5
« กระทู้ล่าสุด โดย Shonennihon เมื่อ 04-11-2024 16:33:03 »
ผมสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นเต็มตาด้วยความตกใจ เพราะผมรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสไปทั่งร่าง รู้สึกถึงอากาศที่สัมผัสผิวหนังส่วนต่างๆ ได้โดยตรงไม่ผ่านเสื้อผ้า
สิ่งแรกที่เห็นคือชายรูปร่างคุ้นตากำลังโรมรันร่างที่ไร้สติของผมอย่างทะนุถนอมและแผ่วเบา ทั้งนิ้วมือและริมฝีปากต่างไม่ว่างจากร่างกายของผม
“ทำอะไรน่ะ!!” ผมรู้สึกขนลุกไปหมด
“ลักหลับไง” อีกฝ่ายตอบกลับออกมาหน้าตาเฉย
“ขอดีๆ ก็ได้โว้ย!!” รู้สึกเส้นเลือดในสมองแทบปริแตก
“จริงนะ” อีกฝ่ายส่งสายตาใสแป๋วกลับมาอย่างลิงโลด ไม่เคยรู้สึกเบื่อกับปฏิกิริยาแบบนี้จริง ๆ
“ก็แล้วแต่….” หน้าร้อนผ่าวไปหมด
“นั่นไง.!! ก็มันไม่ง่ายไง งั้นขอทำต่อนะ!!”
ฝ่ามือของผมฝ่าแหวกอากาศไปปะทะกับศรีษะคนตรงหน้าเสียงดังด้วยความโมโห
“ช่วยดูเวลาและสถานที่หน่อยครับ!!” ผมโวยลั่น
“เป็นอะไร เอะอะเสียงดังลั่น!!” แม่ผมผลักประตูเข้ามาแทบจะทันทีที่ผมเสียงโวยวายจบประโยค
ภาพที่เห็นเป็นใครก็เข้าใจผิด ผมและคอปเตอร์ในสภาพกึ่งเปลือยบนที่นอน ผมถูกอีกคนหนึ่งคล่อมทับอยู่เกินครึ่งร่าง
“อุ้ย!! ว้าย!! แม่ไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรใช่ไหมลูก? งั้นทำต่อได้นะแม่ไปก่อนนะ” แม่ผมเขินตัวบิด ยิ่งได้เห็นคอปเตอร์เปลือยอกแล้ว แม่ยิ่งทำหน้าเขินบิดไปมา อิ่มเอมไปด้วยความสุข
“เดี๋ยวนะแม่!! ผมเพิ่งจะอ้าปากโวยวายทำไมแม่มาถึงเร็วจัง!!”
“เอ่อ….แม่มา…. ตามพวกลูกไปกินข้าวไง อาหารเตรียมเสร็จแล้วลงไปกินข้าวกันนะ”
“ไม่ใช่ย่องมาแอบฟังใช่ไหม? กับเพื่อนสนิทแม่ยังไม่เว้น ประสาอะไรกับคนที่เปิดตัวมาเป็นแฟนอย่างเตอร์!!”
“ม๊ายยยย!!!” เสียวแม่สูงติดเพดาน
“แน่ใจนะ” ผมทำเสียงเข้ม มองแม่ด้วยสายตาคาดคั้นและรู้ทัน
“โถ่….แม่ก็แค่หาข้อมูลเอง ก็อีกพวกผู้ติดตามแม่บางคนบอกว่า ‘ฟิค’ ของแม่ ในฉากร่วมรักกันมันไม่เรียลเท่าไหร่ แค่แอบฟังนิดเดียวเอง แต่นี่อย่าหวงตัวได้ไหม ของแกแม่ก็เห็นหมดมาตั้งแต่เกิดแล้วจะอายอะไร”
“พูดอะไรอยู่ รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย!!”
“มันเป็นที่เขาเรียกว่า Passion”
“สำหรับผมมันคือโรคจิต!!”
“แค่ครั้งเดียว เอ่อ…. สองครั้ง ก็ได้แค่นั้น”
“ไม่!! เราจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก!!”
“ว่าแต่เตอร์ ลูกเคย….เอ่อ…กับลูกแม่หรือยัง?”
“แม่!!!” ผมนี่อายจนแทบจะแทรกตัวหนีไปตามช่องพื้นไม้ขัดเงาแวววาว
“แน่นอนครับ ลูกแม่น่ารักขนาดนี่ ผมไม่ทำถือว่าพลาดมาก!!”
“เตอร์!! นายก็อีกคน”
“เจ๋งมาก!!!” แม่ผมยกนิ้วโป้งและยื่นมาด้านหน้า ส่วนไอ้คนหน้าไม่อายยิ้มกลับอย่างมั่นหน้า ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็แทบไม่ได้สวมอะไรเลย
“หากแม่อยากได้ข้อมูลแบบเรียลๆ เดี๋ยวหาเวลาเล่าให้ฟังก็ได้นะครับ!!”
ผมกุมขมับอยู่บนเตียงเหนื่อยใจกับแม่และแฟนตัวเอง
หลังจากไล่แม่อออกจากห้องได้แล้ว ผมก็ถูกอีกฝ่ายตรึงนอนไว้กับเตียงจนแทบขยับไม่ได้
“ทำอะไรของเตอร์เนี่ย!! เจ็บนะ!!” ผมพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ สายตาของเขาที่ทิ่มแทงลงมาที่ผมมันน่ากลัวไม่น้อย
“ได้ยินว่าเคยพาใครมาที่ห้องด้วย!!”
“ก็มีแค่ไอ้ไตเติ้ลไง!! มาทำรายงานแล้วก็นอนค้าง”
“ไอ้เติ้ล!! คราวเพื่อนสนิทกูก็ยอมให้เรื่องหนึ่งแล้ว แต่กับแฟนกูอีก มึงเตรียมตัวตายได้เลย!!”
“มันไม่มีอะไร!!”
“จะรู้ได้ยังไง!?!”
“พูดแบบนี้โกรธจริงๆ ยะ นายเป็นคนแรกของเรานะ!!”
“ไม่มีแบบจับ จูบ ลูบ คลำ?”
“กับไอ้เติ้ลเนี่ยนะ อี๋ ไม่เอาอ่ะ!!”
“มันก็หล่อนะ”
“นิสัยอย่างมันเป็นได้แค่เพื่อนแหละ!!”
คอปเตอร์ปล่อยผมจากพันธนาการแล้วก็ผ่อนลมหายใจยาว เขากล่าวคำขอโทษผมที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้หากคิดว่าผมจะมีใครนอกจากเขา
นี่ผมคิดถูกใช่ไหมที่คบกับคนแบบนี้?
แต่สุดท้ายผมก็ขอร้องว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้ หากไม่เข้าใจอะไรให้ถามกันดีๆ คอปเตอร์กล่าวตกลงอย่างรู้สึกผิด ยิ่งได้เห็นรอยช้ำแดงที่รอบข้อมือผม เขายิ่งรู้สึกผิด เขาคว้ามือของผมมาลูบไล้บริเวณที่เป็นรอยอย่างแผ่วเบา พลางพูดขอโทษไม่หยุดปากถึงแม้จะทำตัวดูน่าสงสาร แต่ผมคงต้องดัดนิสัยผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้เสียหน่อย ดังนั้นผมคาดโทษเขาไว้ ว่าหากทำแบบนี้อีก ผมจะขอเลิกกับเขา เขาตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะก่อนที่ผมจะพาเขาไปกินมื้อค่ำด้วยกัน
ผมพาเขาเดินไปทางด้านหลังอีกด้านของห้องรับแขกอันหรูหรา เดินผ่านโถงทางเดินที่มีห้องที่ถูกสร้างเป็นสตูริโอสำหรับ ถ่ายทอดสดผ่าน Social media ก็เหมือนกับห้องทำงานของแม่นั่นแหละ และก็มีอีกหลายห้องที่ปิดเอาไว้ บางคนก็เป็นห้องว่าง บางห้องก็กำลังปรับปรุงพื้นที่ตามแผนที่แม่วางไว้
ผมพาคอปเตอร์เดินมาถึงห้องปลายทางซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก ภายในห้องมีเพียงโต๊ะที่ทำจากไม้วางไว้กลางห้องที่สว่างสดใส มีเก้าอี้ที่ออกแบบเรียบง่ายล้อมรอบโต๊ะตัวนั้นที่ตอนนี้มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะส่งกลิ่นและไอร้อนไปทั่วโต๊ะ มองคร่าวๆ ก็รู้ว่าเป็นของโปรดของผมทั้งหมด
คอปเตอร์ที่ยืนมองนิ่งอยู่พักใหญ่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมานอกจากมองซ้ายและมองขวาด้วยท่าทางประหลาดใจ
“เรียบง่ายกว่าที่คิดสินะ” ผมพูดแทนใจ แทนการแสดงสีหน้าของอีกฝ่าย
“นั่นสิ คิดว่า… น่าจะอลังการกว่านี้ ไม่น่าเชื่อว่า ห้องรับประทานอาหารจะเป็นห้องเป็นห้องเล็กๆ ท้ายบ้านแบบนี้!!!”
“แม่เราบอกว่าเวลากินข้าวน่ะเป็นเวลาของครอบครัว เราควรจะต้องใกล้ชิดพูดคุยกัน มันเวลาที่ทุกคนสามารถทำตัวสบายๆ ผ่อนคลายได้ สังเกตไหมล่ะ ในนี้แทบไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรเลย นอกจาก หลอดไฟและเครื่องปรับอากาศ แม่บอกว่าไม่อยากมีทีวีหรือเครื่องเสียงใดๆ อยากให้ทุกคนสนใจคนในโต๊ะอาหารมากกว่า แต่ไม่ต้องกลัวนะ หากมีแขกที่ต้องจัดเลี้ยงจริงก็โน่น เห็นศาลาสองชั้นกลางสระบัวหน้าบ้านไหม? นั่นแหละ เราจะไปจัดกันตรงนั้น”
“โหหหหห สุดจัด!!” คอปเตอร์อุทานออกมาด้วยความอึ้ง
“เราก็บอกแม่ตั้งหลายรอบแล้วว่ามันสิ้นเปลืองก็ไม่ฟัง!!”
“เงินฉันเหลือ ฉันจะทำมีอะไรไหม?”
แม่ที่มาจากไหนไม่ทราบปรากฏตัวออกมาพร้อมกับข้าวในมืออีกหนึ่งอย่าง
“จ้าๆๆ ว่าแต่ยังมีกับข้าวอีกเหรอ? เยอะไปแล้วนะ!!”
“ก็แม่ไม่รู้ว่าอย่างคอปเตอร์กินอะไรได้บ้าง แม่ทำอะไรอร่อยก็เลยอยากลองทำมาให้ชิม”
“ผมกินง่ายครับแม่ แต่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอร่อย”
“ประจบ!” ผมพูดดักแฟนตัวเองที่ทำแบบนี้ก็เป็น
“ปากหวานจริงเชียว อยากได้มาเป็นลูกชายเลย ไม่เหมือนลูกแม่ ขมมาก” แม่พูดจบก็เอียงคอมองมาทางผมแล้วผ่อนลมหายใจแบบปลอมๆ
“ผมเป็นแฟนลูกชายแม่ แม่ของวินก็เหมือนแม่ของผมนั่นแหละครับ”
“อุ้ยจริงเหรอ ทำไมแม่ไม่เห็นเคยรู้เลยว่าลูกชายแม่มีแฟนเนี่ย” แม่ผมยิ้มร่า ยกมือขึ้นป้องปากที่ฉีกยิ้มกว่านั้น
“เวร…จะได้กินข้าวไหมวันนี้…” ผมกุมขมับบ่นกับตัวเองเสียงดัง
ไม่นานคนอื่น ๆ ภายในบ้านก็ทยอยมากินข้าวมื้อเย็นที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ แม้แต่คนที่มากินด้วยยังเอ่ยปากแปลกใจที่แม่ผมลงมือเองขนาดนี้
การกินข้าวบ้านผมปกติก็ค่อนข้างจะบันเทิงอยู่แล้วเพราะจะให้ญาติๆ ที่ทำงานที่บ้านมาร่วมโต๊ะด้วยอย่างเป็นกันเอง หญิงวัยกลางคนทั้งสองคนต่างถกเถียงพูดคุยเรื่องดาราและผู้มีชื่อเสียงอย่างเป็นปกติโดยเฉพาะเรื่อง วายๆ จากสาววายรุ่นใหญ่ทั้งสองคนที่โต้ตอบกันได้ถึงพริกถึงขิง ผมผู้ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องการหาแฟนมาตลอดก็โดนกดดันอยู่เรื่อยๆ ให้หาผู้ชายสักคนมาให้แม่ และน้า ชื่นใจสักหน่อย
แต่วันนี้ทุกคนคงจะสมหวังเพราะผมได้พาแฟนมากินข้าวด้วยทำให้ทุกบทสนทนาเพ่งเล็งมาที่คอปเตอร์และผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคำถามใต้สะดือทั้งหมดก็ถูกผมห้ามปรามไว้จนหมด เป็นมื้ออาหารที่นอกจากจะไม่อิ่มแล้ว ยังเหนื่อยมากอีกต่างหาก
……….