1
Boy's love story / Re: Ginie Gin: Break the Curse จินนี่จิน คำสาปซ่อนรัก ๑๗ (26/03/2568)
« กระทู้ล่าสุด โดย KADUMPA เมื่อ 26-03-2025 11:31:37 »“มันสำคัญอะไรกันนักหนาหรือไงเนี่ย ถึงต้องแถลงข่าวอะไรกันใหญ่โตขนาดนี้” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามแม่ค้าเจ้าของร้าน เมื่อเห็นว่าตรงนั้น มีคนจับกลุ่มกันอยู่หนาตา รอคอยสัญญาณถ่ายทอดสดมาที่หน้าจอโทรทัศน์ที่แขวนอยู่ด้านบน ในตลาดสดที่ปรับปรุงรูปแบบให้เป็น ตลาดนัดขายสินค้าดูแล้วทันสมัยมากยิ่งขึ้น
“นี่มันข่าวใหญ่คดีดังเลยนะเนี่ย” แม่ค้าเจ้าของร้านดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจอทีวีนั้นตอบกลับมา ผู้ชายคนนั้นก็ยัง ไม่เข้าใจอยู่ดี พลางส่ายหัวให้กับคนที่ดูจะใจจดใจจ่อกับการตั้งโต๊ะแถลงนี้กันมากมาย “เขาว่ายังไงกันบ้างคะ” ลูกค้าคนที่กำลังรอเจ้าของร้านเอาของที่ซื้อใส่ในถุงพลาสติกให้ ถามขึ้นอีกคนด้วยความสนใจ
“ยังไม่รู้เลย สัญญาณถ่ายทอดสดยังไม่มา” แม่ค้าตอบ พลางเงยหน้าขึ้นดูที่หน้าจอโทรทัศน์ที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เข้าไปดูในเว็บไซต์ของสำนักข่าวที่รอการแถลง ก็ยังไม่เห็นพูดอะไร” แม่ค้าที่รอคอยข่าวใหญ่นี้อย่างตามติด บอกกับลูกค้าของเธอ “เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขนาดนี้กันเชียวหรือ” ผู้ชายคนนั้นถามขึ้นอีก คราวนี้ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแคลนมากกว่าที่จะต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมดจริง ๆ
“แค่กะเทยแปลงเพศคนเดียวเนี่ยนะ” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น “ทำให้คนทั้งประเทศต้องเพี้ยน เป็นบ้าตามขนาดนี้” ปลายน้ำเสียงชัดเจนว่า เขาไม่เห็นด้วยที่คนในสังคมจะมาให้ความสำคัญอะไรกันเกินไปแบบนี้ “แต่นี่มันเกี่ยวกับคดีคนตายเลยนะคะ” ลูกค้าผู้หญิงที่เพิ่งรับถุงพลาสติกใส่ของที่เพิ่งซื้อมาจากแม่ค้า พูดขึ้นทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของชายคนนั้น
“ทีคดีฆ่ากันตายคดีอื่น ผู้ชายแท้ ๆ ผู้หญิงจริง ๆ ได้มีถ่ายทอดสดอะไรแบบนี้กันทุกครั้งมั้ย” ชายคนนั้นถามขึ้น หากว่าจะเอาไปเทียบกันคนอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไป “เห็นว่าคนนี้ เขาดังมากนะในโซเชียล มีคนติดตามไม่น้อย มันเลยเป็นที่สนใจกันเยอะ” ผู้ชายอีกคนที่เดินผ่านมาพอดี แล้วได้ยินการสนทนานี้ ได้กล่าวขึ้น
“เดี๋ยวนี้ก็เลยมีกะเทย ตุ๊ด แต๋ว เต็มไปหมด” ผู้ชายคนแรกยังคงไม่หยุดให้ความเห็นของตัวเองออกมา ทำให้ผู้หญิงสองคน ทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าคนที่ถือถุงข้าวของอยู่ เริ่มมองสบตาแบบเป็นอันว่ารู้กัน ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และนั่นน่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน “เดี๋ยวออกทีวีบ้าง เดี๋ยวอยู่ในอินเทอร์เน็ตบ้าง ทั่วไปหมด ถึงว่าพากันให้ท้าย เลยเต็มบ้านเต็มเมือง คนสมัยนี้ก็พิลึกกันจริง ๆ” เสียงหัวเราะท้ายคำพูดของเขา ไม่ได้มาจากความรู้สึกที่เป็นไปในทางบวกอย่างชัดเจน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งคะคุณลุง” ลูกค้าสาวจงใจเรียกผู้ชายคนนั้นออกไปแบบนั้น “ที่เขาทำการไลฟ์สดแถลงนี่ ก็เพราะเขาแค่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องการที่จะพูดถึงด้านเขาบ้าง ให้คนอื่นรับรู้ก็เท่านั้น” เจ้าของร้านพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกค้าสาว “เออ พี่ก็คิดแบบนั้น มันไม่เกี่ยวกันหรอก ว่าจะกะเทยหรืออะไร” แม่ค้าเจ้าของร้านเสริมออกมา
“แต่เราก็ไม่รู้นะ ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เพราะมีแต่กะเทยนี่ ที่ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวอยู่ด้านเดียว” ผู้ชายคนที่สองให้ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติม แบบที่ไม่ได้มีอารมณ์ส่วนตัวพ่วงเข้าไปด้วย “ก็เนี่ย ที่เรารอฟังกันอยู่ น่าจะมีหลักฐานอะไรมาแสดงด้วยแหละ ไม่งั้นจะมาแถลงข่าวกันทำไม” ลูกค้าผู้หญิงพูดความคิดเห็นในมุมของตัวเองออกมา แม่ค้าพยักหน้าเห็นด้วยตามอีกครั้ง
“เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว ทำตัวเป็นกะเทยกันไปหมด ไม่รู้คิดอะไรกันอยู่ เป็นตัวอย่างที่คนก็ดันเลียนแบบกันเข้าไป” ผู้ชายคนแรกยังไม่หยุดพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “แล้วลุงล่ะคะ เคยเห็นพี่เขาหรือเปล่า” ลูกค้าผู้หญิงคนดังกล่าว รู้สึกอดรนทนไม่ไหวกับผู้ชายคนนี้ ซึ่งคำตอบของผู้ชายคนนี้กับคำถามของเธอ ก็คือการพยักหน้าตอบรับว่าเคย
“ถ้าเคย แล้วงั้นลุงกลายเป็นกะเทยแบบพี่เขาไปแล้วสิท่า ถ้าแค่เห็นกะเทยออกทีวีก็เลียนแบบ เป็นกะเทยตาม ๆ กันไปน่ะ” น้ำเสียงของลูกค้าสาวนั้นขุ่นมัวไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนแม่ค้าเจ้าของร้าน ที่รู้สึกสะใจไปกับคำพูดของลูกค้าสาว ก็ทำท่ายิ้มเยาะผู้ชายคนนั้น พลางส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างพอใจ
“หมายถึงเด็ก ๆ ต่างหาก ที่ยังไม่รู้ความอะไร ก็โดนกะเทยพวกนี้ล้างสมองกันเสียหมด” ผู้ชายคนแรกตอบกลับไป เพราะรู้สึกไม่เข้าใจกับคำพูดของลูกค้าผู้หญิง ว่าจะต้องมารู้สึกโกรธอะไรเขา เพราะลูกค้าผู้หญิงคนนี้เอง ก็ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไรกับกะเทยที่กำลังเป็นข่าวนั่น
“โอ๊ย ถ้ามีลูกแล้วสอนลูกให้ฉลาดพอที่จะแยกแยะอะไรเป็นอะไรไม่ได้ ก็อย่ามีเลยค่ะลูกน่ะ เพราะเดี๋ยวเด็กจะโง่ตามเราไปด้วย” น้ำเสียงของลูกค้าผู้หญิงเริ่มกระแทกกระทั้น และแสดงอารมณ์ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น “ไม่มีลูกน่ะก็ดีแล้ว ให้ชายหญิงเขาได้หายใจหายคอบ้าง ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็จะให้คนอื่นเขาเอาใจ ทำตามใจ ไปเสียหมด พูดขัดคอขัดใจอะไรไม่ได้เลย แตะต้องไม่ได้” คราวนี้ผู้ชายคนแรกนั้น ก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะอารมณ์เสียด้วยเช่นกัน
“ว่าแต่มันคือเรื่องชู้สาวใช่มั้ยเนี่ย” ผู้ชายคนที่สองที่เดินมาพอดี แล้วร่วมวงสนทนาด้วย เปลี่ยนคำถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และยับยั้งความตึงเครียดระหว่างลูกค้าหญิงและผู้ชายคนที่ยืนอยู่ก่อนเขาคนนั้น “ผู้ชายก็น่าจะมีชู้นั่นแหละ” พี่เจ้าของร้านพูดขึ้น “แล้วยังไง กะเทยก็เลยจัดการซะ แบบนั้นหรือ” ผู้ชายคนที่สองถามด้วยสีหน้างง ๆ
“กะเทยมันก็ชอบแต่จะจับผู้ชายแท้นั่นแหละ กับพวกเดียวกันกลับไม่สน มันก็ต้องเป็นปัญหา เมื่อผู้ชายก็ต้องเลือกผู้หญิงจริงอยู่แล้ว เพราะครอบครัวจะสมบูรณ์ได้ มันก็ต้องมีลูก พ่อแม่ลูก ผู้ชายผู้หญิงสร้างมันขึ้นมา” ผู้ชายคนแรกพูดออกมาเสียงดัง จนคนอื่น ๆ ที่รอดูการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“โบราณคร่ำครึมากค่ะลุง ผู้ชายมีสิทธิ์เป็นฝ่ายเลือกได้คนเดียวหรือไงกัน คนอื่น เพศอื่นไม่สามารถเขี่ย อะไรนะ ชายแท้ของลุงทิ้งได้เลยหรือคะ ถ้าชายแท้ที่ว่านั่นน่ะ มันทั้งชั่ว มันทั้งมั่วไม่เลิก” ลูกค้าผู้หญิงของร้านแม่ค้า เริ่มจะเหลืออดกับผู้ชายคนนี้เข้าไปทุกที “กะเทยเอง มันก็มั่วได้นะน้อง เราเที่ยวออกตัวไปรับรองใครไม่ได้หรอก เรื่องแบบนี้ ยิ่งในโซเชียลด้วยแล้ว เขาก็ให้เราเห็นเรื่องที่เขาต้องการให้เราเห็นเท่านั้นแหละ” ผู้ชายที่เข้ามาสมทบวงสนทนา กล่าวเตือนลูกค้าผู้หญิง
“เราเหมารวมก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะบอกว่าเขาดีหมด หรือเลวหมด” แม่ค้าเจ้าของร้าน พูดแบบว่าตัวเองเข้าใจในมุมนี้ของคนทั่วไปในสังคม “ไม่รู้ล่ะ สำหรับหนูนะ ถ้าผู้ชายมันสารเลว ตายไปก็ถือว่าทำความดีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงนรก” ลูกค้าผู้หญิงพอรู้สึกว่า ไม่มีใครเข้าข้างจริง ๆ ก็ใช้ความรู้สึกที่ตั้งต้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัว ตัดสินคดีนี้ให้ในทันที
แต่ก่อนที่วงสนทนาจะลุกลามใหญ่โต ตามคดีที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจไปมากกว่านั้น ภาพการถ่ายทอดสดที่รอกันอยู่ ก็แสดงบนหน้าจอโทรทัศน์ขึ้นมา ในนั้น ทุกคนเห็นศรุตานั่งอยู่ที่โต๊ะแถลงข่าว โดยที่อยู่ในชุดเสื้อสูทกางเกงสีขาว ตัดเย็บจากแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลก ศรุตาใส่แว่นตาดำที่มาจากแบรนด์ดังจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน โดยที่ศรุตานั้น ยังไม่ได้พูดอะไร โดยมีทนายความนั่งอยู่ข้าง ๆ
“มาครบกันทุกช่องแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงทนายความก้มลงถามผ่านไมโครโฟนของช่องข่าวและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ มากมายหลายสำนักหลายชื่อ ทั้งที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว และอีกมากที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก พอได้ยินทนายถามออกไป ก็มีสื่ออีกสองสามที่ เอาไมโครโฟนมาวางไว้รวมกับที่อื่น ๆ ที่วางไมค์ซ้อนทับกันมากมายอยู่ก่อนแล้ว
“ไอ้ทนายนี่ก็คงจะหิวเงินไม่ใช่เล่น ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน ไม่ต้องสนว่าใครจะถูกจะผิด” ผู้ชายคนแรกไม่พูดเปล่า พลางชี้นิ้วไปที่หน้าจอโทรทัศน์ เมื่อภาพของทนายความคนนั้น เผยตัวเองออกมา “นี่ลุงไปรู้ได้ยังไง พูดจาไปเรื่อง แบบนี้ถ้าเขามาได้ยิน เขาฟ้องหมิ่นประมาทลุงได้เลยนะ” ลูกค้าผู้หญิงที่ตอนแรกคิดที่จะเดินออกไปจากวงสนทนานี้ แต่ก็ยังไม่ก้าวขาเดินออกไปอย่างที่ตั้งใจในทีแรกเสียที
“คอยดูเถอะ” ผู้ชายคนแรกรีบพูดตอบกลับมาในทันที “ดูหน้าก็รู้แล้ว ไม่มีพลาด” ชายคนเดิมพูดเพิ่มเติมขึ้นอีก “แล้วมีสิทธิ์อะไรอยู่ ๆ จะมาฟ้องกัน ถ้าสิ่งที่พูดเป็นความจริง” ชายคนแรกหันไปมองหน้าลูกค้าผู้หญิงคนนั้น “อ้าวลุง ก็ลุงไปพูดว่าเขาทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าน่ะ” แม่ค้าเจ้าของร้านที่ใช้สรรพนามเดียวกันกับที่ลูกค้าหญิงเรียก พูดกับผู้ชายคนแรกนั้น โดยที่ผู้ชายคนนั้น ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เมื่อทนายความในหน้าจอโทรทัศน์ เริ่มพูดอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้ยินนักข่าวจากสื่อช่องหนึ่งถามคำถามออกมา
“เรื่องคดีก็เป็นไปตามกระบวนการนะครับ” ทนายความพูดออกไมโครโฟน “คุณศรุตายืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และมีหลักฐานแน่นอนในชั้นศาล ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเป็นอย่างมากนี้” ทนายความพูดบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นกับคดีที่เกี่ยวข้องกับลูกความของเขา อย่างที่ทนายความต้องทำ เพื่อปกป้องลูกความ
“มีแหล่งข่าวบอกมาว่า คุณศรุตาเองรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว เกี่ยวกับพฤติกรรมของเจ้าบ่าว ไม่ทราบว่า คุณศรุตามีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยากจะพูดอะไรผ่านสื่อบ้างมั้ยคะ” นักข่าวอีกค่ายหนึ่งถามขึ้นในทันทีที่มีโอกาส “แหล่งข่าวที่ว่านี่ คือใครครับ พอจะเปิดเผยชื่อได้มั้ย” ทนายย้อนถามนักข่าวคนนั้นกลับไป
“แหล่งข่าวก็คือแหล่งข่าวค่ะ เราไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะแหล่งข่าวไม่ได้เกี่ยวกับคดีแต่อย่างใด” นักข่าวคนเดิมตอบกลับทนายที่กำลังยิ้ม ๆ เมื่อฟังสิ่งที่เขาเรียกว่าคำแก้ตัวนั้น “ใช่ครับ ในโซเชียลมีเดียก็พูดกัน คอมเม้นท์กันเยอะมาก” ใครอีกคนในกลุ่มของนักข่าวนั้นกล่าวเสริมขึ้น “แหล่งข่าวก็ควรจะมีความน่าเชื่อถือไงครับ ยิ่งผมได้ยินว่า นักข่าวเองไปหยิบเอาสิ่งที่คนซุบซิบกันในอินเทอร์เน็ต ผมว่าอันนี้น่าเป็นห่วงนะครับ” ทนายหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อพูดแบบนั้นออกมา
“คุณศรุตายืนยันหนักแน่นนะครับ ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพราะนี่ก็ทำให้คุณศรุตานั้นทั้งช็อก เสียขวัญ หวาดกลัว และเสียใจอย่างที่สุดกับการสูญเสียนี้” ศรุตาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันกับทนายความยกมือที่กำผ้าเช็ดหน้าในมือเอาไว้จนแน่น ขึ้นแนบเข้ากับหน้าอกหน้าใจของเธอ เสียงนักข่าวรีบพยายามแย่งกันยิงคำถามใส่ในทันที เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวนั้น
“คุณศรุตาอยากจะพูดอะไรหน่อยมั้ยครับ เพราะคดีนี้เป็นที่คดีที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และอยากจะทราบความกระจ่าง เพื่อให้กลุ่มเพศทางเลือก ไม่ดูแล้วตกเป็นจำเลยทางสังคม ว่าเป็นเพราะมักมากในเรื่องอะไรแบบนี้เอง ยังไงก็ต้องจบลงด้วยความสูญเสีย ไม่มีทางจะสมหวังไปได้ ต่อให้มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมรับรองแล้วก็ตาม คุณศรุตามีความเห็นอะไรบ้างมั้ยครับ ในมุมมองนี้” นักข่าวจากสำนักหนึ่งที่ดูจะมีชั่วโมงบินมามากพอสมควรถามขึ้น ทำให้สำนักข่าวอื่น ๆ หยุดนิ่ง และรอคอยที่จะฟังศรุตาตอบกลับมา
“นี่ไง อย่างน้อยก็มีนักข่าวที่ยังพอมีสติดี ๆ หลงเหลืออยู่บ้าง ไม่ใช่เฮละโลตาม ๆ กันไป กับเรื่องไร้สาระไปทั้งหมด” ผู้ชายคนแรกร้องออกมาอย่างเสียงดัง เมื่อได้ยินคำถามที่ถูกใจจากนักข่าวคนนั้น “แต่งแล้วเดี๋ยวก็หย่ากัน” ผู้ชายคนนั้นพูดต่อไปอีก “ผู้ชายผู้หญิง แต่งแล้วก็หย่ากันเยอะแยะ ไม่ได้ดีเด่มากไปกว่ากันเลย” ลูกค้าผู้หญิงคนนั้นสวนกลับในทันที “อ้าว ก็ถ้ามันไม่ดี แล้วพวกกะเทย ตุ๊ด แต๋ว จะมาทำตามทำไม” ผู้ชายคนแรกคนนั้นรีบตอบกลับไปเช่นกัน
“ลุงนี่ ไม่สามารถเห็นคนอื่นมีความสุขได้เลยใช่มั้ย เพราะมันก็เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของลุงนะ ถ้าเขาจะแต่งงานกัน จะจดทะเบียนกัน ถ้ามันเป็นความสุขของเขา” ผู้ชายคนที่เข้ามาสมทบกับวงสนทนานี้ ยังอดรนทนไม่ไหว ต้องหันกลับมาถามผู้ชายคนแรกคนนั้นเช่นกัน เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้สนับสนุนอะไรกับกลุ่มเกย์พวกนี้ แต่ก็คิดแค่ว่า ถ้าไม่ชอบก็แค่ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกันเท่านั้นก็คงพอแล้ว
ภาพในจอโทรทัศน์มีเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น เมื่อศรุตาที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ ยกมือที่ถือผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น ขึ้นเช็ดเมคอัพที่เธอลงเอาไว้ที่ตรงมุมปากด้านขวา ที่หันข้างให้กับกลุ่มนักข่าว ที่ถ้าเป็นมุมนี้ ราวกับจะรับรองว่า มันจะเป็นมุมที่เห็นได้ชัดที่สุด ก่อนที่แสงแฟลชจะวูบวาบจนแสบตาไปหมด เมื่อเมคอัพที่หลุดออก เผยให้เห็นถึงความช้ำที่เกิดจากการโดนอะไรบางอย่างกระแทกเข้าให้อย่างแรง
“อ้าว ดูกันให้เต็มตานะ พวกคุณ เห็นอะไรนั่นมั้ย” ผู้ชายคนแรกร้องตะโกน มีเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ด้วยความที่ตัวเองรู้สึกว่าคิดถูกแล้ว ชี้นิ้วไปที่หน้าจอโทรทัศน์ “นั่นดูเหมือนว่ากำลังมีความสุขอยู่มั้ย” ทั้งหมดทุกคนในวงสนทนานิ่งเงียบ จ้องมองไปที่ศรุตาในหน้าจอโทรทัศน์ ที่ถอดแว่นตากันแดดนั้นออก แล้วเผยให้เห็นถึงรอยช้ำใหญ่ที่เบ้าตาข้างเดียวกันนั้น “ที่เห็นว่ากำลังร้องไห้ออกมานั่นน่ะ ต้องถามด้วยนะ ว่ากะเทยไปพูดอะไรหมา ๆ ใส่ผู้ชายเขาก่อนหรือเปล่า เขาถึงได้จัดให้อย่างสาสมแบบนี้” เสียงผู้ชายคนแรกคนนั้นกล่าวปิดท้าย
***********************************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาไทย โดย KADUMPA
Harder to Breathe - MAROON 5
https://www.youtube.com/watch?v=_UWO89-eUKo
How dare you say that my behavior's unacceptable
กล้าดียังไงถึงบอกว่าพฤติกรรมของผมนั้นรับกันไม่ได้
So condescending, unnecessarily critical
ทั้งข่มเหงรังแก และแสนจะพูดจาเหน็บแนมจิกกัดโดยไม่จำเป็น
I have got the tendency of getting very physical
แถมผมยังมีแนวโน้มที่จะลงไม้ลงมืออีกต่างหาก
So, watch your step 'cause if I do you'll need a miracle
แบบนั้นแล้ว ก็จงระวังตัวให้ดี เพราะถ้าผมทำจริง คุณคงต้องสวดอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
You drain me dry and make me wonder why I'm even here
คุณทำให้ผมรู้สึกหมดแรงกำลัง แถมยังต้องสงสัยตัวเองว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้
This double vision I was seeing is finally clear
ไอ้ที่สองจิตสองใจอยู่ ก็ถึงกับได้คำตอบชัดเจนกันเลยทีเดียว
You want to stay but you know very well I want you gone
คุณอยากให้ผมอยู่กับคุณต่อ แต่ก็รู้ดีว่า ผมต่างหากที่อยากให้คุณไปซะ
Not fit to fuckin' tread the ground that I am walking on
ไม่เหมาะเลยสักนิดที่จะย่ำตัวเองอยู่กับที่ บนหนทางที่เดินกันอยู่
When it gets cold outside and you got nobody to love
เมื่อมันหนาวเหน็บจนเกินไปที่ข้างนอกนั่น และไม่มีใครให้แสดงความรักด้วย
You'll understand what I mean when I say
คุณจะเข้าใจกับความหมายที่มีกับที่ผมเคยได้บอกไป
There's no way we're gonna give up (yeah, yeah, yeah)
ว่าเราพูดกันว่าเราจะไม่ยอมเลิกร้างห่างไกล
And like a little girl cries in the face
ให้รู้สึกเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยร้องห่มร้องไห้ขี้มูกโป่ง
Of a monster that lives in her dreams
หวาดกลัวกับสัตว์ประหลาดที่เห็นทุกครั้งในความฝันยามหลับตานอน
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ที่ด้านนอกนั่นที่จะช่วยได้
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจติดขัดติดคอขึ้นทุกที
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ด้านนอกนั่นที่จะมาสนใจ
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจไม่ออกมากขึ้นในตอนนี้
What you are doing is screwing things up inside my head
สิ่งที่คุณทำมันกำลังปั่นหัวผมให้เสียศูนย์ไปหมดแล้ว
You should know better you never listened to a word I said
คุณควรจะรู้ดีกว่าใครว่าคุณไม่เคยฟังกับสิ่งที่ผมพูดเลย
Clutching your pillow and writhing in a naked sweat
กดกระชับหมอนที่คุณหนุนจนแน่นจนร่างเปลือยเปล่าชักดิ้นกระแด่วกระแด่ว
Hoping somebody someday will do you like I did
ได้แต่หวังว่าสักวันใครสักคนจะทำแบบเดียวกันกับที่ผมทำ
When it gets cold outside and you got nobody to love
เมื่อมันหนาวเหน็บจนเกินไปที่ข้างนอกนั่น และไม่มีใครให้แสดงความรักด้วย
You'll understand what I mean when I say
คุณจะเข้าใจกับความหมายที่มีกับที่ผมเคยได้บอกไป
There's no way we're gonna give up (yeah, yeah, yeah)
ว่าเราพูดกันว่าเราจะไม่ยอมเลิกร้างห่างไกล
And like a little girl cries in the face
ให้รู้สึกเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยร้องห่มร้องไห้ขี้มูกโป่ง
Of a monster that lives in her dreams
หวาดกลัวกับสัตว์ประหลาดที่เห็นทุกครั้งในความฝันยามหลับตานอน
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ที่ด้านนอกนั่นที่จะช่วยได้
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจติดขัดติดคอขึ้นทุกที
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ด้านนอกนั่นที่จะมาสนใจ
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจไม่ออกมากขึ้นในตอนนี้
Does it kill
มันเรียกว่าฆาตกรรมได้มั้ย
Does it burn
มันเผาทำลายล้างลงได้มั้ย
Is it painful to learn
มันรู้สึกเจ็บปวดหรือเปล่าที่ได้รู้ว่า
That it's me that has all the control
ว่าเป็นผมเองที่ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด
Does it thrill
มันทำให้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจใช่มั้ย
Does it sting
หรือมันทำให้รู้สึกปวดหนึบกันบ้าง
When you feel what I bring
เมื่อคุณรู้สึกรับรู้ถึงสิ่งที่ผมมอบให้
And you wish that you had me to hold
และคุณหวังคุณยังมีผมอยู่ในชีวิตให้ได้กอดสัมผัส
When it gets cold outside and you got nobody to love
เมื่อมันหนาวเหน็บจนเกินไปที่ข้างนอกนั่น และไม่มีใครให้แสดงความรักด้วย
You'll understand what I mean when I say
คุณจะเข้าใจกับความหมายที่มีกับที่ผมเคยได้บอกไป
There's no way we're gonna give up (yeah, yeah, yeah)
ว่าเราพูดกันว่าเราจะไม่ยอมเลิกร้างห่างไกล
And like a little girl cries in the face
ให้รู้สึกเหมือนกับเด็กหญิงตัวน้อยร้องห่มร้องไห้ขี้มูกโป่ง
Of a monster that lives in her dreams
หวาดกลัวกับสัตว์ประหลาดที่เห็นทุกครั้งในความฝันยามหลับตานอน
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ที่ด้านนอกนั่นที่จะช่วยได้
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจติดขัดติดคอขึ้นทุกที
Is there anyone out there
มีใครบ้างมั้ยที่อยู่ด้านนอกนั่นที่จะมาสนใจ
'Cause it's getting harder and harder to breathe
เพราะมันเริ่มที่จะทรมานเมื่อหายใจไม่ออกมากขึ้นในตอนนี้