“พีพี พีพี ครับ ตื่นได้แล้วไปโรงเรียนกันเร็ว” ผมปลุกเจ้าตัวขี้เซาขึ้นจากที่นอน พีพีอยู่กับผมได้สามวันแล้วครับ เป็นสามวันที่ผมได้ทำหน้าที่ “พ่อ” จริงๆสักทีแต่ที่กังวลที่สุดคือ พีพีจะทนอยู่ในห้องเช่าแคบๆของผมได้สักกี่วันกัน ผมไม่อยากให้ลูกลำบาก ผมไม่อยากให้ลูกอายเพื่อน ผมควรจะทำยังไงดี
“เหม่ออะไรว่ะไอ้เล็ก” ไอ้เมฆที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถาม ตอนนี้มันไม่ได้อยู่กับผมแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันไปไหนเหมือนกัน มันยังมาทำงานที่ร้านเหมือนเดิมแต่ก็จะกลับไปช่วงเย็นแล้วตอนเช้าถึงจะมารับพีพี ไปส่งที่โรงเรียน
“เปล่าหรอก แล้วมึงกินอะไรมายัง กูทำข้าวต้มไว้มากินดิ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ว่าแต่มึงถามลูกมึงหรือยังว่าหายไปไหนมาทั้งคืน”
“ยังว่ะ กูไม่กล้าถาม กลัวว่าลูกจะร้องไห้น่ะ”
“ถามดิว่ะ รู้ไว้ก็ดีนะเว้ยเผื่อคราวหน้าจะได้หาทางป้องกันได้” ไอ้เมฆแนะนำ
“เดี๋ยวกูจะลองถามเขาดูแล้วกันนะ”
“อาเล็กคร้าบบบบ พีพีเสร็จแล้วครับ” เจ้าเด็กแสบบอก ก่อนจะวิ่งเข้ามาให้ผมใส่เสื้อผ้าให้
“พีพีครับ อามีอะไรจะถาม” ผมถามลูกไปด้วย เช็ดตัวให้แกด้วย
“ได้ครับ”
“พีพี หายไปไหนมาทั้งคืนครับ แล้วออกมาจากโรงเรียนได้ยังไง”
“คือ คือว่า ถ้าพูดแล้วอาเล็กสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธพีพี” พีพีบอกเสียงแผ่ว
“ไม่โกรธครับ ไหนคนเก่งบอกมาสิว่าหายไปไหนมา”
“พีพี เอ่อ พีพี ออกมาตามหาอาเล็กครับ”
“พีพี ทำไมทำแบบนั้นครับรู้ไหมว่ามันอันตรายมาก”
“ก็คุณป๋า ไม่ยอมตามหาอาเล็กสักที พีพีคิดถึงอาเล็ก ก็เลยกะว่าจะไปตามหา ตะ แต่ ว่าพอยิ่งเดินมันก็ยิ่งไม่คุ้น แถมมันก็เริ่มมืดด้วย พีพีก็เลยนอนที่ใต้ทางด่วนครับ อาเล็กอย่าโกรธพีพีเลยนะครับ” เจ้าเด็กแสบอ้อน
“คราวนี้อาเล็กไม่โกรธ แต่ถ้ามีคราวหน้าอาจะไม่พูดกับพีพี อีกเลยเข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจแล้วครับ พีพีจะไม่ทำอีกแล้ว” เด็กน้อยบอกเสียงเศร้า เห็นแบบนี้แล้วดุไม่ลงจริงๆ เฮ้อ
“เอาล่ะ คนเก่ง กินข้าวไปโรงเรียนได้แล้วครับ”
“ครับผม” เด็กน้อยรับคำเสียงใส
เป็นเด็กนี่มันดีจริงๆเลยนะ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้ลูกมีรอยยิ้มสดใสอย่างนี้ตลอดไป ผมทำถูกแล้วชินะ ทำถูกแล้วที่ไม่บอกความจริงกับพีพี หากว่าลูกต้องรับรู้เรื่องพวกนั้นรอยยิ้มสดใสของแกก็คงหายไป
“พักนี้ เป็นอะไรไปเหรอพี่ ทำไมชอบเหม่อจัง” ไอ้ไม้เดินเข้ามาถามผม
“พี่ก็คิดอะไรไปเรื่อยน่ะไม้ อย่าสนใจเลยไม่มีอะไรสำคัญหรอก” ผมบอกไป
“ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอกพี่ แต่คนโน้นน่ะ เขาให้ผมมาถามสงสัยจะเป็นห่วง พี่เข้าไปบอกลุงแกเองแล้วกัน” ไม้ชี้ไปที่เจ้าของร้านที่แอบมองพวกผมจากเคาเตอร์ชงกาแฟ
“อืม เดี๋ยวพี่คุยเอง ไปทำงานเถอะ”
เอาล่ะครับ บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องเคลียร์อะไรๆสักที
“พี่ต้นครับ”
“หะ หา มีอะไรหรือเปล่าเล็ก” พี่ต้นเอ่ยถาม
“พี่ว่างอยู่หรือเปล่าครับ”
“ก็พอจะว่างบ้างอ่ะนะ มีอะไรเหรอ”
“ผมขอคุยกับพี่หน่อยได้ไหม”
“ได้สิ แปปนะ”
ผมเดินมารอพี่ต้นที่หลังร้านใจนึงก็สงสารเหมือนกันนะครับที่ต้องพูดกันตรงๆสักที แต่ผมเชื่อว่าคนดีๆอย่าง พี่ต้นจะเสียใจไม่นานหรอก สักวันเขาจะเจอคนที่ดีพอและรักเขาจริงๆ ไม่ใช่คนเลวๆแบบผม
“เล็กมีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ต้นคือผม…”
“เล็กจะบอกว่า ให้พี่เลิกชอบเล็กล่ะสิ” พี่ต้นเอ่ยขัด พลางยิ้มเศร้า
“คือว่า”
“อย่าเศร้าสิ พี่รู้มาตั้งนานแล้วล่ะว่าพี่ไม่มีหวัง แต่ว่าพี่ชอบเล็กจริงๆนะ มันเกิดจากอะไรพี่ไม่รู้พี่รู้แค่ว่า พี่ชอบเล็กตั้งแต่วันแรกที่เจอ”
“แต่ว่าผม คงไม่ดีพอสำหรับความรักของพี่หรอกครับ”
“อย่าตีค่าตัวเองต่ำนักสิ คนทุกคนมีอดีตทั้งนั้น มันไม่สำคัญเลยว่าเมื่อก่อนเล็กจะเป็นยังไง พี่ไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจสักหน่อย แต่พี่ก็รู้นะ รู้ว่าในใจเล็กมีใครอยู่แล้ว และคนๆนั้นก็คือคนที่เล็กออกไปกับเขาเมื่อสามวันก่อนใช่ไหม” พี่ต้นเอ่ยถาม
“พี่ต้นรู้”
“พี่น่ะ ผ่านอะไรๆมาเยอะกว่าที่คิดนะ แค่มองปราดเดียวพี่ก็รู้แล้วว่าเล็ก รักเขามาก ”
“แต่พี่จะบอกอะไรไว้อย่างนะ ความรักน่ะมันห้ามกันไม่ได้หรอก เหมือนอย่างที่เล็ก เลิกรักเขาไม่ได้ พี่ก็เลิกไม่ได้เหมือนกัน อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ อย่าเพิ่งบอกให้พี่เลิกเลย พี่ยังทำไม่ได้จริงๆ พี่แค่ขอดูแลเล็กไปเรื่อยๆได้ไหม ” พี่ต้นยิ้มเศร้า มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าที่สุดที่ผมเคยเห็นจากผู้ชายคนนี้
“เล็กคงลำบากใจสินะ ไม่เป็นไรหรอก เป็นใครก็ลำบากใจทั้งนั้น ก็พี่มันเป็นเจ้านายที่คิดไม่ซื่อนี่นา เนาะ”
“ผมขอโทษนะครับพี่ ผมขอโทษจริงๆ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่าคำนี้ แต่หัวใจมันบังคับกันไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าเลือกได้ผมคงเลือกรักคนที่ดีกับผมอย่างพี่ต้น มากกว่าคนใจร้ายอย่างไอ้วัต
“เอาน่าอย่าคิดมาก พี่จะพยายามตัดใจแล้วกัน แต่มันก็คงจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เล็กก็ทนๆหน่อยนะ แต่ถ้าไม่ไหวจะลาออกพี่ก็ไม่ว่า”
“ไม่หรอกครับ ผมไม่มีทางลาออกเด็ดขาด ผมรักที่นี่ไม่ต่างจากทุกคน แกลอรี่ ไม่ได้เป็นแค่ร้านกาแฟ แต่ที่นี่คือ ชีวิตที่ผมโหยหามาตลอด ผมทิ้งมันไปไม่ได้หรอกครับ”
“ในฐานะเจ้าของร้านได้ยินแล้วปลื้มสุดๆไปเลยแหะ เอาล่ะ ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวไอ้เด็กกวนประสาทนั่นมันจะเหวี่ยงเอา ไปเถอะ ขอพี่อยู่คนเดียวสักพักนะ”
“ครับ” ผมรับคำก่อนจะเดินออกไป ผมรู้ว่าพี่ต้นเสียใจมาก ถึงจะยังยิ้มแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนเต็มที นี่ผมทำคนอื่นเสียใจอีกแล้วเหรอครับ ถ้าหากมีพรวิเศษสักข้อ ผมอยากจะขอให้ผู้ชายแสนดีอย่างพี่ต้นเจอกับคนที่รักจริงๆสักที
กรุ๊งกริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“แกลอรี่ ยินดีต้อนรับครับ”
“อาเล็กกกกกกกกก” เด็กแสบวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาผมก่อนจะโถมตัวเข้ามากอดแน่น
“พีพี มาได้ยังไงครับ ใครไปรับเหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจเพราะว่าอีกสิบนาทีโรงเรียนถึงจะเลิกนี่นา
“มากะโน่นครับ” เจ้าเด็กแสบชี้ไปที่ประตูก่อนที่ร่างสูงคุ้นตาจะเดินเข้ามา
“อะ ไอ้วัต” ผมพูดคล้ายละเมอก่อนจะถูกร่างสูงฉุดแขนให้นั่งลง
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ตอนนี้เป็นเวลางาน กรุณาปล่อยด้วย” ผมบอกอย่างสุภาพ
“อีกสิบห้านาทีเลิกงานไม่ใช่หรือไง”
“นั่งเป็นเพื่อน พีพีหน่อยสิครับอาเล็ก น๊า นะครับ” เจ้าตัวแสบทำตาแป๋ว ก่อนจะเกาะแขนผมไว้แน่น
“ไม่ได้หรอกครับพีพี เดี๋ยวลุงต้นจะดุเอา พีพีปล่อยอาเล็กก่อนนะครับเด็กดี แล้วเดี๋ยวอามาเล่นด้วยนะครับ” ผมพยายามใช้เหตุผลบอกลูก ส่วนอีกคนไม่รู้จะมาทำไมมาก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เหอะ
“งั้น พีพีไปด้วยนะครับ” เจ้าเด็กแสบบอก
“พีพี อย่าดื้อสิครับ รออาเล็กแปปเดียวนะอีก 15 นาทีนะครับ ”
“ก็ได้ครับแต่อาเล็กต้องรีบมานะ”
“ครับผม”
ผมยิ้มให้พีพี ก่อนจะเสมองไปที่อีกคนที่ยังนั่งหน้านิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ เว้ย จะมาทำไมว่ะเนี่ย