล่ามนุษย์เหล่านั้นให้เดินทางมาถึงที่นี่เป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆที่เรื่องราวทั้งหมดควรจบลง


แต่เอลาสกลับคิดไม่ตก ความรู้สึกที่ติดค้างในใจนี่มันอะไรกัน


ไหนจะความทรงจำในช่วงเดินทางแต่ขาดๆหายๆ บางเหตุการณ์เขาจำได้มั่น ทั้งเอสเปอร์ และเกรย์ แต่คนที่เหลือเขากลับจำไม่ได้ บางเหตุการณ์ผุดขึ้นมาแล้วจบไปครึ่งๆกลางๆ สลับกับเรื่องราวอื่นๆ เหมือนหนังที่ตัดต่อเอาหนังเรื่องอื่นๆมาผสมกันเสียยุ่ง

แต่สิ่งที่กวนใจเขาที่สุดคือใครกันที่เขาคิดถึงได้ทุกวัน เขาจำไม่ได้ รู้เพียงแต่ชายคนนั้นช่างอบอุ่น และรักเขา

เขาจำอ้อมกอดนั้นได้

เขาจำรอยจูบนั้นได้

ชายคนนั้นคือใครกัน………….ใครกันที่ทำให้เขาปั่นป่วนได้มากขนาดนี้

เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…….เขาไม่อยากให้มันค้างคาแบบนี้




“ว่าไงเอลาส วันนี้ว่างไปกับข้าไหมจ๊ะ” เสียงเจื้อยแจ้วจากเทพแห่งงานรื่นเริง ดังมาแต่ไกล เขาป็นอีกคนที่มักเข้ามาเกี้ยวพาเอลาสเสมอ แม้ว่าเอลาสเองไม่ได้มีทีท่าสนใจเลยก็ตาม



โดยปกติ เอลาส ควรบอกปัดไป




เพียงแต่ครั้งนี้ กลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมายิ่งทำให้ใบหน้านั้นน่าดูขึ้น

“ได้สิ……แต่ท่านต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกับข้า” เอลาสยื่นข้อเสมอให้พร้อมกับฉีกยิ้มให้กว้างขึ้นไปอีกราวกับเต็มใจไปร่ำสุรากับเทพขี้เมาคนนี้




“ท่านต้องเล่นเกมกับข้า”



.....................................................................End...................................................................................................
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-03-2010 01:56:41
 :laugh: :laugh:

ฮิ้ว........เอาล่ะค่ะ มาขอบคุณจริงๆอีกสักที ที่เรื่องนี้จบลงไปเเล้วจริงๆ

เห็นมั้ยบอกเเล้วว่า

"ไม่ชอบเรื่องเศร้า" คริๆ


หวังว่าจบเเบบนี้คงพอจะไขข้อข้องใจของหลายๆคนได้นะคะ

ขอขอบคุณนักอ่านทุกคนอีกครั้งที่ติดตามอ่านจนจบด้วยความพยายาม

เนื่องจากดั้นยังแต่งได้ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่แคร์สื่อค่ะ จะพยายามให้ดีขึ้นนะคะ


ปล.พบกันเรื่องต่อไปคงไม่ใช่เเนวแฟนตาซีเเล้ว ขอคั่นอารมณ์ด้วยเรื่องรักธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาไปก่อนนะคะ

จะเอาให้เศร้า ดราม่า โรคจิต ไม่แพ้ นักเขียน LR เลยค่ะ คริๆ




ขอบคุณจริงๆค่ะ....../ m e ซับน้ำตา
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 26-03-2010 07:54:14
Tifa น่ารักที่สุดเลย   :m1:

หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-03-2010 12:34:20
กลายเป็นเอสเปอร์กะชีวาส หวานสุด  :serius2:

แล้วจะรอติดตามเรื่องต่อไปนะจ๊ะ

ปล. จะเศร้าจริงๆ เหรอ ไม่ดีมั้ง  :m13:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: The Living River Ping ที่ 09-04-2010 11:02:08

ใครโรคจิตยะ ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกส์  :3125:


ดราม่า ว้อท ไอ นี้ดดดดดดดดดดดดด

ดราม่า ว้อท ไอ นี้ดดดดดดดดดดดดด

ดราม่า ว้อท ไอ นี้ดดดดดดดดดดดดด




ส่งเรื่องใหม่มาลงซะดีๆ อย่าให้ต้องเคือง  :jul3:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-04-2010 23:04:50
ป้า รีบน ออกอาการคลุ้มคลั่งแล้ว  :a5:

ว่าแต่เรื่องใหม่เรื่องเมื่อไรจะมาค่ะ
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 26-12-2010 11:02:38
อ่า สรุปแล้ว ใครเป็น พระเอก นายเอก ของเรื่องละขอรับ
อ่านมาทั้งวัน จบไปแล้วก็ยังง

แอบชอบ เอสเปอร์ กับ ซีวาส  :man1:
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 27-12-2010 01:37:44
 o13 o13

อืมม์ คู่หลักนะคะ ที่ยังคาๆอยู่

แต่ก็พอจิ้นได้น่ะ อิอิ เอาน่าๆ

ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mumoo ที่ 13-01-2011 06:11:51
แอล-ไทนอส-เอลาส....วุ่นวายดีจัง จบให้คิดนะเนี่ย^^
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 21-10-2013 23:32:56
สมน้ำหน้าไทนอส
อยากทำฮาเร็ม
แต่สุดท้ายก็ไม่เหลือใครเลย
แต่ชอบชีวาสกับเอสเปอร์ที่สุด
SMกันจริงคู่นี้
ส่วนแอล อาจไม่คู่กับไทนอส
เพราะฮีคู่กับเอลาสแทน
หัวข้อ: Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 18:26:12
 :mew1: