Q:
อยากให้แนะนำตัวหน่อยค่ะ?T: ผม ‘ตุลา มงคลวัชรกุล’ หรือ ‘ตุลย์’ ครับ เป็นคุณพ่อลูกอ่อน และลูกสอง เป็นพนักงานฝ่ายขายของสำนักพิมพ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
S: ใครอยากรู้จักผม ก็ทิ้ง line ไว้เลยครับ หรือจะเป็น Facebook ก็ได้ แล้วเราค่อยมาทำความรู้จักกันนะคร๊าบบบบ อิอิ
ตอนที่ 1
“ไอ้เอส! ชุดใหญ่ 2 ไม่เอาเลือด ไม่เอาตับ เอาชุดผัก 1 ไข่ไก่ 1 ข้าวเปล่า 2 น้ำเปล่า 2! โต๊ะ 5” เสียงตะโกนสั่งรายการอาหารจากปากของเฮียเปียวดังมาถึงในโซนครัวที่ผมแอบเนียนอู้งาน แถมระบุชื่อผมชัดเจนที่ต้นประโยคด้วยนะ ไม่ไปก็ไม่ได้สิคร๊าบบบ
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ซักผ้าบอกลาป้าพนักงานล้างจานที่ผมแอบเนียนมาคุยด้วย ล้างมือเอาฟองซันไลต์ออก ก่อนจะเดินไปจัดชุดใหญ่ ไม่เอาเลือด ไม่เอาตับ ใส่ชามสีชมพู 2 ชุด เดินไปอีกสามก้าว คีบผักปลอดสารพิษคุณภาพคับแก้วใส่ถาดสเตนเลส เอาไข่ไก่ใส่ถ้วยน้อย เอาข้าวเปล่าใส่ถ้วยกลาง ขวดน้ำเปล่า 2 ก่อนที่จะแบกทั้งหมดนั่นไปยังโต๊ะ 5
ระหว่างทางที่เอาไปเสริฟก็แจกยิ้มให้กับลูกค้า ด้วยใจรักบริการ (?) และจงใจพิเศษแก่สตรีทุกคน ร้านหมูกระทะที่นี่ดีนะครับผม ขอโปรโมท นอกจากหมูอร่อย ผักปลอดสารพิษแล้ว ยังมีกับแกล้มหน้าตาดีอย่างผมคอยเดินเวียนไปเวียนมาด้วยน๊าา /ยิ้มอ่อน
“พี่คะ!” หลังจากที่ผมนำรายการอาหารไปเสริฟที่โต๊ะ 5 แล้วระหว่างทางจะกลับไปอู้ที่โซนครัว ผมก็โดนโต๊ะที่อยู่ด้านหลังเรียก ผมแอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยอมหันหลังกลับไป...
แม่เจ้าโว๊ย!! โคตรน่ารักกกกกก น่ารักอย่างนี้จีบได้ปู้ววววว
ผมนี่อยากนั่งยองๆ แล้วผิวปากแซวเธอเหมือนสมัยม.ปลายมาก แต่คาดว่าถ้าทำแบบนั้นเฮียเปียวคงได้เอาตะขอมาเกี่ยวคอผมแล้วลากให้ไปทำงานต่อ เลยทำได้แต่เดินหล่อๆ ไปให้สาวน้อยคนนั้น
“รับอะไรเพิ่มดีครับ” ผมยิ้มหวาน จงใจที่จะยิ้มให้เธอโดยเฉพาะด้วย ผมแอบเห็นเขาอึ้งเขินๆ ด้วยนะ โอ๊ยย อย่างว่าแหละครับ เดี๋ยวนี้ชายหน้าตาดีหายาก แล้วผมก็เป็นแรร์ไอเทมไง ใครๆ ก็หลง เป็นเรื่องธรรมด๊าาา
“เอ่อ เอา ชุดใหญ่ 2 ที่ค่ะ...เอาอะไรอีกไหมแก?” สาวน้อยคนนั้นสั่งรายการอาหารกับผมก่อนที่จะหันไปถามเพื่อนสาวที่มาด้วยกัน เขาว่ากันว่าคนเรามักจะคบกับคนที่เหมือนๆ กัน ทฤษฎีนี้ดูเหมือนว่าจะจริงนะครับ เพราะเพื่อนของเธอก็งามมาก
ถ้ามีลูกค้าหน้าตาแบบนี้ ผิวแบบนี้ หุ่นแบบนี้เข้ามานั่งทุกวัน กระผมจะมาทำเร็ว ไม่ช้า ไม่สาย ไม่อู้ ไม่ดื้อ~~
“งั้นผมลาแล้วนะเฮีย” ผมบอกลาเจ้าของร้านหมูกระทะที่ผมทำงานพิเศษอยู่ขณะที่กำลังใส่รองเท้าผ้าใบ ก่อนจะเดินออกมานอกร้านทางด้านหลัง เดินอ้อมนิดหน่อยไปทางด้านหน้าของร้าน มองแสงสีของรถราที่ส่งแสงระยิบระยับเต็มท้องถนนก่อนจะก้าวเดินเคียงข้างกับมันบนทางเดินเท้า
ผมบีบหัวไหล่ตัวเองเล็กน้อยไล่ความขบเมื่อย ทุกครั้งหลังเลิกงานความเหนื่อยล้าก็มักจะถลาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วเสมอ ไม่ใช่ว่าผมสำออย ทำงานแค่ห้าชั่วโมงที่ร้านหมูกระทะแล้วปวดเมื่อยหรอกนะครับ ก่อนหน้านี้ผมทำงานเป็น PC รองเท้าผ้าใบเบรกเกอร์ที่จัดอีเว้นอยู่ในห้างเทสโกฯ มาด้วย ง่ายๆ คือ ผมทำงานพิเศษตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่ทุ่มแล้วครับ ผมก็ไม่ใช่คนเหล็กอะนะ ก็เลยปวดเนื้อปวดตัวเป็นธรรมดา แต่ว่า ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปครับ พ่อสอนไว้
ในขณะที่ผมกำลังเดินผ่านเซเว่น กระเพาะอาหารผมก็เหมือนมีตามองเห็น ร้องโครกครากทันทีเป็นสัญญาณบอกว่า ‘มึงเข้าไปเดี๋ยวนี้ กูหิวแล้ว’ ประมาณนั้น และเพราะผมเป็นคนดี นิสัยดี และหน้าตาดีก็เลยเดินเข้าเซเว่นไปไม่ดื้อ~
ผมแอบเนียนตากแอร์ไล่กลิ่นหมูกระทะอยู่ในเซเว่นอิเลเว่นอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะจบด้วยการหยิบถ้วยมาม่าใส่น้ำร้อน แล้วเอาไปจ่ายเงิน กลิ่นหอมกรุ่นๆ ของมาม่าทำให้ผมน้ำลายสอ แล้วผมก็คิดว่าไอ้คนที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังผม มันก็ต้องน้ำลายสอกันบ้างแหละ!
อยากกินละซี่ อยากกินมึงก็ไปต้มแดกเองเถอะ
ผมก้มกินมาม่าออกมาจากเซเว่น โดยมีเสียง ตื้อ ดือ ไล่หลัง ผมเงยหน้าขึ้นและเป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนกำลังเดินผ่านหน้าเซเว่นแล้วหันมามองผมพอดี...
ตามองตา สายตาแล้วก็จ้องมองกัน แฮ่!
คิดว่าจะมีกลีบดอกไม้ซากุระไม่มีที่ไปที่มาพัดผ่านฉากนี้ละสิ ผมขอบอกว่าโนว! บังเอิญว่าคนที่สบตากับผมตอนนี้ไม่ใช่สาวน้อยน่ารักเลยน่ะสิครับ ไม่ใช่สาวน้อยน่ารักไม่พอ ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงไม่พอ ยังตัวใหญ่อีกต่างหาก! ที่จริงสถานการณ์นี้เราควรจะหลบตากันไปแล้วแยกย้ายทางใครทางมันกับคนแปลกหน้า แต่เพราะคนตรงหน้าของผมดันเป็นคนที่จะบอกว่ารู้จักกันไม่ใช่ แปลกหน้าก็ไม่เชิง ผมก็เลยกยิ้มทักทายไป
“ไง พี่ชาย” ผมเดินถือมาม่า มาหาผู้ชายตรงหน้าที่ยังดูอึ้งๆ งงๆ ที่เจอหน้าผมอีกครั้งอยู่ ผมไม่รู้จักชื่อเขานะ แล้วผมก็ไม่แน่ใจอายุด้วย จะเรียกลุง ผมว่าอาจจะโดนต่อยกลับมา ก็เลยเซฟๆ ‘พี่ชาย’ ไว้ก่อนแล้วกัน “เฮ? จำผมไม่ได้หรอ? ก็ที่ประมาณสี่หรือห้าวันก่อนเนี่ยแหละ ที่พี่ฉุดกระชากลากถูผมเข้าซอกตึกไง”
“...ฉันจำได้อยู่” ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้วมองผมก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ดูเหมือนว่าพี่แกจะไม่ใช่คนเฮฮาปาร์ตี้แบบผมสักเท่าไหร่ ก็เลยมีการไว้ท่าทางกับผมที่ยังคงเป็นคนแปลกหน้าอยู่บ้าง
แต่ผมไม่แค๊ร์! อาจเพราะผมเข้าหาผู้ใหญ่บ่อย ทำงานที่ต้องเป็นฝ่ายชวนคุย ชักจูงคน เลยได้สกิลหน้าหนา ตีสนิทกับคนแปลกหน้ามาเยอะอยู่ และนั่นทำให้ผม Keep going on ต่อไปครับ!
“เพิ่งเลิกงานหรอครับ?” ผมเนียนเดินกับพี่แกด้วย จะบอกว่ามาเดินตามก็ไม่ถูก คือผมก็ต้องกลับบ้านทางนี้เหมือนกันอะครับ ก็เลยมาเดินด้วยโดยปริยาย
“อ่า ใช่”
“แต่นี่มันสี่ทุ่มแล้วนะพี่ชาย ทำงานอะไรเนี่ย ดึกๆ ดื่นๆ หรือว่า...พี่จะทำงาน แบบ...ให้ความบันเทิงตอนกลางคืน” ผมแสร้งยกมือทาบอกเดินถอยหลังเล็กน้อยประหนึ่งจับได้ว่าลูกสาวมีแฟนแล้ว
“นี่ใช้สมองคิดแล้วใช่ไหม”
“ว่าผมทำไมอะ? ผมหมายถึง เป็นนักร้องตามร้านอาหารหรือเปล่า หรือเป็นดีเจต่างหาก คนให้ความบันเทิงอ่ะ พี่ชายนั่นแหละคิดอะไรอยู่ครับ ฮันแน่~” ผมทำเสียงกิ้วๆ ล้อเลียนให้อีกฝ่ายอารมณ์ดี แต่ดสายตาคมๆ ที่จ้องมานั่นเหมือนกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าอีกสักพักจะโดนตีน ผมก็เลยต้องเถิบออกมาเดินดีๆ
ไม่เฮฮาเลยว่ะ วัยรุ่นเซ็ง
“แล้วทำไมนายถึงยังไม่กลับบ้าน กลับช่องอีก นี่มันสี่ทุ่มแล้วนะ” เขาถามผมบ้าง
“เพิ่งเลิกงานอ่ะ แต่ออกตัวก่อน ว่าไม่ใช่งานนักร้อง ดีเจ หรืองานบันเทิงอื่นๆ แต่อย่างใด เป็นแค่พนักงานเสริฟร้านหมูกระทะเฉยๆ”
“อ๋อหรอ”
“ครับ”
แล้วเราต่างคนต่างกับเงียบ บอกตรงว่าสำหรับผม ผมค่อนข้างอึดอัดนะ กับการเงียบไม่มีการสนทนา แต่ผมจะชวนพี่แกคุยอะไรก็นึกไม่ออก หยอกนิดหยอกหน่อย ก็ทำหน้าตาดุใส่ด้วย
ระหว่างคิดอะไรเพลินๆ สายตาก็เหลือบเห็นช่องว่างระหว่างตึกที่อยู่ไม่ห่างจากเซเว่นมากนัก ประมาณสี่ห้าวันก่อน ผมโดนผู้ชายคนนึงเรียกให้มาเจอ ตอนแรกนึกว่าจะสู้ตัวต่อตัว แต่แม่งมีพวกรอผมอยู่ตั้งห้าหกคน ก็เลยมารุมอัดผมแบบหมาหมู่ ขี้ขลาด และตอนนั้นก็มี ตาลุงที่เดินอยู่ข้างๆ ผมเนี่ยแหละมาลากผมหนีพวกมัน จำได้ว่าตอนนั้นผมเลือดโคตรขึ้นหน้า แบบฆ่าได้หยามไม่ได้ไรงี้เลย แล้วต้องวิ่งหนีพวกกระจอกพวกนั่นนี่มันไม่ใช่แนวจริงๆ! อยากจะเดินกลับไปกระทืบๆๆ ให้แม่งคลานกลับบ้านเลย (ไม่ดูสภาพตัวเองเท่าไหร่ตอนนั้น) ผมก็เลยดิ้น จะไปต่อยกับพวกมันอีก แต่ไอ้คนที่ลากผมไม่รู้ว่าแรงมันเยอะ หรือเพราะผมแรงเริ่มหมดแล้วก็เลยดิ้นไม่หลุดสักที
แต่ถึงแม้ผมจะเลือดขึ้นหน้า ผมก็จำคำนั้นของเขาได้ แล้วมันก็ทำให้ผมเย็นลงด้วย ‘ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าศักดิ์ศรี’ ก็เป็นคำงั้นๆ ธรรมดาๆ แต่อารมณ์น้ำเสียงตอนนั้นที่ผมได้ยินต่างหากที่สำคัญ
ผมรู้สึกกับการที่มีใครสักคน มาเตือนสติผมแบบนั้น ก็เลยคิดว่า ถ้าได้เจอเขาอีกสักครั้งขึ้นมา ผมจะขอบคุณเขา...
เออวะ! ผมจะขอบคุณเขานี่หว่า!
“นี่ พี่ชาย!”
“อะไร?”
ผมหยุดเดินกึก ก่อนจะหันไปหาคนที่เดินอยู่ข้างๆ ก่อนโค้งตัวให้อย่างขอบคุณ “ขอบคุณมากนะครับที่วันนั้น พาผมหนีออกมา”
“อ๋อ เรื่องนั้น...ไม่เป็นไรหรอก”
ผมยิ้มแผ่ “ถ้าไม่มีพี่ชายนะมาช่วยวันนั้นนะ ผมอาจจะลืมตาอีกทีอยู่โรง’บาล หรือไม่ก็วัดเลยก็ได้นะ”
“ถ้ารู้อยู่ว่าอาจจะเป็นแบบนั้น ก็อย่าไปต่อยกับพวกนั้นแบบนั้นสิเฮ้ย”
“ผมไม่ได้อยากจะไปต่อยกับพวกมันสักหน่อย คืองี้นะ ก่อนหน้านั้นอะ ผมไปเจอไอ้ตัวหัวหน้ามันกำลังรังแกอยู่หญิงอยู่ ผมก็ไปช่วยไรเงี่ย มันบอกผมด้วยนะว่าเรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง แต่ผู้ชายอ่ะ เขาไม่ทำร้ายของสำคัญของตัวเองกันหรอกใช่ม๊า นั่นแหละ ผมก็เลยต่อยเปรี้ยงเข้าให้ แล้วก็กระทืบมันอีกไปสามสี่ครั้ง ช่วยผู้หญิงคนนั้นอะ แถมพาไปแจ้งความเสร็จสรรพ พอหลายวันต่อมา มันก็ไปหาผมที่ร้านหมูกระทะที่ผมทำงานพิเศษอยู่อ่ะ บอกจะมาดวลเอาคืนไรสักอย่าง”
“ก็เลยโง่ตามไป”
“เอ้า! ใครจะรู้เล่า ว่ามันจะเอาเพื่อนมาด้วย คือผมเป็นสุภาพบุรุษไง พี่ชาย ผมก็เลยนึกว่า ผู้ชายบนโลกนี้ก็น่าจะเป็นสุภาพบุรุษแบบผมไง”
“เคยได้ยินไหม? สุภาพบุรุษ มักตายไว้อะ”
“ผมมีนักสู้พันธ์ข้าวเหนียวเป็นไอดอลไงพี่ชาย แบบว่าถ้าจะต้องตายขอตายแบบทุกคนจดจำไรงี้”
“สู้กันในซอกตึกแล้วมีคนตายเนี่ยนะ ใครจะจดจำ ไม่พ้นเป็นข่าวเด็กช่างตีกัน ตายแบบหมาข้างถนนเท่านั้นแหละ”
“พูดแบบนี้ผมเจ็บไปถึงทรวงเลยนะ” ผมแสร้งใช้กรีดนิ้วแตะที่หางตาซ้ายขวา ใช้มือพัดไปมาประหนึ่งนางงามร้องไห้เพราะได้รับรางวัล พอได้ยินเสียงหัวเราะจากลำคอดังขึ้นเบาๆ จากอีกฝ่ายก็ทำให้ผมคลายความอึดอัดได้หน่อย
“แล้วนี่ นายตามฉันมาทำไม? บ้านนายไม่ได้อยู่อีกทางหรอไง? เห็นคราวที่แล้วเดินไปอีกทาง”
“บ้านผมอยู่ทางนี้เนี่ยแหละ ต้องขึ้นรถเมล์เหมือนกัน คราวที่แล้วเดินไปทางนู้นคือกลับไปทำงานต่อครับออกมาต่อยกับพวกมันระหว่างทำงานอะ”
“แล้วเขาให้กลับไปทำงาน?”
“เฮียเจ้าของร้านแก....”
Rrrrrrrrr
“แป๊บนึงนะ” ผมบอกกับคู่สนทนา เอี้ยวตัวหยิบมือถือขึ้นจากกระเป๋ากางเกงยีนส์เมื่อเห็นว่าเป็นป้าเพ็ญเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอยู่ก็รีบกดรับทันที
ปกติป้าแกจะโทรมาแค่ตอนเรียกเก็บค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟเท่านั้นแหละครับ แต่เดือนนี้ผมจ่ายไปหมดแล้วนะ แล้วนี่ป้าจะโทรมาทำไม?
“ฮัล...”
/เอส! แกอยู่ไหน!?/ ไม่ทันที่ผมจะได้ ‘ฮัลโหล’ จบประโยคป้าเพ็ญก็รีบตะโกนถามขึ้นมาเสียงดัง นอกจากนั้นยังมีเสียงอะไรไม่รู้วุ่นวาย ไซเรนดังรอดมาตามโทรศัพท์ด้วย
“ผมเพิ่งเลิกงานอะป้า มีไรเปล่า?”
/ตอนนี้อพาร์ทเม้นท์ไฟไหม้! ฉันไม่เห็นแกอยู่ด้านล่าง นึกว่าจมกองไฟอยู่ด้านในไปแล้ว!/
“หะ! ไฟไหม้! ป้า ป้ารอเดี๋ยวนะ ผมจะรีบกลับเดี๋ยวนี้แหละ!” ผมกดวางสายทันทีไม่รอให้ป้าเพ็ญพูดอะไร ผมพุ่งพรวดไปที่ขอบฟุตบาท ตั้งใจเปลี่ยนจากกลับรถเมล์ตามปกติเป็นขึ้นแท็กซี่ทันที
“เดี๋ยวๆ เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินไฟไหม้”
“คือบ้านผมไฟไหม้ครับ เอาเป็นว่า ค่อยคุยกันใหม่ ถ้าเจอกันอีกรอบนะครับ!” ผมรีบร้อนพูดเลิกสนใจอีกฝ่าย พอเห็นแท็กซี่ที่ขึ้นว่างผมก็รีบโบกทันที
ขณะที่ผมเปิดประตูจะก้าวไปข้างในสายตาเหลือบเห็นมิเตอร์แท็กซี่ที่ขึ้นสีแดงฉ่าเห็นได้ชัดในเวลากลางคืนเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเรื่องไฟไหม้จะอยู่ในหัวผมแต่การคำนวณตัวเลขก็เป็นอะไรที่อัตโนมัติแบบไม่ต้องสั่งการ แล้วเมื่อคิดได้ว่าเงินที่ผมติดตัวอยู่ตอนนี้ไม่พอค่าแท็กซี่แน่ ผมก็รีบค้วาคนที่ช่วยผมคราวที่แล้วเอาไว้แล้วดึงขึ้นแท็กซี่มาพร้อมกัน!
“เฮ้ย!”
“ออกรถเลยพี่ ไปอพาร์ทเม้นท์เดือนเพ็ญที่อยู่ถนน OOO”
“เดี๋ยว…”
“ใช่อพาร์ทเม้นท์ที่อยู่แถวๆ xxx ไหม?”
“นั่นแหละพี่ เหยียบเลย ผมรีบมาก!”
“ฉันไม่...”
“ได้เลยไอ้น้อง!”
“ไปเลยครับพี่!”
“เฮ้ยยยยย!”
ทันทีที่ผมมาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ เข่าผมนี่ทรุดลงไปกองกับพื้น กว่าผมมาถึงไฟก็ใกล้จะดับได้แล้ว มีไทยมุงมาออกันเต็มไปหมด แต่นั่นก็ไม่ได้บดบังทัศนียภาพห้องของผมชั้นสามที่ดำเป็นตอตะโกไปแล้ว ส่วนอีกคนที่ผมลากมาด้วยก็จ่ายเงินแท็กซี่ให้ตามที่ผมขอร้องไว้ตอนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกันก่อนจะลงมายืนอยู่ข้างๆ ผม
ป้าเพ็ญที่อยู่ในกลุ่มผู้อพยพที่ยืนร่วมกับกลุ่มไทยมุงรีบถลาเข้ามาหาผมทันที พร้อมกับพวกกระเป๋าเดินทางที่พอดูออกมารีบยัดใส่เข้ามา
“เอส ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันเอาอะไรของแกออกมาไม่ได้เลย ไฟมันมาจากชั้นบนสุด ก็ชั้นสามห้องแกพอดี ชั้นอื่นยังพอโกยเก็บของออกมาได้ แต่ชั้นแกคือโดนเผาทั้งชั้นเลย
“...”
“เอส...สิ่งของมันเป็นของนอกกาย หาซื้อใหม่ก็ได้ ถ้ามีของต่างหน้าพ่อแม่ ถึงแม้มันจะถูกเผาไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของแกเสมอนะเอส” ป้าเพ็ญเข้ามากอดผมที่ยังทรุดเข่านั่งกับพื้น แต่ความรับรู้ของผมมันอื้อไปหมดแล้ว
ไฟไหม้ห้อง ทุกอย่างไม่เหลือเลย แปลว่า...แปลว่า!
“เงินผมมมม เงินของผมอยู่ในนั้นหมดเลยยยย เงินที่จะเอาไปเริ่มต้นชีวิตมหา’ลัยของผมมม” ผมแหกปากออกมาทันทีแล้วนั่นทำให้ป้าเพ็ญ กับคนที่ผมหนีบมาด้วยสะดุ้งตกใจ “แถมนอกจากนั้นยังมีเงินที่ผมว่าจะเอาไปเที่ยวแบบฮิปเตอร์ตัวคนเดียวที่ต่างจังหวัด ยังมีกระดาษเขียนเบอร์ของลูกค้าที่เพิ่งได้มาด้วย ผมยังไม่ทันได้โทรหาเลย ยังไม่ได้เมมเบอร์ไว้ด้วย”
“เอ่อ เอสใจเย็นๆ นะ เรื่องเงิน ป้าให้แกยืมก่อนได้ แกช่วยคิดถึงอะไรที่มันสำคัญกว่าเบอร์สาวหน่อยได้ไหม”
“ไม่มีแล้วป้า ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเงินกับเบอร์สาวน้อยน่ารักที่อยู่ในห้องนั้นอีกแล้ว” เรื่องเงินผมก็สบายใจไปเปราะหนึ่งแล้ว เพราะป้าเพ็ญบอกว่าจะให้ยืม แต่เรื่องเบอร์นี่สิ! เขาจะมาร้านผมอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะเป็นคนสัญจรไม่เจออีกเลยในชาตินี้ก็ได้ ว่าแล้ว ก็ขอคร่ำครวญ อะฮืออออออออออ
ผัวะ!
“โอ๊ยย ป้าตบหัวผมทำไมอะ!” ผมกุมหัวที่โดนตบปอยๆ
“ฉันรึอุตสาห์เป็นห่วง แกนี่มันไร้สาระจริงๆ เลย!” ว่าแล้วป้าเพ็ญก็ลุกขึ้นเดินดุ่มๆ กลับไปรวมกับไทยมุงเหมือนเดิม ทิ้งให้ผมมึนงงกับการใช้ความรุนแรงของสตรีแก่อยู่ที่เดิม
ไรวะ? เบอร์สาวมันสำคัญกับผมนะเว๊ย
“ฉันว่าตอนนี้นายคิดเรื่องที่พักก่อนใหม่ เงินอยู่ในนั้นไม่ใช่หรอ ขนาดค่าแท็กซี่ยังมีไม่พอจ่าย แล้วจะเอาที่ไหนไปเช่าห้องพัก”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้น แล้วนั่นก็ทำให้ผมนึกได้ขึ้นมา ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นตรงกางเกงเล็กน้อยก่อนจะจับคางอย่างครุ่นคิด
“นอนบ้านเพื่อนมั้ง แค่คืนเดียวคงได้อยู่”
“หรอ ถ้างั้นฉันกลับละ นี่มันจะห้าทุ่มแล้ว ฉันยังไม่ถึงบ้านอีก พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าด้วย”
“อ๋อ โอเคครับ บาย” ผมส่งยิ้มให้เขา แถมโบกมือลาด้วย
“...” เขาจ้องหน้าผม
“...” ผมก็จ้องหน้าเขา
“...นายก็ปล่อยเสื้อฉันสิฟะ!”
ชะอุ้ย!
ผมเหลือบตาลงดูที่ชายเสื้อเชิ๊ตของเขามันมีมือคุ้นๆ ที่ผมจำได้ว่ามือของผมจับไว้แน่นอยู่ แหม สัญชาติญาณความเอาตัวรอดของผมนี่สูงปรี๊ดจริงๆ สาบานได้เลยนะครับ ว่าผมไม่รู้เรื่องง
“ผมโทรหาเพื่อนแป๊บ” ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างกดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนทุกคนที่ผมมีเบอร์อยู่ในโทรศัพท์ แต่ทุกคนพร้อมใจไม่รับสาย บางคนก็ปิดเครื่อง บางคนแม่งขึ้นว่าเบอร์นี้ไม่มีการใช้บริการเลยครับ!
เป็นเด็กอนามัยกันหรือไงไอ้สัสส นอนกันตั้งแต่ห้าทุ่ม ไม่มีใครคิดจะตื่นเฝ้าโทรศัพท์มาให้ความช่วยเหลือกูหน่อยหรอ ไอ้เพื่อนชั่วววว
“ว่าไง?” คนที่ผมดึงเสื้อเอาไว้ ถามเสียงเซ็งเมื่อเห็นท่าทางจ๋อยสนิทของผม
ผมช้อนตาขึ้น สวมวิญญาณลูกหมาทันที “พี่ชาย ผมขอนอนด้วยคืนหนึ่งดิ นะ นะ นะ”
“...”
“นะ น๊า...ขอนอนด้วย
ไม่ดื้อ~”
TBCตัวเอกอีกคนของเรามาแล้ววว ใครต้องการที่จะถามคำถามให้ คุณพ่อตุลย์ กับเด็กกวนเอส ตอบคำถาม
ส่งคำถามมาได้ที่ ตู้ ปณ. xxx เขต ooo ค่ะ ถถถถถถถถถถถ