Passion.3
“พี่พริมยังไม่กลับหรือคะ”
เสียงหวานใสของสาวพนักงานรุ่นน้องเอ่ยถามสาวสวยตาคมหุ่นระหงที่กำลังขีดๆเขียนๆง่วนอยู่กับงานตรงหน้า
“อีกแป๊บจ้ะ เดี๋ยวเคลียร์ตรงนี้เสร็จแล้วก็จะกลับแล้วล่ะ”
พริมรตาบอกยิ้มๆขณะง่วนกับงานดีไซด์เสื้อผ้าสำหรับซีซั่นหน้าอย่างขะมักเขม้น
“ว่าแต่ เอ...วันนี้ยังไม่เห็นราชรถสุดหล่อแวะมาเลยน้า”
เสียงใสพูดเย้าถึงคนรักหนุ่มหล่อของหล่อนพลางทำท่าชะเง้อชะแง้มองออกไปที่ประตูทางเข้าร้านมองหาเจ้าของร่างสูงที่มักพาใบหน้าหล่อเหลาชวนเคลิ้มฝันแวะมาเป็นประจำ พริมรตายกยิ้มเบาๆ
“สงสัยประชุมติดพันยาวละมัง วันนี้น่าจะได้กลับเอง”
พริมรตานึกถึงนักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลเจ้าของหัวใจหล่อนที่บางครั้งงานก็ยุ่งรัดตัว แต่หญิงสาวก็เข้าใจเขาดี
แฟชั่นดีไซด์เนอร์สาวสวยเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังภายใต้แบรนด์ตัวเองเริ่มเก็บของลงโต๊ะเมื่องานออกแบบเสื้อฟ้าสำหรับซีซั่นหน้าเสร็จเรียบร้อย
Tru Tru...
เสียงสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังดังขึ้นดึงความสนใจหล่อนด้วยเบอร์ที่ตั้งไว้เฉพาะคนพิเศษ
“ว่าไงคะสุดหล่อ”
พริมรตากรอกเสียงหวานทรงเสน่ห์กลับไป
“เดี๋ยวผมต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงดินเนอร์ต่อ ไม่แน่ใจว่าจะกลับกี่โมง พริมทานข้าวก่อนได้ไหมไม่อยากให้รอ”
“ได้ค่ะ ภีมไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพริมกลับเองได้ค่ะ”
หล่อนตอบกลับเสียงหวานให้เขาเบาใจ หลังจากคุยกันอีกไม่นานคนรักหนุ่มจึงวางสายไป พริมรตาอมยิ้มมองหน้าจอมือถือภาพคู่ของหล่อนกับเขา
“ภีมพริษฐ์” ชื่อนี้ทำให้หลายคนต่างนึกถึงหนุ่มหล่อสุดร้อนแรง เซ็กซี่ เร่าร้อนที่หล่อนพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วกับบทรักร้อนเร่าในค่ำคืนสุดแสนวิเศษชวนถวิลหา สะโพกสอบสุดเซ็กซี่เคลื่อนโหมเข้าหาอย่างร้อนระอุดุจพายุเพลิงราคะที่ซัดเข้าหาไม่หยุดหย่อนจนหล่อนอดจะกัดริมฝีปากล่างไม่ได้เมื่อนึกถึงความอิ่มเอมในค่ำคืนที่ผ่านมา ผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนฝันหาปรารถนาถึง แค่ได้ร่วมเตียงเป็นคู่นอนเพียงคืนเดียวของเขาพวกหล่อนก็ถือว่าบรรลุจุดประสงค์แล้ว
และผู้ชายคนนั้นก็เลือกหล่อน
ภีมพริษฐ์เลือกพริมรตา
หล่อนเป็นคนรักที่เขาควงออกหน้าออกตาท่ามกลางสายตาละห้อยเสียดายของผู้หญิงหลายๆคนที่มองตามหลังแกมอิจฉากับความสมกันของคู่หนุ่มหล่อสาวสวย
พริมรตายกยิ้มกริ่มพลางเคลียร์ของเตรียมกลับ มือบางหยิบตลับแป้งพัพและลิปสติกมาแต่งเติมสีสันให้ตัวเอง เป็นอันว่าวันนี้หล่อนฟรี มีเวลาได้โบยบินก่อนกลับไปนิทราที่คอนโด หญิงสาวคิดกิจกรรมดีๆให้ตัวเอง หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทติดกับแฟนเป็นตังเม หล่อนยังรักอิสระ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นกริ๊งกร๊างหาเพื่อนสาวทันที
“ว่าไงจ๊ะ วันนี้คุณแฟนสุดที่รักติดงานละสิถึงโทรมาได้”
น้ำเสียงหวานใสปลายสายกรอกเสียงรับสายอย่างรู้ทัน
“รู้ดีจริงนะ” พริมรตาเอ่ยยิ้มๆ
“แหงอยู่แล้ว ถ้าแฟนไม่ติดงาน คุณพริมรตาหรือจะโทรหาเพื่อน” ปลายสายยังไม่เลิกแหย่
“ทำเป็นน้อยใจไปได้น่า เที่ยวกันออกบ่อย ว่าแต่วันนี้ที่ไหนดี”
หญิงสาวชวนน้ำเสียงติดตื่นเต้นนิดๆเพราะเพิ่งเห็นเพื่อนสาวอัพอินสตาแกรมร้านน่าไป
“อืม แกกลับไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวฉันแวะไปรับที่คอนโดหาอะไรกินรองท้องก่อน แล้วจะพาไปที่แจ่มๆ รับรองถ้าคุณภีมอยู่ไม่มีทางปล่อยแกไปแน่ๆ”
“แสดงว่าหนุ่มๆเยอะละสิ พูดแบบนี้” สาวสวยกระเซ้าเพื่อนอย่างรู้ใจ
“ก็นะ นิดนึง หนุ่มนักศึกษาหล่อๆเพียบเลย มองไม่หวาดไม่ไหว”
“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปกินเด็กแล้วหรือไง”
“ก็เด็กน่ากินนี่แก ขาวๆใส อ๊าย เด็กสมัยนี้ทำไมหล่อกันนักนะ เห็นแล้วเสียดาย ไม่น่าเกิดเร็วเลยฉัน”
“หึ เป็นงั้นไป ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”
หญิงสาววางสายพลางหย่อนสมาร์ทโฟนลงกระเป๋า ลุกขึ้นก้าวฉับๆออกจากร้านไป
เรือนร่างระหงขาวผุดผ่องภายใต้สายน้ำจากฝักบัวดูเซ็กซี่เย้ายวนสายตา หล่อนปล่อยให้สายน้ำไหลลงผ่านผิวเนื้อนวลเนียนขณะมองดูเรือนร่างตัวเองในกระจกด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก มือบางเอื้อมปิดก๊อกน้ำ ฉวยผ้าขนหนูเช็ดตัวพอหมาดก่อนจะพันกายเปิดประตูเดินเข้าส่วนห้องนอนตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่หล่อนออกแบบเอง ชุดที่มีเพียงชุดเดียวไม่ได้แขวนโชว์ในร้าน
“โอ้ แม่เจ้า ชุดเริ่ดขนาดนี้ ขอไฟเขียวคุณภีมหรือยังคะ คุณเพื่อน”
“ภีมยังไม่เห็น เพิ่งออกแบบเสร็จ กะว่าจะใส่ไปเช็คเรตติ้งเสียหน่อย”
หล่อนตอบสบายๆ แค่ฟังจากน้ำเสียงของเพื่อนก็พอจะบอกในฝีมือการดีไซน์ของหล่อนได้ระดับหนึ่ง
“เช็คเรตติ้งคนหรือเรตติ้งชุดกันแน่คะ”
“ฉันมีภีมสำหรับทุกคำตอบที่ผู้หญิงต้องการอยู่แล้วน่า ไปเถอะ”
หล่อนตัดบทซ่อนสายตาอ่านไม่ออกไว้มิดชิดพลางก้าวนำออกไปอย่างนางพญา
ชุดเดรสสั้นเกาะอกรัดรูปสีดำพอดีตัวขับผิวขาวหยวกให้ยิ่งขาวผ่องชวนมองและน่าหลงใหล ยิ่งไม้แขวนเสื้อหุ่นดีเป๊ะทุกสัดส่วนอยู่แล้วยิ่งเรียกสายตาเหลียวหลังได้ไม่ยาก ยามเรียวขาเนียนขาวย่างกรายผ่าน ความเป็นแฟชั่นดีไซด์เนอร์ของหล่อนทำให้ทุกท่วงท่าทุกสัดส่วนดูสง่าอย่างนางพญา สวยงาม ตราตรึงใจคนมองจนเคลิ้มตาม
“ชุดเริ่ด ไม้แขวนเสื้อก็เริ่ด รวมกันแล้วเพอร์เฟคสุด หนุ่มๆงี้มองเหลียวหลังเลยนะคะคุณเพื่อนพริม”
กระแสเสียงใสเอ่ยแซวยามร่างระหงพาตัวเองมาถึงโต๊ะท่ามกลางสายตาสนใจหลายคู่ทั้งแต่ทางเข้าร้าน
“สนใจแวะได้ที่ร้านนะคะ ชุดนี้เพิ่งออกแบบเสร็จ ยังไม่ได้ลงคอลเล็คชั่นไหน”
พริมรตาพูดยิ้มๆพลางยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ
“โห หนุ่มๆพวกนั้นยังมองพริมไม่หยุดเลยนะ ทั้งหนุ่มทั้งทอมด้วย เสน่ห์แรงจริงจริ๊งเพื่อนฉัน”
เสียงเพื่อนสาวยังรายงานสถานการณ์ไม่หยุด พริมรตาเหลือบหางตามองนิดหนึ่งพลางยกยิ้ม
“แต่ก็ได้แต่มองเท่านั้นแหละ เพราะมีหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่ตีตราจองไว้แล้ว เมื่อไหร่จะมีข่าวดีล่ะคะคุณเพื่อน”
อีกเสียงหนึ่งถามขึ้น
“ไม่รู้สิ แบบนี้ก็ชิลๆดีอยู่แล้ว”
สาวสวยตอบแบบไม่อนาทรร้อนใจเท่าไรนักขณะมือยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆ
“ดูหล่อนไม่รีบเลยนะคะ มีแฟนหล่อรวยขนาดนั้น แต่เอ...เพื่อนเรามีดีอะไรนะ ถึงได้มัดใจคุณภีมเสียอยู่หมัด”
“แหม แกก็ถามมาได้ เห็นๆกันอยู่ว่า นางสวย นางเริ่ด เฉิดขนาดนี้ผู้ชายจะไปไหนรอดล่ะคะ”
“แกกับคุณภีมนี่เหมาะสมกันจริงๆนะพริม ว่าแต่ แกยังไม่อยากมีครอบครัวจริงๆหรือ คุณภีมได้คุยเรื่องแต่งงานบ้างหรือเปล่า”
“ก็คุยๆบ้าง ไม่รู้สิแก ฉันรู้สึกดีนะที่คบกับเขา ฉันรู้สึกตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีท่ามกลางผู้หญิงหลายๆคนที่พยายามเข้าหาเขา”
พริมรตาพูดพลางสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนคุ้นตา คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนปรับให้เป็นปกติเหมือนเดิมไม่ให้ผิดสังเกต
“เอ่อ คุณผู้ชายโต๊ะนั้นฝากมาให้คุณผู้หญิงท่านนี้ครับ”
เสียงทุ้มของบริกรหนุ่มเอ่ยขณะยื่นถาดวางเครื่องดื่มในแก้วทรงสูงมาตรงหน้าพริมรตา สาวสวยเหลียวมองไปยังโต๊ะเป้าหมาย สายตาหวานคมสบกับบุรุษร่างสูงเครื่องหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองตรงมาที่หล่อนเช่นกัน
“ว้าว เข้ามานั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็มีหนุ่มหล่อมาขอเชื่อมสัมพันธ์ด้วยแล้ว อิจฉาคนสวยชะมัด”
เสียงหนึ่งในบรรดาเพื่อนสาวโสดเฉพาะกิจดังขึ้น
“แต่อย่างไรเสีย คุณภีมก็หล่อกว่าอยู่ดี”
ข้างที่ถือฝ่ายภีมพริษฐ์ก็ออกตัวเชียร์ทันทีเหมือนกัน
“นี่ก็เข้าข้างคุณภีมตลอด” อีกเสียงเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“หรือแกจะเถียงว่าไม่จริง คนนี้ดูดีก็จริง แต่คุณภีมหล่อกว่าเห็นๆ จริงไหมคะคุณเพื่อน”
เพื่อนสาวยื่นใบหน้ามากระเซ้า พริมรตาไม่ตอบคำถามแต่หันไปบอกกับบริกรแทน
“ช่วยบอกเขาด้วยนะคะ ฉันไม่รับของคนแปลกหน้า”
บริกรหนุ่มพยักหน้าเข้าใจพลางเลี่ยงออกไป
“ว๊าย แรงค่ะ นางปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย”
สาวๆต่างหัวเราะคิกคักกับปฏิกิริยาของหล่อน พริมรตาอมยิ้ม หญิงสาวแค่อยากมาเที่ยวปลดปล่อยอารมณ์บ้างเท่านั้น ซึ่งภีมพริษฐ์เองก็ไม่ได้ห้าม ปกติชายหนุ่มจะมาด้วยตลอด น้อยครั้งเต็มทีที่จะปล่อยให้หล่อนฉายเดี่ยวและต้องมากับเพื่อนเท่านั้น
“งั้นถ้าไม่อยากเป็นคนแปลกหน้า ผมขอทำความรู้จักกับคุณได้ไหมครับ”
ร่างสูงบอกขณะทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆพลางยื่นแก้วเครื่องดื่มให้
“พอร์ชครับ”
ชายหนุ่มบอกทั้งสายตาคมจ้องหล่อนไม่วางตา พริมรตากลอกตานิดหนึ่ง
“ฉันมีแฟนแล้วนะคะ คงไม่สะดวกใจทำความรู้จักกับใครเท่าไหร่”
“รู้อยู่แล้วล่ะครับ สวยขนาดนี้ไม่มีสิแปลก รู้จักเป็นเพื่อนกันไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ”
“อย่างนั้นหรือคะ แค่เพื่อนสินะคะ”
หล่อนเอ่ยทวนอย่างรู้ทันจุดประสงค์ของอีกคน ไม่มีเสียหรอกคนที่จะเข้าหาหล่อนเพียงเพราะหวังจะเป็นเพียงเพื่อน
“ครับ แค่เพื่อน”
ชายหนุ่มยืนยัน แต่สายตาสื่อความหมายว่าน่าจะมีคำต่อท้าย
“แต่แววตาของคุณนี่ ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะคะ”
สาวสวยบอกอย่างรู้ทัน
“หรือครับ แล้วแววตาของผมดูเป็นแบบไหนละครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามทั้งที่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าสวยแม้แต่น้อย
“คุณมองเหมือนฉันเป็นเนื้อที่คุณพร้อมจะเขมือบทุกเมื่อ บอกไว้ก่อนนะคะ แฟนฉันดุ ระวังคุณจะโดนตะปบเอาได้”
หญิงสาวบอกยิ้มๆไม่จริงจังนักกับคนที่ผ่านมาเจอกันแค่คืนเดียว
“ว่ากันว่าอะไรที่ได้มายากๆมันก็ยิ่งท้าทาย อะไรที่เจ้าของยิ่งหวงมันก็ยิ่งอยากได้มาไว้ครอบครองท่าจะจริงนะครับ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงปล่อยคุณมาคนเดียวได้นะ รู้ไหมครับ ตั้งแต่คุณก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ทุกคนก็เหมือนถูกมนต์สะกดของคุณกันทั้งนั้น”
ชายหนุ่มมองด้วยแววตาเสน่หาเต็มเปี่ยม หญิงสาวยกยิ้มพลางจิบไวน์มองตอบด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
...อย่างนายมันก็แค่ลูกเสือฝึกหัดเท่านั้นแหละ ต้องภีมเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าราชสีห์...
หล่อนคิดในใจเงียบๆ ขณะกรอกไวน์ชั้นดีลงคอ
คืนนี้เป็นของหล่อน
ราชสีห์ไม่อยู่ กวางสาวร่าเริง
หึ
.
.
.
“อะไรนะ! ตาหนึ่งถูกรถชนอย่างนั้นหรือ? ได้ๆ เดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงตื่นตระหนกจากคนข้างๆทำให้พริมรตาที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยหันไปมอง
“ตาหนึ่งถูกรถชนหรือ อาการเป็นไงบ้าง”
“สาหัสน่าดู ตอนนี้อยู่ห้องไอซียูละพริม”
น้ำเสียงหวานเครือด้วยความกังวล พริมรตาปลอบประโลมเพื่อนรักให้มีสติ ก่อนทั้งคู่จะเปลี่ยนปลายทางไปที่โรงพยาบาลแทน
“ดึกมากแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งแกกลับไปพักผ่อนก่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอก แกอยู่เฝ้าน้องไปเถอะ เดี๋ยวฉันกลับแท็กซี่เองได้”
“แต่มันอันตรายนะพริม ฉันเป็นห่วง แท็กซี่เดี๋ยวนี้ใช่ว่าจะไว้ใจได้”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวฉันจะโทรหาภีม ฉันไปก่อนนะ”
“โอเค ถึงแล้วโทรบอกด้วยล่ะ”
“อืม แกทำใจดีๆนะ น้องแกคงไม่เป็นไรมากหรอก”
พริมรตาบีบมือเพื่อนรักให้คลายกังวลก่อนเดินออกมา มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์หาคนรัก
...เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...
“หึ ทำงานจนไม่ได้สนใจอะไรตามเคย โทรศัพท์แบตฯหมดยังไม่รู้ตัวอีก”
หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆให้เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อไม่ได้ของคนรัก
“เอาเถอะกลับเองก็ได้”
ร่างสูงระหงแบบฉบับนางแบบเดินกระฉับกระเฉงออกมาด้านหน้าโรงพยาบาลเพื่อมองหารถแท็กซี่ ตอนนี้ล่วงค่อนคืนมานานแล้ว ถนนค่อนข้างโล่งพอดู ยืนรอไม่นานรถแท็กซี่เปิดไฟว่างกำลังวิ่งมาพอดี หญิงสาวไม่รอช้าที่จะโบก
“ไปที่...นะคะ”
พริมรตาบอกปลายทางแก่คนขับขณะรถเคลื่อนตัวออกไป สายตาไม่ลืมสังเกตบัตรประจำตัวคนขับและแอบถ่ายรูปเผื่อไว้ และเพื่อความรอบคอบหล่อนจึงส่งภาพนั้นเข้าไลน์คนรักและเพื่อนรักอีกที ระหว่างทางหญิงสาวมองทางโดยตลอด ข่าวคราวทุกวันนี้ทำให้หล่อนค่อนข้างระวังตัว
“นี่ไม่ใช่ทางที่ฉันบอกนี่คะ!”
พริมรตาท้วงขึ้นเมื่อคนขับเริ่มออกนอกเส้นทางที่ไม่คุ้น สัญชาติญาณการระวังภัยตื่นตัวในทันที
“อ๋อ ผมจะพาไปทางลัดน่ะครับ”
คนขับหันมายิ้มตอบ พริมรตาจับสัญญาณอันตรายในแววตานั้น ที่ผ่านมาเสือสิงห์กระทิงแรดล้วนเข้ามาหาหล่อนมากมาย ภัยรอบด้านที่ผู้หญิงมักประสบทำให้หล่อนไม่ประมาท
“เท่าที่ฉันรู้ ทางลัดมันไม่ใช่ทางนี้นี่คะ หยุดรถเดี๋ยวนี้!!”
พริมรตาตะคอกเสียงดังเมื่อเริ่มไม่ชอบมาพากล ไม่ใช่ว่าคนขับแท็กซี่ทุกคนจะไม่ดี แต่บางทีมันก็มีวายร้ายแฝงตัวเข้ามาในอาชีพนี้เหมือนกัน
“เอาน่า ผมไม่พาคุณหลงหรอกน่า รับรองสวยๆแบบนี้ส่งถึงที่”
วายร้ายเริ่มเผยหางทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยชำเลืองมองร่องอกอิ่มขณะขับรถออกนอกเส้นทางเรื่อยๆ
“แกนั่นแหล่ะที่จะถึงที่ตายถ้าไม่หยุดรถ! หยุดเดี๋ยวนี้!”
วัตถุสีดำเมี่ยมจ่อเข้าที่ขมับคนขับคิดไม่ซื่อทันที หล่อนแสยะยิ้มอย่างเป็นต่อเมื่อเห็นดวงตาเบิกโพลงอย่างตกใจ
“เฮ้ย!”
“ฉันเป็นตำรวจปลอมตัวมาทำคดี หยุดความคิดเลวๆที่แกคิดจะทำแล้วพาฉันออกไปจากตรงนี้!”
หล่อนแอบอ้างเป็นผู้พิทักษ์สันติราชตะคอกเสียงดังอย่างอุกอาจ
“ครับๆ พากลับแล้วครับ”
คนขับกลัวหัวหดละล่ำละลักทำท่าจะเลี้ยวรถพากลับ แต่
เอี๊ยด! พลั่ก!
ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อคนร้ายใช้จังหวะที่หล่อนเหลือบมองทางเบรกรถเสียงดังจนหญิงสาวเสียจังหวะเข้าแย่งปืนจากหล่อน เกิดความชุลมุนขึ้นภายในรถ ปืนหลุดจากมือพริมรตา สรีระที่บอบบางกว่าเพลี่ยงพล้ำเมื่อถูกชกเข้าที่หน้าท้อง ร่างบางจุกจนตัวงอ ใบหน้าหื่นกรามแสยะยิ้มเลวขณะไล่สายตาสำรวจเรือนร่างหล่อน พริมรตารู้สึกขนลุกสะอิดสะเอียด ชุดสวยเซ็กซี่ของหล่อนกำลังเป็นดาบสองคมกรีดทำลายชีวิตหล่อน
“ภีมคะ ช่วยพริมด้วย”
ใบหน้าหล่อเหลาของคนรักปรากฏขึ้นในความคิด ความกลัวแล่นริ้วขึ้นในใจ หญิงสาวนึกภาวนาให้ใครสักคนผ่านมาแถวนี้แม้ความหวังจะริบหรี่เต็มที
“แม่ง เอามันตรงนี้แหละวะ ขาวฉิบหาย ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ”
วายร้ายพูดขณะใช้มือหยาบลูบเรียวขางาม
“เฮ้ย! พลั่ก! ผลั๊วะ! ตุบ!”
หล่อนรู้ว่าชีวิตจริงไม่ใช่ละคร แต่ก็รู้สึกโล่งใจเมื่อมีมือๆหนึ่งกระชากศีรษะคนร้ายออกไปจากตัวหล่อน เสียงการต่อสู้ดังขึ้น หล่อนไม่รู้ฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำฝ่ายใดได้เปรียบ มือบางรีบควานหาปืน
“เปรี้ยง!”
พริมรตาตัดสินใจยิงขู่ขึ้นฟ้าหนึ่งนัด ได้ผล เมื่อคนร้ายหยุดการต่อสู้ลงรีบหนีอย่างรวดเร็ว หญิงสาวมองแผ่นหลังร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่กระชากมัจจุราชออกไปจากชีวิตหล่อน ชายหนุ่มใช้หลังมือเช็ดคราบเลือดติดริมฝีปากหันกลับมาหาหล่อน
“คุณปลอดภัยนะ”
ใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลาเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“กำลังแย่เลยคะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ”
พริมรตาถอนใจโล่งอกรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง คุณไว้ใจผมไหม”
เสียงนุ่มเอ่ยถามพลางมองใบหน้าหล่อน พริมรตานิ่งไป ก่อนที่คนๆนั้นจะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาหยิบบัตรบางอย่างส่งให้หล่อนดู
“ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อความอุ่นใจก็ได้ครับ”
เขาบอกอีกที พริมรตาพยักหน้าพลางเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าในรถและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาเก็บไว้
ร่างสูงเก็บบัตรลงกระเป๋าสตางค์ไว้ตามเดิมก่อนจะเดินนำพาหล่อนไปที่รถมอเตอร์ไซค์จอดไว้ใกล้ๆ ที่จริงเขาเอะใจตั้งแต่เห็นรถแท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยร้างนี่โดยที่มีผู้โดยสารเป็นผู้หญิงยามวิกาลแล้วจึงขี่รถตามมาดู
“ใส่เสื้อคลุมผมไว้ก่อนดีกว่านะครับ ลมมันแรงเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขณะยื่นมือไปรับเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์มาสวมทับไว้ ร่างสูงโปร่งสตาร์ทเครื่องออกเดินทางโดยมีหล่อนนั่งไพล่ซ้อนไปด้วย
พริมรตามองแผ่นหลังคนตรงหน้าโดยไร้ซึ่งการพูดคุยอะไร มีหลายคำที่อยากบอกแต่มันก็ตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากบอกทางแก่สารถี ถนนตอนดึกโล่ง เขาขี่รถค่อนข้างเร็วเพื่อพาหล่อนไปยังจุดหมาย
สายฝนเทกระหน่ำลงมาเมื่อขี่มาสักพัก พริมรตาไหล่ห่อกระชับเอวคนขับแน่นขึ้น ชายหนุ่มชะลอความเร็วลงแวะร้านเซเว่นข้างทาง
“ไหวไหมครับ ยังกลัวอยู่ไหม”
เสียงนุ่มถามพลางยื่นเครื่องดื่มร้อนในแก้วกระดาษให้หล่อนดื่มคลายหนาวระหว่างรอฝนซาหน้าร้านเซเว่น
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่ได้คุณฉันต้องแย่แน่ๆ เผลอๆพรุ่งนี้อาจได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งมีกระดาษหนังสือพิมพ์ปิดหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
หล่อนพยายามพูดติดตลกทั้งที่ตอนนั้นรู้สึกกลัวไม่น้อย แต่เมื่อผ่านมันมาได้ ความกลัวก็ลดลงไป
“ดีแล้วละครับที่คุณปลอดภัย เดินทางกลางคืนอันตราย น่าจะมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยนะครับ”
“ฉันสะเพร่าเอง คิดว่าจะดูแลตัวเองได้ดีกว่านี้”
หล่อนบอกเสียงอ่อยเหมือนเด็กสำนักผิด
“คุณเองก็เปียกหมดแล้ว”
หญิงสาวยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เมื่อหันมาเห็นใบหน้าใสมีหยดน้ำร่วงจากเส้นผมลู่ลงสู่ใบหน้า ชายหนุ่มรับไปซับๆก่อนจะยื่นคืนแก่หล่อนพร้อมรอยยิ้มบาง พริมรตาเห็นใบหน้าเขาชัดๆก็คราวนี้ ใบหน้าขาวใสหล่อเหลาชวนมองไม่น้อย วูบหนึ่งที่สบตากันหญิงสาวรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นในหัวใจแปลกๆ พริมรตายิ้มบางตอบ แพขนตาหนาหลุบลงต่ำซ่อนอาการประหม่า เป็นครั้งแรกที่หล่อนรู้สึกแบบนี้จากดวงตาคู่อบอุ่นที่ไม่มีแววปรารถนาในตัวหล่อนเหมือนหลายๆคนที่ผ่านเข้ามา
ทั้งคู่ต่างยืนมองสายฝนโปรยปรายข้างๆกัน
“ฝนซาแล้ว ไปกันเถอะครับ อดทนอีกหน่อยก็ถึงแล้ว”
เขาบอกพลางเดินนำไปรอที่รถ เมื่อหล่อนเดินตามไปมือหนากว่าก็สวมหมวกกันน็อคให้แก่หล่อน
“คุณสวมไว้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เขายิ้มให้น้อยๆ ดวงตาคู่สวยแสดงออกซึ่งความปรารถนาดี ขณะที่อีกฝ่ายกำลังติดตัวล็อกให้ความรู้สึกบางอย่างกระตุกวาบยามที่หล่อนสบตาเขาในระยะประชิด แววตาที่แสนอ่อนโยนพาใจหล่อนแกว่งเบาๆ
“แล้วคุณล่ะคะ”
“นี่ครับ”
เขาชูหมวกไหมพรมสีดำพลางสวมให้ตัวเอง ร่างสูงคร่อมบนรถพลางสตาร์ทเครื่อง หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งซ้อนออกตัวไปด้วยกัน ระหว่างทางพริมรตามองแผ่นหลังตรงแน่วตรงหน้านิ่ง แม้ไม่หนาเท่าภีมพริษฐ์แต่ก็ให้ความรู้สึกแน่วแน่มั่นคงดุจขุนเขาที่ต้านพายุกระหน่ำได้โดยไม่พังทลาย มือบางกระชับเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้นรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกมันบอกว่าคนๆนี้จะพาหล่อนไปยังปลายทางโดยปลอดภัย ใบหน้ารูปไข่เอียงพิงแผ่นหลังเขานิดๆอย่างลืมตัว
หล่อนรักภีมพริษฐ์ หล่อนรู้
แต่ความรู้สึกอุ่นๆนี้หล่อนก็อธิบายกับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
.
.
.
.
“ดึกขนาดนี้แล้วหรือ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อปิดเอกสารหน้าสุดท้ายลงหลังจากจรดปลายปากกาลงลายเซนเสร็จ มือหนาเสียบปากกายี่ห้อแพงเข้าที่ ขยับตัวคลายอาการเมื่อยขบเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ข้างฝาผนัง ปกติถ้าเคลียร์งานเสร็จดึกมากๆเขาก็มักจะค้างคืนที่ห้องทำงานเลย
“มือถือแบตฯหมด ถึงว่าเงียบๆ พริมจะกลับถึงบ้านหรือยังนะ”
เขาพึมพำขณะชาร์จโทรศัพท์ รอสัญญาณเครื่องเปิดไม่นานก็มีข้อความไลน์จากคนรักส่งเข้ามา ชายหนุ่มเปิดดู อมยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นคนรักส่งรูปคนขับแท็กซี่ที่เจ้าตัวคงจะโดยสารกลับคอนโดให้เขาดู ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะภีมพริษฐ์บอกให้คนรักทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่จำเป็นจะต้องใช้บริการรถแท็กซี่แทนการขับรถเอง มือหนากดโทรออกหาคนรักเมื่อดูข้อความที่ส่งมาแล้ว
Tru…Tru…Tru
รอสายอยู่สักพัก ปลายสายก็กดรับ ชายหนุ่มรีบกรอกเสียงลงไปทันที
“กลับถึงห้องนานหรือยังครับ”
“สักพักแล้วค่ะ พริมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ”
ปลายสายตอบกลับมาเสียงหวาน แค่ได้ยินเสียงหัวใจของเขาก็ชุ่มฉ่ำเหมือนได้น้ำฝนชโลม
“งั้นรีบเข้านอนนะครับ คิดถึงนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวผมแวะไปรับนะครับ”
“เอ่อ...ค่ะ”
เสียงหวานชะงักคำบางคำที่อยากจะบอกคนรักไว้ เปลี่ยนเป็นรับคำแทนเสียอย่างนั้น
“ฝันดีครับ”
เจ้าของเสียงทุ้มวางสายไปแล้ว ภีมพริษฐ์คงเห็นว่าดึกแล้วจึงไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของหล่อน ตัวเขาเองคาดว่าน่าจะเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ
“เดี๋ยวค่อยบอกทีหลังก็ได้มั้ง”
หล่อนพึมพำขณะยีผมไปด้วย ดวงตาคู่หวานคมเหลือบมองเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ที่วางพาดไว้บนโซฟาพลางนึกถึงใบหน้าเจ้าของเสื้อ
ร่างระหงเดินออกไปยังระเบียงด้านนอกมองดูทัศนียภาพยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ผ่านสายฝนโปรยปรายบางๆ นึกถึงใบหน้าขึ้นสีท่าทางเก้อเขินของเขาตอนที่หล่อนจะถอดเสื้อส่งคืนให้ พริมรตารู้ว่าชุดของหล่อนค่อนข้างวาบหวิวเน้นเรือนร่างและร่องอกเต่งตูมขนาดไหน และผู้ชายส่วนมากก็มักจะกระโจนเข้าหาหล่อนเพราะเรือนร่างยวนเย้านี่ทั้งนั้น เว้นเสียก็แต่เขาคนนี้เป็นคนแรกที่ไม่มีท่าทางแบบนั้นมิหนำซ้ำยังแสดงท่าทีเก้อเขินหล่อนเสียอย่างนั้น หญิงสาวอดจะอมยิ้มเล็กๆไม่ได้เมื่อนึกถึงท่าทางเก้ๆกังๆของคนที่ยัดเสื้อคลุมให้หล่อนได้คลุมต่อมาถึงห้อง
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคะ”
หล่อนบอกกับคนในรูปที่อยู่ในมือถือหล่อน ที่หญิงสาวถ่ายรูปเขาไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ หล่อนก็แค่อยากรู้ว่าคนที่ช่วยหล่อนเอาไว้คือใครต่างหาก
"ขอบคุณที่ช่วยไว้ช่วยนะคะ"
"ฝันดีค่ะ"
“พริม”มือบางกดส่งข้อความไปยังปลายทางก่อนจะหลับตาลงด้วยรอยยิ้ม
.
.
.
.
สายฝนข้างนอกยังโปรยปรายบางๆ ร่างสูงที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยจากห้องน้ำหรูหราสไตล์ทันสมัยด้านหลังห้องทำงานที่เขาสั่งสถาปนิกออกแบบพิเศษไว้เผื่อสำหรับเขานั่งทำงานจนดึกดื่นจะได้อาบน้ำชำระร่างกายแล้วนอนที่ออฟฟิศเลยไม่ต้องขับรถกลับบ้านทั้งล้าๆ ด้านในตัวห้องน้ำออกแบบให้มีทั้งห้องอาบน้ำห้องแต่งตัวและตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินพร้อม
กำลังเตรียมตัวจะเข้านอน พอศีรษะถึงหมอนเจ้าของใบหน้าชวนหลงใหลของบรรดาสาวๆก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความส่งคนรักเข้านอนแบบที่ทำเป็นประจำ
“ฝันดีนะครับ...เจ้าหญิงของผม” ชายหนุ่มยิ้มบางๆขณะส่งข้อความไป ภีมพริษฐ์ยกให้พริมรตาคนรักเป็นเจ้าหญิงสำหรับเขาเพราะน้องสาวที่น่ารักอย่างพลอยรัมภาจองตำแหน่งนางฟ้าของพี่ชายไปแล้วตั้งแต่เด็กๆ
ร่างสูงนอนรออยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่มีข้อความส่งกลับมา
“สงสัยจะหลับปุ๋ยแล้ว”
เขายิ้มเอ็นดูให้คนในหน้าจอโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปคู่กับเขา
“อืม กลับจากดูงานคราวนี้ ขอพริมแต่งงานเลยดีกว่า จะได้มีหมอนข้างหอมๆนุ่มๆมากอดอยู่ข้างๆทุกคืนเสียที ยัยตัวยุ่งพิ้งค์จะได้เลิกเงี๊ยวๆใส่พี่ชายด้วย”
เขายิ้มอบอุ่นให้ตัวเองในความมืด ดวงตาคู่คมระยับไปด้วยความสุข
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามนะคะ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่นี่นะคะ
https://www.facebook.com/pages/Love-Novel_Y-by-Moony_Darling/666665450055292