มนุษย์แฟนเด็ก
3
มีความอยากกุมขมับ
“ทิว้าาาาา!!” ขายาวหยุดชะงักหลังจากได้ยินเสียงเรียกที่ค่อนข้างเสียดแก้วหู พอหันไปมองที่ต้นเสียงก็เห็นว่าเป็นเด็กมาร์ชเมลโลว์ที่ยืนอยู่ที่อีกฟากของถนน
“ดีจังที่เจอ” พอข้ามมาแล้วก็ยิ้มจนตาหายไปหมด “พี่ต้น พี่มิค พี่รถถัง สวัสดีครับ”
“ดีครับ” ห่าต้นแม่งทำหน้าฟินไปละ โดนทักคนแรกด้วยนั่นอ่ะ
“ไม่สวัสดีกู?”
“สวัสดีครับพี่กาล” เด็กกวนประสาทยกมือขึ้นท่วมหัว และยิ้มซน ๆ ส่งไปให้พร้อมกับยักคิ้ว ความน่าหมั่นไส้ของมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปเขกหัวกลม ๆ นั่น
“มีอะไร?”
“อ๋อ! เราซื้อนี่มาให้!” เด็กนั่นคุ้ยกระเป๋าสักพักแล้วส่งนมพาสเจอร์ไรส์แบบขวดรสสตรอว์เบอร์รี่มาให้
แบ๊วมากไหมไอ้สัด!
“เพื่อ?!”
“แทนคำขอบคุณที่ช่วยติวให้เรากับเพื่อนไง จริง ๆ เราจะให้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานเราไม่เจอทิวาเลย”
“ไอ้ห่า นมโง่ ๆ เนี่ยนะ!” ไอ้เพื่อนเชี่ยสามตัวนั่นของเขากลั้นขำจนไหล่สั่น
“ว่าไมอะ รู้ว่าเปล่าจะเสียใจเนี่ย โอ๋ ๆ” จันทร์เจ้าลูบขวดนมเหมือนปลอบเด็กร้องไห้ ทิวากาลมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วสูดหายใจเข้าลึก กูจะบ้า ขอตบหน้าผากตัวเองได้ไหมเนี่ย
“เก็บไว้กินเองเหอะ”
“หูย ไรอ่ะ เราตั้งใจซื้อมาให้เลยนะ ทำไมทิวาใจร้ายแบบนี้อ่ะ ไม่เห็นความตั้งใจของเราเลยใช่ไหม เราเสียใจอ่ะ ถ้าเราเสียใจเราจะต้องไม่มีสมาธิทำอะไรแน่เลย แล้วจากนั้นเราก็จะเหม่อ แล้วพอเข้าเรียนเราก็จะโดนอาจารย์---”
“พอ!!!!” มันทำหน้าหงอย และทำปากเหมือนเป็ด ทิวากาลถอนหายใจแรง ๆ แล้วคว้านมนั่นมาถือ นมสตรอว์เบอร์รี่นี่เข้ากับกูมากมั้ง ห่า!
“ดื่มด้วยสิ” แนะ มีบังคับกูอีก
“ยังไม่อยากกิน”
“ทิวาไม่ชอบเหรอ งั้นเอาคืนเรามาก็ได้...” เสียงหงอยขนาดนั้นคิดว่ากูจะทำยังไงล่ะ
ฉีกฝาด้านบนออกแล้วดื่มรวดเดียวหมดไง เหอะ!
“พอใจยัง?”
แก้มกลมสั่นหัวและเงยหน้ามองทิวากาลพร้อมแววตาสำนึกผิด “เราเหมือนบังคับทิวาเลยอ่ะ เราขอโทษนะ”
“อะไรของมึงอีกละ?” ตอนนี้เพื่อนของทิวากาลทั้งสามไปแล้ว เลยเหลือแค่เขากับเด็กประหลาด
“งื่อ... เพราะนมมันมีประโยชน์ไง เราเลยซื้อนมมาให้ เหมือนตอนนั้นที่ทิวาซื้อนมมาให้เราอ่ะ ถึงทิวาจะบอกว่าซื้อมาเกินกินไม่หมดก็เถอะ แต่เรารู้ว่าทิวาตั้งใจซื้อมาให้เรา แล้วแบบ... เราขอโทษอ่ะ ทั้งที่ทิวาแสดงออกว่าไม่ชอบแต่เราก็บังคับให้ทิวาดื่มนมโง่ ๆ นั่น เรา...”
เขาจะทำยังไงกับไอ้เด็กเข้าใจยากนี้ดี ที่มันพูดมานี่ต้องการสื่ออะไรวะ เขาคิดว่าข้อสอบไฟนอล ยังเข้าใจง่ายกว่าเด็กมาร์ชเมลโลว์นี่อีกด้วยซ้ำ ความย้อนแย้งนี้คืออะไร? คะยั้นคะยอให้เขาดื่มนมโง่ ๆ นั่นในตอนแรก พอเขาดื่มเข้าไปแล้วก็มาทำหน้ารู้สึกผิดว่าให้เขาดื่มทั้งที่ไม่อยากดื่ม คือ?!!!
ทิวากาลไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าเด็กนี่พูดมันคือความใสซื่อจริง ๆ หรือแค่ความกวนตีนที่มีความซื่อเป็นฉากกั้น กวนตีนแบบใส ๆ งี้
ประสาทจะแดก!
“ช่างมันเหอะ กูก็แดกไปแล้วไง แล้วให้ทำไง อ้วกออกมาไหม?”
“ฮื่อ...”
“เลิก พอ หยุด! เพื่อนมึงไปไหน? ทำไมยังไม่กลับบ้าน?”
“เพื่อนเรากลับไปแล้ว เรารอน้องมารับอยู่...”
“น้องมึงจะมาเมื่อไหร่?”
“ไม่มาแล้ว” สูดหายใจเข้าลึก ๆ ควบคุมสติอารมณ์ไม่ให้ลั่นตบกะโหลกเด็กเปรตนี่ไป ความกวนตีนนี้มึงไปได้จากไหนมา หา!!!!!
“...”
“อ๋อ เรารอเพื่อน นัดไปกินบุฟเฟต์!”
“เหรอ กูไปละ” ก่อนที่จะประสาทแดกไปมากกว่านี้...
“เง่ออออ เดี๋ยวสิ อยู่เป็นเพื่อนเราได้เปล่า?”
“แล้วทำไมมึงไม่ไปหาเพื่อน”
“ก็...”
“ไปไม่ถูก?” เด็กมาร์ชเมลโลว์พยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ
“ขอบคุณทิวามากเลยน้าที่มาส่งเรา”
“รีบลงไปได้ละ”
“ไล่เราอ่ะ เราจะเสียใจ”
“เรื่องของมึง ลงไป!”
“ฮี่ฮี่ ไปก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องไปแอบคิดถึงเรานะ โอ๊ย!” เขกหัวเด็กกวนประสาทไปหนึ่งที
“ไปได้แล้วไป”
“อือ ๆ ขับรถดี ๆ นะ เราไปละ บั๊บบัย!” มันยิ้มแฉ่งใส่เขาแม้เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนจะหน้าบึ้งมากขนาดนั้น มือเล็ก ๆ ขาว ๆ โบกหยอย ๆ ให้ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าไปในตึก
ทิวากาลส่ายหน้าเบา ๆ ไล่ความคิดตัวเอง จริง ๆ เด็กนั่นมันก็น่ารัก ถ้าไม่ติดว่ากวนตีนและเข้าใจยากไปหน่อยอะนะ...
“ต๊ายยยยยยย ฝนจะตกหรือจะแล้งกันปีนี้ ลูกชายฉันกลับบ้านล่ะป้าบัว” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยค่อนแขวะลูกชาย ทิวากาลจึงต้องรีบกอดและหอมแก้มเอาใจเสียยกใจ เหตุเพราะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นนานเกินไป
“โธ่ แม่ครับ”
“ลมอะไรหอบมายะ?!”
“ลมคิดถึงครับ” คนเป็นแม่หรี่ตามองด้วยว่าไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ร่างสูงยิ้มกว้าง ๆ และจูบหลังมือของแม่เบา ๆ แต่ท่านก็ยังมองค้อนเขาอยู่ ป้าบัวซึ่งเป็นหัวหน้าแม่บ้านและยังเป็นแม่นมของเขาด้วยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะขอตัวไปดูแลงานในครัว
หลังจากที่ส่งเด็กมาร์ชเมลโลว์ไปหาเพื่อนของเจ้าตัว เขาก็ขับรถไปเรื่อย ๆ เพราะไม่รู้จะไปไหน คอนโดก็ไม่อยากกลับ ไปหาเพื่อนก็ไม่อยากไป กับสาว ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ จึงตัดสินใจกลับบ้าน อีกอย่างทิวากาลก็ไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว จริง ๆ ก็ตั้งแต่ก่อนหน้านั้น กลับมาหาแม่บ้างก็ดี เดี๋ยวท่านจะน้อยใจเอา
“พ่อกับพี่ยังไม่กลับหรอครับ?”
“เห็นไหมล่ะ?”
“เอ๋า…” เขามองคุณนายที่ยังคงค้อนไม่เลิกด้วยความอ่อนใจ เอาเถอะ ยอมให้ก็ได้
ทิวากาลไม่ใช่ลูกคนเดียว ครอบครัวเขามีพี่น้องสี่คน มีพี่คนโต เป็นผู้หญิง ซึ่งแต่งงานแล้ว ย้ายไปอยู่บ้านสามีและมีลูกแล้วหนึ่งคน ถัดมาก็พี่คนรอง คนนี้พี่ชาย ห่างกับคนตัวสูงสามปี พวกเราค่อนข้างสนิทกันพอสมควร ทิวากาลเป็นลูกคนที่สาม และมีน้องสาวอีกคน กำลังเรียนแฟชั่นดีไซน์ปีสอง คนละมหาวิทยาลัย
“เฮ้อ…” ร่างสูงถอนหายใจ ขยับไปนอนหนุนตักของแม่ เธอลูบผมลูกชายเบา ๆ ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาทั้งที่ยังหลับตา มือหนาจับมือของแม่ไปแนบที่แก้ม
บางที… เขาก็อยากจะอ้อนแม่เหมือนตอนเด็ก ๆ
“แล้วนี่เรามาคนเดียวหรอ?”
“จะให้มากับใครล่ะครับ? พาสาวเข้าบ้านแม่ได้เอาค้อนทุบผมน่ะสิ”
“สาวที่แม่ไม่ปลื้มน่ะโดนแน่ ๆ” ทิวากาลหัวเราะ ถ้าไม่ใช่คนที่จริงจังด้วยเขาไม่พาเข้าบ้านแน่นอน “น้องชมพู่บอกแม่ว่าช่วงนี้ทิวาไม่ค่อยยุ่งกับใครแล้ว จริงหรือเปล่า?”
“โห แม่ใช้ไอ้พู่เป็นสายให้หรอครับ?”
“ตอบแม่มาสิ!”
“ก็… ตามนั้นแหละครับ บางทีผมอาจจะเบื่อความสัมพันธ์แบบนี้แล้วก็ได้”
“ดี เราก็โตแล้ว หัดจริงจังกับชีวิตเสียบ้าง จะคบใครก็ดูดี ๆ นะทิวา”
เขายิ้มให้กับผู้เป็นแม่ ท่านคงเอ็นดู(ที่รู้สึกจะค่อนไปทางหมั่นไส้เสียมากกว่า)เลยบีบแก้มเขาซะแรง แต่สุดท้ายก็ก้มลงไปหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ ไอ้ทิวากาลนี่ยิ้มกว้างเลย หึหึ
แม่ของเขาค่อนข้างปล่อย แต่พ่อเป็นคนเคร่งครัด ระเบียบจัด หากพ่อตึง แม่นี่แหละที่หย่อน เขาต้องทำตัวให้ดีในแทบทุกเรื่อง จะเที่ยวหรือเล่นก็ห้ามทิ้งการเรียน เรื่องเรียนต้องดี แบ่งเวลาให้เป็น นอกจากเรียนแล้วเขาก็ต้องจัดเวลาเพื่อไปเรียนรู้งานของครอบครัวด้วย เป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่ทิวาหรอก เราสี่พี่น้องต้องทำเหมือนกันหมด แต่น้องสาวคนเล็กมันค่อนข้างดื้อ จึงกระโดดข้ามเส้นที่พ่อขีดไว้ไปเรียนแฟชั่นเสียอย่างนั้น หึหึ
ก็นั่นแหละ… เขาจึงต้องทำตรงนี้ให้ดี ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะจะใช้ตรงนี้ไว้เป็นข้อต่อรองในการที่พ่อกับแม่ไม่ยัดเยียดคู่ครองให้ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่ต้องไปดูตัวกับคนที่ท่านหามาให้อยู่ดี
น่าเบื่อ…
คนตัวขาวเดินเตาะแตะเข้ามาในร้านบุฟเฟต์ที่เป็นสถานที่นัดหมายกับพี่มีนและรามินทร์ มองหาอยู่ไม่นานก็เจอไต้ฝุ่นกับเวฟ เพิ่มตัวแถมอย่างเจนิซมาอีกคน
“เฮลโหล!~~”
“อ้วนขึ้นป่ะวะ?”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้!” จันทร์เจ้าชี้หน้าเวฟ มันหัวเราะสะใจที่แกล้งเพื่อนตัวจิ๋วได้
ฮึ่ย! นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ
“ถ้าอยากได้อะไรก็สั่งเพิ่มแล้วกัน” ไต้ฝุ่นบอก แต่ที่อยู่บนโต๊ะก็เยอะแล้ว มีของชอบเราเพียบเลย! รู้ใจกันอย่างนี้ไม่เสียแรงที่คบกันมาหลายปี คึคึ
“เจนิซอย่างแย่งของพี่!”
“แต่นี้เจนซ์จ้องไว้นานแล้วนะ!”
“ไม่ได้นะ! พี่เป็นคนคีบใส่เตากับมือนะ!”
“มีตั้งเยอะจะแย่งกันทำไม!?”
“พี่ไม่เข้าใจอ่ะ เฮ้ย!! พี่จันทร์เจ้า!!”
“อ๊าาาาา อาหย่อยยยยยย” ลูกหมูทำหน้าเคลิบเคลิ้มแล้วเคี้ยวเนื้อหมูที่ถูกย่างจนสุก กลิ่นไหม้นิด ๆ ทำให้อร่อยยิ่งขึ้น ก็… ระหว่างที่เจนิซหันไปไฟท์กับไต้ฝุ่นเราก็รีบฉกมาเลย ของแบบนี้คนฉลาดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด!!!
ถึงจะเป็นพี่น้องก็ตัดขาดกันได้เพราะเรื่องกิน อิอิ
“มึงยังไม่เลิกกับไอ้มีนอีกหรอ?” เวฟเป็นคนถาม พี่มีนชะงักนิดหน่อย แววตาส่งค้อนวงโตให้เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม รามินทร์เองก็มองตาขุ่น ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ถามว่าเวฟจะมีแฟนหรือเปล่ายังตอบง่ายกว่าอีก”
“อ้าว ไอ้น้องจิ๋ว พูดแบบนี้หมายความว่าไงครับ”
“หมายความว่าชาตินี้พี่เวฟคงหาแฟนไม่ได้อ่ะ” เจนิซพูดตอบกลับไป แล้วแท็กมือกับจันทร์เจ้า ปล่อยให้เวฟได้ฟึดฟัดไม่พอใจไปคนเดียว
“กูแค่ไม่รีบโว้ย! ใครจะไปไวไฟเหมือนพวกมึง รีบมีแฟนกันละ อายุแค่นี้ แย่ ๆ”
“ไม่รีบหรือไม่มีใครเอา” รามินทร์พูดขึ้นมานิ่ง ๆ แต่พังทุกอย่างที่เวฟสร้างมา ทำเอาพวกเราหัวเราะสะใจ เวฟจิปาก สะบัดหน้าราวกับสาวน้อยที่งอนแฟนหนุ่ม อี๋! สยองอ่ะ!
“น้องจิ๋วของเราก็มีคนมาจีบนะเว้ย ไม่ธรรมดา”
“มีที่ไหน! อย่ามามั่วนะไอ้เวฟ”
“ไม่ได้จีบหรอก”
“เนอะพี่มีน!” เจ้าลูกหมูยิ้มแฉ่งเมื่อพี่มีนเข้าข้าง ทว่าหาได้รู้ไม่... ว่าจะโดนพี่คนดีหักหลัง
“แค่ซื้อนมมาให้ทุกวันจะเรียกว่าจีบได้ยังไง เนอะน้องจิ๋ว เนอะ!”
“ก็แค่ซื้อนมอ่ะ ไม่ได้จีบสักหน่อย พี่มีนอ่ะ อย่ามาสร้างความเข้าใจผิดสิ!”
“ใครอ่ะพี่ เล่าบ้างดิ อยากรู้”
“ยุ่งไรกับเขา” เจนิซเบะปากหลังจากโดนไต้ฝุ่นตบหัว มองพี่มีนตาปริบ ๆ เพื่อที่จะขอร้องให้เล่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มหวาน ๆ กับเนื้อย่างชิ้นโต
คิดจะเอาเนื้อปิดปากเหรอ!!! พี่คิดถูกแล้ว!!!
“อ๋อ... คนที่เรียกว่ามีนา
‘มิลค์บอย’ น่ะเหรอ? ที่วันนี้ก็ไปส่งที่ตึกมีนอะนะ?” เพราะลูกหมูเล่าให้พี่มีนฟังว่าทิวาชอบมาแกล้งแต่ก็ชอบซื้อนมมาให้ พี่มีนจึงเรียกทิวาว่า
‘มิลค์บอย’ เลย
“เหยดดดดดดด!” คู่รักประหลาด ไต้ฝุ่น เจนิซ ร้องขึ้นมาพร้อมกัน “มีตั้งฉายาให้ด้วย ทำเป็นเล่นไป”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย!! เราโป้งทุกคนเลย!!”
“5555555555555555555555555”
เชอะ! ทิวาไม่ได้จีบเราสักหน่อย มีแต่มาแกล้งนั่นแหละ ที่ดีหน่อยก็ที่ตรงซื้อนมมาให้แค่นั้นเอง ฮือ!
ระหว่างที่ทานกันไปเราก็คุยกันไปด้วย ทั้งเรื่องเล่น เรื่องเรียน แต่ประเด็นส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องรับน้อง และประเด็นมิลค์บอยที่บรรดาเพื่อนที่ดีทั้งหลายก็พากันเสี้ยมให้ได้ซึ้งสุด ๆ จนอยากจะโบกกะโหลกตอบแทนคนละทีสองที เจ้ามักเกิ้ลพวกนี้ชักจะเหิมเกริมกันใหญ่!!
ไม่น่าเล่าให้ฟังเลยไอ้คนพวกนี้!!
เวลายี่สิบนาฬิกาโดยประมาณ...
“กลับมาแล้วครับ!!” จันทร์เจ้าส่งเสียงออกไปแม้จะเพิ่งเดินเข้ามาถึงประตูบ้าน ถอดรองเท้าผ้าใบออกแล้วสวมสลิปเปอร์คุณมิกกี้เมาส์คู่โปรดแล้ววิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น ยกมือสวัสดีแล้วไล่หอมแก้มทุกคน เว้นจริงใจเด็กปีศาจไว้คนหนึ่ง แบร่!!
“กลับค่ำจังเลยลูก”
“คุยกันเพลินไปหน่อยครับ”
“แล้วนี่หนูกลับมายังไง?” กอดแขน เอียงหัวซบป่าป่ะ
“ไต้ฝุ่นมาส่งฮะ”
“ภาระคนอื่นอีกละ” ถลึงตาใส่คนพูด ซึ่งนั่นก็คือจริงใจ น้องชายสุดที่ร้ากกกกกกกก (หันไปเบ้ปากใส่กล้องสอง) “รถตัวเองมีก็ไม่รู้จักเอาไปใช้”
“นั่นสิ เอารถไปใช้เถอะลูกหมู”
“หนูไม่อยากขับ จริงใจก็ไปรับได้นี่นา…”
“เดี๋ยวหนูก็เรียนหนักขึ้น เลิกก็ไม่เป็นเวลา บางวันเร็ว บางวันช้า น้องก็ขี่มอเตอร์ไซด์ อันตราย” ลูกหมูเริ่มหน้าบึ้งเมื่อทุกคนเอาแต่เห็นด้วยกับเจ้าเด็กผี ก็บอกว่าไม่อยากขับรถไง...
“หรือจะอยู่หอ”
“ไม่เอา! หนูไม่ออยู่หอ ฮือออออ”
“บ้านเรากับมหา’ลัยหนูก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ อยู่หอก็ดีนะลูก”
“แต่…” มันก็กึ่ง ๆ ง่ะ อยู่หอมันก็สะดวกในหลาย ๆ อย่าง แต่ต้องไปอยู่คนเดียวก็ไม่โอเค ยังไงอยู่บ้านก็ดีที่สุดอยู่แล้วนี่นา
“ถ้าไม่อยู่หอก็เอารถไปใช้”
ฮืออออออออออออออออออออ!!
“หนูขอตัวไปอาบน้ำดีกว่า” ทุกแสยะยิ้มราวกับรู้ทัน แต่จันทร์เจ้าก็ยังตีหน้ามึน “อ๋อ วันศุกร์นี้หนูต้องไปรับน้องที่ต่างจังหวัดนะครับ”
“ของกูสีอะไร?”
“ชมพูครับพี่” ไอ้โก๋มันบอกหลังจากที่ทิวากาลถามเรื่องริบบิ้นผูกข้อมือ แล้วดูคำตอบที่ได้จากรุ่นน้องสายรหัสทำเอาเขาแทบจะหนีกลับบ้าน สีชมพู... ส้นตีนเหอะ
“ทำไมกูได้สีชมพู”
“ไม่รู้ครับ ผมไม่ได้เป็นคนจัด” แล้วไอ้โก๋ก็ยิ้มหน้าซื่อใส่รุ่นพี่ที่เคารพ โบกหัวสักทีดีไหมวะ ว่าแล้วก็ขอสักที สนิทกันพอสมควรเล่นหัวได้ไม่มีปัญหา
“พี่กาล!”
“ครับ?”
“ไม่คิดว่าพี่กาลจะไปทริปนี้ด้วย” คนมาใหม่พูดพร้อมรอยยิ้มและเข้ามาเกาะแขนแกร่ง
“ชมพู่บังคับ”
“พี่ชมพู่ยังชอบบังคับพี่กาลอีกหรอคะเนี่ย”
“...”
“พี่กาลได้ริบบิ้นสีอะไรหรอคะ? ฟางได้สีเหลืองมา” หญิงสาวบอกเสียงใสและก็ชูแขนของเธอขึ้นมาด้วย
“ชมพูครับ”
“หว้า! นึกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันนะคะเนี่ย ขอเปลี่ยนได้ไหมคะ ฟางอยากอยู่กับพี่กาล”
แต่พี่ไม่อยากอยู่กับฟางครับ...
จะตอบไปแบบนั้นก็ไม่ได้ ทิวากาลยิ้มแห้ง ๆ ราวกับลำบากใจหนักหนา ไอ้ชมพู่ไปไหนวะ ทำไมไม่มากันซีนให้เขาเลย
“สวัสดีครับพี่กาล”
“หือ?” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วมองคนที่เพิ่งวิ่งเข้ามา เด็กตัวขาวยิ้มกว้าง ๆ จนตาหายไปหมด “อะไร?”
“เราเอานี่มาให้” ว่าแล้วก็ส่งชูขนมปังมีไส้ที่เรียกว่าแซนด์วิชขึ้นมาหนึ่งกล่อง
“ใครหรอคะพี่กาล?”
“ปีหนึ่งครับ ชื่อจันทร์เจ้า” เด็กแก้มกลมแย่งเขาตอบไปก่อน ซึ่งนั่นก็ดีเหมือนกัน “ทิวาเอาไปเร็ว~”
“บังคับกูหรอ?”
“เปล่า... งั้นก็ไม่ต้องเอา เบสท์เตรียมจกแล้วด้วยอ่ะ”
“หึ” ทิวากาลยังไม่รับมา ปล่อยให้เด็กมันหน้างอไปก่อน “เห็นไอ้พู่ไหม พวกไอ้ต้นล่ะ?”
“เห็น!”
“พาไปหาพวกมันหน่อยดิ” พูดแล้วก็ดันไหล่เล็กให้ออกเดิน โดนทำเป็นลืมไปว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ด้านหลัง นึกขอบคุณเด็กมาร์ชเมลโลว์ที่เข้ามาได้ตรงเวลาพอดี
“ทิวาเอาไส้อะไร?”
“มีอะไรบ้าง?”
“ปูอัด ทูน่า แล้วก็ไข่ดาว”
“ปูอัดแล้วกัน”
“นี่~” จันทร์เจ้าหยิบแซนด์วิชไส้ปูอัดออกมาจากกล่องหลังจากงมแกะอยู่นานให้กับรุ่นพี่ตัวสูง ลูกหมูฉีกยิ้มกว้างและรับนมรสเมล่อนจากทิวากาล ฮือ มิลค์บอยนี่มันมิลค์บอยจริง ๆ ไม่เสียแรงที่พี่มีนตั้งฉายาให้ คึคึ
“อร่อยหนิ ทำเองหรอ?”
“เปล่า คุณแม่เราทำ” พูดจบก็ยักคิ้ว และทำเนียนหยิบจากในกล่องไปหนึ่งชิ้นด้วย ทิวากาลหรี่ตามองอย่างนึกขำ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงแต่อย่างใด
เดินมาไม่นานก็มาถึงสถานที่ที่พวกห่านี่สิงอยู่ พวกมันสี่ตัว(รวมไอ้ชมพู่)กำลังเม้าท์กันอย่างออกรส และบนโต๊ะม้าหินนั่นก็มีกล่องแซนด์วิชวางอยู่ด้วย ทิวากาลเดาะลิ้น รู้สึกฝืดคอขึ้นมาทันที
ไม่ได้เอามาให้กูแค่คนเดียวหรอวะ... “อร่อยเนอะ!” เด็กแก้มกลมพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ หลังจากยัดแซนด์วิชใส่ปากของเพื่อนมัน น้องเบสท์ชี้หน้าและอ้าปาก เขาเดาว่าน่าจะด่าเจ้าเด็กเตี้ยนี่แน่ ๆ ก็... ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี หึหึ
“มึงอยากตายใช่ไหมอีหมูอ้วน!”
“ปล่อยให้เราแก่ตายเถอะนะ ; _ ; ”
“อย่างมึงต้องตายก่อนเวลาอ่ะสัด กวนตีน ไม่ต้องมาแบ๊ว ไม่น่ารักโว้ย!”
“ใคร ๆ ก็บอกว่าเราน่ารัก เนอะ”
มึงเนอะกับใคร....
“มึงช่วยกันฟางให้กูด้วยดิ” ชมพู่หัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทบอกไปแบบนั้น
“มาเกาะแกะมึงแล้วหรอ?”
“เออดิ พอดีแก้มกลมเอาแซนด์วิชไปให้กู เลยให้มันพาเนียนหนีออกมา”
“5555555555555555555 น่าสงสารไปอี๊กกกกกก”
“มึงจะช่วยกูป่ะเนี่ย?”
“เลี้ยงข้าวกูแล้วกัน”
“เออ”
“ดีมาก ไป ๆ ขึ้นรถ”
“นั่งตรงไหนวะ?”
“เบาะหลังสุดเลยค่ะสุดหล่อ”
ขอถีบมันสักทีได้ไหมครับ...
“ว้าย! นั่งคนเดียว น่าสงสารจุง” จันทร์เจ้ากลอกตา เบสท์กับฟินน์ทิ้งเราอ่ะ! มันผิดที่เรามีกันสามคนใช่ไหม!
ทีแรกก็กะจะนั่งที่เบาะหลังสุดกันนะ แต่พอขึ้นมาบนรถบัสแล้วปรากฏว่าที่เบาะหลังนั้นมีคนจองแล้ว ด้วยการเอากระเป๋าวางไว้ เซ็งเลยอ่ะ เราเลยแก้ปัญหาด้วยการนั่งเบาะคู่แถวหลังสุดนั่นแหละ เบสท์กับฟินน์ก็แยกกันไปสองคน เหลือจันทร์เจ้าคนเดียวไง... เปลี่ยวใจเหลือเกิน โดยที่จันทร์เจ้านั่งคนเดียวที่คู่หลังสุด และฟินน์เบสท์นั่งที่เบาะคู่ด้านหน้าจันทร์เจ้า
“บอกว่าสงสารแต่ก็หัวเราะสะใจกันมากอ่ะ”
“โฮะ ๆ”
“เราเป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรูกันอ่ะ”
“55555555555555555555555”
เกลียดเสียงหัวเราะพวกเขาจังเลย ฮือออออออ! ชอบรังแกเรา ใจร้ายที่สุดเลย!
“อ้าว...” คนตัวขาวมองคนที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งเบาะข้าง ๆ อย่างงุนงง
“มองไม? ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ?”
“แหวะ... ฮื่อ!” เอียงหน้าหลบมือหนาที่ยื่นมาบีบแก้ม “ทำไมมานั่งนี่” ถามก่อนจะมองกลับไปที่เบาะหลัง โหย! คนที่จองแถวหลังคือกลุ่มของทิวานี่เองอ่ะ!
“นั่งไม่ได้?”
“เปล่า... แต่เพื่อนของทิวานั่งอยู่ด้านหลังนี่”
“แล้ว?”
“วุ้ย! ไม่คุยด้วยแล้ว”
ครืด!
คุณได้รับข้อความใหม่ 06:22
TheBest นังหมูโดนพี่กาลอีกแล้ว
06:22
TheBest หสายใสยสดแบไยฝยสยบหบย
06:22
Finn นางเงียบ ๆ ฟาดเรียบนะคะ
06:23
นี่จันทร์เจ้าเอง อะไรง่า
จันทร์เจ้ายังมองข้อความที่พูดทั้งฟินน์และเบสท์ส่งเข้ามาให้ห้องแชทกลุ่มที่มีชื่อว่า
BFJ. ด้วยความไม่รู้จะอธิบายยังไง ร้อยทั้งร้อยก็หวีดเรื่องที่ทิวามานั่งข้างเรานั่นแหละ โธ่ ไม่ได้ขอสักหน่อย เขามาเองอ่ะ
ปึก! “ฮื่อ” เพราะมัวแต่พิมพ์ข้อความโต้ตอบกับฟินน์และเบสท์ ทำให้ไม่ทันระวังตัว เมื่อรถบัสเริ่มเคลื่อนที่ หัวของเจ้าลูกหมูก็โขกกับเบาะด้านหน้าอย่างจัง เล่นเอาหลาย ๆ คนหันมามองเลย...
“เป็นอะไรหมูอ้วน!” เสียงของเบสท์และฟินน์ตะโกนมา
“เจ็บง่ะ...” ตอบพลางลูบหน้าผากป้อย ๆ
“ไหน ดูดิ” หันหน้าไปหาทิวาอย่างว่าง่าย คนตัวสูงเปิดผมด้านหน้าของจันทร์เจ้าขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ อ่า... ทำไมถึงกลั้นหายใจก็ไม่รู้ แอบเหลือบตาขึ้นมองนิดหน่อย คิ้วเข้ม ๆ ของทิวาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “แค่แดง”
“ไม่โนใช่เปล่า?”
“อือ ไม่โน”
จันทร์เจ้ากะพริบตา เผลอจ้องหน้าของทิวาอยู่นาน จนกระทั่งอีกคนหลุบตามาสบกันพอดีถึงได้รู้ตัวว่าไม่ควร ร่างเล็กพึมพำขอบคุณเบา ๆ แล้วเอียงหน้าเข้าหากระจก ปล่อยให้โทรศัพท์บนตักสั่นครืดโดยไม่สนใจ แอบโหม่งหัวกับกระจกเมื่อดันคิดไปว่าวันนี้ทิวาหล่อกว่าทุกวัน ทั้งที่ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย กลิ่นน้ำหอมของเขาก็รู้สึกจะหอมเป็นพิเศษ อ่า... ต้องเป็นเพราะนั่งใกล้กันแบบนี้แน่ ๆ ก็เลยได้กลิ่นชัดเจน งื่อออ เรารู้สึกแปลก ๆ อ่ะ ไม่ชอบเลย!
“พี่กาล ทำไมนั่งตรงนี้คะ?” น้ำเสียงเล็กแหลมของผู้หญิงทำให้จันทร์เจ้าหลุดจากความคิดแสนประหลาด
ผู้หญิงที่อยู่กับทิวาเมื่อเช้านี่เอง...
“น้องมันนั่งคนเดียว ฟางมีอะไร?”
“ฟางก็นั่งคนเดียว พี่กาลไปนั่งกับฟางได้ไหมคะ?”
“ขอโทษทีครับ พี่อยากนั่งใกล้เพื่อนด้วย” หญิงสาวชักสีหน้าเล็กน้อยและปรับเป็นยิ้มหวานอย่างรวดเร็ว
“เสียดายจังเลยค่ะ งั้นน้อง...” เธอชะโงกหน้ามาดูป้ายชื่อบนคอจันทร์เจ้า “น้องจันทร์เจ้าเปลี่ยนที่กับพี่ได้ไหมคะ?”
“พี่นั่งตรงไหนหรอครับ?” ลูกหมูแอบมุ่ยหน้าเมื่อทิวาเตะขาเบา ๆ นี่จะให้เราปฏิเสธหรือตอบตกลงกันแน่ แต่ดูจากสายตาคงเป็นอย่างแรก โอเค ๆ เพราะถูกสอนมาเกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก เพราะฉะนั้นเราจะช่วยทิวาก็ได้
“ข้างหน้าน่ะจ้ะ”
“แย่จังเลยครับ เราไม่ชอบนั่งด้านหน้าอ่ะ”
“มันก็ไม่เชิงหน้าหรอกจ้ะ”
“ต้องขอโทษพี่ด้วยนะฮะ เราคงเปลี่ยนที่ให้ไม่ได้” ปิดประโยคด้วยการส่งยิ้มซื่ออีกที ทิวากาลยกกำลังปั้นขึ้นปิดมุมปากที่กำลังยกยิ้ม เด็กแสบเอ๊ย!
“แย่จริง ๆ ด้วย งั้นเดียวฟางมาหาพี่กาลบ่อย ๆ นะคะ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ”
“ฟางจะเชื่อพี่กาลก็ได้ค่ะ เพราะพี่กาลเป็นห่วงฟาง” จันทร์เจ้าแอบเบ้ปากและเหลือบมองทิวานิดหน่อย เจ้าตัวยิ้มแห้ง และปั้นหน้าไม่ถูก พี่สาวคนนั้นยิ้มยั่วให้ทิวาแล้วก็เดินกลับที่นั่งไป
“มโนสัด ๆ” เผลอพยักหน้าไปทีหนึ่งหลังจากได้ยินเสียงพี่ชมพู่จากเบาะหลัง
“แฟนทิวาหรอ?”
“เปล่า”
“พี่เขาชอบทิวา?”
“แน่ดิ กูหล่อขนาดนี้”
“หลงตัวเองอ่ะ ฟินน์เบสท์! กินหนมเปล่า?” เลิกสนใจคนหลงตัวเองแล้วยืดตัว เกยคางกับเบาะข้างหน้าที่เบสท์และฟินน์นั่งอยู่ คนถูกถามไม่ตอบ แต่กระชากห่อขนมจากมือจันทร์เจ้าไปเลย... เยี่ยม! แต่ใม่เป็นไร ระดับลูกหมูอันดับหนึ่งแล้ว ไม่มีทางเตรียมขนมมาแค่ห่อเดียวหรอก เราเอามาเต็มกระเป๋าเลย เย้!!!
ทิวากาลหันมองสิ่งมีชีวิตสีขาวที่กำลังหลับตาพริ้ม ศีรษะทุยของเอนซบที่ไหล่ของเขาโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ร่างสูงยกยิ้มเล็กน้อย ใช้มือประคองศีรษะของคนอายุน้อยกว่าให้พิงไหล่เขาได้สบายขึ้น แขนยาวเอื้อมไปปิดม่านเมื่อพบว่ามีแสงแดดสาดส่องเข้ามารบกวนคนหลับ เพราะต้องยืดตัวเล็กน้อยทำให้ปลายจมูกโด่งฝังเข้ากับกลุ่มผมนุ่ม ทิวากาลเผลอสูดดมกลิ่นหอมจากจันทร์เจ้าอย่างไม่รู้ตัว อยู่ใกล้กันก็บ่อยแต่เขากลับไม่เคยจะรู้สึกเลยว่าเจ้าเด็กเข้าใจยากคนนี้มีกลิ่นหอมแบบนี้ ไหนจะกลิ่นแป้งเด็กหอมกรุ่นอ่อน ๆ จากผิวแก้มขาวนั่นอีก...
ตอนนี้เขา... รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
TBC
มาแล้วจ้าาาาา คึคึ
ในส่วนของตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก มีแค่ความมึนของลูกหมู 5555555555555555555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หลังจากตอนนี้อาจจะอัพช้าหน่อย เดี๋ยวขอไปตบตีกับเพลิงฟ้าก่อนคับ ; _ ;
ไว้เจอกันค่ะ บั๊บบัย ♥