Parallel World สลับขั้วสร้างรัก บทที่สี่"ฮื้มมมมม"
ผมเบี่ยงหน้าหนีบางสิ่งที้กำลังคลอเคลี่ยอยู่แถวแก้มตัวเอง ก่อนมันจะเลื้อยลงมาบริเวณปากล่างผมและความชื้นแฉะที่ถูกดูดดึงจนเกิดเสียงจ๊อบแจ๊บ
“โว้ยยยย คนจะนอ-!!”
ผมตะโกนด้วยความรำคาญแต่ต้องกลืนคำด่าลงไปในลำคอแทน...ไอ้เชี้ยท๊อป!!
“ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา”
คำพูดเย้าแหย่พร้อมกับรอยยิ้มกวนๆที่เป็นท่าประจำของมัน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแปลกต่างออกไปเพราะไอ้รอยยิ้มนี้มันดูอ่อนโยนผิดปกติ
ผมตาค้างอยู่แบบนั้นไม่แม้แต่จะพูดด่ามันออกไป รู้สึกหัวสมองยังจูนเครื่องไม่ติดว่าทำไมผมกับมันถึงมาอยู่ตรงนี้ จำได้แค่ว่าก่อนน่านี้ผมกับมันยังวางมวยกันอยู่เลย
มวย...เออ ใช่ วางมวย!!
“มึง! ออกไปห่างๆกูเลยนะ”
เท้าผมไวเท่าความคิด ประทับยันไปที่กลางลำตัวมันจนหงายหลังไปนอนจูบพื้นด้านล่าง ผมตาเหลือกอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพเปลือยเปล่าของมันที่โผล่พ้นผ้าห่ม นั่นเลยทำให้ผมรีบก้มมองดูตัวเองเหมือนกัน...เชี้ยไรวะเนี่ยยยยยยยยย
“มึงกล้าถีบกูเหรอซัน?!”
ไอ้ท๊อปชี้หน้าคาดโทษมาทางผมแขนมันก็พยุงตัวเองลุกขึ้นมายืน ผมรีบโกยผ้าห่มมาปิดของสงวนไว้กระโจนหนีมันไปอีกฝั่งทันที
“มะ มึงอย่าเข้ามานะเว้ย”
ผมคว้าหมอนที่อยู่หัวเตียงฟาดใส่มันเต็มแรงจนใบหน้าและข้างหูขึ้นรอยแดงเป็นแถบริ้ว และก็ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเสียด้วย
“มึงเป็นอะไรของมึงซัน ผีเข้าเหรอไงวะ!!”
“มึงนั่นแหละผีเข้า อยู่ๆมาจับกูแก้ผ้าทำห่าไร”
“มึงพูดบ้าอะไร คนเป็นแฟนก็ต้องแก้ผ้าตอนเอากันเปล่าวะ”
ห๊ะ ใครเป็นแฟนใครแล้วใครเอากันวะ!!??...ผมทวนคำพูดมันในใจ แต่พอได้สติผมก็อยากจะขย่อนของเก่าออกมาเสียตรงนี้
"ดะ เดี๋ยวนะมึง เมื่อกี้มึงพูดว่า...แฟน...ใช่มั้ย?"
ไอ้ท๊อปกอดอกพยักหน้ารับคำ ตอนนี้ดูเหมือนมันจะใจเย็นลงนิดหน่อยที่เห็นท่าทีของผม
"ไม่มีทางอ่ะ เป็นไปไม่ได้"
"แต่มันเป็นไปแล้วไง ห้องนี้มึงก็ย้ายมาอยู่กับกู นู่นก็ของๆมึงที่ยังเก็บไม่เสร็จ"
ผมมองไปรอบๆห้องตามคำพูดของมัน จนมาสะดุดตาเข้ากับกล่องใบใหญ่ที่ด้านหน้ากล่องเขียนไว้ชัดเจนว่า "ซัน" ผมรีบเดินตรงไปที่กล่องใบนั้นพร้อมกับรื้อของด้านในทันที ของด้านในส่วนใหญ่จะเป็นของสำคัญและบางอันก็เก็บเพราะมันมีความทรงจำที่ดี ซึ่งของทุกๆชิ้นล้วนแต่เป็นของผมจริงๆ...
"เป็นไปไม่ได้...กูกับมึงจะเป็นแฟนกันได้ยังไง ก็ในเมื่อกูกับมึงเกลียดกันขนาดนั้น"
"ถ้ายังไม่เชื่อก็เอานี่ไปดู"
มันกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วโยนมาให้ผม บนพื้นหลังหน้าจอนั้นตั้งเป็นรูปถ่ายของมันกับผมที่เอาแก้มแตะกันแถมยังทำท่ามินิฮาร์ทอีกตั้งหาก...หึ้ยยยยย ขนลุกสัสๆ
"ของมึงก็ตั้งรูปเดียวกันนะ ไม่เชื่อก็เปิดดู"
มันหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องเปิดเข้าหน้าจอเหมือนกัน ทั้งยังประกบเข้ากับโทรศัพท์ของมันเพื่อเพิ่มพลังทำลายร้างลูกกะตาทั้งสองข้างของผม
โอ้มายก๊อดดดดดดดด...ผมยืนโซซัดโซเซคล้ายจะเป็นลมจับอีกครั้ง ไอ้ท๊อปมันรีบเข้ามาพยุงผมไว้ก่อนที่จะล้มลงไปจริงๆ
"ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้...นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ยยยยยยย"
ไอ้ซันขอลาตายก่อนครับทุกคนนนน แอ๊ก!!!
.
.
“ไอ้วิทย์ มึงอยู่ไหนวะ”
(อยู่ห้องกูดิ ทำไมวะ)
“กูขอไปห้องมึงได้มั้ยวะ กูมีเรื่องอยากปรึกษามึงว่ะ”
(เป็นไรวะ? ทะเลาะกับผัวมาเหรอไงมึง)
ไอ้เพื่อนห่านี่ก็ย้ำกูจริงๆ ตกลงตัวผมในตอนนี้แม่งมีซัมติงกับไอ้หน้าวอกนั่นจริงๆเหรอวะ แล้วอีกอย่างนะทำไมกูต้องเป็นเมียมันด้วยวะ น่าโมโหโว้ยยยย!!
“...เออน่า เดี๋ยวกูไปหา”
ผมรีบเดินออกจากห้องหลังจากวางสายของไอ้วิทย์โดยไม่สนใจเสียงเรียกของไอ้ท๊อปที่เรียกไล่หลังมา เมื่อหลุดออกมาจากคอนโดได้ผมก็รีบโปกแท๊กซี่ขึ้นทันที ระหว่างทางผมก็เอาแต่คิดทบทวนกับเหตุการณ์ในตอนนี้มันคืออะไร แต่จนแล้วจนเล่าก็คิดไม่ออกซะที หรือจริงๆแล้วผมกำลังฝันอยู่วะ?
“โอ้ยยยย ซี๊ดดดดดด” เจ็บครับ ลองทึ้งหัวตัวเองจนแทบหลุดติดมือและพบว่ามันเจ็บจริงๆ ลุงคนขับแท๊กซี่แกก็สะดุ้งตามกับเสียงร้องจนต้องขอโทษขอโพยแกไปที
สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่อยู่ในมือสั่นเป็นระยะๆ ไหนจะแจ้งเตือนจากในไลน์จนน่ารำคาญ แต่ผมกลับไม่มีกะใจจะกดดูมันเลย ในที่สุดผมก็มาโผล่ที่หน้าห้องไอ้วิทย์ในช่วงเย็นของวัน ผมเคาะเรียกมันอยู่พักหนึ่งก่อนจะเผยให้เห็นว่าไอ้วิทย์ยังคงเป็นไอ้วิทย์คนเดิมที่ผมรู้จัก ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไรที่ห้องของมันยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนไปไหน
“ทะเลาะกับไอ้ท๊อปมาเหรอวะ”
คำถามแรกถูกส่งมาทั้งที่ยังไม่ได้ทักทายกันด้วยซ้ำ ผมถอยหายใจและส่ายหน้าก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องมันเอง ส่วนไอ้วิทย์มันก็ไม่ได้ว่าอะไรและเดินตามผมเข้ามาในห้องติดๆ
“ไม่ได้ทะเลาะแล้วหนีมาทำไม ปกติตัวติดกันจะตายห่า”
"ก็แบบว่า กู...กูทำตัวไม่ถูกว่ะ"
"ทำตัวไม่ถูก? อะไรของมึงวะซัน"
“นั่นแหละปัญหา คือกูไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดีว่ะแล้วกูก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วย ถ้ากูเล่าให้มึงฟังมึงอย่าหาว่ากูบ้านะเว้ย"
"อะไรของมึงวะซัน กูเริ่มกลัวๆมึงแล้วนะเนี่ย"
"ตอนนี้มึงเป็นคนเดียวที่กูพอจะนึกออกว่ะวิทย์...มึงช่วยฟังเรื่องที่กูจะเล่าทีได้มั้ย"
ผมมองหน้าไอ้วิทย์ด้วยสีหน้าจริงจัง ส่วนมันก็มองผมเหมือนอยากจะถามแต่ท้ายที่สุดมันก็พยักหน้ารับ ระหว่างที่เล่าๆอยู่นั้นไอ้วิทย์ก็มีสีหน้าประหลาดใจปนสงสัยตลอด เพราะหากเทียบเป็นทฤษฎีของโลกใบนี้แล้วเรื่องแบบนี้มันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้แหละมึง...มึงต้องช่วยกูนะเว้ยไอ้วิทย์”
“...แล้วมึงได้คุยกับไอ้ท๊อปบ้างยัง"
ผมส่ายหน้าไปมาจนไอ้วิทย์ถอนหายใจ มันลุกเดินไปเปิดตู้เย็นและกลับมาพร้อมกับเบียร์เย็นๆสองกระป๋อง มันยื่นมาให้ผมก่อนจะเปิดของตัวเองกระดกซดเสียงดัง
“แม่งโคตรเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่ออ่ะ เรื่องที่มึงเล่ากับสิ่งที่มันเป็นอยู่แม่งสวนทางกันชิบหาย”
ไอ้วิทย์กุมขมันแน่น จะไม่ให้มันปวดหัวได้ยังไง ก็ในเมื่อปัจจุบันไอ้คู่นี้มันรักกันปานจะแหกตูดดม...เออ ไม่สิ มันคงดมกันเรียบร้อยไปนานแล้ว
“กูก็ไม่รู้จะพูดยังไง พอตื่นมาก็เป็นแบบนี้เฉยเลยอ่ะ”
“ซัน...มึงเชื่อเรื่องมิติพิศวงหรือโลกคู่ขนานอะไรพวกนี้เปล่าวะ”
ผมทำหน้ากระอักกระอ่วน อยากจะตอบว่าไม่เชื่อก็ดูกระไรอยู่ ในเมื่อเหตุการณ์ตอนนี้มันเกิดขึ้นโดยหาคำอธิบายไม่ได้นอกเสียจากเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่เกินจะบรรยายจริงๆ
“แล้ว-แล้วมึงคิดว่ากูต้องทำไงต่อวะ”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นไปก่อน ถึงตอนนั้นมันอาจจะมีวิธีแก้ก็ได้นะมึง”
“เฮ่อ กูก็หวังว่าจะมีวิธีแก้จริงๆน่ะนะ...แต่วันนี้กูขอนอนกับมึงนะ กูยังไม่อยากกลับห้องว่ะ”
“เออๆ อย่าลืมบอกผัวมึงด้วยเดี๋ยวแม่งโวยวายบ้านแตกอีก แล้วพรุ่งนี้ก็กลับไปคุยกันให้รู้เรื่องนะเว้ย”
ผมกรอกตากับคำพูดที่ไม่กระดากปากของมันคำก็ผัวสองคำก็เมีย กระดกเบียร์ต่อแม่งซะเลย!!!
ไม่รู้จะเอายังไงต่อกับชีวิตตัวเองดี แต่ตอนนี้แค่ไม่อยากกลับไปเจอหน้าไอ้ท๊อปเฉยๆ ผมทำใจไม่ได้จริงๆ...ทำใจไม่ได้กับการตกเป็นเมียมันนี่แหละครับ ซันรับบ่ได้จริงจริ้งงงงง
‘คืนนี้กูนอนกับไอ้วิทย์นะ’
ผมตัดสินใจส่งข้อความสั้นๆไปบอกมันแล้วปิดเครื่องหนี พยายามข่มตานอนเพื่อหวังลึกๆว่าหากพรุ่งนี้เช้าลืมตาตื่นขึ้นผมอาจจะกลับไปอยู่ในโลกเดิม และตอนนี้ก็อาจจะเป็นแค่ฝันร้ายที่โคตรร้ายของผมก็เป็นได้
==========================
กลับมาต่อให้แล้วค๊าาา