ตอนที่ 29 : คืนไร้ดาว (Part 2/2)ผมเดินตามเงาสูงของจีไปยังตึกจอดรถ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนค้อนทุบเข้ากลางศีรษะ มึนจนคิดไม่ออกว่าควรจะตัดสินใจอย่างไร ในมือของจีถือถุงกระดาษจากร้าน gift shop ชื่อดัง เมื่อเย็นระหว่างรออาร์มตัดผม จีชวนผมไปเดินเลือกซื้อของขวัญ แม้จะรู้ว่าซื้อไปทำอะไรแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะถาม และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ผมสมองเบลอมาจนถึงตอนนี้ ... เธอชื่อ ‘ษา’ เป็นเพื่อนที่ทำงานของจี จีสนิทสนมกับเธอมาพักใหญ่และกำลังจะขอเธอเป็นแฟนในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่มีแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน
ทำไมผมถึงรู้สึกว่าช่วงหลังๆ มานี้จังหวะเวลาไม่เคยเป็นใจให้เรา 2 คนเลย ผมรู้มานานแล้วว่าจีเลิกกับเฟิร์สแต่เพราะยุ่งกับเรื่องเรียนจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น รู้สึกตัวอีกทีจีก็กำลังจะมีแฟนคนที่ 2
ตั้งแต่กลับมาจาก summer trip ผมสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่เหมือนเดิมแต่เพราะเอาแต่กลัวเลยเลือกที่จะรอ แต่พอผมพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าทุกอย่างกลับล่มสลายเมื่อจีมีแฟนคนแรก ผมไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ปล่อยให้จีรอนานไปหรือจะเป็นผมที่คิดไปเองฝ่ายเดียว เป็นเรื่องที่ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ความคิดที่จะสารภาพรักกับจีมีขึ้นก่อนหน้านี้มาซักระยะ ไอซ์เชียร์ให้ผมพูดกับจีตรงๆ เพื่อทำทุกอย่างให้ชัดเจน แต่ผมไม่กล้าเพราะกลัวว่าถ้าจีไม่ได้คิดเหมือนกันแล้วผมจะเสียจีไป ไอซ์บอกกับผมว่า ‘มึงไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดแค่ว่าถ้าพรุ่งนี้มันแต่งงาน มึงจะเสียใจไหมที่ไม่ได้บอกรักมันตั้งแต่ยังมีโอกาส’ และผมก็ตัดสินใจว่าจะสารภาพทุกอย่างหลังจากรู้ว่าจีเลิกกับเฟิร์สแต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะตัดสินใจช้าเกินไป
“ทำไมวันนี้ไม่ได้ขับรถมาละ” จีถามเมื่อเรา 2 คนนั่งอยู่ในรถ จีอาสาไปส่งทันทีที่เจ้าตัวรู้ว่าผมไม่ได้ขับรถมา
“เมื่อคืนนอนดึก เมื่อเช้าตื่นสายก็เลยนั่ง BTS มา”
“เรียนหนักมากเลยเหรอ”
“ก็หนักนะ”
“เรียนหนักจนหน้าโทรมแล้ว”
“อืม”
“มึงตัดสินใจเรื่องเรียนต่อได้ยัง”
“ตัดสินใจได้แล้ว”
“ดีแล้ว จะได้ทำตามฝัน”
“มึงจะขอเขาเป็นแฟนวันไหนนะ” ผมถาม พยามยามทำตัวให้เป็นปกติ ส่งยิ้มมุมปากให้คนตรงหน้าทั้งๆ ที่ในใจกำลังกรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ถ้าเป็นไปตามแผนน่าจะวันเสาร์”
วันนี้วันพฤหัส ... ผมกั้นหายใจเมื่ออยู่ๆ ก็คิดอะไรได้จากประโยคที่เพิ่งลอยหายไปกับสายลม ... มันหมายความว่าตอนนี้จียังโสด ... จนกว่าจะถึงวันเสาร์
ความเครียดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล ถ้าจะพูดตอนที่จีโสดผมเหลือทางเลือกเดียวเท่านั้นคือต้องสารภาพวันนี้ ไม่เช่นนั้นผมก็รอต่อไปเรื่อยๆ เปลือกตาเลื่อนลงปิดดวงตาคู่สวย ลมหายใจค่อยๆ ผ่อนจังหวะหายใจเข้าออก ถึงจะพยายามสงบสติมากแค่ไหน หัวใจของผมกลับเต้นถี่รัว ... แม้จะเป็นเพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ แต่ผมก็ตัดสินใจจะลองเสี่ยงดู
“จี”
“ว่าไงมึง” ความกลัวก่อตัวขึ้นราวกับคลื่นยักษ์ที่สูงเสียดฟ้า ผมยังคงหลับตาเพื่อซ่อนความหวาดกลัวในใจ สั่นจนต้องกำมือทั้ง 2 ข้างเข้าหากันแน่น
“กูรักมึง ...” พูดออกไปแล้ว
“... รักมากกว่าเพื่อน” พูดออกไปทั้งหมดแล้ว
... ผมไม่เคยรู้สึกกลัวมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งกลัวว่าจะถูกปฏิเสธและกลัวที่จะถูกตอบรับ
... ถ้าจีตอบตกลงหัวใจของผมจะพองฟูราวกับก้อนเมฆ และแม้ความสุขนั้นย่อมต้องแลกมากับโลกทั้งใบที่จะถล่มใส่ผมก็ตาม แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
... บทสนทนาระหว่างเราเงียบหายไป ในขณะที่รถยนต์กำลังแล่นผ่านถนนยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร หนึ่งวินาทียาวนานราวกับเป็นชั่วโมง
“ขอบใจ แต่กูคิดกับมึงแค่เพื่อน ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยมากกว่านั้น” คำตอบที่ได้ยินเหมือนฟ้าผ่าเข้าที่กลางหัวใจ
แล้วผมก็ได้รู้ความจริง ... ไม่ว่าจะถูกปฏิเสธหรือตอบรับ ผมก็ถูกโลกทั้งใบถล่มใส่อยู่ดี จะต่างกันก็แค่หากถูกตอบรับผมก็จะมีจียืนอยู่ข้างๆ ... แต่ตอนนี้เหลือผม ... แค่เพียงคนเดียว
“กับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา มึงใจร้ายมาก” ผมพูดทั้งที่มือยังสั่นไม่หยุด กว่าจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ประโยคร้ายๆ ก็หลุดออกจากริมฝีปาก แม้จะเตรียมใจมาแล้วแต่การถูกปฏิเสธส่งผลให้ความมั่นคงทางอารณ์ของผมสั่นคอน
“กูขอโทษ ถ้าที่ผ่านมาทำให้มึงเข้าใจผิด ...”
“... ความฝันของกูคือแต่งงานกับผู้หญิงซักคนแล้วสร้างครอบครัวด้วยกัน” ด้วยอารณ์อ่อนไหวผมเกือบจะหลุดปากถามคนตรงหน้าไปว่า ‘ถ้าแต่งกับกูแล้วจะสร้างครอบครัวไม่ได้ตรงไหน’
... ผมนั่งนิ่ง พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเพราะไม่อยากหลุดคำพูดร้ายๆ ออกมา
... ที่ผ่านมาผมมีความสุขมากกับสิ่งที่ได้รับ
... และผมไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นความทรงจำแย่ๆ
“กูควรจะทำยังไงต่อ กูควรจะตัดใจไหม” ผมถาม
“ตัดใจเถอะมิลค์ มันดีกว่าสำหรับมึงและกู” จีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นี่ผมคาดหวังอะไรจากคำถามเมื่อครู่ มันแน่นอนอยู่แล้วว่าคนถูกปฏิเสธก็ต้องตัดใจ
“กูขอโทษ กูพยายามห้ามใจตัวเองแล้วแต่กูทำไม่ได้...” ในรถเงียบกริบ เสียงเพลงที่เคยเปิดคลอตอนนี้หยุดไปแล้ว
พอมิลค์หันหน้ากลับมา จีถึงได้เห็นว่าใบหน้าสวยนั้นเปรอะเปื้อนด้วยรอยน้ำตา มันพยายามกั้นสะอื้นจนตัวสั่น มือทั้ง 2 ข้างกำเข้าหากันจนเส้นเลือดที่แขนบูดโปน ... เกาะกำบังถูกทุบจนแตกละเอียด ... ไม่เหลือสภาพมิลค์ ติฒสิงห์ผู้สูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย
“... เราจะห่างกันไหม กูไม่อยากจะเสียมึงไปเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมา”
“ไม่หรอก กูเป็น ‘คนอื่น’ ที่ไหน กูเป็นเพื่อนสนิทของมึงนะเว้ย ถ้ามึงไม่ห่างกูก็ไม่ห่าง ...”
“... แต่ถ้าช่วงนี้มึงต้องการให้กูถอยไป บอกกูได้นะ ถึงเวลาที่มึงพร้อมกูยินดีกลับมาหามึงเสมอ”
“ไม่เอา ไม่ห่าง กูไม่อยากห่างจากมึง” ผมปฏิเสธทั้งน้ำตา แค่คิดถึงชีวิตที่ไม่มีจี ผมก็ไม่รู้แล้วว่าจะอยู่ได้อย่างไร
“ตอนแรกกูตั้งใจว่าหลังจากขอเป็นแฟน สัปดาห์หน้ากูจะพาเขามาเจอกับพวกมึง ...”
“... แต่กูว่ารออีกซักหน่อยก็ได้”
“ไม่เป็นไร มึงพาเขามาเถอะ กูขอร้อง อย่าทำแบบนั้น ... เขาเป็นอนาคตของมึง คนที่อาจจะเป็นอนาคตของมึง ส่วนกูคือคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ...” และจะเป็นคนที่จางหายไปตามกาลเวลา
แม้จะพยายามยื้อไว้มากแค่ไหนแต่ลึกๆ แล้วผมก็รู้ระยะห่างระหว่างเรากำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ในวันวานไม่รู้จะยังคงอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ความห่างไกลที่ผมกลัว ตอนนี้มันปรากฏภาพขึ้นชัดเจนแล้ว
“... กูสัญญาว่าจากนี้จะไม่ทำให้มึงลำบากใจ”
รถ Lexus IS 350 สีเทาดำจอดนิ่งอยู่ในที่จอดรถหน้าคอนโด เรามาถึงได้พักใหญ่แล้วแต่ผมยังไม่พร้อมจะลงจากรถ เรายังคงพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีต จีตอบทุกความสงสัยของผม คำปฏิเสธอย่างสุภาพออกจากปากของเพื่อนสนิทหลายต่อหลายครั้ง ... สุดท้ายผมก็ยอมรับความจริงว่าเรื่องทั้งหมดมีเพียงผมเท่านั้นที่คิดไปเองฝ่ายเดียว
“กูไปแล้วนะ” ผมพูดขึ้นเมื่อคิดว่าถึงเวลาแล้ว
“จมูกมึงยังแดงอยู่เลย”
“ถ้าจะรอจนหาย คงต้องรอถึงเช้า” แม้ผมพูดติดตลก แต่คนตรงหน้ากลับไม่ขำเลยไม้แต่น้อย มุกตลกของผมเลยลอยหายไปท่ามกลางแสงดาว
“มึงไหวนะ”
“ไหว” ปากบอกไหวแต่คิดไม่ออกเลยว่าผมจะผ่านคืนนี้ไปได้ยังไง
“มึงไม่ต้องกังวล ยังไงกูก็เพื่อนมึง กูไม่มีวันหายไปไหน จะอยู่ข้างๆ มึงตรงนี้นี่แหละ”
“ขอบใจ ...”
“... กูยอมรับได้ทุกอย่างไม่ว่ามึงจะเลือกใคร และกูคิดว่าเขาจะต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแน่นอน” พูดจบผมรีบลงจากรถก่อนที่จะร้องไห้ตาบวมอีกรอบ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวความพยายามก่อนหน้านี้ก็ไร้ความหมาย
‘ผีตายซาก’ คือสภาพของผมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา กินไม่ได้ นอนก็แทบไม่หลับ ไหนจะต้องฝึกงาน ไหนจะต้อง round case ต้องขอบคุณแก้ว ต่อ ต้น ที่พยายามประคองผมไว้ไม่ให้พังครืนลงมา มันทั้งปลอบ ทั้งนั่งเป็นเพื่อนเวลาร้องไห้ แบกเนื้อหา round case ในส่วนของผม ซื้อข้าวกลางวันมาให้เพื่อให้ผมเอาเวลาไปนอน ... ยิ่งโตขึ้นถึงได้รู้ว่าโลกยังคงหมุนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าเราจะแตกสลายมากแค่ไหนก็ตาม
เวลา 1 สัปดาห์ ผ่านไปเร็วกว่าใจคิด เย็นวันเสาร์ผมเดินเข้ามาใน hypermarket ขนาดใหญ่ย่านพระราม 3 แปลกใจไม่น้อยที่สถานที่นัดกินข้าวสำหรับเปิดตัวแฟนคนที่ 2 ไม่ใช้ห้างหรูย่านสยาม - ราชประสงค์แบบครั้งแรก ผมจงใจมาสายเพราะถ้าจะต้องมานั่งรอจิตใจผมคงฟุ้งซ่านมากกว่าที่เป็นอยู่ พอเห็นชื่อร้านอาหารก็รู้สึกอุ่นใจเพราะอาหารญี่ปุ่นคงไม่มีเมนูตับ
“ษา นี่มิลค์”
“มิลค์นี่ษา”
“สวัสดีคะ / หวัดดีครับ”
เพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอย ตำแหน่งที่นั่งวันนี้เลยถูกวางแผนมาล่วงหน้า มิลค์นั่งอยู่ด้านนอก ส่วนษานั่งอยู่ด้านในสุดฝั่งตรงข้าม ตอนแรกโจคิดจะให้นั่งฝังเดียวกันจะได้ไม่ต้องเห็นหน้า แต่พออาร์มทักว่าถ้าทำแบบนั้นมิลค์จะต้องนั่งติดกับจี สู่ให้นั่งเยื่องๆ กันคนละมุมน่าจะดีที่สุด
ไอซ์ลอบมองมิลค์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มิลค์โทรมาร้องห่มร้องไห้กับเขาตั้งแต่คืนนั้น พอได้ยินเสียงไอซ์ก็รู้เลยว่ามิลค์ใกล้จะแตกสลายเต็มที สุดท้ายเขาต้องหอบเสื้อผ้าไปนอนเป็นเพื่อนตั้งแต่กลางดึกของคืนนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขานอนค้างกับมิลค์มาครบสัปดาห์ ไอซ์รับปากมิลค์ว่าจะไม่บอกใครเรื่องนอนค้าง ที่นัดกันวันนี้คือต่างคนต่างแยกกันมา ส่วนเรื่องที่มันถูกจีปฏิเสธ จากสภาพของไอ้มิลค์ในวันนี้ อารม์กับโจก็คงเดาได้ไม่ยาก
แม้จะเป็นวันเสาร์แต่มิลค์ก็ต้องไปทำงานกับเพื่อนที่คณะ ไอซ์เลยกลับบ้านช่วงกลางวันแล้วแยกกันมาเจอที่ร้านอาหาร เมื่อบ่ายเขายังหวั่นใจอยู่เลยว่าวันนี้ไอ้มิลค์จะแผลงฤทธิ์อะไรไหม แต่พอดูจากเสื้อผ้า หน้าผม และ accessory เรียบๆ ที่เจ้าตัวใส่มา ทำให้เบาใจไปได้เยอะว่าประวัติศาสตร์คงไม่ซ้ำรอย
ตั้งแต่รู้จักกันมามิลค์เป็นคนประเภทที่พยายามกลมกลืนไปกับคนรอบข้าง มันไม่ชอบทำตัวโดดเด่น ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ แต่ยิ่งโตขึ้นทุกอย่างก็ยิ่งดูไปในทางตรงกันข้ามเพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามเท่าไหร่แต่ในความเป็นจริงแล้วมิลค์ก็เหมือนกับดาวฤกษ์ที่โดดเด่นท่ามกลางดาวเคราะห์นับล้าน ษาตื่นเต้นและตั้งตารอที่จะได้เจอกับมิลค์ ติณสิงห์ ตัวเป็นๆ ก่อนหน้านี้เธอถามทั้งจีและคนอื่นๆ บ่อยครั้งว่าตัวจริงของมิลค์เป็นยังไง พวกเขาทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ามิลค์ ติฒสิงห์ ตัวจริงต่างจากลูกชายเจ้าสัวแสนล้านในละครหลังข่าวลิบลับ
“มิลค์พูดน้อยมาเลยเนอะ” ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงษาก็เป็นฝ่ายพูดกับมิลค์ก่อน
พวกเราพูดคุยกันสนุกปากแต่มิลค์ดูไม่ค่อยคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ เท่าไหร่นัก ถามคำตอบคำแล้วก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานตัวเองเงียบๆ ซึ่งก็เข้าใจได้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มันดูเหนื่อย เพราะความเครียดทำให้เจ้าตัวนอนไม่ค่อยหลับ aura ที่เคยเปล่งประกาย ตอนนี้ดูหม่นหมองไปพอสมควร
“เรามึนๆ นะ เพิ่งกลับจากคณะ” คำตอบของมิลค์ทำเอาอารม์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับลอบถอดหายใจ เอาเข้าจริงทุกคนต่างก็กั้นหายใจรอฟังคำตอบเพราะกลัวว่าไอ้ตัวดีจะแสดงอภินิหารเหมือนคราวก่อน
“วันเสาร์อาทิตย์ต้องเรียนเหรอ” เธอถามต่อด้วยความสงสัย
“แล้วแต่ station ที่ขึ้นฝึกงานนะ station ของเราเดือนนี้ไม่มีขึ้น clinic วันเสาร์อาทิตย์ แต่ก็ต้องไปทำรายงานกับเพื่อนที่คณะอยู่ดี”
“เรียนหนักแบบนี้มีเวลาได้พักไหมเนี่ย”
“ก็มีนะ อย่างตอนนี้ก็ถือว่าได้พักผ่อนแล้ว”
“เราตื่นเต้นมากเลยตอนที่รู้ว่าจีเป็นเพื่อนสนิทของมิลค์ ... มิลค์ตัวจริงน่ารักมากกว่าในรูปอีก” เพื่อน 3 คนที่เหลือกั้นหายใจโดยพร้อมเพียงกันอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ เธอก็คว้าแขนของจีเข้ามากอด
“ขอบคุณครับ” มิลค์มองภาพนั้นเพียงแค่เสี่ยววินาที ก่อนจะส่งยิ้มบางๆ แล้วกลับมาสนใจอาหารในจานต่อ
บรรยากาศบนโต๊ะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ไอซ์สังเกตได้ว่าคนตรงหน้าเงียบลงไปกว่าเดิม จากที่กินอาหารบ้างไม่กินบ้าง ตอนนี้มันเอาแต่เขี่ยอาหารไปมา แล้วสวรรค์ก็เหมือนจะเป็นใจเมื่อแก้วเพื่อนสนิทที่คณะโทรมาคุยเรื่องงาน เจ้าตัวเลยถือโอกาสลุกออกไปคุยโทรศัพท์
Ice ;
ไหวไหม อยากกลับก่อนเปล่า
Milk ;
ไหว กลับก่อนได้ก็ดี แต่ก็เกรงใจจี
Ice ;
กลับได้ เดียวกูบอกคนอื่นๆ ให้ว่ามึงมีงานที่คณะ
Milk ;
งั้นกลับนะ
Ice ;
อืม เจอกันที่ห้องมึง
นับวันกูยิ่งเหมือนผัวเก็บมึงเข้าไปทุกทีแล้วเนี่ย
ถ้าคนอื่นรู้ว่ากูไปนอนค้างกับมึงมาทั้งอาทิตย์
คงได้เข้าใจผิดว่ากูทีท้ายครัวมึงกับจี
Milk ;
อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยย
ใครจะเอามึง
ไอซ์อมยิ้ม ด่าได้ แสดงว่าจิตใจดีขึ้นกว่าแต่ก่อนที่นั่งนิ่งๆ ให้เขาด่าอยู่ฝ่ายเดียว ไอซ์บอกทุกคนว่ามิลค์ติดงานที่คณะเลยขอตัวกลับก่อน มีแต่ษาที่เชื่อคำโกหกของเขา ในขณะที่คนอื่นๆ รู้ว่ามิลค์ทนมองไม่ไหว แม้จะสงสารแต่ทั้งมิลค์และจีก็เพื่อนของพวกเขา คนกลางอย่างไอซ์ อาร์ม และโจเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจ ความสัมพันธ์ของคน 2 คนก็ต้องให้มิลค์กับจีหาทางออกกันเอง
“มึงเอาจริง?” ไอซ์ถามในขณะที่จ้องมองหน้าจอ smart phone ของมิลค์ เหมือนเป็น session บำบัดจิตที่ไอ้มิลค์ต้องมานั่งคุยกับเขาในห้องนั่งเล่นก่อนแยกย้ายเข้าห้องนอน ฟังดูแล้วตลกแต่มิลค์บอกว่าพอได้คุยเรื่องไร้สาระกับเขาแล้วทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
Milk ;
ที่พี่เคยชวนผมไปอังกฤษ พี่ยังสะดวกอยู่ไหมครับ
P’ Jay ;
ยังสะดวกอยู่ครับ
Milk ;
งั้นผมไปรบกวนพี่ประมาณสัปดาห์หนึ่งนะครับ
P’ Jay ;
ยินดีเลยครับน้อง
เจอกันครับ
Milk ;
ขอบคุณครับ
“อืม”
“ไปก็ดี เปิดหูเปิดตา เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมซักหน่อยมึงน่าจะ happy มากขึ้น...”
“... แต่เรื่องจะไม่ซับซ้อนไปมากกว่าเดิมใช่ไหม ...” ผมขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจว่าอะไรจะซับซ้อนไปมากกว่าเดิม
“... กูหมายถึงจะไม่เป็นเหมือนตอนที่อยู่ๆ มึงก็กลับไปเอาไอ้บอนใช่ไหม”
“จะบ้าเหรอ มันเหมือนกันที่ไหน”
“ใครจะรู้ ก่อนหน้านี้มึงเกียจไอ้บอนเข้าไส้ อยู่ๆ กลับไปเอากับมันเฉย”
“มึงก็คิดมาก แล้วเรื่องไอ้บอนกูจัดการไม่เรียบร้อยตรงไหน”
“กูว่าจะถามนานแล้ว ตกลงว่าจบยังไงวะ” ไอซ์ถามพร้อมกับคว้าหมอนอิงขึ้นมากอด ทำท่าราวกับกำลังฟังนิทานก่อนนอน
“ก็ไม่ยังไง กูบอกตั้งแต่แรกแล้วว่ากูไม่ได้คิดอะไร แต่มันขอโอกาส ...”
“... ก่อนมันกลับก็ clear กันเข้าใจแล้ว”
“มึงบอกกับมันตรงๆ?”
“อืม ตอนแรกกูคิดว่ามันจะโวยวาย แต่มันก็ยอมรับ มันว่ามันทำใจไว้แล้ว แค่อยากลองดูอีกซักครั้ง”
“มึงรู้ตัวใช่ไหมว่าถ้ามึงไม่ได้ยึดติดกับไอ้จี ตอนนี้มึงมีแฟนไปแล้ว”
“รู้ แต่กูก็ไม่รู้จะทำยังไง มันรู้สึกไปแล้ว”
“กูจะบอกมึงว่า หายเจ็บแล้วเริ่มต้นใหม่นะ ไม่ใช้ว่าคนที่ได้เป็นแฟนไอ้จีจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกคนเดียว ...”
“... แต่ใครก็ตามที่มึงเลือก ก็โชคดีที่สุดในโลกเหมือนกัน … ตอนนี้คนต่อแถวรอเป็นผัวมิลค์ ติฒสิงห์ ยาวไปจนถึงดาวเสาร์แล้วมั้ง”
“มึงแมร่ง ... ขอบใจ แต่กูขอเวลาอีกซักพัก”
“เขาว่ากันว่า อังกฤษ shopping มันมากเลยนะเว้ย” ไอซ์เปลี่ยนเรื่องคุยเพราะอยากให้มิลค์คุยเรื่องสบายๆ ก่อนนอน ขนาดเจ้าตัวบอกว่านอนหลับได้ดีขึ้นแต่บางคืนเขายังแอบเห็นมันลุกขึ้นมากินน้ำอัดลมกลางดึก ไม่รู้ว่าระหว่างจิตใจกับกระเพาะของไอ้มิลค์ อะไรจะทนไม่ไหวก่อนกัน
----------
#สารภาพ #หนี #คืนไร้ดาว
#LoveInEveryLifetime #รักนะ #ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกัน