Ooo๐...นางในไดอารี่...๐ooO ...นิวกุ้ยเฟย...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Ooo๐...นางในไดอารี่...๐ooO ...นิวกุ้ยเฟย...  (อ่าน 315461 ครั้ง)

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
เกริ่นนำ

กลับมาเล่ากันต่อ ถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม ที่ผ่านมาปิดเล่มแรกลงไปแล้ว
จึงมีเวลากลับมาอ่านทบทวนเรื่องราวที่เคยได้เล่าไป ไม่น่าเชื่อ!
ในระยะเวลาเกือบ1ปีมานี้ ชีวิตผมเจอเรื่องราวมากมาย รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงต่างๆไม่ใช่น้อย
ทั้งเรื่องราว สถานการณ์ รวมทั้งความคิดความอ่น และตัวตนของผมเองก็ปรับเปลี่ยนไปจากวันแรกๆด้วย
ไม่น่าเชื่อจาก น้องเอย กลายเป็น กุ๊กขาวีน ไปซะแล้วเรา อย่างที่เค้าว่า สิ่งมีชีวิตต้องปรับตัวให้อยู่รอดได้ ผมว่าจริงสุดๆ
แต่เกรงว่า หลายๆคนที่เพิ่งได้มาอ่านเรื่องราวของผมในไดอารี่เล่มนี้จะงงว่า เกิดอะไรขึ้นกับผม
รวมทั้งอาจจะแปลกใจว่า ผมเด่นดังมาจากไหนถึงต้องมาเขียนไดอารี่ให้เพื่อนๆอ่านกัน อืม...ก็ไม่ใช่คนดังหรอกครับ
เรื่องต่างๆเริ่มต้นมาจาก ผมมีความไม่สบายใจกับสิ่งที่เจอในที่ทำงาน เลยเอามาเล่าสูกันฟัง และได้กำลังใจมาเพียบ
ทีนี้ พอเจอเรื่องราวอะไรสนุก สุข เครียด ก็เลยเอามาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกันอย่างต่อเนื่อง
และด้วยความต่อเนื่องที่ว่านี้ ทำให้ผมได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆหลายคนจากในนี้กลายมาเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริงด้วย
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ

ปล.ไม่ได้เขียนไดอารี่แค่ไม่กี่วัน แต่ขอสปอยล์เล็กน้อยว่า เรื่องราววุ่นวายมีมาไม่ได้ขาดเลยครับ ฮ่าๆๆๆ

 


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2011 05:59:31 โดย รอยยิ้มอาบยาพิษ »

Kirimanjaro

  • บุคคลทั่วไป
มาลงชื่อครับ  เคยตามอ่านเรื่องของคุณเอยมาตั้งแต่พันทิป  :กอด1:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

โดยปกติผมก็เรียบร้อยประมาณนึงอยู่แล้ว คือ ไม่ด่าใคร ไม่พูดคำหยาบ ไม่เสียงดัง(ถ้าไม่รวมตัวกับเพื่อนๆนะ)
ด้วยบุคลิกส่วนตัวเป็นคนนุ่มนวล จะเดินจะเหิน จะนั่ง ยืน นอน ก็ค่อนข้างเก็บแขนเก็บขาและนิ่งๆ
เรียกได้ว่าเป้นคนไม่ทะโมน ไม่ปีนป่าย ไม่ตะโกน ไม่โวยวาย ไม่สบถ และเก็บสีหน้าเก่ง(โกรธแค่ไหนก็นิ่งๆ)
ปล.การที่ผมเป็นเกย์เนี่ย คนในที่ทำงานก็รู้ทุกคนนะ แต่ผมดูเป็นแค่ผู้ชายเรียบร้อยไม่ใช่วี๊ดว้ายน่าเกลียด

แล้วด้วยความที่ผมไม่ค่อยต่อล้อต่อเถียงกับใคร ใครแซวผมก็ยิ้มคิดซะว่าเดี๋ยวเค้าเหนื่อยก็หยุดไปเอง
ทำให้มีพวกปากเสียมาคอยจิกกัดเหน็บแนมอยุ่เป็นระยะ ถ้าผมจะด่ากลับก็ทำได้แต่ไม่รุ้จะด่าไปทำไม
ผมคิดว่าคนเราต้องทำงานด้วยกันอีกนาน แล้วผมเพิ่งมาทำงานที่นี่ก็ยังไม่อยากตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี
ดังนั้นถ้าผมไปแสดงความไม่พอใจกับใครตั้งแต่แรก ก็เท่ากับว่าผมเสียโอกาสมีเพื่อนร่วมงานดีๆคนนั้นไป
แต่ไม่ว่าผมจะนิ่งๆ ยิ้มๆ ไม่สนใจ ไม่ตอบโต้ หรืออาจจะทำเฉยๆยังไงก็ต้องเจอคนมาคอยกวนโมโหอยู่เรื่อยๆ

จากที่เจอๆมาแล้วรู้สึกเบื่อกับความสุภาพของตัวเองก็เพราะ อยากด่ากลับไปบ้าง อยากเหน็บแนมให้สะใจๆบ้าง
แต่ว่าพอจะพูดทีไรเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ คือพอคิดว่าโมโหแล้วนจะ ไม่ไหวแล้วนะ เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวโดน
เท่านั้นเองจะมีแว๊บนึงขึ้นมาในสมองเหมือนกับว่า "อย่าเลย ช่างเหอะ เดี๋ยวเค้าก็เงียบ ทำเฉยๆดีกว่า" แล้วผมก็ไม่ตอยโต้จริงๆนะ

ไปๆมาๆเหมือนเป็นกระทุ้บ่นพร่ำเพรื่อเลยเนอะ แต่รุ้สึกดีแฮะที่ได้ระบายซะบ้าง
ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและตอบสิ่งที่ถามไว้นะครับ
ปล.ตอนนี้มีเรื่องราวใหม่ๆมาอัพเดทเรื่อยๆ เลยตั้งใจจะลงให้อ่านไปตามสถานการณ์จริงที่เจอนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อที่จะอ่านซะก่อนล่ะ
ค่อยๆอ่านกันไป ไม่แน่นะสักวันอาจมีเรื่องดีๆมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง หรืออาจมีความพัฒนาในด้านการตอบโต้มาเล่าบ้างก็ได้ครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2009 17:59:41 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

คนที่อยู่ห้องข้างๆผมเดินมาจากไหนไม่รู้ เดินมาผลักไหล่ผมเฉยเลย แล้วพูดว่า

"เฮ้ยยยย ไม่เจอตั้งนานยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ เมื่อวานวันหยุดไม่โผล่หัวออกมาให้เห็นเลย มุดหัวอยู่แต่ในห้องทั้งวันรึไงวะ นึกว่าตายไปแล้ว"


แล้วพอตอนบ่ายๆ ผมต้องเตรียมงานไว้ให้กับพี่สาวแก่คนนั้น ผมก็ปรึกษาว่าจะให้ทำยังไง เค้าก็บอกว่า "ทำๆไปเหอะ ไม่ได้ยากอะไร"
ผมก็ไม่อยากให้งานเสีย พยายามเดินตามเค้าบอกว่าให้พี่เค้าทำเป็นตัวอย่างซะหน่อย ที่เหลือผมก็จะทำตามแบบที่เค้าแนะนำ
แต่พี่เค้ากลับทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่ยืนถามอยู่ใกล้ๆ พอผมเดินไปถามซ้ำเค้าก็บ่นว่าปวดท้อง ท้องเสีย แล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำ
พอผมทำจนเสร็จแล้วพี่เค้าก็กลับมาเดินดูงานของผม แทนยที่จะบอกว่า ดีหรือไม่อย่างไร กลับโวยวายซะดังลั่นว่าผมทำผิด

"ต๊ายยยยย ใครเค้าทำแบบนี้ นี่ๆๆๆ มาดูหน่อยสิ คนกรุงเทพทำแบบนี้เหรอ ใครเค้าสอนกัน" นอกจากเสียงดังแล้วยังถืองานของผมเดินไปทั่ว

แล้วนอกจากจะเดินไปทั่วห้องแล้วเค้ายังพุดอะไรกันเป็นภาษาของเค้าแล้วก็หัวเราะเยาะผมอีกตะหากอ่ะ แถมยังพูดลอยๆกับคนอื่นๆอีกว่า

"ทำแบบนี้เสียดายของเปล่าๆ ที่เรียนมาเค้าไม่สอนเหรอ แล้วบอกว่าเคยฝึกงานมาก่อน ถ้าทำได้แค่นี้จะเสียเงินเรียนทำไม" แล้วก็หัวเราะต่อ

ผมก็พยายามจะบอกว่า ผมถามแล้วและขอคำปรึกษาว่าจะให้ทำยังไง แต่เค้าไม่สอนแล้วพอทำผิดเค้ากลับมาประจานผมซะยาวแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครสนอ่ะ
เพราะทุกคนมัวแต่ขำกะงานที่ผิดพลาดของผม แล้วพี่สาวแก่เค้าก็เลยมาทำเองใหม่ (ไมได้ต่างจากที่ผมทำหรอกแค่รายละเอียดการจัดวางต่างกันนิดเดียว)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2009 16:38:29 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

เวรกรรมมีจริงนะครับ โห.......เอ่ยมาแบบนี้เหมือนจะออกแนวศาวนา ปรัชญา แต่ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังคงเล่าแบบสยายๆเหมือนเดิม
คืออย่างนี้ครับ ผมมีอาชีพเป็นกุ๊ก ซึ่งตั้งแต่มาทำงานที่ใหม่นี้ผมก็มีหน้าที่ทำอาหารในส่วนที่ต้องขายแขก ก็จะมีคุณป้าใจดีเป็นหัวหน้างาน
และก็มีอีกคนคือพี่สาวแก่ที่เป็นหัวหน้างานของผมด้วย แล้วตั้งแต่มาทำงานที่นี่คุณป้าใจดีจะเป้นคนรเทรนด์งาน แนะนำงานให้ผมตลอด
ในขณะที่พี่สาวแก่ไม่เคยสอนหรือแนะนำอะไรทั้งสิ้น จะรอดูแต่ความผิดพลาดของผมแล้วค่อยเอาไปนินทาหรือประจานทีหลัง(เหมือนที่เคยเล่า)
ซึ่งช่วงที่ผ่านมากุ๊กของครัวพนักงานป่วยไป2คน ผมเองก็เลยต้องทำงานเป็น2เท่า เพราะบางวันต้องไปทำอาหารที่ครัวพนักงานด้วย
เนื่องจากถ้าผมต้องเข้างานพร้อมกับหัวหน้าคนใดคนหนึ่งของผม ผมต้องไปอยู่ช่วยครัวพนักงาน ผมก็ต้องทำอาหารคนเดียวต่อพนักงานเป็นร้อย
แล้ววันแรกที่ผมย้ายไปทำอาหารพนักงานผมก็ยังกะปริมาณเครื่องปรุงในจำนวนมากๆไม่ค่อยถูก ก็เลยผัดกับข้าวจืดเกินไป

ทีนี้พอพี่สาวแก่มากินข้าวเค้าก็กินก่อนใครเลยนะแต่ไม่บอกผมหรอกว่าอาหารที่ผมทำจืดเกินไป ผมเองตอนที่ชิมก็คิดว่าพอดีแล้วเลยกลับเข้าครัว
ไปทำอาหารอื่นๆเตรียมไว้ก่อน ระหว่างที่ผมทำอาหารอยู่นั้นพนักงานคนอื่นก็เริ่มทะยอยมากินอาหารกันแล้ว ผมก็ยังทำอาหารต่อไป
แล้วพอยกอาหารอย่างที่2ออกมา ถึงเห็นว่าอาหารชุดแรกไม่ค่อยพร่องไปเท่าไหร่เลยถามคนกินว่า "เป็นไงมั่งครับ ผมยังกะไม่ถูก"
คนอื่นก็ยังไม่ได้พูดอะไรนะครับ แต่พี่สาวแก่พูดก่อนเลยว่า "อุ๊ย....อาหารมีสีสัน ดูดีมีชาติตระกูล ฮิๆๆๆๆ" หัวเราะเยาะจนผมเริ่มตะหงิดใจ
ผมเลยเดินไปตักใส่จานเล็กๆมาชิม รู้สึกว่ามันจืดไปหน่อย พี่อีกคนที่เป็นพนักงานแผนกอื่นบอกว่าผัดผักแบบนี้ต้องใส่น้ำมันหอยเยอะๆ
ผมว่าผมใส่เยอะแล้วนะแต่ก็คิดว่าคงยังไม่พอมั้ง พี่อีกคนเป็นพนักงานเสิร์ฟเลยบอกว่า "ผัดไว้แล้วน้ำผักมันออกเลยจืดกว่าตอนแรกมั้ง"
ผมก็เลยบอกว่า "ขอโทษนะครับ งั้นผมจะเอาไปผัดให้ใหม่ ไงก็กินไก่ทอดก่อนนะ แป๊บเดียวครับ" แล้วพอผมจะยกอาหารกลับเข้ามาทำใหม่
พี่สาวแก่ก็รีบเดินมาขวางเลยนะบอกว่า "มาๆ เดี๋ยวพี่ทำให้ เฮ้อ..อะไรๆก็ไม่พ้นพี่ซักที เห็นใจเด็กใหม่ยังไม่เป็นงาน ถอยๆเดี๋ยวพี่ทำเอง"
ผมก็เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตายกอาหารกลับเข้ามาแล้วปล่อยให้พี่สาวแก่เค้าทำให้ใหม่ หลังจากนั้นพี่สาวแก่ก็กลับเข้าไปที่ครัวหลักตามเดิม

ซึ่งระหว่างนั้นพนักงานอื่นๆก็บอกว่าผมทำไก่ทอดอร่อย (ผมก็ได้สูตรมาจากป้าใจดีของผมน่ะแหล่ะครับ) ผมก็เลยบอกว่าผมทำเป้นเพราะป้าใจดีสอน
แล้วผมก็เลยถามว่า ผัดผักที่พี่สาวแก่ทำให้ใหม่เป็นไงมั่ง พนักงานบอกว่าเค็มเกินไป ผมเลยตัดสินใจเอามาเททิ้ง แล้วผัดใหม่ ทีนี้ขายดีแล้วครับ
ผัด3ครั้งก็ยังไม่พอให้พนักงานกินเลยครับ พนักงานที่เค้ามาทันกินช่วงแรกเค้าเลยบอกว่า "เนี่ย...ทำอร่อยแล้วเห็นป่ะ ไม่ต้องซีเรียส"
ก็เลยได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารในจำนวนมากๆว่าต้องกะปริมาณเครื่องปรุงมากน้อยแค่ไหน ถือได้ว่าความผิดพลาดครั้งแรกนี้เป็นความโชตดีของผม
แต่แล้วเวรกรรมมีจริงครับ คือพอประมาณ2ทุ่ม พี่สาวแก่โทร.มาหาผมบอกว่าให้ผมช่วยไปอยู่ที่ครัวเมนแทนเค้าทีเพราะเค้าจะกลับบ้าน
ทีแรกผมก็งงกึ่งโมโห คิดว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนี้ทั้งที่ก็รู้ว่าผมอยู่ครัวพนักงานคนเดียว แล้วยังจะต้องให้ผมไปทำครัวหลักอีกเหรอทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง
แต่ผมก็ตอบไปแค่ว่า "ครับ ได้ครับ" แล้วก็เดินกลับไปที่ครัวหลัก ทั้งเพื่อไปช่วยทำงานแทนเค้าและอยากรู้ว่าเค้าเป็นอะไรหนักหนามั่ง
พอไปถึงเห็นเค้านั่งหอบหน้าซีดอยู่ครับ ผมก็ถามว่าเค้าเป็นอะไรแล้วทำไมถึงนั่งหน้าซีดแบบนี้ล่ะ ปรากฏว่าเค้าพูดอะไรไม่ไหวนั่งลมตีตาเหลือกอยู่ยังงั้น
พี่อีกคนนึงอยู่ครัวข้างๆกันบอกว่า "พี่แกเดินมาถึงครัวก็โม้นั่นโม้นี่หัวเราะไปเรื่อย แล้วไม่รู้ทำอีท่าไหนหัวเราะจนอ้วกแตก"
แล้วแต่ละคนในครัวก็เดินมาเล่าให้ฟังว่า ก็มาเล่าเรื่องที่ผมทำกับข้าวจืดแล้วเค้าต้องช่วยทำนั่นแหล่ะ เล่าไปขำไปแล้วอยู่ๆสำลักขึ้นมา
พี่สาวแก่ก็เลยเดินมาจิบน้ำแต่ดันสำลักน้ำซะขึ้นจมูกน้ำหูน้ำตาไหล แล้วพอทำท่าว่าจะดีก็ไอติดๆกันอีกจนอ้วกออกมากลางครัวต้องให้สจ๊วตมาถูไปตะกี้

สรุปว่า คืนนั้นพี่สาวแก่เลยต้องลางานกลับไปก่อนเวลา(โดนหักเงินด้วยนะ น่าสงสารเหมือนกัน)ผมก็เลยต้องมาประจำการอยู่ทั้งสองครัว
ก็โอเคนะครับ คืนนั้นออเดอร์ไม่เยอะมาก ทำทันแถมช่วงที่ผมต้องไปทำอาหารพนักงาน พี่ๆคนอื่นก็มาช่วยทำอาหารที่ครัวแทนผม
ของที่ผมต้องเตรนียมไว้ให้ครัวพนักงานในวันรุ่งขึ้นก็ได้พี่ๆในครัว (รวมทั้งพี่ผู้ชายที่เคยแซวผม) มาช่วยเตรียมของจนเสร็จ
หลังจากคืนนั้น วันรุ่งขึ้นพี่สาวแก่ก็เลยต้องลางานอีกวันเพราะอาการยังไม่ดีขึ้น ผมก็ต้องอยู่2ครัวเหมือนเดิมและได้รับน้ำใจจากพี่ๆอีกหลายคน
งานนี้ผมว่านอกจากเวรกรรมจะมีจริงแล้ว ความอดทนและเป็นคนสุภาพของผมก็เป็นสิ่งที่ดีและไม่น่าเบื่อเหมือนที่ผมเคยคิดในช่วงแรกๆที่ทำงานที่นี่
ปล.ผลการตรวจ พี่สาวแก่เป็นหลอดลมอักเสบครับแล้วคืนนั้นเค้าหายใจไม่ออกเพราะอาหารติดในหลอดลมเนื่องจากการสำลักรุนแรง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2009 16:39:46 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

วันที่31 ธันวาคม 2551

วันนี้ผมต้องทำOT ทำให้ต้องไปเริ่มงานเร็วกว่าปกติ จากเดิมทำงานตอนบ่าย3เลิกเที่ยงคืน แต่วันนี้ผมต้องเริ่มงาน11โมงเลิกประมาณตี1
แล้วระหว่างนั่งรอรถพนักงาน พี่คนที่ถามผมว่าเป็นเกย์รึเปล่า ก็โทร.เข้ามาพอดี ถามว่าผมทำงานรอบไหนซึ่งจากที่ได้คุยกัน
ทำให้รู้ว่าทั้งพี่เค้ากับผมก็ทำงาน11โมงเหมือนกัน ผมก็เลยบ่นว่าเนี่ยนั่งรอรถนานแล้วไม่มาซักทีกะว่าถ้าไปเร็วจะได้เวลาOTเพิ่ม
แต่ถ้ารถมาช้าสงสัยได้OTเท่าเดิมแน่ๆเลย พี่เค้าก็เลยบอกว่าเค้าจะมารับแต่ผมเกรงใจเพราะบ้านเค้าอยู่ใกล้ที่ทำงาน
ถ้าเค้าจะมารับผมก็จะต้องขับรถลงเขามาในเมืองเพื่อรับผมขึ้นไปที่ทำงานอีก แต่เค้ายืนยันว่ามาได้ผมก็เลยต้องรบกวนให้มารับ
แต่ก็ไม่ได้มารับแค่ผมหรอกครับเพื่อนๆคนอื่นที่รอรถเหมือนกันก็ได้ติดรถพี่เค้ามาด้วยกันทั้งหมดนั่นแหล่ะครับ

งานวันนี้เหนื่อยมากเลยเพราะผมต้องไปยืนทำผัดไทเสิร์ฟสดๆให้กับแขกแล้วยังต้องทอดปอเปี๊ยะอีกด้วย เชื่อมั้ยครับพี่สาวแก่
เป็นหัวหน้าของผมแท้ๆแต่ไม่ได้มาช่วยผมหรอก นู่นนนนน ไปยืนช่วยแผนกของหวานทอดขนมอยุ่อีกซุ้มนึงซะอย่างนั้น
แต่พอยุ่งมากๆเข้าผมก็เรียกให้นักศึกษาฝึกงานมาช่วย จนกระทั่งเชฟเดินผ่านมาก็เลยไปตามพี่สาวแก่ให้มาช่วยผมแทนที่จะไปช่วยครัวอื่น
พอมาถึงพี่สาวแก่ก็แก้เก้อว่า "พี่ว่าจะมาช่วยนิวนั่นแหล่ะ แต่เห็นว่าตอนนี้เก่งแล้ว อีกอย่างครัวนั้นทำไม่ค่อยทัน พี่มัวแต่ช่วยอยู่เลยมาช้า"
ผมก็เลยตอบไปว่า "รีบทอดปอเปี๊ยะเถอะครับ แขกรออยู่ลำพังรอให้มาช่วยก็เสียเวลามากพอแล้ว อย่ามัวอธิบายอยุ่เลย เปลืองเวลา"

ปล.เริ่มร้ายหรือยังล่ะครับเนี่ย แต่ที่แน่ๆพอผมบอกไปแบบนี้ พี่สาวแก่หน้าเจื่อนๆหัวเราะ แหะ แหะ จะว่าไปก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2009 16:40:31 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

วันที่1 มกราคม 2552

วันนี้ทีแรกผมกะว่าจะลางานเพราะเหนื่อยมาก และเดือนที่แล้วผมจะได้หยุดวันพฤ.แต่พอเดือนนี้ผมเลื่อนไปหยุดวันอื่นแทน
ก้เท่ากับว่าผมต้องทำงานเกิน7วันกว่าจะได้หยุดอีกครั้ง แต่พอดีว่าที่ครัวพนักงานไม่มีคนอยู่ เพราะคนอื่นเค้าหยุดและเข้างานตามตารางงานกันหมดแล้ว
ถ้าผมลาหยุดก้จะกลายเป้นว่าพี่สาวแก่จะต้องมาอยู่ทั้งครัวหลักและครัวพนักงานด้วย ผมก็เลยไม่ลางานดีกว่า เห็นใจพี่เค้า
ผมทราบอยู่แล้วด้วยว่าช่วงนี้แขกเยอะ ออเดอร์ก็มากถ้าปล่อยให้กุ๊ก1คนอยู่ทั้ง2ครัวคงไม่ไหวแน่ๆ ผมก้เลยไปทำงานตามปกติ

พอมาถึงที่ทำงาน ผมก้แยกไปอยุ่ที่ครัวพนักงานตามปกติไม่ได้ยุ่งกับใครก็เลยสบายๆไม่มีอะไรให้ปวดหัว แต่ก็ดันมีคนมาทำให้ใจสั่นซะงั้น
เรื่องมีอยู่ว่า............ ผมกำลังยืนเตรียมของสำหรับทำอาหารพนักงานในรอบดึกอยุ่ พี่คนนึงชื่อพี่ชิษณุ พี่ณุเป็น ผู้จัดการห้องอาหาร
แล้วเค้ามีลักษณะ สูง ขาว ตี๋ แบบที่ทำให้ผมมองเห็นอยู่ตั้งแต่แรกๆ แต่ก็ได้แค่มองเฉยๆน่ะครับเพราะเราไม่เคยพูดกันเลย
แต่มาวันนี้ พี่ณุเดินเข้ามาหาที่ครัวแล้วก็ยิ้มหวานมาเลย พอมาถึงก้บอกผมว่า "ขอหอมหน่อยจ้ะ"
ผมน่ะแค่เห็นเค้าเดินเข้ามาก็ใจสั่น มือสั่นยืนเอ๋อทำอะไรไม่ถุกแล้วครับ ได้แต่ยืนคุมสติไม่ให้ยิ้มไม่ให้เขิน เดี๋ยวเค้าจับได้ อิอิอิ
จนเค้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ผมก้เลยเดินถอยหนีมาอีกด้านแล้วบอกว่า "หอมใหญ่อยุ่ในตู้เย็น หอมแดงอยู่ตรงชั้นวางครับ"
เค้าก็หัวเราะอ่ะ แล้วบอกว่า "ทำไมต้องหนีไปไกลขนาดนั้นล่ะจ๊ะ นี่ใช่มั้ยงั้นขอหอมหน่อยนะ"
ผมก็ยังคงยืนงงๆอยุ่ที่เดิมแล้วบอกว่า "พี่ณุจะใช้เท่าไหร่ก็เอาไปเถอะครับ พอดีนิวจะรีบทำอาหารต้องใช้พื้นที่ อย่าหาว่าไล่เลยนะ"
แล้วซักพักพี่ณุก็เดินออกไปทางประตูครัว ผมก็เลยกลับไปยืนอยุ่ที่ตำแหน่งเดิมเตรียมจะทำอาหารทั้งที่ในใจยังหวิวๆมิอยังสั่นอยุ่เลย
แล้วเหมือนฉากละครตลกอ่ะครับ ผมก็กำลังยืนฝืนตัวเองไม่ให้ยิ้ม ไม่ให้เขินอยู่กับที่อย่างนั้น แล้วพี่ณุก็โผล่มากระซิบข้างหูของผม
"เออนี่ แล้วนอกจากหอมใหญ่ หอมแดงแล้ว นิวไม่ให้หอมอย่างอื่นบ้างเหรอจ๊ะ" ว่าแล้วก็เดินหายออกไปจากครัว
ผมนี่แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย คือถ้าเป้นคนที่ไม่ได้มีลีกษณะอยุ่ในเสปคเนี่ย ผมก้คงจะไม่รุ้สึกหวั่นไหวขนาดนี้หรอกครับ
ตอนนั้นไม่รุ้ว่ายืนยิ้มอยุ่นานแค่ไหน แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้แต่บอกตัวเองว่า "เลิกเคลิ้มซะที บ้าไปแล้วเรา เค้าอาจจะแกล้งเราเล่นก็ได้ อย่าเพ้อเจ้อ"

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

วันเสาร์ที่แล้วเป็นวันที่ผมและเพื่อนๆต้องขึ้นแสดงกันแล้ว ตอนบ่ายๆแทนที่จะได้ไปนั่งชิวๆรอเวลาแสดง(ให้สมฐานะนักแสดง)
แต่ก็เปล่า.... เพราะนอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว ยังเป็นกุ๊กด้วย ดังนั้นช่วงบ่ายสามยังต้องไปทำหน้าที่กุ๊ก ทำอาหารอยู่เลยครับ
วันนี้อยู่ตอนบ่ายกับคุณป้าใจดี ก็ช่วยกันเตรียมของสำหรับงานเลี้ยงกลางคืน ในขณะเดียวกันก็ต้องทำออเดอร์ไปด้วยครับ
พอถึงเวลาประมาณ6โมงเย็น ผมก็ถูกเรียกตัวให้ไปอาบน้ำเพราะได้เวลาแต่งหน้า ทำผม และเปลี่ยนชุดแล้วครับ

"เขียนคิ้วให้เข้มหน่อยนะ แนวย้อนยุคมันต้องแต่งเข้ม ปากสีแดงโอเคกว่ามั้ย ติดขนตาอันนี้นะเด้งดี"
.....นี่คือ แนวทางการแต่งหน้าที่ผมต้องทนนั่งให้ช่างแต่งหน้า ลงทั้งแป้งทั้งครีมและสีสันต่างๆอยู่เป็นนาน.....

"โชว์แรกของนิวใส่วิกอันนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเอาผมจริงยีให้พองๆหน่อยแล้วต่อวิกผมอันนี้ให้เอียงมาทางขวา"
.....นี่คือ คำสั่งของพี่หญิงที่ให้ช่างทำผมเลือกวิกผมยาวดัดเป็นหลอดๆเกาะไว้ครึ่งหัวแล้วเอาผมจริงหวีขึ้นไป.....

"เออ สวยดีว่ะ พี่ไม่คิดว่านิวจะแต่งตัวแนวๆนี้ได้สวย เหมือนรุปถ่ายของแม่พี่ตอนสาวๆเลย"
.....นี่คือ เสียงแสดงความชื่นชมของพี่อั้ม หลังจากที่ผมแต่งชุดแสคสีเงินกับรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันเดินออกมา.....

เมื่อทุกคนแต่งตัวพร้อมแล้วก็เชคความพร้อมกันอีกครั้ง จากนั้นก็ไปเตรียมตัวด้านข้างเวทีเพื่อรอคำว่า "Enjoy The Show"

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

การแสดงชุดแรกเริ่มขึ้นแล้วครับ  "Enjoy The Show"

เมื่อเพลงขึ้นพวกเราทั้ง6คน เดินเรียงกันขึ้นมาประจำจุดของตัวเองบนเวที ติ๊ดตี่เป้นคนแรกที่ร้องในท่อนแรก
ท่อนที่สองเป็นของดาและรุ้ง ท่อนต่อมาเป็นผม และปิดท้ายด้วยพี่จิ๊บ เราจะยืนเยื้องๆกันนิดหน่อยเพื่อให้ไม่บังกัน
เมื่อถึงท่อนที่ใครต้องร้องก็จะเดินไปยืนอยุ่ตรงกลางแล้วขยับปาก ในขณะที่คนอื่นๆก็เต้นอยุ่ในจุดของตัวเอง
เป็นการขยับไป เต้นไปทีละสเตป ซึ่งการทำปากว่ายากแล้ว การเต้นให้พร้อมกันดูจะยากกว่า เพราะจังหวะที่เต้นนั้น
จะต้องมีการปรบมือกันด้วย ทีนี้พอต้องปรบมือผมก้ดันปรบไม่ตรงจังหวะแต่ก็ทำเนียนๆสะบัดมือให้เหมือนเป็นลีลา
ตลอดทั้งเพลงเราต้องทั้งย่อตัว ทั้งยกเข่า จนจบเพลงเราจะหมุนตัวนิดๆให้เอียงไปทางขวาสะบัดมือไปข้างหลังและนิ่ง
การลิปซิ้งค์ของพวกเราเริ่มเข้าขากันแล้ว เพราะฉะนั้นในขณะที่เต้นๆนั้นแม้เราแต่ละคนจะรู้ว่าผิดคิวนิดๆแต่ก็ไม่หลุด
ทำให้โชว์แรกของเราเป้นไปแบบพวกเราเองก็สนุกด้วย คนดูก็รู้สึกสนุกด้วย พอมองมาที่คนดูเห็นแขกลุกขึ้นเต้นด้วยครับ

+++++++++++++++++++ จบการแสดงชุดแรกแล้วครับ +++++++++++++++++++++++

เพลงของติ๊ดตี่เป้นเพลงจีน สไตล์ช้าๆฟังสบาย ตัวติ๊ดตี่เองก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรมาก แค่เพิ่มขนนกกับถือพัดก็ออกมาต่อได้
ในระหว่างนี้ดาและรุ้งก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขาบานกับเสื้อที่มีแขนข้างเดียวสีสันแสบตาสุดๆ มาพร้อมรองเท้าส้นตึก
แล้วก็เปลี่ยนวิกผมจากแบบที่เป็นสวอนและบ๊อบพองๆ เป็นทรงแอฟโฟร่ดูแปลกตาไปมากเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้วชุดของมิ้งดูจะยุ่งยากกว่าใครๆ เพราะต้องแต่งกิโมโนแบบเกอิชาเต็มขั้น ทั้งชุดและทรงผม
นอกจากดากับรุ้งและมิ้งจะต้องเปลี่ยนชุดแล้ว ผมเองก็ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหมือนกันก็ต้องไปอีกห้องนึงครับ
ผมเปลี่ยนจากชุดแสคสีเงิน วิกผมดัดยาวๆ รองเท้าส้นสูงคัทชูสีเงิน มาเป็นชุดสำหรับเต้นแบบ CHICAGO
คือ ใส่คอเสตลูกไม้สีดำ(ต้องมีพี่อีกคนมาช่วยรัดด้านหลังด้วย) ใส่ถุงน่องตาข่ายสีดำ สวมกางเกงฮอตแพนท์สีทอง
รองเท้าส้นเข็มสีทอง(สูง6นิ้วเหมือนเดิมแต่เดินยากกว่าเดิมเพราะเป็นส้นเข็ม แล้วยังต้องเต้นอีกนะ ลำบากกว่านี้มีอีกมั้ย)
เปลี่ยนจากวิกทรงผมยาวเป็นแบบผมดัดหยิกสั้นๆแค่บ่าแล้วตัดน้าม้าให้แหลมๆ(จนทิ่มตา) ใส่ต่างหูห่วงใหญ่มากกกกกก
แต่งตัวเสร็จ ยืนอยุ่หลังเวทีดูการแสดงของเพื่อนๆคนอื่นอย่างเพลิดเพลิน จนได้ยินเสียงบอกว่า "คิวต่อไปเป้นนิวนะ"

+++++++++++++++++ การแสดงปิดท้ายได้เริ่มขึ้นแล้วครับ ++++++++++++++++++++++


All That Jazz


come on babe why don't we paint the town
and all that jazz
I'm gonna rouge my knees and roll my stockings down.
and all that jazz.
start the car, I know a whoopee spot,
where the gin is cold but the piano is hot.
It's just a noisy hall, where there's a nightly brawl
And all that jazz.
Slick you hair and wear you buckle shoes
and all that jazz.
I hear that father dipp is gonna blow the blues.
and all that jazz.
Hold on hun were gonna bunny hug,
I bought some asprin, down at united drug
In case you shake apart, and want a brand new start,
to do that jazz.

and all that jazz.

and all that jazz.
It's just a noisy hall, where there's a nightly brawl
And all that jazz.

Listen your husband isn't home is he.
No her husband is not at home.
Find a glass were playing fast and loose
And all that jazz.
Right up here is where I store the juice.
And all that jazz.
Come on babe were gonna brush the sky,
I betcha lucky lindy
Never flew so high

'cause in the stratosphere
How could he lend an ear
To all that jazz?
Company.
Oh, you're gonna see you sheba
Shimmy shake
Velma.
And all that jazz
Company.
Oh, she's gonna shimmy till her garters
break
Velma.
And all that jazz
Company.
Show her where to park her girdle
Oh, her mother's blood'd curdle
If she'd hear
Her baby's queer
For all that jazz!
velma.
C'mon babe
Why don't we paint the town?
And all that jazz
I'm gonna rouge my knees
And roll my stockings down
And all that jazz

Start the car
I know a whopee spot
Where the gin is cold
But the piano's hot

It's just a noisy hall
Where there's a nightly brawl
And all that jazz!
company.
Oh, you're gonna see you sheba
Shimmy shake
And all that jazz

Oh, shey's gonna shimmy till her garters
break

And all that jazz

Show her where to park her girdle
Oh, her mother's blood'd curdle
If she'd hear
Her baby's queer
For all that jazz!

velma.
no, I'm no one's wife
But, oh I love my life
And all that jazz!

Company.
That jazz!

จังหวะการเต้นเมื่อดนตรีขึ้น ผมจะต้องเดินออกหไปพร้อมแดนเซอร์ผุ้ชาย5คน แต่งตัวเหมือนกันคือ กางเกงหนังไม่สวมเสื้อ
ผมจะต้องเดินนำหน้าผู้ชาย5คนนั้นแล้วหันมาลิปซิ้ง พร้อมกับจิกสายตายั่วยวนเต็มที่ ยื่นมือเชื้อเชิญให้เค้าเข้ามาหา
จากนั้นแดนเซอร์ก็จะเดินเข้ามาแล้วผมจะเบี่ยงตัวหลบด้วยการเต้นยักย้ายไปตามที่ซ้อมมา ซึ่งจะไปทิศทางเดียวกันหมด
ผมจะต้องเต้นและลิปซิ้งค์ไปเรื่อยๆ ทั้งให้ตรงกับความหมาย ตรงกับน้ำเสียงของคนร้อง สีหน้าท่าทางต้องไปหมด
บางท่อนก็จะต้องเดินไปทางซ้ายแต่ผมเดินผิดด้านไปทางขวาเฉยเลยแต่ไม่เป้นไร พอรุ้ว่าเดินผิดปั๊บผมก็หมุนตัวเลย
แล้วสะบัดตัวมาอีกด้าน ก็พอดีกับที่แดนเซอรืต้องเดินมาคว้ามือผมเข้าไปใกล้ตัวเค้า ถ้าช้าอีกนิดคนดูจับได้แน่ๆ
มีบางช่วงที่ผมต้องเต้นส่ายสะโพกไปด้วย มือสองข้างก็ต้องลูบไล้แดนเซอร์ทั้งซ้ายขวา จะบอกว่าเขินมากกกกกกก
สมาธิเกือบหลุด ที่เขินเพราะมองลงไปเห็นแต่คนรุ้จักในที่ทำงานมายืนมุงดูกันอยู่เต็มไปหมดจนเต้นแทบไม่ออก
แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันความผอมของผมได้ก็คือ ตอนจบที่แดนเซอร์ต้องยกตัวผมให้ลอยขึ้นดูง่ายกว่าครั้งแรกๆที่ซ้อม
เมื่อยกให้สุงขึ้นแล้ว ผมจะต้องเล่นสีหน้าท่าทางให้เซกซี่ยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนไปด้านหลังให้แดนเซอร์รับไว้
จังหวะนี้เป็นช่วงก่อนจบเพลงพอผมเอนตัวลง ดนตรีก็จะบรรเลงไป แดนเซอร์ก็หมุนตัวผมแล้วค่อยวางให้ผมยืนที่พื้น
แบบหันหลังให้คนดู แดนเซอร์สองคนจะมาเกาะที่ขาสองข้างอีกสองคนยืนอยุ่ซ้ายขวา อีกคนกอดเอวผมไว้
แล้วพอถึงประโยคสุดท้ายที่ร้องว่า ...That jazz... ผมจะต้องสะบัดหน้ากลับมาทางผู้ชมแรงอีกครั้งเป็นการปิดท้าย
ซึ่งแน่นอนว่าการแดสงทุกการแสดงของพวกเราเป็นที่ถูกใจคนดูเป็นอย่างมาก การแสดงมายากลที่จะมาต่อจากเรา
ดูเป็นของธรรมดาไปเลยทีเดียวครับ เสียดายที่พี่จิ๊บไม่ยอมโชว์เดี่ยวแต่ก็ทำให้ครึ่งชั่วโมงนี้มันส์กันสุดๆ
พอลงมาอยู่หลังเวทีกันครบทุกคน แต่ละคนได้แต่พูดว่า "เจ๋งมาก สุดยอดเลย ทำไปได้เนอะพวกเรา"
หน้าที่ของพวกเราในคืนนั้นยังไม่จบแค่การแสดงนะครับ เพราะหลังจากนั้นเราก็ต้องเปลี่ยนชุดกลับมาเป็น Wonder girl
แล้วเดินไปพูดคุยกับแขกในงานที่บางคนอยากทักทายกับพวกเรา คืนนั้นพวกเราเหนื่อยมากก็จริงแต่ก็เห้นว่าไม่ได้หนักหนา
จนทำไม่ได้ อีกอย่างช่วงที่พวกเราโชว์ แขกเหล่านั้นก็ลุกขึ้นเต้นไปกับเราด้วย ดังนั้นแค่ทักทายกับแขกสบายมากครับ
กลับจากงานคืนนั้นด้วยความเหนื่อย เพลีย แต่ก็ประทับใจและคิดว่าคงอีกนานกว่าจะได้หลุดโลกกันสุดๆแบบนี้อีกครั้ง
จนถึงตอนนี้เรายังพุดคุยกันอยุ่เลยว่า ดีใจนะที่คืนนั้นเราไม่กั๊ก ปล่อยเต็มที่แม้มันไม่ใช่เรื่องง่ายและฝืนตัวตนมากมาย
เพราะเมื่องานที่เรารับผิดชอบผ่านพ้นไปแล้ว เราก็ภุมิใจกับงานนั้นได้เต็มที่ว่าทั้งเราและคนดูต่างก็ประทับใจร่วมกัน

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

ความเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป้นค่อยไปของผมก็คือ

1.ผมเปลี่ยนคอนแทกส์เลนส์แบบใส หรือสีเทา(ดูคล้ายสีดำ) มาเป็นแบบ สีน้ำตาลบิ๊กอาย (วิ๊งๆๆๆๆ)
2.ผมตัดสินใจเข้าร้านทำผมเพื่อเปลี่ยนสีผมจากสีดำ(ออกไปทางน้ำตาลเข้ม) มาเป้นสีน้ำตาลอ่อนประกายทอง
3.ผมเริ่มไม่ปล่อยให้ใครรังแกได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อน
4.ผมเปลี่ยนวิธีรับมือคนร้ายๆพวกนั้นจากการนิ่งๆ เฉยๆ หยิ่งๆ (จนดูเหมือนไว้ตัว,ถือตัว) มาเป็นยอกย้อน ตอบคำถามด้วยคำถาม
5.ผมเรียนรู้ที่จะใช้สายตาในการมองคนในแบบที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เหมาะจะให้เรามองด้วยหางตาน่ะครับ
ฯลฯ


ช่วงที่ผ่านมาพี่สาวแก่ลางานไป2week ทำให้ผมและป้าศรีต้องทำงานอย่างไม่มีวันหยุดเลยตลอด 10กว่าวันนี้ แล้วด้วยความที่ผมต้องเข้าบ่าย
ทำให้ผมต้องอยู่ทั้งครัวเมนและแคนทีน ซึ่งงานหนักมากนะครับ เคยมีกรณีที่ทำออเดอร์เสร็จ4ทุ่ม แล้ว4ทุ่มเนี่ยพนักงานต้องมากินข้าวแล้ว
ผมต้องวิ่งคาลีตาเหลือกจากครัวเมน มาทำข้าวผัดน้ำพริกลงเรือที่ครัวพนักงาน เหนื่อยก็เหนื่อย แล้วยังเจอคนพูดจาไม่ดีอีกด้วยนะครับ
หรืออย่างบางครั้ง ด้วยความที่แขกเยอะจริงๆ ผมต้องปรับอาหารเมือดึกเป็นยำปลากระป๋อง ก็จะเจอพนักงานเมด(แม่บ้าน) วิจารณืแบบเจ็บๆให้เข้าหู
บางครั้ง ผมมีออเดอร์มาเรื่อยๆไม่ต้องให้พี่ที่เป้น sous chef เข้ามาช่วย ผมก็ทำได้คนเดียว ทีนี้บางคืนที่พี่เป้เข้าบ่ายเหมือนกัน
เค้าก็จะคอยมากวนประสาทเป้นระยะๆ ยิ่งเห้นผมงานยุ่งๆยิ่งชอบมากวนให้ผมหงุดหงิด พอเค้าเห็นผมหัวเสียก็หัวเราะชอบใจใหญ่ (ผมรำคาญมากๆ)
ดังนั้นแม้ผมจะเริ่มแก่วิชามากขึ้น แต่ผมก็ยังคงเลือกจะตอบโต้แบบนุ่มนวลและถนอมน้ำใจคนรอบข้างให้มากที่สุดอยู่เหมือนเดิมนั่นเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

กลับมาอยู่บ้านปรับตัวไม่ค่อยถูกนิดหน่อย เพราะไปใช้ชีวิตเยี่ยงบ่าวไพร่เสียครึ่งปี
นานๆกลับมาสู่ชีวิตที่คุ้นเคยก็กลายเป็นความไม่คุ้นเคยไปซะงั้น
แล้วแบบว่าที่บ้านก็อยากเอาใจด้วยแหล่ะ เค้าคิดว่าผมไปทำงานเหนื่อยล้า สู้รบปรบมือกับชาวบ้าน
พอมาถึงบ้าน ทั้งนายแม่ คุณป้าใหญ่ คุณน้า ต่างก็พากันพร้อมใจช่วยดูแลผมซะตั้งตัวไม่ทันทีเดียว
ลำดับแรกเรื่องอาหารการกิน แทนที่ผมจะกลับมาทำให้ที่บ้านทานให้สมกับที่ไปเป็นกุ๊กมา6เดือน
กลายเป็นว่านายแม่ก็อยากทำอาหารต่างๆให้ผมทานซะเอง เห็นว่าผมทำให้คนอื่นมาเยอะแล้ว
แต่ผมก็ได้โอกาสแสดงฝีมืออยู่บ้าง ด้วยการทำข้าวตังหน้าตั้ง ขนมหยกมณี ให้นายแม่และคุณป้าใหญ่ได้ทาน
แล้วก่อนจะกลับมากทม.ผมเป็นร้อนใน ทำให้ปากเป็นแผลหลายจุดทานอะไรไม่ลงเพราะมันแสบปากมากๆ
ก็บอกที่บ้านไว้แล้วว่ากินยาแก้อักเสบก็ยังไม่หาย สงสัยต้องทำอาหารจืดๆอ่อนๆทานก่อน เท่านั้นแหล่ะ.....
ถึงกรุงเทพฯปั๊บ คุณน้าก้จัดเตรียมน้ำมะขามเย็นๆไว้ให้ กลับมาอยู่โคราชนายแม่ก็ทำน้ำมะยมเย็นๆให้ดื่มอีก
แต่คุณป้าใหญ่ก็ไม่ยอมเช่นกันบอกว่า ยังไงซะก็ต้องน้ำเก๊กฮวยสูตรดั้งเดิมสิถึงจะแก้ร้อนในได้จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเพราะน้ำสูตรไหนก็ตาม แต่ผมว่าผมคงได้ความรัก ความเอาใจใส่จากคนที่บ้านแน่ๆถึงทำให้หายร้อนในได้เร็ว

นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว เรื่องการโชว์ตัวก็เป็นอีกเรื่องที่ผมต้องทำเพื่อเอาใจญาติผู้ใหญ่
คือ ผมคิดเอาเองนะว่าผู้ใหญ่ในบ้านคงรู้สึกดีที่ไปไหนๆแล้วมีลูกหลานไปด้วย แบบว่าคนที่มองเห็นก็รู้สึกว่าท่านไม่ถูกทิ้ง
ให้โดดเดี่ยว ดังนั้นเวลาผมกลับมาบ้าน(ไม่ว่ากทม.หรือโคราช)ผมมักจะถูกหนีบไปนู่นไปนี่กับคุณน้าบ้าง คุณป้าใหญ่บ้าง
อย่างตอนที่มากทม. ผมมีนัดกับเพื่อนๆแก๊งแซนวิชในตอนเย็นวันอาทิตย์ แต่วันจันทร์ผมก็ต้องไปโชว์ตัวอยุ่ที่ทำงานน้า
เพียงเพื่อให้เพื่อนๆของคุณน้าได้เอ่ยชื่นชม ซักถามว่าผมไปทำอะไร ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง ดูเหมือนแค่นี้น้าก็ปลื้มแล้ว
และหลังจากนั้นผมก็ต้องไปรับนายแม่ที่เดินทางมากทม. ผมพานายแม่ไปชอปปิ้ง แล้วก็ซื้อของที่ร้านศิลปาชีพ904
นายแม่ขนซื้อของมาฝากญาติโยมชนิดที่ผมยังต้องถามย้ำว่า "หม่ามี้จะซื้อไปฝากหรือซื้อไปขายต่ออ่ะครับ"
แล้วพอกลับมาถึงโคราช ผมก็ทำหน้าที่หลานรักของคุณป้าใหญ่ด้วยการพาท่านไปซื้อของตั้งแต่ห้างใหญ่ยันตลาดใกล้บ้าน
แล้วหน้าที่ซึ่งพ่วงติดมาด้วยก็คือ การเดินไปไหว้คนขายของในตลาดที่คุ้นเคยกัน หลายๆคนเห็นผมตั้งแต่เด็กแล้วครับ
เจอกันทีไรก็ต้องไหว้ต้องทักทายกันทุกครั้ง (ตอนเด็กๆผมเคยเอาขนมไปขายในตลาดด้วยนะ ขยันป่ะ) มาครั้งนี้ก็เช่นกัน
ประเด็นหลักๆของการไปเดินซื้อของกับคุณป้าใหญ่ก็เพื่อไปตอบคำถามพ่อค้าแม่ขายว่า ผมไปทำงานที่ไหน เป็นไงมั่ง ฯลฯ
เดินไหว้ทักทาย เดินยิ้ม เดินคุยจนแทบจะครบทั้งตลาดแล้ว ถึงจะไปเวลาซื้อของกลับเข้าบ้านได้ซะที (เมื่อยหน้านิดๆ)
ผลพวงจากการเป็นคนของประชาชน(ไม่ใช่สิ) เป็นคนนอบน้อมทำให้ได้ของฟรีกลับมากินเพียบเลยอ่ะครับ 555555

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

เมื่อคืนงานเข้าซะแล้วครับ พอดีว่าวันนี้ผมจะนัดเพื่อนที่เรียนรามโคราชด้วยกันมาทานข้าว (กะว่านัดเท่าที่นัดได้ก่อน)
แล้วพอดีผมนัดเพื่อนที่ชื่อ โอ๋ ไว้แล้ว แต่เหลือเพื่อนอีกคนชื่อ จิม ผมยังติดต่อไม่ได้ แต่เพราะคุยกันมาก่อนแล้วว่าจะเจอกันที่โคราชแล้วไปทานข้าวกัน
เมื่อคืนผมอยู่บนรถทัวร์ก็เลยโทร.หาจิมซะก่อน แต่โทร.เท่าไหร่ๆก็ไม่ตืดซักทีผมก็เลยตัดสินใจโทร.หาแม่ของจิมแทน แล้วงานก็เริ่มเข้าตรงนี้แหล่ะครับ

"ฮาโหล....นี่ม๊าเองนะลูก จิมบอกว่าเดี๋ยวจะไปค้างบ้านนิวคืนนี้ ยังไม่เจอกันอีกเหรอ" เสียงแม่ของจิมถามกลับมา
"เอ่อ" ผมกำลังเอ๋อสุดๆ เพราะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แล้วจะตอบไปไงดีล่ะเนี่ยแต่ก็เอาวะ ช่วยเพื่อนไว้ก่อนละกัน
"ครับๆ นิวก็กำลังรอจิมอยุ่ครับ แต่โทร.ไปหาไม่ติดไม่รุ้ทำไม" ผมเริ่มแถเนียนๆ
"สงสัยไม่ได้เอามือถือไปมั้งลูก" แม่ของจิมตอบกลับมา
"งั้นนิวจะรอต่อไปแล้วกันครับ ขอบคุณครับม๊า ม๊าสบายดีนะครับ โอเคครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ" หลังจากแถแล้วก็รีบวางสายก่อนความแตก


แล้ววันงานเข้าก็มาถึงครับ วันนี้แหล่ะ..............

มีโทรศัพท์มาถึงผมหลายสายแต่ผมไม่ได้รับ หนึ่งในนั้นคือสายที่ผมเมมชื่อไว้ว่าเป็นชื่อจิม ผมก็เลยโทร.กลับไปกะจะถามว่าไปไหนมาเนี่ย
"เฮ้ย...หายไปไหนมาอ่ะจิม" ผมถามทันทีที่มีคนรับสาย
"ผมปาล์มนะครับ ไม่ใช่จิม นิวรึเปล่าน่ะ" แป่ว ซวยจริงๆทำไมเป็นแฟนจิมรับสายล่ะเนี่ย
"อืม นิวเองครับ แหม...ปาล์มเหรอ ขอสายจิมหน่อยสิ ตะกี้จิมโทร.มาเราไม่ได้รับสาย" ผมก้ตอบกลับไปแบบงง
"อ๋อ ตะกี้ผมโทร.ไปเอง จะถามนิวว่าเจอจิมมั้ย วันนี้ผมโทร.ทั้งวันแต่จิมปิดเครื่อง" ปาล์มถามกลับ
"ไม่รู้สิ เรายังไม่ได้โทร.หาจิมเลยวันนี้ ทำไมเหรอ" ผมก้ถามกลับบ้าง
"คือผมมาโคราช มาหาจิมเพราะติดต่อจิมไม่ได้เลยตั้งแต่จิมกลับบ้าน แล้วนี่แม่จิมก็โทร.หาผมหลายครั้งว่าจิมหายเงียบไป" เสียงปาล์มร้อนรนมาก
"อ้าว มาจากลำปางเนี่ยนะ ลงทุนเนาะงานการไม่ทำเหรอครับ มาตามแฟนอย่างด่วนเนี่ย" ผมสวนกลับแบบนึกสนุก
"ผมกลัวจิมนัดกับคนอื่น พักหลังทำตัวแปลกๆ" อ้าว เรื่องนี้ไม่สนุกแล้วแฮะ
"เอางี้ปาล์มวางไปก่อน เราจะลองโทร.หาจิมนะ แล้วไงจะโทร.ไปบอก" ผมตอบกลับไป
"เดี๋ยวๆ มารับผมหน่อย ผมไปบ้านจิมไม่ถูก" ปาล์มตะโกนโหวกเหวกก่อนผมจะวางสาย
"อ่ะนะ ตอนนี้ปาล์มอยุ่ไหนอ่ะ" ผมรีบถามไปได้ความว่า ปาล์มมาจากลำปาง ตอนนี้นั่งรถรับจ้างมาอยุ่ที่ห้างเดอะมอลล์แล้ว(เพราะใกล้บ้านจิม)

ระหว่างทางที่ผมออกจากบ้านไปเดอะมอลล์(โคราช) ผมก็พยายามโทร.หาจิมด้วย แต่โทร.เท่าไหร่ๆก็ไม่ติดซักที ยังคิดอยุ่ว่าถ้าเจอปาล์ม
คงต้องพาเค้าไปบ้านจิมก่อน แล้วผมก็กลับบ้านถ้าใครติดต่อจิมได้ค่อยส่งข่าวอีกที แต่ประเด็นคือ ผมไม่เคยเจอปาล์มแฟนของจิมน่ะสิ นี่ก็เพิ่งคุยกันครั้งแรก
กำลังจะถึงเดอะมอลล์พอดี โทรศัพท์จากตู้สาธารณะก็ดังเข้ามาที่มือถือของผม พอผมรับสายเหมือนสวรรค์มาโปรด จิมโทร.หาผมพอดีเลยครับ
"อยู่ไหนของแกเนี่ย รุ้มั้ยสามีแกตามมาทวงชีวิตแกจากลำปางแล้ว"
"เฮ้ยๆๆๆ นิวปาล์มมาเหรอ แกจะพามันไปบ้านเราไม่ได้นะเว้ย ตอนนี้ม๊าเราไม่อยู่ เตี่ยเราก็แอนตี้ปาล์มอ่ะ พาไปต้องบ้านแตกแน่ๆ" จิมรีบเบรคไว้
"แล้วจะให้ทำไงอ่ะ นี่แกอยุ่ไหน มาจัดการเรื่องของแกด่วนๆเลยนะ"
"เราอยู่บ้านพี่อีกคนว่ะ พอดีว่านัดเจอกันตั้งแต่อยู่ลำปางแล้ว อย่าเพิ่งบอกใครนะเว้ย ถ้าปาล์มรู้มันฆ่าเราแน่เลย"
"ไอ้บ้า นี่แกหนีแฟนไปหากิ๊กเหรอ ยังมีหัวใจรึเปล่าวะเนี่ย แฟนแกเค้าเป็นห่วงจะเป็นจะตาย ตามมาถึงนี่เลยนะเว้ย"
"รู้ๆ อย่าเพิ่งด่าสิแก ใครจะนึกว่าจะตามมาล่ะ นี่แกเราเบื่อปาล์มก็ตรงนี้แหล่ะ ตามแจเลย ไม่ยอมให้ไปไหน ไม่ให้คุยกะใคร"
"แฟนรักไม่ดีเหรอ หรือชอบให้แฟนทิ้งๆขว้างๆไม่สนใจ"
"มันก็ดี แต่บางทีเราเบื่อไง แล้วแกก็รู้เราไม่ชอบคบใครนานๆ"
"ก็เลยครึ่งควบลูกไปเรื่อยแบบนี้อ่ะนะ"
"เอาเหอะ ฝากดูแลมันหน่อย แต่อย่าพาไปบ้านเราละกัน แค่นี้รนะพี่เค้ามาแล้ว บาย"

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

ผมมาถึงเดอะมอลล์ ต้องโทร.หาปาล์มแล้วบอกว่าช่วยคุยไปเรือ่ยๆก่อน เพราะผมจะได้หาเค้าเจอ (ก็ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยนี่นา)
พอเดินๆมาถึงมุมเสาใกล้ๆประชาสัมพันธ์ก็เจอเข้ากับปาล์ม อืม..เพื่อนเรารสนิยมดีนะเนี่ย แต่หล่อขนาดนี้มันยังจะทิ้งเค้าอีกเหรอ (ใจร้ายมากจิม)

"หวัดดีปาล์ม"
"ดีครับนิว ได้ยินจิมพุดให้ฟังบ่อยๆว่าสนิทกัน เพิ่งเจอกันวันนี้เนอะ"
น้ำเสียงไม่ได้แสดงความร้อนใจเลย
"แล้วปาล์มกินอะไรรึยัง"
"ยังเลย"
"ไปกินข้าวก่อนมั้ย นี่ก็บ้าย2แล้วนะ"
"ครับ"


ผมกับปาล์มเดินมาทานข้าวกันที่ร้าน S&P สั่งอาหารกันคนละจานแล้วก็นั่งพูดคุยไปเรื่อยๆ ผมออกจะเขินๆเพราะต้องมานั่งคุยกับคนที่เพิ่งรุ้จักกระทันหัน
ปาล์มบอกว่าเค้าเองก็รุ้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่เค้าเคยนรัดเจอใครต่อใครจากเนตมาบ่อยๆแล้ว ก็เลยชินบรรยากาศแบบนี้ "ผมว่าก็ตื่นเต้นดี" เค้าบอก
หลังจากปาล์มทานอาหารมื้อแรกของวัน ผมก็พาเค้าเดินทั่วห้างรอเวลาให้จิมติดต่อมา แต่เดินวนจนรองเท้าสึกก็ยังไม่มีวี่แววซะเลย ปาล์มเลยชวนดุหนัง
เอ้า....ก้ได้วะ ไหนๆก็รับปากเพื่อนแล้วว่าจะช่วยดูแลแฟนให้มันก่อน(ช่วยถ่วงเวลาอ่ะดิไม่ว่า) ดูหนังจบก็มาเดินซื้อหนังสือ ดูเสื้อผ้า ผมเดินไปหาวไปแล้วเนี่ย
ปาล์มหันมาเห็นคงสงสารบอกว่ากลับไปก่อนก้ได้แต่แหม...พุดแล้วทำหน้าเศร้า ใครจะทิ้งแกได้ล่ะ เซ็งจริงๆ ผมก้ต้องอยุ่กับเค้าต่อไปอีกเรื่อยๆล่ะครับ
เชื่อมั้ยว่าเจอกันตั้งแต่บ่าย2 ใช้เลาด้วยกันทั้งวันจนเริ่มสนิทกันแล้ว จิมก็ยังไม่มาเลย จากอาหารเที่ยงมื้อแรก ตอนนี้กำลังจะไปทานมื้อค่ำกันแล้วครับ

"ผมไม่รู้ว่าจะทำไงให้เค้าพอใจ" ปาล์มเริ่มเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงในความรักของเค้ากับเพื่อนผม หลังจากเราคุยกันมาซักระยะ
"แล้วจิมเปลี่ยนไปยังไงบ้าง" ผมก็ถามเพื่อรับรู้สิ่งที่เค้าสองคนมีต่อกัน
"หลังๆจิมออนเอ็มดึกๆ พอผมถามก็ไม่ยอมบอก หลังๆพอผมแกล้งเดินไปดูก็โมโหใส่ แต่ผมเห็นไงว่าที่คุยๆน่ะผุ้ชายทั้งนั้น"
"เอ้า เพื่อนจิมเป็นผู้ชายก็ไม่แปลกนีนา"
"แต่มันแปลกเพราะบางคนผมก็ไม่รุ้จัก แถมจิมยังบอกเองว่าแอดเมล์มาจากเวปเกย์ที่ไหนไม่รุ้ แอดมั่วจนจำไม่ได้อ่ะคิดดู"
"วงจรชีวิตเกย์ล่ะสิ"
"แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นน่ะ ผมไม่ทำเด็ดขาดถ้าผมมีแฟน ผมก้ไม่หว่านไปเรื่อยๆแล้ว"
"เราเข้าใจ เป้นเราก็ไม่ทำหรอก แต่จิมอาจจะแค่อยากมีเพื่อนคุยก้ได้ อย่าเพิ่งคิดมาก"
"ที่จริงผมไม่ได้อยากเอามาคิด แต่พอทะเลาะกันทีไร จิมชอบพุดว่าจะไปหาคนอื่น พอผมถามก็เอาแต่เงียบ"
"แสดงว่าจิมไม่คิดมีใครอื่นหรอก คงแค่พุดไปตามอารมณ์"
ผมแก้ตัวแทนเพื่อนทั้งที่รู้ว่ามันไม่จริง
"นี่วันพรุ่งนี้ผมต้องไปเมืองจีนแล้วนะ แต่จนตอนนี้เค้ายังไม่ติดต่อมาเลยอ่ะ" ปาล์มบอกสีหน้าจริงจัง
"อ๋อ จิมเคยบอกว่า ปาล์มจะไปเรียนต่อ" ผมพยักหน้าเมือ่นึกขึ้นได้ว่าเคยรุ้มาบ้างแต่ไม่รุ้ว่าจะเป็นพรุ่งนี้
"ผมไม่อยากไป" ปาล์มทำเสียงเครียด ผมทำหน้าสงสัยและอยากขัดคอแต่เค้าก็พุดต่อไปว่า "ผมอยากเคลียร์กับจิมก่อน"
"ก็ยังดีนึกว่าจะไม่ไปเพราะแฟนไม่มาให้เห็นก่อนเดินทางซะอีก"
"ผมไม่ปัญญาอ่อนขนาดนั้นหรอก ไม่งั้นผมจะเป็นอาจารย์สอนเด็กนักศึกษาได้ไงล่ะ"
"โห..................เป็นครูก้ต๊องได้นะ"
"ต๊องน่ะมันนิสัยส่วนตัวคร้าบบบบ ไม่เกี่ยวกะปัญญาอ่อน เหอะ เป็นกุ๊กแล้วต๊องไม่เป็นรึไง"
"เป็น เป็นประจำซะด้วยดิ"
ผมตอบกลับไป ว่าแล้วเราก็พากันหัวเราะซะลั่นร้านทั้งคู่
"นี่ๆ จริงจังหน่อยนะ แล้วถ้าสมมุติว่า วันนี้ไม่เจอจิม ปาล์มจะทำไงเนี่ย"
"ก็ไปบ้านจิมก่อนแหล่ะ"
"แล้วถ้าที่บ้านจิมไม่สะดวกล่ะ ปาล์มจะทำไงต่อไป"
"ไปนอนบ้านนิวมั้ง"
ว่าแล้วก็ทำยิ้มๆ
"ไม่ได้ดิ พรุ่งนี้เราก็ต้องเดินทางเหมือนกัน แล้วคืนนี้ก็ต้องจัดของด้วย ไหนจะเสื้อผ้า ของฝาก โน๊ตบุคอีกล่ะ" ผมเฉไฉ
"เอ้า กลับภูเก็ตแล้วเหรอ พอดีแหล่ะ ผมก้ต้องไปกรุงเทพ ไปรอขึ้นเครื่องตอนค่ำๆ ผมกลับพร้อมนิวก็ได้"
"ไมได้ คือ ถ้าไปตอนเช้าพร้อมเรา ปาล์มก็ไมได้เจอจิมอ่ะดิ"
"ไม่เป็นไร ไม่อยากเจอแล้ว"
"แล้ว....."
ผมไม่ทันได้ถามอะไรต่อ พอดีจิมโทร.เข้ามาที่มือถือของผมบอกว่ามาถึงเดอะมอลล์แล้ว ผมก็เลยให้รีบขึ้นมารัยบแฟนเค้ากลับไป

ในที่สุด จิมก็มาพาปาล์มกลับไปหาที่พักอื่นซึ่งไม่ใช่ที่บ้านของจิม แต่ท่าทางปาล์มคงจะงอนจิม(เกย์คิงเค้างอนมั้ยนะ) หรือโมโหก็ไม่รุ้ ท่าทางฮึดฮัด
จิมแอบทำท่าทางเบื่อๆแฟนเค้าให้ผมเห็น ผมได้แต่ทำสีหน้านิ่งๆแล้วโบกมือให้จิมรีบพาแฟนเค้าไปซะที หวังว่าจะเคลียร์กันลงตัวละกันนะเพื่อน เฮ้อ....
อ้อ.......เสร็จธุระเรื่องชาวบ้านก็ปาเข้าไป3ทุ่มแล้วครับ แล้ววันนี้มีนัดทานข้าวกับนายแม่ที่บ้านด้วยกะว่าจะโชว์ฝีมือให้นายแม่ได้ชิมเต็มที่ซะหน่อย
ณ ขณะนี้ ผมทำและทานอาหารกับนายแม่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะทานของว่างครับ เลยเปิดเครื่องลงเรื่องราววุ่นวายๆของวันนี้ให้เพื่อนๆได้อ่านก่อน
นายแม่เรียกแล้วครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ จริงๆก้ยังไม่หายเหนื่อยหรอกนะ แต่ก็ยังดีที่ได้กินอิ่มและหวังว่าจะนอนหลับก่อนเดินทางไกลในวันพรุ่งนี้อ่ะครับ

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

กลับมาเล่าให้ฟังครับว่าผมเจอเรื่องแย่ๆอะไรมาบ้าง คือก่อนหน้านี้ ช่วงที่ผมกลับบ้าน2สัปดาห์น่ะครับ พี่สาวแก่เค้าก็ทำร้ายผมลับหลังทันที
คือเค้าหาว่าผมไม่ได้เตรียมของไว้ให้เค้าสำหรับจะขายออเดอร์ในช่วงบ่าย และก็เดินด่าผมไปทั่วทั้งครัว เจอใครก็ไปด่าผมให้เค้าฟัง
แล้วนอกจากจะโวยวาย ด่าทอผมเสียๆหายๆไปทั่วทั้งครัวหลักและครัวพนักงานแล้ว ก็ยังไปฟ้องพี่ไพรัช(ซูเชฟ) ฟ้องเชฟใหญ่ ฟ้องพี่อั้มด้วย
ทีนี้หลังจากผมกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่วัน ทั้งมิ้ง พี่นุ้ย พี่ภัทร ป้าศรี ต่างก็ทะยอยกันโทร.มาเล่าเรื่องราว และสถานการณ์ต่างๆในที่ทำงานให้ฟัง
เริ่มจากเรื่องที่พี่สาวแก่ฟ้องใครต่อใครว่าผมทำงานชุ่ยและยังทำให้เค้าต้องมาตามล้างตามเช็ดงานของผมอีก และเรื่องก็บานปลายไปเรื่อยๆ
พี่สาวแก่บอกว่า ถ้าผมทำงานแบบนี้คงทำงานด้วยไม่ได้แล้ว ถ้าผมกลับมาเมื่อไหร่จะให่เชฟใหญ่จัดการตัดเงินหรือพักงานผมซะให้เข็ด
ทีนี้พอเชฟได้รับข้อมูลจากพี่สาวแก่แล้วก็เริ่มไปไล่เบี้ยกับป้าศรี พี่ภัทร เพราะเชฟไม่ถูกกับสองคนนี้อยู่แล้วก็คงกะว่าจะเล่นงานมาถึงผมด้วยเลย
คราวนี้ป้าศรี พี่ภัทร ต่างก็เริ่มเป็นห่วงผมแล้วว่ากลับมาจะรับมือกับเรื่องนี้ไม่ไหว เพราะท่าทางเชฟเอาจริงมากตอนพูดว่า "นิวกลับมาผมต้องเรียกคุย"
ข่าวคราวมีมาทางสายโทรศัพท์เป็นระยะๆ ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจมาก เพราะถึงผมจะเคยเจอเรื่องแย่ๆมามาก แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอให้ร้ายรุนแรงแบบนี้
ในความไม่สบายใจนั้นก็ยังดีที่มีหลายๆคนยืนอยู่ข้างผม คือคอยเถียงแทน คอยปกป้อง และคอยตามข่าวต่างๆมาเล่าให้ผมรู้ตัวก่อนเพื่อตั้งรับทัน
ตลอดเวลาที่ผมได้รับข่าวน่าปวดหัวพวกนั้นก็ได้แต่บอกว่า ปล่อยไปก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาต้องไปเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้น เครียดไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่พรรคพวกของพี่สาวแก่ก็ไม่ได้หยุดอยุ่เพียงแค่การโวยวาย ป่าวประกาศให้คนเข้าใจผมผิดเท่านั้น แต่ยังรวมหัวกันแกล้งพี่ภัทรถึงขั้นโดนไล่ออกด้วย

กรณีของพี่ภัทรเนี่ย พี่คนนึงชื่อพี่จิ๊บ(ที่เต้นโชว์กับผมนั่นแหล่ะ) เค้าสนิทกับพี่สาวแก่ แล้วเค้าก็เป็นหัวหน้าโดยตรงของพี่ภัทรด้วย
พอเค้าได้ยินเรื่องที่พี่สาวแก่เล่าแล้วก็พลอยเชื่อผสมโรงด่าทอผมไปด้วยกัน พอดีพี่ภัทรมาได้ยินก็เลยเข้าไปเถียงแทนผม
ในทำนองว่าฟังความอะไรต้องฟังให้รอบด้าน แล้วก็พูดอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้พี่สาวแก่เสียหน้า และพี่จิ๊บก็รู้สึกไม่พอใจ
ไปๆมาๆ พี่จิ๊บก็เลยไปฟ้องเชฟว่า พี่ภัทรชอบฝ่าฝืนคำสั่งตัวเองที่เป็นหัวหน้า บอกว่าอย่าทำก็ทำ บอกว่าให้ทำก็ไม่ทำ
แล้วก็ฟ้องว่าพี่ภัทรชอบพูดจากระโชกโฮกฮาก ชอบพูดจากระทบกระเทียบมาถึงตัวเค้า พี่จิ๊บบอกว่าทนทำงานกับพี่ภัทรไม่ไหวแล้ว
ถ้าพี่ภัทรยังอยู่เค้าก็จะเป้นฝ่ายลาออกไปเอง แต่ที่เค้าต้องการให้เชฟจัดการเพราะเค้าเห็นว่าตัวเค้าพูดอะไรไปพี่ภัทรก็แข็งข้อไม่รับฟังตลอด
แหม.....แล้วไม่ใช่ฟ้องเฉยๆนะครับ พี่จิ๊บถึงขั้นร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ ปาดน้ำหูน้ำตา ทำนองว่าเหนื่อยหน่าย กดดันกับลูกน้องอย่างพี่ภัทรเต็มกลืน
ถ้าลำพังมีแค่เชฟใหญ่ละก็ พี่ภัทรคงถูกให้ออกไปตั้งแต่ตอนนั้นเลย แต่พอดีพี่ภัทรขอให้ฝ่ายบุคคลเข้ารับฟังด้วย และพี่ภัทรก็ชี้แจงอย่างละเอียด
แต่ไม่ว่าพี่ภัรทรจะพูดยังไง ภาพที่ออกมาก็กลายเป้นว่าพี่ภัทรน่ะร้ายกาจจนหัวหน้ารับไม่ไหวร้องไห้จะเป็นจะตายที่ลูกน้องทำร้ายจิตใจปางตาย(เว่อร์เนอะ)
พี่ภัทรบอกผมว่าพี่เค้าทั้งโกรธทั้งเอ๋อ คือไม่คิดว่าคนเราจะเล่นละครกันได้ขนาดนี้ พี่ภัทรเองก็รำคาญเลยยอมรับผิดไปซะเองเลยจะได้จบๆ
พอยอมรับผิดทีนี้ฝ่ายนั้นก็เลยทำอะไรไม่ได้มากกว่ารอให้ฝ่ายบุคคลตัดสิน ฝ่ายบุคคลก็บอกว่าไม่ถึงกับต้องไล่ออกหรอกแต่จะลงโทษแบบไหนแล้วแต่เชฟ
เชฟใหญ่ก็เลยตัดสินว่า เดือหน้าให้หักเงินเดือนพี่ภัทรครึ่งนึง(จากที่น้อยอยู่แล้ว) และตัดเซอร์วิชชาร์ตทั้งหมด(ไม่เหลือสักบาทเลย)เป้นการลงโทษครับ

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

กลับมาถึงเรื่องของผมเองบ้าง เมือ่ได้เวลาก็ต้องกลับมาทำงานครับ ขอบอกตรงๆว่าในใจน่ะ ไม่อยากกลับเลย เพราะไม่รู้จะเจออะไรบ้าง
ก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกๆแล้วคิดว่ายังไงซะ ผมก็มีหน้าที่และอาชีพการงานอยู่ที่นี่ และความเป็นจริงผมก็ไมได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น
รวมทั้งการที่พี่สาวแก่พยายามให้ร้ายผม อาจจะมีบางคนคล้อยตามเค้าไปบ้างแต่ผมก็แน่ใจว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะ คิดร้ายกับผมเพราะคำพูดของเค้า
แล้ววันแห่งการต้องเผชิญหน้าก็มาถึงครับ ผมกลับมาถึงหอพักพนักงานตอน6โมงเช้า วางกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนชุดแล้วเข้านอนเลย(เก็บแรงไว้)
เพราะวันนี้ผมต้องทำงานบ่าย ผมก็มีเวลานอนพักผ่อนอีกหน่อย แม้ว่าจะนอนหลับบนรถมาตคลอดทางแล้วก็ตาม ตื่นมาอีกที10โมงกว่าๆ
ก็จัดของในกระเป๋าเข้าตู้เสื้อผ้า จัดของฝากที่เตรียมมาจากบ้าน ลงในกระเป๋าเพื่อเอาไปฝากเพื่อนๆที่ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ แล้วก็ไปนั่งคุยกับพี่นุ้ย

"นิวรู้รึยังที่เชฟบอกว่าจะเรียกนิวเข้าไปคุยน่ะ"
"รู้แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าเชฟพุดอะไรยังไงบ้าง"
"จริงๆพี่ก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์นะ แต่ป้าศรีเล่าว่า รุ่งขึ้นน่ะเชฟไปถามแกว่าทำไมนิวทำงานแบบนั้นแบบนี้ ป้าศรีก็ว่าปกตินิวก็ทำไว้พร้อมนะ
เชฟก็บอกว่าแล้วทำไมวันนั้นพี่สาวแก่ถึงไปโวยวายฟ้องเชฟว่า นิวไม่ได้ทำอะไรไว้เลย หมูก็เน่า ผักก็เหี่ยว ข้าวก็บูดอะไรแบบนี้น่ะ"
"อ๋อ แล้วไงอีกล่ะพี่"
"ทีนี้พอจัดการไอ้ภัทรแล้ว เชฟก็บอกว่าพวกเรา หมายถึงกลุ่มพวกเราน่ะ ทำงานไม่เห็นใจเพื่อนร่วมงานเลย
ทำอะไรแบบตามแต่ตัวเองสบายไม่คิดว่าเพื่อนร่วมงานที่มาต่อรอบจะลำบากมั้ยอ่ะนะ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเหลือนิวอีกคนที่จะเรียกมาจัดการ"
"อ๋อ มิน่า ป้าศรีกังวลใจใมหญ่เลย รีบโทร.มาเล่าให้ฟังว่า ถ้าเชฟเรียกไปคุยแล้วพาดพิงมาถึงป้าศรีให้ตามป้าเข้าไปช่วยพูดเลยนะ"
"เออ นั่นแหล่ะ นิวก็เตรียมๆตัวไว้แล้วกัน เพราะอีพวกนั้นมันหมาหมู่จะตาย"
"ขอบคุณครับ แล้ววันนี้พี่นุ้ยไม่ทำงานเหรอ"
"พี่ลาถึงวันพุธแหล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ภัทรมในเข้าบ่ายนิวยังมีมันอยุ่อีกคน"
"อืม...ก็ยยังดี เพราะนี่ป้าศรีก็ลาไปคนนึงแล้ว พี่นุ้ยลาอีกคน คงมีพี่ภัทรนี่แหล่ะมั้ง"
"อ้อ ยังมีอั้มด้วยไง เข้าบ่ายตลอดนี่ เออ เห็นมาถามพี่เหมือนกันว่าเรื่องเป็นไง พี่ก็ไม่ได้พูดอะไรนะ ดูๆท่าทีไปก่อน"
"ครับ ตอนนี้พวกเราเหมือนอยู่ในสงครามเลยเนอะ บ้าจริง นี่มาทำงานหรือจะมาทำศึกเนี่ย"
"พวกมันแหล่ะ หาเรื่องแบบหมาลอบกัดเรา พี่เคยเจอมาก่อนแล้ว พี่สาวแก่มันรอให้นิวไม่อยุ่แหล่ะถึงกล้าทำ ต่อหน้าไม่ใช่กล้าหรอก"
"หมาลอบกัดจริงๆด้วยเนอะ"
"หมาบ้าซะด้วยนะนิว ต้องระวังไว้"
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ ก่อนลงสนามรบนิวจะถือไม้ไว้ฟาดปากหมา ขืนมันเสนอหน้ามาก็ตีปากมันก่อนเลย"
"เอาเหอะ พี่ก็เป็นห่วงนิวแหล่ะ"
"ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องกังวลนะ นิวก็มีวิธีของนิวเหมือนกัน"

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

"นิวว่างมั้ย เดี๋ยวเข้ามาพบผมในออฟฟิศหน่อยนะ" เชฟใหญ่เดินมาบอกผมหลังจากที่ผมทำงานผ่านไปได้หลายชั่วโมง
"เฮ้ย โดนเรียกแล้วเหรอนิว ถ้ามีอะไรก็บอกนะ ป้าศรีแกว่าจะให้ตามแกก็ให้พี่โทร.ตามได้เลย" พี่ภัทรบอกก่อนผมจะเดินเข้าไปในออฟฟิศ
"ขอบคุณครับ เรียกซะก็ดี นิวจะได้หายใจหายคอคล่องขึ้นหน่อย ไม่เคลียร์ให้จบๆมันก็ไม่สบายใจอยู่ดี" ผมเช็ดมือแล้วเตรียมตัวเดินเข้าไปด้านใน
"คืออย่างนี้นะ ผมมีเรื่องอยากปรึกษานิวซักหน่อยนะ" เชฟใหญ่เริ่มถามขณะที่ผมนั่งลงทางฝั่งตรงข้าม
"ครับ" ผมก็ตอบไปด้วยเสียงราบเรียบ ในใจผมไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น
"นิวคิดว่าตอนนี้นิวทำงานเป้นยังไงบ้าง ถ้าประเมินตัวเองช่วงนี้คิดว่าขาดตกบกพร่องไปบ้างมั้ย" เชฟใหญ่ถามแบบค่อยๆเรียบเรียงคำพูด
"ถ้านิวมองตัวเอง นิวคิดว่าไม่บกพร่องนะครับ นิวทำทุกอย่างดีที่สุดเสมอ" ผมเชิดหน้าตอบไปตรงๆไม่มีความหวาดหวั่นใดๆ
"คือย่างนี้นะ  บางทีเราทำงานร่วมกันอาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง อาจจะมีพลาดไปบ้าง ผมอยากให้นิวรอบคอบอีกหน่อย" เชฟท่าทางอึกอัก
"ขอบคุณครับ นิวก้จะละเอียดรอบคอบมากขึ้น แต่ถ้ามีอะไรที่เชฟจะแนะนำนิวก็บอกได้เลยนะครับ นิวจะได้นำไปแก้ไข" ผมพูดยิ้มๆ
"วันก่อนผมไปเปิดตู้เย็นดู รู้สึกของบางอย่างจะมีกลิ่นนะ แล้วก็ผักบางอย่างก็เหี่ยวแล้ว ของที่ขายตอนบ่ายถ้าจะให้ดีต้องเปลี่ยนทุกวัน
ไม่รู้วันนั้นนิวลืมรึเปล่า ก็ไม่ได้มีใครมาฟ้องนะแต่บังอิญผมไปเชคดูเห็นว่าบางอย่างมันก็ยังไม่มี บางอย่างก็เหมือนจะใช้ไมได้แล้วน่ะ"
เชฟใหญ่เริ่มเรื่อง
"อืม ถ้าเป้นข้อผิดพลาดแบบนี้ นิวเองก็คงต้องละเอียดขึ้นจริงๆ แล้วนิวก็เชื่อว่าไม่มีใคราฟ้องเชฟหรอกเพราะถ้าจะฟ้องก็คงฟ้องตั้งแต่แรก
คงไม่มีใครมาฟ้องเชฟในวันที่นิวไม่อยู่หรอกเนอะ อีกอย่างนิวอยู่เช้ามาหลายวันถ้านิวทำงานชุ่ยๆทุกวันคงมีคนฟ้องไปนานแล้ว
แสดงว่าทุกๆวันที่ผ่านมางานนิวคงไม่มีอะไรพลาดเลยไม่มีใครฟ้อง แต่คงเป็นจังหวะบังเอิ๊ญบังเอิญที่เชฟมาเปิดตู้เองในวันที่นิวพลาดพอดี"
ผมตอกกลับ
"ผมก็ไม่อยากให้ใครเค้าตำหนินิวเหมือนกัน แต่บางทีพอคนมาต่อรอบบ่ายเห็นว่าของไม่ครบเค้าก็อาจจะอารมณ์เสีย คิดว่าเราไม่ทำอะไรเลย"
"นิวเข้าใจครับเพราะอย่างวันนี้นิวมาต่อรอบบ่ายจากพี่สาวแก่ เค้าก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้เหมือนกัน แต่นิวก็เข้าใจได้ว่าเช้าๆอาจจะยุ่ง
แล้วจริงๆวันนั้นถ้าเชฟสงสัยก็น่าจะถามพี่สาวแก่ได้ครับ เพราะนิวก็อยู่บอกเค้าแล้วว่ามีอะไรทำไว้บ้าง อะไรที่ทำไม่ทันบ้างเค้าก็จะได้อธิบายแทนนิว"

ผมพูดไปอย่างนั้นแหล่ะครับ รุ้ทั้งรู้ว่าพี่สาวแก่น่ะแหล่ะเป็นคนโวยวายฟ้องเชฟ แต่ผมต้องการย้อนรอยพี่สาวแก่กลับไปบ้างเหมือนกัน
"เอ้าเหรอ แล้วถ้าเค้ารู้อยุ่แล้วจะบ่นทำไมล่ะ" เชฟใหญ่หลุดปากแล้วพูดแบบแก้เก้อว่า "ก็แค่บ่นไม่ได้ฟ้องหรอกนะผมถึงได้ไปดูไง"
"ที่จริงเชฟก็เห้นใช่มั้ยครับว่านิวไม่เคยออกจากครัวก่อนรอบบ่ายมาต่องงานเลย ทีนิวอยู่จนหมดเวลางานก็เพื่อจะคอยบอกว่า
งานที่นิวทำไว้มีอะไรบ้าง เตรียมอะไรไว้แล้วบ้าง หือมีอะไรทำไม่ทันบ้าง คนที่มารอบบ่ายจะได้ทำต่อแบบไม่ต้องเสียเวลามาก
ถ้านิวเตรียมของไม่ทันก็จะบอกพี่สาวแก่ไว้ก่อนเหมือนกัน แล้วนิวก็คิดว่ามีอะไรก็ต้องสื่อสารกันภายในทีมอยุ่แล้วเพราะเรามีกันแค่นี้"
ผมเริ่มคุมเกมส์
"อืม ผมก็เห็นนะว่านิวจะอยู่จนเลิกงานตลอดไม่เคยออกไปก่อนเลย ก็ทำดีมาตลอดอยู่แล้วแหล่ะ" เชฟใหญ่เริ่มคล้อยตามผม
"นิวน่ะเข้าใจว่าเชฟงานเยอะมาก แล้วแต่ละงานก็ต้องเป็นความรับผิดชอบที่เหนื่อย จะให้เชฟคอยมาพูดแทนนิวทุกเรื่องมันก็ไม่ใช่
อีกอย่างนิวถือว่า ป้าศรี พี่สาวแก่ นิว ก็มีกันแค่นี้มีอะไรก็คุยกันได้และน่าจะเข้าใจกัน ดังนั้นนิวก็จะสื่อสารตลอดไม่เคยทิ้งงานค้างไว้เฉยๆ
แต่นิวไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดแบบนิวมั้ย จริงๆวันนั้นพี่สาวแก่ไม่น่าจะบ่นให้เชฟต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะตอนนิวบอกงานก็ดูจะเข้าใจดีนี่นา
เนี่ยครับ นิวเองก็ไม่ค่อยสบายใจเวลาที่นิวขอความร่วมมือกับคนที่โตกว่าแล้วเข้าแปลเจตนาผิดคิดว่านิวไปสั่งเค้าหรือทำให้เค้าไม่พอใจขึ้นมา
สมมุติว่าถ้านิวบอกเชฟว่า เชฟครับถ้ามาเข้าบ่ายก่อนเลิกงานช่วยล้างหม้อข้าวหน่อยนะครับอย่าเสียบปลั๊กค้างไว้ ข้าวบูดหมดเลย
ถ้าออเดอร์เยอะก็ให้กุ๊กรอบดึกทำให้ก็ได้ เนี่ยนิวพูดแบบนี้ถ้าเปนคนอื่นนิวไม่รู้ว่าเค้าจะเข้าใจมั้ย แต่ถ้าเป็นชฟนิวเชื่อว่าเชฟต้องเข้าใจนิว
เพราะเชฟเป็นผู้หใญ่ ใจกว้าง มีความยุติธรรม และการพุดแบบนี้ของนิวเชฟต้องรู้ใช่มั้ยครับว่านิวขอความร่วมมือเพื่อให้งานไหลลื่นไปได้มากขึ้น
หรือถ้านิวบอกว่าตอนเช้านิวยุ่งๆทำหลายอย่างอาจเตรียมของไม่ทันบ้าง เชฟเองก็เห็นว่ายุ่งจริงๆเชฟก็คงเข้าใจนิวแหล่ะว่านิวไม่ได้จงใจไม่ทำ
แต่ในวิธีพูดแบบเดียวกันนี้บางคนตีความว่านิวไปสั่งไปก้าวร้าวเค้าซะงั้น อย่างนี้ต่อไปนิวคงไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้วแม้จะเป็นเรื่องงาน"
ผมทำซึมๆ

"อืม ผมเข้าใจละ ผมว่าบางทีคนที่เค้าฟังนิวพูด อาจจะเป้นคนที่จิตใจคับแคบ อิจฉาริษยา อคติกับนิวด้วยถึงตีความผิดๆ" เชฟเริ่มไหวเอน
"แต่คนอย่างนิวไม่มีอะไรที่น่าอิจฉาสักนิด นิวเป็นแค่เด็กคนนึงที่เข้ามาทำงานใหม่ หวังเพียงแค่ความเมตตาจากผู้ใหญ่ในที่ทำงาน
หวังแค่ความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนร่วมงานที่จะเห็นใจว่านิวมาไกลบ้าน มาทำงานและมาเพื่อเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แล้วเค้าจะอิจฉานิวทำไม"

"ก็เพราะคนเราคิดไม่เหมือนกัน นิวคิดดีพูดดีแต่คนที่ฟังเค้ามีแต่ความชั่วในใจถึงยังไงก็คอยแต่จะอิจฉา" เชฟเข้าข้างผมเต็มที่
"นิวถึงยังพอจะสบายใจอยุ่บ้าง ที่แม้ว่าพี่สาวแก่อาจจะเข้าใจผิดไป แต่นิวก็ยังมีหัวหน้าที่เปิดใจและให้ความเมตตานิวเสมอ
นิวยังคิดอยู่เลยครับว่า ถ้านิวเจอปัญหาความไม่เข้าใจของคนอื่นๆโดยไม่มีหัวหน้าที่รับฟังลูกน้อง ไม่เอาใจใส่นิวแบบเชฟนิวคงแย่
แต่โชคดีที่ไม่ว่าจะยังไง เชฟก็ยังให้โอกาสซักถาม พูดคุยกับนิวก่อน จริงๆแล้วนิวเองไม่อยากเอาปัญหามาให้เชฟต้องกังวลใจนะครับ
เพราะมันก็เป้นเรือ่งที่นิวคิดว่าสักวันพี่เค้าคงเข้าใจเจตนาที่นิวมี ว่าไม่ได้จะก้าวร้าวหรือแสดงอำนาจกับเค้า แต่ไหนๆเราก็ได้คุยกันแล้วก็เลยเล่าให้ฟัง"

"อย่าไปคิดมากเลย ผมเองก็เจอพวกลุกน้องอคติ พวกเพื่อนร่วมงานที่ชอบเลียแข้งเลียขาบอสแล้วคอยดิสเครดิตผมน่ะ ผมเข้าใจที่นิวรู้สึกนะ" เชฟยิ้มๆ
"แล้วแบบนี้เชฟคิดว่านิวควรทำยังไงดีครับ แต่ถ้าให้นิวไปพูดกับพี่เค้าโดยตรงแล้วโดนเข้าใจผิดนิวก็เริ่มกลัวซะแล้ว แต่จะให้เชฟพูดแทนนิวตลอดไป
นิวก็เกรงใจเพราะมันไม่ถูกต้องที่อะไรๆก็โยนมาให้เชฟซึ่งเหนื่อยกับภาระเยอะอยุ่แล้ว แล้วนิวก็ไม่อยากถูกมองว่าเป้นคนขี้ฟ้อง"
ผมเริ่มเหน็บกระทบ
"ก็เอาอย่างนี้ อะไรที่เกี่ยวกับงานนิวก็พูด ก็บอกตามที่เคยทำ แต่ถ้าอะไรที่คนน้นเค้ามีปัญหาให้นิวอึดอัดก็มาบอกผม ผมจัดการให้" เชฟพูดจริงจัง
"เดี๋ยวจะกลายเป้นว่านิวพูดไม่ดี แล้วยังจะเป้นคนขี้ฟ้องอีกด้วย แบบนี้นิวยิ่งเสียใจ" ผมหันไปหาวอีกทางเพื่อให้มีน้ำตาคลอๆแล้วหันมาทางเชฟ
"เฮ้ย ไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวใครๆก็คิดว่าผมเรียกนิวมาตำหนิหรอก" เชฟใหญ่เริ่มหัวเราะฝืนๆโบกไม้โบกมือให้ผมซับน้ำตา
"ขอโทษครับ แต่นิวแค่รุ้สึกเสียใจที่ทำให้เชฟต้องหนักใจ ถ้าเป็นคนอื่นที่พี่สาวแก่เค้าไม่อคติเชฟคงปกครองคนง่ายกว่านี้" ผมปล่อยให้น้ำตาร่วง
"ไม่หรอก คนๆนี้เค้ามีปัญหากับทุกคนแหล่ะ เมื่อก่อนก็ไอ้นุ้ย ก่อนรุ่นไอ้นุ้ยก็แบบนี้ ใครมาก็ไม่ชอบทั้งนั้น คนมีใจสกปรกน่ะ" เชฟเริ่มคายความเก่า
"เหรอครับ" ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่คราวนี้พร่างพรูมากกว่าเดิม
"ใช่ๆ ทำใจให้สบาย อย่าไปสนใจคนแบบนี้เลย ยิ่งแก่ยิ่งใจคับแคบ มีแต่อคติในใจ คนเก่งก็ด่า คนไม่เก่งก็ด่า นิวเคยทำยังไงก็ทำไปตามเดิมนะ"
"ขอบคุณครับเชฟ นิวค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย อ้อ...นิวมีของฝากจากโคราชมาให้เชฟด้วยครับรอสักครู่นะครับ" พูดจบก็ออกมาเอาของฝากให้เชฟ
"โห.....ของดีทั้งนั้นเลย ไม่เห็นต้องลำบากนี่นา" เชฟพูดเกรงใจแต่ตาลุกวาวเมื่อเห็นของฝากที่เป้นเหรียญมงคลไว้บูชา
"นิวเห้นว่าเป้นของมงคล เลยคิดว่าควรซื้อมาฝากผู้ใหญ่ที่นับถือกันน่ะครับ ไม่ลำบากเลยแค่เชฟรับไว้นิวก็ดีใจแล้ว" ผมพูดทิ้งท้ายก่อนขอตัวไปทำงาน

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

วันถัดมา ผมก็มาทำงานตามปกติ เป็นวันที่พี่สาวแก่เข้าเช้า แล้วผมก็มาทำงานต่อรอบบ่ายเหมือนเดิมครับ
มาถึงก็เจอกับเพื่อนๆคนอื่นที่ผมยังไม่ได้เอาของฝากให้ ก็เลยเดินแจกของคนนั้นคนนี้เหมือนเป้นกิจวัตรในช่วง2-3วันมานี่
แล้วระหว่างที่ผมยังไม่ได้กลับเข้าครัวหลัก พี่สาวแก่ก้มาที่ครัวพนักงานซะก่อน เค้าเองก้ได้ของฝากจากผมไปแล้วตั้งแต่วันแรก

"อุ๊ยตายคุณหนู ยังแจกไม่เสร็จอีกเหรอ" พี่สาวแก่เดินทักเข้ามาแต่ไม่มองหน้าผม
"ครับ ยังมีของคนอื่นที่ยังไม่เจอกันด้วยน่ะครับ" ผมหันไปหาเค้าแสดงสีหน้ายิ้มแย้มปกติ
"เออนี่ ของฝากที่แม่ได้ไปน่ะนะ อร่อยมาก เอาไปให้เจ้าลูกชายกินก็ชมว่าอร่อย เค้าตั้งใจห่อนะ" แม่น้อยกุ๊กอีกคนพุดขึ้นมา
"นี่ป้าพรก็เอาไปกิน น้องสาวป้าพรก้ว่าอร่อย ป้าพรได้กินนิดเดียวนอกนั้นมันฟาดเรียบ" ป้าพรเล่าเสริม
"อืม ก็ดีนะแต่เพิ่งเห็นกาละแมสีดำนี่แหล่ะ ไม่รุ้คนให้จะใจดำเหมือนกาละแมรึเปล่า" พี่สาวแก่พุดเสียงสะบัดๆ
"เอ้า นังคนนี้เด็กมันซื้อของมาฝากยังพูดแขวะเด็กอีก" แม่น้อยหันไปดุพี่สาวแก่แบบไม่จริงจังนัก
"อุ๊ย ล้อเล่นหรอกน่า" ว่าแล้วพี่สาวแก่ก็หัวเราะเสียงแหลม ผมก็ได้แต่หัวเราะไปด้วย แต่หลายๆคนในห้องนั้นทำหน้าเอือมระอาพี่สาวแก่เป็นแถว

ผมรอจังหวะซักพัก เห็นพี่สาวแก่เดินออกไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งระยะนิดนึงผมก้เดินออกไปบ้าง ไปดักเจอพี่สาวแก่แถวๆที่ล้างมือ
"กาละแมอร่อยมั้ยครับ" ผมถามโดยไม่มองหน้า ขณะยืนล้างมือข้างๆกัน
"ก็อร่อยดีนะ หอมกลิ่นใบตองที่ใช้ห่อ เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ รถใกล้ออกแล้ว" พี่สาวแก่พยายามจะชิ่ง
"ถึงมันจะดำแต่มันก็ดำให้เห็นชัดๆ ไม่ได้แอบดำลับหลังใครนะ" ผมพูดลอยๆ
"หมายความว่าไง" พี่สาวแก่หันมาถาม
"เปล่า" ผมไม่สนใจ ทำเป็นเช็ดมือ
"นี่เจอเชฟรึยังล่ะ" พี่ส่าแก่เข้าเรื่อง
"เจอแล้ว"
"แล้วคุยอะไรกันบ้างล่ะ"
"คิดว่ามีอะไรที่ต้องคุยบ้างล่ะ"
"เปล่าหรอก พี่ก็ถามเฉยๆ เผื่อเชฟแกจะถามว่ากลับบ้านมาเป็นไง"
"นึกว่าจะถามเรื่องที่ว่าพี่ไปฟ้องเชฟแล้ว เชฟว่าไงซะอีก"
"อ้าว เชฟบอกเธอแบบนีเหรอ"
"ใช่ แล้วพี่คิดว่าจะบอกแบบไหนล่ะ"
"พี่บอกเชฟให้มาดูเองแหล่ะ มีอะไรมั้ย"
"ก็เพราะมันไม่มีอะไรเลยน่ะสิ ไม่ แม้แต่จะตำหนิสักคำ นิวก็เลยคิดว่า พี่จะเหนื่อยเปล่า"
"บ้าเหรอ เชฟไม่ว่าอะไรเลยเนี่ยนะ ไม่ได้หรอกก็เชฟบอกเองว่าจะเรียกเธอคุย"
พี่สาวแก่สะบัดมือแล้วทำหน้าบึ้งไมสบอารมณ์
"โถ.....พี่คงเหนื่อยมากสินะตอนแหกปากในครัวน่ะ อายุปูนนี้แล้วเก็บแรงไว้หายใจดีกว่ามัย ที่พูดเนี่ยเป็นห่วงนะ
ทีนี้ก็เห็นแล้วใช่มั้ยว่า พี่เหนื่อยเปล่าจริงจริ๊ง เป็นไงล่ะยังอยากหาเรือ่งฟ้องอีกมั้ย แต่ก็คิดให้มันดีๆหน่อยนะเพราะนิวเบื่อแล้ว
ที่จะต้องเข้าไปนั่งอธิบายให้เชฟฟังแค่5-10นาที แต่ต้องเสียเวลารับฟังที่เชฟขุดเรื่องแย่ๆของพี่มาประจานเป็นชั่วโมงน่ะ"

ผมพูดพร้อมทำสีหน้าเวทนาพี่สาวแก่อย่างเต็มที่ แล้วพอดีมองจากกระจกเห็นว่ามีคนเดินมาทางนี้
ก็เลยหันไปร้องเรียกทักทายคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่หันไปสนใจพี่สาวแก่อีกเลย

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

ชีวิตคนเราไม่เคยมีอะไรที่แน่นอนเลยสักอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ ความรู้สึก สถานการณ์ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้างเรา
คุณป้าใหญ่เคยสอนผมว่า "ความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอน และความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน"
นั่นหมายความว่า ทุกอย่างในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเสมอ อะไรที่คิดว่าดีแล้วต้องระวังไว้ว่ามันย่อมเปลี่ยนไปสู่ทางร้ายได้
อะไรที่ร้ายเหลือก็ให้มีความหวังไว้ว่าจะยังมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ท่ามกลางความหม่นหมอง ดังนั้น ยิ่งมีชีวิตอยู่นานเท่าไหร่
เราจะได้พบเห็นอะไรอีกมากในชีวิต โดยเฉพาะบทเรียนชีวิตจากบุคคลรอบข้างของตัวเราเอง ผมก็เชื่อเช่นนั้นนะครับ
เพราะได้เห็นคนรวยล้นฟ้าที่สุดท้ายไม่เหลืออะไรลยก็มี บางคนจนยากนักหนาวันนี้กลับมีทรัพย์สินและบริวารมากมาย
แล้วสิ่งที่คุณป้าใหญ่สอนผมไว้ ก็ได้เกิดขึ้นให้ผมได้เห็นกับคนรอบๆตัวผม รวมทั้งผมด้วย ในช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมานี้
ปล.เรื่องเที่ยวเล่นวันสงกรานต์ ขอยกไปเล่าในวันอื่นๆแล้วกันครับ พอดีเรื่องที่จะเล่านี้มันเกิดสดๆร้อนๆ เลยอยากเล่าก่อน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เชฟใหญ่เรียกพวกเราในครัวเข้าประชุมพร้อมกันทั้งหมด เรื่องหลักๆที่แจ้งเกี่ยวกับเรื่องการทำงาน
ในช่วงหลังจากวันสงกรานต์ผ่านไป เนื่องจากมีหลายสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้

1.พี่สาวแก่ซึ่งอยุ่ในช่วงถูกพักงาน ขี่รถไปตามสามีที่บ้านเมียน้อย(เพิ่งจับได้)แล้วโดนรถชน ขาหัก ฟันแตก กรามหัก อยู่โรงพยาบาล

2.เชฟใหญ่เกิดเป็นแผลที่นิ้วเท้ามาตั้งแต่สงกรานต์ แล้วแผลไม่หาย ตอนที่ประชุมก็เดินกะเผลกๆ แถมตรวจเจอว่าเป็นเบาหวานอีก ต้องหยุดยาว

3.พี่จิ๊บ(หัวหน้าพี่ภัทร)ลื่นหกล้มที่ห้องน้ำบ้านตัวเอง กระดูกสันหลังเคลื่อนตอนนี้พักฟื้นอยุ่โรงพยาบาลเดียวกันกับพี่สาวแก่

4.ป้าศรี เดิมทีกะว่าพี่สาวแก่มาทำงานเมื่อไหร่ก็จะได้หยุดพักบ้าง เลยยังไม่ได้หยุดต้องยิงยาวเหมือนผม ป้าศรีก็เข้าเช้า ผมเข้าบ่ายจนสิ้นเดือน

5.พี่ไพรัช ซูเชฟปกติถ้าเชฟใหญ่ไม่อยู่ก็จะมีพี่รัชคอยดูแลงานทังหมดแทน และเป็นหัวหน้ารอบด้วย แต่ช่วงนี้พี่รัชลายาว1เดือน

6.ต้องแต่งตั้งหัวหน้ารอบคนใหม่ขึ้นมาดูแลงานในช่วงเช้าและช่วงบ่าย

7.ป้าศรีมีตำแหน่งสูงสุดคือเป็นเดมี่รอบเช้าและอาวุโสที่สุดจึงจะถูกเลือกเป้นหัวหน้ารอบเช้า แต่ป้าศรีไม่เอา เชฟมใหญ่เลยต้องเปลี่ยน
ให้พี่อั้มซึ่งเป็นเดมี่เหมือนกันแต่อยุ่รอบบ่ายต้องมาเข้าเช้าแทน แล้วรับหน้าที่เป็นหัวหน้ารอบเช้าดูแลงานแทนเชฟใหญ่

8.รอบบ่ายตำแหน่งที่สูงที่สุดที่เหลืออยู่ในรอบบ่ายคือ คอมมิสวัน และคนนั้นคือผม ผมก็เลยต้องรับหน้าที่หัวหน้ารอบเหมือนพี่อั้มทำหน้าที่แบบเดียวกัน

9.นับตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน งานของผมกับพี่อั้ม ก็มากมายมหาศาล ทั้งงานปรุงอาหาร และงานเอกสาร บางทีต้องสลับกันเข้าประชุมด้วย

10.ตอนนี้ผมต้องเข้าบ่ายตลอดไปอีกหลายวันเพราะพี่สาวแก่ต้องหยุดยาวหลายเดือน บางทีเดีอนหน้าอาจย้ายพี่นุ้ยมาช่วยครัวไทย
และพี่ไพรัชก็กลับจากพักร้อนพอดี ผมและป้าศรีอาจจะได้หยุดบ้าง หรือไม่ก็รับกุ๊กใหม่มาแทนพี่สาวแก่ไปก่อน เพราะท่าทางจะต้องพักงานอีกนาน


"ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของน้องหญิงแล้ว พี่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย" พี่ภัทรยังแซวไม่เลิก
"อำนาจถูกแบ่งเป็นสองส่วนต่างหาก นิวเพียงแต่เป็นหัวหน้ารอบบ่ายเท่านั้น" ผมพูดไปตามความจริง
"แต่อำนาจของพี่อั้ม ท่าทางจะมอบไว้ภายใต้อำนาจหัวใจของนิวมากกว่า" พี่ภัทร ปรายตาไปทางพี่อั้ม
"ฮ่าๆๆๆ พี่ภัทรนี่รู้จริงซะแล้วนะ" พี่อั้มรับมุข
"นิวขอแต่ทำงานให้ไม่ผิดพลาด ให้ได้ผลงานตามที่เชฟต้องการก็พอแล้วพี่" ผมเลี่ยงไปอีกเรื่อง
"เออ พี่ก็เหมือนกันแหล่ะ แต่ที่แน่ๆยังไงซะเราก็ต้องรวมกันเป็นหนึ่งอยุ่ดีนะ" พี่อั้มยังเล่นไม่เลิกครับ

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

เยี่ยมพี่สาวแก่

ตอนนี้ผมเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของพี่จิ๊บแล้ว ทั้งผมและคนจากฝ่ายบุคคลอีก2คนเดินมาหยุดอยุ่ที่ห้องพักผู้ป่วยรวมตึกเดียวกัน
พี่สาวแก่นอนอยู่ที่เตียงริมหน้าต่าง ตอนที่น้องฝึกงานเดินเอากระเช้าไปวางพี่สาวแก่ยังนอนหันหน้าไปอีกทาง พอได้ยินว่าพวกเรามาจึงหันมา
น้องฝึกงานคงตกใจร้องซะเสียงดัง จนพี่ฝ่ายบุคคลต้องส่งสายตาดุใส่ ผมเดินตามหลังไปเห็นสภาพพี่สาวแก่แล้วก็ใจหาย
พี่สาวแก่ถูกพันผ้าไว้รอบศรีษะเลยครับ ตรงปากมีเหล็กดามเอาไว้ และมีท่อยางเล็กๆให้เลือดไหลออกตลอดเวลา อีกท่อเป็นท่อดูดน้ำลาย
หน้ายังบวมอยุ่มากเลย ตอนที่ผมเดินไปถึงยกมือไหว้เค้า เค้าก็ได้แค่กระพริบตาเท่านั้น ดูท่าทางจะพยายามยกแขนแต่ก็ยังลำบาก

"พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนนะคะพี่ ทางโรงแรมก็จะออกค่าใช้จ่ายให้ตามส่วนที่กำหนด ซึ่งทางหนูได้ทำเรือ่งให้แล้วค่ะ
พี่ได้พักเป็นเวลา3เดือน แต่ในช่วง3เดือนที่พักนี้พี่จะได้รับเงินเดือนครึ่งเดียว ส่วนเซอร์วิชจะไม่ได้เลยนะคะ เข้าใจเนาะ"
ฝ่ายบุคคลสรุป
"เรื่องงานพี่ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้เชฟให้พี่อั้มกับนิวดูแลอยู่ พี่หายเมื่อไหร่ก็ค่อยไปลุยงานกันใหม่" ผมยืนพูดข้างเตียง
"อืม... ใช่ๆ นิวทำงานดีค่ะพี่ อั้มก็โอเคนะ มือใหม่ทั้งคู่แต่ไว้ใจได้ พี่ได้ลูกมือเก่งๆอย่างนิวก็สบายใจได้ค่ะ" พี่ฝ่ายบุคคลตอกย้ำ

เราอยู่พูดคุยกับพี่สาวแก่แป๊บเดียวเท่านั้น ใช้เวลาน้อยกว่าพี่จิ๊บ เพราะพยาบาลบอกไว้ว่าต้องให้พี่เค้าพักเยอะๆ และพี่เค้าก็พูดไม่ได้ด้วย
จะให้เราชวนคุยก็ไม่ใช่เรื่องสมควรทำอยู่แล้ว ดังนั้นการเยี่ยมเยียนพี่สาวแก่จึงใช้เวลาสั้นๆเท่านั้น แล้วพวกเราก็ขอตัวกลับไปทำงาน

"นิวกลับก่อนนะครับพี่" ผมยกมือไหว้หลังจากรอให้คนจากฝ่ายบุคคลทั้งสองคนเดินออกไปแล้ว
"พักผ่อนให้มากๆนะ ไหนๆก็พักงานยาวแล้ว น่าสงสารจริงๆเลยนะ นิวเสียใจด้วยทั้งเรื่องอุบัติเหตุและเรื่องสามีของพี่" ผมก้มมองหน้าเค้าชัดๆ
"อ้อ...เห็นว่าวันนี้มีคนมาทดสอบอาหาร พี่อั้มบอกว่าฝีมือดีเลยล่ะ นิวคงต้องพิจารณาไว้ก่อนเพราะช่วงนี้แขกเยอะจริงๆ
เอาไว้พี่หายดีเมือ่ไหร่ นิวค่อยคิดอีกทีนะครับว่าจะมีตำแหน่งไหนว่างๆให้พี่กลับไปทำบ้าง ตอนนี้ว่างๆก็ทำใจสงบๆไว้แล้วกัน
สวรรค์คงเห็นใจพี่มั้ง เห้นว่าพี่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินโวยวายไปทั่วครัว แถมยังด่านิวเสียๆหายๆซะไม่มีดีคราวนี้พี่เลยมีเวลาได้นอนพัก
ทั้งแขน ทั้งขา อ้อ....แล้วก็ได้พักปากไปอีกนานทีเดียว หนังสือธรรมะเล่มนั้นพี่ภัทรฝากมาให้ครับ อ่านซะ"
ผมยิ้มหวานจับจิตก่อนเดินจากมา

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
ความเดิมตอนที่แล้ว

ผมกลับมาถึงที่โรงแรมตอนทุ่มครึ่ง กลับเข้าไปเจอพี่ภัทรอยู่ที่ครัวพนักงาน กำลังทานข้าวอยุ่ก็เลยนั่งคุยกัน

"อีซ้อเป็นไงมั่งวะนิว" พี่ภัทรเริ่มถามก่อน
"อาการหนักเลยพี่ น่าสงสารเหมือนกัน" ผมล่าให้ฟัง
"ไปสงสารมันทำไม มันทำกะเราไว้ตั้งเยอะ" พี่ภัทรวางช้อนแรงๆแบบแกล้งขัดใจ
"แต่เราก็ทำเค้ากลับไปไม่น้อยนะพี่ แล้วจะต้องทำกันไปทำกันมาอีกนานแค่ไหน แพ้แล้วกลับมาชนะ ชนะแล้วกลับมาแพ้แบบนี้" ผมเหนื่อยใจ
"ช่างมัน แล้วเอาหนังสือธรรมะที่พี่ฝากไปให้มันยัง" พี่ภัทรถามเหมือนเพิ่งนึกได้
"ให้แล้วครับ" ผมเดินไปกดน้ำดื่มรู้สึกคอแห้ง
"เสียดายอยากเอาไปให้เอง อยางนิวเอาไปให้ก็คงวางให้มันนิ่มๆสินะ เป้นพี่จะไปด่ามันซ้ำเลย"
"วางนิ่มๆเหรอ ไม่หรอก ด่านิ่มๆสิไม่ว่า"
ผมเดินกลับมานั่งที่เดิม
"โอ๊ย เสียดายกว่าเดิม อยากเห็นนิวด่ามันจริงจริ๊ง อ๊ะ แล้วไหนว่าสงสารมันไง ไหนว่าไม่อยากทำไรมันไง"
"อืม... สงสารก็ส่วนนึงอ่ะพี่ แต่ในส่วนที่เค้าทำเราไว้ มันก็คาใจอยู่ไง แล้วนิวก็เจ็บจนชิงชังไปแล้วมั้ง
ความเจ็บแสบที่เค้าทำไว้ตั้งแต่ด่ากันซึ่งๆหน้า หัวเราะเยาะ ประจาน ด่ากราดลับหลัง ฟ้องเชฟให้พักงานนิว มันสาหัสจนลืมไม่ลงเลย
ถามว่าสงสารมั้ย ก็สงสารนะพี่ภัทร แต่ความสงสารมันเหมือนน้ำหยดเล็กๆที่ตกลงในเตาไฟขนาดใหญ่ สงสารน่ะใช่แต่ยังไม่หายแค้นหรอก"
ผมสรุปสั้นๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
นับจากนี้จะนำท่านผู้อ่าน เข้าสู่เรื่องราวใหม่ ในไดอารี่เล่ม2 ไปพบเจอกับคนใหม่ๆ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของผมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

นายแทน ทยาวัติ กุ๊กตัวดำ ปากเสีย ขี้เก๊กที่บังอาจมามีชื่อจริงเหมือนนายทึ่มของผม แล้วยังเสนอหน้ามาเกิดวัน เดือน ปีเดียวกันกับผมด้วย

นายปาล์ม แฟนของเพื่อนผม ที่ตกอยุ่ในภาวะหัวใจอ่อนแอแล้วดันนึกจะให้ผมเป็นที่ปรึกษา แหม....รู้ตัวอีกทีพี่แกก็มาอ้วกใส่ตัวผมซะแล้ว

พี่อั้ม เจ้าเก่าคนเดิม แต่ไม่คอ่ยได้เจอกันเท่าไหร่ เพราะเดือนที่แล้วทำงานคนละรอบ เดือนนี้พี่เค้าลา15วัน อืม...รอกลับมาก่อนคงมีเรื่องเล่า

พี่ณุ พ่อมาลัยลอยไปลอยมา เจ้าชู้ได้ไม่เลือก แม้ผมจะพยายามทำตัวห่างเหิน จนเริ่มเหินห่าง ก็ไมได้ทำให้เค้าพยายามน้อยลงซักเท่าไหร่

น้องบัว นักศึกษาฝึกงานที่เข้ามาพัวพันกับนายกุ๊กมืด แล้วไม่รู้อิท่าไหน มาเหวี่ยงใส่ผมซะอย่างนั้น ฝากไว้ก่อนเหอะเดี๋ยวเจอเช็คบิลหรอกนังชนะเด็ก!

นอกจากนี้ยังมีทั้งคนที่คุณผู้อ่านคุ้นเคยจากไดอารี่เล่มแรก รวมทั้งผู้คนกลุ่มใหม่ๆที่ผมได้พบได้เจอในสังคมใหม่ๆ ที่ผมต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยมาเล่าเพียบ

เอาเป็นว่าตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนจากละอ่อนน้อยหงิมๆติ๋มๆ กลายเป็นขาใหญ่คุมถิ่น ขาวีนคุมครัวไปซะแล้ว แม้ยิ่งสูงจะยิ่งหนาวแต่ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่สนุกสิ เนอะ!

ปล.แต่ตอนนี้ผมต้องเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว พอดีว่าวันนี้มีการเปลี่ยนเวลางานจากบ่าย3มาเป็น9โมง นอนก็ไม่ค่อยพอด้วย รีบกลับไปนอนเอาแรงก่อน

+โปรดติดตามตอนต่อไป+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 02:22:14 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

benxine

  • บุคคลทั่วไป
จองที่ไว้ก่อนนะค๊าบบบ !!!~


^^

Greenkub

  • บุคคลทั่วไป
แบบมันส์ๆ ได้อารมณ์


maggy

  • บุคคลทั่วไป
เหมือนกำลังอ่านนิยายแล้วตัวละครค่อยๆมีพัฒนาการยังไงยังงั้น
ฮะฮะ เป็นกำลังใจให้นะคะ รออ่านเรื่องของพี่นิวเสมอค่ะ

OuNG_zmc

  • บุคคลทั่วไป


อ่านแล้วติดใจงะ.

 :impress2:



คอยติดตามงับ พี่นิวสุดยอด
 o13

gateau

  • บุคคลทั่วไป
จะรอชมนะคะ

กะลุคส์ใหม่ของน้องนิว

วีนยังไงก็คงจะยังน่ารักอยู่นะคะ :L1:

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สถานการณ์สร้างกุ๊กขาวีน

พี่อั้มบอกว่ามีคนมาทดสอบอาหารเพื่อมาเป็นกุ๊กครัวไทยแทนพี่สาวแก่ แต่ผมยังไม่ได้เจอกับกุ๊กคนที่ว่านี้ว่าเป็นใครมาจากไหน
ก็อย่างที่เล่าค้างไว้คราวก่อนน่ะครับ ว่าวันนั้นผมเข้าบ่ายก็เลยไม่ทันได้เจอกับกุ๊กคนที่พี่อั้มบอก แล้วก็ไม่ทันได้ถามรายละเอียดอะไร
เนื่องจากวันนั้นผมต้องเคลียร์ทั้งงานในออฟฟิศ และต้องออกไปเยี่ยมพี่จิ๊บและพี่สาวแก่ที่โรงพยาบาลอีกด้วย
ทราบแต่ว่าวันรุ่งขั้นผมจะต้องไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าเดิม2ชั่วโมง(โดยไม่ได้OTด้วยนะ) เพื่อไปเป็นกรรมการสัมภาษณ์กุ๊กที่จะมาใหม่

คืนนั้นหลังเลิกงานผมกลับมาถึงห้อง อาบน้ำแล้วก็ต่อเนต ตอนนั้นก็ตี1กว่าๆแล้วล่ะครับ คืนนั้นคุยกับพี่ๆเพื่อนๆหลายเรื่อง
บางเรื่องก็เป็นข้อมูลที่ทำให้ว้าวุ่นใจอยุ่เหมือนกัน เอาล่ะสิ เรื่องของคนบางคนทำให้ผมข่มตานอนไม่หลับซะงั้น
ทั้งที่ขอตัวเข้านอนตั้งนานแล้ว ปิดทั้งคอมฯและไฟ แต่ผมยังนอนลืมตาอยุ่ในความมืดอีกนานหลายชั่วโมงกว่าจะเผลอหลับไป
จนกระทั่งรู้สึกเย็นๆเลยต้องลุกมาปิดพัดลม พอเสียงพัดลมเงียบก็ยิ่งแน่ใจว่าอีกเสียงที่ดังแข่งกันอยุ่คือเสียงฝนที่กระหน่ำเต็มที่

เมื่อดูนาฬิกาผมถึงพบว่า แม้ท้องฟ้าและบรรยากาศรอบๆตัวจะอึมครึมและมืดสลัว แต่นี่ก็เป็นเวลา11โมงแล้ว
ตายแน่ๆ! ผมตั้งใจว่าจะออกไปพร้อมรถพนักงานที่จะมารับพนักงานที่หอพักตอน10โมงซะหน่อย แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
แล้วนี่ผมจะไปยังไงล่ะ ฝนก็ตกแรงด้วย รถก็ไม่มี เออ....จริงด้วย เสื้อกุ๊กก็ยังไม่ได้ไปเอามาจากร้านซักรีดที่หน้าปากซอยเลย
พอนึกได้ตามลำดับว่ายังมีอะไรที่ต้องจัดการก่อน ผมก็รีบไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วกางร่มเดินฝ่าฝนไปที่ร้านทันที
แต่แล้วผมก็ต้องอารมณ์เสียขึ้นมานิดๆ กับเรื่องชวนหงุดหงิดเรื่องที่3 (โห...เพิ่งตื่นหงุดหงิดไป3เรือ่งแล้วเนอะ)
ก็แหม...เรื่องแรกฝนตกหนัก เรื่องสองตื่นไม่ทันรถพนักงาน เรื่องที่สามก้เรื่องที่ร้านซักรีดนี่แหล่ะครับ

"ขอโทษนะคะพี่นิว ไหมยังไมได้ซักชุดของพี่นิวที่เอามาคราวที่แล้วเลยค่ะ" ไหมยิ้มเจื่อนๆขณะที่ผมยืนเอ๋อ
"ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่จะมาเอาได้วันไหน" ผมข่มใจตอบกลับไปแต่ไร้รอยยิ้ม
"พรุ่งนี้เย็นๆได้มั้ยคะ" ไหมนัดเวลา
"พี่เข้าบ่ายตลอด พรุ่งนี้ก็ต้องก่อนบ่ายโมงอ่ะ ได้มั้ยครับ" ผมบอกความสะดวกของผมบ้าง
"ได้ๆค่ะ แล้ววันนี้พี่นิวมีชุดใส่เหรอคะ" โถ...แม่คุณอุตส่าห์ห่วงผม
"ไม่มีชุดกุ๊ก แต่เดี๋ยวพี่จะใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวไปก้แล้วกัน" ผมพูดจบแล้ว เดินกางร่มฝ่าพายุฝนกลับห้องด้วยความหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 00:51:34 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สถานการณ์สร้างกุ๊กขาวีน

ฝนยังคงตกพรำๆไปตลอดเส้นทางที่ผมนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปที่โรแงรม ในใจก็แอบนึกบ่นตัวเอง นึกบ่นสถานการณ์ไปเรื่อย
ด้วยความที่ฝนตก ถนนแฉะ ทำให้เสื้อคลุมที่ผมใส่มา รวมทั้งรองเท้าเซฟตี้ชูส์ และขากางเกงเป็นรอยเปื้อนด่างๆดวงๆน่าเกลียดจริงๆ
พอลงรถได้ ผมก็สำรวจสภาพตัวเอง ยิ่งเห็นรอยเปื้อนชัดยิ่งอารมณ์เสียหนักกว่าเดิมอีกครับ แต่จะทำไงได้ล่ะ นอกจากจะเดินหน้าต่อไป
ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปหลบฝนตรงที่นั่งด้านหน้ารปภ. กำลังนั่งๆอยู่ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาแล้วสะบัดเสื้อกันฝนจนน้ำกระเซ็นมาโดนผม

"ขอโทษนะน้อง" ผุ้ชายคนที่ว่าหันมาบอกผม
"อืม" ผมตอบแค่นั้น กำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี แล้วเครือ่งสแกนนิ้วยังจะมาดับอีก
"มาสมัครงานเหรอน้อง" ผุ้ชายตัวดำชวนคุยด้วยน้ำเสียงดุดัน และสำเนียงห้าวๆห้วนๆ
"เปล่าครับ มาทำงาน" เอาวะ อยากคุยก็คุยซะหน่อยเดี๋ยวหาว่าไม่แคร์ประชาชน
"อ๋อ มาฝึกงานสินะ มานานยังอ่ะ นึกว่ามาสัมภาษณ์งาน เนี่ยๆ(ทำท่าชี้ที่ตัวเค้า)มาสัมภาษณ์" นายตัวดำยิ้มฟันขาว รอยยิ้มแบบนี้คุ้นๆว่าเคยเห็น
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะพี่รปภ.เดินมาบอกว่าเครื่องสแกนใช้ได้แล้ว ผมก็เลยจะลุกไปด้านใน นายตัวดำก้เรียกไว้อีก
"ไว้เจอกันนะน้อง อีกหน่อยผมก้มาทำงานที่นี่แล้ว"
"โรงแรมเรารับสมัครคนขับรถเหรอพี่" ผมหันไปถามพี่รปภ. พี่เค้าได้แต่ส่ายหน้า ผมก้ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา
ผมเดินเข้าไปด้านใน ล้างหน้า ล้างแขน เรียกความสดชื่นและความสะอาดกลับคืนสุ่ผิวหน้าผิวกายสักนิด ก่อนจะเข้าไปด้านในห้องสัมภาษณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 01:13:30 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สถานการณ์สร้างกุ๊กขาวีน

ผมเดินเข้าไปบ่นกระปอดกระแปด เล่าเรื่องความหงุดหงิดใจแต่ละเรื่องให้เพื่อนร่วมงานฟัง แล้วก็เตรียมตัวจะเข้าห้องสัมภาษณ์
ปรากฏว่า พี่ป๊อด กุ๊กครัวยุโรปเดินยังไงไม่ทราบชนเอากระจาดใส่ของของป้าศรีหล่นลงมากระจัดกระจายที่พื้น
ตามปกติป้าศรีด่าแหลกไปแล้ว แต่พอดีวันนี้ลูกคนเล็ก(คือผม)กำลังของขึ้นอยู่พอดี เลยไม่ต้องลำบากหม่อมแม่

"เฮ้ย เดินไงอ่ะพี่ มาทำงานเอาตามาด้วยมั้ย หรือเอาตามาแต่ลืมเอาสมองมาอ่ะ เดินไม่ดุเลย เก็บให้เรียบร้อยเลยนะ"
"ต๊าย หญิงเล็กเหวี่ยงแทนฉันเลยเหรอวันนี้" ป้าศรีพูดขำๆ
"อ่านะ ขอโทษคร้าบบบบบ แหม...วันนี้น้องนิวมาแปลกนะ วีนกว่าทุกวัน" พี่ป๊อดเดินมาโอบผมหลวมๆเป็นการหยกล้อ
"อ่ะนะ โทษทีพี่ แหม...กะลังอารมณ์ค้างหลายเรือ่งอ่ะ" ผมยิ้มๆให้พี่ป๊อด แล้วก้มลงช่วยเค้าเก็บของ
"เข้าใจมันหน่อยว่ะป๊อด คนมันกำลังเจอปัญหาชีวิตคู่" พี่ภัทรแซว
"จริงเหรอ" พี่อั้ม พี่ณุ ประสานเสียง แอบนึกในใจ พวกแกมาโผล่มาจากไหนวะเนี่ย
"แรงมากพี่ภัทร มันเจ็บตรงโดนตอกย้ำนี่แหล่ะ" ผมยืดตัวตรงเชิดหน้าแบบว่าไม่เห็นจะแคร์
"คนรอคิวเพียบเลยน้องนิวเอ๋ย" พี่ป๊อดแซวต่อ
"อู้ยยยยยย" เสียงต่อมาจากปากพี่ป๊อด หลังจากโดนผมตวัดหางตามองดุๆ

ออฟไลน์ รอยยิ้มอาบยาพิษ

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
สถานการณ์สร้างกุ๊กขาวีน

ได้เวลาที่จะเข้าไปสัมภาษณ์แล้วครับ ทางฝ่ายบุคคลก็ให้น้องฝึกงานมาเชิญพี่อัมกับผมออกไปที่ห้องสัมภาษณ์ได้เลย
กรรมการมี3คน อย่างที่บอกไว้แหล่ะครับ พวกเราสามคนนั่งรอกุ๊กคนใหม่ที่จะมาสัมภาษณ์อยู่ซักพัก จนน้องฝึกงานมาแจ้งว่า
ให้คนไปตามแล้ว แต่กุ๊กคนใหม่เกิดท้องเสียเลยจะเข้ามาช้าหน่อย เอาเข้าจริง พวกเรานั่งรออยุ่ประมาณครึ่งชั่วโมงแน่ะครับกว่าจะโผล่มา
ระหว่างนี้ไม่มีใครอยู่ที่ห้องประชุมเลย เพราะพี่อั้มติดออเดอร์ พี่ฝ่ายบุคคลก็ไปรับโทรศัพท์ด้านนอก เหลือแต่ผมคนเดียวที่ไม่มีอะไรทำ
ผมก็เลยเดินไปรินน้ำดื่มเติมลงในแก้วตัวเอง เพราะนั่งรอกุ๊กคนใหม่อยุ่นานจนผมแทบจะอิ่มน้ำแทนการทานข้าวเย็นไปแล้วล่ะครับ

"ผมมาสัมภาษณ์งานครับ" เสียงดุๆห้วนๆที่ผมเพิ่งได้ยินเมื่อตอนบ่ายนี่นา
"มาสัมภาษณ์ตำแหน่งไดเวอร์เหรอ รอก่อนนะ กำลังรอสัมภาณ์กุ๊กอ่ะ" ผมหันไปมองผ่านๆ
"ก็ผมนี่ไงมาสัมภาษณ์กุ๊ก ไม่ใช่คนขัยรถ" น้ำเสียงดุดันกว่าเดิม
"อ้าว จะรู้เหรอ เป็นกุ๊กแล้วทำไมใส่เสื้อซาฟารียังกะจะมาเป้นคนขับรถเลยอ่ะ" ผมทำท่าไม่ใส่ใจทั้งที่ในใจอยากตำหนิที่ปล่อยหใคนอื่นต้องรอ
"ทำไมล่ะ สุดวิสัยอ่ะ เสื้อไม่แห้ง นี่ก็สุภาพอ่ะ จะเป็นไรนักหนาเหรอ" เค้าพุดธรรมดาแต่น้ำเสียงคล้ายตะคอก
ผมกำลังจะย้อนแล้วแต่ไม่ทัน เพราะทั้งพี่อั้มและพี่ฝ่ายบุคคลต่างก็เดินมาพร้อมเพรียงกัน การสัมภาษณ์จึงเริ่มต้นขึ้น

"คิดยังไงถึงอยากเป็นกุ๊ก" ผมยิงคำถามหลังจากที่พี่อีกสองคนถามกันจนทะลุปรุโปร่ง
"แล้วเป็นกุ๊กไม่ดีตรงไหนครับ" สาบานเลย มันเจาะจงยอกย้อนผมแน่ๆ
"ไม่ใช่ไม่ดี แต่ไม่เคยเห็นกุ๊กใส่ชุดคนขับรถมาสัมภาษณ์งาน" ผมสวนกลับ
"อืม....เอาล่ะ เริ่มงานก็เป็นวันที่1เดือนพ.ค.นะ เรื่องหอพักหรือเรื่องอื่นๆฝ่ายบุคคลจะบอกอีกที มีอะไรจะถามมั้ยครับ" พี่อั้มรีบตัดบท
"มีครับ ผมสงสัยว่า ทำไมที่โรงแรมนี้ให้เด็กฝึกงานมาเป็นกรรมการสัมภาษณ์ด้วย เป็นหลักสูตรในการฝึกงานด้วยเหรอ" ท้ายประโยคหันมาถามผม
"เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว นี่นิวเค้าเป็นกุ๊กเหมือนกัน เค้าจะเป็นหัวหน้าคุณนะ อีกหน่อยคุณต้องมาทำงานก็ต้องเรียนรุ้งานจากคนเนี้ย" พี่อั้มพูดไปขำไป
"จริงดิ" คนตัวดำหลุดปากอีกที
"นายถามใคร" ผมได้ทีเบ่งใส่ซะเลย
"เปล่า แค่อุทาน" เค้าทำหน้าไม่รับรู้ เก็กหน้านิ่งใส่ผม
ผมมองตาเขียวปั๊ด ไม่รู้จะว่าไงต่อไป เพราะการสัมภาษณ์ก็จบลงแล้ว และผมเองก็โดนตามตัวไปทำออเดอรืแล้วเช่นกัน ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้กุ๊กดำ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2009 02:14:05 โดย +ฟ้างามยามค่ำ+ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด