ตอนที่ 41
ความหมายของกุหลาบสีแดง
เสียงน้ำตกไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าหวาน รามิลสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้าปอด เท้าสองข้างแกว่งเบาๆ ใต้น้ำ
“ถ้าพี่ดินมาด้วยก็ดีสิ” เสียงเปรยของคนข้างๆ ทำให้รามิลหันไปมอง เขาส่งยิ้มให้ต้นน้ำ
“ช่วยไม่ได้ พี่ดินติดงานไม่ใช่เหรอ”
“เพราะว่าติดงานถึงได้ถอนหายใจอยู่นี่ไง” ต้นน้ำทำปากยื่น เหลือบมามองคนพูด “มีนกับสกายดีจัง ได้มากับแฟน เราสิมาคนเดียว ได้แต่มองคู่รักสวีทกัน”
“ไม่ได้มาสวีทซะหน่อย มาเที่ยวต่างหาก แล้วเราก็นั่งอยู่กับต้นน้ำตรงนี้ไง”
ต้นน้ำหัวเราะ พาให้คนที่ตั้งใจจะปลอบมองตาปริบๆ เขาส่ายหน้ายิ้มๆ ให้รามิล แววตาเป็นประกาย
“เราก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้คิดมากหรอก แต่เราว่ามีนพูดผิดอย่างนึงนะ แทนที่จะบอกว่ามาเที่ยว น่าจะเรียกว่ามาเปิดตัวกับพ่อแม่แฟนมากกว่า”
รามิลไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่หลบสายตายิ้มๆ ของเพื่อน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่อยู่ในน้ำโดยไม่ตั้งใจ แก้มทั้งสองข้างจึงแดงกว่าเดิม
หลังผ่านการสอบอันโหดหินมา ตอนนี้พวกเขาปิดเทอมแล้ว เขตดนัยจึงชวนทุกคนมาเที่ยวบ้านตัวเองที่เชียงใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้จะอยู่ยาวถึงหนึ่งสัปดาห์ พวกเขามาถึงตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะความเหนื่อยจากการเดินทางทั้งวัน โปรแกรมเที่ยวจึงเริ่มตั้งแต่วันนี้ โดยสถานที่แรกที่เขตดนัยพามาคือน้ำตกที่เคยมาคราวก่อน
รามิลนึกว่าเขตดนัยชวนมาเพราะอยากรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดตอนที่เขตดนัยบอกบิดามารดาว่าพวกเขากำลังคบกัน รามิลไม่รู้ว่าเขตดนัยจะพามาเปิดตัวจึงไม่ได้เตรียมใจมาก่อน แต่โชคดีที่พวกท่านรู้รสนิยมของลูกชายอยู่แล้ว แถมยังเอ็นดูเขาเหมือนลูกอีกคน รามิลจึงดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ลึกๆ แล้วรามิลยังกังวลและไม่มั่นใจ เขตดนัยเป็นดาราดังที่คนรู้จักทั้งประเทศ ส่วนเขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา เขาไม่มั่นใจว่าความต่างนี้จะทำให้ความรักยาวนานไปได้แค่ไหน แต่การกระทำของเขตดนัยครั้งนี้ทำให้รามิลหายกังวลทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้ชายวัยอย่างเขตดนัย การพาแฟนมาเปิดตัวกับพ่อแม่จะไม่มีทางเกิดขึ้นถ้าเขตดนัยไม่รักแฟนคนนั้นจริงๆ ตอนนี้รามิลจึงยิ้มได้อย่างสบายใจ
“มีน! มาเล่นน้ำด้วยกันสิ” เขตดนัยตะโกนมาจากอีกฟากของน้ำตก ห่างไปไม่ไกลวายุกับสกายกำลังเล่นน้ำเหมือนกัน รามิลส่ายหน้ากลับไป เขายังอยากนั่งชมนกชมไม้ต่ออีกนิด
เขตดนัยมองใบหน้าของคนรัก ทันใดนั้นมุมปากก็ผุดรอยยิ้ม เขาค่อยๆ ว่ายเข้าไปใกล้โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว พอใกล้ถึงก็ดำลงไปในน้ำ ก่อนจะโผล่พ้นขึ้นมาพร้อมกับดึงขาของเด็กหนุ่มแบบไม่ให้ตั้งตัว
“เฮ้ย!” รามิลร้องเสียงหลง แต่เพราะเผลออ้าปากตอนอยู่ในน้ำ เมื่อโผล่ขึ้นมาจึงสำลัก เด็กหนุ่มไอไปมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอาฆาตไป พอตั้งหลักได้ก็รัวทุบอีกฝ่ายไม่ยั้ง อีตาดาราหน้าจืดเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ อายุปูนนี้แล้วยังจะแกล้งกันอีก
“โอ๊ย! พอแล้วมีน พี่เจ็บครับ พอแล้ว”
รามิลไม่สนใจฟัง สองมือยังคงประทุษร้ายไม่หยุด โดนไหล่บ้าง หน้าอกบ้าง แขนบ้าง แล้วแต่ว่ามือไปโดนอะไร เขตดนัยรวบมือสองข้างไปไว้ด้านหลัง รั้งเด็กหนุ่มมาชิดกับอกตัวเอง รามิลยังดิ้นไม่หยุด แต่พอสายตาตกลงมองแผ่นอกกว้างที่ไม่มีอะไรปกปิด ร่างกายก็หยุดดิ้นทันที
“ชอบใช้ความรุนแรงเหรอเรา เขามีแต่ทะนุถนอมแฟน นี่ทำร้ายแฟนซะพรุนไปทั้งตัว”
“ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย พี่เขตมาแกล้งผมก่อนทำไมล่ะ” รามิลรีบดึงสายตาขึ้นมา แต่พอสบกับดวงตาคมเข้มเขาก็นิ่งไปอีกครั้ง
“ก็แค่อยากเล่นน้ำด้วยกัน คราวก่อนพี่สัญญากับเราไว้ จำไม่ได้เหรอ”
รามิลจำได้ แต่ที่เขาไม่พูดออกไปเพราะตอนนี้สมองกำลังเบลอ ลมหายใจที่รินรดใบหน้า ความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่าย ไหนจะมือแข็งแรงที่จับแขนเอาไว้อีก แบบนี้มัน...ใกล้เกินไปแล้ว
“มีน เป็นอะไร” เขตดนัยเอ่ยถามเมื่อจู่ๆ รามิลก็เงียบไป เขามองหน้าแดงๆ ของเด็กแสบอย่างไม่เข้าใจ แต่พอก้มมองร่างทั้งสองที่ยืนชิดกันอยู่ในน้ำ ดวงตาของชายหนุ่มก็วาววับขึ้นมา
ใบหน้าคมโน้มมาชิดริมหู เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก
“กลางวันแสกๆ แถมยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ยังกล้าคิดลามกกับพี่อีกเหรอครับ”
!!!
รามิลตกใจจนผงะถอยหลัง เขตดนัยหัวเราะเบาๆ แววตาขบขันของคนตรงหน้าทำให้เขาทั้งโกรธและอายในเวลาเดียวกัน
“ผม...ผมไม่ได้คิดอะไร อย่ามาหลงตัวเองหน่อยเลย หุ่นก็งั้นๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าสน” รามิลเชิดหน้าขึ้น ข่มความอายเอาไว้ในใจ ถึงจะเป็นแฟนกันแต่ถ้ายอมรับง่ายๆ ก็ไม่ใช่เขา
“มีนไม่คิดเหรอ แต่พี่คิดนะ”
“พี่คิดอะไร”
“ไม่รู้จริงๆ เหรอ”
รามิลหันมามองคนพูด สายตาเขตดนัยกำลังจับจ้องอยู่ที่เสื้อยืดบนตัวเขา เพราะเป็นเสื้อสีครีมแถมเนื้อผ้ายังบาง เวลาโดนน้ำจึงทำให้เห็นข้างใน แม้จะเลือนรางแต่ก็ถือว่าเห็น
“อะ...ไอ้พี่เขต!” รามิลรีบยกมือกอดอก เดินลิ่วๆ ขึ้นฝั่งแทบไม่ทัน ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะที่ไล่หลังมาหน้าของเขาก็ยิ่งร้อนผ่าว
ให้ตายสิ ไอ้ประโยค ‘กลางวันแสกๆ แถมยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ยังกล้าคิดลามกอีกเหรอ’ เขาต่างหากต้องเป็นคนพูด!
“รีบหาเสื้อมาเปลี่ยนซะ พี่ชอบเพราะมันเซ็กซี่ก็จริง แต่ถ้าคนอื่นอยู่ด้วยพี่ไม่อนุญาต”
แล้วใครใช้ให้แกล้งจนตกลงไปในน้ำล่ะ ถ้าไม่เล่นบ้าๆ แบบนั้นเสื้อเขาก็ไม่เปียกอย่างนี้หรอก รามิลได้แต่คิดบัญชีในใจ อย่าให้ถึงตาเขาบ้างแล้วกัน จะจับกดน้ำให้ขาดอากาศหายใจไปเลย!
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ไปเล่นน้ำตกสนุกกันไหม” คุณวิษรุตเอ่ยถามระหว่างอาหารมื้อเย็น ครั้งนี้เขาให้ทุกคนมาพักเรือนใหญ่ รามิลกำลังคบหากับเขตดนัย เขาจึงถือว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แขก
รามิลแอบส่งสายตาเคืองให้คนตรงหน้า ก่อนจะหันไปยิ้มสุภาพให้คนถาม
“สนุกครับ” แต่จะสนุกกว่านี้ถ้าไม่มีใครบางคนแกล้งเขา รามิลแอบพูดต่อในใจ
“อยากไปเที่ยวไหนบอกเจ้าเขตได้เลยไม่ต้องเกรงใจ แต่แถวนี้ไม่มีที่เที่ยวนักหรอก มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า”
“ผมว่าแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบนะครับ ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติตลอดเวลา อากาศก็ดีด้วย” วายุพูดตามความรู้สึก เขาชอบธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เพราะงานฟรีแลนซ์ของตนเองจึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยว
“ถ้าชอบก็มาเที่ยวบ่อยๆ สิจ๊ะ โดยเฉพาะหนูมีน หลังจากนี้ต้องมาหาพ่อกับแม่บ่อยๆ นะ” คุณภารวียิ้มให้รามิล สรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กหนุ่มพูดไม่ออกชั่วขณะ
“พ่อ...แม่...” รามิลพูดตามเสียงเบา คุณภารวียิ้มอ่อนโยน
“ใช่จ้ะ หลังจากนี้หนูมีนมีพ่อกับแม่สองคนนะ”
รามิลพยักหน้ารับ เขาส่งยิ้มนอบน้อมแทนคำขอบคุณไปให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เขตดนัยมองใบหน้าซาบซึ้งของคนรัก ก่อนจะละสายตาเมื่อบิดาเอ่ยขึ้นมา
“แล้วฝั่งพ่อแม่หนูมีนรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“รู้แล้วครับ มีนเป็นคนบอก ผมตั้งใจไว้ว่ากลับไปแล้วจะให้มีนพาไปหาพวกท่าน”
“อืม ไปแสดงตัวกับผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย ตอนนี้ถือว่าเรารับลูกเขามาดูแลแล้ว ต้องทำให้เขาวางใจว่าฝากฝังลูกชายกับเราได้”
“ครับ”
“เขต แม่กับพ่อไปคิดเรื่องนั้นกันมาแล้วนะ แม่คิดว่า...” คุณภารวีหยุดพูดเมื่อลูกชายส่งสัญญาณบางอย่างมาทางสายตา เธอหันไปมองสามี คุณวิษรุตที่เข้าใจการกระทำของลูกชายจึงพยักหน้าให้เล็กน้อย
“เห็นเจ้าเขตบอกว่าเราทำอาหารเก่งเหรอ” คุณวิษรุตเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยการหันไปชวนวายุคุย สกายยิ้มภูมิใจที่บิดาของเขตดนัยชมวายุ เขาถือว่าแฟนถูกชมก็เหมือนตัวเองถูกชมด้วย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ตอนเด็กๆ ผมช่วยยายทำอาหารบ่อยๆ เลยทำเป็นหลายอย่าง”
“สงสัยต้องให้แสดงฝีมือหน่อยแล้ว”
“ได้เลยครับ ผมยินดี” วายุตอบด้วยความเต็มใจถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดจริงจัง
“ผมขอไปช่วยด้วยนะ”
“สกายอยากไปช่วยแน่เหรอ ลุงว่าอยากไปอยู่ใกล้วายุมากกว่ามั้ง” คุณวิษรุตเอ่ยแซวเด็กหนุ่ม เขากับภรรยารู้อยู่แล้วว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน คนถูกแซวยกมือลูบท้ายทอยแก้เขิน เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
รามิลก็หัวเราะเช่นกัน แต่ภายในใจกำลังสงสัย เขาอยากรู้ว่าคุณแม่จะพูดอะไร แต่เพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ควรถามหรือเปล่าจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้กับตัว ความสงสัยที่ว่าเรื่องนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเขา
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
ปกติช่วงกลางวันคุณวิษรุตจะไปทำงานที่ออฟฟิศด้านหน้าสวน เป็นออฟฟิศที่เอาไว้รับรองลูกค้าที่มาติดต่อ เขตดนัยจึงเป็นคนพาทุกคนเที่ยว
เพราะบิดาใกล้เกษียณแล้ว เขตดนัยที่เป็นลูกชายคนเดียวจึงต้องมารับช่วงต่อ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาเลิกเป็นนักแสดง การเป็นเจ้าของสวนดอกไม้รวมถึงดูแลคนงานทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเขาที่ไม่ได้จบสายนี้มาโดยตรง จึงจำเป็นต้องใช้เวลาเรียนรู้งาน เขตดนัยจึงตกลงกับบิดาว่าเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะออกจากวงการบันเทิงแล้วกลับมาดูแลสวนดอกไม้อย่างเต็มตัว
“แล้วบ้านที่กรุงเทพฯ ล่ะครับ” รามิลเอ่ยถามหลังจากเขตดนัยเล่าทุกอย่างให้ฟัง ตอนนี้พวกเขากำลังเดินชมสวน เขตดนัยบอกว่ามีดอกไม้พันธุ์ใหม่ถูกนำมาลง เลยอยากให้มาดูกัน
“ก็คงขายให้คนอื่นไป ถึงตอนนั้นพี่คงกลับมาอยู่เชียงใหม่ถาวร”
รามิลสะอึกเล็กน้อย แต่เขายังทำตัวปกติเหมือนกำลังฟังเรื่องทั่วไป
“เหรอครับ” รามิลยิ้มให้เขตดนัย แต่ในใจกลับไม่ยิ้มตาม ถ้าเขตดนัยย้ายมาอยู่เชียงใหม่ก็แปลว่าพวกเขาต้องห่างกัน พอคิดมาถึงตรงนี้หัวใจของเด็กหนุ่มก็หน่วงขึ้นมา
“ได้ยินแบบนี้แล้วใจหายเหมือนกันนะครับ พี่เขตเป็นเพื่อนบ้านผมมาตั้งนาน ไม่นึกว่าวันหนึ่งผมจะไม่มีเพื่อนบ้านแล้ว”
“กรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ห่างกันไม่เท่าไหร่ เดินทางวันเดียวก็ถึง อยากมาตอนไหนก็มา พี่กับพ่อแม่ยินดีต้อนรับเสมอ”
“แบบนี้ก็เท่ากับมีนจะมีแฟนเป็นเจ้าของสวนดอกไม้น่ะสิ” ต้นน้ำตาโต มองเพื่อนด้วยสายตายิ้มๆ รามิลยิ้มตอบกลับไป แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากใจ
เขตดนัยมองรอยยิ้มนั้น ดวงตาคมลุ่มลึก เขาเอ่ยขอตัวไปหาคนงานเพื่อคุยธุระบางอย่าง โดยให้คนอื่นเดินนำไปก่อน
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“พอแล้ว” วายุร้องห้ามเมื่อคนตรงหน้าเอาแต่กดชัตเตอร์ไม่หยุด สกายลดระดับกล้องที่ถืออยู่ ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ถ่ายรูปพี่วายุ ถ่ายเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอกครับ”
วายุหัวเราะ เวลาไปเที่ยวไหนสกายมักจะชอบถ่ายรูปเก็บไว้เสมอ เขาเองก็เคยขอรูปคู่ตอนไปเที่ยวสวนสัตว์มาตั้งภาพพื้นหลังโทรศัพท์เหมือนกัน มีแฟนชอบถ่ายรูปมันดีแบบนี้เองสินะ
“เอาแต่ถ่ายพี่คนเดียว ไม่อยากถ่ายด้วยกันบ้างเหรอ”
สกายยิ้มกว้างเมื่อถูกชวน เขาเดินมาหาวายุ ยกมือโอบเอวหลวมๆ แล้วยื่นกล้องไปข้างหน้า มีฉากหลังเป็นสวนกุหลาบกว้างสุดลูกหูลูกตา
“พี่วายุเบาๆ หน่อยครับ ผมอิจฉา” ต้นน้ำแกล้งโอดครวญ ในบรรดาคนที่มาเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้มากับแฟน สกายเอากล้องลงเมื่อได้รูปที่พอใจแล้ว แต่มือยังโอบเอวคนรักอยู่ เขาหันไปยักคิ้วให้ต้นน้ำ
“ถ้าอิจฉาก็ให้พี่ดินพาไปฮันนีมูนสิ”
“ฮันนีมูนอะไร เพิ่งคบกันได้ไม่นาน”
“แปลว่าที่จริงก็อยากไปฮันนีมูน แต่ติดตรงที่เพิ่งคบกันสินะ โอเค เดี๋ยวเราบอกพี่ดินให้”
ต้นน้ำย่นจมูกใส่สกายแต่ไม่ได้ปฏิเสธ เป็นธรรมดาที่คนรักกันจะอยากไปฮันนีมูน แต่ผู้ชายอย่างปฐพีไม่น่าจะเคยคิดเรื่องนี้ เขาจึงไม่คาดหวังเพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีพอแล้ว
สกายถามถึงปฐพีต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่ทั้งหมดจะหยุดคุยกันเมื่อเขตดนัยเดินเข้ามาหา
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่เขต” วายุเอ่ยถามเมื่อเห็นเขตดนัยยิ้มแปลกๆ
“พี่มีเรื่องอยากให้ทุกคนช่วยหน่อย”
“อะไรครับ”
เขตดนัยเหลือบมองรามิลที่กำลังถ่ายรูปดอกไม้ เมื่อมั่นใจว่าอยู่ห่างพอที่จะไม่ได้ยินจึงหันกลับมา เขาบอกถึงความต้องการของตัวเอง ซึ่งทั้งสามคนก็รับปากเป็นอย่างดี เขตดนัยเอ่ยขอบคุณก่อนหันไปมองร่างบางอีกครั้ง ใบหน้าคมปรากฏยิ้มอ่อนโยน
✦✪✧✥✦✪✧✥✦✪✧✥
“ทำไมไม่เอากล้องมาด้วย” เขตดนัยถามรามิลที่เดินข้างกัน เขาเห็นอีกฝ่ายใช้แต่โทรศัพท์ถ่ายรูป ขณะที่เพื่อนใช้กล้องดิจิตอล
“ขี้เกียจเอามาครับ ให้สกายมันพกไปคนเดียวเถอะ รายนั้นน่าจะอยากถ่ายแฟนมากกว่าดอกไม้ ผมเคยยืมกล้องมันครั้งนึง มีแต่รูปพี่วายุเต็มไปหมด” รามิลอดทำหน้าหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อพูดถึงความคลั่งรักของเพื่อน ที่เขาพูดได้เพราะตอนนี้มีแค่เขากับเขตดนัย ส่วนคนอื่นกลับบ้านไปก่อนแล้ว จู่ๆ วายุก็บอกว่าปวดหัว สกายกับต้นน้ำเลยพากลับไปพักผ่อน
“แล้วเราไม่อยากถ่ายพี่บ้างเหรอ”
รามิลเบนสายตามามอง รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปาก “กำลังชวนผมถ่ายรูปคู่หรือเปล่าครับ”
เขตดนัยหัวเราะ เขาแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น แต่เมื่อโดนถามอย่างนี้เขาก็ไม่ปฏิเสธ
“ใครๆ ก็อยากมีรูปคู่กับแฟนตัวเองทั้งนั้น หรือเราไม่อยาก”
“ตอนแรกไม่อยากครับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าคนถามหายไปอย่างรวดเร็ว รามิลขำเสียงเบาก่อนจะพูดต่อ
“ผมจะมีรูปคู่ไปทำไมล่ะ ในเมื่อแฟนผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน กอดได้ จับมือได้ ไม่เหมือนรูปที่ทำได้แค่มอง”
เขตดนัยยกยิ้ม เขารู้สึกชอบคำตอบของเด็กแสบ ชายหนุ่มเกือบให้รางวัลคนที่พูดได้ถูกใจ ถ้าไม่เอะใจบางอย่างขึ้นมาก่อน
“ที่บอกว่าตอนแรกไม่อยาก หมายถึงตอนนี้อยากเหรอ”
ใบหน้าหวานหม่นลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มให้ รามิลหยุดยืนอยู่กับที่ เขตดนัยจึงหยุดตาม
“อีกหน่อยพี่เขตต้องกลับมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยงานคุณพ่อ ถึงตอนนั้นเราคงได้เจอกันน้อยลง ถ้าไม่มีรูปให้ดูต่างหน้าผมก็คิดถึงแย่สิครับ”
เขตดนัยมองใบหน้าที่พยายามร่าเริง เขากำลังจะพูดบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็มีคนงานเดินมาหาพร้อมดอกกุหลาบสีแดง เขตดนัยลอบยิ้ม มาได้ถูกจังหวะจริงๆ
“ได้แล้วครับคุณเขต ว่าแต่จะเอาไปทำอะไรเหรอครับ”
สวนกุหลาบของมารดามีแต่กุหลาบสีชมพูเป็นส่วนใหญ่ เขาจึงให้คนงานหาสีแดงมาให้ เขตดนัยรับดอกกุหลาบมาถือ ก้านทั้งหมดถูกริดหนามแล้วเรียบร้อย เขายิ้มให้อีกฝ่ายแต่ไม่ตอบคำถาม
“ขอบคุณครับ ลุงไปทำงานต่อเถอะ”
เขตดนัยหันกลับมาหาเด็กหนุ่ม รามิลกำลังมองดอกกุหลาบในมือเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“มีน”
“ครับ?” ดวงตาคู่นั้นเงยขึ้นมามองเขา
“ยังจำวันที่เราให้ดอกกุหลาบพี่ได้ไหม”
“จำได้สิครับ”
เขตดนัยยิ้มอ่อนโยน เขาก้าวเท้าไปใกล้เด็กหนุ่มมากขึ้น
“ตอนนั้นพี่เพิ่งอกหักจากวายุ มีนเลยให้กุหลาบสีขาวเพราะอยากปลอบใจพี่”
“ใช่ครับ”
“งั้นมีนก็คงรู้ด้วยใช่ไหม ว่ากุหลาบสีแดงมีความหมายว่าอะไร”
รามิลนิ่งไปครู่หนึ่ง ได้แต่มองร่างสูงตาปริบๆ แต่ผ่านไปสักพักเขาก็ยิ้มออกมา แก้มเนียนใสเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ เมื่อเข้าใจความนัยของคำถาม
“ผมรู้ครับ กุหลาบสีแดงหมายถึงความรัก ความหลงใหล ความโรแมนติก เป็นสีที่มักจะใช้เวลาเราอยากบอกรักใครสักคน”
“พี่เคยคิดว่าตัวเองรักวายุ แต่พี่ไม่เคยวาดฝันอนาคตที่มีวายุอยู่ด้วยเลย แต่พอรู้ตัวว่ารักเรา พี่ก็มีสิ่งที่อยากทำกับเราเต็มไปหมด และมันคงจะดีไม่น้อยถ้าช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตพี่ได้อยู่กับเรา”
“พี่เขต…”
“พี่รักมีนนะ รักเด็กแสบที่แสบจนขโมยหัวใจของพี่ไปได้ แล้วมีนล่ะ รักพี่หรือเปล่าครับ”
“ผม...ผมก็รักพี่เขต รักมากๆ เลยครับ” รามิลพยักหน้ารัวเร็ว เขาเคยพูดไปแล้ว และไม่ว่าจะถามอีกกี่ครั้งเขาก็จะตอบเหมือนเดิม นั่นคือเขารักเขตดนัย รักดาราหน้าจืดที่ขโมยหัวใจเขาไปได้เช่นกัน
เขตดนัยยิ้มให้เด็กหนุ่ม เขาก้มมองกุหลาบในมือแล้วนับจำนวนให้อีกฝ่ายได้ยิน จนกระทั่งครบเก้าดอกจึงเงยหน้ามาสบตาอีกครั้ง
“มีนรู้ความหมายของกุหลาบสีแดง แล้วรู้ไหมครับว่ากุหลาบเก้าดอกแปลว่าอะไร”
คราวนี้รามิลส่ายหน้า เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องดอกไม้ขนาดนั้น
“กุหลาบเก้าดอกเป็นสัญลักษณ์ของการขอร่วมชีวิต คือการที่คนๆ หนึ่งอยากอยู่กับคนที่เขารักตลอดไป” เขตดนัยคุกเข่ากับพื้น ยื่นดอกกุหลาบไปตรงหน้า ภายในแววตาสื่อถึงความรู้สึกทั้งหมด “มีนชอบที่นี่ไหม”
หัวใจของรามิลเต้นรัว เขาพอรู้แล้วว่าเขตดนัยกำลังจะทำอะไร ดวงตาของเขาคลอไปด้วยหยาดน้ำ ความตื้นตันพุ่งขึ้นมาจนเต็มอก
“ผม...ชอบที่นี่ครับ”
“งั้นอยู่กับพี่นะครับ
อยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป”
รามิลร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพยักหน้าทั้งน้ำตา มือที่ยื่นไปรับดอกไม้สั่นเทา เขตดนัยยืนขึ้นพลางเอื้อมมือมาเกลี่ยน้ำตาบนแก้ม
“รู้ใช่ไหมว่าคำว่าอยู่ที่นี่ตลอดไปหมายถึงอะไร”
“รู้สิครับ ผมนึกว่าต้องห่างกับพี่เขตแล้วซะอีก ตอนพี่บอกว่าจะย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มเลย”
“พี่รักเราจะตาย ไม่รู้เหรอว่าทุกวันนี้อยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันแค่ไหน พี่ไม่ยอมห่างจากเราแน่นอนไม่ต้องห่วง” มือข้างนั้นย้ายมาวางบนศีรษะ รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้ “ไว้กลับไปแล้วมีนพาพี่ไปหาพ่อแม่นะ พี่อยากไปแนะนำตัวกับพวกท่าน อยากไปสู่ขอลูกชายเขา พอมีนเรียนจบแล้วจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
รามิลพยักหน้ารับอย่างเขินๆ เขายังไม่ชินกับคำว่าสู่ขอเท่าไหร่ แต่เขาก็ชอบเพราะมันทำให้รู้ว่าเขตดนัยรักเขาและอยากใช้ชีวิตร่วมกับเขาจริงๆ
“แต่ว่า...” ดวงตาของรามิลเป็นประกาย ริมฝีปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่เขตแพ้ผมนะ”
“หือ? แพ้อะไร”
“ก็ผมให้กุหลาบพี่เขตหนึ่งช่อเต็มๆ แต่พี่ให้ผมแค่เก้าดอก นี่ไง พี่แพ้ผม”
เขตดนัยมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอึ้ง แต่ไม่นานก็ขำออกมา เขาลืมไปได้ยังไงว่าเจ้าเด็กนี่แสบแค่ไหน ซึ้งอยู่ดีๆ วกกลับมาเรื่องนี้ซะอย่างนั้น
“มีนต่างหากที่แพ้”
“แพ้ยังไงครับ ผมชนะเห็นๆ”
“แพ้สิ” เขตดนัยยิ้มพราย เขากวาดตามองไปรอบๆ สวนดอกไม้ “มีนให้พี่แค่หนึ่งช่อ แต่พี่ให้มีนทั้งสวนเลย”
“ทั้งสวน?” รามิลทวนคำของร่างสูง ทันใดนั้นดวงตาก็ค่อยๆ เบิกกว้าง จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำพูดของคุณแม่ขึ้นมา อย่าบอกนะว่าเรื่องที่พูดตอนนั้นหมายถึง...
“พี่คุยกับพ่อแม่แล้ว ทันทีที่ครอบครัวมีนยินยอมให้พวกเราคบกัน ทันทีที่พี่กลับมาที่นี่ในฐานะเจ้าของสวนดอกไม้ พื้นที่ทั้งหมดตรงนี้พี่จะแยกโฉนดออกมา เป็นหนึ่งในค่าสินสอดที่พี่จะให้เรา”
รามิลพูดอะไรไม่ออก ภาพตรงหน้าพร่ามัวเพราะหยาดน้ำที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ความรัก ความดีใจ ความตื้นตัน ทุกความรู้สึกเอ่อล้นจนเต็มอก เขาไม่นึกว่าเขตดนัยจะทำถึงเพียงนี้
“มันจะไม่เร็วไปเหรอครับ พี่เขตเพิ่งพาผมมาเปิดตัวกับพ่อแม่เองนะ”
“ไม่เร็วหรอก ที่จริงพ่อแม่พี่รับรู้เรื่องของเรามาสักพักแล้ว และเรื่องนี้พ่อพี่ก็เป็นคนคิด ท่านอยากให้เป็นของหมั้นกับมีน” เขตดนัยดึงมือบางมากุม เขาส่งยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักไปให้ สายตาที่มองกลับมาเต็มไปด้วยความรู้สึกเดียวกัน
“ขอบคุณนะครับพี่เขต ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลย” เสียงเล็กนั้นสั่นเครือ เขตดนัยหัวเราะในลำคอ วันนี้เด็กแสบกลายเป็นเด็กขี้แยไปซะแล้ว
“พี่ทำเพื่อเราขนาดนี้ ยังคิดว่าหน้าจืดอยู่อีกไหม”
“ยังคิดอยู่ครับ”
เขตดนัยนิ่วหน้า รามิลหัวเราะเบาๆ เขาเอื้อมมือไปคล้องรอบลำคอ ยื่นหน้าไปใกล้จนปลายจมูกแตะกัน
“แต่เป็นผู้ชายหน้าจืดที่ผมรักมากที่สุด”
ชายหนุ่มไม่รู้จะขำ ซึ้ง หรือส่ายหัวให้คนตรงหน้าดี ถ้านี่เป็นการสารภาพรักก็คงเป็นประโยคบอกรักที่แปลกที่สุดในชีวิตเขา
“หึๆ ตัวแสบเอ๊ย จะหาใครแสบได้เท่าเราอีก”
“หาไม่ได้หรอกครับ อย่างผมน่ะเขาเรียกว่าลิมิเต็ดอิดิชัน พี่เขตโชคดีมากนะที่ได้ผมเป็นแฟน”
เขตดนัยโน้มหน้ามาจูบปากช่างพูดนั้นอย่างอดไม่อยู่ เด็กอะไรทั้งแสบทั้งน่ารัก ขยันทำให้หลงจริงๆ
“ขอบคุณนะครับพี่เขต ตอนนี้ผมมีความสุขมากเลย” สายตาคนพูดก้มลงมองดอกกุหลาบในมือ รอยยิ้มบนใบหน้าหวานทำให้คนมองพลอยยิ้มตาม
“พี่ก็มีความสุขเหมือนกัน”
เขตดนัยยื่นมือไปตรงหน้า รามิลสอดมือเข้ากับมือหนา มือทั้งสองบีบกระชับเบาๆ ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
รามิลอมยิ้มตลอดทาง แต่เมื่อเดินมาถึงท้ายสวนเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งมีเสื่อผืนใหญ่ บนเสื่อมีทั้งตะกร้าใส่อาหารกับดอกกุหลาบวางประดับ บนกิ่งไม้มีดอกไม้ที่ถูกร้อยต่อกันคล้องห้อยลงมา แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือผู้ชายสามคนที่กำลังนั่งอยู่บนเสื่อ
“มาสักที นึกว่ารอเก้อซะแล้ว” ต้นน้ำพูดพร้อมรอยยิ้ม รามิลงงกว่าเดิม
“ทำไมทุกคนมาอยู่นี่ได้ ไหนว่ากลับกันไปแล้วไง”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ พี่เขตครับ” วายุยิ้มให้เขตดนัย ร่างสูงจึงหันมาสบตากับเด็กหนุ่ม
“พี่บอกความรู้สึกไปหมดแล้ว แต่ยังไม่เคยขอเป็นแฟนแบบทางการเลย”
รามิลเอียงคอมองคนตรงหน้า ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ คลี่ยิ้ม ภาพเหตุการณ์ในห้องลองเสื้อย้อนกลับมา เขารู้ทันทีว่าเขตดนัยกับคนอื่นๆ กำลังจะทำอะไร
“ตอนนี้สถานที่โรแมนติกแล้ว พยานก็มีแล้ว มีนกับพี่ก็ใจตรงกันแล้ว งั้นพี่จะถามอีกครั้ง…” เขตดนัยยิ้มบาง ดวงตาคมมองเข้ามาในดวงตาของเขา “เป็นแฟนกับพี่นะครับมีน”
รามิลพยักหน้าช้าๆ เขารู้สึกเหมือนเห็นความสุขกำลังลอยอยู่รอบตัว ทันทีที่เขาตอบตกลงกลีบกุหลาบก็ถูกโปรยขึ้นบนหัว ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นและตามตัวพวกเขา
“เย้! เพื่อนเรามีแฟนอย่างเป็นทางการแล้ว!”
“ยินดีด้วยนะครับพี่เขต”
“มีความสุขมากๆ นะมึง ยินดีด้วย”
เขตดนัยรั้งรามิลมากอด ริมฝีปากหนาจรดบนหน้าผากแผ่วเบา เขาค้างไว้สักพักแล้วผละออก ดวงตาทั้งคู่สบกันอีกครั้ง
“พี่รักมีนนะ”
“ผมก็รักพี่เขต”
รามิลบอกกับตัวเองว่าเขาจะจดจำวันนี้ไปตลอด วันที่เขามีความสุขจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าความรักเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันนี้เขารู้แล้วว่าความรักของเขาอยู่ตรงหน้านี้เอง
ขอบคุณที่รักผมนะครับพี่เขต TBC Tag :
#ท้องฟ้าที่ผมรัก Twitter :
@earthxxide Facebook :
Earthxxide