Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 6
“Yup..”
“I don’t forget.” เสียงสนทนาภาษาอังกฤษที่ดังมาสักพักปลุกให้น้ำตื่นจากการหลับใหลและเงี่ยหูฟังว่าคนข้างๆเขากำลังนั่งคุยกับใคร
“Sammy ,this midnight now and I want to sleep…” ชื่อแซมมี่นี้อีกแล้ว น้ำแอบขมวดคิ้วในความมืด
“I said I want to sleep , nothing at all!” เสียงของเขื่อนพูดได้นุ่มดีจัง ไม่ค่อยเห็นเขื่อนพูดดีกับใครแบบนี้
“um,night.” เสียงเขื่อนกดวางโทรศัพท์ น้ำจึงรีบแสร้งทำเป็นหลับเหมือนเดิม
“Sugarboy..” จมูกโด่งๆของเขื่อนไล้ไปตามแก้มของร่างบางที่หลับตาพริ้ม ริมฝีปากอุ่นๆก็สัมผัสหยอกล้อที่ผิวเนื้อนวลไปด้วย
น้ำเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ปกติแล้วเวลาที่ผู้หญิงรู้ว่าคนรักของพวกเธอแอบคลอเคลียเวลาที่พวกเธอหลับอยู่ พวกเธอจะดีใจหรือเปล่า เพราะตอนนี้ น้ำรู้สึกใจเต้นระคนกับความดีใจที่ได้รับการแสดงออกแบบนี้จากเขื่อน
‘พวกผู้หญิงจะรู้สึกดีแบบนี้มั้ยนะ...เฮ้ย เราจะดีใจทำไม เราไม่ใช่คนรักกันนี่หว่า’ พอเรียกสติกลับมาได้ น้ำจึงพยายามขืนตัวออกห่างจากเขื่อนทีละน้อย
“อย่าดิ้นสิน้ำ” เขื่อนพูดเสียงนุ่มข้างหูน้ำ มือใหญ่รั้งตัวของร่างบางเอาไว้ให้มาชิดกับตนเองมากขึ้น
“เขื่อน ผมอึดอัด...”
“ชู่ว์ นอนซะ” มือใหญ่บรรจงลูบเรือนผมของร่างบางที่กำลังขัดขืนให้สงบลง
“....” น้ำรู้สึกเคลิ้มเพราะเพลินกับการสัมผัสจากเขื่อน ดวงตาปิดสนิทลงพร้อมกับค่อยๆลืมเลือนเรื่องราวการสนทนาที่ได้ยินไปจนหมด การสนทนาของเขื่อนกับสาวต่างชาติที่ชื่อแซมมี่ และคำที่บอกว่า ‘I don’t forget’ ฉันไม่ลืมหรอก ไม่ลืมอะไรกันนะ...ร่างบางนึกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไป
‘อือ เสียงอะไรนะ’
ก๊อก ก๊อก
‘อ๋อ เสียงเคาะประตูนี่เอง...’
ก๊อก ก๊อก
“เขื่อน! มีคนเคาะประตู” เสียงเคาะอีกรอบทำให้น้ำหายสลึมสลือ ร่างบางลุกพรวดขึ้นมาและรีบบอกกับคนข้างๆที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง
“ก็บ้านนายนี่ ก็เปิดสิ...” เขื่อนตอบเสียงยานคาง คงเพราะยังไม่ตื่นดี
“นั่นสิ เนอะ...สงสัยแม่มาแล้ว” น้ำจัดท่าทางเขื่อนให้เข้าที่ โชคดีว่าก่อนจะนอนพวกเขาใส่เสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย ถึงแม้เขื่อนจะบังคับให้เขาถอดก็ตามเถอะ
“ครับแม่” น้ำเปิดประตูออกและพบกับแม่ที่ดูอิดโรยแต่ยังคงยิ้มแย้มอยู่
“แม่เห็นรองเท้า เพื่อนมาหรือลูก” ใบหน้าสวยหวานลูบหัวลูกชายก่อนจะมองเลยมาที่ร่างใหญ่โตบนเตียงในห้อง
“ครับ เพื่อนในห้อง”
“หืม รุ่นเดียวกันจริงหรือเนี่ย ตัวโตจังเลย ทำไมลูกแม่ตัวเล็กจังน้อ” คุณแม่กอดรัดลูกชายอย่างเอ็นดูแต่อยู่ๆก็ชะงักไป
“..อะไรครับแม่” น้ำเงยหน้าขึ้นมองแม่และเห็นแม่ของตัวเองตาโตเหมือนตะลึงอะไรบางอย่าง
“!?!” น้ำหันไปมองทางที่แม่มอง และเห็นเขื่อนนั่งบิดขี้เกียจโชว์ซิกแพ็คและกล้ามเป็นมัดดูน่ากินยิ่งนัก
“เพื่อนน้ำตาลหุ่นดีจังลูก” แม่พูดแบบตะลึงๆ
“เขื่อน!! หน้าไม่อายเลย แม่ผมยืนอยู่นะครับ” ไม่รู้ว่าไม่อยากให้แม่มองเขื่อนเพราะเหตุผลใด แต่น้ำก็วิ่งไปเอาผ้าคลุมร่างเขื่อนไว้
“น้ำ ฉันเป็นผู้ชายนะ แค่ถอดเสื้อจะอายอะไรเนี่ย” เสียงแหบทุ้มประสาคนเพิ่งตื่นนอนบ่นงึมงำ
“ฮิฮิ นั่นสินะ อายอะไรลูก อิจฉาที่เพื่อนหุ่นดีกว่าเราน่ะสิ พ่อหนุ่มร่างบาง” แม่หยิกแก้มน้ำที่ทำหน้ามุ่ยอย่างหมั่นเขี้ยว
“ไม่ใช่นะครับแม่” ลูกชายแสนรักเริ่มทำหน้ามุ่ยหนักขึ้น คุณแม่จึงรีบตัดบท
“เอาละๆ แม่จะบอกว่าทำอาหารเช้าไว้ ลงมากินเร็วเข้า แปรงฟันก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่รอข้างล่าง”
“เขื่อนๆ ไปแปรงฟันก่อนครับ” น้ำเขย่าตัวเขื่อนที่คุดอยู่ในผ้าห่มที่น้ำโยนมาคลุม
“อ๊ะ อย่าสิ” น้ำตกใจเมื่อเขื่อนยื่นมือออกมาและคว้าร่างบางไปฟัดใต้ผ้าห่ม
“ไม่เอา แม่รออยู่นะครับ อื๊อ” น้ำผลักหน้าของคนตัวโตที่หนวดเริ่มขึ้นเป็นตอแข็งๆแล้วยังเอามาถูหน้าเขาอีก
“หึหึ หมั่นเขี้ยว” เขื่อนงับเข้าที่แก้มของน้ำ และรีบลุกไปเข้าห้องน้ำโดยปล่อยให้น้ำนั่งกุมแก้มตัวเองอยู่บนเตียง
พอน้ำแปรงฟันเสร็จและจะเดินเข้ามาเรียกเขื่อนในห้องก็พบว่าร่างสูงหายไปแล้ว
‘ลงไปแล้วเหรอ..’ คิดได้ดังนั้นน้ำจึงเดินลงไปในครัวชั้นล่าง
“!@#$%^&*^$!#%^&%%^%$%^><M@!#$$%” บทสนทนาภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อในครัวทำให้ผมชะโงกหน้าไปมองก่อนจะเดินเข้าไป
“อ้าว เข้ามาสิลูก” มีเพียงแม่และเขื่อนเท่านั้นที่นั่งกันอยู่ อย่าบอกนะว่าเป็นเสียงแม่คุยกับเขื่อน
“เอ่อ เมื่อกี้ แม่คุยกับเขื่อนเหรอครับ” น้ำถามขณะกำลังนั่งบนเก้าอี้ข้างแม่
“อื้ม ทำไมเหรอลูก” แม่หันมามองยิ้มๆก่อนจะหยิบขนมปังที่ปิ้งแล้วมาวางให้น้ำ อาหารเช้าวันเสาร์นี้เป็นแบบอเมริกัน ประกอบไปด้วยไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้งและสลัด
“เปล่าครับ แค่ไม่เคยได้ยินแม่คุยมาก่อน” เขาเป็นลูกแม่แท้ๆ ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าพูดอังกฤษได้คล่องปรื๋อขนาดนี้
“แม่เคยไปเรียนซัมเมอร์ตอนมัธยมบ่อยๆน่ะลูก ถ้าน้ำอยากจะไปซัมเมอร์ที่ต่างประเทศบ้าง ก็บอกแม่ได้นะ”
“เห? ผมไปได้เหรอครับ” น้ำเงยหน้าอย่างดีใจ
“ได้สิจ๊ะ นี่ลูกก็โตแล้ว คงไปเองได้ละ”
“ถ้าน้ำอยากไปจริงๆ ก็ไปโซนยุโรปสิครับ อย่างอังกฤษก็ดี เพราะผมเองก็มีบ้านอยู่ที่ลอนดอนเหมือนกัน” วายร้ายที่ซุ่มเงียบมานานกำลังเสนอแผนให้เหยื่อมาติดกับ
“ว้าว โชคดีจัง น้ำคิดว่าไงลูก แม่ว่ามันก็ดีนะ”
“มะ ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจ” น้ำกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ถ้าไปอยู่ด้วย มีหวังไม่แคล้วโดนทุกวันแน่
“น้ำ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันก็รบกวนนายมาเยอะ แค่นี้จะเป็นไรไป” ซาตานส่งยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ใจมาให้ นี่ถ้าน้ำไม่รู้ธาตุแท้ คงจะหลงคารมไปแล้ว
“นั่นสิจ๊ะ เป็นเพื่อนกันถ้าเกรงใจกันมาก มันจะไม่สนิทนะลูก” แต่แม่คงไม่รู้ธาตุแท้ของเขื่อน...
“เอ่อ...” พูดไม่ออกเลยเรา
“เอาไว้จะไปก็ค่อยว่ากันอีกทีนะลูก นี่เพิ่งเปิดเทอมเอง”
“นั่นสิครับ ยังมีเวลาอีกนาน” เขื่อนจงใจเน้นคำว่านาน พร้อมกับมองมาที่น้ำอย่างมีเลศนัย
‘นายยังต้องเจอกับฉันไปอีกนานแหละน้ำ ฉันไม่ปล่อยนายไปง่ายๆหรอก’ เขื่อนคิดพร้อมยิ้มในใจ
“ทำไมเขื่อนต้องตามผมมาด้วยละครับ” ร่างบางบ่นเบาๆเมื่อคนตัวโตเอาแต่เดินตามเขาไม่ยอมไปไหน
“เปล่านี่” คนตัวโตทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ขายังคงก้าวตามร่างบางอยู่
‘หน้าด้าน..’ น้ำนึกในใจ
“น้ำ เล่นให้แม่ฟังสักเพลงสิลูก” แม่ของน้ำที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินมาหาลูกชายในห้องนั่งเล่น
“ได้ครับ แม่อยากได้เพลงอะไรเหรอครับ”
“เอาเพลงที่ลูกซ้อมบ่อยๆช่วงนี้ก็ดีนะลูก แม่ชอบ”
“Canon เหรอครับ”
“นั่นละจ้ะ แม่จะรอฟังนะ” เป็นเรื่องปรกติที่คนเป็นแม่มักจะขอให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเล่นเพลงให้ฟังก่อนนอน โดยแม่ของน้ำที่อยู่ชั้นสองจะเปิดหน้าต่างเอาไว้เพื่อให้เสียงเปียโนลอดเข้ามาในห้อง และน้ำที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็จะเปิดประตูกระจกตรงสวนเอาไว้ เพื่อให้ห้องของแม่ที่อยู่ตรงกับห้องนั่งเล่นมีเสียงเพลงดังลอดไป
น้ำจัดท่าให้พร้อมสำหรับการเล่นเพลง Canon ร่างบางสูดหายใจเฮือกใหญ่ การเล่นเพลงเพื่อให้แม่ของเขาผ่อนคลายสำคัญยิ่งกว่าเวทีไหนๆ น้ำจินตนาการโน้ตไว้ในหัวพร้อมกับเล่นอย่างตั้งใจ เสียงเพลงที่ดังขึ้นทกให้หลายๆคนที่ได้ยินมีความสุข แม่ของน้ำหลับตาพริ้มเพื่อนให้สมองได้ซึมซับเสียงเปียโนที่แสนเสนาะหู เขื่อนนั่งลงบนโซฟาและมองน้ำทุกอิริยาบถ บ้านใกล้เรื่อนเคียงที่เสียงเปียโนดังไปถึงต่างพากันเคลิบเคลิ้มไปกับเพลงนี้
‘น้ำ เวลาที่นายเล่นเปียโน มันทำให้นายดูงดงามมากขึ้นไปอีก’ เขื่อนรู้สึกได้ว่าคนที่หลงใหลในเสียงเพลงคนนี้ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน
‘วันนี้เราเล่นได้ดีจังแฮะ เพราะอะไรนะ’ แม้แต่คนเล่นเองก็รู้สึกว่าวันนี้เล่นได้ดีและพริ้วไหวเหลือเกิน ท่อนสุดท้ายของเพลงเป็นท่อนที่น้ำมักจะมีปัญหาเสม แต่ทำไมวันนี้จึงรู้สึกลื่นไหลเหลือเกิน มันเพราะอะไร หรือเพราะใครกันนะ...
“บราโว!” น้ำสะดุ้งกับเสียงชื่นชมที่ดังมาจากด้านนอก ร่างบางหันไปมองที่นั้วและพบว่าเป็นคนข้างบ้านที่ชอบมาฟังน้ำเล่นเปียโนเสมอ
“ขอบคุณครับพี่กิ๊ฟท์” น้ำยิ้มให้พี่ชายบ้านข้างๆที่รู้จักกันมาตั้งแต่น้ำยังเด็ก
“วันนี้น้องน้ำเล่นดีจังนะ พี่ชอบเพลงนี้มากเลยอะ” พี่กิ๊ฟท์นักศึกษาวิศวะกรรมปีสามมองน้ำอย่างชื่นชม แต่นั่นก็ทำให้คนตัวโตบางคนรู้สึกขัดใจได้
“ครับ วันนี้รู้สึกคล่องมือดี”
“แสดงว่าเป็นเพราะมีหน้าหล่อๆของพี่มาช่วยเชียร์ น้องน้ำเลยมีกำลังใจสินะ” เสียงความอดทนของคนตัวโตที่นั่งอยู่ขาดผึง เขื่อนลุกพรวดจากโซฟาและเดินไปลากตัวน้ำเข้าบ้านทันที
“อ๊ะ อะไรกันเขื่อน” น้ำตกใจเพราะจู่ๆก็ถูกดึงเข้ามาในบ้าน
ครืด ปัง!
เขื่อนมอง(ไอ้)พี่กิ๊ฟท์ด้วยสายตาเอาเรื่องก่อนจะปิดประตูกระจกเลื่อนและดึงม่านปิด ทิ้งให้เพื่อนบ้านรูปหล่องงอยู่ที่กำแพง
“ไม่ชอบ!!” เขื่อนหันมาตวาดใส่น้ำ
“!?!” น้ำมองหน้าเขื่อนงงๆ ตอนแรกยังอารมณ์ดีอยู่เลยแท้ๆ
“จะดื่มน้ำอัดลม” คนเอาแต่ใจนั่งแหมะลงที่เดิมและออกคำสั่งทันที
“คะ ครับ” น้ำชักรู้สึกเอาใจไม่ถูก แม้แต่ในบ้านของเขาเขื่อนยังไม่เลิกนิสัยเอาแต่ใจหรือนี่ แต่หากน้ำสังเกตสักนิดจะรู้ว่าคนตัวโตไม่ได้กระหายน้ำ แต่คำสั่งนั้นเกิดมาจากวางตัวไม่ถูกที่ตนเองแสดงความหึงหวงน้ำตาลที่แสนหวานละมุนเพราะไม่อยากให้ไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น
‘ไม่เคยจะทำดีเสมอต้นเสมอปลายเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คนบ้าอะไร’ ร่างบางพึมพำคนเดียวในครัวขณะล้างจานอาหารเช้า
“บ่นอะไร” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นข้างหูพร้อมน้ำหนักที่กดลงบนไหล่มน
“ปละ เปล่าครับ” น้ำก้มหน้างุดเพราะจู่ๆก็ถูกรุกประชิดตัวแบบนี้
“...” ความเงียบบังเกิดขึ้นระหว่างสองคน โดยคนหนึ่งที่ล้างจานไปเงียบๆและอีกคนที่นัวเนียอยู่ไม่ยอมห่าง
“เดี๋ยวนี้ ไม่ใช้กูมึงแล้วเหรอครับ” จู่ๆน้ำก็โพล่งถามทำลายความเงียบขึ้นมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้ำคิดมานานตั้งแต่วันที่เขื่อนเริ่มเปลี่ยนสรรพนามแทนตัว
“ทำไม แค่นี้ยังเถื่อนไม่พออีกเหรอ จะให้ใช้กูมึงเนี่ย” เขื่อนว่าพร้อมกับเอามือบีบที่ก้นน้ำแรงๆ
“มะ ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ”
“แล้วหมายความว่ายังไง ถึงถามแบบนั้น” ไม่ถามเปล่า ยังเอาฟันขบติ่งหูของร่างบางเบาๆ ครั้นร่างบางงจะเบี่ยงตัวหนีก็ไม่ได้ เพราะถูกล็อกแน่นหนาจากด้านหลัง
“ก็ผมแค่สงสัยเฉยๆ เพราะเขื่อนชอบใช้กูมึงกับผมเสมอ แล้วจู่ๆมาเปลี่ยนแบบนี้” นึกแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ เมื่อก่อนอย่าว่าแต่พูดดีๆเลย แค่จะไม่แกล้งก็เป็นพระคุณมากแล้ว แต่นี่ เดี๋ยวนี้ พอมีอะไรกัน เขื่อนกลับมาพูดดีด้วย จนน้ำรู้สึกว่า ‘เขาดีก็แค่ตอนอยากนอนกับเราเท่านั้น’
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากเรียก” การแกล้งคนที่พึงพอใจตั้งแต่แรกพบ เป็นเพียงรสนิยมส่วนตัวของคนปากแข็ง ที่กลัวว่าคนที่แอบชอบเขาจะไม่ชอบตัวเอง และไม่รู้จะทำยังไง จึงเอาแต่กลั่นแกล้งและกีดกันไม่ให้มีเพื่อน เพื่อที่น้ำจะได้อยู่ข้างเขาตลอดเวลา และอีกอย่าง เวลาได้แกล้งน้ำแล้วรู้สึกดีบอกไม่ถูก สงสัยว่าเขาจะซาดิสม์จริงๆละมั้ง
“อืม” นั่นสินะ เขื่อนอยากทำอะไรก็ทำ เคยคิดถึงใจคนอื่นเมื่อไรกันละ
“รักนะ” เสียงกระซิบอีกครั้งที่ดังขึ้นข้างหูน้ำ ทำให้ร่างบางมือไม้อ่อนขึ้นมาทันที
เคร้ง!
“อะไรกัน พูดแค่นี้ มืออ่อนเลยเหรอ หึหึ” เขื่อนคลอเคลียริมฝีปากอยู่ข้างๆหูน้ำไม่ยอมห่าง
“มะ มันไม่ใช่คำพูดที่จะเอามาล้อเล่นนะครับ” เขื่อนลอบมองสีหน้าด้านข้างของร่างบาง และก็เป็นอย่างที่คิด เลือดสูบฉีดจนหน้าแดงก่ำถึงใบหูเลย ใบหูนิ่มๆที่เขากำลังงับเล่นอยู่ตอนนี้ไงละ
“ไม่ได้ล้อเล่น”
“งั้นก็อย่ามาโกหกผม” น้ำล้างมือแล้วพยายามขืนตัวออกมา แต่ลงแขนของเขื่อนที่ล็อกตัวน้ำจนแน่นเหมือนคีมเหล็กกลับจับให้น้ำหันมาประจันหน้าด้วย
“ดู ดูตาของฉัน นายคิดว่าฉันล้อเล่นหรือยังไง” น้ำมองลึกลงไปในตาของเขื่อนและพบแต่ความลึกล้ำที่ยากจะคาดเดา ทว่าในความล้ำลึกนั้นกลับแฝงไปด้วยความแน่วแน่อย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว น้ำรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเอาดื้อจึงหลุบหน้าลงต่ำ
“ฉัน รัก นาย” เขื่อนพูดย้ำอีกครั้งเน้นๆ ทำให้น้ำกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มือเรียวยกขึ้นมากุมที่หน้าของตัวเอง
“จะร้องไห้ทำไมล่ะ หืม” เขื่อนดึงมือน้ำออกและเห็นดวงตาแดงๆที่พยายามหลบสายตาเขา
“ไม่ ไม่รู้..ผมรู้สึกว่า จู่ๆมันก็อยากจะร้องไห้”
“นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่รู้ ว่าจะบอกเรื่องนี้กับนายทำไม เพราะนายอาจจะไม่เชื่อก็ได้ การกระทำที่ผ่านมาของฉันมันคงไม่ทำให้นายเชื่อถือได้อยู่แล้ว แต่ฉันอยากบอกกับนาย ว่าฉันเป็นคนแบบนี้ มันอาจไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอน มันอาจไม่ได้เริ่มจากการที่เราจีบกัน คบกัน ไปเที่ยวกัน ความรักของฉันมันก็เป็นแบบนี้” เขื่อนโอบกอดน้ำไว้กับอก ปากก็พูดความในใจที่เก็บไว้นานอย่างช้าๆ
“ฉันไม่ได้บังคับนาย ไม่ได้ขอให้นายรักฉัน ไม่ได้ขอให้นายมีแค่ฉัน แต่ฉันขอแค่ให้นายอยู่กับฉันตลอดไปแค่นั้นเอง”
“ฟังดูแล้วเหมือนผมมีทางเลือกจังนะ” ร่างบางบ่นอุบอิบมาจากด้านล่าง
“หึหึ ฉันก็ไม่ได้ห้ามนี่ จะไปชอบใครก็เรื่องของนาย ถ้ามีปัญญานะ” เขื่อนพูดกลั้วหัวเราะ ใครจะปล่อยไปให้บ้าละ พูดไปงั้นละ
“เหอะ เห็นแก่ตัวจังนะครับ” น้ำขืนตัวออกจากอ้อมกอดเจ้าบังคับนั้น มือเรียวเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้า คนตัวโตเห็นแล้วก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้
“ทำท่าน่ารัก เดี๋ยวจับกดซะ” ร่างบางตาโตทันทีเมื่อได้ยินคำกระซิบ
“ไม่ได้นะครับ แม่ผมก็อยู่ ไม่เอานะ” น้ำพยายามปัดป้องคนที่จะจับกดเขาอย่างเต็มที่
“ทำเบาๆนะ ไม่เสียงดังไม่รุนแรงด้วย” เขื่อนซุกไซ้ไปตามซอกคอของน้ำ มือไม้ก็นัวเนียเหมือนหนวดปลาหมึกไม่มีผิด
“ไม่เอาครั-”
กิ๊งก่อง
“ชิส์ ไม่ต้องไปเปิดหรอก” เขื่อนจุ๊ปากด้วยความหงุดหงิด ใครกันนะที่มาขัดใจตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
“ไม่ได้ครับ เผื่อเป็นธุระสำคัญ” เขื่อนมองตามร่างบางที่รีบผละไปด้วยความเสียดาย ฮึ่ม ถ้าธุระไม่สำคัญพ่อจะอัดให้ตายคามือ
“เขื่อน มาค้างที่นี่ไม่บอกมะนาวเลยนะ” เสียงเจื้อยแจ้วที่ทักมา ทำให้เขื่อนหันไปมองอย่างเหนื่อยหน่าย
“มะนาว มีธุระอะไรเนี่ย”
“ดู ดูพูดเข้า ตัวเองก็มารบกวนบ้านคนอื่นเขา อย่ามาทำเหมือนมะนาวมารบกวนคนเดียวเลย” มะนาวบ่นกระเง้ากระงอด
“วันนี้มะนาวนัดกับน้ำไว้แล้วนะ ว่าจะมาซ้อมร้องเพลงกับน้ำ” มะนาวทำปากยื่นใส่เขื่อน
“แค่ร้องเพลง ซ้อมเองไม่ได้รึยังไงงงง” เขื่อนหมั่นไส้เด็กสาวที่ทำหน้าตายียวนใส่ จึงคว้าแขนมาและจับขยี้หัวอย่างเมามันส์
“อ๊า อย่านะ กรี๊ดๆ ไม่เอา” มะนาวสะบัดตัวจากแขนของเขื่อนและรีบวิ่งไปแอบหลังน้ำตาล
“ไม่เล่นกับเขื่อนแล้ว เราไปซ้อมกันเถอะนะจ๊ะน้ำตาล” มะนาวเกาะแขนน้ำและทำสายตาออดอ้อน
“คร้าบๆ เราไปซ้อมกันนะ” น้ำดึงมือมะนาวให้ไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน
‘มะนาวมาได้จังหวะพอดีเลย ฟู่’ น้ำถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่รอดพ้นจากเงื้อมมือมารมาได้อีกรอบ
“ซ้อมร้องเพลงทำไมเหรอมะนาว” เขื่อนวางแก้วน้ำส้มลงตรงหน้ามะนาวโดยไม่สนใจสายตาของน้ำที่มองเขื่อนด้วยความหมั่นไส้ว่าทำตัวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
“ก็ซ้อมแสดงในงานโรงเรียนไงจ๊ะ เขื่อนโดดเรียนน่ะสิ ถึงได้ไม่รู้เรื่อง ห้องเราตกลงกันว่าจะร้องเพลง โดยมะนาวเป็นคนร้อง และน้ำตาลจะเล่นเปียโนให้ ไฮโซมั้ยละ” มะนาวพูดด้วยแววตาเป็นประกาย ใครๆก็รู้ว่ามะนาวรักการร้องเพลงขนาดไหน
“แล้วมะนาวจะร้องเพลงอะไร คิดไว้รึยัง” น้ำถามยิ้มๆ
“นี่จ้ะ มะนาวปริ๊นเนื้อเพลงและก็โน้ตเพลงมาเผื่อน้ำแล้ว ลองดูสิ เพลงนี้ดีนะ” มือเล็กๆวางกระดาษที่ปริ๊นมาอย่างดีลงบนโต๊ะ
“โห ยากนะเนี่ยมะนาว เธอจะร้องได้เหรอเพลงเนี้ย” ซาตานปากเสียอีกแล้ว
“ได้สิ มะนาวซะอย่าง เนอะน้ำตาล” มะนาวหันมาถามความเห็นจากน้ำ
“อืม ถ้าฝึกซ้อมบ่อยๆก็ชำนาญเองละ” น้ำตอบไปตามความจริงแต่สายตายังคงมองเนื้อเพลงเพื่อจะให้ซึมซับโน้ตมากที่สุด
“ลองซ้อมๆสักนิดก่อนดีมั้ยจะน้ำตาล”
“อือ ได้สิ” น้ำลุกจากโซฟาไปนั่งที่เปียโนพร้อมกับให้สัญญาณมะนาวให้เตรียมพร้อม ร่างบางสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสัมผัสคีย์อย่างพริ้วไหว
เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง
เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ
แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร
โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้
แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร
“เพราะมากเลยมะนาว ตอนแรกน้ำคิดว่าเสียงหวานๆแบบมะนาวจะร้องเพลงนี้ได้รึเปล่า แต่มันออกมาดีมากเลยนะ” น้ำรีบลุกจากเปียโนมาหามะนาวทันทีที่ร้องจบ
“จริงเหรอจ๊ะ มะนาวซ้อมเพลงนี้มานานมากเลยนะเนี่ย น้ำตาลชมแบบนี้ มะนาวก็พอใจแล้วละจ้ะ”
“แต่ว่าเพลงนี้น่ะ จริงๆแล้วมันมีเสียงขลุ่ยด้วยนะ” น้ำถามเหมือนเพิ่งนึกได้
“ใช่จ้ะ มะนาวว่าจะไปหาคนเล่นขลุ่ยได้ แต่ถ้าเขื่อนอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องไปแล้วละ” น้ำหันไปมองเขื่อนที่ตอนนี้ทำหน้าประมาณว่า ‘กูไม่น่าอยู่ที่นี่ตอนนี้เลย’
“มะนาวอย่าบอกนะว่า เขื่อน...เป่า...ขลุ่ย....เป็น” น้ำทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คนหยาบคายแบบเขื่อนนี่นะ จะมีดนตรีในหัวใจ
“ฮิฮิ แล้วน้ำตาลคิดว่าคุณพ่อของเขื่อนน่ะ เขาจีบสาวผรั่งติด เพราะอะไรล่ะจ๊ะ ฮิฮิ” น้ำตาลเล่าไปยิ้มไป แต่เป็นบิ้มแบบว่าเพ้อฝันสุดๆ
“มะนาว!! พอเลย อย่าเล่านะ” เขื่อนรีบร้องห้ามเมือ่เห็นมะนาวจะเล่าต่อเพราะน้ำยังทำหน้างงๆ
“ก็คุณลุงน่ะ เขาเป่าขลุ่ยจีบน่ะสิจ๊ะ แล้วแม่ของเขื่อนก็ชอบมาก เลยบังคับให้ลูกชายเป่าให้เป็นด้วย เขื่อนน่ะเป่าขลุ่ยเก่งขั้นเทพเลยนะ”
“มะนาว ฉันไม่ช่วยเธอแสดงหรอกนะ”
“ทำไมละครับเขื่อน ถ้าเขื่อนเป่าขลุ่ยเก่งจริงๆก็น่าจะช่วยได้มากเลยนะครับ” น้ำมองเขื่อนด้วยสายตาเว้าวอน ทำเอาเขื่อนอึ้งรับประทานเพราะไม่กล้าปฏิเสธ
“มะ ไม่เอาหรอก เรื่องอะไรจะต้องไปเล่นโชว์คนอื่นด้วยละ” เขื่อนยังเล่นแง่
“ไม่ต้องเล่นบนเวทีก็ได้นะจ๊ะ แค่เป่าอยู่หลังเวทีก็พอ นะเขื่อนะ ช่วยมะนาวหน่อยเถอะ” เขื่อนมองหน้ามะนาวที มองหน้าน้ำที ก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน ทว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“มะนาว ขอเขื่อนปรึกษากับน้ำก่อนนะ” เขื่อนพูดแล้วดึงแขนน้ำให้มาอีกทาง
“อะไรกันครับเขื่อน” น้ำสงสัยว่าทำไมต้องปรึกษาเขาด้วย
“ฉันเล่นให้ก็ได้นะ แต่ว่านาย ต้องไปซัมเมอร์กับฉัน ค้างที่บ้านฉันด้วย” เขื่อนเสนอด้วยใบหน้าของผู้ชนะ แต่น้ำกลับอ้ำอึ้ง หันไปมองมะนาวก็เจอแต่สายตาคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม พอถามใจตัวเองก็รู้สึกว่าไม่อยากปฏิเสธสักเท่าไร
“ก็ได้ครับ..”
“หึหึ ดี งั้นฉันก็จะเล่นให้ แต่ไม่ขึ้นเวทีนะ”
“แค่นั้นก็พอแล้วครับ” วิญญาณของน้ำเหมือนหลุดจากร่างไปเรียบร้อย ทำไมปฏิเสธไม่ลงนะ หรือเพราะใจเขามันเรียกร้องอยากอยู่ใกล้ๆเขื่อนเอง
>>>>> TBC