Friend's brother Brother's friend 06 ..แน่ใจ
[Net's talk]
ภายในห้องเรียนขนาดใหญ่ที่สามารถจุนิสิตได้ร่วมพันคน แถวหลังสุดซึ่งถูกจับจองไว้ด้วยไอ้ตัวขี้เกียจทั้งหลายแหล่ยังเว้นที่ว่างหนึ่งที่สำหรับคนมาสาย ผมแง้มประตูห้องเรียนให้เงียบเสียงที่สุดก่อนย่องไปด้านหลังที่มีโชติพงษ์นอนฟุบหน้ากับโต๊ะเลคเชอร์แบบไม่เกรงใจอาจารย์สักนิดอยู่
“โชติ อาจารย์เชคชื่อยัง?”
ผมสะกิด เจ้าของชื่อเงยหน้าตาปรือพยักเพยิดไปข้างหน้า แผ่นกระดาษสีขาวถูกส่งมาเป็นทอดๆแสดงว่าแถวหลังยังมีโอกาสได้เซ็นชื่อทันเข้าเรียน
“เออ เมื่อคืนเฮียไปนอนกับมึงเหรอ?”
ไอ้โชติถามมันค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่ง ผมเพิ่งเห็นว่าชีทของมันคาอยู่หน้า24ทั้งที่สไลด์บนจอเปิดไปถึงหน้า35แล้ว มือหยาบของเพื่อนร่วมเอกเปิดชีทตามอาจารย์ จากนั้นก็เกยคางลงบนแผ่นกระดาษใบเดิมต่อ
“อืม ตัวมึงหนักสัด กูแบกกลับไม่ไหว”
“แล้วเป็นไงวะ?” โชติอ้าปากหาวหวอดเหมือนไม่สนใจ แต่ตาเยิ้มขี้ตาของมันกลับมองไม่กระพริบ ผมละหน่ายกับพวกมันจริงๆ เมื่อไหร่จะเลิกสงสัยกันสักที
“กูกลับก็นอน เฮียก็นอน เช้าตื่นมาก็ไม่อยู่แล้วคงมีงาน”
“อ้อเหรอ? ยังไม่คืบหน้าสินะ” มันพูดเหมือนไม่ใส่ใจ พอดีกับกระดาษเชคชื่อไล่ส่งมาจนถึงด้านหลัง ผมรับมาเซ็นต์ชื่อตัวเองนอกจากนี้ยังปลอมลายเซ็นต์เพื่อนในเมเจอร์เดียวกันอีกสองสามคนที่ไม่เข้าเผื่อไปด้วย
“แล้วเย็นนี้มึงไปไหนหรือเปล่า?”
ที่จริงเป็นเรื่องที่ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเฮียจะมารับไปกินข้าวเย็นจนเจอโพสอิทหน้ากระจกที่เขียนด้วยลายมือชุ่ยๆว่า’ห้าโมง ที่เดิม’ ถึงได้ระลึกความโชคดีของตัวเองที่จะมีราชรถมาเกยรับไปทานมื้อเย็นฟรีๆตลอดช่วงที่ไอ้บอมนึกระแวงเฮีย แต่นั่นแหละครับ ด้วยความมีน้ำใจอย่างล้นหลามของผมเลยถือโอกาสนี้เผื่อแผ่ชวนเพื่อนที่ได้ตบเกรียนกันตั้งแต่ ม.ต้นไปเสวยสุขด้วย
“ว่าจะกลับไปนอน ถ้าไม่ติดว่าคาบบ่ายอาจารย์แม่งจำชื่อกูได้จะฝากมึงเช็คชื่อเลยด้วยซ้ำ ปวดหัวฉิบหาย”
มันเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนแฮงค์ ผมเองก็เป็นบ่อยๆแต่ส่วนใหญ่เวลากินเหล้าจะหนักไปวันศุกร์ ถึงเมาปลิ้นแค่ไหนวันเสาร์ก็มีเวลาอืดได้อีกครึ่งค่อนวัน แต่เมื่อวานคุณบอมเสือกเฮี้ยนลากเพื่อนไปกินเหล้าทั้งๆที่วันนี้มีเรียนต่อ โชคร้ายตกเป็นของโชติพงษ์ที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเมาในปริมาณที่พอควร วันนี้สภาพมันเลยไม่ต่างจากซากศพเดินได้สักเท่าไร
“ทำไมวะ? จะชวนไปไหน? ตีดอทอีกอะเด่ะ”
“เปล่าเว่ย ไอ้เชี่ยบอมสั่งเฮียมันมารับกูไปแดกข้าว เลยลองถามดูเผื่อมึงจะสนของฟรี”
“ให้กูไปเป็นก.ข.ค. กองขี้ควายอะนะ? ถุย! ไม่เอาด้วยหรอก ไอ้บอมรู้เกรียนแตกอีก” ไอ้โชติรีบหนี ผมหัวเราะในลำคอ มองไปยังโปรเจคเตอร์หน้าห้องเรียนที่อาจารย์ใช้ปลายปากกาชี้สูตรที่ควรจำให้ตกเป็นเงา
“มึงดูรักกูจังเลยเนาะไอ้โชติ”อดไม่ได้ที่จะแขวะ โชติพงษ์หัวเราะ แคะขี้หูออกมาเป่าแล้วกระดิกตีนจนแตะหนีบของมันจะร่วงอยู่รอมร่อ ผมควงปากกาในมือฟังอาจารย์พูดบ้างหันมาคุยกับไอ้โชติไม่ให้มันหลับบ้างจนกระทั่งหมดคาบเรียน ไอ้โชติก็รีบสอดสมุดเปล่าที่มันว่างเปล่าตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ๆจนตอนนี้ที่ใกล้เทศกาลสอบมิดเทอมใกล้เข้ามาใส่ในกระเป๋าเสื้อชอป ปากกาที่พกทำเท่เหน็บไว้ตรงแขนเสื้อด้านขวา
“ไปกินข้าวโรงอาหารคณะมนุษย์กัน”
โชติพงษ์ชวนไปแดกซีฟู้ด ไม่ใช่sea foodที่แปลว่าอาหารทะเลนะ แต่มันหมายถึง see food อาหารที่บริโภคด้วยสายตา เรียนวิศวะแท้ๆ แต่โน่น กระแดะไปบริหารบ้าง บางทีก็ไปบัญชี มนุษย์ สังคม คือทุกคณะที่เค้าว่าสตรีเยอะ สถานที่นั่นโชติพงษ์ต้องไปเหยียบมาแล้วแน่นอน ถึงตอนเที่ยงคนจะเยอะ แต่ไอ้โชติมันเคลิ้ม และมีความสุขมาก ยิ่งเวลาที่ได้เข้าไปเบียดสาวๆซื้ออาหารมันยิ่งอิ่มเอมใจ วันนี้ก็เหมือนทุกครั้งคือมันเสนอตัวไปซื้อก๋วยเตี๋ยวได่ตุ๋นให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะพลางดูดน้ำมะพร้าวที่รสชาดเป็นน้ำเชื่อมใส่เนื้อมะพร้าวราคาสิบบาทให้เย็นชื่นใจสมกับที่ตากแดดตากลมข้ามคณะต่อคณะมาเพื่อให้ไอ้โชติฟินนาเร่ก่อนเข้าเรียนคาบบ่าย
“พี่เน็ต?”
เสียงใสๆนั่นเรียก ผมไม่ได้มีเพื่อนอยู่มนุษย์ครับ แต่เด็กผู้หญิงที่เดินเข้ามาหาผมนั่นสวยเสียจนแค่มองปราดเดียวก็สะดุดตาจำได้แม่นยำว่าเรารู้จักกันผ่านๆเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนในสถานที่อโคจรแห่งหนึ่ง
“ต้นหลิว?”
“จำหลิวได้ด้วย ดีใจจัง! มากินข้าวถึงนี่เลยเหรอคะ?”
“อ้อ ครับ เบื่อกับข้าวโรงอาหารวิศวะน่ะ หลิวมีโต๊ะหรือยัง นั่งด้วยกันไหม?”
ตอแหลล้วนๆครับ ผมน่ะแทบกินกับข้าววิศวะได้นับครั้งได้ ไอ้โชติมันชอบบอกว่ากินไม่ลง เห็นแต่พวกดำ บึก ถึกทึน สวมเสื้อยืดไม่ได้รีด ชอปไม่ได้ซัก กางเกงยีนส์ขาดวิ่นกับรองเท้าแตะหนีบแล้วจะอ้วก คือมันชอบด่าคนอื่นว่าทำให้โรงอาหารวิศวะไม่น่าดูชม แต่แม่งไม่เคยสำเหนียกตัวเองเลยครับว่ามันเองก็พาความเถื่อนมาแปดเปื้อนคณะสาวงามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หลิวนั่งกับเพื่อนอยู่มุมโน้นค่ะ พี่เน็ตได้เจอพี่ปันบ้างหรือเปล่า?”
ปันนภ มึงหาเรื่องมาให้กูแล้ว!! ผมยิ้มแหยให้สาวน้อยตรงหน้า จะส่ายหน้าก็กระดาก จะตอบรับก็ใช่เรื่อง
“หลิวพยายามติดต่อพี่ปัน แต่เนี่ยไม่ตอบวอทแอพเลย โทรไปก็ไม่ค่อยรับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร”
มันหลอกฟันน้องแล้วทิ้งไงครับ นิสัยเหี้ยๆแบบนี้ผมรู้ดี พวกเพื่อนๆนี่ต้องตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้มันจนเอือมระอาแล้ว
“หลิวยืมโทรศัพท์พี่เน็ตโทรหาพี่ปันได้ไหมคะ?”
คือผมอยากตอบว่า
’อย่าเลย’ มากครับ แต่เจ้าของมือขาวอมชมพูนั่นก็คว้าเอาไอโฟนสีขาวข้างๆแก้วน้ำมะพร้าวผมขึ้นไปแล้ว ปลายนิ้วเรียวเลื่อนปรื๊ดๆขณะที่ผมได้แต่มองตามตาปริบๆ
คือ... ชิบหายแล้วปันนภ เจอผู้หญิงทู่ซี้ขนาดนี้ผมก็ช่วยมันคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะหนียังไงไหว
“ฮัลโหล พี่ปัน นี่ต้นหลิวเอง อ้อ พอดีเจอพี่เน็ตเลยยืมโทรศัพท์โทรน่ะ เดี๋ยวนี้ไม่รับเบอร์หลิวเลยนะ”
อ่า... เป็นชุด ต้นหลิวบ่นยืดยาว ก่อนปิดท้ายว่าเย็นนี้ให้มารับที่คณะ จะได้ไปหาอะไรกินกัน ปลายสายคงตอบรับครับ เพราะไม่นานจากนั้นสาวงามก็ยื่นไอโฟนของผมคืนโดยที่ยังไม่ได้กดวางสาย
"พี่ปันขอคุยกับพี่เน็ตต่อค่ะ"
งานเข้ากูสิครับทีนี้ ผมยื่นมือสั่นๆของตัวเองไปรับไอโฟนที่แม่งหนักขึ้นกว่าเดิมสิบเท่าตัวมาแนบหู แค่พูดว่า
"ฮัล..." ยังไม่ทันครบโหลเสียงคุณชายปันนภก็ลอยมาเย็นๆแล้วครับ
"สัดหมา!""กูขอโทษ.. กูปฎิเสธไม่ได้จริงๆ อย่าโกรธกูนะปันนภ"
"ไม่โกรธก็เหี้ยแล้ว ไอ้หมอมันเล่าให้มึงฟังแล้วไม่ใช่รึไงว่าต้นหลิวนี่ปัญหาใหญ่ของกูเลย"
"กูรู้ มึงจะด่าก็ไปด่าไอ้โชติโน่น มันลากกูมาแดกข้าวคณะมนุษย์" ผมไม่ได้โบ้ยนะครับ แต่ถ้าไอ้โชติไม่รบเร้าจะมา ผมก็คงไม่ซวยเจอน้องต้นหลิวแบบนี้หรอก
"เอาน่า น้องเขาก็น่ารักดี มึงก็เล่นต่อด้วยสักพักสิวะ"
"กูไม่อยากมีปัญหากับบูม ไอ้บอมมันรักน้องมันจะตายห่า"
"งั้นมึงก็คบกับหลิวจริงจังไปสิ แค่นี้ปัญหาก็จบ"
พูดไปนั่น ที่จริงผมไม่ได้รู้สึกอยากให้มันคบกับใครจริงๆหรอกครับ ทางปลายสายเองก็เงียบไปพักหนึ่งเหมือนกัน
"กูไม่เป็นแฟนกับคนที่กูไม่ได้รักหรอกสัด" อื้อหือ พูดจาพระเอกมาก แต่ดูการกระทำมึงสิครับ พ่อนักล่าพรหมจรรย์
"อยู่ไปก็รักกันเองน่า ดาวคณะเลยนะเว้ย แล้วยังไง เย็นนี้มารับน้องเขาหรือเปล่า เดี๋ยวกูกับไอ้โชติช่วยไปเป็นก้างให้ อ้อ กูลากสปอนเซอร์ไปอีกคนก็ได้นะ"
"สปอนเซอร์?"
"เฮียบีมไง ได้แดกของฟรี ได้หลีหญิง กูนี่มันเป็นของขวัญจากฟากฟ้าที่ประทานมาให้มึงจริงๆเนอะ"
ผมพูดติดตลก แต่ดูเหมือนคุณชายจะไม่ขำด้วย มันถอนหายใจลากเสียงยาวพรืดแล้วตอบเสียงนิ่ง "กูไม่ไป"
"เมื่อกี้มึงไม่ได้รับปากน้องว่าจะมาเหรอวะ?"
"ก็รับปาก แต่ตั้งใจจะไม่ไปตั้งแต่หลิวอ้าปากชวนแล้ว งานเยอะจะตายห่า เมื่อวานก็ไปแดกเหล้า รั้ว ม.กูไม่ได้ติดกับ ม. มึงนะครับ"
"เหี้ยเนอะ?" ผมหัวเราะ ปลายสายมันตอบ 'เออ!' ด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น "แล้วเรื่องเฮียของไอ้บอมนี่ยังไม่จบเหรอวะ? ทำไมยังไม่เลิกยุ่งกันอีก"
ปันถาม พอดีกับโชติที่ถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาวางตรงหน้า น้ำซุบแม่งจะหกราดกูแล้ว คือตาช่วยมองภารกิจที่ทำก่อนจ้องเข็มมหาลัยที่ปักบนอกสาวๆจะได้ไหมวะ?
"กูไม่รู้แม่ง คือจะให้กูช่วยสืบ พอกูได้คำตอบว่าเฮียไม่ได้เป็นเกย์แม่งก็ไม่เชื่อ ไม่รู้แม่งจะรอให้เฮียได้กับกูจริงๆถึงจะยอมเลิกราล่ะมั้ง"
"งี่เง่า" ปันมันเข้าใจผมมากครับ โอย น้ำตาจะไหล ซาบซึ้งจริงๆที่มีคนมองว่าที่ไอ้บอมกัดพี่มันไม่ปล่อยนี่เป็นการกระทำที่งี่เง่าสุดๆไปเลยเหมือนผมด้วย
"มึงไปแดกข้าวเถอะ กูจะเข้าเรียนแล้ว แค่นี้นะ"
พอปันตัดสาย ผมเลยหยิบตะเกียบขึ้นมาจัดการบะหมี่ในถ้วย ถึงจะเกร็งปากพยายามทำเป็นกินเนียนๆแล้ว ไอ้โชติก็ยังขมวดคิ้วถาม
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของมึง?"
SLK เป็นรถที่ไม่ได้พบเจอง่ายๆในมหาวิทยาลัยผม นิสิตส่วนใหญ่อาศัยเดินทางด้วยรถรางใน ม.มากกว่าขับขี่เข้ามาเพราะที่จอดหายากยิ่งกว่าหาชายแท้ในคณะมนุษย์ ดังนั้นพอผมเดินลงมาจากตึกเรียน จึงสังเกตรถหรูของเฮียบีมได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ถึงจะเป็นห้าโมงเย็นแล้วแดดก็ยังแรงอยู่ ดังนั้นสุดหล่อมันเลยไม่ลงมารอเจิดจรัสข้างรถเหมือนวันก่อน
"เชื่องดีเนอะเฮีย"
ประโยคแรกที่ผมทักไอ้ตัวโตข้างๆ วันนี้มันเปลี่ยนแว่นจากสีดำสนิทมาเป็นเรย์แบนสีชาให้ผมเห็นลูกกะตานิ่งๆของมันได้แล้วครับ
"อะไรของมึง?"
"ก็มารับไปกินข้าวทุกวันเนี่ย ไอ้บอมแม่งคูลมาก สั่งอะไรได้อย่างสั่ง"
"โชคดีของมึงเพราะช่วงนี้กูว่างเหอะ เดือนหน้าเปิดกองหนังเรื่องใหม่กูไม่ได้มีเวลามาเลี้ยงข้าวมึงเหมือนตอนนี้แล้ว" ผมหัวเราะ เอื้อมมือไปเร่งแอร์ ร้อนชิบหาย
"วันนี้กูจะเอาคอมไปซ่อม หาอะไรแดกในห้างแล้วกัน"
"ฮะจิบัง!" อยากมากครับ คิดถึงชาชูเมนกับเกี๊ยวซ่าสุดๆ คือตัวผมน่ะชอบกินมากแต่ไอ้เพื่อนชายทั้งหลายแหล่มักจะปฏิเสธที่จะกินของจำพวกเส้น มันบอกไม่ระคายกระเพาะมันกินเข้าไปแล้วเปลืองตังค์เปล่าๆ ได้โอกาสที ผมเลยผูกขาดข้อเสนอ ไม่ได้เผด็จการนะ เฮียบีมชอบตามใจคนอยู่แล้ว
รถเคลื่อนออกจากมหาลัยตอนห้าโมงนิดๆ แต่กว่าจะเอาคอมไปเข้าศูนย์ กินฮะจิบัง จนสุดท้ายเฮียไปสอยชอคโกแลตร๊อยซ์ของดีจากญี่ปุ่นมาก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ผมนั่งถือชอคโกแลตสามกล่องมูลค่าหลักพันอยู่บนตักแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้พวกนี้รสชาดมันต่างจากชอคโกแลตทั่วไปยังไงถึงได้แพงเอาๆ
ท่าทางสงสัยใคร่รู้ของผมทำให้เฮียเหลือบตามองหลายครั้งขณะขับรถ ก่อนพูดอย่างเหลืออด
"บูมมันชอบ พรุ่งนี้กูจะกลับบ้านเลยซื้อไปฝากมันกับบอม เหลืออีกกล่องถึงห้องก็แกะชิมดูเผื่อจะชอบ"
ก่อนที่เฮียจะไปส่งผมกลับหอ มันขออนุญาตเอาชอคโกแลตทองคำของมันไปเก็บที่ห้องก่อน ลาภปากก็คราวนี้ที่ผมจะได้ไปแกะกล่องของมันตอนอยู่ที่คอนโดล่ะครับ
"ซื้อที่ญี่ปุ่นจะถูกกว่า ตกกล่องละ285บาทเอง"
กูก็ว่าแพงอยู่ดี ถ้าแดกแล้วรสชาดแม่งเหมือนเฮอร์ชี่เซเว่น จะลงไปขำให้ฟันร่วงเลย
ไม่นาน ผมก็ได้แกะกล่องชอคโกแลตทองคำที่ว่าบนโซฟาหนังสีดำด้าน รสที่ผมเลือกมาเป็นร๊อยส์บานาน่าเพราะเฮียจะเก็บรสนมทั้งสองกล่องไว้ให้บูมกับบอมพรุ่งนี้ ในกล่องกระดาษ มีช้อนเล็กๆสำหรับงัดชอคโกแลตในถาดพลาสติกไว้กินด้วย ดีไซน์ค่อนข้างแปลกตาสำหรับผม แต่หน้าตาจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ มันสำคัญตอนแตะปลายลิ้นแล้วกลืนให้กระเพาะย่่อยต่างหาก ผมไม่รอแล้วครับ ใช้ช้อนที่ว่านั่นจิ้มเนื้อชอคโกแลตมุมซ้ายล่างชิมก่อนเป็นอันดับแรก
....กูรู้แล้วว่าทำไมถึงแพง....พออมเข้าไปแล้วแม่งละลาย ละลายในปาก กลิ่นกล้วยก็หอมขึ้นจมูกจนผมแทบสลายร่าง อร่อยสมราคาครับ แต่ราคาขนาดนี้ต่อให้อร่อยแค่ไหนกูก็ไม่ซื้อกินเองหรอก
เจ้าของห้องหันมายิ้มตอนที่ผมเริ่มกินชอคโกแลตในกล่องต่ออย่างตะกรุมตะกราม เฮียบีมนั่งลงข้างๆผมบนโซฟา ใช้แขนข้างหนึ่งวาดวางไว้บนพนักพิงเบื้องหลัง จ้องมองซีรีส์ฝรั่งบนจอLED ทีวีรุ่นใหม่ของตัวเองไปเรื่อย
"ซกมก"
เฮียพูดทั้งๆที่จ้องทีวีอยู่ ผมเลิกคิ้วบางๆของตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนสายตาคมของอดีตนายแบบจะหันมามองหน้าผม
"กินยังไงเลอะแก้ม"
นิ้วกลางของเฮียนิ่มมาก นิ่มเหมือนมือผู้หญิงเลยตอนที่เกลี่ยคราบสกปรกออกจากแก้มผม ก้อนสีดำๆขนาดเม็ดเท่าถั่วเขียวบนปลายนิ้วใหญ่นั่นไม่บอกก็รู้ว่าเป็นชอคโกแลต ที่ผมอยากจะขำคือท่าทางตอนนี้เหมือนเฮียโอบผมเอาไว้ด้วยแขนข้างขวา ส่วนข้างซ้ายก็เปื้อนชอคโกแลตอยู่ คือถ้าแม่งเป็นในละครน้ำเน่า เดี๋ยวพระเอกแม่งต้องดูดนิ้วตัวเองแล้วนางเอกในอ้อมแขนนี่ต้องเขินอายฉิบหายแน่ๆ เรื่องแบบนี้แม่งเบสิคจนคนดูอ่านเกมส์ออกกันตั้งแต่ปี38แล้ว
แต่เอ๊ะ?... สภาวะตอนนี้ ถ้าคนที่เป็นพระเอกคือเฮีย....
ม่ายยยยยยยยยย!!!!ก่อนที่เฮียบีมจะเอานิ้วตัวเองไปเลียให้ผมเขิน ผมเลยคว้าหมับเอาที่มือใหญ่แล้วดูดคราบชอคโกแลตบนมือ เจ้าของนิ้วเบิกตากว้างค้างสนิท หน้าหล่อๆของเฮียบีมตื่นตกใจ หึ.. คิดเหรอครับว่าผมจะเป็นนางเอกให้ ถ้าคู่กับมึงกูต้องเป็นพระเอกโว้ยเฮีย! หึหึ
ผมกระหยิ่มยิ้มในใจได้ไม่นาน เฮียบีมก็ค่อยๆเหลือบตาไปมองกระดาษทิชชู่บนโต๊ะราวกับว่า ที่จริงกูตั้งใจจะเอาทิชชู่มาเช็ด ไม่ได้ดูดเองหรือให้มึงดูดหรอกนะ ทำให้ผมชะงัก...
กูพลาดใช่ไหม?คนที่นิ่งค้างไปเมื่อครู่เริ่มเผยยิ้มปีศาจ มือที่วางอยู่บนพนักพิงโซฟายาวเลื่อนมาจับท้ายทอยของผมแน่น ขณะที่มือที่ผมอมนิ้วกลางของมันอยู่ค่อยๆดึงเข้าออก
อย่าสิสัด! เดี๋ยวน้ำลายหก!อยากจะด่ามันไปอย่างนั้น แต่ผมก็ทำไม่ได้ ปากที่อมปลายนิ้วเอาไว้ต้องดูดตลอดโคนจรดปลายเพราะกลัวน้ำลายจะเยิ้มติดมือที่อยู่ไม่นิ่ง ชักเข้าออกในปากให้ผมโมโหเล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะดึงออกมาแล้วแทบที่ด้วยอย่างอื่น...
ผมเห็นหน้าเฮียชัดมาก.. เวลาที่กระพริบตายังรู้สึกว่าขนตาตัวเองสัมผัสที่หน้าของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
5.3 วินาทีผมค้างไปราวๆ5.3วินาทีหลังจากปากตัวเองถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย กลีบปากเข้มดูดดึงขบเม้ม มันหายใจเป็นปกติขณะที่ผมยังกลั้นหายใจตอนที่ถูกจูบ ใช่ครับ ผมกำลังถูกจูบ!
ไหนมึงบอกว่าไม่ใช่เกย์ไงไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!ทันทีที่ได้สติ แขนที่งอเข้าแนบกับแผ่นอกก็เริ่มอยู่ไม่สุข ดีดดิ้นอยู่ในอ้อมกอดไอ้เกย์สักพักจนมันได้ดูดปากผมสมใจแล้วถึงยอมปล่อยออก ถูกขบเม้มจนเจ็บไปทั้งปาก ไอ้เฮียหัวเราะหึมองผมที่หอบโกยเอาอากาศเข้าปอดถี่ๆก่อนใช้ปลายนิ้วตัวเองเกลี่ยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าของผมขึ้นไปทัดหู ตากึ่งตี่กึ่งโตสีดำสนิทมองจ้องผมวาววับ เฮียเป็นคนขาว ไม่ได้ได้ขาวแบบไอ้บอมที่กระดำกระด่างกร้านแดดกร้านลม แต่เพราะขาวเนียนสุขภาพดีแบบคนดูแลตัวเองผิวเฮียจึงยิ่งตัดกับปากอิ่มมันเลื่อมด้วยน้ำลายที่ไม่รู้ว่าเป็นของผมหรือมันอย่างเห็นได้ชัด
ผมตวัดหางตามองมันควับ สีหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนนี่เตี่ยพวกมึงสอนกันมาใช่ไหม โกรธ! ผมโกรธไอ้บีม พาลไปถึงไอ้บอมที่แม่งส่งผมมาอยู่ที่ตรงนี้ เสียเฟิร์สคิสไปให้ตัวผู้ด้วยกันโดยที่ตัวเองสู้อะไรมันไม่ได้เลยแบบตอนนี้!
"อะไร มองกูอย่างนั้นทำไม?"
"ยังจะให้กูพูดอีกเหรอ! เหี้ยบีม! มึงบอกว่ามึงไม่ใช่เกย์!"
"ก็ไม่ใช่" ไอ้สัตว์ อย่ามาซึนใส่กู
"ไม่ใช่แล้วมาจูบกูทำไม!"ผมตวาดถามมัน ถดตัวหนีไปจนชิดมุมโซฟา
"มึงก็บอกมึงไม่ใช่เกย์ มึงยังชอบผู้ชายด้วยกันได้เลย" ยอกย้อนกูอีก ผมกัดปากล่างของตัวเองแน่นโมโห ด่าก็ไม่ได้ เถียงก็ไม่ชนะ ล้มกระดานกลับแม่งเลยดีกว่า แต่พอก้าวขาลงจากโซฟาก็เสือกมีเสียง
แผละ!วันนี้วันอัปโชคของกู!!!!กล่องชอคโกแลตทองคำร่วงไปบนพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่ทำให้ผมรู้ตัวว่ารู้ว่ามันหล่นอยู่บนพื้นก็เพราะตีน.. ใช่ครับ ผมเหยียบไอ้ร๊อยส์ราคาห้าร้อยนั่นลงเต็มๆตีน เนื้อชอคโกแลตเหลวซึมผ่านช่องระหว่างเส้นใยของถุงเท้าสีดำขึ้นมาสัมผัสผิวเนื้อ เชี่ยแม่ง! หงุดหงิด! ไอ้ชอคโกแลตอร่อยไม่รู้ลืมนี่ทำผมหงุดหงิดได้อีก!!
"ซุ่มซ่ามว่ะ ถอดถุงเท้าออกแล้วเขย่งไปล้างตีนในห้องน้ำเลยไป"
ไอ้บีมมันสั่งเสร็จสรรพแล้วลุกไปในครัว คงหยิบผ้าขี้ริ้วมาทำความสะอาดนั่นแหละครับแต่ผมไม่สนใจหรอก ถอดถุงเท้ากองๆไว้กับซากกล่องแตกๆของชอคโกแลตแล้วก็โดดเหยงๆกระต่ายขาเดียวไปล้างเท้าในห้องน้ำด้วยอารมณ์บูดๆ พอออกมาเจ้าของห้องก็ทำความสะอาดพื้นห้องเรียบร้อย ยืนกอดอกพิงผนังห้องมองล้ออยู่ได้
"ยิ้มหาเตี่ยมึงเหรอ!"
คนถูกตะคอกใส่ไม่ตอบ ที่จริงผมก็ไม่ได้อยากได้คำตอบหรอกครับว่าไอ้ตัวสูงนี่จะยิ้มหาเตี่ยมันจริงๆหรือเปล่า ไอ้บีมเอาสองมือที่กอดอกอยู่ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง
หล่อ ตาย ห่า!"เอ้า ทีแบบนี้มาหงุดหงิด แล้วเมื่อกี้มึงจะยั่วกูทำไม?"
ห้ะ?นี่ผมยั่วมึงตอนไหนครับเฮีย
โอเค ผมพลาดท่า! ก็ตอนนั้นมันกลัวนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่ามึงเป็นเกย์ คือกูก็ไว้ใจเต็มที่เลยยอมเล่นๆตามเกมส์ไอ้บอมมันไป สมใจน้องชายมันก็คราวนี้ มีพี่เป็นเกย์ตามความปรารถนาสูงสุดของแม่งแล้ว พอกันทีภารกิจห่าเหวที่มันจะสั่งพี่มันเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาให้ใจสั่นหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิดเพื่อจะพิสูจน์ว่าต่อให้อยู่ใกล้ผู้ชายซึ่งมีฟีรอโมนกับหนุ่มๆด้วยกันแรงกล้าอย่างผมแล้วจะไม่รู้สึกอะไร เพราะมันไม่ใช่
กูรู้แล้วไอ้บอม พี่ชายมึงนี่แม่งไบเซ็กชวล!
"จะกลับแล้วเหรอ?"ไอ้บีมถามพอเห็นผมเดินไปหยิบเสื้อชอปที่พาดอยู่บนโซฟา ผมไม่ตอบเดินผ่านหน้ามันไปเฉยๆแต่ก็ต้องกระตุกจนเกือบล้มตอนที่ถูกคว้าไหล่เอาไว้
"ไม่เอาน่า จะงอนอะไรกู"
"ไม่ได้งอน"
"ทำหน้าเป็นตูด"
"เห็นแล้วมึงอยากล่อรึไง?" มันหัวเราะ กูด่ามึงอยู่ สัส! แต่เสือกอารมณ์ดีใส่กูนะคุณเฮีย ผมสะบัดไหล่ออกจากมือมันแล้วเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบทั้งๆที่ไม่มีถุงเท้า ตีนจะเหม็นก็คราวนี้แหละ ช่างแม่ง ไม่สนใจแล้ว
"กลับก็กลับ เดี๋ยวกูไปส่ง"
"ไม่ต้อง!"
“เน็ต อย่าดื้อ กูรับปากบอมมาแล้วว่าจะช่วยดูแลมึง”
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!”ถึงจะตวาดใส่มันแบบนั้น สุดท้ายผมก็มานั่งหน้าหงิกอยู่ในเมอร์ซิเดสคันเก่งของไอ้บีมอยู่ดี บรรยากาศในรถเงียบๆตึงๆ อาจเป็นเพราะผมยังโกรธมันอยู่ทำอะไรแม่งก็ขัดหูขัดตาไปหมด ขนาดเมื่อกี้เฮียเปิดวิทยุแล้วเพลง
คืนนี้ขอหอมของโป้ โยคีย์เพลบอยขึ้น ผมยังโกรธจนมันต้องรีบปิดเพลงให้ผมฟังเสียงหึ่ง หึ่งของแอร์รถแทนเลยครับ
"พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม?"
ผมไม่มองหน้ามัน ไม่ตอบคำถามด้วย ตากลมๆของตัวเองเบือนไปนอกกระจกรถ ทัศนียภาพสีสว่างเพราะแสงไฟนีออนตามร้านค้าริมทางกำลังบอกว่าผมต้องทนอยู่ในบรรยากาศมาคุแบบนี้อีกไม่ถึงอึดใจแล้วก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดๆ เสียงเฮียบีมถอนหายใจยาวก่อนจะวางมือแหมะลงบนหัวสีส้มแดงของผม
"จะให้เฮียทำยังไงถึงหายงอนเนี่ย หืม? หัวแดง"
"ตาบอดสีรึไง สีส้มเว่ย"
ภาพของเฮียบีมสะท้อนในกระจก ตาของมันไม่ได้มองถนนแต่กำลังจ้องเสี้ยวหน้าของผมอยู่
"ส้มก็ส้ม เออ ไอ้บอมบอกแถวหอเรามีร้านนมสดที่เคยพามันมากินใช่ไหม? เฮียชวนมันมาหลายรอบแล้วมันยังไม่ว่างสักที วันนี้เน็ตพาเฮียไปกินหน่อยได้ไหม?"
แหม พูดเพราะแล้วยังเอาของกินมาล่อ ใครจะคล้อยตามมึงครับเฮีย
"ร้านข้างทางก่อนถึงแยกน่ะ เอารถไปจอดที่หอผมแล้วค่อยเดินออกมาก็ได้ นมสดน่ะเฉยๆ ไอ้บอมบอกอร่อยเพราะมันจ้องจะกินนมลูกสาวอาแปะที่ขายอยู่มากกว่า"
ไม่ใช่แค่ไอ้บอมหรอกครับ ร้านนี้ขึ้นชื่อว่าลูกสาวสวย ตอนปีหนึ่งไอ้โชติมันมากินหนมปังสังขยาที่นี่ทุกวัน เสียก็ตรงที่อาหมวยนั่นแต่งตัวเสียมิดชิดสุดท้ายไอ้โชติมันเลยเลิกราไปส่องสาวๆที่เขาเปิดอกเปิดใจกันเต็มที่ในร้านเหล้าดีกว่า ไอ้โชติว่านอกจากได้มองเต็มตา ดีไม่ดีจะได้จับเต็มมืออีกด้วย
(ต่อด้านล่าง)