+..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+|ตอนที่ 15.3| อัพ 28-4-18> P.4 _*|จบแล้ว|*  (อ่าน 27791 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 13 ที่พึ่ง (2)




[ระวังตัวด้วยนะคะคุณอิส]

"ครับป้าแก้ว"


     หลังจากที่อิสระและจิณณ์ผ่านเหตุการณ์น่าใจหายมาได้ ยามสายของวันถัดมา บนโซฟาตัวยาว เด็กหนุ่มนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญกับป้าแก้วที่รีบโทรมาบอกข่าว เมื่อได้รู้จากปากชายเรื่องที่คุณอิทธิพลบุกไปบ้านพี่สาวของแม่อิสระ และน่าเศร้าเมื่อร่างของป้านันถูกโยนทิ้งลงแม่น้ำเพื่ออำพรางคดีในเวลาต่อมา


      ป้าแก้วบอกความจริงทุกอย่างที่ได้รู้มา ว่าตอนนี้ อิทธิพลให้ลูกน้องคนอื่นๆเร่งระดมตามหาอิสระจนทั่ว แหละก่อนหน้าที่อิสระใช้ชีวิตเป็นปกติสุขและรอดมาได้เพราะอิทธิพลมักเรียกใช้ชายให้คอยตามสืบตามหา ชายจึงทราบความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด และสามารถกันท่า หาข้ออ้างเพื่อปกป้องอิสระได้เสมอๆ ทั้งๆที่ชายรู้มาตลอดว่าอิสระอยู่ที่ไหน



      แหละดูเหมือนว่าตอนนี้ อิทธิพลที่ไว้ใจชายเสมือนคนในครอบครัว เริ่มระแคระคายสงสัย ชายจึงไม่สามารถปกป้องอิสระได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะเขาต้องทำตัวให้อิทธิพลไว้ใจจนตายใจ ชายจึงทำได้แค่ฝากป้าแก้วมาบอกอิสระว่า ช่วงนี้ให้ระวังตัวไว้

 
      อัพเดทความคืบหน้ากับป้าแก้วเสร็จ อิสระนั่งจมจ่อมกับความเครียด


      ลอบมองคนรักที่นั่งร้องไห้แล้วหนักใจ จิณณ์เป็นห่วงจนไม่อยากห่างอิสระไปไกล  เรื่องร้านอาหารจึงขอร้องให้ฮูมหนึ่งในหุ้นส่วนช่วยดูให้ก่อน
       

"พี่จิณณ์ครับ ผมกลัว!" เอียงหน้ามองคนรักในขณะที่นั่งกอดเข่าตัวเองร้องไห้

"อยู่กับพี่ พี่สัญญาว่าจะทำให้อิสปลอดภัย ไม่ต้องกลัวนะครับ"


      บอกพลางลูบผมอิสระเพื่อเป็นกำลังใจ แม้ว่าตอนนี้ ปัญหาจะถาโถมเข้ามาสักเท่าไหร่ แต่ จิณณ์ก็ไม่คิดทิ้งน้อง เขาพร้อมโอบอุ้มอิสระ แม้ตัวเองจะลำบากแค่ไหนก็ยอม


      สักพักจิณณ์นึกอะไรได้ ชวนอิสระให้ออกไปข้างนอก โดยไม่ยอมบอกว่าไปไหน


      อิสระเดินตามไปอย่างไม่มีอิดออด แม้จะเครียดแค่ไหน การได้อยู่ใกล้ๆคนที่รักก็ชวยให้อิสระอุ่นใจมากขึ้น


       เมื่อรถยุโรปแล่นเข้าสู่ตัวบ้าน พุ่งทะยานไปโรงจอด อิสระก็เดาได้ทันที



"พี่จิณณ์พาผมมาบ้านพี่หรอครับ?"
   


"ใช่ครับ"


"มาทำไมครับ พี่จิณณ์"

"มาบอกว่าเราคบกันครับ"

"ไม่เอานะครับ พี่จิณณ์ ผมกลัวว่าพ่อพี่จะรับไม่ได้"

"รับได้-ไม่ได้ ยังไงความจริงก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี"
มองคนพูดเอาแต่ใจ แล้วนึกกลัวกับผลลัพธ์ที่ได้ยิน เพราะอิสระไม่เคยเจอพ่อพี่จิณณ์มาก่อน หากพ่อพี่จิณณ์รับไม่ได้ ทั้งสองจะต้องแยกห่างจากกันไหม?


      คิดไปก่อนเหตุการณ์จะมาถึง จนอิสระต้องดึงสติกลับมา เมื่อจิณณ์หอมแก้มเรียกร้องความสนใจ ทั้งสองจึงลงจากรถ


      ฟากจิณณ์ที่นัดหมายกับบิดาก่อนมา ไม่รอช้า เร่งฝีเท้าพาคนรักไปห้องทำงาน ของคุณเจริญ เดินมาสักพักก็มาหยุดตรงหน้าห้อง เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปเหลือบเห็นบิดานั่งอ่านหนังสือรออยู่


      เงยหน้ามองลูกชายที่เดินเคียงข้างมาอีกคน ทำให้เจริญสงสัยพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะเชื้อเชิญให้นั่ง
   

      ทั้งสองหย่อนกายลงนั่งตรงข้ามฝั่งเจริญ มองลูกชายตัวดีที่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ อ้อมค้อมจนต้องยกมือบอกห้ามให้ลูกชายเข้าเรื่องสำคัญ


      จิณณ์ชะงักและนิ่งไปครู่ก่อนเอ่ยความจริงว่าจิณณ์และอิสระรักกัน เจริญเบิกตาโพลงตกใจ แต่ที่ตกใจมากไปกว่าจนเกือบช็อคก็เมื่อจิณณ์แนะนำสถานะอิสระต่อมาว่าเป็นลูกของอิทธิพลด้วย


      ใบหน้าเจริญเปลี่ยนสี เดือดจัด ตบโต๊ะเสียงดังลั่น และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง


"แสดงว่าข่าวที่เคยได้ยินว่ามีคนพาเด็กหนี คือ แกหรือ?...จิณณ์"

"ครับพ่อ"
ก้มหน้า ตอบรับ


"รู้บ้างไหม? แกทำอะไรลงไป?"

"รู้ครับ พ่อช่วยผมได้ไหม? ตอนนี้คุณอิทธิพลตามหาน้อง ผมไม่อยากให้น้องกลับไปอยู่ในที่แบบนั้นอีก"

"ไม่! แกควรพาเด็กคนนี้กลับไปหาคุณอิทธิพลซะ"
ยื่นคำขาดโดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรให้มากความ เจริญไม่มีวันยอมเสี่ยงกับคนอย่างอิทธิพลแน่ๆ

"พ่อครับ คุณอิทธิพลเขาเลวมากนะ พ่อรู้ไหม? ว่าน้องเขาเจออะไรมาบ้าง สี่ปีที่น้องต้องโดนขังอยู่แต่ในห้องและโดนทำร้ายร่างกายจนเป็นแผลทั่ว"


"หยุด!...แกไม่ต้องมาสั่งสอนพ่อ พ่อไม่สนว่าเด็กคนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง แต่คุณอิทธิพลกับเด็กคนนี้ เขาเป็นพ่อ-ลูกกัน ยังไงก็ควรกลับไปอยู่ด้วยกันอยู่ดี"


"แต่ผมเพิ่งเล่าให้พ่อฟังเองนะครับว่าคุณอิทธิพลมีนิสัยเป็นยังไง?"

"เอาล่ะ...พ่อจะช่วยแก โดยการไม่บอกคุณอิทธิพลว่าลูกเขาอยู่กับแกตอนนี้ กลับไปซะจิณณ์"

     มองหน้าบิดาพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใยก็ได้แต่นั่งนิ่ง รบเร้าไปก็เสียเวลา จิณณ์รู้นิสัยพ่อเขาดี ถ้าช่วยก็จะช่วยเพราะเกิดจากการนึกได้เอง ไม่ต้องให้ใครมาชักจูงหรือหว่านล้อม และวันนี้ ภาระกิจของจิณณ์ได้จบลงแล้ว


"ตอนแรก ผมก็นึกว่าคุณอิทธิพลจะโหดเหี้ยมคนเดียวซะอีก"

"นี่แกกล้าว่าพ่อเชียวหรือ? ห้ะ!... ถ้าเห็นคนนอกดีกว่าก็ออกจากบ้านนี้ไปซะ"

"ครับ แต่ผมจะบอกว่า อิสไม่ใช่คนนอกอย่างที่พ่อเข้าใจ เพราะอิส คือ คนรักของผม เพราะฉะนั้น ผมจะถือว่า อิส คือคนในครอบครัวของผมเหมือนกัน"


      บอกหน้านิ่ง และยกมือไหว้เพื่อร่ำลา เจริญโมโหที่ลูกพูดไม่ไว้หน้า เขาไม่โต้ตอบแต่กลับเบี่ยงหน้าหนี ไม่แม้แต่จะรับไหว้และชายตามองสักนิดเดียว


      ทั้งสองเดินพ้นตัวบ้านมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งขึ้นรถมาได้


"พี่จิณณ์ครับ ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้พี่กับพ่อพี่ทะเลาะกัน"


      อิสระคิดมากขึ้นมา เมื่อรู้ว่าตัวเองคือตัวปัญหา


"อย่าคิดมาก ไม่ใช่อิสหรอก พ่อพี่แค่ไม่ยอมรับฟังเท่านั้นเอง  พี่ว่าเราไปหาอะไรกินอร่อยๆแก้เครียดดีกว่าเนอะ แล้วเดี๋ยวค่อยหาทางใหม่" บอกปลอบใจคนรักไม่ให้กังวลแม้ในใจจิณณ์เองก็เครียดไม่น้อย


    จิณณ์โน้มตัวไปจูบปากเด็กหนุ่มและผละมากดจมูกลงบนแก้มขาวทั้งสองข้าง


"ไม่เอาสิครับ ไม่เครียด ยิ่งเครียดยิ่งไม่น่ารักนะ เดี๋ยวพี่พาไปกินบุฟเฟ่ต์ดีกว่า"


     ลูบศรีษะเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนจะเคลื่อนรถไปยังจุดหมาย คือ ห้างสรรพสินค้า โดยที่อิสระยังไม่รู้


     เมื่อถึงปลายทางที่ตั้งใจไว้ อิสระชักไม่แน่ใจถึงสถานที่ที่พี่จิณณ์พามา จึงบอกอย่างเป็นกังวล


"พี่จิณณ์ ผมกลัวว่าคุณอิทธิพลจะหาเราเจอ เราไปกินที่อื่นได้ไหมครับ?"

"ถ้าเจอจริงๆพี่ว่าเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะเป็นที่สาธารณะด้วย อิสมีพี่นะ พี่ไม่อยากให้อิสเครียดจนไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย"

"ก็ได้ครับ"



    อิสระอุ่นใจ ตัดสินใจลงจากรถ ถึงจะมีความเครียดอยู่บ้าง แต่มันกลับมีความสบายใจซ่อนอยู่ เมื่อตั้งแต่ลงรถมา พี่จิณณ์ดูแลไม่ห่าง วางมือบนไหล่ให้รู้ว่ามีพี่เขาอยู่ใกล้ๆ


     จนกระทั่ง ทั้งสองถึงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ นั่งลงสั่งเมนูที่ต้องการแบบจัดเต็มชุดใหญ่ เมื่อเตาร้อน จิณณ์วางเนื้อหมู และซีฟู้ดลงบนเตา พลิกเนื้อกลับไป-กลับมา ดูแลอิสระถึงใจตลอด พอสุกก็คีบบริการให้ถึงถ้วย เด็กหนุ่มมองหน้าคนเอาใจใส่เป็นพิเศษก็ดูออกว่าพี่จิณณ์ไม่อยากให้อิสระคิดมากกับเรื่องเก่าๆ

     ถ้าหากคนตรงหน้าต้องการเช่นนั้น อิสระก็ขอใช้ชีวิตปัจจุบันให้มีความสุขก็แล้วกัน


     จัดการอาหารกันจนอิ่มพุงกาง เรียกเก็บเงิน และมุ่งหน้าไปร้านกาแฟต่อ

     จิณณ์ให้คนรักไปหาที่นั่ง ส่วนจิณณ์รอรับกาแฟอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ขณะที่อิสระนั่งก้มหน้าทำทีเป็นเล่นโทรศัพท์ทั้งๆที่หน้าจอไม่ได้เปิดอะไรดูเลย



"อิสใช่ไหม?"


      สะดุ้งและเงยหน้ามองคนเรียกชื่อก็ตกใจปนดีใจ ใบหน้าเด็กหนุ่มปรากฎรอยยิ้มกว้าง แต่ไม่กี่วินาทีก็หุบยิ้มลง เมื่อนึกได้ว่า คุณธวัชชัย คนที่รักและเอ็นดู ชอบมาหาอิสระที่บ้านบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต คนที่มาทีไรจะถือขนมติดไม้ติดมือตลอด เขาเป็นเพื่อนกับคุณอิทธิพล

    แม้อดีตจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันจะยังดีเหมือนเดิมหรือเปล่า?  เด็กหนุ่มจึงไม่ค่อยไว้ใจนัก



       หากเป็นแต่ก่อน อิสระจะชวนคุยอย่างสนิทสนม แต่พอเกิดเรื่อง อิสระกลัวว่าคุณธวัชชัยจะเป็นสายสืบ อิสระหน้าซีด ชะเง้อคอมองพี่จิณณ์ว่าเมื่อไหร่จะเดินกลับมาที่โต๊ะ



"อิสจริงๆด้วย เป็นไงบ้าง ลุงดีใจนะที่ได้เจออิส" คนทักกลับยิ้มกว้าง



      เด็กหนุ่มลนลาน จนธวัชชัยจับอาการที่ผิดสังเกตได้


"อิสเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"ผมขอตัวก่อนนะครับ"

"เดี๋ยวสิ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยู่คุยกับลุงก่อนสิ ลุงอยากรู้ว่า อิสเป็นไงบ้าง"

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ คุณคือ..."


      จิณณ์ทักขึ้นและยิ้มอย่างมีมารยาท ก่อนจะนั่งตัวลง ยื่นชาเขียวเย็นให้อิสระ ธวัชชัยหรี่ตามองทั้งคู่อย่างมีข้อสงสัย


"ผมชื่อธวัชชัย เป็นเพื่อนพ่อของอิสระครับ"


     เก็บอาการตกใจไว้ข้างใน และหันไปมองอิสระที่ดูสีหน้าหวาดระแวง


"พอดี ผมกับน้องมีธุระไปต่อน่ะครับ ต้องขอโทษที่ไม่สามารถคุยด้วยได้ ไว้โอกาสหน้านะครับ"



"คุณเป็นใคร?"

"แฟนอิสครับ"


     ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ใบหน้าคนใจดี แต้มยิ้มตลอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้ง ขึงขัง


      อิสระตัดบท ยกมือไหว้ลาลุงธวัชชัย ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รีบเร่งเดินออกจากร้านกาแฟ ทันใดนั้น...

 

"อ้าวพี่อิส"


      เสียงคุ้นเคย ทำให้อิสระและจิณณ์หันขวับไปมอง


"ป้าง"

"เฮ้ย! โคตรบังเอิญเลยพี่ พี่อยู่แถวนี้หรอถึงมาเดินห้างนี้" รอยยิ้มสดใสแต้มใบหน้าของเด็กวัยมหาวิทยาลัย ผิดกับสองคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

"ใช่ครับ พี่ขอตัวก่อนนะป้าง"
รีบตัดบท แต่ก็ไม่ทันธวัชชัยที่เดินตามมาติดๆเหมือนกลัวว่าอิสระจะหลุดมือ

"อิส" ป้างหยุดชะงัก เมื่อเสียงคนที่เรียกอิสระนั้นเป็น....

"พ่อรู้จักพี่อิสด้วยเหรอ?"


     อิสระยืนเหวอเมื่อไม่คิดว่าจะเจอะเรื่องบังเอิญได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     เห็นเค้าลางไม่ดี อิสระไม่สนว่าจะทำตัวเป็นเด็กไม่มีมารยาทต่อหน้าธวัชชัยรึเปล่า ทั้งสองไม่พูด ไม่จา เดินหนีไปให้พ้นสายตา


    ป้างยืนหรี่ตามองพ่อที่ทอดสายตาหาคนที่เพิ่งเดินจากไปอย่างอาลัย อาวรณ์ ยังไม่ทันอ้าปากถามบิดาเรื่องที่คาใจ เสียงเครื่องมือสื่อสารของธวัชชัยก็แผดเสียงดัง บิดากดรับสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


"ที่ฉันโทรไป จะบอกว่าฉันเจออิสด้วย ลูกแกกลับมาจากเรียนเมืองนอกแล้วก็ไม่บอก? อ่อ...แล้วรู้หรือยังว่า อิสมีแฟนแล้ว ที่สำคัญ เป็นผู้ชายด้วยนะ"


      รายงานเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่รู้เลยว่า มีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อนมากมายแค่ไหน

      แหละการบ่นกึ่งตัดพ้อกับปลายสายนั้น ธวัชชัยไม่มีทางเห็นว่าใบหน้าของคนที่ได้รู้ความจริง กำลังกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน และมีอารมณ์กรุ่นโกรธถึงขีดสุด


     เมื่อหมดธุระ ธวัชชัยยังมีใบหน้าเครียดขึง แต่เพราะมีลูกชายอยู่ด้วยจึงต้องแสร้งยิ้มออกมามองคนที่ยืนรบเร้าข้างๆ


"พ่อยังไม่บอกผมเลย ทำไมถึงรู้จักพี่อิส"

"พ่อจะบอก ต่อเมื่อป้างบอกพ่อก่อน"
ธวัชชัยย้อนถาม เมื่อลูกตัวแสบอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของอิสระ


      ป้างถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะเล่าเรื่องของเขาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเรื่องราวของพ่อ


   



..........................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย...อีรุงตุงนังจริง ๆ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1


บทที่ 14 เอาคืน






      ในเวลาบ่ายแก่ๆนี้ ทั้งสามนั่งอยู่ในบ้านชานเมืองที่บิดาพาจิณณ์มากบดานที่นี่

 

“ขอบคุณครับพ่อ”



         จิณณ์ขอบคุณบิดาด้วยความดีใจ หลังจากที่พ่อของเขาใจอ่อน ยอมช่วยเหลือ

         คิดไตร่ตรองก็นึกห่วงลูกตัวเอง ถ้ามีเรื่องจนจิณณ์เป็นอะไรขึ้นมา เจริญก็ไม่อยากมานั่งเสียใจเมื่อสายที่ไม่ได้ช่วยลูกตั้งแต่แรก

         สั่งเสียเรียบร้อย เจริญขอตัวกลับก่อนเนื่องจากมีธุระต่อ

         เมื่อไม่เหลือใครในบ้าน จิณณ์กอดอิสระแน่นจนแก้มแนบแก้มอยู่บนโซฟาตัวยาว

        ลูบเรือนผมเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู ก่อนเอ่ย...



"ไม่เป็นไรนะ มีพี่อยู่ทั้งคน"



       บอกให้กำลังใจ เพราะจิณณ์ดูออกว่าคนรักยังวิตกกังวลอยู่



"เพราะพี่ถึงทำให้ผมมีแรงอยู่ได้ทุกวันนี้ ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์"

       เอ่ยขอบคุณ จากนั้น อิสระผละจากกอดมาจุ๊บปากพี่จิณณ์ ไถลตัว เอนกายลงนอนหนุนตักหวังจะได้ความรัก ความอบอุ่น จากการใกล้ชิดแฟน

       อมยิ้มและลูบผมอิสระช้าๆเหมือนกล่อม จนอิสระรู้สึกผ่อนคลายและเคลิ้มไปกับสัมผัสของพี่จิณณ์ อิสระผล็อยหลับไป ส่วนหนึ่งอาจเพราะอ่อนล้าและเพลียสะสมเนื่องจากอิสระนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว

      จิณณ์ที่กล่อมคนรักอยู่ก็เผลอจะหลับตาม แต่ทว่า เสียงเครื่องมือสื่อสารแผดเสียงดังเสียก่อน จิณณ์สะดุ้ง ยืดสุดตัว คว้าโทรศัพท์ที่อยู่ตรงโต๊ะตัวเล็กข้างโซฟา

        มองหน้าจอ ปรากฎเบอร์โทรที่บันทึกชื่อว่า 'ชาย' จิณณ์รับสาย



"สวัสดีครับ"

[นั่นใช่คุณอิสหรือเปล่าครับ?]

"ไม่ใช่ครับ ผมจิณณ์ครับ"

[ผมชายเองนะครับ พวกคุณอยู่ไหนกัน ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอก!]

"ผมจะไว้ใจได้ยังไงครับว่าถ้าผมบอก คุณจะไม่หลุดพูดกับคุณอิทธิพล?" แม้ว่าชายจะเคยโกหกเพื่อช่วยเหลือจิณณ์ที่บ้านป้านันในวันนั้น แต่จิณณ์ยังคงไม่ไว้ใจอยู่ดี

[การที่ผมช่วยคุณวันนั้น มันยังไม่ทำให้คุณเชื่อมั่นได้อีกหรือ? เชื่อผมเถอะ ผมไม่มีทางหักหลังคนที่อย่างน้อยก็เคยสร้างความสุขให้ผม]

"คุณหมายความว่าไงก็พูดตรงๆเลยดีกว่า" ชักหงุดหงิดที่อีกฝ่ายพูดอย่างมีเลศนัย

[ไม่มีอะไรหรอกครับ ว่าแต่บอกผมได้หรือยังว่าพวกคุณอยู่ที่ไหน? คุณไม่อยากรู้หรือว่าทำไมคุณอิทธิพลถึงต้องไล่ล่าตามหาคุณอิสขนาดนั้น]

"ก็บอกมาตอนนี้สิครับ" 



    อีกฝั่งเงียบเสียงลง และ...





"ใครโทรมาครับ พี่จิณณ์"



     คนที่นอนหนุนตัก หยัดกายขึ้นมองหน้า ขยี้ตาอย่างงัวเงีย



"ชายครับ"



     จิณณ์ยื่นโทรศัพท์ให้ คนรักรับโทรศัพท์ไปคุยต่อ จิณณ์มองเด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนเป็นเครียดขึ้นมา ไม่นานนัก คนรักวางสายและหันมาบอกจิณณ์เสียงติดกังวล



"ผมให้พี่ชายมาหาที่นี่นะครับ"

"อิสไม่ควรบอกว่าเราอยู่ไหน"


"แต่ที่เรารอดได้วันนั้นก็เพราะพี่ชายนะครับ"

 

     แค่เรื่องตอนนี้ ก็เครียดมากพอแล้ว ถ้าขืนหาเรื่องมาชวนทะเลาะเพิ่มขึ้นอีก จะพาลให้ชีวิตหมดความสุขกันซะเปล่าๆ จิณณ์พยายามไม่โกรธที่อิสระบอกที่อยู่ใหม่แก่ชาย เขาลูบศรีษะอิสระก่อนกดจูบบนกลางกระหม่อม



"เดี๋ยวพี่โทรสั่งพิซซ่านะ จะได้ไม่ต้องออกไปข้างนอก" จิณณ์ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง

"ครับ แต่รอให้พี่ชายมาแล้วค่อยสั่งก็ได้ครับ"

"ครับ"




       เมื่อหมดธุระคุย ทั้งสองเดินตรวจตรารอบบ้านจนทั่ว เพื่อดูทางหนี ทีไล่ ผ่านไปสี่สิบห้านาที ที่ทั้งสองนั่งคุยกันตรงม้าหินหน้าบ้าน จิณณ์เห็นรถจอดหน้าบ้าน ดับเครื่องยนต์ จึงลุกไปดูและเปิดประตูรั้วให้ เมื่อรู้ว่าเป็นชาย



"สวัสดีครับ"

"ครับ"




      ชายเดินเข้ามาไม่ทันไร อิสระร้อนใจ ปรี่ประชิดตัว ลากเข้าบ้าน จิณณ์ปิดประตูเดินตามหลังไป

       ลอบมองคนนั่งตรงข้ามที่ต่างฝ่าย ต่างทำหน้ากระอักกระอ่วนและลำบากใจ จิณณ์จึงใช้เวลานี้ปลีกตัวไปโทรสั่งอาหารให้มาส่ง

       ถัดมายัง อิสระที่นั่งมองพี่ชายไม่ยอมพูดอะไรสักที

   

"เล่าเลยได้ไหมครับ?" ร้อนใจจนเร่งคนที่เพิ่งมาถึง แม้แต่น้ำเปล่าก็ยังไม่ได้ดื่มสักอึก

“คุณอิทธิพลเป็นเกย์ครับ"

“ห้ะ!!”



เปรี้ยง!..



       อิสระอุทานอย่างตกใจ ไม่ใช่เพราะเสียงฟ้าร้องแต่อย่างใด แต่กลับช็อกและอึ้งตะลึงเรื่องพ่อของตัวเอง ที่พออยากได้ยิน ก็เป็นคำตอบที่เขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้

      ถ้าพ่อเป็นเกย์ แล้วจะมาแต่งงานกับแม่เขาทำไม?



“ไม่จริง!!”

“ถ้าอย่างนั้น ลองฟังเรื่องที่ผมได้ยินก่อนไหมครับ”

“ก็ได้ครับ”



      ในขณะเดียวกัน ด้านนอกของตัวบ้านมีสายฝนโปรยกระหน่ำลงมาในเวลาเย็นๆ ส่วนจิณณ์พอเสร็จธุระ เขาเร่งฝีเท้าเดินมานั่งข้างคนรัก กุมมือกันแน่น

      เพื่อไม่ให้เสียเวลา ชายเริ่มเล่า



     วันหนึ่ง ณ บ้านของคุณอิทธิพล มีชายผู้หนึ่งอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ชื่อ ธวัชชัย มาหาอิทธิพลที่บ้าน ชายโดนไล่ให้มายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้านาย แต่เพราะประตูแง้มไว้ เสียงที่พูดคุยกัน จังหวะหนึ่งก็ดังขึ้นมา จนชายเงี่ยหูฟังทันที ตอนที่มีชื่ออิสระเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ฟังไม่ถนัด มาจับใจความอีกทีก็ได้ยินสิ่งที่ควรเป็นความลับระเบิดออกมาจากปาก

      ...อิทธิพล ชอบ ธวัชชัย...

       เรื่องราวมันมีอยู่ว่า อิทธิพลแอบชอบธวัชชัยมาข้างเดียวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะในสมัยก่อน การเปิดเผยตัวตนว่าเป็นเกย์ สังคมยังไม่ยอมรับ อิทธิพลจึงทำได้แค่เก็บไว้ และแสดงตัวตนว่าเป็นผู้ชายเต็มร้อย

      เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง ในช่วงนั้น ธวัชชัยไปเรียนต่อเมืองนอก หลายปีผ่านไป ธวัชชัยกลับมาโดยติดต่ออิทธิพลเป็นคนแรก ทั้งสองนัดเจอกัน แต่สิ่งที่อิทธิพลไม่คาดคิด คือ เพื่อนรักมาพร้อมแฟนที่พบรักกันสมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ

     กล้ำกลืน ฝืนยิ้ม แสดงความดีใจกับเพื่อน ทั้งๆที่หัวใจแทบแหลกสลาย

      อิทธิพลเสียใจ เข้าร้านเหล้า นั่งดื่มลืมเรื่องเลวร้ายจนเมามายอย่างหนัก และคืนนั้นนั่นเอง เป็นเหตุที่ทำให้อิทธิพลพบกับแม่ของอิสระ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน อิทธิพลตัดสินใจสานสัมพันธ์ต่อโดยไร้ความรัก เพียงเพราะประชดชีวิตที่ผิดหวังจากธวัชชัย

      คบมาได้สักระยะทั้งสองแต่งงานกัน ซึ่งอิทธิพลรู้ดีว่ามันก็แแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น แต่ในวลาต่อมา ทั้งสองดันมีลูกด้วยกันนั่นก็คือ อิสระ 

      ช่วงเวลาที่อิทธิพลมีครอบครัวเต็มรูปแบบ เขาขาดการติดต่อกับธวัชชัยไป จนมีงานการกุศลที่ธวัชชัยและอิทธิพลเจอกันโดยบังเอิญ อิทธิพลตั้งใจหลบหน้า แต่ธวัชชัยกลับวิ่งเข้าหา แสดงอาการดีอก ดีใจออกนอกหน้าก็ใจอ่อนยอมคุยด้วย

       แหละสิ่งที่สนทนากันจนทำให้อิทธิพลดีใจอย่างมีความหวังขึ้นมา เมื่อธวัชชัยบอกเขาว่าได้หย่ากับภรรยาแล้ว เนื่องจากรู้ใจตัวเองแน่ชัดว่า ไม่ได้ชอบผู้หญิง นั่นจึงทำให้ทั้งสองสนิทกลับมาใกล้ชิดและสนมอีกครั้ง

        จุดสำคัญที่ยิ่งทำให้ธวัชชัยและอิทธิพลสนิทมากขึ้นไปอีก เมื่อหลายปีถัดมา แม่ของอิสระเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความเป็นพ่อหม้ายของทั้งสองจึงส่งผลให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันเป็นพิเศษ

      ชายเล่าจนจบและบอกว่ารู้มาเท่านี้ แต่ชายเดาว่า นี่น่าจะเป็นวาเหตุที่อิทธิพลอยากกำจัดอิสระ เพราะอิสระเป็นลูกที่ไม่ได้เกิดจากความรัก นั่นเอง

      อีกคนที่นั่งฟังแล้วคิดว่าไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้ไล่ล่า ก็คือ จิณณ์

      เขาไม่เข้าใจว่า คนที่อิสระรักดั่งพ่อ กลับเกลียดลูกชายตัวเอง เพียงเพราะไม่ได้รักแม่ของอิสระมาตั้งแต่แรก เหตุผลมีแค่นี้จริงๆหรือ.?

       บีบกระชับมือคนรัก เมื่อเห็นอิสระปล่อยโฮออกมา 

       ชายนั่งนิ่งที่ต้องเห็นน้ำตาของลูกเจ้านายตัวเอง แม้มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามาบอกก็ตาม

“ขอบคุณนะครับที่มาบอก” จิณณ์กล่าว

“ยินดีครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"

"ข้างนอกฝนตกอยู่น่ะครับ จะรอให้หยุดก่อนไหม?"
เป็นจิณณ์ที่บอก

"ก็ดีครับ"

      ทุกคนได้แต่เงียบ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวจากนี้จะไปต่ออย่างไร

      จังหวะที่รอกันอย่างเงียบๆ เสียงบีบแตรจากรถมอเตอร์ไซค์ดังทะลุเสียงฝนตก จิณณ์ลุกไปดู ก็เห็นพนักงานมาส่งพิซซ่า ซาบซึ้งในความพยายามฝ่าฝนมาส่งให้ จิณณ์คว้าเงินค่าอาหารรวมถึงทิปส์ให้แก่พนักงานด้วย

       ไม่ถึงสามนาที...

ปัง!   

       ชาย และอิสระมองหน้ากัน ลุกพรวดวิ่งออกไปดูเห็นจิณณ์นั่งหลบหลังกำแพงข้างประตูรั้ว



"ชายพาอิสหนีไป!!"
ตะโกนลั่นแข่งเสียงฝน

"คุณอิสหนี!"

      ความดื้อรั้นไม่ฟังใคร อิสระสะบัดแขนออกจากชาย วิ่งไปที่หน้าประตู

“พี่จิณณ์ครับ ผมจะไม่หนี ถ้าไม่มีพี่"

     อิสระวิ่งไปปะทะอกแกร่งที่วิ่งมาบรรจบกัน จิณณ์ไม่มีเวลามานั่งก่นด่าแฟนตัวเองที่ดื้อรั้น เขากระชากแขนอิสระพาหนี โดยมีชายคอยระวังหลัง

     ทุกคนวิ่งไปหลังบ้าน เปิดประตูเล็กและหนีออก เลาะไปตามสวนผลไม้ ฝ่าดงกล้วย หนีหัวซุกหัวซุน โดยที่เสียงปืนดังแข่งกับเสียงฝนไม่ขาดสาย

      ทั้งสามวิ่งบนสะพานไม้เล็กที่พาดข้ามไปอีกฝั่ง วินาทีนั้น อิสระลื่นล้มดินโคลนที่เปียกชุ่มจากฝนตก ชายและจิณณ์ต้องหยุดกระทันหันเพื่อดึงอิสระให้ลุกขึ้น แต่ทว่า ไม่ทัน เพราะพวกอิทธิพลตามมาประชิดตัวได้ทันแล้ว

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นพวกมึงตายแน่!"

     ทุกคนหยุดชะงัก อิทธิพลเร่งฝีเท้า ก้าวยาวๆไปหาลูกน้องคนสนิทใช้ปลายกระบอกปืนตบหน้าชายอย่างแรง

     ชายยกหลังมือมาซับเลือดที่มุมปากและก้มหน้า

“เรื่องของมึงกูจะคิดบัญชีทีหลังนะไอ้ชาย”

     ว่าจบหันขวับไปมองคนที่เกลียดเข้าไส้ จิณณ์รีบดันร่างอิสระให้หลบด้านหลัง

"ฉันก็ไม่คิดนะว่าคนที่พาอิสหนีจะเป็นคุณ"

     จิณณ์ไม่ตอบ



      แม้ว่าเวลานี้ สายฝนซาลงแล้ว แต่บรรยากาศยังคงอึมครึม ขมุกขมัว ทุกคนยืนเนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก



"อิส เดินมาเดี๋ยวนี้"

"ไม่ อิสอย่าไปนะ"
จิณณ์หันไปบอก

"มึงจะมา-ไม่มา อย่าให้กูโมโหนะ ไอ้อิส!!" อิทธิพลตวาด แต่เป็นจิณณ์ที่โพล่งไป

"จะเอาตัวอิสไปให้เจ็บและทรมานอีกทำไม? หยุดทำร้ายคนไม่มีทางสู้สักทีเถอะครับ"

"มึงก็แค่คนอื่น...อย่าเสือก!!"

"ผมไม่ใช่คนอื่น ผมเป็นคนรักของอิส และถ้าคุณจะทำอะไรอิส ข้ามศพผมไปก่อน"

"เฮอะ! ปากดีดีนัก ถ้างั้นก็ได้ กูจัดให้..."

   
ยกปืน ขึ้นลำ เหนี่ยวไกและ...

พลั่ก!

ปัง!

"ม่ายยยยยย!!"



     อิสระผลักจิณณ์ออกเพื่อรับลูกกระสุนแทน จนร่างคนรักล้มลงตรงหน้า อิทธิพลเรียกลูกน้องที่ติดตามมาทั้งสองคนแบกร่างอิสระไปโยนทิ้งลงคลอง จิณณ์ตาโตรีบวิ่งตามไปหวังจะห้าม กลับโดนอิทธิพลชักปืนยิงเข้าแขนขวาหนึ่งนัด

ปัง!

     ร่างสูงล้มลง อิทธิพลจะยิงซ้ำ ชายใช้จังหวะที่อิทธิพลเผลอ ชักปืนยิงกลับไปสองนัดเข้าที่หัวไหล่และต้นแขนของเจ้านายตัวเอง ก่อนจะกระหน่ำยิงสู้กับคนติดตามของอิทธิพลที่ไม่ทันระวังตัว จนทั้งสองถูกยิงเข้าที่ศรีษะและลำตัว

   

     เมื่อไร้คู่ต่อสู้ ชายเดินไปหาอิทธิพลจับปกคอเสื้อกระชากร่างเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นยืน พร้อมสั่งเสียกับจิณณ์ว่าจะเอาคืน อิทธิพลให้สาสม เพราะชายรอจังหวะที่เหมาะสมแบบนี้มานานแล้ว

      จังหวะปลอดภัย จิณณ์กระโจนลงคลองไปตามหาคนรัก งมหาไม่ถึงสามนาที รีบขึ้นมาจากคลอง เพราะบาดแผลที่โดนยิงมีเลือดทะลักออกมามาก



      จิณณ์นั่งพักริมคลอง ถอดเสื้อออกเพื่อกดปิดปากแผลไว้ ใบหน้าหล่อนิ่วหน้าด้วยความเจ็บและชาดิก

     ในความคิด มีแต่ใบหน้าของอิสระลอยวนพร้อมถ้อยคำเต็มหัว


"พี่รักอิสนะ"

     ไม่กี่วินาทีต่อมา จิณณ์วูบและไม่รู้สึกตัวอะไรอีก

     
    ****1.1****

จะจบแล้วนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ด้วยน้า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กะแล้วว่าต้องมีการสะกดรอยตามชายมาแน่ ๆ

ส่วนเหตุผลที่ไล่ล่าจากปากคำของชาย  ยังรู้สึกว่ามันอ่อนไป


ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 14 เอาคืน (2)




      ในเวลาเดียวกัน คนที่เพิ่งลากอิทธิพลขึ้นรถ พร้อมเคลื่อนรถไปข้างหน้าก็ปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย


      ไม่ง่ายเลยที่จะให้เจ้านายตายใจและได้จังหวะเหมาะสมแบบนี้ ยิ่งได้เห็นเจ้านายที่ไม่คิดกลับตัว กลับใจ ยังคงคิดล้างแค้นไม่จบไม่สิ้นกับแค่เด็กธรรมดาหนึ่งคน ยิ่งทำให้ชายเหลืออด ทนไม่ไหว ที่จะต้องหาทางเอาคืน จึงตั้งใจยิงกลับไปในตอนนั้น


"กูเป็นคนชุบเลี้ยงมึงมากับมือ มึงกลับทรยศกูรึ? ไอ้ชาย" เสียงติดๆขัดๆพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา



     เหลือบมองกระจกมองหลังอย่างไม่สนใจ และยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ



 "มึงควรพากูไปโรงพยาบาลนะไอ้ชาย มึงจะปล่อยให้กูตายไม่ได้"



"ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ" ความเลือดเย็นที่ถูกซึมซับมาจากเจ้านาย ทำให้ชายตอบหน้าตาเฉย



"มึง..." อิทธิพลยังไม่ทันได้พูดจบ



"แค่นายเป็นเกย์ทำไมต้องทรมานคุณอิสด้วยล่ะครับ" โพล่งไปโดยเสียงตามหลังคือการหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย



"มึงแอบฟังกู? เฮอะ!...กูไม่จำเป็นต้องบอกมึง"



      มองคนใกล้ตายอวดดีก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าไม่บอก ชายก็ไม่สนเอาคำตอบ แต่สิ่งที่ชายจะบอกต่อจากนี้ ชายอยากให้เจ้านายรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นบ้าง...



"สิ่งที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปอยากเป็นคนที่ดีขึ้น คือ วันที่นายยิงไอ้กรณ์  เพราะอะไรรู้ไหมครับ? เพราะผมรักกรณ์ไงครับ นายรู้สึกยังไง ถ้าต้องเห็นคนที่ผมรักตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ผมเจ็บปวดและทรมานเหมือนกันนะครับนาย ทุกวันนี้...ผมคิดถึงมันตลอด...พยายามจะลืมก็ทำไม่ได้สักที"



       แค่นึกถึงกรณ์ เหตุการณ์ที่เคยได้อยู่ร่วมกันก็ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ



      ไม่น่าเชื่อว่า คนที่เคยเลวไม่สนใจใครหน้าไหน กลับคิดได้และพยายามชดใช้ความผิดในอดีตที่เคยก่อ ด้วยการกลับตัวเป็นคนดีที่ชายคิดว่ายังไม่สาย



"คนที่กูรักมันชอบไอ้อิสระ"



     ชายชะงัก เหลือบมองคนอาการร่อแร่โพล่งขึ้นมา



"คุณธวัชชัย?"




"ใช่ มึงคิดว่าไงล่ะ ไอ้ชาย คนที่ได้แต่แอบชอบมายี่สิบกว่าปี ไม่มีโอกาสได้บอก พอจะบอกกลับพบความจริงว่า มันรักลูกกู หลงลูกกูแทบบ้า แล้วกูล่ะ...กูล่ะ...แค่กๆ...ไอ้ชาย ห้ะ!..."



       จบประโยคนั้น ชายเปลี่ยนเลน ชะลอขับเข้าข้างทางเพื่อจอด หันไปมองเจ้านายที่เงียบเสียงลงและหลับตา ซึ่งสิ่งที่เขาเห็น คือ น้ำตาที่ไหลมาจากตาของคนใจดำ อำมหิตคู่นั้น



       ยอมรับว่าตอนแรก ชายอยากเอาคืนคนเลวคนนี้ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำ ด้วยการ ตัดแขน ตัดขา ชำแหละอวัยวะเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงแม่น้ำสายกว้างใหญ่ แต่จู่ๆชายเปลี่ยนใจเมื่อวูบหนึ่ง ภาพของกรณ์แวบเข้ามาในหัวพร้อมเสียงกระซิบที่มั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง ถ้อยคำที่ได้ยินเบาๆและทำให้เขาคิดได้ว่า



      ...ปล่อยอิทธิพลไปซะ...



     ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทุกคนต่างต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น แม้แต่ตัวอิทธิพลหรือเขาเองก็ตาม



       ชายจะไม่เพิ่มกรรมชั่วให้ตัวเองอีก เพราะการกระทำในปัจจุบันจะส่งผลต่ออนาคต เพียงแค่นี้ชายเองก็มีกรรมชั่วมากพอแล้วที่รอรับผล



     สุดท้าย ชายคิดได้ ตัดสินใจชายแบกร่างเจ้านายโยนทิ้งไว้ข้างทางมีโพรงหญ้าขึ้นสูง ถ้าอิทธิพลมีบุญมากพอ ก็อาจมีคนมาช่วยได้ทัน แต่ถ้าไม่...ก็คงต้องตาย...

 

      ยืนกอดอกมองร่างเจ้านายตัวเองหมดสภาพความเป็นผู้ทรงอำนาจ เนื้อตัวมีแต่เลือดเปรอะเปื้อนตัว



     ไม่น่าเชื่อว่า ความรัก จะมีพลังอำนาจมากพอจะทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้อย่างน่าประหลาด

   

      พอสมหวังดั่งใจก็มีความสุขซะจนตัวลอย กลับกัน พอผิดหวังก็โศกเศร้าจมดิ่งจนบางคนก็จบลงที่การฆ่าตัวตาย



      ชายยืนนิ่งถอนหายใจ ก่อนจะละสายตา หมุนตัวเดินกลับไปที่รถ ออกเดินทางไปบ้านอิทธิพล เพื่อเก็บเสื้อผ้าของตัวเองไปพักต่างจังหวัดและคงไม่กลับมาที่กรุงเทพอีก



     



..................





     หลังจากที่จิณณ์พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลสองสัปดาห์ต่อมา ชายหนุ่มเดินทางกลับมาพักที่บ้าน



     แม้ว่าจะรอดมาได้ แต่สภาพจิตใจไม่ดีขึ้น เนื่องจาก ไม่มีใครทราบข่าวว่าอิสระหายไปไหน และที่คลองวันนั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยลงไปงมกลับไม่พบร่างใคร ยิ่งทำให้จิณณ์เครียดและกังวลอย่างหนัก





'ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก'



     ขมวดคิ้วมุ่นทุกทีที่ติดต่ออิสระไม่ได้ จิณณ์โทรย้ำแบบนี้หลายวันติดต่อกันประมาณร้อยสายเห็นจะได้



     กำโทรศัพท์มือถือแน่นพลางเงยหน้ามองเพดานด้วยสายตาเหม่อลอยและว่างเปล่า



"เฮ้ย! ไอ้จิณณ์ มึงอย่าเป็นแบบนี้สิวะ มึงรอดตายมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว"



     ฮูมถามขณะที่นั่งอยู่ในหลืบของร้านอาหารที่ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน ตั้งแต่ที่จิณณ์มาก็ทำหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก จนฮูมได้แต่ส่ายหน้าระอา



"กูคิดถึงอิส"



"เอาน่า...แฟนตายก็แค่หาใหม่"



"ไอ้ฮูม...หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!"



"เฮ้ย!.ใจเย็นๆสิวะ นี่ฮูมเอง เพื่อนมึงไง จะตะคอกทำไมวะ"



     จิณณ์มองหน้าเพื่อน ก่อนจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น             



"กูขอโทษ"



"ถ้าร่างกายและจิตใจมึงไม่ปกติแบบนี้ มึงจะรีบมาดูร้านทำไมวะ ไม่ต้องห่วง กูดูแลได้จริงๆ กลับบ้านไปเถอะ..."



     จิณณ์ไม่ตอบคำกลับทอดสายตาออกไปนอกร้านผ่านกระจกใส ฮูมมองเพื่อนแล้วท่าจะแย่ ตัดสินใจโทรฟ้องบิดาของเพื่อนสนิท เพราะถ้าไม่เล่นไม้นี้ จิณณ์ก็คงดื้อไม่หยุด



     ฟ้องพ่อเพื่อนสำเร็จ ฮูมบอกคนนั่งหน้าเฉาให้รับรู้ ก่อนจะปล่อยให้เพื่อนอยู่ลำพัง



     เข้าสู่โลกส่วนตัว ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง



      ไม่รู้เลยว่าอิสระจะเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่วันนั้นที่อิสระหายไป จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีทางรู้ได้...




        อ้างว้าง...ว่างเปล่า...เหงาจับใจ

   

         ยิ่งจิณณ์อยู่คนเดียว ก็ยิ่งคิดถึงอิสระมากเป็นพิเศษ



         ชายหนุ่มน้ำตาคลอเมื่อคิดถึงคนรัก



         เลื่อนลอย...ไร้เรี่ยวแรง...หมดกำลังใจ



         นาทีนี้ จิณณ์ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักอย่างมันหมดพลังในการก้าวเดินต่อไป แม้จะทำกิจกรรมทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนแต่ก่อนที่จะมีอิสระเข้ามาในชีวิต จิณณ์ลองแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ

   
     เขาไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย



    จิณณ์ได้แต่ภาวนาให้อิสระรอดและได้มีโอกาสกลับมารักกันดังเดิม เพราะทุกวันนี้ จิณณ์รับสภาพตัวเองที่ต้องนอนร้องไห้คนเดียวทุกคืนไม่ได้แล้วจริงๆ...











   และแล้ว ก็มาถึงวันที่จิตแพทย์นัดอิสระ...



    ในเวลาเก้าโมงเช้า มีชายหนุ่มรูปงามก้าวยาวๆเดินเข้าโรงพยาบาลขึ้นไปชั้นสองยังแผนกจิตเวช



    ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จิณณ์ต้องมาด้วยซ้ำ แต่ที่มา เพราะเขามีความหวัง หวังว่าจะได้เจออิสระที่นี่...



    แม้ว่า มันจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตาม



     จิณณ์ชะเง้อคอมองหาอิสระจนทั่ว เขายืนรอเนียนๆราวกับว่าเป็นญาติคนไข้ รอจนกระทั่งเวลาผ่านไปแล้วชั่วโมงกว่าๆที่จิณณ์ยังไม่เห็นอิสระ ตัดสินใจเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับมาที่เดิมก็ยังไม่มีชื่ออิสระหลุดลอดมาให้ได้ยิน



    ปลอบใจตัวเองว่า...เอาน่า...รออีกสักนิดหนึ่งแล้วกัน



     พอแล้วกับสองชั่วโมงที่รอ...จิณณ์คงหมดหวังแล้วจริงๆ...



     นี่มันบ้าไปแล้ว...หวังในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้



     หวังว่าคนที่หายหน้าหายตาไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตายรึเปล่า? จะมาที่นี่..



     ทำใจและตั้งท่าจะกลับบ้านแล้ว...ทว่า



"คุณอิสระ อัศวกรกรรณ์ค่ะ"




    ขวับ!



     หันขวับมองตามเสียงของพยาบาล เหลือบเห็นเด็กหนุ่มตัวเป็นๆ ปรี่ไปตรงเคาน์เตอร์จุดที่พยาบาลขานเรียก ส่วนจิณณ์รีบเร่งเดินออกไปดักตรงทางออกของแผนก



"อิส"




     เด็กหนุ่มมองสองมือหนาที่สัมผัสต้นแขนพลันเหลือบมองใบหน้าเจ้าของฝ่ามือที่ผุดรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจ



"อิสจริงๆด้วย พี่คิดแล้วว่ายังไงอิสก็ต้องปลอดภัย"

"ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จักคุณ"




      ชะงัก ยืนตัวแข็ง ทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนที่มีหญิงวัยกลางคนเดินมาขนาบข้างอิสระ แล้วบอกให้อิสระรีบลงไปทำเรื่องจ่ายเงินและรับยา

      จิณณ์ไม่ลดละ เดินตามอิสระด้วยความต้องการอยากรู้ว่าทำไมอิสระถึงตอบเหมือนคนจำกันไม่ได้



      ยืนมองห่างๆ ระหว่างที่อิสระจัดการธุระอยู่ กระทั่งเสร็จเรียบร้อย จังหวะที่อิสระเดินไปนั่งเพื่อรอเจ้าหน้าที่เรียกเพื่อรับยา จิณณ์เดินไปหาอิสระ



"พี่ขอเวลาสักครู่นะครับ"

"อิสรู้จักพ่อหนุ่มคนนี้ด้วยหรอจ้ะ?"
เห็นชายหนุ่มหน้ามนตามเทียวไล้เทียวขื่อจนอดถามไม่ได้

"ไม่รู้จักครับ"



       อิสระตอบหญิงวัยกลางคนแล้วส่ายหน้า จิณณ์ใจตกไปที่ตาตุ่ม นี่มันเรื่องบ้าบออะไร เกิดอะไรขึ้นกับอิสระกันแน่...



"อิส มากับพี่ เดี๋ยวนี้!"



      ไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง เพราะจิณณ์กลัวว่าจะพลาดโอกาส เขาออกแรงบีบแขนเพื่อบังคับอิสระให้ลุกตาม อิสระพยายามสะบัดแขนออก แต่คนเริ่มมองมาจึงไม่กล้าดึงดันมากเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่และอาย อิสระยอมเดินตามคนตัวโตอย่างปฏิเสธไม่ได้



    เมื่อทั้งสองยืนคุยด้านนอกตัวอาคารแล้วนั้น



"ผมมีเวลาคุยกับคุณไม่มากนะครับ"

"อิส จำพี่ไม่ได้จริงๆเหรอ?"

"ไม่ได้ครับ"

"พี่เป็นแฟนของอิสไงครับ เรารักกันมานานแล้วนะ"

"แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่าสิ่งที่คุณบอก มันคือเรื่องจริง ในเมื่อผมจำอะไรไม่ได้ พอเถอะครับ ผมปวดหัว"



     มองคนตอบตัดบทและหมุนตัวเตรียมเดินหนี



" ถ้าอิสความจำเสื่อมจริงๆ ทำไมวันนี้ อิสถึงจำได้ว่าต้องมาหาหมอตามนัดล่ะครับ?"



 กึก!



     เด็กหนุ่มที่กำลังก้าวเท้าต่อหยุดชะงัก หันหลังกลับมามองคนที่เลิกคิ้วขึ้นสูง จดจ้องมองมาอย่างมีคำถาม



"ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องบอก ผมต้องไปแล้วครับ คุณจิณณ์"



    จังหวะที่เด็กหนุ่มหมุนตัว จิณณ์เร่งฝีเท้าไปรั้งและโอบรัดเอวอิสระ ดึงให้เข้ามาประชิดตัว ก่อนกระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำที่ทำให้อิสระตัวชา



"ไหนว่าความจำเสื่อม ?...พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะครับว่า พี่ชื่อ 'จิณณ์'..."



............................................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอเค  เคลียร์กับสาเหตุที่พ่อเกลียดลูก

แต่...กำลังเกิดคำถามต่อไปว่า

ความจำเสื่อมจริงหรือโกหก?

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่



     
     



"ปล่อยครับ...ที่นี่มันโรงพยาบาลนะครับ"

"ได้ครับพี่จะปล่อย แต่พี่จะรออิสกลับไปกับพี่นะ"

"อย่าเลยครับ ผมจำอะไรไม่ได้ กลับไปมันก็ไม่เหมือนเดิมอยู่ดี อย่าตามตื้อผมเลยครับ"
อิสระพูดเสียงแข็ง แกะมือจิณณ์ออก เดินเข้าไปรับยา  ปล่อยให้จิณณ์ยืนมองอยู่ห่างๆ


"ทำไมอิสต้องโกหกพี่ด้วย"


       จิณณ์บ่นพึมพำลำพัง เขายังไม่อยากเซ้าซี้ให้อิสระรำคาญ แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางกลับไปโดยไม่มีอิสระแน่ๆ


      ราวสิบนาที อิสระจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาพร้อมป้าแต๋ว แต่เด็กหนุ่มชะงักเท้า เมื่อเห็นร่างสูงยืนดักอยู่ตรงประตูทางออกด้านนอก


"คุณควรกลับไปนะครับ"

"อิสไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"
  จิณณ์ดุอิสระกลับบ้าง เพราะถ้าไม่ใช่ไม้แข็ง อิสระก็ยังดื้ออยู่อย่างนั้น ร่างสูงวกสายตาไปหาหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเด็กหนุ่ม เขายิ้มและเอ่ยอย่างสุภาพ "เอ่อ...คุณป้าครับ พอดีผมเป็นญาติของน้องจะพาน้องกลับไปอยู่กับผมแล้ว เดี๋ยวยังไง ผมไปส่งคุณป้าก่อนนะครับ" จิณณ์มัดมือชก โค้งหัวเล็กน้อย


       ฟากหญิงวัยกลางคนหันไปมองอิสระอย่างมีคำถามว่านี่คือความจริงหรือเปล่า? จิณณ์มองสองคนยืนนิ่งเหมือนคนตัดสินใจไม่ได้ ทันใดนัน จิณณ์เอ่ยขอโทษและจับมือกึ่งบังคับพาอิสระไปที่รถของตัวเอง


     หญิงวัยกลางคนเดินตามและทุบไหล่จิณณ์อยู่หลายครั้ง เพราะไม่เชื่อว่าจิณณ์จะเป็นคนในครอบครัวของอิสระ และคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ก่อนที่เธอจะตะโกนร้องเรียกคนอื่นๆให้หันมามอง จิณณ์รีบหยุดเท้า หันไปหาหญิงวัยกลางคน ควักโทรศัพท์กดเข้าคลังภาพที่มีรูปของทั้งคู่และตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้หล่อนฟัง


      แม้ป้าคนนั้นจะตกใจที่จิณณ์บอกว่าเป็นคนรัก แต่เธอก็ยิ้มดีใจที่อิสระได้เจอครอบครัวที่พลัดพรากกันแล้ว เธอใช้ปลายนิ้วซับขอบตาที่น้ำตาค่อยๆไหล

      กว่าจะเคลียร์กันลงตัวก็เล่นเอาเหนื่อย สุดท้ายทั้งสองยอมขึ้นรถจิณณ์มาเพื่อพาไปส่งที่บ้านจนได้



      จิณณ์ได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมจากปากของหญิงวัยกลางคนว่า วันเกิดเหตุ เธอเป็นคนช่วยอิสระพาไปโรงพยาบาล ซึ่งเกือบจะไม่รอด วันที่เห็นอิสระ เธอสงสารจับใจบวกกับส่วนตัว เธอเองก็ไม่มีลูก จึงตกลงกับสามีว่า ถ้าเด็กคนนี้ ฟื้นขึ้นมาและไม่พบครอบครัวของเด็กคนนี้ เธอจะขอดูแลต่อ สามีก็เห็นด้วย ทำให้หลังจากนั้น เธอกับสามีเฝ้าดูอิสระอย่างเป็นห่วงเป็นใย ตั้งแต่อิสระนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลจนกระทั่งกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้าน


      เธอบอกอีกว่า อิสระเป็นเด็กน่ารัก ว่านอนสอนง่าย เธอยอมรับว่า ตอนที่อิสระรู้ตัว เธอเห็นแก่ตัว ปิดเรื่องของอิสระไว้ไม่ให้ใครรู้ และเธอก็ไม่ตามหาญาติของอิสระตามที่สัญญา เพราะลึกๆเธออยากมีลูกมานานแล้ว และการมีเด็กคนนี้เข้ามาในครอบครัวแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันทำให้เธอและสามีมีความสุขในวัยบั้นปลายของชีวิต

       แต่ตอนนี้ เธอตระหนักดีว่าความสุขของเธอกำลังจะหายไป เพราะอิสระได้เจอครอบครัวตัวจริง แต่เธอก็ไม่อยากรั้งให้อิสระมาอยู่ด้วยกัน เพราะเข้าใจดีว่าการถูกพลัดพราก มันทรมานขนาดไหน?



      จิณณ์ฟังแล้วซาบซึ้งในน้ำใจ พลันเหลือบมองคุณป้านั่งเล่าไป น้ำตาก็ไหลไป แต่ถึงอย่างไร จิณณ์ไม่สามารถปล่อยให้อิสระไปอยู่กับเธอได้ เพราะจิณณ์เองก็ขาดน้องไม่ได้เหมือนกัน


      แม้เรื่องราวที่เล่ามาได้จบลงแล้ว แต่ตลอดทาง อิสระก็ไม่แย้ง ไม่พูด ไม่หือ ไม่อืออะไร และที่สำคัญ อิสระไม่คิดหันมามองจิณณ์เลยสักนิดเดียว


       จนกระทั่ง ขับมาถึงหน้าบ้านคุณป้า เธอกำลังจะลง จิณณ์รีบควักเงินที่มีหมดกระเป๋ายื่นให้หญิงผู้มีจิตใจงดงาม ในตอนแรกป้าแกยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่รับเงิน แต่จิณณ์คิดว่ามันยังเล็กน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่ป้าดูแลอิสระมาตลอดระยะเวลาที่อิสระรอดชีวิต
 


      ป้าจำใจรับเงินพร้อมขอบคุณจิณณ์ ก่อนจะชะโงกตัวไปหอมแก้มอิสระที่นั่งข้างคนขับคล้ายอำลา พอเธอเดินลงไป อิสระเปิดประตูรถจะลงตาม



หมับ!

     แขนแข็งแกร่งจับต้นแขนเด็กหนุ่มไว้มั่น

"อิสจะไปไหน?"

"ถึงบ้านแล้ว ผมก็ต้องลงสิครับ"

"ไม่ใช่...บ้านของอิส คือ บ้านที่ต้องมีเราสองคน"


     มองอิสระชะงักจนดูออก จิณณ์โน้มตัวและดึงร่างอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ กดปลายจมูกฝังลงซอกคออย่างกลัวว่าอิสระจะลงไปจริงๆ

   
     มันเป็นหนทางสุดท้ายที่จิณณ์จะรั้งตัวเด็กหนุ่มไว้ได้ เขาเอ่ยร้องขอสุดชีวิต
     

"ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกเลยนะครับ"


      ฟากอิสระใจเต้นแรงเกินรับไหวเมื่อได้ยินเสียงนุ่มละมุนพูดเว้าวอน เด็กหนุ่มรีบละล่ำละลักบอก

   
"ตะ..แต่..ผะ...ผมบอกคุณแล้วว่าผมจำอะไรไม่ได้"


     มีเวลาไม่มากที่จิณณ์จะมีโอกาสทำให้อิสระเปลี่ยนใจ เขาต้องทำทุกทางให้อิสระใจอ่อนให้ได้


"โอเคครับ ถ้าอิสจะดึงดันโกหกว่าความจำเสื่อม พี่เชื่อก็ได้ครับ...แต่อิสกลับไปอยู่กับพี่นะ พี่จะไปช่วยรื้อฟื้นความจำให้...อิสไม่สงสารพี่หรอ ทุกวันนี้ พี่ทรมานแทบตายที่ไม่มีอิสอยู่ข้างๆน่ะ...หืมม?"


      อิสระใจสั่น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้พูดอย่างเดียวแต่กลับใช้ริมฝีปากขบเม้มสลับดึงดูดหนักๆตรงลำคอ จากนั้นริมฝีปากถูกลากเลื่อนมากดจูบทั่วใบหน้า จนขนอ่อนทั่วกายลุกชูชันขึ้นด้วยความสยิว เด็กหนุ่มปั่นป่วนในท้องและวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก


"เอ่อะ...ยะ...อย่านะครับ..คือ..ผะ...ผม อื้อ..."




       อิสระพยายามบังคับเสียงตัวเองให้พูดชัดถ้อยชัดคำแต่มันทำได้ลำบาก เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอ อีกทั้ง คนตรงหน้ายังซุกซนสอดมือเข้าใต้เสื้อยืด ลูบไล้หน้าท้องขึ้นมาคลำคลึงและสะกิดตุ่มไตจนแข็งขืน     


      จิณณ์ยกยิ้มเมื่อคนรักบีบต้นแขนเขาแรงขึ้น เขายิ่งได้ใจ ใช้เรียวลิ้นโลมเลียไปตามซอกคอ เลื่อนมาหลังใบหู ก่อนจะเป่าลมรดหูเบาๆ ขบเม้มติ่งหู ตามด้วยกระซิบเสียงหวาน


"พี่กำลังช่วยรื้อฟื้นความจำอยู่นะครับ อิสจำได้บ้างหรือยัง? ฮึ? บอกพี่มาซิ"


      หากเปรียบความรู้สึกของเด็กหนุ่มตอนนี้ คงเหมือนกับน้ำแข็งที่โดนแสงแดดแผดเผาและละลายอย่างช้าๆ


     จังหวะนั้น อิสระผลักออกและยกมือปิดหน้า



"พี่จิณณ์ พอเถอะครับ...ผมยอมแล้ว..โอเคๆ...ผมแกล้งความจำเสื่อมครับ"


       จิณณ์นั่งมองคนรักที่ปิดหน้าเพื่อบังความรู้สึกตัวเอง แต่ใบหูที่แดงจัดนั้นดูเหมือนจะเป็นหลักฐานว่าปิดไม่มิด


        พอผ่านเรื่องราวเฉียดตายมาได้ จิณณ์ก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับการทะเลาะ การเอาชนะ เพราะทุกนาทีมีค่า จิณณ์จึงไม่นึกโกรธที่คนรักโกหก แต่นึกอยากกดร่างคนรักให้จมเตียงมากกว่า ก็ดูสิ ใครจะโกรธลง ท่าทางน่ารัก น่ายั่วขนาดนี้
     

"หืม...น่าตีไหม? ทำไมต้องโกหกพี่ครับไหนบอกซิ?"

"กะ...ก็ที่ผ่านมาผมสงสารพี่จิณณ์ที่ต้องมีผมเป็นภาระ ผมอยากให้พี่มีชีวิตที่ดีกว่านี้ และผมไม่อยากให้พี่จิณณ์ต้องมาลำบากเพราะผมอีกแล้ว "


       บอกทั้งๆที่ยังปิดหน้าตัวเอง จิณณ์ดึงมือคนรักออกจากใบหน้าเจ้าตัว ก่อนจะตกใจเมื่อเด็กหนุ่มสารภาพความจริงทั้งน้ำตา จิณณ์ลูบศรีษะคนรักก่อนจะโยกไปมาอย่างเอ็นดู


"โอ๋ๆ!...เด็กดื้อ...พี่บอกสักคำรึยังว่าพี่ลำบาก? ทีหลัง อย่าคิดเองเออเองแบบนี้อีกนะ อิสทำแบบนี้ อิสรู้ไหมครับว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหน? ตอนที่อิสบอกว่าจำไม่ได้"


      ตอนแรกนึกว่าพี่จิณณ์จะดุหรือตวาดใส่ ตรงกันข้าม พอบอกความจริงไปพี่จิณณ์กลับอ่อนโยนจนรู้สึกผิดกว่าเดิม


"พี่จิณณ์ครับ ผมขอโทษ ฮือๆ...ผมจะไม่โกหกอีกแล้ว" อิสระพูดขอโทษซ้ำๆพร้อมโผกอดราวกับเด็กน้อยที่หลงทางแล้วเจอทางออก

"ดีมาก...อย่าโกหกพี่อีกนะ และเลิกคิดมากได้แล้ว ถ้าพี่จะทิ้งอิสจริงๆพี่คงทิ้งไปตั้งแต่วันที่คุณอิทธิพลบุกไปบ้านป้านันแล้วล่ะ"

"ครับ"

"กลับไปอยู่บ้านของเรานะครับ เด็กดื้อของพี่"

"ครับพี่จิณณ์ ผมรักพี่นะ"

"พี่ก็รักอิสครับ กลับบ้านไป ต้องให้พี่ทำโทษด้วย...เล่นอะไรก็ไม่รู้ น่าตีจริงๆเลย"

     
     อิสระผละจากกอดพี่จิณณ์ ทำตาละห้อยและรู้สึกผิดไปอีกที่พี่จิณณ์ไม่โกรธที่เขาโกหก


"ครับผม"
 
     อิสระผงกหัวและยอมรับผิดแต่โดยดี ก็ใครจะโกหกต่อไปได้ล่ะ แค่เห็นหน้าคนรัก ได้สัมผัสกอด จูบ ลูบคลำ จากพี่จิณณ์ ก็ไม่อยากห่างพี่จิณณ์ไปไหนอีกแล้ว


     หลังจากที่ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันได้ลงตัว จิณณ์เคลื่อนรถพ้นบ้านหญิงวัยกลางคน และบอกอิสระว่าอยากไปไหน กินอะไรให้บอกเขาจะตามใจอิสระทุกอย่าง


     แต่เป็นเพราะอิสระเหนื่อยและเพลีย จึงบอกพี่จิณณ์แค่แวะกินข้าวข้างทางก็พอ เพราะอย่างน้อยอิสระก็อุ่นใจที่มีพี่จิณณ์กลับมาอยู่เคียงข้างอีกครั้ง

     จิณณ์ตามใจอิสระโดยเลือกร้านข้างทางง่ายๆ สักพักใหญ่ๆที่ทั้งสองจัดการอาหารกันเสร็จ ก็ขึ้นรถมุ่งหน้าจะกลับคอนโด ทว่า รถออกตัวไปไม่ไกล จู่ๆ จิณณ์ก็โพล่งขึ้น


"เฮ้ย!...อิส พี่ลืมไป เพิ่งนึกได้ว่าค่ำนี้พี่ต้องไปคุยงานกับพ่อพี่ อิสไปนอนรอพี่ที่ห้องไอ้ฮูมก่อนได้ไหม?"


    อิสระหน้าเปลี่ยนทันที ฟากจิณณ์ลอบมองคนรักทำหน้าเหมือนไม่อยากไป ก็ได้แต่พูดขอร้อง


"น่านะ แป๊ปเดียวนะครับ เด็กดื้อ...เดี๋ยวพี่รีบคุยและรีบกลับมารับนะครับ"


    อิสระไม่อยากทำตัวงี่เง่า ก็เข้าใจล่ะว่าพี่จิณณ์ต้องแบ่งเวลาให้กับงานบ้างเหมือนกัน


"ก็ได้ แต่พี่จิณณ์มาเร็วๆนะครับ ผมคิดถึง"

"หืม...เดี๋ยวนี้ พูดจาออดอ้อนเก่งนะ ถ้างั้นไปหัองไอ้ฮูมรีบพักเลยนะ เพราะพี่ว่า คืนนี้ทั้งคืน อิสคงไม่ได้นอนแน่ๆ"



      พอคนรักว่าอย่างนั้น เด็กหนุ่มหันไปมองพี่จิณณ์เห็นสายตาหื่นๆจ้องกลับมาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ อิสระกัดปาก เบี่ยงหน้าหนีหันไปมองข้างทาง แล้วบอกกลับไปว่า...


"ถ้าได้อยู่กับพี่จิณณ์ ผมยอมอดนอนครับ"


     จิณณ์ใจกระตุก และรู้สึกวูบวาบเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างวิ่งอยู่ในร่างกายของเขา


     อมยิ้มกับคำพูดคนรัก ดูสิดู...จะไม่ให้หลงรักอิสระได้ยังไง ทำมาเป็นใช้คำพูดคำจาน่ารักน่าเอ็นดู ถ้าไม่ติดไปทำธุระ จิณณ์จะบึ่งขับรถกลับคอนโด ทำตามคำท้าของเด็กหนุ่มไม่ให้หลับไม่ให้นอนเลยคอยดู


"หืม!...ไม่น่าไฟเขียวเล้ยย!..."


    หลุดขำ คำพูดคนรัก


"ฮ่าๆ พี่จิณณ์น่ะ เก็บกดหรือไงครับ?"

"มากกกกก"
มองคนรักลากเสียงยาวแล้วอดขำไม่ได้ อิสระแกล้งกระตุ้นต่อมอยาก เพื่อให้พี่จิณณ์กลับมาไวๆดีกว่า วินาทีนั้น เด็กหนุ่มใช้มือลูบคลำแก่นกายพี่จิณณ์ช้าๆ

"อิส พี่ขับรถอยู่นะ คิดจะแกล้งพี่หรอ? เดี๋ยวโดน!"

"ไม่แกล้งก็ได้ แต่กลับมาไวๆนะครับ ผมรออยู่"


     มองคนรักแกล้งทำหน้าใสซื่อแล้วได้แต่ข่มใจตัวเอง เพราะเริ่มโลเลแล้วสิ ว่าควรไปทำธุระต่อ? หรือควรวกรถกลับคอนโดของตัวเองดี?...




****1.1****


ตอนนี้ตอนจบแล้วจ้า
แต่แบ่งเป็น 3 Part นะคะ

มาอยู่ด้วยกันนะคะ อีกอึดใจเดียวน้าาาา...รอดูกันไปก่อนนะคะ
.
.
.
และเรามีนิยายเรื่องใหม่ค่ะ อมยิ้มๆๆชิลๆๆค่ะ
กดตามกันได้นะคะ
กับ
 ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0

ขอบคุณทุกคนเลย น่าร้าก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2018 22:52:25 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่ ||ตอนจบ|| (2)






"น้องหลับเหรอ?"

"เออ สงสัยคงเกลียดกูมากมั้ง พอมึงมาส่งเสร็จ กลับไปปุ๊ป เมียมึงก็เดินออกไปนั่งตรงระเบียงเหมือนหนีหน้ากู...ถ้าไม่ได้ไอ้ทอยไปนั่งคุยเป็นเพื่อนก็คงหนีกลับแล้ว นี่คงไม่มีอะไรทำเลยหนีไปหลับ"


      ฟังเพื่อนเล่าแล้วสงสารอิสระ เด็กหนุ่มคงไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่สนิทมากเท่าไหร่


"หึๆ...ก็ชอบพูดจาไม่ดีใส่น้อง ใครเขาจะชอบ ว่าแต่...มึงเหอะ...เจอมึงทีไร ต้องมีทอยพ่วงมาด้วยตลอด ถามจริงๆ มึงจริงจังกับทอยแล้วใช่ไหม?"


   
  จิณณ์ยอมรับว่าเพื่อนของเขา นิสัยดีแต่ยกเว้นอย่างเดียว เรื่องความรัก ที่มักมาก และไม่ค่อยจริงจังกับใคร หลังจากที่จิณณ์ถามก็ได้คำตอบแค่การไหวไหล่ ทำหน้าไม่สนใจ จิณณ์ส่ายหน้าเหนื่อยหน่ายพลันเหลือบมองข้ามไหล่เพื่อน เห็นทอยนอนหลับคุดคู้อยู่บนโซฟาแล้วอดสงสารไม่ได้

   

"ไอ้ฮูม บาป-กรรมมันมีจริงนะ ถ้าไม่ชอบก็ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าทำเหมือนทอยเป็นของเล่นเลย"

"กูล่ะหมั่นไส้ ทำมาเป็นคนดี ถ้าคืนนั้น กูไม่เป็นคนกันท่าให้มึง ป่านนี้ เมียมึงโดนไอ้ทอยคาบไปแดกละ"


"ช่วยพูดจาให้เกียรติคนรักกูด้วยครับ เห็นรึยัง? ปากมึงอย่างนี้ใครจะอยากอยู่ด้วย"

"ก็เพราะกูเป็นคนตรงๆ พูดจาขวานผ่าซากแบบนี้ไม่ใช่หรือ? มึงถึงคบกูเป็นเพื่อนน่ะ"

"เออๆ...ไม่คุยด้วยแล้ว กูพาน้องกลับบ้านดีกว่า"


        จิณณ์ก้าวยาวๆ สาวเท้าจะไปหาคนรักแต่ชะงักเพราะโดนฮูมดึงปกคอเสื้อไว้


"หึๆ เหนื่อยไหมล่ะมึง?...วิ่งวุ่นเลยล่ะสิ...กูว่ามึงไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยปลุกน้องดีกว่า"


"เออๆกูไปอาบน้ำก่อนก็ได้ อย่าเพิ่งให้น้องตื่นละ"


        เลือกทำตามคำแนะนำของเพื่อน มุ่งไปห้องน้ำ และพอชำระร่างกายตัวเองจนสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ก็ไปปลุกคนรักบนเตียง


จุ๊บ!'


       ริมฝีปากอุ่นๆประทับจูบบนเปลือกตาทั้งสองข้าง ตามด้วยจุมพิตริมฝีปากคนรักเบาๆซ้ำๆ

"อื้ออออออ"

        เด็กหนุ่มส่งเสียงครางพลางบิดแขน ยืดขาสุดตัว และลืมตามอง


"พี่จิณณ์มาแล้วหรอครับ?" ถามเสียงงัวเงีย

"ใช่ ขอโทษที่มาช้านะครับ ปะ...กลับบ้านเรากันเถอะ..."

"แต่ผมขี้เกียจแล้วอะ"

"ไม่ได้นะ อิสอย่าเพิ่งขี้เซาตอนนี้สิครับ อิสจะนอนดูไอ้ฮูมมันพลอดรักกับแฟนมันหรอ? ลุกขึ้นเถอะนะ"


    เด็กหนุ่มมองพี่จิณณ์ที่นั่งริมเตียง ก่อนจะกระตุกแขนสองสามทีให้พี่จิณณ์กระเถิบเข้ามา แล้วอิสระก็ซุกหน้าลงบนตัก เอียงหน้ามองคนรัก


"ก็ผมง่วงแล้วนี่"


     พูดพลางเอาหน้าถูไถไปมา จิณณ์นั่งนิ่งข่มใจเพราะใบหน้าเด็กหนุ่มมันไถลมาถึงจุดยุทธศาสตร์ของเขา และไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงกระแอมไอก็ดังขึ้น


"อะแฮ่มๆๆ ถ้าจะขนาดนั้น กลับบ้านเถอะครับ น้อง"

"ไอ้ฮูม เงียบไปเลยว่ะ"



     เบื่อความโผงผางของมันจริงๆ จิณณ์ว่าเพื่อนเสร็จก็หันมาหาอิสระ


"อย่าไปสนใจคำพูดมันนะครับ เพื่อนพี่ปากหมาอย่างนี้แหละ กลับบ้านเรากันนะ พี่อยากนอนกอดอิสจะแย่"

"ก็ได้ครับ" อิสระรู้สึกขี้เกียจจริงๆ แต่พอแอบมองพี่ฮูมที่ทำหน้ารำคาญใส่ ผนวกกับพี่จิณณ์ตื้อ ก็เลยตามใจ ลุกตามไปอย่างว่างงาย


      พอเดินออกจากห้อง ระหว่างเดินไป ทั้งสองหันไปประสานสายตาหวานซึ้งพร้อมส่งยิ้มให้กันโดยมิได้นัดหมาย อาจเป็นเพราะพอทั้งคู่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ร้ายมาได้ก็มีความคิดที่เปลี่ยนไป เหมือนได้รีสตาร์ทชีวิตตัวเองใหม่ ใส่ใจกับคนหรือสิ่งที่ควรจะใส่ใจ รวมไปถึงการแสดงออกทางความรักที่ชัดเจนกันมากกว่าเดิม


     ใช้เวลาไม่นานก็ถึงคอนโดของจิณณ์ จิณณ์ต้องปลุกคนรักเมื่อถึงที่หมาย เนื่องจากอิสระหลับมาตลอดทาง


      ทั้งสองถึงหน้าห้องแล้ว ช่วงที่เปิดประตู อิสระปล่อยแขนพี่จิณณ์และเดินตามหลัง พอจิณณ์เปิดไฟ เด็กหนุ่มที่ถอดรองเท้าเสร็จ หันไปเห็นบางอย่างในห้องก็หยุดชะงัก ตาโต


    ลูกโป่งสีฟ้า-สีขาวลอยเต็มเพดาน และลูกโป่งตัวอักษรที่เป็นคำว่า Welcome


    ยิ้มตื้นตันใจ และหันไปถาม


"พี่จิณณ์อย่าบอกนะ....ที่บอกผมว่าติดธุระ?..." จ้องแฟนเขม็ง ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ้มพยักหน้า

"ใช่ครับ พี่นึกได้ว่า การกลับมาของอิสคราวนี้ ควรจะพิเศษหน่อย ก็เลยทำให้..."


     อิสระเห็นถึงความตั้งใจคนรัก โผกอดพี่จิณณ์ทันที


"ขอบคุณนะครับพี่จิณณ์ ผมดีใจที่มีพี่เป็นคนรัก มีพี่อยู่ข้างๆ ผมรักพี่นะครับ รักมากด้วย"


   
จิณณ์เริ่มเขินที่เด็กหนุ่มบอกรักไม่หยุด จนต้องเบรกกระทันหัน



"เออ อิสครับพอก่อนเนอะ พี่ว่า เราเข้าไปห้องนอนกันดีกว่า อิสจะได้อาบน้ำ-อาบท่าด้วย"

"ครับผม"


     อิสระตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ยังคงตื่นเต้นไม่หายที่เจอเซอร์ไพร์ส อิสระยังคงไม่หุบยิ้ม แต่แล้วพอจิณณ์เปิดประตูห้องนอนออกกว้าง ก็ต้องอึ้งรอบสอง ยกมือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจเมื่อเห็นที่พื้นโรยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นทางยาวไปจนถึงเตียง


"พี่จิณณ์" หันไปหาคนรักน้ำตาคลออย่างซึ้งใจ

"หืม! ชอบไหมเด็กดื้อ" โยกศรีษะคนรัก ก่อนจะกดจูบกลางกระหม่อม

"อื้อ...ชอบมากๆเลยครับ ชอบทั้งตัวพี่จิณณ์ชอบทั้งสิ่งที่พี่จิณณ์ทำให้ครับ"

"ฮ่าๆ ดีครับ ถ้างั้นอิสไปอาบน้ำได้แล้วครับ จะได้มานอนกัน"

"ครับผม"


     พยักหนัารัว และหายง่วงในทันที อิสระดีใจจริงๆ ดีใจจนไม่รู้จะหาคำพูดไหนมาบอกแทนความในใจได้ อิสระไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะทำเซอร์ไพร์สและโรแมนติกได้ขนาดนี้


    อิสระคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ใจเต้นแรงเมื่อเห็นกลีบกุหลาบโรยเต็มพื้น มิหนำซ้ำยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากอโรม่ากลิ่นกุหลาบ เพิ่มความโรแมนติกอีกหลายเท่า


"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะเป็นคนโรแมนติก" พึมพำแต่ก็มิวายอมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้า


     กระทั่ง เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าจนร่างกายเปลือยเปล่า เดินไปเปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นๆไหลผ่านร่างกายเพื่อความสดชื่น ตัวเปียกได้ที่ ก็กดสบู่เหลวชะโลมตัว ลูบๆวนๆถูผิวกายตัวเองอย่างละเมียดละไม ทันใดนั้น...

ฟึ่บ!...

    จู่ๆ มีมือหนาสอดมาจากด้านหลังลูบไล้เนื้อครีมจนเป็นฟองฟู่ฟ่อง


"พี่ขออาบน้ำด้วยคนนะครับ"


"เอ่อะ...พี่จิณณ์"


     อาจเป็นเพราะห่างกันมาแสนนาน พอเจอแบบนี้เข้าไป ก็รู้สึกวาบหวามหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อิสระขนอ่อนลุกตั้งชูชันทั่วร่างกาย เมื่ออีกฝ่ายประทับจูบบนบ่าเปล่าเปลือย แถมสองมือก็ยังหยอกเย้าผิวกาย ลูบ ไล้ ไล่ เล่นอย่างสยิว


"อาาาห์"



    หลุดร้องครางเพราะความลื่นจากเนื้อครีมสบู่เหลว ไหนจะมืออุ่นๆของคนรักที่เล้าโลมเรือนกาย ผนวกกับกลิ่นอโรม่ากุหลาบที่หอมโชยทั่วห้องน้ำ ตบท้ายด้วยอารมณ์แห่งความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน จึงเป็นองค์ประกอบที่หลอมรวมกันได้สมบูรณ์แบบ

    อิสระใจกระตุกที่มันกระตุ้นอารมณ์และฮอร์โมนเขาให้พุ่งพล่าน เผลอตัวจับข้อมือพี่จิณณ์ให้เลื่อนลงมาจับแก่นกายของตัวเองที่กำลังเติบโตเต็มที่


    จิณณ์ยกยิ้มชอบใจ เมื่อคนรักตอบสนองกลับ


"ให้พี่ช่วยนะครับ" ความหมายของจิณณ์ คือ ต้องการเป็นฝ่ายช่วยให้คนรักถึงสวรรค์แห่งความใคร่ ทว่า เด็กหนุ่มกลับไม่ต้องการแค่นั้น เมื่ออิสระหันมากระซิบข้างหู


"ได้ครับ แต่พี่ช่วยเอาของพี่เข้ามาในตัวผมทีได้ไหมครับ?"

กึก!


    จิณณ์ใจสั่นและเต้นแรงจนแทบกลัวว่าหัวใจจะวายตาย อิสระจะรู้ไหมว่าการใช้คำพูดท้าทายแบบนี้ มันยิ่งเพิ่มความต้องการให้จิณณ์อยากร่วมรักกับเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก


    จิณณ์ไม่ไหวแล้ว ใช้ริมฝีปากทำงาน เล้าโลมด้วยการจูบไล้หลังคอ

จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ!


    จากนั้น เขาจับอิสระให้หันมาหากัน ดันร่างเล็กติดผนัง ในขณะที่สายน้ำยังคงชะโลมไหลผ่านร่างกายของทั้งคู่ จนชะล้างคราบฟองสบู่บนตัวเด็กหนุ่มจนหมดสิ้น


     ร่างสูงซุกไซร้ซอกคอเนียน จากนั้นก็เคลื่อนมาประกบจูบดูดดื่มพลางลูบตัวคนรัก

     ตอนนีั แก่นกายของทั้งสองแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า จิณณ์เอื้อมมือไปจับแท่งร้อนคนรัก รูดขึ้น รูดลงช้าๆ และเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น เร็วขึ้น

      เด็กหนุ่มตัวสั่นระริก มองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ได้แต่ซบหน้าลงบนลาดไหล่พี่จิณณ์ เผลอฝังเล็บลงบนแผ่นหลังคนตัวโต จิกเท้า และเกร็งตัว บิดไปมาด้วยความเสียวกระสัน

     ฟากจิณณ์พอเพิ่มความเร็ว น้องก็หลุดร้องครางเสียงดัง พอยิ่งได้ยินเสียงครางของน้องใกล้หู ยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้นไปอีกจนแทบรอจะเอาเข้าไปไม่ไหว

      อาจเป็นเพราะมือของคนรักที่ช่วยสร้างความสุขให้อิสระ ใช้เวลาไม่นาน เด็กหนุ่มจึงถึงฝั่งฝัน

     คนอายุมากกว่าจับไหล่อิสระให้พลิกตัวหันหลัง วางมือเด็กหนุ่มทาบบนผนัง ลูบร่องก้นคนรักช้าๆ ก่อนจะใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยสบู่เหลวแหย่เข้าไปยังช่องทางสวาท


     อิสระสะดุ้งเฮือก รีบจับข้อมือให้พี่จิณณ์หยุดก่อนและถามคนรักอย่างเกร็งๆ


“มะ...มันจะไม่เจ็บใช่ไหมครับ?”

"แรกๆจะเจ็บ...แต่หลังจากนั้น พี่บอกไม่ได้ครับ อิสต้องลองเอง ถึงจะรู้"


      อิสระกัดปาก ก้มหน้า หลับตา เมื่อพี่จิณณ์สอดนิ้วเข้าไปจนสุด และค่อยๆเพิ่มจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว เด็กหนุ่มเสียวจนเผลอโก่งบั้นท้ายขึ้นเล็กน้อยเตรียมพร้อมรับแก่นกายของคนตัวใหญ่ที่กำลังจะเข้าไปสำรวจโพรงลึกลับ


      ทันใดนั้น จิณณ์ค่อยๆสอดแท่งร้อนพยายามดันเข้าไปช้าๆ เมื่อแท่งร้อนลอดผ่านประตูรักสำเร็จ จิณณ์โยกไปตามจังหวะพอให้ภายในของน้องคุ้นเคยกับแก่นกายของเขาเสียก่อน แล้วค่อยกระแทกกระทั้นในจังหวะที่เร็วขึ้น


"อาาาาาห์"



       หลุดร้องออกมา เมื่อพอได้สัมผัสด้านในของน้องอิสระ จิณณ์รู้สึกเสียวซาบซ่านเป็นอย่างมาก เมื่อช่องทางสวาทของน้องคับแน่น และตอดรัดแก่นกายจนร่างเขาแทบจะระเบิด

    มันส์ ดี โคตร ...จนหาคำมาบรรยายไม่ได้


      เวลานี้ ทั้งสองต่างประสานเสียงครางกันดังกึกก้องทั่วห้องน้ำ



"เจ็บไหมครับ? เด็กดื้อ"

"อ้ะ...อื้อ...จะ...เจ็บครับ...พี่...ตะ แต่...มันส์ อะ... ซี้ดดด!...อาห์"


      ยิ่งจิณณ์กระแทกแรงเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเสียงครางของน้องอิสระก็ดังขึ้นเท่านั้น จิณณ์โน้มตัวไปกอดแนบแน่น พลางลูบไล้ทั่วแผ่นท้อง จูบซอกคอ โลมเลียใบหู พลางกระซิบ


“ดูสิ น่ารักแบบนี้ ใครจะอดใจไหว ฮึ?..."



      อิสระกัดปากสะกดอารมณ์ แต่พี่จิณณ์กลับจับปลายคางอิสระให้หันมารับจูบแบบลึกซึ้ง



     เป็นครั้งแรกที่อิสระได้ลองร่วมรัก เขามีหลายความรู้สึกที่คละเคล้ากัน ทั้งเจ็บ จุก และสนุกในเวลาเดียวกัน

    อิสระเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน ร่างกายมันอ่อนระทวยเมื่อความสุขที่ได้รับมันมากจนแทบจะล้น
     

     ในขณะเดียวกัน คนพี่ก็มีความสุขไม่ต่างกัน รีบเร่งจังหวะ กระแทกไม่มียั้ง เมื่อรู้ว่าไม่กี่นาทีจากนี้ เขาจะถึงฝั่งฝัน


"อ้ะ....อาาาาห์"


     จิณณ์ตัวเกร็งกระตุก เมื่อได้ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะยานสู่ประตูแห่งรัก


    อิสระเข่าอ่อน ทรุดตัวลงพื้นทันที จิณณ์รีบกอดน้องอิสระไว้แน่น พรมจูบทั่วลาดไหล่และพูดเสียงผะแผ่ว


"ขอบคุณนะครับ"

"ครับพี่จิณณ์"
ตอบแบบหอบเหนื่อย


    อิสระเต็มใจให้ร่างกายนี้เป็นของพี่จิณณ์ เพราะอิสระคิดว่าสิ่งที่ทำให้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่จิณณ์มอบให้อิสระมาตลอด

    นั่นคือ...

   การที่อิสระได้กลับมามีชีวิตที่อิสระอีกครั้ง...





....
....
....   

 
 

     วันถัดมา...

     จิณณ์ลืมตา พลิกตัวตะแคงข้างไปหาคนรัก เขาดีใจที่วันนี้ ได้ตื่นมาแล้วพบอิสระนอนอยู่ข้างๆ จิณณ์โน้มตัวไปจุมพิตที่หน้าผาก ก่อนจะหยัดกายขึ้น ลุกจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา ทำกาแฟดื่มตอนสายๆ


      ขณะที่ร่างสูงนั่งอยู่บนโซฟา เขาจิบกาแฟพลางอ่านข่าวรอบโลกจากโทรศัพท์มือถือ ปลายนิ้วไล่เลื่อนฟีดข่าวลงมาเรื่อยๆ ก็ชะงักและหยุดกระทันหันเมื่อสายตามาสะดุดกับลิ้งค์ข่าวที่พาดหัวเรื่องการทารุณเด็ก


      กดคลิกเข้าไปด้านในเว็บไซต์ เนื้อข่าวมีใจความสำคัญประมาณว่า สองสามีภรรยาชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นพ่อแม่แท้ๆ จับลูก 13 คนล่ามขังไว้ในบ้าน โดยปล่อยให้อยู่ในสภาพผอมโซ อีกทั้งยังมีร่องรอยการทำร้ายร่างกายจนทั่ว นับว่า เป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก


      จิณณ์ขมวดคิ้วเป็นปมและค่อยๆไล่อ่านจากบรรทัดแรกจนจบบรรทัดสุดท้าย จึงวางเครื่องมือสื่อสารพลางลอบถอนหายใจ การอ่านข่าวสะเทือนใจนี้ ทำให้นึกถึงคนใกล้ตัวอย่างอิสระ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมีเรื่องราวแบบนี้อยู่จริงๆบนโลก เรื่องที่พ่อ-แม่แท้ๆทำร้ายลูกตัวเอง


        และเพราะจิณณ์ไม่เคยเข้าใจว่าคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้จะรู้สึกยังไง จึงมีบ้างที่แต่ก่อนก็ไม่เข้าใจการกระทำของอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการกลัวสังคม การไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว แต่หลังจากได้อ่านข่าว ถึงทำให้เข้าใจว่า คนรักของเขาเก่งและแข็งแกร่งเอามากๆ ที่ทุกวันนี้สามารถใช้ชีวิตและปรับตัวได้เหมือนคนปกติอีกครั้ง
   
   
       พอคิดเรื่องของชีวิตน้อง ก็หวนไปนึกถึงคนใจโหดเหี้ยม จะว่าไป...คุณอิทธิพลเป็นอย่างไรบ้างนะ...ตั้งแต่พ้นขีดอันตรายมาก็ลืมตามข่าวของคุณอิทธิพลเลย

   
     จิณณ์ลุกไปหยิบเครื่องมือสื่อสาร กดโทรหาป้าแก้ว เผื่อจะได้ข้อมูลหรือความคืบหน้าของคุณอิทธิพลบ้าง


     เมื่อป้าแก้วรับสาย จิณณ์ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ ก่อนเข้าเรื่องสำคัญ ซึ่งป้าแก้วเองก็กำลังหาจังหวะโทรไปหาเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าที่คุณอิทธิพลโดนยิง มีเรื่องของจิณณ์และอิสระไปเกี่ยวข้องด้วย


     ป้าแก้วหนีมาแอบเล่าในที่ปลอดคน พอเธอเล่ามาประโยคแรก จิณณ์ยอมรับว่าช็อกที่ได้ยินว่า คุณอิทธิพลยังไม่ตาย


     แม้ใจลึกๆของตัวเองก็แอบสาปแช่งให้คุณอิทธิพลตายๆไปซะ ให้สมกับที่เคยทำเลวกับผู้อื่นไว้มาก แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อชะตาชีวิตลิขิตแบบนี้ ก็คงทำใจยอมรับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมจัดการแล้วกัน


     จิณณ์ยังคงฟังป้าแก้วเล่าอย่างใจจดใจจ่อ เธอบอกว่ามีวันหนึ่ง เธอแอบได้ยินคุณอิทธิพลคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ว่าจ่ายเงินก้อนโตเพื่อให้เรื่องการยิงกันนี้เงียบหายไปจากสารระบบ จิณณ์ได้ฟังก็โล่งใจและตีความไปเองว่า คุณอิทธิพลคงไม่คิดกลับมาแก้แค้นอิสระแล้ว เพราะถ้าแก้แค้น ตอนนี้ ก็คงต้องมีสัญญาณอะไรที่จิณณ์ต้องรับรู้ได้บ้าง


    พอคิดวิเคราะห์ความน่าจะเป็นเสร็จ ก็หันกลับมาตั้งใจฟังป้าแก้วต่อ ที่เธอเล่าด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า หลังๆมา คุณอิทธิพลอารมณ์ดีขึ้น เมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่อาศัยเพื่อดูแลคุณอิทธิพลอย่างใกล้ชิด ซึ่งก็คือ คุณธวัชชัยนั่นเอง...


    จากที่ได้ฟังมา จิณณ์มั่นใจว่า คุณอิทธิพลคงไม่ตามราวีอิสระอีก แต่หลังจากที่วางสายจากป้าแก้วแล้ว จิณณ์ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า...

    ทำไมคุณอิทธิพลถึงอารมณ์ดีขึ้น?

    สรุปแล้ว คุณอิทธิพลและคุณธวัชชัยนั้น มีสถานะเป็นอะไรกันแน่?....





****1.2****



 Part หน้าก็จบแล้วจ้า


มาอยู่ด้วยกันนะคะ อีกอึดใจเดียวน้าาาา
ใครสงสัยอะไร รอดูตอนจบนะเจ้าคะ

.
.
.

ขอบคุณทุกคนเลย น่าร้าก :man1: :man1: :man1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2018 08:34:51 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้องเพลงรอเลย

จะดูว่ามันเป็นลมสงบก่อนพายุร้ายหรือจะสงบตลอดไป

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
..

..มาอยู่ด้วย รออ่านตอนจบ

ให้จบHappy Ending. มีรอยยิ้มตอนท้ายนะ

แต่คนทำบาปไว้ ก้อต้องได้รับบทเรียนด้วยน้าาาา


..

 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:

.

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 15 ฉันจะมีเธออยู่ ||ตอนจบ|| (3)


ไม่ใช่แค่เพียงแต่การได้รับข่าวว่าคุณอิทธิพลยังไม่ตาย แต่จิณณ์ยังได้คุยกับชายจากการขอเบอร์ติดต่อมาจากป้าแก้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องราวคราวก่อน จิณณ์ยังไม่มีโอกาสขอบคุณชายที่ช่วยเหลือ


"คุณชายใช่ไหมครับ?"

[ใคร?]

"ผมจิณณ์นะครับ"

[ป้าแก้วให้เบอร์ผมกับคุณใช่ไหม?] ชายตกใจ เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ และคนที่รู้มีแค่ป้าแก้วคนเดียวเท่านั้น

"ครับ แต่อย่าว่าป้าแก้วเลยนะครับ ผมคะยั้นคะยอขอเบอร์ติดต่อเอง ผมอยากโทรมาขอบคุณ คุณสบายดีไหม?"

[ก็ดีครับ]

"ผมยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนคุณเลย คุณมาเจอผมกับอิสระได้ไหมครับ?"


[ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่อยากช่วย อีกอย่างผมไม่ได้ทำเพื่อคุณคนเดียว ผมทำเพื่อกรณ์ด้วย]


     จิณณ์เงียบเสียง เมื่อสัมผัสได้ถึงรักแท้ที่มาจากหัวใจคนๆหนึ่ง ทั้งๆที่ความรักของชายไม่มีแม้แต่โอกาสจะทำให้กรณ์ได้รับรู้ เพราะอีกฝ่ายได้ตายจากกันไปแล้ว



"ดูคุณจะรักคุณกรณ์มากเลยนะครับ"


    อีกฝ่ายเงียบนาน จนจิณณ์รู้สึกผิดที่ไม่สมควรพูดถึงคนที่ตายไปแล้วให้ชายสะเทือนใจ


"ผมขอโทษนะครับ ที่พูดไป"

[ไม่เป็นไร เบอร์นี้ เบอร์คุณใช่ไหม? ไว้ผมจะโทรกลับไปเอง แค่นี้ก่อน ผมไม่สะดวก]

"ครับ"

   
   
     จิณณ์วางสายและวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างกาย นั่งคิดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็นึกขำเหมือนกัน พักหลังๆมานี้ ชีวิตเขาจะเจอะเรื่องราวโลดโผน ท้าทายชีวิตไม่น้อยเลย

    คิดเพลินๆมาสะดุ้ง ตกใจเมื่อจู่ๆ คนรักกดจมูก ซุกไซร้ซอกคอของเขา

    หันไปล็อคต้นคอเด็กดื้อ ดึงมาจุ๊บปาก...


   
"ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้อ้อนจังครับ ฮึ?"

"ก็รักนี่ครับ"


      จิณณ์ขมวดคิ้วมองคนรัก ก่อนจะค่อยๆคลายปมคิ้ว คลี่ยิ้ม เมื่อสัมผัสได้ว่าอิสระเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก


"มานั่งนี่มา" จิณณ์ตบเบาะข้างๆ เรียกให้มานั่ง


    อิสระเดินอ้อมจากหลังโซฟา มาหาคนพี่ ทว่า เด็กหนุ่มกลับขึ้นคร่อมนั่งตัก หันหน้าเข้าหาจิณณ์ ยกมือโอบรอบลำคอ
     

"ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะครับ" เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย จิณณ์กระแอมไอให้คนรักรู้ตัวว่าอย่าเล่นอะไรแบบนี้ เมื่อคนรักนั่งขยุกขยิกตัวไปมาจนบั้นท้ายคนรักบดเบียดถูไถไปกับแก่นกายของจิณณ์ราวกับตั้งใจปลุกมันให้ตื่น


"พี่นึกว่าอิสจะเพลียน่ะสิ และอิสครับ อย่าขยับมาก เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน!!"


    พูดจบ อิสระก็ไม่นึกหรอกว่า ลูกชายพี่จิณณ์จะไวต่อสัมผัส จนตื่นตัวแข็งขืนนูนออกมาจากกางเกง อิสระกลั้วหัวเราะ


"ฮ่าๆ...พี่จิณณ์ทำไมหื่นจัง"


"ไม่ได้หื่นนะครับ มันเป็นธรรมชาติ อิสมาโดนจุดมันก็ตื่นสิ"


    อิสระหน้าแดงที่พี่จิณณ์พูดออกมาซื่อๆ เด็กหนุ่มกดหน้าลงไปจุ๊บปากพี่จิณณ์ ผละและมาคลอเคลียซอกคอ ก่อนพูดเสียงละมุน


"พี่จิณณ์เป็นเหมือนผมไหม? พอผ่านเรื่องร้ายมา ผมรู้สึกว่าผมรักพี่มากขึ้น และเรื่องที่เคยคิดมากแต่ก่อนก็ลดลงไปด้วย"

"พี่ก็คิดเหมือนกัน แต่ดูสิดู ปากบอกว่ารักกัน แต่ก่อนหน้านี้ ยังจะทิ้งพี่"
จิณณ์ขุดเรื่องอดีตที่อิสระแกล้งความจำเสื่อมมาตัดพ้อ

"ขอโทษนะครับ ผมผิดเองที่คิดแทนพี่จนเกิดเรื่อง"

"ครับ ทีหลังห้ามทำแบบนี้อีกนะ"


       อิสระพยักหน้ารัว ไถลตัวจากตักพี่จิณณ์ลงไปนั่งกองตรงพื้น พนมมือไหว้ ก้มกราบบนตัก จิณณ์ยึดข้อมืออิสระค้างไว้


"อิสทำแบบนี้ทำไม? ลุกขึ้นมานะ"

"ก็พี่จิณณ์ มีพระคุณกับผม"


"มันมากเกินไป"


"ไม่มากเกินไปหรอกครับพี่จิณณ์ พี่ให้ชีวิตใหม่กับผม เป็นเหมือนแสงสุดท้ายของผม พี่จิณณ์ช่วยผมออกมาจากนรกขุมนั้น"

"ถ้าอย่างนั้นอิสก็ช่วยพี่เหมือนกัน ช่วยให้พี่มีคนรักที่น่ารักแบบนี้ จากนี้ มีอะไรก็ปรับความเข้าใจกัน คุยกันและอย่าหนีกันไปอีกนะ เข้าใจไหม.? ลุกขึ้นมานั่งดีๆ"


"ครับพี่จิณณ์"


    จิณณ์ลูบหัวคนรัก กดจูบกลางกระหม่อม อาจเป็นเพราะผ่านนาทีระทึกมา ถึงทำให้จิณณ์ไม่อยากไขว่คว้าอะไรมากไปกว่าการมีคนที่รักเราจริงๆอยู่ข้างกาย...แค่นี้ก็พอ


"อิสอยากไปหามัตถ์ไหม?"

"ทำไมอยู่ดีๆ ก็ถามขึ้นมาล่ะครับ?"

"พี่คิดว่า อิสควรใช้เวลาจากนี้ อยู่กับคนที่อิสรักน่ะ"

"พี่จิณณ์จะไม่หึงผมใช่ไหม?"

"ไม่หรอก คนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่? พี่อยากให้อิสเจอคนที่อยากเจอน่ะ"


   
    อิสระสบตาคนรักอย่างซาบซึ้งและรู้สึกดีที่พี่จิณณ์เป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจความรู้สึกเขามากถึงเพียงนี้


"ทำไมพี่จิณณ์เป็นคนน่ารักขนาดนี้ ขอบคุณนะครับ"




      อิสระหอมแก้มทิ้งท้าย ก่อนจะลุกไปเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางหามัตถ์ตามที่คุยกันไว้


      ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ทั้งคู่ก็มาถึงห้องของมัตถ์ โดยที่อิสระไม่ได้โทรบอกก่อน เนื่องจากโทรศัพท์อิสระพังตั้งแต่ตกน้ำคราวนู้น...


 ก๊อก ก๊อก ก๊อก!


      ไม่นาน ประตูก็เปิดออกกว้าง


"เฮ้ย! อิส"


      มัตถ์โพล่งขึ้นเสียงดังอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่า อิสระจะมาโผล่อยู่หน้าประตู เนื่องจากหลายวันที่ผ่านมา มัตถ์คิดถึงอิสระมากเป็นพิเศษ ครั้นโทรไปหา ก็ติดต่อไม่ได้

     มัตถ์ดึงตัวอิสระไปกอด และเอาแต่พร่ำเพ้อว่าคิดถึงอิสระอยู่อย่างนั้น

     จนกระทั่ง....


"อิสไม่ได้มาคนเดียวนะครับ"


 
       ผละจากกัน เหลือบมองคนที่มายืนชิดข้างตัวอิสระ  มัตถ์แกล้งกลอกตาใส่


"เฮ้อ!...นึกว่าอิสมาคนเดียวซะอีก ว่าจะชวนนอนห้องด้วยกันสักหน่อย สวัสดีครับพี่จิณณ์ พี่สบายดีนะ"

"สบายดีครับ"


"มัตถ์เป็นไงบ้าง?" อิสระถามขณะที่มัตถ์ดึงแขนให้อิสระเข้ามาในห้อง

"เฮ้อ! มัตถ์เลิกกับแฟนแล้วล่ะ แต่จบกันด้วยดี แฟนมัตถ์เขาไปเรียนต่อต่างประเทศน่ะ แล้วเขาบอกว่า เขาอยากโฟกัสกับการเรียน เลยขอหยุดความสัมพันธ์ไว้"


"มัตถ์โอเคนะ"

"เฮ้ย! มัตถ์โอเค ยังไหวอยู่ สบายมาก"


      อิสระมองคนยิ้มกว้าง ร่าเริงเกินเหตุก็ได้แต่สงสาร อิสระเป็นห่วง เอาเข้าจริง จะบอกว่าสบายมากอย่างปากว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะนัยน์ตาของมัตถ์ก็ยังซ่อนความเศร้าไว้อยู่


       ทั้งสองนั่งลงตรงโซฟา โดยที่จิณณ์และอิสระตกลงกันแล้วว่าจะไม่พูดเรื่องที่ทั้งสองได้ประสบพบเจอมาก่อนหน้านี้
   

"พี่จิณณ์ ขอผมกอดอิสอีกรอบได้ปะ?" เห็นรอบที่แล้ว แยกเขี้ยวใส่ มัตถ์เลยต้องขออนุญาตก่อน เพราะยอมรับว่าคิดถึงอิสระมากจริงๆ บวกกับเป็นห่วงอิสระตอนที่ติดต่อไม่ได้ นึกกลัวว่าอิสระจะเป็นอะไรไป


"แหม...มัตถ์ ไม่ต้องขอก็ได้ จะกอดก็กอดเลย" คราวนี้เป็นอิสระที่ดึงร่างมัตถ์มากอด เพราะอิสระเหลือแค่มัตถ์ คนเดียวที่เป็นเพื่อนและคนที่ไว้ใจที่สุดในตอนนี้


      จิณณ์เบือนหน้าหนี ไม่มอง ไม่ถึงสองนาที จิณณ์กระตุกแขนคนรักให้รู้ตัวว่าหมดเวลา


"พอแล้วครับ"

"หวงจัง!... ทำอย่างกับผมกอดอิส แล้วอิสจะสิงร่างผมได้อย่างนั้นน่ะ ถึงผมจะโสด ผมก็ไม่แย่งอิสหรอกน่า ผมรู้อะไรเป็นอะไร..."


"ฮ่าๆ...มัตถ์อะ อย่าว่าพี่จิณณ์ของอิสนะ พี่จิณณ์เขาไม่มีอะไรหรอก เราก็แค่ผ่านอะไรด้วยกันมามาก...พี่จิณณ์น่ะน่ารักจะตาย เอาใจอิสทุกอย่างดีมากๆเลยด้วย" อิสระพูดจบก็หันไปยิ้มและสบตาคนรัก

"หืม! อิส"

"อะไรหรอ?"
อิสระโคลงศรีษะมอง

"ปกติ ไม่ค่อยเห็นอิสชมแฟนต่อหน้าคนอื่น"


    อิสระอมยิ้ม ดึงมือพี่จิณณ์มาวางบนตักตัวเอง และเอนหัว ซบไหล่


"เพราะอิสรักพี่จิณณ์มากยังไงล่ะ"

"โอ้ย! สาบานว่ามาเยี่ยมมัตถ์เพราะคิดถึง ไม่ได้มาเพราะอวด...ผั......"


    คราวนี้ คนที่หึงหวงก่อนหน้า กลับยิ้มเขิน ลูบหลังคอแก้เก้อ ส่วนอิสระตบปากมัตถ์ทันที



"โอ้ยอิสอ่าา... เจ็บนะ" มัตถ์กุมปากตัวเอง

"สมน้ำหน้า มัตถ์ว่าอิสทำไมล่ะ?"

"เอ้า! มัตถ์พูดจริง ดูสิ หวานใส่กันขนาดนี้ จะมาหาทำไมก็ไม่รู้"


      อิสระเห็นมัตถ์ทำหน้างอน ก็อดขำไม่ได้


"ฮ่าๆ....โอเคๆ ...ถ้างั้น เราไปหาอะไรกินกันเถอะ อิสหิว และอยากฟังเรื่องของมัตถ์ต่อด้วย"

"ก็ดีเหมือนกัน มัตถ์เบื๊อ...เบื่อ..."

"ไปกันทุกคน"

 


     อิสระเร่งให้ทุกคนตื่นตัว ลุกออกจากห้อง ขณะที่เดินตามหลัง อิสระมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความปลาบปลื้มใจที่ตัวเองได้มีโอกาสสุขอีกครั้ง
   
    ความสุขจากการได้หัวเราะอย่างสนุกสนานและได้อยู่เคียงข้างกับคนที่รัก...



    นับว่าเป็นอีกหนึ่งวันที่อิสระมีความสุขที่สุด หลังจากได้ใช้เวลาคุณภาพอยู่กับมัตถ์และพี่จิณณ์ไปหลายชั่วโมง ตลอดเวลาที่กินข้าว เดินเล่น จะเป็นมัตถ์ที่ชอบแขวะพี่จิณณ์เรื่องหวงอิสระตลอดเวลา จนอิสระนึกขำ ที่ในตอนแรกคนรักของเขาบอกว่าไม่มีทางหึงแน่นอน...

    พอกลับมาบ้าน อิสระไม่อยากให้พี่จิณณ์น้อยใจ เพราะยอมรับว่าตัวเองก็คุยกับมัตถ์เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน ใกล้เข้านอน เลยเอาใจพี่จิณณ์ด้วยการนวดตัวให้หายเมื่อย

    จากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็ทำออรัล เซ็กซ์ ให้กัน พอจบภาระกิจ ก็กอดก่ายกันและนอนหลับปุ๋ย





...............





   หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป


   ทั้งสองยังคงหมั่นเติมรักให้กันอยู่เสมอ พอทุกอย่างลงตัว พี่จิณณ์ออกไปทำงานโดยไม่ต้องกังวลกับอิสระอีก และสิ่งที่อิสระทำให้พี่จิณณ์ทุกวันหลังจากที่พี่จิณณ์กลับมาจากงานเหนื่อยๆ ก็คือ การนวดตัว นวดเท้าและทำอาหารเย็นให้


   แหละเมื่อคืนก่อน อิสระแอบได้ยินพี่จิณณ์บ่นว่าอยากกินน้ำพริกกะปิ แต่ไม่มีเวลาซื้อมากินสักที วันนี้ อิสระจึงตั้งใจเซอร์ไพร์สด้วยการทำเมนูที่พี่จิณณ์ชอบโดยที่เขายังไม่รู้


    หลังจากออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาได้ เด็กหนุ่มกลัวพี่จิณณ์จะกลับมาเร็ว จึงรีบโขลกกระเทียมอยู่นาน เล่นเอาซะเมื่อยแขนไปพักใหญ่ จากนั้นใส่ส่วนผสมอื่นๆ ทั้งกะปิ พริกขี้หนู น้ำตาลปี๊ป และส่วนผสมอื่นๆตามลำดับ ปรุงรสเพิ่ม โขลก คลุกทุกอย่างเข้ากันเรียบร้อยก็ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ จากนั้น อิสระตั้งกระทะให้ร้อน ใส่ปลาทูลงไปทอด เมื่อเห็นสีของปลาทูเหลืองทองกรอบได้ที่ ตักใส่จานเซรามิก เป็นอันเสร็จสิ้น


   อิสระภูมิใจกับหน้าตาอาหาร แม้จะยังไม่เชี่ยวชาญ แต่เพื่อพี่จิณณ์ อิสระมุ่งมั่นเต็มที่


   วางทุกอย่างลงบนโต๊ะอาหาร นำฝาชีมาครอป จังหวะนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่พี่จิณณ์เพิ่งซื้อให้ก็แผดเสียงดังขึ้นมา


"สวัสดีครับ"

[คุณอิสสบายดีนะครับ]


"นั่นใครน่ะ"


[ทำไมลืมกันง่ายจัง ก็คนที่ช่วยคุณอิสไงครับ]

"พี่ชาย มีอะไรหรือครับ?"

[อิส ช่วยพี่ด้วย]


     อิสระใจคอไม่ดี เมื่อได้ยินเสียงแทรกขึ้นจากปลายสาย



"พี่จิณณ์อยู่กับพี่ชายหรอ?"

[ใช่ครับ อยากมาหาไหม? ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก]

   
    อิสระใจตกไปที่ตาตุ่ม ทำไมพี่ชายถึงพูดแบบนั้นล่ะ อิสระไม่คิดว่าพี่ชายจะหลอกให้ตายใจแล้วมาหักหลังกันแบบนี้


"พี่ชายจะทำอะไร? อย่าทำอะไรพี่จิณณ์นะ"

[ถ้าไม่อยากให้ทำก็รีบมาก่อนที่เขาจะไม่มีชีวิต]


"ได้ๆ ผมจะไปบอกที่อยู่มา"



     หลังจากที่พี่ชายบอกที่อยู่แล้ว อิสระคว้าเงิน กุญแจห้อง คีย์การ์ด ไปทั้งๆสภาพหน้ามันเยิ้มจากการทำอาหารเพิ่งเสร็จ


    เมื่อได้ขึ้นรถแท็กซี่ เด็กหนุ่มนั่งร้องไห้ ภาวนาให้พี่จิณณ์อย่าเป็นอะไร
พอถึงหมู่บ้านที่พี่ชายบอก ไปจนสุดซอย ลงจากรถด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ


    ยืนกดกริ่งหน้าบ้าน ก็เห็นพี่ชายเดินมาเปิดประตูรั้วทรงเตี้ย อิสระทรุดตัวลงกับพื้น ยกมือไหว้


"ผมขอล่ะพี่ชายอย่าทำอะไรพี่จิณณ์นะ"

"คุณอิสลุกขึ้นก่อนเถอะครับ"

"ไม่!...จนกว่าพี่จะรับปาก"

"ถ้าไม่ลุกขึ้นผมจะไม่รับปาก"


   อิสระยอมลุกขึ้นยืน เดินตามพี่ชายเข้ามาในบ้านที่ชั้นล่างมืดตึ้บไม่มีการเปิดไฟใดๆ พี่ชายพาอิสระเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นสอง ชี้นิ้วพร้อมบอกว่าพี่จิณณ์อยู่ในห้อง

   ชายไม่ยอมเปิดประตู จนกว่าอิสระจะตอบคำถาม


   
"คุณจิณณ์จะรอด ต่อเมื่อคุณต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน!"


"พี่อยากได้อะไร ผมทำให้ทุกอย่างนะครับ ผมจะกราบพี่ตรงนี้ยังได้ อะไรก็ได้ ผมขอร้อง"


     อิสระน้ำตาไหลอาบแก้ม ทรุดฮวบลงกับพื้น เตรียมก้มกราบเท้า ชายร้องห้ามให้หยุด สอดแขนเข้ามาใต้รักแร้ หิ้วปีกอิสระขึ้นมา


"เดี๋ยวก่อนครับที่ว่าได้ทุกอย่างจริงๆใช่ไหมครับ?"


"ได้สิครับ ได้ทุกอย่างจริงๆ ฮือๆๆ"


       ชายไม่พูดอะไรต่อ เปิดประตูห้องนอน อิสระเห็นพี่จิณณ์อยู่หน้าประตูพร้อมยิ้มกว้าง


"ถ้าได้ทุกอย่าง อิสอยู่กับพี่ไปตลอดได้ไหม?"   


     อิสระเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อพูดจบ จิณณ์ยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เปิดฝาออกมาใกล้ให้อิสระได้มองเห็นชัดๆ ข้างในเป็นแหวนทองคำขาวจากแบรนด์ดังสัญชาติยุโรป ประดับด้วยเพชรเม็ดจิ๋ว 8 เม็ดรอบวง


"ฮือๆ...พี่จิณณ์ พี่เล่นอะไรผมจะขาดใจตายอยู่แล้ว คนบ้า"



    อิสระทุบอกพี่จิณณ์หลายที ไม่ได้โกรธแต่ตกใจมากกว่า เพราะกลัวว่าพี่จิณณ์จะเป็นอะไรไปจริงๆ

   จิณณ์จับแขนเด็กหนุ่มที่ทุบอยู่รวบไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้มือที่ถือกล่องกำมะหยี่ดันร่างเด็กหนุ่มเข้ามาหาตัวเพื่อกอด


"พี่ก็เล่นเหมือนตอนที่เด็กดื้อแกล้งความจำเสื่อมไง โอ้ๆพี่ขอโทษ...สรุปยังไม่ตอบพี่เลยนะครับ"


"ฮือๆ...รักขนาดนี้ยังจะเอาคำตอบอีกหรอ? พี่จิณณ์บ้า! อุตส่าห์ทำน้ำพริก-ปลาทูไว้ให้"


"ห้ะ!....." จิณณ์ตกใจผละมามองหน้าคนรักที่ตัดพ้อด้วยน้ำตานองหน้า แสดงว่าคนรักของจิณณ์ก็ใส่ใจเขาไม่น้อยไปกว่ากัน

    คราวนี้ จิณณ์รีบดึงร่างอิสระมากอดอีกครั้ง


"โอ๋ๆ เด็กดื้อของพี่...พี่ขอโทษนะ อย่าโกรธพี่นะครับ พี่แค่อยากเซอร์ไพร์ส"

"อะแฮ่มๆๆ...."



     ในขณะที่อิสระกอดพี่จิณณ์อยู่ เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างจนได้ยินเสียงกระแอมไอ ถึงผละมามองข้ามไหล่พี่จิณณ์เห็นมัตถ์ยืนเลิกคิ้วสองข้างขึ้นสูงอย่างทะเล้นๆ และยิ้มกว้าง ถัดไปมีพ่อพี่จิณณ์ ป้าแก้ว พี่ฮูม ยืนอยู่


"ป้าแก้ว มัตถ์? พะ....พี่จิณณ์ครับ นี่ทุกคนรวมหัวกันแกล้งผมหมดเลยหรอ?"

      อิสระกระตุกชายเสื้อพี่จิณณ์ ที่เห็นทุกคนรวมตัวในห้องแห่งนี้


"ใช้คำไม่น่ารักเลย ใช้คำว่า ทุกคนอยากให้อิสมีความสุขมากกว่า ปะ..ไปไหว้พ่อพี่กัน"


"แล้วทำไมต้องเล่นแบบนี้ ผมกลัวจริงๆนะ"

"โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะที่เซอร์ไพร์สแรงไปหน่อย"


      อิสระหยิกแขนพี่จิณณ์ด้วยความเคือง ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงนั่งที่พื้น ยกมือไหว้บิดาของคนรักที่นั่งรออยู่ปลายเตียง


      ไม่มีพิธียิ่งใหญ่เว่อร์วัง อลังการ มีเพียงแค่สักขีพยานแห่งรักมายืนยันพร้อมข้อความอวยพรที่มาจากปากคุณเจริญ เรื่องการครองรักของทั้งคู่ให้มีความสุขกับปัจจุบัน อย่ายึดติดกับอดีต และอย่ากังวลอนาคต


       ส่วนการที่จิณณ์ทำเซอร์ไพรส์และใส่ใจกับเรื่องนี้ก็เพื่อต้องการให้อิสระเห็นว่าการใช้ชีวิตของเราสองไม่ใช่แค่การคบกันไปวันๆ แต่มันคือคำมั่นสัญญาต่อกันว่า จิณณ์จะไม่มีวันทิ้งอิสระไปไหน

      จิณณ์ตั้งสัจจะ พูดเสียงดังต่อหน้าผู้ใหญ่ว่าจากนี้ไป เขาจะดูแลอิสระให้ดีที่สุด

      จากนั้น ต่างฝ่ายต่างสวมแหวนให้กันและก้มลงกราบเท้าบิดาของจิณณ์

      เมื่อพิธีง่ายๆได้เสร็จสิ้น ทุกคนทยอยไปร้านอาหารที่ไม่ไกลจากนี้ เนื่องจากจิณณ์จองไว้สำหรับจัดเลี้ยง


      อิสระโกรธไม่ลง เมื่อเห็นถึงความพยายามในการทำเซอร์ไพร์สของคนรัก ที่ต้องไล่โทรติดต่อหาทุกคนเพื่อนัดมารวมตัว ไหนจะต้องจองร้านอาหารอีก
     


     ตอนนี้ ทุกคนถึงร้านอาหาร เดินเข้ามาด้านใน ประดับประดาไปด้วยลูกโป่งที่มีชื่อ Issara & Jinn รวมถึงป้ายผ้าที่แขวนห้องลงมาหลังวงดนตรีโฟล์ค ซอง ก็มีชื่อของทั้งคู่ตัวเบ้อเริ่ม

    อิสระแอบงอนพี่จิณณ์ที่ตัวเองมาในสภาพโทรมดูไม่ได้ แต่พี่จิณณ์ยังปากหวาน บอกว่า เพราะรักที่อิสระเป็นตัวเองเลยไม่สนว่าอิสระต้องมาในมาดดูดีแบบไหน เพราะถึงยังไงจิณณ์ก็รักอยู่วันยังค่ำ


     แม้การจัดงานครั้งนี้ จะมีแขกไม่ถึงสิบคน แต่ก็ดีใจเพราะคนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้ล้วนเป็นคนที่มีคุณภาพทั้งสิ้น


     รูปแบบอาหารมีทั้งแบบเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ และเดินไปตักเอง ทำให้ทุกคนต่าง กระจัดกระจายไปหาเมนูโปรดรองท้อง


     ในระหว่างที่อิสระและจิณณ์นั่งคุยกันยังไม่ลุกไปตัก  ป้าแก้วและชายเดินปรี่เข้ามาเพื่อบอกเรื่องสำคัญ โดยชายเป็นฝ่ายเล่าก่อนว่าตั้งแต่วันที่มีเรื่อง ชายเพิ่งมีโอกาสบอกความจริงกับทั้งคู่ว่าที่คุณอิทธิพลเกลียดอิสระ เพราะคุณอิทธิพลชอบคุณธวัชชัย ซึ่งคุณธวัชชัยชอบอิสระ นั่นเลยเป็นชนวนเหตุสำคัญ ซึ่งมันก็สอดคล้องกับสิ่งที่ป้าแก้วจะเล่าความคืบหน้าต่อจากนี้ว่า คุณธวัชชัยได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านคุณอิทธิพลแล้วเช่นกัน ซึ่งทั้งสองเริ่มคบหากันอย่างเปิดเผย โดยที่ลูกของคุณธวัชชัยต้องติดสอยห้อยตามบิดาตัวเองมาด้วย


     ได้ฟังอย่างนี้ก็รู้สึกดี เพราะดูเหมือนว่า คุณอิทธิพลคงไม่ระรานเขาทั้งสองแล้ว


     หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างค่อยๆคลี่คลาย ทุกคนก็ลืมเรื่องในอดีต และรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2018 20:06:59 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
     



................





     สองเดือนผ่านไป....

     อิสระและจิณณ์ยังคงใช้ชีวิตมีความสุขเฉกเช่นทุกวัน และป้าแก้วเพิ่งมาบอกข่าวสำคัญกับจิณณ์และอิสระว่า ชายได้อุปสมบทบวชเป็นพระได้เกือบพรรษาแล้ว ทั้งคู่จึงชวนกันออกเดินทางแต่เช้าไปหาหลวงพี่กันที่วัดป่าแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด โดยโทรบอกกล่าวท่านไว้เรียบร้อย


     ในขณะที่ขับรถก็มีแวะกินข้าวข้างทางบ้าง ระหว่างที่ขับรถมาได้หลายร้อยกิโลเมตร จิณณ์ที่สังเกตคนรักมาตลอด ก็แอบถาม


"พี่ว่าช่วงนี่อิสดูสดใสขึ้นนะครับ"

"จริงหรอครับ?"

"อืมใช่...อิสดูมีอ่อรา ใบหน้าดูอิ่มเอิบ ตัวก็ดูจะอวบๆขึ้น นี่ท้องหรือเปล่า?"

"ตลกแล้วพี่จิณณ์ ผมจะท้องได้ไงเล่า!"


     
จิณณ์ขำคนรักที่ทำแก้มพองลม เบือนหน้าหนี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เขายังไม่เคยรักอิสระน้อยลงเลย แถมอิสระก็ยังทำตัวให้น่ารักมากขึ้นไปอีก ทั้งออดอ้อน เอาใจใส่ จนจิณณ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดอะไรในชีวิตแล้วตอนนี้

    ผู้ชายอบอุ่นละสายตาจากท้องถนนหันไปถามเด็กดื้อ


"อิส อยากมีลูกไหม?"

"พี่จิณณ์อยากมีหรอครับ?"

"ก็อยากนะ อีกอย่างอิสจะได้มีคนที่รักอิสเพิ่มอีกคนไงครับ แต่พี่ต้องถามอิสก่อนว่าชอบเด็กหรือเปล่า?"

"ชอบครับ แต่ผมกลัวจะเลี้ยงได้ไม่ดีน่ะสิ"


     อิสระตอบตามความจริง เพราะพอเขาเจอเรื่องแย่ๆกับตัวเอง ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าอิสระมีลูกจริงๆจะต้องเลี้ยงดูแบบไหน ถึงจะทำให้เด็กเติบโตมาได้อย่างมีความสุข


"พี่ว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา ถ้าอิสคิดดีแล้วเรามาตกลงกันอีกทีก็ได้นะว่าอยากมีลูกแบบไหน? จะอุปถัมภ์เด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรม หรือจะใช้วิธีอุ้มบุญทำที่ต่างประเทศก็มาคุยกันอีกทีก็ได้ครับ"


      อิสระพยักหน้าพลางน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าพี่จิณณ์จะจริงจังกับชีวิตคู่ขนาดนี้ อิสระไม่เสียใจเลยที่ได้พี่จิณณ์มาเป็นแฟน และยังรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าพี่จิณณ์ไม่มีวันทิ้งเขาไปไหนแน่ๆ

     
      เกือบชั่วโมง กว่าทั้งสองจะถึงที่หมาย จิณณ์ถามถึงพระชายจากชาวบ้านละแวกนั้นพอรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ทั้งคู่ก็เดินตามทางกันมา จนมาหยุดที่ศาลาร่มไม้  ถอดรองเท้า กำลังเดินขึ้นศาลา ทว่า หยุดชะงัก เมื่อเห็นคุณอิทธิพลนั่งคุยกับพระชายอยู่

     อิสระตัวสั่นเทา จนจิณณ์ต้องจับมือไว้ให้น้องผ่อนคลายลง



"เข้ามาเถอะโยม ไม่มีใครทำอะไรโยมหรอก" พระชายเห็นก็เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



    อิสระหลบหลังพี่จิณณ์เมื่ออิทธิพลหันหลังมามอง  อิสระตาโต เมื่อเห็นบิดามีแววตาเศร้าหมอง ใบหน้าดำคล้ำ ไร้สง่าราศี แถมดูร่างกายก็ทรุดโทรมกว่าแต่ก่อน

     จิณณ์และอิสระค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งก้มกราบหลวงพี่ที่รูปโฉมแลดูสง่างาม ใบหน้ามีราศี ผุดผ่อง


      อิสระนั่งหลบหลังพี่จิณณ์  จนอิทธิพลคงดูออก


"ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นหรอก"


      หลวงพี่ยิ้มที่เห็นการกระทำของอิสระ

      จังหวะนั้น...


"กระผมหมดธุระแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"


      อิทธิพลคงไม่อยากให้ทั้งสองกลัวกันไปมากกว่านี้ จึงขอตัวกลับปล่อยให้อิสระนั่งตัวสั่นไม่หาย


"กลัวหรือโยม? เขาไม่มีพิษสงอะไรแล้วล่ะ"

"มะ...หมายความว่าไงครับ หลวงพี่"

 
    หลวงพี่ไม่ตอบ แต่ยิ้มจางๆมาให้ จิณณ์บอกคนรักว่าไม่ต้องเครียดและนำของที่ซื้อมาถวายแก่หลวงพี่ แต่เนื่องจากทั้งคู่มาถึงเลยเวลาเพล หลวงพี่ไม่สามารถรับไว้ได้จึงต้องนำของถวายทั้งหมดให้ฆราวาสท่านอื่นแทน ทั้งสองถามไถ่ความรู้สึกหลังการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์

     พระชายรู้สึกดีที่คิดได้ในวันที่ไม่สายเกินไป และละอายแก่ใจกับความผิดที่ตัวเองก่อในอดีตและคิดว่า การมาบวชครั้งนี้ก็คงชดใช้ไม่หมด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระชายตั้งใจแล้วว่าจะหยุดกระทำสิ่งที่ไม่ดีทุกสิ่ง หันหลังทางโลก มุ่งหน้าทางธรรม โดยไม่สึกออกไปใช้ชีวิตอย่างปุถุชนอีกแล้ว


      ทั้งสองซาบซึ้งในการเปลี่ยนความคิดของพระชาย แต่คุยได้ไม่นาน พระชายมีกิจไปช่วยหลวงพ่อดูเรื่องการสร้างกุฏิเพิ่มเติม


    จิณณ์และอิสระก้มกราบลา เตรียมกลับบ้าน พระชายลุกขึ้นยืน แต่ก่อนไปท่านพูดทิ้งท้ายให้คิด


"ถ้าทำใจได้ ก็อยากให้ปล่อยวางและอภัยให้กันเถอะนะ...โยม..."


     ทั้งคู่พยักหน้ารับคำ ลุกเดินไปสวมรองเท้า เดินออกจากศาลาเห็นคุณอิทธิพลนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์


      อิสระนึกว่าคุณอิทธิพลจะกลับไปแล้ว อิสระเกาะแขนพี่จิณณ์แน่นด้วยความกล้าๆกลัวๆ แต่จิณณ์เองเห็นว่าคุณอิทธิพลมีรูปร่างผ่ายผอมอย่างเห็นได้ชัดจึงสอบถามในฐานะที่อย่างน้อยก็คนเคยรู้จักกัน


"คุณอิทธิพลสบายดีใช่ไหมครับ?"

"ก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก แต่พวกเธอคงสบายดีกันสินะ"

"ครับ"



    เป็นจิณณ์ที่ตอบตลอด และอิสระก็ไม่กล้ามองหน้า


"คุณจิณณ์ ขอฉันคุยกับลูกหน่อยได้ไหม?"


      จิณณ์หันไปมองอิสระที่หน้าซีดและหวาดกลัว จิณณ์จับมืออิสระแน่น


"ให้ผมอยู่กับน้องด้วยไม่ได้หรอครับ?"

"ดูจากสภาพฉันแล้ว คิดว่าฉันจะทำอะไรอิสได้อีกหรือ?"


      จิณณ์มองหน้าคนรักและพูดเสียงเบา


"อิสไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่ยืนรอแถวๆนี้"

"พี่จิณณ์อย่าไปไหนไกลนะครับ"



     จิณณ์ยิ้มกับการกระทำคนรักที่เหมือนเด็กติดแม่ ส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์


"เด็กดื้อ...พี่พิสูจน์การกระทำให้เห็นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ยังกลัวพี่ทิ้งอีกหรือไงครับ? ไปคุยกับคุณอิทธิพลไป..เดี๋ยวพี่รอนะ" จิณณ์ยิ้มพลางบีบกระชับมือ ก่อนผละและยืนคอยอยู่ห่างๆ



     อิสระยืนมองคุณอิทธิพลที่แขนทั้งสองข้าง มีรอยแผลเป็นเหมือนกับที่อิสระเคยโดนทรมานเมื่อในอดีต


"ฉันขอโทษนะที่ผ่านมา"


     เด็กหนุ่มเงยหน้ามองบิดาด้วยความประหลาดใจ คนที่เคยมีอำนาจบารมีอย่างคุณอิทธิพลหรอจะยอมขอโทษอิสระ?


"คะ...ครับ?"

"ฉันขอโทษ อิสยกโทษให้ได้ไหม?"


    ดวงตาปริ่มน้ำ เด็กหนุ่มยืนกัดปากตัวเอง สองมือประสานกันแน่น ก็รู้ว่าที่ผ่านมาคุณอิทธิพลทำร้ายอิสระได้อย่างเลือดเย็น เหมือนคนไม่มีหัวใจ แต่มาวันนี้ พอเห็นสภาพคุณ
อิทธิพลแล้ว อิสระสงสารจนจะร้องไห้


"น่าขำไหมเล่า? อายุปูนนี้แล้ว ฉันเพิ่งจะเชื่อเรื่องเวรกรรม อิสนั่งลงก่อนสิ...ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง"


     อิสระยืนโลเล เก้ๆกังๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมก้าวยาวๆทิ้งตัวลงนั่งข้างคุณอิทธิพล


"อิสคงรู้มาบ้างใช่ไหม?เรื่องฉันกับธวัชชัย เพื่อนฉันที่ชอบซื้อขนม ของเล่นให้อิสสมัยเด็กๆน่ะ"


    อิสระพยักหน้ารับ


"มันเหมือนตลกร้ายของชีวิตฉัน ฉันได้คบกับคนที่แอบชอบมานาน เราได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันในบั้นปลายชีวิต ฉันก็หวังว่าขอแค่ต่างฝ่ายต่างได้ดูแลกัน เป็นคู่ชีวิตกัน แต่มันกลับไม่ใช่เลย"



   อิสระมองคนทอดสายตามองไปไหนก็ไม่รู้ คุณอิทธิพลเล่าอย่างคนอ่อนแรง


   ในช่วงที่อิทธิพลรอดตายจากการโดนยิง ธวัชชัยเข้ามาดูแลตลอด ยอมอดหลับ อดนอนเฝ้าดู จนอาการอิทธิพลดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ร่างกายได้พักฟื้นและรักษาตัวให้ดีขึ้นได้ไม่นาน  นิสัยด้านมืดของธวัชชัยก็เริ่มออก ตอนที่ขออิทธิพลมีเพศสัมพันธ์

    เพราะรักจึงให้...

   ตอนนั้น อิทธิพลไม่ได้คลางแคลงใจอะไร และบอกว่า เราไม่สามารถวิเคราะห์ตัวตนของคนที่เห็นภายนอกได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ

    ภายนอกของมาดนักธุรกิจอย่างธวัชชัยที่เก่ง มีความสามารถเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว อบอุ่นใจดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา จะมีเบื้องหลังคือความวิปริตทางเพศ

     พ่อของอิสระเว้นช่วงไปนาน เหมือนพยายามกลืนก้อนน้ำตา และตั้งใจเล่าแบบไม่ให้ขาดห้วง
   

     เพราะเห็นว่าอย่างน้อย ธวัชชัยก็ดูแลกันเป็นอย่างดี แต่อิทธิพลไม่รู้เลยว่า การตัดสินใจให้คราวนั้น จะกลายเป็นการเปิดประตูรับความทรมานเข้ามา เมื่อธวัชชัยมีรสนิยมโรคจิต ชอบเซ็กซ์ที่เน้นความซาดิสม์

    ธวัชชัยพึงพอใจและมีความสุขทุกครั้ง หากทุกขณะของการมีเพศสัมพันธ์ เขาจะเห็นคู่นอนของเขาได้รับความเจ็บปวด ธวัชชัยมักมีอุปกรณ์เข้ามาเป็นตัวช่วยในการร่วมสนุกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นโซ่ตรวน แส้ แม้กระทั่งกุญแจมือ และกุญแจล็อคข้อเท้า


    การมีเซ็กซ์ของธวัชชัยไม่เคยซ้ำกัน บางวันใช้เชือกมัดแขนอิทธิพลยึดกับหัวเตียง บางวัน มีใช้กุญแจมือล็อกข้อมือ และล็อกข้อเท้าของอิทธิพล พอหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันเสร็จ ธวัชชัยจะปล่อยอิทธิพลไว้บนเตียงอย่างนั้น และไม่ยอมปล่อยให้ไปอาบน้ำ


    พิเรนทร์ขึ้นมาหน่อย ก่อนการมีเซ็กซ์ ธวัชชัยใช้เทียนลนตามตัวอิทธิพล หนักที่สุดเห็นจะเป็นการใช้มีดปลายแหลมกรีดตามแขน ขา และลำตัวของคุณอิทธิพล และจะหัวเราะสะใจเวลาได้เห็นเลือดของคู่นอนซึมออกมาจากปากแผล มันทำให้ธวัชชัยมีความสุข สนุก จากการมีเซ็กซ์เพิ่มมากขึ้น


     การที่อิทธิพลถูกทรมานด้วยเครื่องพันธนาการต่างๆ และต้องยอมเป็นทาสธวัชชัย ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกเหนือจากคำว่า...รัก...


     การโดนทารุณกรรมอย่างป่าเถื่อน ทำให้อิทธิพลหวนนึกถึงเวลาที่ตัวเองได้ทำกับอิสระเช่นกัน

     ความคิดที่อยากมีคู่ชีวิตหรือเพื่อนคู่คิดของอิทธิพลถูกเลือนหายไป เมื่อใครอีกคนมีความต้องการที่สวนทาง


   กลายเป็นว่าอิทธิพลเหมือนนายบำเรอความใคร่ให้ธวัชชัยมากกว่า


   อิทธิพลไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตจะพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้


   วัยใกล้เกษียณที่ควรมีความสุข ได้พักผ่อนกับคนที่รักอย่างอบอุ่น ได้ใช้ชีวิตเที่ยวต่างประเทศ แต่เวลานี้ กลับตรงกันข้าม


     อาจเป็นเพราะก่อนหน้าที่รอดตายอยู่ในช่วงภูมิคุ้มกันต่ำ บวกกับปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อความเครียด ทำให้ตอนนี้ ร่างกายผ่ายผอม ทรุดโทรม จิตใจย่ำแย่ และมีโรครุมเร้าเข้ามาอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ทั้ง โรคเบาหวาน และโรคต่อมลูกหมากโต

      ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อิทธิพลคงเลือกตายตั้งแต่ตอนที่พระชายปล่อยทิ้งไว้ข้างโพรงหญ้าเสียยังดีกว่า...


     แม้เงินยังมีอยู่ในบัญชีและตู้เซฟไว้ให้ใช้จ่ายได้อีกมากมาย แต่กลายเป็นว่า เงินกลับไม่ใช่สิ่งสำคัญของอิทธิพลอีกต่อไป

    ความสุขและการไม่มีโรคภัยต่างหากที่เขาอยากได้...

    แต่คงไม่มีทาง เพราะเวลานี้ กรรมได้ย้อนมาหาผู้ที่เคยกระทำชั่วอย่างเขาแล้ว

     
"เรื่องที่ฉันอยากเล่ามันจบแล้วล่ะ ฉันดีใจที่ได้เจออิสนะ...จากนี้ที่เหลือก็คงรอวันตาย"



    อิสระฟังจบปาดน้ำตาลวกๆ เพราะไม่คิดว่า คุณอิทธิพลจะกล้าบอกเรื่องน่าอาย มันควรเก็บไว้เป็นความลับมากกว่าจะเล่าให้ฟัง


"ไม่ต้องร้องไห้หรอกอิส มันก็สมควรจะเป็นแบบนี้"


   อิสระอยากพูด อยากปลอบใจในฐานะที่เขาเป็นพ่อ แต่ไม่รู้จะใช้คำไหนมาปลอบ มันตื้อในหัว มันจุกในอก อิสระจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดยังยากลำบาก

    อิสระไม่เคยอยากให้พ่อเขารับการกระทำเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ อิสระอยากให้คุณอิทธิพลกลับตัวแล้วได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่า


   เพราะอิสระเจอมาก่อนเลยเข้าใจจึงสงสารคุณอิทธิพลพอสมควร


   อิทธิพลมองอิสระที่ยังร้องไห้ไม่หยุด ผู้เป็นบิดาแตะไหล่ลูกชายแล้วเอ่ยเสียงสั่นเครือ

   คำที่อิทธิพลเคยค้านหัวชนฝา ห้ามอิสระเรียก ในวันนี้ เป็นอิทธิพลเสียเองที่เอ่ยมันออกมา


     
"อิส...ขอ 'พ่อ' กอดลูกหน่อยได้ไหม?"


    อิสระชะงักงัน ก่อนจะพยักหน้ารัวๆ โผกอดบิดาของตัวเองด้วยความเต็มใจ และพูดคำที่ทำให้อิทธิพลน้ำตาไหลเป็นทาง


"พ่อครับ ผมไม่โกรธพ่อแล้ว ผมให้อภัยกับทุกสิ่งที่พ่อทำกับผม จากนี้ ผมขอให้พ่อมีความสุขมากๆนะครับ"


   เป็นคำแรกที่อิสระกล้าเรียกพ่อได้เต็มปาก

   อิสระเชื่อคำที่พระชายบอก และอยากให้อภัยจริงๆถึงได้พูดอย่างนั้น เพราะหลังจากที่เปล่งวาจาออกไป อิสระตัวเบา และรู้สึกดีต่อใจอย่างน่าประหลาด


   ทั้งสองกอดกันไม่นาน อิทธิพลผละและร่ำลากับอิสระ ก่อนจะเดินหนีไปขึ้นรถ ทิ้งให้อิสระนั่งนิ่งคนเดียว จิณณ์ที่มองสถานการณ์ตรงหน้าตลอด จึงเดินไปนั่งแทนที่ และมองหน้าคนรักที่ตาแดงก่ำ


"เด็กดื้อของพี่ โอเคไหมครับ?"

"โอเคครับ ผมรักพี่จิณณ์จริงๆนะ"
อิสระเจอเรื่องที่คุณอิทธิพลเล่ามาแล้ว ยิ่งอยากบอกรักพี่จิณณ์

"พี่ก็รักอิสเหมือนกัน"




      จิณณ์ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ เพราะเห็นอิสระยังคงร้องไห้โฮ เลยแค่นั่งเป็นเพื่อนข้างๆ


      ฟากอิสระที่พอได้เห็นชีวิตพ่อตัวเอง กลับรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีพี่จิณณ์รักและดูแลเขาเป็นอย่างดี


      อิสระรู้แล้วว่า ไม่ว่าชีวิตจะเจอเรื่องที่ย่ำแย่หรือตกต่ำเพียงใด

     เราจะพบเจอ...แสงสว่างของความรักที่เป็นดั่งแสงสุดท้าย...ซ่อนอยู่ในหัวใจเสมอ เพียงแต่ต้องสังเกตและหามันให้เจอ แล้วมันจะนำทางเราไป...

     แสงสุดท้ายที่ไม่จำเป็นต้องมาจากความรักของคนรอบข้าง แต่บางที แสงสุดท้ายที่ว่า อาจมาจากรักแท้ที่มาจากตัวเราเอง เพื่อเติมพลังให้ใจได้มีแรงและมีกำลังใจพร้อมลุกขึ้นสู้ใหม่ ในทุกขณะการก้าวเดินต่อไปบนถนนของชีวิต....



...........................THE END...........................
...........................THE END...........................
...........................THE END...........................
.
.
.
จบแล้ว
คงคิดถึงเรื่องนี้.
อยากขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติๆ ธรรมดาๆว่าก็แค่อ่านเอง ทำไมมันถึงสำคัญ?
แต่เชื่อเถอะว่าคนอ่านทุกคนมีความสำคัญกับเรามาก
พอได้มาเขียนดู จะรู้ว่า คนอ่าน คนคอมเมนท์ มีผลต่อจิตใจคนเขียนมากแค่ไหน
แม้คนอ่านอาจไม่รู้ตัวว่ามันส่งผล แต่รับประกันว่ามันมีส่วนสำคัญและมีพลังจริงๆ
อยากขอบคุณที่เข้ามาเติมกำลังใจเรา
ให้มันเพิ่มพูนนะคะ
.
ขอบคุณค่ะ
.
.
มีนิยายเรื่องใหม่ชื่อ อมยิ้มสื่อรัก
ติดตามได้ตามลิงค์ข้างล่างนะคะ


https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2018 14:08:57 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


จบตอนสุดท้าย เข้าโหมดธรรมมะเลยนะ

กรรมตามสนอง… ให้อภัยแล้วทุกอย่างจะเป็นสุข

จบแบบนี้ความเกลียดชังในตัวอิทธิพลกลายเป็นความสงสารขึ้นมาทันที

……

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ลุ้น​ตลอด​

กว่า​จะ​ลงเอย​กัน​ด้วย​ดี

ขอบคุณ​ที่​แบ่งปัน​ขอรับ​


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เรื่องแนวนี้เราชอบบบบ ปมชีวิตนู้นนี่นั่น
เหตุผลของแต่ละปมเข้าใจได้ง่ายค่ะ มีความเชื่อมโยงชัดเจน // แต่แอบลืมคุณป้านะคะ ทำบุญให้แกด้วยรักหลานมากจริง ๆ

เราเข้าใจในการเอาเรื่องกฎแห่งกรรมมาเล่นนะคะ แต่ก็สงสัยในความใหญ่โตของคุณอิทธิพลว่ากฎหมายทำอะไรไม่ได้เลยหรอ เข้าใจว่า มาหาคุณป้าที่บอกว่าแจ้งตำรวจ แต่ไม่ได้เล่าขยายต่อว่าเรื่องเป็นไง ก็งงนิด ๆ ต่ะ แต่ไม่ได้ทำให้เนื้องเปลี่ยนไป

...โวยวายตามภาษาชะนี...
บอกเลยว่าตอนที่จิณณ์เห็นแก่ตัวนั้น  :a5: เราไม่ชอบเลยยยย เราอยากสั่งปลดจากการเป็นพระเอกมากกกกกก  :angry2:

ออฟไลน์ Nattarat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารกรณ์มากๆ ไม่น่าตายเลย

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ดีมากๆเลยค่ะเรื่องนี้อ่านยาวๆรวดเดียวเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 855
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้
ชอบมาก อ่านรวดเดียวจบเลย
อ่านแล้ววางไม่ลง สนุก
สงสารชายรักกรณ์ กรณ์ไม่น่าตายเลย
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
รอติดตามเรื่องต่อๆไปค่ะ

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านแล้วก็บีบหัวใจจัง ทำไมพ่อถึงทำกับลูกได้ถึงขนาดนี้นะ สุดท้ายก็กรรมตามสนอง กรรมเหมือนที่ทำกับลูก :pig4:

ออฟไลน์ Freezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โคตรจะบีบหัวใจเลยครับ   สงสารอิส มากๆ
สงสารจิณ  ชาย  กรณ  อิทธิพล  ป้าแก้วว  ทุกคนเศร้า

ออฟไลน์ Eakkadoor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จบดีมากเลยครับ
สนุก ลุ้น แถมได้ข้อคิด
แอบปลูกจิตสำนึกให้ผู้อ่านได้คิดตาม
สนุกๆมากๆ ลุ้นสุดๆ
หน่วงใจเป็นบางช่วง กลัวจบเศร้า
ประทับใจมากเลยครับ
 :mew1: :mew3: :impress2:

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด