The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 37 ฺComplete ending 26/3/10)  (อ่าน 69968 ครั้ง)

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แรงขึ้น แรงขึ้น แล้วอย่างไงต่อ
ค้างงงงงงงงง และลุ้นนนนนนนนนนตาม  :z3:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ว้ายยยยยย

ดองไว้ซะข้ามปีเลย วันนี้มีอารมณ์เปลี่ยว เลยเข้ามาเพิ่มให้ซะเลย

อ้อ ใกล้จบแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใกล้มาก อ๊ะ ยังไง

เอาว่าอ่านกันต่อเลยละกัน

แอร๊ยยยยยย














บทที่ 28






สองราตรีผ่านพ้นไปกับการเฝ้าระวังภัยคุคาม แต่ดูเหมือนพวกเขายังคงปลอดถัย ทั้งสองคืนที่ผ่านมานั้นก็เหมือนเคย ยังคงมีเพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในแดนรกร้างแห่งนี้

“ท่านไทนอส……ขะ….ข้ามาเปลี่ยนเวร” แอลที่ลอบมองไทนอสที่นั่งระวังภัยมานาน เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้วจึงรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยไป

ไทนอสพยักหน้ารับรู้ แต่เขาไม่ได้มีทีท่าที่จะขยับตัวไปไหน ยังคงนั่งมองไปยังหอคอยที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ไม่ไกลมากนัก



“อีกไม่ไกลทุกอย่างก็จะจบแล้วสินะ”

แอลแทบจะไม่เชื่อหูตนเองที่ได้ยินเสียงของไทนอส และถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง เขาคิดว่า ไทนอสกำลังพูดอยู่กับเขา…….เพียงเท่านี้ก็ทำให้รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนดวงหน้านั้น อยากที่จะเข้าไปนั่งใกล้ๆให้ไทนอสแกล้งเขาอีกเหลือเกิน แต่แอลทำได้เพียงหาที่นั่งใกล้แล้วแอบมองด้วยหางตา


“อีกไม่นาน เราจะได้กลับบ้านกัน”


พูดถึงจุดนี้แอลเองก็ตระหนักได้ว่า เวลาของการร่วมเดินทางในครั้งนี้ใกล้สิ้นสุดลงเสียแล้ว อีกไม่นานเขาคงไม่ได้อยู่ใกล้ไทนอสแบบนี้อีก งานของเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไทนอสโดยตรง นานๆทีจะได้พบกันเสียที

“ร้องไห้ทำไม เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับบ้าน กลับไปสู่ชีวิตเดิมๆ” ถึงแม้จะมืดแต่ไทนอสก็สังเกตได้ถึงหยดน้ำใสๆที่ไหลลงแก้มขาวนวลน่าสัมผัสนั้น

“ช่วงนี้เจ้าดูซึมไปนะ มันไม่เหมาะกับเจ้าหรอก” ไทนอสบรรจงปาดน้ำตาอย่างบรรจงออกจากเจ้าตัวน้อยที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“กลับไปเป็นแบบเดิมเถอะนะ ถือว่าข้าขอร้อง…..ข้า……..”




‘ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุข’




ไทนอสยั้งคำของเขาเอาไว้ได้เพียงแต่คิดในใจ ในบางครั้งคำพูดที่ดูดี มันอาจจะกลายเป็นยาพิษที่กัดกร่อนหัวใจได้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ ในขณะที่เขาเองไม่สามารถทำตามหัวใจตนเองได้อย่างนี้




กี่ครั้งที่ต้องกัดฟันทนทำร้ายจิตใจแอล


กี่ครั้งที่ต้องคอยหลบหน้า






ไทนอสไม่คิดเลยว่าคนอย่างไทนอสที่ต่างมีคนมารุมล้อม คนที่บรรดาสาวๆยอมพลีทั้งกายและใจให้จะต้องมีวันนี้

วันที่คนอย่างเขาต้องตัดใจ



“ท่าน…….”



แอลร้องเรียกไทนอสอีกครั้งขณะที่ไทนอสเองลุกเดินจากไป แต่ครั้งนี้ไทนอสกลับไม่ได้สนใจอีกแล้ว เขาหยุดเพียงครู่ใจแล้วสาวเท้าเดินกลับไปยังที่พัก ที่ซึ่งเกรย์เองหลับใหลอยู่


ที่ๆเขาควรอยู่ตามคำสัญญา







บัดนี้ ไทนอสได้ปล่อยให้ดวงใจของเขาร้องไห้เพียงลำพังใต้แสงจันทร์ เขากลั้นใจที่จะไม่หันไปมอง พียงเพราะกลัวใจของเขาจะไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้น

เขาเอนกายลงยังพื้นที่นอนข้างๆเกรย์ที่นอนนิ่ง แรงขยับทำให้คนที่นอนอยู่ขยับตัวเบาๆ

“เจ้ามาแล้ว ไทนอส”

“ข้าขอโทษที่ทำเจ้าตื่น เกรย์”

“ไม่เป็นไร นอนเถอะ เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

ไทนอสแทรกตัวลงยังพื้นที่ของเขา เสื้อตัวหนาถูกโยนออกไปที่ปลายเท้าอย่างเคยตัว ปล่อยให้แผงอกสัมผัสอากาศเย็นอย่างที่เป็นทุกวัน





“ไทนอส……..กอดข้าหน่อยสิ”

“อืม”

ไทนอสเอื้อมแขนเขาเกี่ยวเอาเกรย์ที่นอนหันหลังให้เข้ามากระชับตัว แผ่นหลังผอมซีดนั้นแนบไปกับเนื้ออกเปลือยเปล่าทำเอา เกรย์ ใจสั่นอยู่ไม่น้อย เกรย์ดันหัวของเขาให้ใกล้สัมผัสถึงลมหายใจของอีกคนที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

และนั่นทำเอาคนตัวเล็กนอนแทบไม่หลับ




เพียงแค่เวลาของความสุขมันช่างสั้นนัก

“เกรย์ เจ้าหลับหรือยัง” ไทนอสกระซิบข้างๆหู พร้อมเขย่าตัวเกรย์เล็กน้อย

“……..” เกรย์ไม่ตอบว่าอะไรเพียงแค่อยู่นิ่งๆหมายจะแกล้งให้อีกคนตกใจ

แต่ก่อนที่เกรย์จะได้ทำตามแผนการ ไทนอสกลับปลดแขนของเขาออกจะเกรย์พร้อมกับขยับตัวออกเว้นช่องว่างไว้ระหว่างสองคน







เวลาล่วงเลยไปอีกยาม แอลยังคงนั่งซึมอยู่ตามลำพัง เขานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งอดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่จะเกิดในอนาคต



บางทีการห่างกันอาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับตัวเองก็เป็นได้




เวลาและระยะทางคงจะสามารถช่วยเยียวยา ให้ภาพของไทนอสจืดจางหายไปจากใจ

แต่เขาเองไม่ได้อยากจะลืม……แต่มันจำเป็นต้องลืม




เขามีหน้าที่ต้องลืม





“ร้องไห้อีกแล้ว”


แอลรีบเช็ดน้ำตาของตนเมื่อเห็นฮีลที่นั่งอยู่ข้าง……นี่เขาเองไม่รู้ตัวเลยว่าฮีลมาเมื่อไร

“ข้าเปล่านะ” ถึงแม้จะบอกไม่แต่รอยน้ำและความช้ำของดวงตามีคงบอกคำตอบไปหมดเรียบร้อย

“เกรย์ยังไม่มาเปลี่ยนเวรอีก” ดูเหมือนฮีลเองก็ไม่ได้อยากต่อความเรื่องที่แอลเองร้องไห้ จึงเปลี่ยนไปถามถึงคนเข้าเวรกะต่อไปซึ่งน่าที่จะมาเปลี่ยนเวรได้แล้ว

“ได้เวลาแล้วหรือ ข้าอยู่ให้ต่อก็ได้นะ ข้ายังไม่อยากนอน”

“เฮอะ จะให้เจ้าเฝ้าต่อ……แค่ข้าเดินมานั่งใกล้ๆยังไม่รู้ตัวเลย…..ไปได้แล้ว” ฮีลไล่เสียงดุทำเอาแอลไม่กล้าที่จะเถียงต่อ ได้แต่เดินทำท่าทางไม่พอใจที่ต้องทำตามคำสั่งของเจ้าหมอจอมเผด็จการเสียทุกครั้ง





“อ๊ะ…..ท่านเกรย์”

“แอล”


แต่ก่อนที่จะได้เข้าที่พักทั้งสองก็ได้พบกันก่อน ในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก


“ท่านเกรย์ ท่านเป็นอะไร ท่านร้องไห้ทำไม” แอลเห็นทีท่าไม่ดีรีบเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง จากที่เกรย์เองก็ดูไม่มีแรงอยู่แล้ว มาร้องไห้ซ้ำเข้าไปอีกยิ่งทำให้ดูแย่นัก

“ข้าไม่เป็นไร…..เจ้าไปพักเถอะแอล” เกรย์บอกปัด

“แต่”

“ข้าไม่เป็นไร อีกอย่าง สภาพเจ้าเองก็ไม่ต่างจากข้าหรอก แอล ไปพักเสีย”

เกรย์ออกแรงผลักแอลออกไปเบาๆให้แอลเข้าไปยังที่พัก







“วันนี้มันวันคนเจ้าน้ำตาหรือยังไงกัน” ฮีลส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจที่เห็นเกรย์เองเหมือนพึ่งจะร้องไห้มา

“ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เกรย์ตอบกลับ พร้อมกับนั่งลง

“แล้วอีกอย่าง เวลานี้ยังไม่ใช่เวรของเจ้า กลับไปพักได้แล้ว”

“ข้าไม่ง่วง” หมอหนุ่มไม่สนใจคำไล่ เอนตัวลงนอนอย่างสบาย

“เจ้านี่มัน…..” เมื่อเกรย์เห็นว่าคงไม่มีทางไล่เจ้าเพื่อนคนนี้ไปได้จึงปล่อยเลยตามเลย



เวลาผ่านไปด้วยความเงียบ



“เสร็จจากงานนี้แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ” ในที่สุดเกรย์ก็เป็นคนเริ่มก่อน

“ข้าก็กลับไปที่เดิมของข้า”

“เจ้า……จะมาทำงานกับข้าก็ได้นะ….เอ่อ….”

“ข้าคงไม่ไปหรอก…..อยู่ที่เดิมก็ดีแล้ว” ฮีลตอบปฏิเสททันทีอย่างไม่ต้องคิด



เจ้าจะให้ข้าต้องทนเห็นเจ้ากับไทนอสอยู่ด้วยกันอย่างนั้นหรือ

เจ้าจะให้ข้าทนได้อย่างไรกัน เพราะทั้งหัวใจข้าไม่เคยที่จะขาดเจ้าเลย

ข้าคงทนไม่ได้ เพียงแค่ทุกวันนี้ข้าก็เจ็บแย่อยู่แล้ว มันทรมารเจ้ารู้ไหม เกรย์



ฮีลเองได้แต่น้อยใจ เก็บเอาคำตัดพ้อไว้แต่ในใจ

“แต่ข้า……..นั่นใครน่ะ”



ยังไม่ทันที่เกรย์จะพูดจบ เขาเองสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ที่แผ่มาจากความมืดเบื้องหน้า ง้าวกระดูกถูกดึงออกมาจากแขนเตรียมพร้อมโจมตี ฮีลเองก็รู้สึกได้ เข้าเด้งตัวขึ้นยืนเตรียมพร้อม



“จำข้าไม่ได้รึ เกรย์”



ชายในเงามืดค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาทีละนิด จนใกล้พอที่ทั้งสองผ่ายมองเห็นกันและกัน

“ชีวาส” เกรย์ร้องดีใจ

“ใช่ข้าเอง”



เปรี้ยง




สายฟ้าถูกปล่อยออกมาจากนิ้วชี้ของจอมเวทย์หนุ่มวิ่งกระทบเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทำเอาเกรย์ลอยปลิวกลางอากาศก่อนที่จะตกกระแทกพื้นส่งเสียงดัง



“นี่สำหรับ คนที่คิดจะแย่งไทนอสจากข้า”

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
 :-[

มาอัปจนได้เน้อะ ขอแปะโป้งไว้ก่อนน้า เดี๋ยวมาอ่านทีหลังจร้า

 :mc4:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป

:jul3: ต๊าย ไม่ ตาย แถม ยัง แรง ดี อี๊กกกกกกกกกก นะยะ  :impress2:


ปล. ไม่ให้สุ้มให้เสียงนะจ๊ะคุณ  :o

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
วุ้ย คุณเพื่อนขา

ก็มาเงียบ สวยเงียบๆไงคะ มาต่อเลยค่ะ เครื่องกำลังร้อน












บทที่ 29





“ชีวาส เจ้าทำบ้าอะไร” ฮีลตวาดลั่นขณะเร่งราดน้ำยาลงบนตัวเกรย์ รอยไหม้ตรงกลางอกค่อยสมานเองโดยเร็ว

ชีวาสไม่ตอบได้แต่หัวเราะ เขาเรียกวงเวทย์ออกมาอีกสามวงซ้อนกัน ประกายสายฟ้าแล่นส่งเสียงครางน่ากลัว

“เกิดอะไรขึ้น…….ชีวาส” ไทนอสและแอลที่วิ่งออกมาเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรต่อ สายฟ้าทั้งสามเส้นต่างรี่พุ่งเข้าหาเกรย์



ตูม


ตูม


ตูม




แรงระเบิดเล่นเอาเศษดิน เศษหินปลิวว่อนกระทบใบหน้าทำเอาเจ็บได้เรื่อง

“เกรย์” ไทนอสมองเข้าไปในดงฝุ่นที่เกิดจากแรงระเบิดอย่างร้อนใจ

“ไม่เป็นไร”  เสียงของฮีลดังลอดออกมา ก่อนจะปรากฏกายออกมาเมื่อฝุ่นจางลง

“ชีวาสนั่นเจ้าใช่หรือไม่” เกรย์ถามเสียงแข็ง เล็งศรกระดูกไว้ที่เป้า

“……..เจ้าแย่งข้า…….เจ้าแย่งข้า” ชีวาสไม่ตอบ คำพูดเดิมซ้ำไปมาอยู่หลายรอบก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น พร้อมกับวงเวทย์ที่ปล่อยออกมารอบตัว

“แอล” ไทนอสหันมาถามคาวมเห็น ปากปืนเองก็เล็งไปทางชีวาสที่เริ่มร่ายเวทแล้ว


“……..”


“เป็นท่านชีวาสจริงๆ แต่……..” แอลดึงไพ่ออกมาหนึ่งใบ และผลที่ได้มันก็คือไพ่ The magician ไพ่ประจำตัวของชีวาส แต่มีสิ่งที่กวนใจเขาอยู่นั้นคือ……..ไพ่ที่ได้นั้นกลับหัว

“จะทำอะไรก็เร็วเข้า ข้าป้องกันได้ไม่หมดหรอกนะ” ฮีลเร่ง เขาเองก็ปลดขวดยาออกมามากมายเทราดลงบนตัวพวกเขาทั้งหมด หวังผลบรรเทาอันตรายจากเวท

“วางใจได้ พวกเราต่างทำอันตรายกันไม่ได้” แอลบอกอย่างสบายใจ

“ไม่นะแอล ข้าถูกเวทเล่นงานเมื่อครู่…..ถ้าไม่ได้ฮีลช่วยล่ะก็แย่แน่”

“ยังไงก็จัดการก่อนแล้วกัน” ฮีลไม่รอช้า ทิ้งให้แอลคิดหาคำตอบ ส่วนเขารี่ตรงเข้าไปหาจอมเวทเจ้าปัญหาคนนั้น กระชากมือที่กำลังเขียนอัขระในวงเวทออกมาให้พ้น

ชีวาสมองตาขวาง ก่อนเรียกเวทสายไฟอย่างง่ายพุ่งเข้าใส่ฮีล แต่ลูกไฟนั้นกลับดับลง เมื่อลูกไฟสัมผัสของเหลวบนร่างกายหมอหนุ่ม

“ไม่รู้จักน้ำยาลบพลังเวทล่ะสิ” ฮีลยิ้มเยาะก่อนจับตัวชีวาสทุ่มลงพื้น

ชีวาสสะบัดหัวไล่ความมึนงง เขามองหน้าฮีลอย่างพิเคราะห์

“ข้าไม่มีธุระกับเจ้า”

ชีวาสเร่งพลังเวทจุดประกายเพลิงให้ลามลุกไปทั่วร่างตนหวังเผาผู้อยู่ใกล้ให้ดับดิ้น แต่ก็กลับทำอะไรฮีลที่มีน้ำยาป้องกันไว้ได้

“ข้าบอกว่าไม่มีประโยชฯไงเล่า” ฮีลเงื้อมือขึ้นก่อนจะชกลงมาเป้าหมายอยู่ที่ท้อง



วาบ



“เจ้าแย่งของข้า เกรย์” ชีวาสหายตัวไปโผล่ขึ้นข้างหลังเกรย์ ไม้เท้าด้ามยาวถูกเรียกออกมาไว้อยู่ในมือชีว่าเรียบร้อย



เปรี้ยง



สายฟ้าขนาดย่อมถูกปล่อยออกจากปลายไม้เท้าพุ่งเข้าหาเกรย์


ฟู่


แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม น้ำยาที่ฮีลราดลงไปยังแสดงผลของมันได้ดี

“ชีวาส หยุดเถอะ เจ้าเป็นอะไรน่ะ” เกรย์ถอยออกมาตั้งหลัก พยายามพูดให้อีกคนเข้าใจ

“เจ้าแย่งของข้า”


เมื่อใช้เวทไม่ได้ผล จอมเวทเงื้อไม้ขึ้นหมุนรอบตัวอย่างชำนานก่อนจะวิ่งตรงเข้าหาเกรย์และฟาดลงไปอย่างจัง


“กรงกระดูกขาว” เกรย์ประสานมือประกบลงดิน ปรากฏแหลมกระดูกโผล่ออกมาขังชีวาสไว้ ชีวาสมองอย่างขัดใจ เขาหายตัวอีกครั้งโผล่ข้างหลังเกรย์พอดี ชีวาสได้จังหวะเงื้อไม้เท้าขึ้นฟาด


หมับ


“ระวังตัวหน่อยสิ” ฮีลโผล่เข้ามาจับด้ามไม้ไว้ทัน ส่งเสียงตำหนิให้คนตัวผอม ก่อนจะออกแรงปัดจนชีวาสลอยออกไป

“เกรย์ระวัง” เสียงเตือนจากไทนอสทำเอาฮีลต้องรีบเอาตัวเข้าไปบังเกรย์อย่างเร่งรีบ เมื่อชีวาสหายตัวโผล่มาข้างหน้าพร้อมกับแทงไม้เท้าเข้ามาอย่างจัง

“อุ๊ก” ฮีลโดนเข้าเต็มที่ท้องเล่นทำเอาจุก เขาไม่อยากจะคิดเลยหากถ้าเกรย์โดนเข้าไปอาจเป็นอันตรายมากกว่านี้นัก

“ฮีล…..เจ้าเล่นมากไปแล้วชีวาส”

เกรย์ตัวสั่นด้วยความโกรธ โครงกระดูกสองสามตนค่อยๆโผล่ออกมาจากดิน แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้ออกโรง เปลวเพลิงของชีวาสก็จัดการไปเสียก่อน


ฟ้าว


ไม้เท้าตรงเข้ามาหาเกรย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เกรย์ตั้งตัวได้ เขาค้านเอากระดูกหน้าแข้งมาต่างดาบ ตั้งรับไม้เท้าที่ประโคมหวดเข้ามาไม่ยั้ง

“หยุดนะ” ฮีลที่อาการดีขึ้นพุ่งตรงเข้าหาชีวาสหมายจะช่วย กลับถูกชีวาสพาหายตัวออกไปอยู่ข้างๆไทนอส

“ทำอะไรสักอย่างสิ” ไทนอสเร่งแอล เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงไม่ดี


ปัง


กระสุนน้ำแข็งพุ่งเข้ากระทบเท้าทั้งสองของชีวาส จับแช่แข็งตรึงแน่นกับพื้นหมายไม่ให้เคลื่อนไหว จนฮีลอดเอ่ยปากชมไทนอสสียไม่ได้

“ไทนอส……” ชีวาสมองมาทางชายอันเป็นที่รัก ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ด้วยเหตุที่ไม่คิดว่าไทนอสเองจะทำร้ายตน

“เกรย์มันเป่าหูเจ้าจนเสียคนเลยใช่ไหม” ก่อนที่จะเปลี่ยนความเศร้าเป็นโกรธแค้น ดวงตาชีวาสแปรเป็นสีแดงสดเรียบร้อย เปลวไปลุกโชนที่เท้าทั้งสองละลายน้ำแข็งหายไปทันควัน



“เจ้าต้องชดใช้ เจ้าต้องชดใช้”



ไม้เท้าด้ามที่สองถูกเรียกออกมาระดมฟาดลงไปยังเกรย์ที่ได้แต่ตั้งรับ โยชีวาสไม่ปล่อยโอกาสให้เกรย์ได้โต้กลับ พอฮีลและไทนอสเข้ามาใกลทีไร ก็ถูกชีวาสพาหายตัวออกมาอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“The star”


ประกายแสงสีขาวขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าว ค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืดล้อมรอบบริเวณนั้นเอาไว้จนทั่ว มองดูคล้ายอยู่ในอวกาศที่มีดวงดาวนับพันอยู่รอบตัว




“อย่าขยับนะทุกคน” แอลส่งเสียงเตือน ในมือก็ถือไพ่ไว้อยู่




ชีวาสมองแสงเหล่านั้นอย่างครุ่นคิด เขาลองเอาไม้เท้าอันหนึ่งสัมผัสกับเกร็ดแสงใกล้ตัว เพียงสัมผัสเบาๆ ดวงดาวเหล่านั้นต่างพองตัวออกแล้วระเบิดตนเองออกมา

แม้จะเป็นเพียงแรงระเบิดที่ไม่มากนักแต่เมื่อพร้อมใจกันแบบนี้ก็คงอันตรายใช่น้อย

ชีวาสมองไม้เท้าที่หักเป็นท่อนอย่างไม่พอใจ

“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าไม่สนใจหรอกแอล……เจ้าเป็นรายต่อไปถัดจากเกรย์” ชีวาสบอกเสียงเขียว

“แล้วของแค่นี้ คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ” ชีวาสยิ้มร่าเสกวงเวทขึ้นใต้เท้าตนพร้อมร่ายบท




ร่ากายของชีวาสค่อยจมหายลงไปในดินจนมิดทำเอาทั้งหมดระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

“เฮ้ย” เกรย์ร้องอย่างตกใจเมื่อเท้าของตนถูกมือของชีวาสจับไว้ได้ ก่อนที่ชีวาสจะโผล่ตัวขึ้นมาผลักเอาเกรย์เซไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นมันก็พอเพียงที่จะทำให้ลำตัวชองเกรย์สัมผัสเข้ากับดวงดาวเหล่านั้น

เสียงระเบิดดังต่อเนื่องปนกับเสียงหัวเราะของชีวาส เสียงร้องเรียกของฮีลที่เรียกชื่อคนตนที่รักอย่างสุดเสียง

หมอหนุ่มวิ่งิกไปทางเกรย์อย่างไม่กลัวอันตราย แรงระเบิดทำเอาเขาเกิดบาดแผลที่ขา แขน และ ลำตัว แต่ก็ไม่มีท่าทีจะหยุดลง




“แอลเก็บไพ่ซะ” ไทนอสที่ได้สติเรียกแอลที่กำลังตื่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

แอลชงักไปชั่วครู่จนไทนอสเร่งอีกครั้ง เขาพยักหน้าแล้วเก็บไพ่เข้าสำรับ ประกายสงทั้งหมดได้หายไป

บัดนี้ ชีวาสกำลังสนุกกับการลงไม้หวดไปยังร่างของเกรย์ที่นอนขดตัวดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด ฮีลเองก็ถูกคลื่นลมพัดออกมาไม่ให้เข้าไปยุ่ง




“เจ้าต้องชดใช้ เกรย์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”




ชีวาสยังคงลงมืออย่างไม่สนใจในความเจ็บปวดของเกรย์ เหมือนเขาเองต้องการให้เกรย์ตายลงไปอย่าที่พูดจริงๆ




ในขณะนั้นเองเหนือขึ้นไปบนอากาศเหนือศีรษะของพวกเขา เงาของคนๆหนึ่งได้ปรากฏกายขึ้นมา รอยยิ้มอันไม่ทราบสาเหตุผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงอันดังเกินตัว


“แตกคอกันเองแล้วหรือไง”

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เรื่องนี้กลับมาแล้ว  :m4:
ขนาดชีวาสไม่อยู่แอลยังไม่ได้เข้าใกล้ไทนอสเลย แล้วนี่ชีวาสกลับมาแบบนี้  :z3:

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
สมชื่อมายาริษยา  โฮะๆๆๆ


ลงทะเบียนเป็นแฟนคลับชีวาส   :fire:


ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
 o13

อิอิอิอิ ชีวาส จ๋า ทำได้ถูกใจอิชั้นเป็นที่สู้ด  อิชั้นเก็บกดมานานและ กะอินังเกรย์  อินังแอล  :laugh:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป

ฮ่าๆๆๆ ไงจ๊ะ ยัยแอล ยัยนางเอก เก็บไพ่ป๊อกของหล่อนไปเลยนะ
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าใครคือนางเอกตัวจริง ชิมิคะ ชีวาส เนอะๆๆ เชอะ



ปล. เอ่อ "ไม่รู้อะไรเข้าสิง" ยัยชีวาส นะเนี่ย  o22

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
«ตอบ #189 เมื่อ18-01-2010 20:39:51 »

วั๊ยยยยย

สงสัยคุณแดงจะต้องเปลี่ยนนางเอกเสียเเล้วล่ะมั้งงานนี้

ชีวาสคะแนนโหวตเพียบ

ปล. The Living Rive อย่ามาว่าน้องแอลนะ เจอนี่เลย 5 ดอกจิก 4 ดอกจิก ป๊อก 9 สองเด้งค้าาาาา

แอร๊ยยยยยย










บทที่ 30







ชายผู้มีผิวขาวราวหิมะในชุดผ้าขาวนวลลอยอยู่เหนือพวกเขา ปีกเล็กๆคู่นั้นคงทำงานได้อย่างดี ถึงแม้จะมืดเพียงใด แต่เหมือนผิวกายของชายผู้นั้นสามารถเปล่งแสงออกมาได้ ขับให้ร่างของเขาเด่นชัดในราตรีกาลแบบนี้


“เจ้า……” ไทนอสไม่รอช้าเมื่อเห็นศัตรูเก่า ลูกปืนหลายชุดถูกยิงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถือเป็นการต้อนรับที่ดี” เพียงแค่เขาสั่งการ ปีกน้อยๆเหล่านั้นก็พาให้เขาหลบหลีกไปทางนั้นทางนี้ดั่งใจนึก กระสุนทั้งหลายแทบจะไม่สัมผัสเขาเลย

รอยแผลจากครั้งก่อนยังชัดเจน มันนูนออกมาเป็นแผลเป็นที่ยากจะเลือนหาย ทั้งขา แขน และลำคอ มันช่างทำงายความสวบงามของร่างอันสมบูรณ์ของเขานัก และนั่นมันทวีความแค้นให้ผู้ที่กระทำเป็นอย่างยิ่ง ปีกคู่เล็กเร่งกระพือพาตัวเขาร่อนเข้าหาเกรย์ ที่กำลังถูกชีวาสทำร้ายอยู่

เข็มพิษสิบเล่มถูกกำไว้ในมือ เขาขว้างมันออกไปเมื่อเข้าใกล้ระยะ ฮีลที่เห็นเหตุการณ์ร้องตะโกนเตือน แต่เกรย์เองมัวแต่ป้องกันตนจากไม้เท้าของชีวาสอยู่จึงไม่ระวัง



เข็มทั้งสิบพุ่งใกล้เข้ามา



“อย่ามายุ่ง…..นี่มันเรื่องของข้า” ชีวาสตะโกนบอก

เข็บนับสิบที่ขว้างไปกลับถูกสายลมแรงพัดเสียกระจายกันไปเสีย



ปัง



กระสุนนัดหนึ่งฝังเข้าที่ต้นขาของศัตรูหน้าเก่าโดยที่เขาไม่ทันระวัง ทำเอาเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อาการปาดเจ็บครั้งก่อนยังไม่คลายดี ทั้งๆที่หัวหน้าของเขาเตือนไว้แล้วแต่ตนกลับแอบหนีออกมาทำหน้าที่ของตนเองต่อ


เข็มพิษอีกชุดถูกขว้างออกไปทางไทนอส ต่างฝ่ายต่างใช้อาวุธระยะไกลผลัดกันรุก รับ เวลาฝ่านไปพอควรก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรกันได้

“เก่งนักใช่ไหม” ศัตรูหน้าหยก เห็นท่าไม่ดีเขาตัดสินใจพุ่งเข้าสู้ระยะประชิด และนั่นคงทำให้เขาได้เปรียบบ้าง


และนั่นก็เป็นความจริง ไทนอสเองไม่ได้เก่งกาจในการต่อสู้ระยะประชิดนัก เพียงหมัดแรกเขาก็โดนซัดจนล้มไปเสียแล้ว ทำเอาอีกคนกระหยิ่มในความสำเร็จหมายจะตามซ้ำ




“The strength”




ก่อนที่ไทนอสจะถูกกำปั้นตะบันหน้าอีกครั้ง ก็มีมือเล็กๆของแอลมาขวางไว้เสียก่อน

เทพผู้รุกรานมองอย่างไม่เชื่อสายตา ถึงแม้เขาเองจะไม่ได้มีร่างกายที่ใหญ่โตนัก แต่ก็นับได้ว่าใหญ่กว่าเจ้าหนูหมอดูนั่นเป็นแน่ แรงจากกานที่ถูกรับหมัดได้แบบนี้ ย่อมไม่ธรรมดา


“มาเล่นกับข้าดีกว่า” แอบปัดเอาหมัดออกไปตั้งการ์ดขึ้นอย่างเชี่ยวชาญ สายตาจ้องมุ่งไปหาอีกคนอย่างท้าทาย
















“หยุดนะชีวาส”



อีกฝั่งหนึ่งเกรย์กับฮีลต่างตั้งรับ ชีวาสอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่ไม่อยากจะโต้กลับ เพียงแต่ชีวาสดูเก่งขึ้นมาก เวทชนิดใหม่ๆที่ยังไม่เคยเห็นถูกนำมาใช้เสริมพลังให้ชีวาสมีความสามารถเพิ่มพูน ไหนจะวิชาต่อสู้นั่นอีก เกรย์จำได้ว่าตอนที่อยู่นครบารอนด้วยกันเป็นเขาเสียอีกที่ต้องสอนการต่อสู้ให้

เกรย์จึงทำได้เพียงตั้งรับอย่างระวังตัว โดยมีฮีลของเสริมพลังให้อีกที



ยิ่งตอนนี้ชีวาสใช้เวทสายลมพยุงร่างกายของเขาให้ล่องลอยไปมาอย่างเสรี ยิ่งเพิ่มทิศทางการโจมตีได้รอบทิศ เกรย์กับฮีลก็โดนฟาดกันไปตามๆกัน


“โอ๊ย”


ฮีลร้องขึ้นเมื่อถูกไม้เท้าฟาดเข้าที่หัวเต็มๆ เกิดแผลเปิดเผยเห็นเนื้อสีแดงและโลหิตเหลวไหลซึมผ่านใบหน้าลงมา ทำเอาเกรย์ซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันตกใจ

ฮีลคว้าเอาน้ำยามาอีกขวดหนึ่งรีบราดลงบนบาดแผลของอีกคน เกรย์บอกปัด กะให้เขารักษาตนเองก่อน แต่ฮีลไม่ฟัง เขาจัดการจนน้ำยาในขวดหมดเกลี้ยง

“ขวดสุดท้ายแล้ว” เจ้าตัวบอก พร้อมออกตัวว่าจะเป็นคนรั้งชีวาสไว้ให้เกรย์รีบหนีไป

แต่ไม่ทันที่เกรย์จะตอบปฏิเสธ ชีวาสก็โผล่เข้ามาฟาดเสยเข้าที่ปลายคางของฮีลกระเด็นไปอีกทาง ชีวาสตวัดไม้อีกหลายครั้ง ส้รางบาดแผลให้หมอหนุ่มนับสิบ


“ชีวาส”


เกรย์ตะโกนดัง ทำเอาชีวาสหยุดสนใจกับร่างของฮีลที่หมดสตินอนนิ่งอยู่หันไปสบตากับเป้าหมายที่แท้จริง


“เจ้าเป็นใครกันแน่…..”


ชีวาสยิ้มแสยะ

“ข้าคือ ชีวาส และไทนอสเป็นของข้า” พูดจบชีวาสก็พุ่งเข้าหาเกรย์ทันที แต่ก่อนจะเข้าถึงตัวชีวาสกลับขยับตัวไม่ได้ เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ จะหายตัวก็ทำไม่ได้อีก

“เจ้าทำแบบนี้ทำไม” เกรย์ถามต่อ โดยไม่ยอมละสายตาสะกดไปยังชีวาส

ชีวาสยิ้มอีกครั้ง

“ข้าแค่อยากลงโทษ เจ้าหัวขโมย….อ้อ แล้ววิชานี้ของเจ้าน่ะ จะใช้ได้นานสักเท่าไรนักเชียว” เขายิ้มอย่างสบายใจ เมื่อรู้ว่าวิชาสะกดของเกรย์นั้นหากเจ้าตัวไม่รีบจัดการศัตรูขั้นเด็ดขาด ก็ไม่น่ากลัวอะไร ซึ่งแน่นอน ชีวาสมั่นใจว่าเกรย์ไม่มีทางทำอะไรเขาเป็นแน่

เกรย์จ้องอีกคนไม่วางตา ตาข้างซ้ายของเขาแปรเป็นสีขาวขุ่นทั้งหมด และเริ่มวิเคราะห์ดวงวิญญาณ แต่ผลที่ได้ก็เหมือนที่แอลบอกไว้ คนๆนี้ คือชีวาสไม่ผิดแน่นอน

“เอ้า รีบทำอะไรเข้าสิก่อนที่ข้าจะทำให้เจ้าหมอบไปเหมือนเจ้าหมอเถื่อนนั่น”

เกรย์เองเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อยถูกอย่างที่ชีวาสว่า วิชานี้ของเขากินพลังวิญญาณมากพอดู ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่างคงแย่

แหลมกระดูกถูกควักออกมาจากแขนอีกครั้ง เกรย์กล่าวขอโทษในใจและปักมันลงที่ต้นขาทั้งสองอย่างแรง เสียงกรีดร้องของทั้งสองดังขึ้นประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

“ต้องแบบนี้สิ เอาอีกสิ เร็วเข้าก่อนที่ข้าจะหุดออกไป”

แหลมกระดูกอีกสองอันถูกเรียกมาและปักลงที่ต้นแขนทั้งสอง เสียงร้องดังขึ้นอีกครั้ง เลือดของทั้งสองไหลรินลงมามากมาย จนมันดูคล้ายแอ่งเลือดขนาดย่อม เกรย์โงนเงนไปมาอย่างเลื่อนลอย ตาของเขาเริ่มพล่าเลือน ก่อนที่พลังผนึกของเขาจะตัดไป ปล่อยให้ชีวาสเป็นอิสระ

“ทำแสบนักเจ้า” ชีวาสสบถ

แต่การกระทำของเกรย์ใช่จะไรประโยชน์ ทั้งแขนแลละขาของชีวาสเองก็ถูกจัดการไปเสียแล้ว แค่จะขยับไปมายังทำไม่ได้

“เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้หรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชาสเร่งพลังเวทขึ้นอีกครั้งปล่อยสายฟ้าเข้าไปยังก้อนผลึกขนาดใหญ่ที่ใกล้ตัวจนมันหักล้อมลง ขึ้นต่อไปสายลมต่างพากันโอบล้อมก้อนผลึกนั้นผลักให้ลอยขึ้นช้าๆและเคลื่อนมาจนอยู่เหนือร่างที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อนนั้น



“ลาก่อน เกรย์”





ตึง
























‘ไอ้ตัวเล็กนี่เก่งใช่ย่อย’



ศัตรูหน้าเก่าหลบฉากถอยออกมาเว้นระยะไว้เพื่อกันตัวจากหมัดหนักๆที่ช่างขัดกับตัวของแอลยิ่งนัก และนั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาตัดสินใจผิด เมื่อห่ากระสุนจากไทนอสระดมยิงเข้าทันทีที่ห่างจากแอล


เขาโฉบเอียงตัวหลบนัดแล้วนัดเล่า ซัดเข็มพิษตอบโต้กลับไปบ้างมองหาโอกาสเข้าประชิดอีกครั้ง


‘คงต้องจัดการเจ้าคนยิงปืนนั่นเสียก่อน’





แต่โอกาสอันนั้นคงไม่มีเสียแล้ว เม็ดแสงเล็กๆค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละจุดจนปกคลุมทั่วบริเวณนี้ไว้อีกครั้ง

“The star”

แอลชูไพ่รูปดาวขึ้นเหนือหัว มือที่จับนั้นสั่นรัว เขาเสียพลังไปเยอะมากแล้วในวันนี้ ไหนจะใช้ The strength เพิ่มกำลังอีก ทำให้กล้ามเนื้อของเขาทำงานอย่างหนักในชนิดที่ไม่เคยมาก่อน นั้นทำให้เกิดอาการอ่อนล้าตามมา

“ท่านไทนอสเร็วเข้า”

กระบอกปืนที่เล็งไปทางเป้าที่ลอยอยู่กลางอากาศไหวปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปมาชั่วครู่แล้วหยุดนิ่ง ไทนอสเล็งจุดบอดที่ไร้กลุ่มดาวบดบังแนวกระสุนได้ เขาลั่นไกออกไป


‘ได้ผล’


กระสุดพุ่งเข้าตรงกลางอกขาวนวล เลือดของเขาทะลักไหลเปื้อนผ้าสีขาวนวลที่ปกปิดร่างกาย เขาเซไปมาก่อนจะร่วงลงพื้น สัมผัสเข้ากับละอองดาว



เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง



ทั้งสองค่อยๆก้าวย่างเข้าไปดู ร่างของอีกคนนอนนิ่งไม่ไหวติง แขนที่ขาดออกไปหนึ่งข้างจากแรงระเบิดกระเด็นหายไป แผลกลมๆกลางหน้าอกยังคงมีเลือดไหลรินออกมา ลมหายใจของเขาค่อยๆเบาลงๆ



จนเงียบไปในที่สุด



แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือตรวจให้แน่ใจ เสียงหัวเราะของชีวาสก็ดังขัดขึ้นมาก่อน ทั้งสองจึงรีบเบนหน้าไปช่วยเกรย์อีกด้านแต่ภาพที่เห็นทำเอาพวกเขาแทบหยุดหายใจ เมื่อเห็นก้อนผลึกก้อนใหญ่หล่นทับร่างของเกรย์ที่นอนอยู่ที่พื้นนั้นเสียงดังลั่น


ตึง


ชีวาสเองได้แต่หัวเราะอย่างสะใจ แอลและไทนอสรีบวิ่งเข้าไปผลักก้อนผลึกนั้นออกไปหวังว่าเกรย์คงไม่เป็นไร แต่ทั้งหมดก็ต้องแปลกใจ เมื่อข้างใต้นั้นกลับไม่มีอะไรอยู่เลย





จะมีก็เพียงหมาป่าที่มีร่างของเกรย์อยู่บนหนังที่บุไปด้วยขนสีขาวนุ่มๆก็เพียงเท่านั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
« ตอบ #189 เมื่อ: 18-01-2010 20:39:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
«ตอบ #190 เมื่อ18-01-2010 20:57:52 »


แอร๊ยยย ชนนะเคอะ Tifa เค้าได้ แจ๊คโพดำ กับ เก้าโพดำ เด้งๆ นะฮ้า



ต่อยมันอีกเลยสิ น้องตุ้ม เอ๊ย น้องแอล เอาให้ปีกมันหัก ไปเล้ยยยยยย



ปล. เกรย์ เธอ ช่าง "อึด" นัก  :-[

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
«ตอบ #191 เมื่อ19-01-2010 13:07:36 »

แอร๊ยยยยย หนูแอล เก่งมาก  เลิศเลอที่สุด ว่าแต่ตัวแอลมันแค่ไหนเนี่ย -*-  แต่ไม่เป็นไรแค่นี้ก็น่ารักจะแย่แล้ว   :man1:

อ้างถึง
ต่อยมันอีกเลยสิ น้องตุ้ม เอ๊ย น้องแอล

ป้า มองอย่างไง ไปตัดแว่นเพิ่มได้แล้วนะ  :m16:

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 30 18/1/10)
«ตอบ #192 เมื่อ19-01-2010 14:55:32 »

แอล  o13


ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #193 เมื่อ28-01-2010 00:56:20 »

แอร๊ยยย ดังๆ


เรียกคะแนน น้องแอลกลับมา












บทที่ 31







“เอสเปอร์”


ทั้งแอลและไทนอสต่างตกใจเมื่อเห็นว่าใครที่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้อย่างถูกจังหวะ ผสมกับความยินดีที่ได้รู้ว่าเขายังไม่ได้ตายจากไป ไม่เพียงเท่านั้นขณะที่เอสเปอร์เบี่ยงตัวหลบพลังเวทของชีวาส ทั้งสองต้องตะลึงไปอีกครั้งเมื่อพบว่าใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเอสเปอร์




“ชีวาส”

ชีวาสอีกคนหงายฝ่ามือรับเอาพลังเวทที่ยิงมา เขาปล่อยให้มือของเขาไหลไปตามแรงกระแสก่อนที่จะเหวี่ยงเปลี่ยนทิศให้พุ่งไปยังเจ้าของผู้ร่าย



เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง



ชีวาสลอยตัวหลบแรงระเบิดออกมาได้เฉียดฉิว แต่ก็ถูกสายลมจากฟอกซ์ เจ้าหมาป่าของเอสเปอร์เล่นงานเข้า แต่พอที่เขาจะยิงเวทเข้าใส่ก็ถูกลูกไฟขนาดใหญ่ขว้างใส่เต็มๆ

ทั้งแอลและไทนอสต่างมองอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงมีชีวาสสองคนได้ แล้วคนไหนคือตัวจริง แอลเองยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าไพ่ที่เขาเปิดออกมาทั้งสองครั้งต่างก็เป็นไพ่ประจำตัวของชีวาสทั้งสองครั้ง

“เจ้าโง่…..ช่วยสองคนนั่นเร็วเข้า” เอสเปอร์ที่ยังโจมตีชีวาสด้วยมีดสั้นตะโกนบอกเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนมองอยู่เฉยๆ ไทนอสพยักหน้ารับรู้รีบพาแอลเข้าไปรักษาคนเจ็บทั้งสอง




ชีวาสทั้งสองต่างผลัดกันร่ายเวทออกมาประมือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเวทขั้นต้นจนถึงระดับมหาเวท แต่ทางฝ่ายมาใหม่มีเอสเปอร์ร่วมสู้ด้วย ซึ่งคนที่อยู่ลำพังคงยากที่จะรับมือได้

“จะทำอะไรก็รีบเข้า ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ชีวาสผู้มาใหม่บอกคู่หู ด้วยสีหน้าที่แสดงความอ่อนล้า การใช้พลังเวทต่อเนื่องแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อเขาเท่าไรนัก

“เจ้าพูดไม่เพราะเลยนะ ไหนลองพูดใหม่ซิ….ข้าสอนว่ายังไง” เอสเปอร์พูดกวน เขาชอบใจที่เห็นชีวาสทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมทำตามเขาอยู่ดีนั่นล่ะ

“อะไรนะ ข้าไม่เห็นได้ยินเลย” เอสเปอร์ย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นปากชีวาสอ้าขึ้นลงเหมือนจะออกเสียง แต่ก็เบาเสียเหลือเกิน

“โอ้ย ก็ได้ๆ” ชีวาสบ่นอย่าหงุดหงิด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบังคับให้เขาทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่เถียงไปก็คงต่อปากต่อคำกับไอ้คนเถื่อนเอสเปอร์ไม่ได้อยู่ดี

เขาเรียกหนังสือปกดำออกมาจากมือ กางวงเวทออกมาให้พลังเวทไหลเวียนไปเกิดแสงสีฟ้าอ่อนไหววูบวาบ ชีวาสอีกคนเห็นอย่างนั้นจึงหายตัวเข้ามาใกล้เงื้อไม้เท้าเตรียมหวดคนหน้าเหมือนกัน

“เร็วสิ…..ครั้งนี้ข้าช่วยฟรีแต่ครั้งหน้าไม่มีแล้วนะ” เอสเปอร์คว้าเอวชีวาสที่กำลังฟาดไม้เท้าเหวี่ยงออกไปจากระยะจู่โจม ทำให้ชีวาสที่ร่ายเวทอยู่ปลอดภัย

“ว่าไง…..ที่รัก” เอสเปอร์ถามต่อ แต่แขนทั้งสองของเขายังไม่ยอมปล่อยชีวาสอีกคนที่กำลังดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมกอด

“…….” และนั่นทำให้ชีวาสยิ่งไม่มีสมาธิในการท่องมนต์ ภาเห็นเจ้าชายเถื่อน กอดรัดตัวเองแบบนี้ยิ่งทำให้เขาคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องที่ผ่านมา

“ว่าไง….ที่รัก” เอสเปอร์ย้ำอีกครั้ง เขาไม่พูดเปล่าแต่กลับหอมเข้าฟอดใหญ่ที่แก้มของชีวาสที่อยู่ในอ้อมแขน ทำเอาทั้งสองชีวาสหน้าแดงไปตามกัน

“พี่เอสเปอร์…..ช่วย……ช่วย…น้องด้วย”

“ก็เท่านั้น” เอสเปอร์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เขาเรียกอสูรมายาตัวใหม่ออกมาแทนที่ฟอกซ์เมื่อเห็นชีวาสในอ้อมกอดเริ่มที่จะร่ายเวทออกมาอีกครั้ง

“ไม่มีประโยชน์น่า อยู่นิ่งดีกว่า” เอสเปอร์ไม่พูดเปล่าฉวยโอกาสหอมแก้มจอมเวทหนุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวงเวทที่สร้างเมื่อสักครู่ได้จางหายลงไป

ถึงแม้ว่าชีวาสจะเรียกพลังเวทใหม่สักกี่ครั้ง กลับถูกเจ้าอสูรมายาตัวใหม่กลืนหายไปจนสิ้น

“เจ้าคนฉวยโอกาส” ชีวาสที่กางหนังสือร่ายเวทอยู่อดด่าเอสเปอร์เสียไม่ได้ที่เห็นเขาล่วงเกินอีกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่นจนแก้มนั้นออกสีแดงเรื่อๆจากการกดขยี้

“อะไรกัน…..เจ้าหึงข้ากับตัวเองหรอกหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะของเอสเปอร์ทำเอาชีวาสไม่พอใจ เขาไม่ได้หึงสักหน่อย เรื่องอะไรต้องไปหึงคนแบบนั้น

“ข้าไม่ได้….”
“เอ้า เร็วเข้าสิ จะทำอะไรก็ทำ”

ยังไม่ทันที่ชีวาสจะตอบโต้ไปว่าไม่ได้คิดอะไร เอสเปอร์กลับขัดคอเข้าเสียก่อนทำเอาชีวาสหงุดหงิดขึ้นไปอีก เขาขมวดคิ้วเข้าหากันจนมันจะชนกันให้ได้ ทำเอาเอสเปอร์หัวเราะดังเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจ

ชีวาสรีบท่องมนต์ต่อ เขาพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจคำพูดของเอสเปอร์ที่ลอยเข้ากระทบหูเขาเป็นระยะ ซึ่งนั่นก็ต้องใช้ความอดทนมากพอดู และในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ เส้นแสงสีทองค่อยๆไหลเลื่อนออกจากวงเวทเลื้อยไปตามอากาศตรงเข้าหาชีวาสอีกคนอย่างช้าๆ เอสเปอร์ปล่อยแขนของตนออกปล่อยให้ชีวาสที่ทำหน้าตื่นเป็นอิสระ

“เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะชีวาส…..เจ้าหลอกข้าไม่ได้…..ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร” ชีวาสหน้าตื่นร้องบอกชีวาสอีกคน “ไม่มีใครรู้ใจเจ้าไปกว่าข้า เราร่วมมือกันได้”

ชีวาสผู้มาใหม่หยุดชะงัก คิดถึงความจริงในข้อนี้ เขาเองต้องยอมรับว่ารู้สึกเช่นเดียวกัน

“อย่าลังเล ชีวาส……เจ้าคิดจะผิดสัญญาของข้าหรอ” เอสเปอร์เดินเข้าไปหาชีวาสทำหน้าดุ แน่นอนก่อนที่จะมาที่นี่ทั้งสองได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และชีวาสเองก็รับปาก ดังนั้นเขาไม่ยอมแน่หากจะปล่อยให้เจ้าตัวร้ายนี่หลุดมือไป

ชีวาสถอนหายใจเสียงดังอย่างเสียดาย ใจหนึ่งก็อยากจะทำตามใจของตน แต่เมื่อมองสายตาของคนเถือ่นตัวใหญ่นี่ก็ชักหวั่น เกรงว่าชีวิตเขาคงไม่ได้อยู่ดีแน่หากผิดคำพูดที่ให้ไว้



อีกอย่า ตัวเขาเองก็ยังเป็นหนี้เจ้าคนเถื่อนคนนี้อยู่




“ไม่นะ ชีวาส ไม่” ชีวาสที่ตกอยู่ในวงล้อมของเวทร้องขอ



“กลับไปเถอะ”



“ไม่”



สิ้นเสียงบรรดาเส้นสายสีทองต่างพุ่งเข้าพัธนาการชีวาสไว้ มันพากันขมวดปมกลิ้งไปมากลางอากาศจนกลายเป็นใจไหมที่มีแกนกลางเป็นชีวาส


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” พวกของไทนอสที่เดินเข้ามาถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ลืมที่จะถืออาวุธเตรียมท่าไว้

“ตามมาสิ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง” เอสเปอร์ไม่สนใจเดินจูงมือชีวาส(ที่ทำท่าจะสะบัดมือออกแต่สู้แรงไม่ได้)ไปทางทะเลสาบ





แอลกับไทนอสเดินตามไปโดยทิ้งระยะห่างไว้พอควร ตามมาด้วยฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้อย่างห่วงใย แม้ไทนอสจะรับปากว่าจะอุ้มให้เมื่อเห็บาดแผลของฮีล แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธและยืนยันที่จะดูแลเกรย์เอง

“มองลงไปสิ” เอสเปอร์บอกให้ทั้งหมดจ้องลงไปที่ผืนน้ำ โดยอาศัยแสงจากลูกไฟที่ชีวาสเสกขึ้นมาทำให้เห็นภาพสะท้อนของคนทั้ง 5 แอลที่ยืนอยู่ริมสุดถัดมาเป็นไทนอสที่เกาหัวอย่างไม่เข้าใจ ตามมาด้วยฮีลที่อุ้มเกรย์ไว้และสุดท้าย เอสเปอร์………




แต่ไม่มีชีวาส




“ชีวาส…..เจ้าไม่มีภาพสะท้อน” เกรย์ที่คิดได้ก่อนกล่าวอย่างอ่อนแรง จากความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้

ชีวาสพยักหน้า เขาบังคับกลุ่มก้อนเส้นแสงเข้าใกล้ผิวน้ำให้มากขึ้น และกดให้จมลงไป จมลงไป

คลื่นน้ำค่อยๆกลับมานิ่งสงบเหมือนเดิม เผยให้เห็นภาพสะท้อนของคน 6 คนที่ยืนอยู่ริมน้ำ



ภาพสะท้อนของชีวาสกลับมาแล้ว




“ผืนน้ำแห่งนี้สามารถสะท้อนตัวตนของคนได้…..”ชีวาสเริ่มอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของทุกคน

“หมายถึงความต้องการลึกๆในใจ……สิ่งที่ตัวตนต้องการ….มากที่สุด” เขาอธิบายต่อไปบอกเล่าเหตุการี่ตนเองเห็นภาพไทนอสและเกรย์นอนเกยกันที่ริมน้ำ และนั่นทำให้ความปารถนาของเขาคือการแย่งชิงไทนอสกลับคืน


ไม่นานนักเงาสะท้อนของทุกคนต่างเริ่มเคลื่อนไหว เกรย์เป็นคนแรกที่กระโดดลงจากอ้อมแขนฮีลรี่เข้าหาไทนอส แต่ยังไม่ทันที่เกรย์จะถึงตัวไทนอส

ทั้งไทนอสและแอลต่างหันหน้าเข้าหากันแล้วสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ไทนอสโอบเอาร่างเล็กนั่นเข้าแนบกับอกของเขา มือข้างหนึ่งกระชับเข้ากับเอว อีกข้างได้โน้มหัวของคนตัวเล็กเข้าไว้กับอกของเขาพร้อมกับก้มลงสูดกลิ่นผมนุ่มละเอียดนั้นอย่างเต็มปอด

ถึงแม้แสงไฟจากเวทของชีวาสจะไม่สว่างมากนักแต่ทุกคนก็พอจะมองออกว่าบัดนี้เงาของเกรย์นั้นสั่นไหวเหมือนเขากำลังร้องไห้อยู่ โดยมีฮีลช่วยปลอบเขาไว้


ส่วนเงาของชีวาสนั้นตั้งท่าร่ายเวทเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็มีเงาของเอสเปอร์ทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ

“เอาล่ะพอได้แล้วเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก” เสียงของเอสเปอร์ดึงสายตาของทุกคนกลับมา

“ข้าง่วงแล้วกลับไปพักกันได้…..อ้อแล้วพวกเจ้าสี่คนน่ะ พักที่เดียวกันนะ ข้ากับชีวาสจะอยู่กันสองคน” เอสเปอร์ออกคำสั่งพร้อมกับดึงชีวาสเข้ามาโอบไว้ ชีวาสได้แต่โวยวายใช้มือผลักออกหนี แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนชายเถื่อนจะออกแรงแขนมากขึ้นไปอีก ไหนจะสายตาเข้มดุที่ส่งมาทำให้ชีวาสยอมไปแต่โดยดี



“เอ่อ….พวกเราก็กลับกันเถอะ” ไทนอสที่ยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยขึ้นบ้าง

“พวกเจ้าไปก่อนเถอะ ข้ายังไม่ง่วง” เกรย์บอกเสียงสั่น

“แต่เจ้าเจ็บอยู่” ไทนอสมองอย่างเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร มีฮีลดูอยู่” เกรย์ออกปากไล่ไทนอสไปอีกครั้ง แม้ไทนอสจะพยายามเท่าใดก็ไม่เป็นผล ไทนอสและแอลจึงยอมกลับเข้าที่พักแต่โดยดี ปล่อยให้ฮีลและเกรย์อยู่ที่ริมผืนน้ำแห่งกระจก

ทั้งแอลและไทนอสต่างเดินกลับเข้าที่พักอย่างเงียบๆ ภาพที่ทั้งสองเห็นช่างรบกวนจิตใจพวกเขา แอลเองก็แอบมองไทนอสรอดูท่าทาง แต่ทางไทนอสเองก็เก็บอาการเก่งเสียเหลือเกิน จนเวลาล่วงเลย





“เจ้าจะนอนเลยไหม” ไทนอสเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าได้เวลาแก่การพักผ่อนแล้ว

“….” แอลพยักหน้าก่อนที่จะลงมือดับไฟในตะเกียง








อีกทางหนึ่ง ฮีลเองรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ค่อยๆไหลรินลงบนกลางอกของเขา ที่ตอนนี้เกรย์ใช้เป็นที่เช็ดน้ำตา เสียงสะอื้นของเกรย์ดังขึ้นมาเป็นช่วงๆ ชายหนุ่มตัวใหญ่ได้แต่ลูบหัวปลอบใจอย่างที่ทุกครั้งเขาเคยได้ทำ

คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง ทั้งๆที่อยากจะร้องไห้เหมือนกันที่เห็นเงาของเกรย์ปรารถนาไทนอสถึงขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นเกรย์เสียใจแบบนี้คงไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะมาร้องไห้เป็นคู่กัน เขาควรจะแข็งแกร่งเพื่อให้อีกคนได้พึ่งพิงต่างหาก


“เจ้าอย่าคิดมากสิ เรื่งนี้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” ฮีลพยายามหาข้ออ้างมาหว่านล้อม

“ไทนอสเขาดีต่อเจ้าจะตายไป เจ้าก็เห็นที่ผ่านมา……”



“นั่นเพราะเจ้าทำอะไรบางอย่างน่ะสิ ฮีล” เกรย์สวนกลับมาในทันทีทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม



ทั้งเขาทั้งฮีลและไทนอสต่างรู้ดีว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร เกรย์เองไม่ได้โง่ที่จะไม่รับรู้เหตุการณืที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับไทนอส แต่เป็นเขาเองที่ปิดหูปิดตาตนเอง หลอกตัวเองไปวันๆเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ผู้เป็นที่รัก


โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือบ่วงที่ค่อยๆรัดคอเขาแน่นขึ้นทุกวัน


และสุดท้ายคนที่จะต้องเสียใจก็คงไม่ใช่ใครอื่น ก็คงเป็นคนโง่ที่หลอกตัวเองไปวันๆ





เหมือนเขาคนนี้


“พอแล้วฮีล…….หมดเวลาของข้าแล้ว”









“หมดเวลาของข้าแล้ว”

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #194 เมื่อ28-01-2010 17:01:22 »

หมายความว่าไงง่ะ อย่ามีใครตายนะ ไม่เอา เราไม่เอา   :serius2:

แต่ถ้าจะยก ไทนอส ให้ หนูแอล ก็ว่าไปอย่าง แบบนี้เอาอะ   :z1:

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #195 เมื่อ28-01-2010 22:42:09 »

เร้าจวยเป็นที่สุด   :fire:


ฮีลเป็นวิญญาณเรอะ!!   o22

ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #196 เมื่อ28-01-2010 23:56:51 »

 o13 มันส์พยะค่ะ  :impress2:

ถูกฝังถูกฝาสีกที   


เอสเปอร์น้ำยาช่างแรงดีแท้  ทำเอาชีวาสโงหัวไม่ขึ้น  :z1:

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #197 เมื่อ03-02-2010 15:01:16 »


อะไรกันเนี่ย อลหม่าน อลวน อลเวง เสียยิ่งนัก

เอสเปอร์ ดูดขวด ชีวาส เลยสิเคอะ อิเคะอิเมะ อิเคะอิเมะ  :jul3:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 31 28/1/10)
«ตอบ #198 เมื่อ04-02-2010 09:50:42 »

WoW!!!!!!!  แนว Fantasy !!!!!!!!!!   :z1:   ต้องอ่านๆ (ไมกุเพิ่งเห็นฟระ?!)   :z2:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
«ตอบ #199 เมื่อ04-02-2010 21:51:52 »

แอร๊ยยยย ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ค้าาาาาา

เรื่องนี้ก็วุ่นๆแบบนี้ล่ะค่ะ ตอนจบก็กะจะให้สวิงกิ้งกันเลยท่าจะมันพิลึก คริๆ












บทที่ 32








หอคอยแงสายฟ้าตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพวกเขาผู้เดินทางจากแดนไกล จุดหมายที่ทุกคนต่างเฝ้านับวันให้ถึง จุดหมายที่เป็นจุดจบของคำสาป คำสาปที่พวกเขาได้ก่อเอาไว้ ไทนอสมองยอดสูงของหอคอยนั้นอย่างมุ่งมั่น นานเท่าไรแล้วที่พวกเขาได้ออกเดินทางจากบ้านเมืองอันเป็นที่พักพิง และอีกไม่นานทุกคนก็จะได้กลับบ้าน


“เจ้าแน่ใจว่าถูกที่แน่นะ” ชีวาสออกปากถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำเอาคนที่ได้ยินเย็นวาบไปอย่างเคยทุกครั้ง

“ท่านชีวาส……ข้าแน่ใจว่าถูกต้อง ไพ่ของข้าไม่เคยโกหก” แต่ถึงกระนั้นแอลกลับตอบไปอย่างฉะฉาน อีกทั้งยังมองตาอย่างท้าทาย ทำเอาทุกคนสงสัยไปตามๆกัน หลังจากชีวาสกลับมาดูท่าทางแอลจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ไม่เอาน่าชีวาส เจ้ามาหาข้านี่” เอสเปอร์รีบดึงตัวคนอารมณ์ร้อนให้ห่างจากหมอดูหนุ่มเมื่อเห็นประกายไฟเล็กๆในแววตา…..หากปล่อยไว้ล่ะก็ได้เกิดเรื่องกันอีก ชีวาสส่งเสียงไม่พอใจ เพียงแค่เอสเปอร์ส่งสายตาดุไป ชีวาสก็เริ่มเงียบลง

“ชิ…..เมื่อไรจะหมดเรื่องเสียที จะได้กลับบ้านกลับเมือง” ชีวาสอดบ่นเสียไม่ได้ นับตั้งแต่เขาและไอ้เจ้าเถื่อนตกลงไปยังรอยแยกนั้น เขามักถูกไอ้เถื่อนคนนี้ดักคอไว้เสมอ……ไหนจะมีเรื่องที่เอสเปอร์ได้…….

เอสเปอร์มองชีวาสพลางอดยิ้มเสียมิได้ กับท่าทีหงุดหงิดแบบนั้น กับคำพูดแบบนั้น ชีวาสจะเป็นอย่างไรนะถ้ารู้ว่า ถึงแม้เรื่องราวการเดินทางในรั้งนี้จบลง แต่เรื่องราวของเขาและจอมเวทหนุ่มนั้นมันต้องมีตอนต่อไปอีก





‘ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก……ชีวาส’









ทั้งไทนอสและเอสเปอร์ต่างเห็นพ้องกันว่าควรพักผ่อนเอาแรงเสียก่อนที่จะบุกเข้าไปในหอคอยนั้น ไหนจะเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ พวกเขาต้องการเตรียมพร้อมก่อนที่จะดำเนินการต่อไป เพราะพวกเขาต้องทำให้สำเร็จ หากล้มเหลวนั่นหมายถึงชีวิตจำนวนมากต้องจบลงไป




ระหว่างที่ไทนอสกับเอสเปอร์สองผู้นำนครกำลังปรึกษากันอยู่นั้น เกรย์ผู้ที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บได้ลอบมองอยู่ห่างๆ นับจากชีวาสกลับมาไทนอสเองก็ไม่ได้มาดูแลเขาอย่างเดิมอีกต่อไป



ไม่สิ



เขาเป็นคนบอกไทนอสเองต่างหาก……จะมีประโยชน์อะไรหากมันต้องฝืนใจ ในเมื่อหัวใจของไทนอสไม่ได้อยู่ที่เขา…….แต่หัวใจของเขาล่ะ อยู่ที่ไหนกัน

เกรย์ยังจดจำวันนั้นได้ วันที่เขามองไทนอสเดินหันหลังจากไป…..ไปสู่อ้อมกอดอีกคนหนึ่ง รอยยิ้มแห่งความปิติที่ทั้งสองต่างเติมเต็มให้กันนั้นทำให้ใจของเขาชุ่มชื้นไปด้วยความรักที่สัมผัสได้…..แต่อีกใจลึก กลับรู้สึกปวดร้าวกับรักที่กลับมาทำร้าย

น้ำตา…….เจ้าเป็นเพื่อนแท้ของข้าหรืออย่างไร เจ้ามาให้ข้าพบทุกราตรี ไม่มีวันใดที่เจ้าไม่มาเยือน เจ้าคงเห็นว่าข้าคงจะเหงาสินะ……..แต่ก็ดีที่ข้ามีเจ้า……เพราะไม่อย่างนั้นข้าคงจมอยู่กับความเหงา



ให้มันกัดกินใจไปทีละน้อย



ทีละน้อย





“ได้เวลากินยาแล้ว” ฮ๊ลทักคนตัวผอมข้างหน้า แล้วก็เหมือนเดิมเกรย์รีบยกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาเร็วๆ แล้วหันมารับน้ำยาในขวดกรอกเข้าปากไปรวดเดียวหมด

“กลับไปนอนเถอะ เจ้าเหนื่อยมากแล้ว” ชายหนุ่มดึงเอาอีกคนให้ออกเดินไปตามแรง เกรย์เองออกแรงขืน แต่คงสู้แรงของหมอตัวใหญ่ไปเสียไม่ได้

“นอนเสีย” ฮีลจัดแจงคลุมผ้าให้เกรย์อย่างเบามือ อากาศเริ่มจะเย็นแล้วเขากลัวว่าเกรย์อาจหนาวจนเกิดโรคแทรกเข้ามาอีก เกรย์พยักหน้ารับคำพร้อมกับหลับตาลง เผยให้เห็นคราบน้ำตาและความบวมเป่งรอบดวงตาคู่เศร้า ฮีลอดใจไม่ไหวที่จะบรรจงเช็ดหยดน้ำตาหยดเล็กที่เริ่มปริ่มออกมาทางหางตาอีกครั้ง

แต่เกรย์เบือนหน้าหนีไปอีกทางเสีย ทำเอาฮีลน้อยใจไปอีก

“ให้ข้าดูแลเจ้าเถอะเกรย์” ฮีลรู้ว่าคนที่นอนอยู่ยังไม่ได้หลับ เพียงแค่แกล้งหลับตาเท่านั้น

เกรย์ยังนิ่งไม่ตอบรับต่อคำถามของฮีล

“เจ้าอย่าทำแบบนี้เลยเกรย์ รู้ไหมว่าข้าเองก็เจ็บปวด” ฮีลล้มตัวลงนอนข้างคนตัวผอม เขาเอื้อมมือผ่านร่างของเกรย์ไปแล้วรวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

และนั่นทำเอาเกรย์ตกใจไม่คิดมาก่อนว่าฮีลเองจะกล้าทำถึงขั้นนี้ เขาเอ่ยบอกบอกห้าม และออกแรงดิ้น แต่ด้วยแรงของฮีลทำให้เขาเองไม่สามารถกระดิกตัวได้มากนัก

“อย่าห้ามข้าเลยนะ……ข้าอยากดูแลเจ้าจริง…….นอนเถอะเกรย์ข้ารู้……เจ้าเองเหนื่อยมามากแล้ว”

ฮีลกระชับอ้อมกอดเขาให้แน่นขึ้นอีก ทำให้หลังเล็กๆของเกรย์แนบเข้ากับอกของเขา มืออีกข้างลูบเขาที่หัวอีกคนอย่างเบามือเป็นจังหวะ เขาเลื่อนหัวเข้าใกล้อีกคนให้พอได้ยินเสียงอันแผ่วเบา

“พักเสียนะเกรย์……พรุ่งนี้เจ้าจะได้มีแรง……ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้า…..ตลอดไป”

น่าแปลกสำหรับเกรย์ที่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามความอบอุ่นนี้กลับทำให้น้ำตาเขาไหลมาอีกครั้ง ยิ่งเขาส่งเสียงสะอึกมากเท่าไร คนตัวใหญ่มักจะส่งคำปลอบมาทุกครั้ง ทั้งคำพูดอันแผ่วเบา ทั้งสัมผัสอันนุ่มนวล ทั้งหมดนี้เขาไม่เคยเลยที่จะได้รับมาก่อน



“หลับเสียนะ…….ที่รักของข้า”











อีกทางหนึ่ง




“จะมากไปแล้วนะแอล” ชีวาสต่อว่าชี้หน้าแอลอย่างเหลืออด เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งชิดติดกับไทนอสเสียจนจะทั่งทับกันอยู่อย่างนั้น และแอลยิ่งเล่นหนักเข้าไปอีกถึงขั้นเอนตัวลงซบกับไหล่ของไทนอส

“ไทนอสเอาเป็นว่าตกลงตามนี้…..ข้าไปพักก่อนล่ะฝากเจ้าเข้าเวรกะแรกด้วย” เอสเปอร์รีบสรุปแล้วลุกขึ้นลากชีวาสออกไปให้พ้นเสีย ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดเรื่องอีกรอบที่สามของวัน




“เจ้าบ้านั่น…..ได้ใจมากไปแล้ว” ชีวาสกัดฟันกรอด เขาไม่พอใจที่ไทนอสเองก็ไม่ได้มีท่าทางรังเกียจใดๆ ออกจะเอียงไปทางชอบเสียด้วยซ้ำที่ได้คนตัวเล็กนั้นมาใกล้ตัว

“ข้าไม่ตัวเล็กบ้างให้มันรู้ไป”

“เลิกโวยวายได้แล้ว ข้าปวดหลัง” เอสเปอร์ที่ทนเสียงบ่นมานานชักจะทนไม่ไหว เขาถอดเสื้อออกอย่างช่ำชอง เผยร่างกายสมส่วนและรอยแผลเป็นหลายที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง เขาจัดเตรียมที่นอนให้เข้าที่ก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วถ้าเขาตาไม่ได้ฝาดไป เขาว่าเขาแอบเห็นชีวาสแอบมองเขาอยู่

“ทำไมข้าต้องนวดให้เจ้า”

“เพราะเจ้าคือเมียข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์ตอบไปทันควัน เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีรอดูการตอบสนองของอีกคน



และก็เป็นไปดังคาด



คำด่าทอต่างๆหลุดออกมาจากปากแดงอิ่มนั่น มือไม้ที่ยาวเก้งก้างฟาดขึ้นลงบนลำตัวเอสเปอร์อย่างเต็มแรง แต่นั่นก็ไม่ทำให้เอสเปอร์รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก เขากลับรู้สึกดีเสียอีก

“เอาน่าชีวาส จะอายทำไม ทีตอนอยู่ที่รอยแยกนั่นเจ้ายังไม่ว่าอะไรข้าเลย” เอสเปอร์ลุกขึ้นรวบตัวอีกคนไว้อย่างแน่น ชีวาสที่ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนนี้ได้แต่แหกปากร้อง

“เจ้านี่เมื่อไรจะเชื่องสักทีนะ ฝึกยากจริง” เอสเปอร์ส่ายหัวไปมา แต่ใบหน้ากลับยิ้ม เขากดริมฝีปากของเขากับอีกคนที่โวยวาย เล่นเอาชีวาสที่ไม่ทันตั้งตัวตกใจเผลอให้ลิ้มเจ้าคนเถื่อนล้วงลึกเข้าไปสำรวจภายในเสียจนสิ้น

เอสเปอร์ไม่ยอมปล่อยให้ชีวาสหลุดมือ ยังคงควานหาลิ้มรสความหวานในโพรงปากอีกคนอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงของชีวาส เขาจึงถอนออกมาอย่างเสียดาย

ชีวาสได้แต่นั่งนิ่ง เขาสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าทุกครั้งที่ชายคนที่เข้าใกล้เขา ทุกครั้งมันทำให้ใจเขาเต้นรัว และครั้งนี้ก็เช่นกัน รสสัมผัสที่เขาได้มอบให้เมื่อกี้ช่างวาบหวาม ร้อนแรง จนเขาเผลอปล่อยใจไป ความรู้สึกนี้มันช่างเหมือนกับตอนที่เขาอยู่กับไทนอสนัก

“นวดให้ข้าหน่อยสิ……นะชีวาส” เอสเปอร์ล้มตัวลงนอนพร้อมกับเอยคำขอร้องอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่เคย ไหนจะสายตาอ้อนวอนที่ส่งไปทำเอาชีวาสหลบหน้าไม่กล้ามอง




“พูดดีๆแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ชีวาสพูดเบาๆและลงมือคลึงนวดบนร่างกายของเอสเปอร์อย่างที่เคย
















“หนาวมั้ย” ไทนอสอดถามคนที่ซบไหล่เสียไม่ได้เมื่อสัมผัสสายลมเย็นเฉียบพัดผ่านมาเป็นระยะ

แต่แอลส่ายหน้าไปมาเล่นเอาผมนุ่มๆสะบัดโดนหน้าไทนอสอย่างไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นหอมจากผมทำเอาไทนอสอดใจไม่ได้ที่จะก้มลงพิสูจน์กลิ่นนั้นอีกครั้ง ทำเอาแอลออกอาการเขินอายเสียจนหน้าแดง

สายลมหนาวพัดผ่านมาอีกคราทำเอาแอลสั่นน้อยๆ เขากอดแขนเข้าด้วยกันพร้อมกับถูไปมาเพื่อหวังให้อุ่นขึ้นบ้าง ไทนอสเองได้แต่แอบยิ้มให้อีกคนที่ปากแข็งบอกว่าไม่หนาว เขาไม่รอช้ารวบตัวแอลเข้ามาให้นั่งอยู่บนหน้าขาแข็งแรงของเขา แขนทั้งสองโอบตัวโหรน้อยเอาไว้ ด้วยความตัวเล็กของแอลทำเอาร่างกายเกือบทั้งหมดถูกไทนอสโอบเอาไว้ได้

“อุ่นไหม” ไทนอสเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่เห็นคนที่อยู่ในอ้อมกอดยิ้มตอบมา

“ท่านไทนอส……” แอลเงยหน้าขึ้นมองชายอีกคน เขาจับเอาแขนของไทนอสให้รัดแน่นเข้ามาอีก ราวกับกลัวว่าไทนอสจะปล่อยเขาไว้แล้วหนีไปหาคนอื่นอีก

ไทนอสรู้สึกได้ถึงความหมายที่แอลบอกเป็นนัยๆ เขาก้มลงข้างๆหูของโหนหนุ่ม กระซิบบอกผ่านความในใจให้รับฟัง เพียงคำไม่กี่คำ กลับทำให้ทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ขัดกับอุณหภูมิภายนอกที่ค่อยๆลดลง



ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก เพียงปล่อยให้ร่างกายและหัวใจของเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ



เพียงสัมผัส


เพียงสบตา


ได้อิงแอบ


ได้พักพิง


เพียงเราทั้งสองมีกันและกัน









เรายังจะต้องการอะไรอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
« ตอบ #199 เมื่อ: 04-02-2010 21:51:52 »





ออฟไลน์ กิมตี๋หัดขับ

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
«ตอบ #200 เมื่อ05-02-2010 00:47:01 »

ถุงก็อบแก็บ คระ o13

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
«ตอบ #201 เมื่อ05-02-2010 02:25:34 »

เยี่ยมมมมม เอาให้มันสมหวังกันทุกคู่ไปเรยยย

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
«ตอบ #202 เมื่อ05-02-2010 02:38:03 »

อย่ามาหลอกซะให้ยาก  ไม่แฮปปี้กันง่าย ๆ หรอก  โฮะๆๆๆๆ   o18

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 32 4/2/10)
«ตอบ #203 เมื่อ07-02-2010 00:28:45 »

ทำไมจู่ๆ มันถึงดูเหมือนจะลงตัวกันทั้ง 3 คู่เลยอะ  แต่แบบนี้ก็นะ ขอแบบคู่ไทนอสกะหนูแอลหวานๆๆ เลยได้มะ   :o8:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บท
«ตอบ #204 เมื่อ19-02-2010 00:22:44 »

อย่ามาหลอกซะให้ยาก  ไม่แฮปปี้กันง่าย ๆ หรอก  โฮะๆๆๆๆ   o18



ว้าย เมาท์ร้ายนะคะ












บทที่ 33




รุ่งเช้าของวันใหม่ เกรย์ค่อยๆลืมตาขึ้นสู้กับแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางช่องว่างของที่พัก เขาสัมผัสได้ถึงท่อนแขนที่กอดเขาเอาไว้ เกรย์หลับตาลงอีกครั้ง ความชื้นบริเวณนัยน์ตาเริ่มก่อตัวอีกครั้ง เขาภาวนาในใจซ้ำๆ


‘ขอให้เป็นไทนอส’


แต่คำขอนั้นไม่มีทางเป็นจริงอีกต่อไป คนที่เขาเห็นนั้นคือฮีล เพื่อนสมัยเด็กคนดีที่คอยดูแลเขาเสมอ เกรย์ถอนหายใจเบาๆ พลางใช้มือปาดน้ำตาที่เริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง จะไม่ให้เสียใจได้อย่างไร ในเมื่อภาพที่เห็นอีกฝั่งของที่พักนั้นเป็นภาพคนสองคนที่กำลังนอนกอดกันอย่างมีสุข


ผิดกับเขา


เกรย์รีบลุกขึ้นแล้วพาตัวเองออกไปจากที่แห่งนี้อย่างเร็วที่สุด เขาหายใจไม่ค่อยออกเหมือนถูกแย่งอากาศออกไป น้ำตาเจ้ากรรมเองก็ไม่ยอมหยุด จนเกรย์ต้องกลั้นใจกัดริมฝีปากตนหมายให้ความเจ็บร่างกายนี้บรรเทาความเจ็บปวดในใจบ้าง







“เป็นไงล่ะ โดนเข้ากับตัวเองบ้าง สะใจดีมั้ย” ชีวาสอดไม่ได้ที่จะซ้ำเติม เมื่อเห็นเกรย์เดินออกมาจากที่พัก แค่เห็นหน้าก็พอจะเดาออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในใจนึกสะใจเป็นยิ่งนักที่เห็นเกรย์ผิดหวัง


ใช่ ความผิดหวังในแบบที่เขาเคยมาก่อน


“ชีวาส……ข้า” เกรย์เอ่ยปากอยากจะอธิบาย แต่ชีวาสตัดบทเดินหนีไปทำอาหารเสีย เกรย์ไม่ยอมแพ้ตามไปอธิบายต่อ แต่ก็ถูกด่าทอกลับมา

“ไม่ต้องมาพูดกับข้า หรือว่าอยากจะโดนซ้อมอีก หา” ชีวาสว่าด้วยอารมณ์ ตั้งแต่กลับมามีแต่เรื่องเกิดขึ้นตลอด ทั้งไทนอส ทั้งเกรย์ ไหนจะแอล อีก…..และเรื่องใหญ่ที่สุด เอสเปอร์

“ว่าไงที่รัก เสียงดังแต่เช้าเลยนะ” เอสเปอร์ส่งเสียงอย่างร่าเริงตามเคย เขากำลังออกมาจากที่พักอีกหลัง เสื้อไม่ได้ใส่ แถมทั้งยังใส่กางเกงผิดด้านมาอีกต่างหาก

ชีวาสได้แต่ส่ายหน้า แค่คิดวูบเดียวก็มาหาทันที เป็นผีหรือไง โผล่มาได้ตรงจังหวะพอดี

“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง” ชีวาสหันไปเล่นงานคนมาใหม่ พร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย

“ทีตอนนี้ล่ะเสียงดัง ทีเมื่อคืนล่ะไม่ยอมร้อง…..จะกลั้นไว้ทำไม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เอสเปอร์แซวชีวาสอย่างสนุกปากและยิ่งได้ใจเมื่อเห็นใบหน้านั้นแดงก่ำ จะด้วยความอายหรือโกรธก็แล้วแต่



แต่สำหรับเอสเปอร์แล้วเขาเห็นว่ามันน่ารักดี










เสียงโวยวายด้านนอกปลุกฮีลให้ตื่นขึ้น ทันที่ที่เขาลืมตาเขามองหาคนที่เคยอยู่ในอ้อมกอดเมื่อคืน แต่กลับไม่เจอใคร



เหมือนแค่ฝันไป



แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นฝันที่ดีที่สุดที่เขาเคยรับรู้ ความรู้สึกที่ได้โอบกอดคนรักไว้ในอ้อมกอดนั้นช่างวิเศษนัก ราวกับตัวเขาเองได้ดูแลปกป้องเกรย์ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายได้อีก ไหนจะกลิ่นหอมจางๆจากแก้มอันนั้นที่คอยกวนใจไม่ปล่อยให้เขาได้หลับนอน เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นทุกครั้งทำเอาเขาเจ็บไปด้วย เขาเพียงกอดคนๆนี้ไว้ให้มั่น ดั่งคำสัญญาว่าเขาไม่มีทางทอดทิ้งเด็ดขาด


ฮีลสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัว เขาตื่นพร้อมๆกันกับแอลและไทนอส ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของเตรียมตัวไว้สำหรับงานใหญ่ในวันนี้ ทั้งสามพากันออกมาด้วนนอกเพื่อทานอาหารเช้าฝีมือชีวาสที่ไม่ได้ลิ้มรสมานาน









หมอหนุ่มได้แต่นั่งสังเกตคนข้างตัวที่นั่งใช้ช้อนคนอาหารในชามไปมาจนมันเย็นชืด เย็นเหมือนจิตใจของเจ้าของที่เหมือนมีลมหนาวพัดผ่านพาเอาความสุขปลิวหายลับ สายตาของเกรย์มองไปยังไทนอสเสมอ ไม่ว่าตอนนี้เกรย์เองจะนั่งอยู่ข้างๆกับฮีล แต่ฮีลเองรู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยแอบมองอย่างสม่ำเสมอ แม้รู้ตัวว่าจะต้องปวดร้าวในใจ แต่เกรย์ก็ไม่ยอลละสายตา

“อาหารเย็นหมดแล้ว” ฮีลจับเอาข้อมมือเล็หผมอนั้นให้หยุดคนช้อน เกรย์เหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจปากก็บอกว่าไม่หิวและขอตัวไปเก็บของก่อนจะเดินออกไปเสียดื้อๆ

“แค่นี้ทำทนไม่ได้ โถ่เห็นภาพบาดตาบาดใจแค่นี้เอง” ชีวาสตะโกนไล่ตามหลัง ทำเอาเกรย์กัดฟันแน่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้งก่อนออกเดินต่อโดยทำเป็นไม่ใส่ใจคำพูดของชีวาส

“ปากเจ้านี่มันจริงๆเลย….เก็บไว้ อม อย่างเดียวก็พอแล้วชีวาส”

เสียงจากชายหนุ่มเมืองเถื่อนทำเอาชีวาสสะอึก ก่อนจะหันไปเล่นงานคนขี้กวนใจเกิดเสียงดังตอบโต้กันไปมา

ฮีลไม่ได้ใส่ใจอาหารหรือเพื่อนๆของเขาอีก เขาลุกตาม ภายในที่พักเกรย์นั่งเก็บของอย่างเงียบๆ ฮีลนั่งลงข้างๆพร้อมช่วยหยิบของยัดลงไปในถุงผ้า เกรย์เองไม่ได้ว่าอะไร เขาหันมามองชั่วครู่แล้วลงมือก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ




ไม่นานข้าวของทั้งหมดของเกรย์และฮีลก็ถูกลำเลียงใส่ถุงเป็นที่เรียบร้อย เกรย์หันไปมองอีกฝั่ง ข้าวของทั้งของไทนอสและแอลเองก็ถูกจัดเรียบร้อยพร้อมสำหรับการเดินทาง

ทั้งๆที่เมื่อก่อนต้องเป็นเกรย์ที่คอยจัดข้าวของให้ไทนอส

คิดได้เพียงเท่านี้น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมานองหน้าขาวซีดอีกครั้ง

“เกรย์” ฮีลตกใจที่เห็นอย่างนั้นรีบเข้าไปคว้าเอาเกรย์เข้ามาปลอบ แต่ดูเหมือนเกรย์จะร้องมากเข้าไปใหญ่

ฮีลแค่นหัวเราะเยอะตนเอง รู้ทั้งรู้ว่าเกรย์รักใคร แต่ก็ยังทนบากหน้าเข้ามาหา ทั้งๆที่เป็นได้เพียงที่รองรับน้ำตา แต่เขาก็เต็มใจทำ ฮีลเองรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องวิ่งตามเกรย์แบบนี้ จนหลายครั้งเขาอยากที่จะยอมแพ้ แล้วหันหลังกลับ

แต่พอเห็นว่าเกรย์เสียใจเพียงใด เขาเองก็ไม่อาจทิ้งให้คนที่เป็นท่รักร้องไห้อยู่ในเงามืดเพียงลำพัง



เพราะเขาเองรู้ดี ว่าการอยู่คนเดียวมันเจ็บมากเพียงใด










ด้านนอก เสียงตอบโต้ของชีวาสและเอสเปอร์ยังดังต่อเนื่อง จนในที่สุดชีวาสก็หาเรื่องชายเถื่อนอีกไม่ไหวขึงหันไปเล่นงานคนอื่นแทน

“เป็นไงล่ะ สะใจเจ้าแล้วใช่ไหมแอล ทำคนอื่นเจ็บไปหมด ฮึ”

“ชีวาส” ทั้งเอสเปอร์และไทนอสพูดเสียงเข้มออกมาพร้อมกัน

“ทำไม ข้าพูดอะไรผิด”

“ปากเจ้าว่างมากไปแล้วชีวาส ข้าว่าเดี๋ยวข้าหาอะไรมาปิดมันก่อน” เอสเปอร์ไม่รอช้าคว้าจอมเวทหนุ่มขึ้นพาดบ่าอย่างง่ายดาย พาเดินเข้าที่พัก




จากที่ได้ยินเสียงชีวาสตะโกนด่าอย่างต่อเนื่อง กลับค่อยๆขาดตอน



และเงียบหายไปในที่สุด



ร่วมชั่วโมง











เหลือไว้แต่ไทนอสและแอลด้านนอกที่ตอนนี้แอลดูเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด

“อย่าไปฟังชีวาสเลย แอล”

แอลได้แต่พยักหน้าและยิ้มเจื่อนๆ

“อาจเป็นข้าเองก็ได้ที่ผิด” ไทนอสถอนหายใจ นึกคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา



ถ้าหากเขาตัดสินใจเด็ดขาดพอเรื่องเกรย์



ถ้าเขาไม่ปล่อยให้เรื่องของชีวาสยืดเยื้อมาจนถึงทุกวัน



ถ้าเขาไม่ได้พบเจอกับแอล



ทุกอย่างมันอาจจะดีกว่าที่เป็นอยู่



“ไม่เป็นไรนะแอล…..อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จบลงแล้ว”




ไทนอสโอบคนตัวเล็กให้เข้ามาแนบกับตัว เฝ้ามองไปยังสถานที่เป้าหมายที่จะยุติเรื่องราวการเดินทาง










ภายในหอคอยสะอาดกว่าภายนอกที่เห็นนัก หินก้อยสีเทาอมดำเรียงกันเป็นระเบียบอย่างมีแบบแผนตีวงเป็นกรอบสูงขึ้นไปเท่าต้นไม้ใหญ่ๆได้ ที่น่าแปลกคือเพดานที่ว่างโล่ง เผยให้เห็นท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกฉาบด้วยแสงอาทิตย์สีส้ม บัดนี้ผู้เดินทางทั้งหก ได้มาถึงหอคอยแห่งธอร์แล้ว

“เจ้าเล่นอะไรอยู่แอล”

ชีวาสส่งเสียงรำคาญใจเมื่อไม่เห็นว่าในสถานที่นี้จะมีอะไร มีเพียงพื้นที่ว่างเปล่า ก้อนหิน เพียงเท่านั้น ไม่มีของที่คาดว่าจะมี เช่นพวกลูกแก้ว หรือ หนังสือ แก้คำสาป



“ท่านเกรย์ ฮีลมาทางนี้” แอลไม่ใส่ใจกับชีวาส เรียกเกรย์และฮีลเข้าไปยังจุดกลางของอาคาร

“จับมือกันไว้…ทั้งสองข้าง” แอลออกคำสั่ง และคว้ามือทั้งคู่ให้จับกันเมื่อเห็นว่าทั้งคู่มัวแต่ยืนงงอยู่



ฉับพลันแสงสว่างแสบตาก็เจิดจ้าออกมารายรอบตัวพวกเขา ปรากฏบันใดวนที่โปร่งแสง ปล่อยแสงสีทองออกมาเรืองรอง ทั้งหมดมองอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นบันไดวนนั้นขดเกลียวขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าเบื้องบน



“พวกท่านต้องอยู่ที่นี่ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด”

“เจ้าหมายความว่าไงแอล”

“ถ้าพวกท่านปล่อยมือ บันใดเหล่านี้จะหายไป แล้วพวกเราหมดทางขึ้นไป” แอลอธิบายพลางดันตัวไทนอสให้รีบเดินขึ้นไป

“แล้วเราจะไปไหนกันแน่” ตอนนี้กลับเป็นเอสเปอร์ที่เริ่มออกคำถาม

“ไปหาท่านมหาเทพ…..ข้างบน”

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร…..” ตอนที้ชีวาสเริ่มซักอีกคน






แต่แอลตะเบ็งเสียงกลับไป


“จะรู้อย่างไรก็ช่าง…..เร็วๆเข้า…..ไม่อยากแก้คำสาปหรือไง”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2010 14:19:20 โดย Tifa »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
«ตอบ #205 เมื่อ19-02-2010 10:02:23 »

อ้างถึง
“ไปหาท่านหมาเทพ…..ข้างบน”

เฮ้ย จริงอะ  :a5:  :a5:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
«ตอบ #206 เมื่อ19-02-2010 14:20:10 »

ว้าย

ผิดอย่างรุนเเรง

ขอตัวไปให้ผู้ชายลงโทษก่อนค่ะ ซิกๆ

The Living River Ping

  • บุคคลทั่วไป
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 33 19/2/10)
«ตอบ #207 เมื่อ01-03-2010 15:19:46 »


นังแอล เผยธาตุแท้ของหล่อนออกมาแล้วใช่ไหม
(ตะเบ็งเสียงแข่งกับยัยไพ่ป๊อกดูดวง ใต้ต้นมะขาม สนามหลวง)

คริคริ
  :t4:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
«ตอบ #208 เมื่อ09-03-2010 01:19:40 »

บทที่ 34





ฮีลมองใบหน้าของเกรย์อย่างอดห่วงเสียไม่ได้ ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วกลับดูไร้น่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อบัดนี้สีชมพูเรื่อๆที่ยังพอคงมีอยู่ได้จางหายไป เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มจับขึ้นเป็นหยดไหลลามลงมา มือที่กุมกันไว้นั้นรับรู้ถึงความเย็นเฉียบที่ไหลผ่าน ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเอง เหมือนเกรย์เหมือนจะเซไปมาอยู่ตลอด

“เจ้านอนลงดีกว่า” ฮีลเอ่ยปากบอกอย่างเป็นห่วง และอย่างที่คิด เกรย์ตอบปฏิเสธทันที

“ไม่เป็นไรหรอก หลักการทำงานของบันไดนี้เพียงดึงเอาพลังเวทของคนสองคนไป แค่เรายังถ่ายทอดพลังอย่างต่อเนื่องคงไม่มีปัญหาอะไร” ฮีลอธิบายพร้อมกับดึงตัวลงนั่งจนเกรย์เองต้องรีบลดตัวลงนั่งเช่นเดียวกันด้วยความกลัวว่ามือนั้นจะหลุดออกจากกัน

“นอนพักสักหน่อย เจ้าคงดีขึ้น” ฮีลบอกให้คนที่ดูอ่อนล้าหลับตาลง แต่เกรย์ยืนยันว่าตนเองไม่เป็นไร จนฮีลขู่จะปล่อยมือ

“เจ้าไม่กล้าหรอก ฮีล”

“ทำไมข้าจะไม่กล้า…..ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าพวกนั้นจะเป็นยังไง” หมอหนุ่มตอบไปอย่างที่คิด ถ้าเพียงเพราะสิ่งที่ทำอยู่นี้จะดับลมหายใจของเกรย์เขาเองก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น

‘ข้าสนใจเพียงเจ้าเท่านั้น เกรย์’

น่าเสียดายที่ฮีลทำได้เพียงพูดมันในใจ จะมีประโยชน์อะไรหากความรึ้กของอีกคนหนึ่งไม่ได้อยู่ที่เขาเลย

และนั่นมันทำให้เกรย์ต้องยอมทำตามอย่างว่าง่าย

“อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะฮีล”

ฮีลยิ้มตอบก่อนที่เกรย์จะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

“อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะฮีล”

คำพูดนี้ถ้าเกรย์เองหมายความเหมือนกับคนทั่วๆไปพูดกันคงดีไม่น้อย เขาคงเป็นชายผู้ที่มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับคนรักนานเท่านาน

“ข้าไม่มีวันปล่อยมือเจ้าหรอก เกรย์……มีแต่เจ้าที่ไปจากข้า”

ฮีลกระชับมืออันเย็นชืดนั้นไว้ให้มั่น เขาไม่มีวันปล่อยให้เกรย์ไปไหนอีกแล้ว ที่เกรย์หายไปครั้งที่แล้วเขาเองได้รับบทเรียนมามากพอ ความเหงา ความเศร้า ช่างร้ายกาจนัก และเมื่อจนได้พบกับเกรย์อีกครั้ง เขาสาบานกับตนไว้มั่น ว่าจะมีวันปล่อยให้เกรย์ไปไหนอีก






สูงขึ้นไปหลายกิโลเมตร






ไทนอสมองคนที่เดินเยื้องอยู่ข้างหน้าอย่างพินิจ แอลเองดูใจร้อนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไหนจะท่าทีที่ดูมั่นใจนั่นอีกที่เขาเองไม่เคยพบเห็น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“โอ้ย เมื่อไรจะถึง” เสียงโวยวายดังขึ้นเป็นรอบที่สิบ ชีวาสนั่นเองที่เดินจนขาลากเดินรั้งท้ายอย่างเหน็ดเหนื่อย ปกติจอมเวทเองก็ไม่ได้มีร่างกายที่ทนทานอยู่แล้ว ยิ่งต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดแบบต่อเนื่องยิ่งทำให้ขาของชีวาสล้านัก

“แอล พักสักหน่อยไหม เจ้าไม่เหนื่อยหรอ” ไทนอสถามคนที่เอาแต่เดินข้างหน้า

“ข้าไม่เหนื่อย”

คำตอบนั้นทำเอาทั้งสามคนที่เหลือแปลกใจมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่แอลก็ชีวาสมักจะเหนื่อยง่าย และขอพักอยู่บ่อยๆ และจากสีหน้าท่าทางของแอลเองก็ยังดูแข็งขันไม่มีท่าทีเหนื่อยแต่อย่างไร

“แต่ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าอยากพัก” ชีวาสไม่ฟังใครอีก นั่งมันเอาดื้อๆ ดึงเอากระบอกใส่น้ำกรอกเข้าปากดื่มเสียงดัง

“เหลืออีกไม่ไกลแล้ว ทนอีกนิด” แอลมองไปยังปลายสุดของบันได ที่จมหายไปในปุยเมฆ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร ฮึ”

“ข้ารู้สึกได้ เร็วเข้าท่านชีวาส ท่าเกรย์กับฮีล หน่วงพลังเวทได้อีกไม่นานหรอกนะ” แอลเร่ง

“แต่ข้าเหนื่อยจะแย่ ขาข้าล้าไปหมดแล้วนี่” ชีวาสขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจที่เห็นแอลส่ายหน้าไปมาเหมือจะบอกว่าเขาเองช่างไม่อดทนเอาเสียเลย

“อ่อนแอ”

และเป็นอีกครั้งที่แอลทำเอาทั้งสามคนอ้าปากค้าง

“เจ้าว่าอะไรนะ…..อ๊ะ…..ปล่อยข้านะ”

ชีวาสที่กำลังจะตอบโต้แอลกลับต้องหยุดเมื่อรู้สึกถึงแรงยกเอาตัวเขาขึ้น

“ขี่หลังข้าไปแล้วกัน”

เอสเปอร์นั่นเองที่คว้าชีวาสให้เกาะหลังของเขาไว้ แต่ก็เหมือนเดิมชีวาสโวยวายใหญ่ ไม่ยอมท่าเดียว

“อ้าว….หรือเจ้าจะลงเดินเอง เลือกเอา” เอสเปอร์เค้นเสียงเข้มถาม ทำเอาชีวาสหุบปากลง เล้วบ่นเบาๆพอจับใจความได้ว่า

“ขี่เจ้าไปสิ”



แล้วการเดินทางก็ดำเนินต่อไปอีกครั้ง










เกรย์ลืมตาตื่นขึ้นเนื่องด้วยรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวส่วนหัวของเขา เขาลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ จึงรู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนขาของฮีล

“ข้าขอโทษ เจ้านอนต่อเถอะ” ฮีลกล่าวอย่างรู้สึกผิดที่ขยับขาจนทำเอาเกรย์ตื่นขึ้น

เกรย์ส่ายหน้าบอกว่าเขาดีขึ้นแล้ว เขามองไปยังมือทั้งสองที่ยังจับกันไว้มั่น จนเปียกไปด้วยเหงื่อเสียจนชุ่มไปหมด

“เจ้าเมื่อยขาแย่เลย”

“ไม่เป็นไรข้าเห็นว่าเจ้าคงนอนไม่สบาย”

เกรย์อดมองอีกคนเสียไม่ได้ ฮีลเองก็ดูอิดโรยไปมาก ทั้งๆที่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง คงเพราะต้องเสียพลังเวทในส่วนของเขาขณะที่นอนไปเป็นแน่

“เจ้าเองก็พักสักหน่อยเถอะ”

ฮีลปฏิเสธ เขากลัวว่าหากเขานอนไปเกรย์เองต้องสูญเสียพลังเวทไปอีกมากโข และร่างกายของเกรย์คงทนไม่ได้

“แต่เจ้าดูแย่”

“เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ” ฮีลเองอดยิ้มเสียไม่ได้ที่ได้ยิน แต่ก็เพียงไม่นาน

“ใช่สิ ก็เจ้าเป็นเพื่อนข้านี่”

“…….ใช่……..แต่….แต่ข้าไม่เป็นไรข้าไม่เหนื่อย” ฮีลพยายามที่จะตอบด้วยโทนเสียงปกติ แต่เกรย์เองจับได้ถึงเสียงที่เจือด้วยความรู้สึกน้อยใจ

“เจ้า…….โกรธข้าหรอ” เกรย์เองเลี่ยงที่จะพูดคำว่ารักออกไป แทนที่ด้วยคำอื่นเสีย



ในตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะพูดกันในเรื่องนี้ รออีกนิดนะฮีล รอให้เรื่องราวทั้งหมดนี้มันจบลงก่อน แล้วเราค่อยมาพูดกันให้มันเข้าใจไปเสียที













“ถึงสักที”


ประไม้ตูบานใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทั้งสี่ ลายเถาเลื่อมทองลามไปตามขอบเกี่ยวพันไปมาเป็นลายงามวิจิต แอลตรงรี่เข้าไปยืนตรงรอยต่อของบานประตูทั้งสอง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปลูบตามลวดลายพร้อมกับพูดออกมาด้วยถ้อยคำแปลกๆ สักพักประตูนั้นค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นภายในราชวังที่กว้างขวาง พื้นหินอ่อนขาวทอดตัวยาวผ่านเสาหินนับร้อยที่ทอดยาวเป็นทางเดินจนสุดปลายห้อง


และที่นั่น มีชายคนหนึ่งยืนรออยู่


“รีบนั่งลงสิ” แอลที่นำขบวนไปเร่งให้พวกของเขาคุกเข่าลงพื้น

ทุกคนต่างพากันมองอย่างไม่เข้าใจ

“นี่ท่านมหาเทพ พวกเจ้าคุกเข่าเร็ว”

“มากันจนได้นะพวกเจ้า”  น้ำเสียงทรงพลังดังขึ้นจากชายสูงอายุ ทำเอาทั้งสี่ตัวสั่นอย่างเสียไม่ได้

“ข้า…….ข้ามาเพื่อ”

“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ไม่ทันที่ไทนอสจะกล่าวอะไรต่อ เสียงอันดังก็สอดขึ้นมาก่อน

“ข้าแต่ท่านมหาเทพ ข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อแก้คสาป แม้แต่ชีวิตของข้า” เอสเปอร์กลั้นใจตอบกลับมา

แต่มหาเทพกลับหัวเราะลั่น

“เจ้าคิดว่าชีวิตของเจ้ามีค่ามากขนาดนั้นเลยรึ เจ้าโง่” ท่านหยุดถอนหายใจครั้งหนึ่ง

“ข้าคิดว่าการเดินทางครั้งนี้คงช่วยให้เจ้าได้คำตอบสำหรับคำสาปแล้วเสียอีก”

ทั้งสี่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ

“เจ้าออกมารบราฆ่าฟันกันเรื่องอะไร”
“พวกเจ้ามีเหตุผลมากพอที่จะสั่งให้พลเมืองของเจ้าออกไปตายกันหรือเปล่า”

“ทางเมืองบารอน เป็นพวกเห็นแก่ตัวจริงหรือไม่” มหาเทพก้มลงกระซิบลงข้างหูของเอสเปอร์

“แล้วทางกราซเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างงั้นหรือ” ทีนี้เป็นทีของไทนอสที่ต้องรับฟัง


“ข้าว่าคำตอบมันชัดอยู่แล้วนะ…….อยู่ที่พวกเจ้าจะเข้าใจหรือไม่”

ทั้งหมดนิ่งเงียบกันครู่ใหญ่คำนึงคิดทุกถ้อยคำที่ถ่ายทอดออกมาจากท่านเทพ

“เอาล่ะ หมดธุระของพวกเจ้าแล้ว กลับไปได้”

“แต่ว่าท่าน”

“ไม่มีแต่ไทนอส…..ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำตอบในใจเจ้า”

มหาเทพยิ้มน้อยๆให้พวกเขาก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกครั้ง ทั้งสี่หันหลังออกมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเดินเสียงของมหาเทพก็ดังขึ้นอีกครั้ง





“แล้วเจ้าจะไปไหน เอลาส กลับไปทำหน้าที่ได้แล้ว”

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
Re: The odyssey......มายาริษยา (บทที่ 34 9/3/10)
«ตอบ #209 เมื่อ09-03-2010 11:47:47 »

อะอ้าวว ท่าทางจะกลับไม่ครบสี่คนซะแล้วสิเนี่ย

หุหุ รอลุ้นอยู่ค่ะ  :L2:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด