[จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14  (อ่าน 70539 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 37

บทลงโทษของหมาน้อย

 

Special  Talk :

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา  ผมที่นั่งรอดูอาการของไอ้โชเล่อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเงยหน้ามองเจ้าของเสียงฝีเท้านั่น  ไอ้จักรวาลกับไอ้อวกาศวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“ไทม์ล่ะ  เป็นยังไงบ้าง  บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ยิงคำถามใส่ผมไม่ยั้งทันที  นี่ถ้ามันรู้ว่าไอ้ไทม์ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วล่ะก็มีหวัง…

องค์ลงโรงพยาบาลแตกแน่ๆ

“ไอ้ไทม์ไม่อยู่ที่นี่หรอก”

“ไม่อยู่?  ไปไหน?”

ไอ้ไทม์นะไอ้ไทม์  ทิ้งระเบิดไว้ให้กูแล้วก็หายต๋อม  ผมเหลือบมองไอ้สองคนที่เริ่มจะกลายเป็นเงาดำส่งสายตาถมึงทึงมาให้ผมมากขึ้นทุกที  ถ้าไม่บอกเหตุผลว่าไอ้ไทม์หายไปไหนสงสัยกูคงได้กลายเป็นคนไข้ฉุกเฉินอีกรายแน่ๆ

“ก่อนที่กูจะบอกว่าไอ้ไทม์มันหายหัวไปไหน  พวกมึงช่วยสงบจิตสงบใจและท่องเอาไว้ว่าห้ามอาละวาดเด็ดขาด  ตกลงไหม”

“พูดแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่อยากตกลง”

“ไอ้อวกาศ”

ค้อนขวับใส่คนพูดทันที  ยังไงซะตอนนี้ที่ทำได้มีแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวไอ้ไทม์เท่านั้น  พวกมีมันสมองอัจฉริยะคิดอะไรในหัวกันแน่นี่เดาใจยากชิบเป๋ง!

“ฉันสัญญา”

“ไอ้จักรวาลตกลงละ  มึงอ่ะ”

“ก็ได้ๆ  รีบบอกมาได้แล้วว่าน้องชายฉันอยู่ที่ไหน”

ผมลากพวกมันสองคนให้ออกห่างมาจากประตูหน้าห้องฉุกเฉิน  ไปยืนกระจุกตรงประตูหนีไฟแทน  ข้อสันนิษฐานทุกอย่างของไอ้ไทม์ที่พิมพ์บอกผมในไลน์ถูกอธิบายให้พวกมันฟังจนหมด  รวมถึงสิ่งที่มันต้องการให้พวกผมทำหากสิ่งที่มันคิดถูกต้องด้วย

จะออกหัวหรือออกก้อยก็คงต้องเสี่ยงกันสักตั้งล่ะนะ

ไอ้ไทม์…หวังว่ามึงจะคิดถูก!

Special  Talk  End.

 

“จอดตรงนี้เลยครับพี่”

ผมสะกิดบอกวินมอเตอร์ไซค์เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่ไอ้โชเล่พักรักษาตัวอยู่  เมื่อชั่วโมงก่อนไอ้เฟี้ยวโทรมาบอกแล้วล่ะว่ามันปลอดภัยดี  กระสุนไม่โดนจุดสำคัญแต่ที่เลือดออกเยอะเพราโดนเส้นเลือดเข้าพอดี  คงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์แล้วค่อยกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน  หลังเสร็จธุระที่ไปทำผมเลยนั่งวินตามมาสมทบกับทุกคนนี่แหละ

ในโรงพยาบาลยังคงเต็มไปด้วยคนไข้เหมือนเคย  ผมรีบขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องพักฟื้นของไอ้โชเล่  ป่านนี้คุณจักรวาลกับคุณอวกาศคงมากันแล้ว  หวังว่าจะจะไม่โกรธที่ผมทำอะไรลงไปโดยพลการนะ  ไม่อยากจะคิดภาพบทลงโทษจากคุณจักรวาลเลย  เหอะๆ

ก๊อกก๊อกก๊อก

เคาะสักหน่อยตามมารยาท  คนเดินมาเปิดประตูห้องคือคุณอวกาศ  ทันทีที่เห็นผมก็ยิ้มทักทาย  บรรยากาศในห้องไม่ได้อึมครึมอย่างที่กังวลในตอนแรก  แสดงว่าไอ้เฟี้ยวคงบอกทุกอย่างให้พวกเขารู้แล้วสินะ  รวมถึงสิ่งที่ผมต้องการให้พวกเขาร่วมมือด้วย!

“มาแล้วเหรอมึง  หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะห่วงเรื่องสอบอีกนะไอ้เวร!”

ไอ้เฟี้ยวที่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเอ่ยปากด่าเป็นคนแรก  ผมยิ้มแห้งๆแล้วรีบสาวเท้าไปยืนข้างๆมัน  ไอ้โชเล่ที่กำลังดูทีวีอยู่ก็หันมาส่งยิ้มให้

“เป็นไงบ้าง  ขอบใจมากเลยนะที่ช่วยกู”

“เฮ้ย  ไม่เป็นไร  เจอแบบนั้นเป็นใครใครก็ต้องช่วย”

“เขาเรียกไม่เจียมกะลาหัว  ช่วยจนตัวเองเกือบตายเองแบบนี้  มันใช่เรื่องซะที่ไหน”

ไอ้เฟี้ยวตบเข้าเต็มๆกบาลของคนนอนป่วย  ผมหัวเราะที่เห็นทั้งสองคนยังเข้ากันได้ดี  แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรต่อ  คุณจักรวาลที่เอาแต่นั่งเงียบอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟากลับพูดแทรกขึ้นมา

“เด็กคนนี้เป็นเพื่อนนายใช่หรือเปล่าเฟี้ยว”

“เออ  เพื่อนฉันเองแหละ  แต่หายหัวไปเป็นเดือนๆติดต่อก็ไม่ได้  โผล่มาอีกทีเสือกหาเรื่องตายซะงั้น  ทำไมวะ  ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเรอะ  รันทดมากเลยดิมึง”

“ไม่ใช่แบบนั้น  ช่วงที่หายไปกูหนีหนี้น่ะ  พ่อดันไปเป็นติดหนีพนันไว้แล้วหนีไป  พวกมันเลยมาตามทวงกับกูจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน  ข้าวยังไม่มีจะกินเลย”

ไอ้โชเล่เล่าถึงสิ่งที่เจอมาตลอดในช่วงที่หายไปให้ฟัง  ผมเหลือบมองคุณจักรวาลที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว  แววตาเขาดูโกรธๆอยู่นะ  แต่จากการที่เขาไม่ผลีผลามทำอะไรออกมา  แสดงว่าเขายอมตกลงและเชื่อในสิ่งที่ผมบอก

“แล้วทำไมมึงไม่มาหากูวะ”

“ไปหามึงแล้วได้อะไร  ปีใหม่ที่ผ่านมามาม่าซองเดียวยังต้องแบ่งกันแดกตอนจัดปาร์ตี้เลย  จำไม่ได้หรือไง”

“อะ…เอ่อว่ะ  ลืมไป  กูก็ถังแตกเหมือนกัน”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบนโลกนี้จะไม่ได้มีแค่ผมที่ยากจนถึงขั้นขดเกลือกิน  ไอ้สองคนนี้ก็เหมือนกันเหรอเนี่ย  รู้สึกเหมือนได้เจอพวกพ้องจนอยากจะเข้าไปกอดเลย

“งั้นเอาแบบนี้สิ  ไหนๆเด็กคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับเฟี้ยว  แถมยังช่วยชีวิตไทม์ไว้อีก  พี่ก็รับอุปการะเพิ่มไปอีกคนเลยเป็นไง”

คุณอวกาศเสนอไอเดีย  ผมลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้  ปกติเคยคิดว่าตัวเองแค่เป็นฉลาดเฉยๆนะ  แต่จากรเองนี้ผมชักจะเริ่มหลงตัวเองและคิดว่าตัวเองอัจฉริยะมากกว่าแค่ฉลาดแล้วสิ  หึๆ

“อย่าดีกว่าครับ  ผมเกรงใจ  อีกอย่าง…ผมจะเป็นภาระเปล่าๆ”

“สำหรับคนที่ช่วยชีวิตหมาน้อยของฉันเอาไว้  ไม่มีคำว่าภาระหรอก”

ต่อด้วยคุณจักรวาลที่เดินเข้ามาโอบไหล่ผมเอาไว้  สีหน้าของไอ้โชเล่ยังมีความลังเลอยู่  ผมเลยหันไปส่งซิกให้ไอ้เฟี้ยวเพื่อส่งไม้ต่อให้กับมัน

“เอาน่า  อย่าคิดมากเลยไอ้โช  บ้านพวกมันรวยจะตาย  มีมึงเพิ่มมาอีกสักคนขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก  อีกอย่างกูเองก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน  อยู่กันสามคนจะได้ช่วยกันติวหนังสือเตรียมสอบขึ้นมหาวิทยาลัยด้วยไง”

“คนอย่างมึงพูดเรื่องติวหนังสือด้วย  ขนลุกว่ะ”

“อุ๊บ!”

คนด้านหลังกลั้นขำแทบไม่ทัน  แน่นอนว่าไอ้เฟี้ยวส่งสายตาปลิดชีพไปให้คุณอวกาศทันทีที่ได้ยินเขาหลุดหัวเราะออกไป

ตอนแรกผมนึกว่าสองคนนี้สนิทกันแบบลูกพี่กับลูกน้องเสียอีก  แต่ฟังจากวิธีการพูดคุยแล้ว  พวกเขาเป็นเพื่อนกันแบบปกติทั่วไปมากกว่า  แสดงว่าตอนนี้ไอ้เฟี้ยวเองก็คงลำบากใจไม่น้อยเลยสินะ  ที่ทุกอย่างดันมาลงเอยแบบนี้…

“กูเห็นด้วยนะ  มาอยู่ด้วยกันเถอะ  ที่ผ่านมาไอ้เฟี้ยวเองก็เป็นห่วงมึงมาตลอดด้วย  อย่าทำให้มันเป็นห่วงอีกเลย”

“แต่…กูเคยทำไม่ดีกับมึงนะ  เคยแกล้งมึงไว้ตั้งเยอะ”

“เรื่องนั้นก็หายกันกับที่มึงช่วยกูไง”

ผมชี้ไปที่บาดแผลตรงช่วงเอวของมัน  ไม่ใช่แค่จบเรื่องแย่งชิงสมบัติบ้าๆนี่เท่านั้น  แต่เพื่อเป็นการปลดปล่อยไอ้โชเล่ออกมาจากสิ่งที่พันธนาการมันเอาไว้  ผมจะต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้  อย่างน้อยก็…เพื่อไอ้เฟี้ยว

ยิ่งเห็นสายตาความเป็นห่วงที่มันแอบมอบไอ้โชเล่บ่อยๆผมยิ่งกังวล  ไอ้เฟี้ยวคงไม่อยากจะสูญเสียคนรอบตัวมันไปอีกแล้ว  ไม่ว่าจะชั่วจะดียังไง  ไอ้โชเล่ก็คือเพื่อนของมันอยู่ดี  และผมจะช่วยเอาไว้ให้ได้!

“มาเหอะมึง  มาอยู่ด้วยกัน  จะไปตกระกำลำบากคนเดียวอีกทำไม  อย่างน้อยที่บ้านพวกมันก็มีข้าวให้แดกนะ”

“ไอ้เฟี้ยว…”

“อย่ามาทำตาหวานซึ้งใส่กู  เดี๋ยวพ่อกระทืบซ้ำ!”

“ไอ้เชี่ย! หมดกันโหมดซาบซึ้งของกู”

ทั้งสองเถียงกันไปหัวเราะกันไป  เป็นภาพที่จะทำให้มีความสุขมากกว่านี้ถ้าหากมันไม่ได้มีเบื้องหลังที่ซับซ้อน…

“ถ้างั้นก็ตกลง  ขอบคุณมากนะครับคุณจักรวาล  คุณอวกาศ”

“เอ๊ะ?  ฉันแนะนำตัวกับนายแล้วเหรอว่าชื่ออวกาศ  ถึงจะเป็นน้องของพี่จักรวาลแต่ปกติฉันไม่ค่อยออกงานสังคมก็เลยไม่ค่อยมีคนรู้จัก  แต่นายกลับรู้จักฉันแบบนี้นี่แสดงว่าร็อะไรมาเยอะเลยสิท่า”

“เอ่อ…”

“ไม่สิๆ  ฉันหมายถึงคงจะเคยเห็นฉันที่ไหนมาก่อนใช่ไหม”

“ชะ…ใช่ครับ  ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณอวกาศมาบ้างก็เลยคิดว่าน่าจะใช่  เห็นเรียกคุณจักรวาลว่าพี่ด้วย”

“นั่นสินะ”

คุณอวกาศยิ้มหวาน  ขณะที่ผมแอบสังเกตปฏิกิริยาของไอ้โชเล่ไปด้วย  มันดูร้อนรนมากเหมือนถูกไล่บี้ถามแบบนั้น

เอาล่ะ…ต่อไปก็ตาผมสินะ

“แต่ว่าก่อนอื่น  กูมีเรื่องบางอย่างต้องบอกมึงก่อนนะ”

“เรื่องอะไรเหรอ”

“ถ้ามึงจะมาอยู่ด้วยกันจริงๆ  มึงต้องเตรียมพร้อมที่จะเจอเรื่องอันตราย”

ผมเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มันฟังทันที  ทั้งความจริงที่ผมเป็นทายาทอีกคนและคุณจักรวาลไม่ใช่อสังหาที่แท้จริง  รวมถึงที่โดนจ้องเล่นงานไล่ฆ่าเพื่อชิงสมบัติ  กับการซุ่มยิงในวันนี้ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกคุณกวินทร์ด้วย

“มะ…มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ  ตอนแรกกูคิดว่าเป็นพวกนักเลงต่างถิ่นมาลอบทำร้ายมึงซะอีกนะ”

“แล้ว…มึงโอเคหรือเปล่าที่จะอยู่ด้วยกันต่อไป  เพราะมึงอาจโดนหางเลขไปด้วยนะ”

“กูโอเค!  ไอ้เฟี้ยวอยู่ได้กูก็ต้องอยู่ได้  อีกอย่าง…เพื่อตอบแทนที่คุณจักรวาลกับคุณอวกาศเมตตาผม  ผมเองก็จะช่วยปกป้องไอ้ไทม์ด้วยเหมือนกันครับ”

“ก็ดี  ฉันจะได้สบายใจว่ามีคนคอยช่วยดูแลหมาน้อยของฉันเพิ่ม”

“ครับ  ผมจะดูแลอย่างดีเลย!”

ไอ้โชเล่รับคำอย่างดีใจ  ส่วนผมก็อดยิ้มไม่ได้ที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างสวยงาม  ตอนนี้คุณคงคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่คุณวางเอาไว้แล้วสินะ…คุณกวินทร์!

เป็นแบบนี้ก็ดี  ผมจะหงายไพ่ในมือจนหมดเพื่อให้คุณได้เห็นและรู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกเรา  ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้วสิ  ผมจะสอนให้คุณได้รู้สำนึกเองว่าการหลอกใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจของคนอื่นมันจะส่งผลร้ายยังไง!!!

 

“อ๊ะ…เดี๋ยวสิครับคุณจักรวาล  ผมยังไม่ได้อาบ…”

“ไม่เดี๋ยวแล้ว  นายต้องถูกลงโทษที่ขัดคำสั่งฉัน”

ร่างสูงผลักผมลงบนเตียงแล้วทาบทับลงมาจู่โจมริมฝีปากด้วยความร้อนแรง  บดขยี้ความวาบหวามเข้ามาในโพรงปากจนผมตั้งรับไม่ทัน  ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะว่ากำลังโกรธมากแค่ไหน  แต่คิดไม่ถึงว่าจะจัดการชำระโทษกันทันทีที่มาถึงแบบนี้!

“แฮ่ก  แฮ่ก  แฮ่ก”

สูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่เพราะเกือบขาดอากาศหายใจตาย  คุณจักรวาลกระชากเสื้อนักเรียนของผมออกแบบไม่แกะกระดุมเลยสักเม็ด  ทำแบบนี้มันเสียดายของนะครับ  กระดุมขาดหมดแล้วไม่เห็นหรือไง!

“อื้อ…”

ตุ่มไตถูกครอบครองให้เกิดความรู้สึก  เผลอลืมแอ่นตัวรับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้านั้น  สองมือกอดก่ายร่างแกร่งเอาไว้

ถึงจะเตรียมใจรับบทลงโทษเอาไว้แล้ว  แต่พอมาเจอเข้าจริงๆมันก็รู้สึกแปลกๆอยู่นะ  ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆสมองผมต้องใช้การไม่ได้แน่ๆ  เขาชอบทำให้ผมลืมทุกสิ่งที่กำลังคิดเพราะสัมผัสอันเร่าร้อนของตัวเอง!

“อ๊ะ!  คุณจักรวาลครับ  ตรงนั้นไม่เอา…”

ชึบ  ชึบ

มีเรอะที่อีกฝ่ายจะฟังผม  ส่วนอ่อนไหวถูกมือหนากอบกุมเอาไว้พร้อมกับขยับไปมาตามขนาดของมันจนอดไม่ไหวต้องส่งเสียงครางออกมาอย่างน่าอาย  โคนขาถูกลิ้นร้อนไล่เลียและดูดดุนจนเกิดรอยแดงไปทีละจุด  เหมือนว่าวันนี้จะโกรธมากกว่าครั้งไหนๆเลยแฮะ

“อื้อ…!”

ไอ้ความรู้สึกทีเหมือนมีอะไรกำลังจะทะลักออกมาจากร่างกายคืออะไรกันนะ?  ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างถูกดันกลับมาจนเกือบถึงหน้าอก  บั้นท้ายยกลอยขึ้นเล็กน้อยขณะที่อีกมือของเขายังคงง่วนอยู่กับจุดอ่อนไหวของผม  จมูกซุกซนก็เริ่มทำหน้าที่ก่อกวนเนินเนื้อบริเวณบั้นท้ายทันที

นะ…นะ…นี่มัน…

มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

“คุณจักรวาล  ผะ…ผมไม่ไหว  อื้อ…!!!!”

เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง  ความอุ่นจากของเหลวบางอย่างพุ่งทะยานขึ้นเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้อง  ผมหอบแฮ่กแม้ว่าร่างกายจะรู้สึกดีมากแค่ไหนก็ตาม  ปรือตามองร่างสูงที่อยู่เหนือร่างผมตอนนี้  เขากำลังเหยียดยิ้มร้ายกาจราวกับเป็นคนละคน

“คุณ…”

“ไม่พอสินะ”

ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร  หากแต่ผมกำลังบิดกายเข้าหาเขาอย่างลืมตัว  เหมือนบางสิ่งยังไม่ถูกเติมเต็มและมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะมอบสิ่งนั้นให้ผมได้…

“ผม…ต้องการ”

ยิ่งมองร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาหัวใจก็ยิ่งเต้นรัว  อยากจะแนบชิดกับเขาให้มากกว่านี้

“ไม่”

“…”

“นี่คือบทลงโทษสำหรับหมาน้อยที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉัน  คืนนี้นายจะต้องนอนทรมานด้วยความต้องการที่ไม่ถูกปลดปล่อยไปทั้งคืน  และถ้าไม่อยากจะรู้สึกทรมานแบบนี้อีกจนกว่าจะอายุยี่สิบ   อย่าคิดจะหาเรื่องใส่ตัวด้วยการทำตัวเป็นนักสืบบ้าๆอีก”

“ใจร้าย…”

ผมเบะปากเมื่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าร่างกายต้องการอะไร  และเขาลงโทษผมด้วยวิธีไหน  แบบนี้มันโหดร้ายที่สุด!  เป็นผู้ชายเหมือนกันก็น่าจะเข้าใจสิว่าเวลาอารมณ์มันค้างเติ่งนั้นทรมานแค่ไหน!

“ครั้งนี้ฉันจะยอมร่วมมือด้วยและเล่นไปตามแผนของนาย  แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีก  ถ้านายยังขืนทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ห่วงชีวิตตัวเองอีกล่ะก็…ครั้งหน้าฉันจะลงโทษให้นายคลั่งมากกว่านี้อีก  ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”

“ไอ้คุณจักรวาลบ้า!  ไอ้คนใจร้าย!”

“เป็นเด็กดีล่ะหมาน้อย”

อีกฝ่ายอมยิ้มอย่างชอบใจในท่าทางของผมก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป  ทิ้งให้ผมในสภาพเกือบล่อนจ้อนนอนหายใจรวยรินด้วยความต้องการที่ยากจะดับ

ถ้าจะลงโทษกันด้วยวิธีนี้  ฆ่ากันซะเลยยังจะดีกว่า!

อ๊ากกกก  แล้วผมจะทำยังไงกับเจ้าส่วนนั้นที่มันไม่ยอมสงบลงสักทีดีล่ะ!

 

ภายในห้องพักฟื้นที่มืดสนิท  โชเล่ที่หลับพักผ่อนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาเสียงโทรศัพท์  เขาไม่ได้ให้ใครอยู่เฝ้าโดยอ้างว่าเกรงใจทุกคนจึงขอให้กลับไป  มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมากดรับสาย

“ฮัลโหลครับ”

[ทุกอย่างราบรื่นดีหรือเปล่า]

“ครับ  ผมกำลังจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านอสังหาแล้ว”

[ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?]

“ครับ  รู้สึกจะไว้ใจเพราะผมช่วยชีวิตไอ้ไทม์…”

[…]

“เอ่อ…คุณไทม์ไว้”

โชเล่เปลี่ยนคำพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยถูกลงโทษจนเกือบตายเพราะดันเผลอหลุดปากเรียกไทม์ว่า ‘ไอ้’ ก่อนหน้านี้

[ยังไงก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป  จับตาดูพวกมันเอาไว้ด้วย  ไม่แน่ว่าเราอาจจะโดนซ้อนแผนก็ได้ ระวังเอาไว้ก่อน]

“รับทราบครับ”

[อีกอย่าง…เตรียมตัวดึงหมอนั่นมาเป็นพวกได้แล้วนะ  ฉันจะส่งคลิปนั้นไปให้]

“ครับ”

[ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการโดนทำร้ายจากคนที่ไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุดแล้วล่ะ  หึๆ…]

ปลายสายแค่นหัวเราะก่อนจะกดตัดสายไป  โชเล่วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง  เตรียมที่จะเริ่มแผนการต่อไป

 

 

บับเบิ้ลบิววชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  และแล้วโชเล่ก็เป็นสายจริงๆซะด้วย!  แต่ดูท่าทางคนสั่งการก็จะฉลาดไม่เบา  สุดท้ายแล้วเกมนี้ใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่  แล้วคนที่โชเล่จะต้องไปดึงเข้ามาเป็นพวกคือใครกันนะ?  หรือพวกเขาจะมีไพ่ตายอะไรอยู่ในมือ!!!  น้องไทม์จะให้สมองอัจฉริยะของตัวเองจัดการกับปัญหานี้ได้หรือไม่?  แต่ที่แน่ๆถ้ายังทำอะไรผลีผลามอีกคงโดนลงโทษจนครั่นเนื้อครั่นตัวไปทั้งคืนชัวร์ๆ  แค่นี้ก็สงสารน้องจะแย่แล้ววว  แต่คุณจักรวาลพอลงโทษน้องเสร็จก็รีบเข้าห้องน้ำเลยนะ  ไปทำอะไรกันหว่า  โฮะๆๆๆๆ

ตอนนี้เปิดพรีฯเรื่องนี้แล้วนะคะ  รายละเอียดอยู่ในลิงก์นี้เลยจ้า  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNiPlgZE7nWgf1s4ZHRktVrblJj5nEZlo-6_4zTZXgWFl_L_Xw3P04GCBkY 

ใครอยากได้อาวุธทำลายล้างต้องไม่พลาดเล่มนี้เพราะ…หนาปาหัวหมาตายมากค่ะ 555555+

ภายในเล่มนอกจากเนื้อหาหลักแล้วจะมีตอนพิเศษอีก 8 ตอน  แบ่งเป็น 2 Part คือช่วงที่น้องไทม์เรียนจบมัธยมปลายและขึ้นมหาวิทยาลัยเรียบร้อย  กับหลังจากเรียนจบแล้วโดยไม่คิดจะรับสืบทอดตำแหน่งทายาทเพราะต้องการจะเป็นหมอค่ะ  นอกจากนั้นก็จะมีตอนพิเศษของอวกาศและเฟี้ยวด้วยอีก 2 ตอน ( แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของสองคนนี้จะอยู่ในเล่มมินิสเปฯ "จะรุกจนกว่าจะรัก" ของแถมสำหรับ 100 ท่านแรกที่โอนเงินจ้า )

      คำเตือน : หนังสือเล่มหนาปาหัวหมาตายอนาถมากค่ะ ????


       รายชื่อตอนพิเศษ

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)
     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)
     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)
     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!

     
     พิเศษสำหรับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามา  จะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นหมอนไดคัทขนาด 24 นิ้ว  รูปจักรวาล  น้องไทม์ อวกาศ  และเฟี้ยว  ไปนอนกอดเลยจ้าาาา  ( มีลายละ 2 ใบ  สุ่มแจก  คนละ 1ใบ/1ลาย  จะมีผู้โชคดีได้ไปนอนฟัดเหวี่ยงให้หนำใจ 8 คน จ้า )

     สุ่มแจกเข็มกลัดลายหนุ่มๆอีก 30 รางวัล ด้วยนะคะ ( ทั้งสิ้น 30คน/1ชิ้น )


     และเผื่อนักอ่านจะกังวลว่าเปิดพรีฯแล้วจะอัพต่อจนจบมั้ย  ขอย้ำว่าอัพต่อจนจบนะคะ!  แต่จะอัพแค่เฉพาะเนื้อหาหลักเท่านั้น  ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะค้างคา  เนื้อหาหลักจะเฉลยปมครบถ้วนทุกอย่างจ้า  ยกเว้นตอนพิเศษที่ขอสงวนไว้ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามาเท่านั้นจ้า


       รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆอย่างหน้าปก  จะมาอัพเดตอีกครั้งหลังจากลงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้เรียบร้อยนะคะ ^^

 

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
จะดึงใครเข้ามาเป็นพวก !!?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 o12 โชเล่เป็นสายหรอ กลับตัวกลับใจยังทันนะหลาน  :z6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
o12 โชเล่เป็นสายหรอ กลับตัวกลับใจยังทันนะหลาน  :z6:

ก็คิดอยู่ โชเล่แปลกๆ
ที่พูดแบบรู้จัก จักรวาลกับอวกาศ
และดูมันไม่เข้าที จักรวาลน่าจะคิดไว้แล้วและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 38

เปิดใจคุยกัน

 

ก๊อกก๊อกก๊อก

ผมมาเคาะประตูห้องของคุณอวกาศแต่เช้า  หลังจากที่เมื่อคืนงอนคุณจักรวาลเลยนอนหันหลังให้เขาทั้งคืน  แม้ว่าเขาจะพยายามสะกิดเรียกผมทั้งคืนก็เถอะ  แต่เล่นมาทำให้อารมณ์ค้างแล้วหนีไปแบบนั้นใครมันจะไม่โกรธบ้างล่ะ!

กว่าจะเอาขันติเข้าลูบจนน้องชายยอมสงบลงได้ผมแทบขาดใจตายเลยนะบอกก่อน!

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ครับๆ  มาแล้วครับบบ”

แอ๊ด…

“ฮ้าววว  ไทม์เองเหรอ  มีอะไรหรือเปล่า  มาเคาะแต่เช้าเลย”

คุณอวกาศในสภาพหัวกระเซอะเซิงปิดปากหาวพร้อมเอ่ยถาม  ผมชะเง้อมองไปข้างในก็เห็นไอ้เฟี้ยวนอนแหกแข้งแหกขาหมุนรอบทิศเป็นนาฬิกาอยู่บนเตียง

“หมอนั่นนอนดิ้นนะ  เลยเที่ยงคืนทีไรฉันก็ถีบลงมานอนข้างล่างทุกที”

“นะ…น่าสงสารจังนะครับ”

ดูจากท่านอนของไอ้เฟี้ยวแล้วพอจะเดาได้อยู่ว่าที่นอนของพี่ชายผมคนนี้จะต้องเป็นบนพื้นแน่ๆ  เสียงกรนของมันดังสนั่นประหนึ่งเสียงภูเขาไฟระเบิดมาก

คะ…คุณจักรวาลนอนหลับได้ยังไงวะเนี่ย  นับถือเลย!

“แล้วมีอะไรเหรอ  ปกติไม่เคยมาเคาะห้องแต่เช้าแบบนี้นี่”

“อ้อใช่  ผมมีเรื่องจะถามน่ะครับ”

“เรื่อง?”

“รหัสผ่านที่อาจารย์มารีอาเขียนไว้ในการ์ดอวยพรวันเกิดคุณอวกาศตอนนั้นน่ะ  ขอโทษนะครับ  หรือว่าวิธีไขรหัสในตอนนั้นจะเป็น…”

ซุบซิบๆๆๆๆๆๆ

ผมเขย่งเท้าขึ้นไปกระซิบถามที่ข้างหูของเขา  บอกถึงวิธีไขรหัสที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดออกมาสองวิธี

“ใช่ๆๆ  ใช่เลย  วิธีที่สองนั่นแหละ  ฉันจำได้แล้ว”

“จริงเหรอครับ!”

“ว่าแต่  นายรู้ได้ยังไง”

“ก็ไอ้เฟี้ยวบอกว่าอาจารย์มารีอาชอบอะไรแนวๆนี้  แล้ววิธีพวกนี้ก็เป็นวิธีเบื้องต้นในการตั้งรหัสลับตามแบบนิยายนักสืบด้วย  อีกอย่างอาจารย์มารีอาต้องการให้พวกเราได้ SD การ์ดไป  ผมเลยคิดว่าเธอไม่น่าจะใช้วิธีการตั้งรหัสที่ซับซ้อนอะไรนักน่ะครับ”

“แล้วนายรู้เหรอว่ามาเรียต้องการสอนอะไรนายจากในจดหมายนั่น”

“ครับ  ผมรู้แล้ว!”

ผมยิ้มกว้าง  มั่นใจมากๆว่าจะต้องใช่สิ่งที่อาจารย์มารีอาอยากจะสอนผมแน่นอน  เพราะคนอย่างผม…ข้อเสียเพียงอย่างเดียวเมื่อก่อนนี้ก็มีแต่…

เรื่องนั้นเท่านั้น!!!

“ถ้างั้นรอเดี๋ยว  ฉันไปอาบน้ำก่อน  เราจะไปธนาคารแล้วเอา SD การ์ดออกมาด้วยกัน”

“ครับ”

หมับ…

“เก่งมากน้องชายของพี่”

มือหนากดลงบนหัวก่อนจะยีมันเบาๆ  รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้  คำพูดที่อ่อนโยนของเขาค่อยๆซึมซับลงในหัวใจ  ทลายกำแพงที่ปิดกั้นอยู่ไปทีละนิดๆ…

ผมเอง…หวังไว้เหมือนกันว่าสักวันจะเรียกคุณอวกาศว่า ‘พี่’ ได้เต็มปากเสียที

 

เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาข้างนอกกับคุณอวกาศตามลำพังสองคน  ทิ้งให้ไอ้เฟี้ยวที่ยังหลับไม่ตื่นกับคุณจักรวาลที่สะกิดผมทั้งคืนและเพิ่งได้นอนในตอนเช้าให้อยู่เฝ้าบ้าน  อันที่จริงผมมีเรื่องอยากจะถามคุณอวกาศอีกเรื่องหนึ่งด้วยล่ะ  ก็เลยหาเรื่องออกมากับเขาแค่สองคนนั้น

“มองอะไร  หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ”

คนรู้ตัวว่าถูกมองหันไปมาถามขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่  ออร่าของเขาเปล่งปลั่งจนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เลยจริงๆ  คนๆนี้น่ะ…

เป็นพี่ชายของผมจริงๆน่ะเหรอ  ทำไมฟีโรโมนของเรามันไม่เท่ากันเลยล่ะ!

“ผมมีเรื่องอยากจะถาม…ได้ไหมครับ”

“สำหรับน้องชายคนเดียวของพี่  ได้เสมอทุกเรื่องครับ”

“ผมอยากรู้ว่า…ว่า…”

“ว่า…?”

“คุณอวกาศชอบไอ้เฟี้ยวหรือเปล่าครับ!”

“…”

สิ้นคำถามที่ผมกลั้นใจถามออกไปจนได้  อีกฝ่ายก็แน่นิ่งไปเลย  เขามองผมแบบไม่ขยับแม้กระทั่งเปลือกตาอยู่เกือบสิบวินาที…

“คิดว่าไม่นะ”

“ฮะ?!!!”

ระ…รอลุ้นคำตอบอยู่ตั้งนาน  ทำไมตอบแบบตัดความหวังกันอย่างนี้ล่ะครับ!  อุตส่าห์คิดว่าจะมีคนดีๆเข้ามาดูแลไอ้เฟี้ยวแล้วเชียว  นี่ผมคาดการณ์ผิดไปงั้นเหรอ?

“ทำไมต้องทำเสียงตกใจด้วยล่ะ เฟี้ยวเป็นผู้ชายนะ  ฉันเองก็ผู้ชาย  จะไปคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไง”

“ตะ…แต่คุณอวกาศทำท่าทางเหมือนชอบ…”

“ก็ชอบน่ะสิ”

“เอ้า!”

“แต่แบบน้องชายต่างหากล่ะ  เหมือนที่ชอบนายไง  ฉันกับเจ้านั่นรู้จักกันมาหลายปีนะ  ฉันเห็นเจ้านั่นมาตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยซ้ำ  จะรักจะห่วงมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ”

ก็จริงแฮะ

ผมยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง  เริ่มจะเอนเอียงไปทางเหตุผลของคนข้างๆ  ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีเพราะบางอย่างในความคิดมันบอกว่าเขาต้องชอบไอ้เฟี้ยวเกินกว่าคำว่าพี่น้องแน่ๆ!

“ท่าทางนายจะสงสัยน่าดูเลยนะว่าฉันรู้สึกยังไง”

“งั้นผมข้อถามอีกสองข้อ  แค่สองข้อเท่านั้นครับ!”

“ฮะๆ  ได้ๆ  ถามกี่ข้อก็ได้จนกว่านายจะหายสงสัยนะ”

รถเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว  ไม่แน่ว่าบางทีคุณอวกาศอาจจะแค่ไม่รู้ตัวก็ได้ว่าชอบไอ้เฟี้ยวเกินกว่าพี่น้องไปแล้ว  ถ้าผมลองจี้จุดดูอาจจะทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาบ้างก็ได้!

“ถ้า…ถ้าหากมีคนมาจีบไอ้เฟี้ยวล่ะครับ”

“หืม…แบบนั้นก็ดีสิ  หมอนั่นจะได้ขายออกสักที  มาเรียคงดีใจถ้าน้องชายจะมีแฟนแล้วเริ่มออกเดตแบบเด็กผู้ชายทั่วไป”

มะ…ไม่ไหว  คำถามนี้คงยังไม่จี้จุดพอ!  เอาใหม่ๆ  คิดหาคำถามที่มันจี้ใจแบบตรงประเด็นไปเลยดีกว่า!

“งั้น…ถ้าไอ้เฟี้ยวจะไปจากที่นี่ล่ะครับ!”

“…”

“ถ้าจะไม่ได้เจอกันอีก  ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป…ล่ะครับ?”

เอี๊ยด!!!

“เหวอออ!”

ร้องเสียงหลงพร้อมกับใช้สองมือยันที่ไปคอนโทรลด้านหน้ากันตัวเองหัวทิ่มไปกระแทกกระจกรถเข้า  คุณอวกาศที่จู่ๆก็เบรกรถกลางถนนจนเกิดเสียงบีบแตรดังลั่นถนนจากรถคันอื่นๆหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

อะ…ออกรถก่อนได้ไหม  เดี๋ยวคันหลังจะด่าพ่อเอานะ

“คะ…คุณอวกาศ  เป็นอะไรเหรอครับ”

ปี๊นๆๆๆ!

ตายๆๆๆ ตายแน่ๆ  คันหลังบีบแตรใหญ่แล้ว!!!

“เมื่อกี้…หัวใจมัน…เจ็บแปล๊บขึ้นมาล่ะ”

“ครับ?”

“พอคิดว่าถ้าเจ้านั่นหายไปจากสายตา  ถ้าจะไม่ได้เจอกันอีก  มันก็…เหมือนจะทนไม่ได้แฮะ  ทำไมกันนะ…”

ปี๊นๆๆๆๆๆๆ!

“ผมพอจะรู้นะครับว่ามันเป็นเพราะอะไร  แต่ตอนนี้คุณอวกาศช่วยขับรถต่อก่อนได้ไหมครับ  คันหลังเขาบีบแตรใหญ่แล้วนะ”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้ได้ล่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นเลย  อุตส่าห์คิดว่าถ้าเด็กคนนั้นได้เจอผู้หญิงที่ดีก็จะดีใจด้วยแท้ๆ  แต่กลับทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกซะงั้น  โอ๊ยยย!  ความคิดในหัวฉันมันตีกันยุ่งไปหมดเลย!  ฉันทางซ้ายบอกว่านายก็แค่เป็นห่วงในฐานะของพี่ชาย  แต่ฉันทางขวากลับบอกว่านายมีความรู้สึกพิเศษกว่านั้นเลยขาดเด็กคนนั้นไม่กว่า  แล้วฉันควรจะเชื่อตัวฉันทางซ้ายหรือทางขวาดีล่ะ  ว่าไงล่ะไทม์  ฉันควรเชื่อทางไหนดี”

ปี๊นๆๆๆๆๆ

คุณอวกาศหันมาเขย่าตัวผมจนอ้วกแทบพุ่งด้วยความเวียนหัว  ถ้ารู้ว่ายิงคำถามแบบนั้นไปแล้วเขาจะสติแตกขนาดนี้ผมจะไม่ถามเด็ดขาดเลย!

“ตั้งสติก่อนครับคุณอวกาศ!!!”

นะ…เหนื่อยชะมัด

 

Special  Talk :

ก๊อกก๊อกก๊อก

“งืมมม  แจ้บๆๆๆ”

ก๊อกก๊อกก๊อก!!!

“โว้ยยยย!  ใครกันวะ!  คนจะหลับจะนอนนะเฟ้ย!”

ผมตวาดกลับไปอย่างอารมณ์เสีย  เวลาโดนปลุกตอนนอนทีไรมักจะมีความดันต่ำกว่าชาวบ้านเขาจนหงุดหงิดทุกที 

ก๊อกก๊อกก๊อก!

ยัง…ยังไม่เลิกเคาะอีก!

“โธ่เว้ยยย!”

ลุกขึ้นไปกระชากประตูเปิดออกอย่างหมดความอดทน  อ้าปากเตรียมจะว้ากใส่คนมาเคาะทว่าพอคนมาเคาะคือไอ้จักรวาลผมก็สงบปากสงบคำทันที

“มีอะไรวะ”

“ไทม์อยู่หรือเปล่า”

“ไม่อยู่เว้ย  ฉันนอนอยู่คนเดียวจนกระทั่งแกมาเคาะประตูเหมือนคนบ้าเนี่ย”

ยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดขณะที่อีกฝ่ายชะเง้อมองเข้าไปข้างในเหมือนจะไม่เชื่อว่าไอ้ไทม์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้

“นี่  ไอ้ไทม์ไม่ใช่หมากระเป๋านะจะได้ซ่อนเอาไว้ได้โดยที่แกไม่เห็น  บอกว่าไม่อยู่ก็ไม่อยู่สิฟะ”

“แล้วอวกาศล่ะ”

“จะว่าไปก็ไม่เห็นแฮะ  สงสัยตื่นก่อนฉันล่ะมั้ง”

“หรือจะไปด้วยกัน…”

ไอ้จักรวาลลูบคางสันนิษฐาน  สีหน้ามันดูกังวลมากๆ  ถ้าพวกมันไปด้วยกันจริงๆแล้วมันจะยังไงล่ะเฮ้ย  ยังไงแม่งก็พี่น้องกัน  จะห่วงอะไรนักหนา!

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม  จะนอนต่อ!”

“ไปกินข้าว”

“หา?”

“อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวเช้าได้แล้ว”

“ไม่  จะนอน!”

ปฏิเสธทันทีพร้อมกับปิดประตูกระแทกหน้า  แต่ยังไม่ทันจะปิดสนิท  ไอ้จักรวาลก็สอดมือเข้ามาแล้วดันประตูเปิดออกได้ทัน

อะ…ไอ้เชี่ย!  แรงควายชิบ!

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย  อาบน้ำแล้วลงไปเจอกันที่ห้องอาหาร”

“สามชั่วโมง”

“สิบนาที”

“ฮะ?!!!”

“ฉันให้เวลานายสิบนาที  เร็วๆเข้าล่ะ”

แล้วก็ปิดประตูให้เสร็จสรรพ

ผมยกเท้าเตะอัดเข้ากำแพงเพื่อระบายอารมณ์  ไอ้นิสัยเผด็จการด้วยหน้านิ่งๆนั่นโคตรหมั่นไส้เลย!

พอไอ้ไทม์ไม่อยู่ใกล้ๆก็อารมณ์เสียง่ายจนพาลใส่คนอื่นเขาหมดเลยสินะ  ไอ้พวกติดแฟนเอ๊ย!!!

 

สิบนาทีผ่านไป  ผมลงมานั่งจ๋องตรงข้ามกับไอ้จักรวาลที่ห้องอาหารเรียบร้อย  แม่บ้านต่างพากกันยกข้าวเช้ามาเสิร์ฟให้ก่อนจะพากันออกไป  บรรยากาศน่าอึดอัดชวนให้สะอิดสะเอียนพวกนี้มันคืออะไรกัน  ไอ้ไทม์ทนอยู่กับคนที่มีออร่าชวนสยดสยองตลอดเวลาแบบไอ้จักรวาลได้ยังไงกันวะ!

“แล้วไง  มีเรื่องอะไรจะคุย”

“ได้ยินมาว่านายสารภาพรักกับหมาน้อยของฉัน”

อึก!

ไม่น่าถามมันเลย  ตรงเข้าประเด็นอัดเข้าลิ้นปี่กูเสียจุก  ใครจะไปคิดว่ามันจะคุยกับผมเรื่องนี้ล่ะ  ที่สำคัญคือแม่งรู้ได้ยังไง!

“ใครบอกแก”

“อวกาศ”

ไอ้เวรนั่น!  กลับมามึงตายคาตีนกูแน่!

ผมผ่อนลมหายใจออกมา  วางช้อนข้าวลงในจานเพราะหมดอารมณ์จะกินต่อ  ท้าวแขนข้างหนึ่งลงกับโต๊ะแทน  ยังไงก็จะคุยเรื่องนี้ให้ได้ใช่ไหม  จ้องกันไม่วางตาเลย!

“อือ  ฉันบอกชอบไอ้ไทม์ไป  แล้วจะทำไม”

“หมาน้อยเป็นของฉัน”

ย้ำเข้าไป!  เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วล่ะโว้ยยย  พวกมึงเล่นหวานแหววกันซะขนาดนั้น  คนตาบอดมันยังสัมผัสได้เลยว่าเป็นอะไรกัน!  แล้วตาดีๆเห็นเต็มสองลูกตาอยากกูจะดูไม่ออกได้ไง!

“แกอยากจะพูดอะไรกันแน่  ถ้าจะมาแสดงความเป็นเจ้าของไอ้ไทม์ล่ะก็ไม่ต้อง  ฉันรู้ดีว่าความเป็นไปได้มันมีมากแค่ไหน”

“ฉันไม่ยกให้หรอกนะ  ต่อให้เป็นนายก็ตาม”

“จะเยาะเย้ยกันหรือไง  หรือจะประกาศสงคราม!”

ผมเริ่มขึ้นเสียงอย่างเหลืออด  แค่อกหักกูก็เต็มกลืนแล้วเหอะ  ยังต้องมาเจอไอ้เวรนี่ไล่บี้ด้วยคำพูดพวกนี้อีก  หงุดหงิดโว้ยยย!

“เปล่า  ฉันแค่มีข้อเสนอ”

“ข้อเสนอ?”

“ถึงฉันจะไม่ยกหมาน้อยให้นาย  แต่เพราะเป็นนายอีกนั่นแหละ  ฉันถึงเลิกกังวลไม่ได้สักที”

“ขะ…ขออีกรอบได้ไหม  ไม่ค่อยเข้าใจว่าแกหมายถึงอะไร”

คุยกับไอ้คนบ้านนี้ทีไรกูล่ะปวดหมองทุกที!  ขนาดมันไม่ได้ใช้โค้ดลับมาคุยนะ  ยังรู้สึกเหนื่อยที่ต้องคอยแปลไทยเป็นไทยเลย

“ถ้าจะให้พูดตรงๆเลยก็คือ  ฉันจะยกอวกาศให้นาย  เพราะงั้นตัดใจจากหมาน้อยซะ”

“ฮะ?!  อะไรนะ!”

ขออีกทีซิ   เผื่อหูกูจะฟังผิดไป…

“เอาอวกาศไป  แล้วตัดใจจากหมาน้อยซะ”

“กะ…กะ…แกจะบ้าเรอะ!  ฉันกับไอ้อวกาศเนี่ยนะ  เอาสมองหรือรังไข่คิดกันแน่!  นึกภาพฉันกับมันอี๋อ๋อกันเหมือนที่แกกับไอ้ไทม์ทำแล้วไม่สยองบ้างหรือไงฟะ!”

ทันทีที่ผมพูดจบ  ไอ้จักรวาลก็นิ่งไปเหมือนกำลังนิ่งอะไรบางอย่างก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางทันที

“ขนลุกสินะ”

“อะ…อืม  สุดๆเลย”

มันตอบกลับด้วยสีหน้าพะอืดพะอม  ทุกวันนี้ขนาดอยู่ด้วยกันแทบจะทั้งวันยังเกือบจะฆ่ากันตายวันละหลายๆรอบเลย  เอาอะไรคิดที่จะให้ผมกับมันเป็นมากกว่านั้น…

ส่งให้มาฆ่ากันชัดๆเลย!

“ฉันขอปฏิเสธเรื่องไอ้อวกาศ  ส่วนเรื่องไอ้ไทม์…ถ้าคำตอบของมันคือไม่  ฉันจะตัดใจเอง  แกไม่ต้องมาเสือก”

“หมาน้อยยังไม่ได้ให้คำตอบเหรอ?”

“อือ  ฉันขอไว้เองล่ะ  ว่าอยากให้มันไปคิดทบทวนดูสักหน่อย”

“…”

“ไงล่ะ  กังวลล่ะสิ  ฮ่าๆๆ”

ผมหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก

“ใช่  ฉันกังวล”

“…”

“เพราะนายคือเพื่อนคนแรกของไทม์  เด็กคนนั้นต้องไม่อยากทำให้นายเสียใจแน่ๆ  พอเป็นแบบนี้แล้วฉันก็กังวลจริงๆนั่นแหละ  สำหรับไทม์…นายสำคัญไม่น้อยไปกว่าใครเลย”

อะ…ไรของมัน  จู่ๆมาพูดแบบนี้  แล้วผมควรตอบว่ายังไงดีล่ะ  ทั้งที่อยากจะแย่งไอ้ไทม์มาแท้ๆเลยนะ  แต่เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่ดีเยี่ยมแค่ไหน  มันทำให้ผมไม่อยากจะดึงคนที่ตัวเองรักลงมาจากฟ้าเลย

ถึงไม่ได้มาครอบครอง  แต่ถ้าได้เห็นมันยิ้มแย้มอยู่บนฟ้าตลอดไปก็คงจะดี

“ถ้าแกรู้จักไอ้ไทม์ดีขนาดนั้น  งั้นแกก็น่าจะรู้นะ  ว่ามันไม่มีทางหันมามองฉันแน่นอน  ยังไงซะ  คนที่ไอ้ไทม์รักและต้องการจริงๆก็มีแค่แก  ถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่ากังวลอะไรที่มันไม่จำเป็นแบบนี้เลย  หัวเสียเปล่าๆ”

“ขอพูดอีกครั้งนะ  ถึงฉันจะขนลุกเวลาจินตนาการภาพนายกับอวกาศกำลังอี๋อ๋อกันแบบคนรัก  แต่ว่า…”

“…”

“ฉันคิดว่าพวกนายเหมาะสมกันจริงๆ”

“…”

“อวกาศสามารถปราบพยศของนายได้  และหมอนั่นก็สามารถปกป้องนายได้ดีกว่าใครเหมือนกัน  พอๆกับนายที่เป็นเพียงคนเดียวที่หมอนั่นเชื่อฟังและยอมหยุดเวลาบ้าเลือดขึ้นมา  ปกติอวกาศไม่ยอมให้ใครทำร้ายได้แม้แต่ปลายผมหรอกนะ  แต่กับนาย…ไม่ใช่แค่ยอมเท่านั้น  อวกาศแทบจะไม่กล้าหือเวลาที่นายเอาจริง  ฉันคิดว่าไม่มากก็น้อยที่หมอนั่นกำลังสนใจนายอยู่”

“อย่าพูดอะไรชวนอ้วกตอนกินข้าวได้ไหม”

ยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด  กับไอ้อวกาศเนี่ยนะ…

มองไม่เห็นอนาคตอันสดใสเลยแม้แต่นิดเดียว

 

โป๊ก!

‘โอ๊ย!  ไอ้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก  ฉันจะไปฟ้องแม่  คอยดูนะ!’

เด็กเกเรคนหนึ่งที่กำลังแกล้งเฟี้ยวอยู่แต่อวกาศมาเห็นเข้าพอดีเลยจัดการดีดหน้าผากเป็นการสั่งสอนไปชี้หน้าเขาทั้งน้ำตา  ตรงที่ถูกดีดมีรอยแดงเป็นจ้ำ

‘ไปเลยนะ  ไอ้ฟ้องเลย  แล้วจำไว้ว่าอย่ามารังแกน้องฉันอีก  ถ้าครั้งหน้าฉันเห็นนายกับเพื่อนๆของนายรังแกน้องฉันล่ะก็  พ่อจะเอาหนังยางมาดีดจุ๊ดจู๋ให้บวมเป็นไข่ช้างเลย!’

อวกาศในวัยสิบห้าขู่เด็กพร้อมกับทำท่าดีดหนังยางใส่จนเด็กเกเรทั้งหลายวิ่งหนีไปคนละทาง  เฟี้ยวในวัยเจ็ดขวบที่ถูกผลักจนล้มหัวเข่าถลอกนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น  เด็กหนุ่มเดินเข้าไปนั่งยองๆลงตรงหน้าก่อนจะอุ้มเฟี้ยวขึ้นมานั่งบนตักโดยที่ตัวเขานั่งชันเข่าเอาไว้

‘เจ็บล่ะสิ’

‘ครับ  เลือดออกด้วย’

เด็กน้อยเบะปาก  ชี้ไปที่แผลซึ่งมีเลือดซิบออกมาอย่างเจ็บปวด  อวกาศเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้  เขาก้มลงเป่าเพี้ยงลงที่แผลของเฟี้ยวเหมือนที่จักรวาลชอบทำให้เขาสมัยเป็นเด็ก

‘โอมเพี้ยง! ความเจ็บปวดจงมาอยู่ในร่างกายของพี่แทนเดี๋ยวนี้’

‘ถะ…ถ้าแบบนั้นพี่อวกาศก็เจ็บแทนเฟี้ยวล่ะสิ’

‘ไม่เห็นเป็นไรเลย  แค่เฟี้ยวของพี่ไม่เจ็บก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ’

เขายีหัวเด็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้  เมื่อปลายจมูกชนกัน  อวกาศก็จัดสั่นหน้าไปมา  หยอกล้อเฟี้ยวด้วยจมูกของตัวเองจนเด็กน้อยเริ่มยิ้มออก

‘เฟี้ยวรักพี่อวกาศที่สุดเลย’

‘โอ๊ะ!  นายกำลังรัดคอฉันนะ’

อวกาศหัวเราะลั่นเมื่อถูกกอดแต่กลายเป็นรัดคอจนหายใจไม่ออกแทน  เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนด้วย  ใบหน้าเล็กๆเอนซบลงบนบ่าแกร่ง

‘เฟี้ยวจะเข้มแข็งแบบพี่อวกาศกับพี่จักรวาลให้ได้เลยครับ  จะได้ปกป้องพี่สาวได้’

‘ดีมาก!  ถ้าเป็นนายต้องทำได้แน่นอน  หรือถึงแม้สุดท้ายนายจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้  พี่ก็จะคอยปกป้องนายเอง  ปกป้องตลอดไปเลย’

‘แต่พี่สาวกับพี่จักรวาลเคยบอกว่า…ก่อนหน้านั้นพี่อวกาศต้องแก้ศูนย์ให้หมดทุกตัวก่อนนะครับ  ถึงจะปกป้องคนอื่นได้’

‘อะไรนะ!  นี่สองคนนั้นเอาเรื่องน่าอายแบบนั้นมาเล่าให้นายฟังด้วยเหรอ  คอยดูเถอะ  กลับไปล่ะน่าดู!’

 

ปกป้อง…งั้นเหรอ…

จู่ๆเรื่องในวัยเด็กก็แวบเข้ามาในหัว  ให้ตายสิ  ยุ่งยากชะมัดเลยเจ้าบ้านั่น!

 



 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า   เป็นการเปิดใจคุณกันครั้งแรกถึงความรู้สึกที่อวกาศและเฟี้ยวมีให้กัน  แม้ว่าแต่ละหนุ่มดูท่าทางแล้วจะยังไม่รู้ใจตัวเอง  แต่การถูกถามแบบนี้ก็คงสะกิดความรู้สึกลึกๆในใจได้ไม่มากก็น้อย  คู่นี้ยังคงต้องลุ้นกันไปยาวๆ ( แต่ถ้าอยากรู้บทสรุปจริงๆต้องไม่พลาดเล่มมินิสเปฯ “จะรุกจนกกว่าจะรัก” ที่มีแค่ 100 เล่มเท่านั้นนะคะ!/เรื่องเนียนขายของนี่ขอให้บอก 5555 )

ในที่สุดตอนหน้า น้องไทม์ก็จะได้ SD การ์ดเจ้าปัญหามาครอบครองแล้ว  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปต้องติดตามน้า  อีกอึดใจเดียวก็จะจบแล้วจริงๆ  รู้สึกใจหายหน่อยๆแฮะ  T__T

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 39

ติดกับ…!

 

“นี่ครับ  กุญแจสำหรับเปิดตู้นิรภัย”

นายธนาคารประจำตู้นิรภัยส่งมอบกุญแจสำหรับเปิดตู้ให้ผมหลังจากเดินพาผมกับคุณอวกาศมาจนถึงตู้นิรภัยที่อยู่ด้านในสุด  เขาเดินกลับออกไปรอตรงประตูเพื่อให้ผมได้เปิดตู้นำของข้างในออกมา

“พร้อมนะครับ”

คุณอวกาศพยักหน้ารับ  ผมเสียบกุญแจเข้าไปในรูก่อนจะหมุนจนมีเสียงดังกริ๊กออกมา  ทว่ายังไม่สามารถเปิดได้จนกว่าจะใส่รหัสผ่าน

“แน่ใจใช่ไหมว่ารหัสผ่านจะถูกต้อง  ตู้พวกนี้สามารถใส่รหัสได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ  ถ้าใส่ผิด  มันจะล็อกอัตโนมัติ   และเราจะไม่มีทางเอาของข้างในออกมาได้อีกเลย”

“ผมแน่ใจครับ”

ส่งยิ้มให้กับพี่ชายขี้กังวลก่อนจะเลื่อนนิ้วไปยังปุ่มกดรหัสแล้วจัดการกดรหัสที่ได้มาทั้งลงไป

 

2  9  9  4  1  1  1  8

 

กริ๊ก!

ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อประตูของตู้นิรภัยเด้งออกมา  ผมรีบเปิดมันออกแล้วหยิบของที่ใส่ไว้ข้างในมาตรวจเช็ค

ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกใส่เอาไว้  พอเปิดดูก็พบว่ามีจดหมายอยู่สองฉบับหนึ่ง  ฉบับหนึ่งจ่าหน้าซองถึงผม  ส่วนอีกฉบับ…

“คุณอวกาศครับ…”

ผมยื่นซองจดหมายอีกฉบับให้เขาดู  พอเห็นชื่อที่จ่าอยู่หน้าซองแล้วเขาก็ยิ้มอ่อนๆออกมา

“ถ้ามีโอกาสค่อยให้แล้วกันนะ”

จดหมายอีกฉบับที่อาจารย์มารีอาเขียนใส่เอาไว้…จ่าหน้าซองถึงคุณกวินทร์

ผมเก็บมันลงในซองสีน้ำตาลตามเดิม  แหวกซองเอกสารดูว่ามีอะไรอยู่อีก  ห่อพลาสติกอันเล็กๆถูกใส่เอาไว้ด้วย  และแน่นอน…ข้างในของมันคือ SD การ์ดเจ้าปัญหา!

“ในที่สุดก็ได้มาสักที”

คุณอวกาศเอาไปถือไว้  สีหน้าของเขาดูโล่งอกและสบายใจมากเมื่อรู้ว่าทุกอย่างใกล้จะจบลงแล้ว  ผมเองก็เหมือนกัน  ถ้าสามารถหยุดเรื่องเลวร้ายพวกนี้ได้โดยไม่มีใครต้องตายอีกคงจะดีไม่น้อย

อีกอย่างผมเอง…อยากจะช่วยพังทลายกำแพงใหญ่ในใจของคุณจักรวาล  กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะ…คุณกวินทร์

 

“ว่าแต่  รหัสที่นายใส่ลงไปคืออะไรเหรอ”

คุณอวกาศถามขึ้นขณะที่กำลังขับรถตรงกลับไปบ้านกัน  ผมยิ้มพิมพ์หากแต่ไมได้ตอบคำถามนั้นเพราะกำลังแกะจดหมายที่อาจารย์มารีอาเขียนถึงผมออกอ่านดู

 

‘ถึงกาลเวลา

ถ้าเธอได้อ่านจดหมายฉบับนี้  แสดงว่าเธอสามารถหารหัสผ่านได้แล้ว  และคงรู้สินะว่าครูตั้งใจจะสอนอะไรให้กับเธอ  ยังมีอีกหลายเรื่องที่ครูยังไม่ได้อธิบายให้เธอฟัง  เพราะคิดว่าเธอสมควรจะได้รู้ต่อเมื่อมันถึงเวลาเท่านั้น  และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว  ถ้าเธอพาตัวเองและคนอื่นๆมาจนถึงที่ซ่อนของ SD การ์ดได้  แสดงว่าความลับเรื่องสายเลือดที่แท้จริงของเธอคงถูกเปิดเผยเรียบร้อย  ครูดีใจด้วยนะ  ในที่สุดเธอก็ได้เจอครอบครัวจริงๆสักที

เธอคงสงสัยมาตลอดว่าอะไรคือความผิดที่ครูได้ทำลงไปจนถึงขั้นไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้  ในจดหมายฉบับที่แล้ว  ครูบอกไว้แล้วใช่ไหมว่าหลังจากอกหักจากจักรวาลก็ได้กวินทร์เข้ามาปลอบใจ  ความอ่อนโยนใจดีจากก้นบึ้งในหัวใจของเขาทำให้ครูตกหลุมรักในที่สุด  แม้ว่าเบื้องหน้าเขาจะสวมหน้ากากที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ตาม  แต่ครูรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนใจร้าย  ไม่สิ  ต้องบอกว่าเขาไม่ได้อยากใจร้ายถึงจะถูก  กวินทร์หลอกใช้ความเชื่อใจของครูให้คอยรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆภายในบ้านอสังหา  โดยทำให้ครูคิดว่าเขาต้องการคิดหาวิธีที่จะทำให้ทั้งสองบ้านคืนดีกัน  ครูทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง  คอยรายงานเรื่องต่างๆภายในบ้านเท่าที่ครูจะสืบรู้มาได้  รวมถึง…เรื่องของเธอ

การมีอยู่ของทายาทอีกคนถือเป็นความลับที่ถูกปกปิดมาตลอดสิบแปดปีเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง  แต่ครูกลับบอกเรื่องให้กวินทร์รู้  ทำให้ตัวตนของทายาทอีกคนถูกเปิดเผย  แม้จะยังไม่รู้ว่าทายาทอีกคนคือใคร  แต่การที่ได้รู้ว่าอสังหายังมีทายาทคนอื่นนอกเหนือจากอวกาศมันก็เพียงพอแล้วที่จะตามหาว่าทายาทอีกคนคือใครและอยู่ที่ไหน  ตอนแรกครูรู้จักเธอในฐานะนักเรียนทุนและนักเรียนในชั้นของครูเท่านั้น  สนใจเธอก็เพราะเธอเข้ากับเพื่อนคนไหนไม่ได้เลย  ครูไม่เคยรู้ว่าทายาทอีกคนที่จักรวาลและกวินทร์ตามหากันจนแทบจะพลิกแผ่นดินอยู่ใกล้แค่เอื้อม  จนเมื่อจักรวาลบุกมาที่โรงเรียนเพื่อรับตัวเธอในวันนั้น   ทำให้ครูรู้ได้ในทันทีว่าทายาทอีกคนจะต้องเป็นเธออย่างแน่นอน

คืนนั้นครูตั้งใจจะไปบอกกับกวินทร์เรื่องของเธอ  เพราะอยากให้เขาไปบอกจักรวาลว่าเธออาจจะเป็นทายาทอีกคนก็ได้  คิดว่าถ้าได้รับการช่วยเหลือจากกวินทร์แล้ว  ความบาดหมางที่เคยมีระหว่างสองครอบครัวจะหมดไป  แต่ว่า…มันกลับไม่เป็นแบบนั้น  ครูไปหากวินทร์โดยที่เขาไม่รู้ว่าครูจะไป  เลยได้ยินเขาสั่งลูกน้อยให้ควานหาตัวทายาทอีกคนต่อไป  ถ้าเจอแล้วให้ฆ่าทิ้งได้ในทันที  สิ่งที่ได้ยินทำให้ครูสับสนมาก  แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปเพราะครูอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเขากับพ่อต้องการจะทำอะไรกันแน่  และในที่สุดครูก็ได้รู้  พวกเขาไม่ได้ต้องบการคืนดีกับอสังหา  แต่พวกเขาต้องการทำลายและแย่งชิงทุกสิ่งไปเป็นของตัวเอง  ครูเสียใจและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ทายาทอีกคนต้องตกอยู่ในอันตราย  หนำซ้ำทายาทคนนั้นยังเป็นนักเรียนของครู  เป็นน้องชายแท้ๆของอวกาศ  ความผิดที่ได้ทำลงไปสร้างความเดือดร้อนและอันตรายให้กับเธอมาก  ครูต้องขอโทษด้วยจริงๆ

ครูหวังว่าเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงด้วยดี  ถ้าเป็นเธอในตอนนี้  เธอที่สามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ครูต้องการจะสอน  จะต้องทำได้อย่างแน่นอน  เพราะเธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป  เลิกสงสัยและกังวลว่าเธอมาทำอะไรที่นี่  ทำไมต้องมาอยู่ในจุดๆนี้ด้วย  ครูเชื่อว่าทั้งหมดคือโชคชะตา  จักรวาล  อวกาศ  กวินทร์  รวมถึงเฟี้ยว  พวกเขาล้วนมีบาดแผลในจิตใจ  การมาของเธออาจจะมาเพื่อช่วยลบล้างบาดแผลเหล่านั้นก็ได้  เพื่อหยุดความแค้นที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี  บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเข้ามาพัวพันกับพวกเขาทุกคน  ว่าไหมล่ะ?

สุดท้าย…จดหมายอีกฉบับที่ครูเขียนให้กับกวินทร์  ครูแค่เขียนเผื่อขึ้นมาว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่ครูหวัง  ถ้าหาก…ครูไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว  ฝากเธอเอาจดหมายฉบับนั้นไปให้กับเขาหน่อยนะ  และขอร้องล่ะ  ช่วยปลดปล่อยเขาออกมาจากพ่อของเขาที  ครูไม่อยากให้กวินทร์ต้องกลายเป็นหุ่นเชิดลงมือทำความชั่วทุกอย่างแทนพ่อของเขาอีกแล้ว  ถือว่าครูขอร้อง  ช่วยคนที่ครูรักด้วยนะ  กาลเวลา.’

 

ผมพับจดหมายเก็บลงกระเป๋าทันทีเมื่ออ่านจบ  ดูเหมือนจะมีภารกิจอันใหญ่หลวงและหนักอึ้งรออยู่  กลายเป็นคนแบกโลกทั้งใบไปแล้วสิเรา  เฮ้อ!

ที่เคยถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมชีวิตผมต้องกลายมาเป็นแบบนี้  หลังจากอ่านจดหมายของอาจารย์มารีจบผมคิดว่าผมพอจะรู้คำตอบแล้วนะ  ไม่ใช่แค่มาสานต่อสิ่งที่อาจารย์มารีอาเคยทำตลอดมาเท่านั้น  แต่ผมยังต้องมาเพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากอะไรก็ตามที่พันธนาการพวกเขาเอาไว้ให้ไม่ได้มีความสุข

นี่ก็เป็นหน้าที่ของนักเรียนทุนหรือไงฟะ!

แต่พอมาคิดๆดูแล้ว  ระหว่างพวกเขาสี่คนกับผม…  เหมือนว่าจะมีผมแค่คนเดียวนะที่ไม่ได้มีปมดราม่าอะไรในชีวิตเลยนอกจากความยากจนที่เจอมาตลอดชีวิต  รวมถึงเรื่องสายเลือดที่แท้จริงอะไรนั่น  มันเป็นแค่ความจริงที่ถูกปิดบังเอาไว้เพื่อรอวันเปิดเผย  ไม่ใช่อดีตแสนเศร้าอะไรสำหรับผมเลย  อาจเพราะผมเกิดทีหลังสุด  ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวอะไรมาก่อนเหมือนพวกเขาที่ผ่านมันมาด้วยความเจ็บปวด

เพราะงั้นพระเจ้าเลยโยนหน้าที่ปลดปล่อยพวกเขามาให้ผมสินะ!

แบบนี้มันโยนขี้ให้กันเห็นๆเลย  เฮ้อออออออออออออออออออ!

“แล้วตกลงฉันจะได้รู้ไหมเนี่ยว่ารหัสผ่านมันคืออะไร”

“เอาไว้ให้คุณอวกาศเป็นแฟนกับไอ้เฟี้ยวก่อนแล้วกันนะครับ  ผมถึงจะบอก”

“เฮ้ๆ  แบบนั้นฉันก็ไม่มีทางได้รู้ไปตลอดชีวิตน่ะสิ  นายคิดว่าการจีบหมอนั่นมันง่ายนักหรือไง  เจอหน้ากันทีแทบจะกระโดดกัดหูฉันอยู่แล้ว  ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”

คุณอวกาศส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว  ทั้งที่อยู่ไม่ได้แน่ๆหากไม่มีมัน  แต่ก็ยังจะปากแข็งอีกนะคนเรา

“อย่าลืมสิครับว่าอะไรคือสิ่งที่ไอ้เฟี้ยวมันฝังลงไทม์แคปซูล”

“ไทม์แคปซูลเหรอ?”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิด  ก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อถึงบางอ้อ

“รูปฉัน!”

“ใช่  ผมคิดว่าถึงไอ้เฟี้ยวมันจะจำไม่ได้ว่าตอนเด็กๆมันคิดอะไรอยู่  แต่การที่มันฝังรูปคุณอวกาศเอาไว้ก็แปลได้อย่างเดียวว่า…”

“…”

“มันต้องชอบคุณมากๆ!  เลยหวังว่าถ้าฝังรูปคุณลงไปแล้วจะมีคุณงอกออกมาจากพื้นไงครับ”

“เจ้านั่นจะคิดอะไรน่ารักขนาดนี้ได้เลยเหรอ”

“ความคิดของเด็กมันก็ใสซื่อและตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ”

ผมเสี้ยมต่อ  ลอบมองปฏิกิริยาของคุณอวกาศไปด้วยว่าเป็นยังไง  ผลปรากฏว่าเขายกมือขึ้นมาเกาจมูกตัวเองเบาๆพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ทั้งแก้มทั้งหูแดงเถือกเหมือนไปอาบเลือดมา

นะ…นี่คิดไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะเนี่ย

“เอาเป็นว่า…จะลองดูสักตั้งแล้วกันนะ”

เยส!

ผมแอบหันไปยิ้มคนเดียวอย่างดีใจที่ทุกอย่างสำเร็จตามต้องการ  บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับเพื่อนของผมเท่าพี่ชายของผมอีกแล้ว  ไม่แน่ว่าบางทีที่ไอ้เฟี้ยวมันมาตกหลุมรักผมได้  คงเพราะผมเป็นน้องชายของคุณอวกาศ  บางอย่างในตัวผมอาจจะเหมือนกับเขาทำให้มันคิดว่ามันชอบผม  ทั้งที่จริงแล้ว  คนที่มันชอบจริงๆคือคุณอวกาศต่างหาก  เพราะไม่ว่าจะตีลังกาคิดยังไงผมก็คิดไม่ออกจริงๆว่าไอ้เฟี้ยวมันเอาเวลาไหนไปชอบผม  ที่ผ่านมานอกจากรังแกกันก็เพิ่งมาญาติดีกันไม่กี่เดือนเอง  แถมช่วงที่ญาติดีก็เป็นช่วงพีคสุดของชีวิต  มีแต่เรื่องเต็มไปหมด  ยังไงๆวันเวลาแค่นั้นก็ไม่มีทางทำให้มันตกหลุมรักผมได้แน่นอน!

ถ้าไอ้บ้านั่นรู้ตัวเร็วๆก็คงจะดีล่ะนะ

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจ้าของฝีเท้าเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นการวิ่งอยู่แล้ว  ผมที่ขาสั้นเพราะส่วนสูงน้อยกว่าแทบจะกระโดดเป็นจิงโจ้เพื่อจะเดินตามเขาให้ทันเลยทีเดียว

ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน  คุณอวกาศก็จ้ำอ้าวเดินตรงไปที่ห้องรับแขกตามคำบอกเล่าของแม่บ้านว่าไอ้เฟี้ยวและคุณจักรวาลนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั้น  พอตัดสินใจว่าจะลองจีบอย่างจริงจังดูสักตั้ง  อีกฝ่ายก็ดูจะมีไฟและแรงฮึกเหิมขึ้นมามากกว่าปกติจนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะเล่นด้วยหรือเปล่า

“เฟี้ยว!”

พูดไม่ทันขาดคำ  พอวิ่งมาจนถึงห้องรับแขกคุณอวกาศก็ตะโกนเรียกชื่อคนที่อยากพบด้วยเสียงอันดังลั่น  ไอ้เฟี้ยวที่กำลังดูรายการตลกพลางหัวเราะร่าหันกลับมามองอย่างงงๆ

หมับ!

“เฮ้ย!  อะไรของมึงเนี่ย  ปล่อยนะเว้ย!”

เพื่อนรักสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของคนหัวขาวยกใหญ่  ทว่าคุณอวกาศก็กอดมันแน่นไม่ยอมปล่อย  เขาก้าวขาข้ามพนักพิงของโซฟาไปนั่งเบียดกับไอ้เฟี้ยวก่อนจะใช้มือจับเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายให้หันกลับมาทางตัวเอง

“ฉันชอบนาย”

“ฮะ!!!”

คนถูกสารภาพตรงๆระเบิดเสียงตกใจออกมาดังลั่น  คุณจักรวาลที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอะไรอย่างเงยหน้ามองผมพลางส่งคำถามผ่านทางสายตาทำนองว่า ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น’

“เป็นแฟนกันเถอะ”

“มึงจะบ้าเรอะ!  ไปโดนใครดักตีหัวตอนออกไปข้างนอกมาหรือไงฮะ!”

ไอ้เฟี้ยวหน้าตาจริงจัง  มันจับหัวคุณอวกาศพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อหาร่องรอยของการบุบสลาย

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่  ความเครียดสูบฉีดขึ้นสมองแบบเฉียบพลัน  ใช้อะไรคิดถึงได้จู่โจมไอ้เฟี้ยวมันแบบนี้!  ยิ่งพุ่งเข้าใส่มันก็ยิ่งหนีกันพอดีน่ะสิ  จากท่าทางของมันแล้วไม่ได้มีวี่แววว่าจะรู้ใจของตัวเองเลยด้วย!

“ฉันพูดจริงๆนะ  ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันคิดยังไงกับนายกันแน่  แค่เห็นหน้านายมันก็เหมือนมีลูกศรลึกลับพุ่งปักเข้ามากลางหัวใจของฉันเลย”

อึก!

เหมือนจะไม่ใช่แค่ผมที่ยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นของเหลวบางอย่างที่ทำท่าจะพุ่งออกมาจากคอ  คุณจักรวาลถึงกับวางเอกสารลงแล้วลุกขึ้นไปสูดอากาศอยู่ตรงหน้าต่างเลยทีเดียว

“กูว่าไม่ใช่ละ  มันไม่ได้โดนดักตีหัวหรอก  แต่แบบนี้ผีเข้าชัวร์ๆ ไอ้ไทม์!  ไอ้จักรวาล  ตามหมอผีที่เก่งที่สุดในโลกมาดิ๊  กูว่าแม่งโดนเขมือบวิญญาณไปแล้วแน่ๆ!”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!”

คุณอวกาศตวาดเสียงดัง  ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ไอ้เฟี้ยวถึงกับไปต่อไม่ถูก  มันนั่งนิ่งไม่ขยับหากแต่แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

“เฟี้ยว  มองหน้าฉันสิ  มองหน้าฉันแล้วลองละทิ้งทุกอคติที่นายมี  ถ้าตรงนี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน  ถ้าฉันกับนายไม่ใช่เพื่อนเล่นสมัยเด็กของกันและกัน…”

“…”

“แล้วนายจะชอบฉันได้ไหม”

อ่า…

รู้สึกเหมือนกำลังถูกทุ่งดอกไม้กันออกจากฉากยังไงก็ไม่รู้สิ  นี่ผมกับคุณจักรวาลมายืนทำบ้าอะไรอยู่ในห้องนี้กันนะ  พอหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วก็เห็นว่าเขายกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมกับสั่นหัวไปมาคนเดียว

ผมเข้าใจๆ

เรากำลังมีความรู้สึกแบบเดียวกันนั่นก็คือ…

…อายแทน

“กูว่ามึงไม่สบายหนักมากไปแล้วนะ  ตั้งสติแล้วไปหาข้าวแดกจากนั้นก็ตามด้วยยา  โอเค๊?  กูไปล่ะ”

ไอ้เฟี้ยวผลักมือคุณอวกาศทั้งสองข้างออกก่อนจะกระโดดข้ามพนักโซฟาแล้ววิ่งออกจากห้องไปทางสวนด้านนอกทันที

“นี่ฉัน…อกหักแล้วใช่ไหม”

พึมพำเสร็จก็ก้มหน้าคอตกด้วยท่าทางสุดแสนจะเวทนา  ท่าทางจะเจองานหินแล้วล่ะคุณอวกาศ  ไอ้เฟี้ยวมันไม่มีทีท่าจะรู้ใจตัวเองเลยสักนิด

เฮ้ออออออออ!!!

 

Special  Talk :

ตุ้บ!

ขาอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้นหญ้าทันทีที่วิ่งออกมาถึงสนาม  ผมยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้อนผ่าวขึ้นมาเอาไว้   หัวใจ….หัวใจก็เหมือนกัน  เต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมาเลย  ผมกำลังจะตายใช่หรือเปล่าเนี่ย!

“ไอ้เวรนั่น…พูดบ้าอะไรออกมาฟะ”

กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง  ทำไมจู่ๆท่าทีก็เปลี่ยนไป  แววตาจริงจังกับมือที่อุ่นจนเหมือนจะร้อนนั่น…

มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงล่ะเนี่ย  อ๊ากกกก!  ไม่เข้าใจเลยโว้ยยยย

คนที่ผมชอบคือไอ้ไทม์ต่างหาก!  ชอบรอยยิ้มที่สดใส  ชอบความใจดีที่มีต่อคนอื่นๆ  ชอบนิสัยใส่ใจคนรอบข้าง  ชอบความไม่ยอมแพ้ต่อเรื่องเลวร้าย  ชอบความกล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่งของมัน  ชอบ…ชอบ…

ภาพหลอนอะไรในหัวกูกันล่ะเนี่ยยยย!  ทุกอย่างที่ทำให้กูชอบมันคือไอ้ไทม์ไม่ใช่เหรอเฟ้ยยยย  แล้วไหงกลายเป็นหน้าไอ้อวกาศลอยขึ้นมาแทนได้ฟะ!

ติ๊งติ๊ง

เสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้ผมเลิกประสาทเสียกับตัวเองชั่วคราว  หยิบมือถือออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากไอ้โชเล่

 

‘ทำอะไรอยู่’

ผมพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘ขี้อยู่’  สักพักมันก็ส่งไลน์กลับมาอีก

 

‘มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมาหลายปีใช่ไหม  มึงเชื่อใจกูหรือเปล่า’

ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามนี้  แต่ก็ตอบกลับในสิ่งที่มันถามไปว่า ‘อือ  เชื่อ  ทำไมวะ’

 

‘ไอ้เฟี้ยว…มาอยู่กับกูเหอะ  กูหวังดีกับมึงจริงๆนะ’

มาถึงประโยคนี้ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบ  เพราะอยากจะรู้ว่ามันจะพิมพ์อะไรกลับมาอีก  ทว่าคราวนี้ที่ส่งกลับมาไม่ใช่ข้อความอย่างที่คิด  แต่เป็น…

คลิปวิดีโอ!

 

“นี่มัน…”

 

[เฟี้ยว  ช่วยแม่ด้วย  พวกมันบอกว่าจะปล่อยแม่ไปถ้าหากลูกเอาของที่พวกมันต้องการมาให้  ช่วยแม่ด้วยนะลูก  แม่กลัวเหลือเกิน  กรี๊ด!!!  อย่าทำฉันนะ  อ๊ะ!]

[เพี๊ยะ!!!]

 

ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนที่ว่ากันตามจริงคือตอนนี้เธออยู่ในฐานะ ‘แม่’ ของผมหันไปตามแรงตบของผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนคอยเฝ้าเธอ  ร่างกายที่เคยขาวสะอาดหมดจดแม้ว่าผิวหนังจะเริ่มย้วยลงไปตามวัยตอนนี้มีแต่รอยถลอกจากการถูกเชือกมัด

มือที่ถือโทรศัพท์ไว้กำแน่น  ใบหน้าของมารีอาแทรกเข้ามาในห้วงความคิด

ติ๊งติ๊ง

 

‘มีมึงคนเดียวที่จะช่วยผอ.ด้วย  ไอ้เฟี้ยว…มาอยู่กับกูเหอะเพื่อน’

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

วันนี้มาอัพสองตอนรวดเลยยยยยย  ยิ่งทุกอย่างใกล้เฉลยหมดเท่าไหร่  ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องนี้มันใกล้จะจบแล้วจริงๆนะทุกคนนนน  ฮือออออ  ใจหายจริงๆเลย  อยู่กับเรื่องนี้มาประมาณสี่สิบวันได้แล้ว  แปลว่านักอ่านก็อยู่กับบิวมาสี่สิบวันแล้วเหมือนกันเนอะ 5555+  คู่อวกาศxเฟี้ยวยังคงต้องตามลุ้นกันต่อไป  เพราะดูท่าเฟี้ยวนี่เจ้าพ่อแห่งความซึนเดเระเลย =..=  คุณอวกาศเจองานหินจริงๆแหละ

มีหลายคนเคยสงสัยว่า  ไทม์ไม่เด่นเลย  ไทม์เหมือนเป็นตัวประกอบ เหมือนไม่ใช่นายเอก  บิวขออธิบายไว้ในตอนนี้เลยแล้วกันเนอะว่าจุดประสงค์ของการสร้างตัวละครไทม์ขึ้นมาให้เป็นนายเอกนั้น  ไม่ได้จำเป็นว่าโลกในนิยายจะต้องหมุนรอบตัวไทม์ค่ะ  สำหรับเรื่องนี้บิวให้ไทม์เป็นนายเอกจริง  แต่ตัวเด่นของเรื่อง  ปม  รวมถึงเรื่องราวมากมายจะเน้นไปทางจักรวาลเป็นพิเศษ  รองลงมาก็คือตัวละครหนุ่มๆคนอื่นในเรื่อง  ส่วนไทม์จะเป็นคนที่เข้ามาช่วยฉุดพวกเขา  โดยเฉพาะจักรวาลออกมาจากความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมานกันมานานค่ะ  ในส่วนนี้ตัวไทม์จึงไม่เคยต้องมีความหลังอันแสนปวดร้าวเหมือนคนอื่นๆเขา  ไม่ได้อยู่ในอดีตที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย  ปมเดียวของไทม์คือเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงเท่านั้น  ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้อธิบายเพราะอยากจะรอให้ถึงตอนนี้ก่อน  ตอนที่จดหมายฉบับที่สองของมารีอาถูกเปิด  ไทม์อาจจะดูไม่เด่นเพราะไม่มีปมอะไรเน้นหนักไปทางไทม์เหมือนคนอื่นๆก็จริง  แต่เพราะอย่างนี้   น้องถึงเป็นเพียงคนเดียวในเรื่องที่จะช่วยหนุ่มๆทุกคนได้  หลังจากที่ไม่มีมารีอาแล้วค่ะ ^__^   

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีปมเพิ่มมาอีกละ  :เฮ้อ:

ถึงเฟี้ยวทำทีไม่มีอะไรตอนอวาศสารภาพรัก
แต่ใจหวั่นไหวไปแล้ว  :hao3:

โชเล่ มีแผนดึงเฟี้ยวไปอยู่กับฝ่ายกวินทร์สินะ  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อย่าไปนะเฟี้ยว ไม่นะ จะดึงเฟี้ยวไปเป็นพวกดิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปมมีเพิ่มอีกแล้วหละ หลายปมแล้วนะ แต่หลานคนแต่งบอกว่าเรื่องไกล้จบแล้ว  :a5:
ไงช่วยคลายปมตอนละปม สองปมนะ อย่าคลายตอนจบที่เดียว คนแก่ตามมิทัน  :m26:

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 40

ไม่มีทางเลือก

 

“ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”

ร่างสูงเข้าประชิดตัวทันทีที่เข้ามาในห้องนอน  ผมดันตัวคุณจักรวาลให้ออกห่างแล้วเดินไปนั่งกอดอกอยู่ตรงปลายเตียง

เมื่อคืนทำเอาไว้เจ็บแสบ  ให้ตายก็ไม่ยกโทษให้ง่ายๆหรอก!

“หมาน้อย…”

เขาไม่ยอมแพ้  ตามมานั่งยองๆลงบนพื้นตรงหน้า  สองแขนวางขนาบข้างตัวผมเหมือนจะเป็นการกอดอยู่กรายๆ

ไม่! ไม่! ไม่!

ห้ามใจอ่อน  เชิดหน้าต่อไปไอ้ไทม์!  ต้องสั่นสอนให้ได้รู้สำนึกเสียบ้างว่าใครเป็นนายใครเป็นทาส!  คุณจักรวาลต้องเป็นทาสหมาน้อยอย่างผมเท่านั้น!

“ดีกันนะ”

อย่านะ  ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด  ห้ามมองด้วย!

อ๊ากกกกกก!  ทำไมการบังคับตัวเองไม่ให้มองใบหน้าหล่อๆที่กำลังทำตาละห้อยชูนิ้วก้อยไปมามันยากอย่างนี้!

ผมหลับตาเชิดหน้าเม้มปากจนแก้มป่องด้วยความทรมานที่ต้องแกล้งโกรธเขาต่อไป ( หารู้ไม่ว่ามันทำให้คนมองอยากจะฟัดเสียให้ได้ )

หมับ!

“เหวอออ  คะ…คุณจักรวาลจะทำอะไรครับเนี่ย!”

ร้องลั่นเมื่อถูกแบกพาดบ่าเดินตรงไปทางห้องน้ำ  กะอีแค่งอนนิดๆหน่อยๆถึงกับจะจับกดน้ำให้ตายเชียวเรอะ  จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ!

“จะอาบน้ำให้”

“อะไรนะ!!!”

“อาบน้ำด้วยกัน  โอเคไหม”

“ใครจะไปโอเคกันล่ะครับ  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”

ตุ้บตั้บๆๆๆๆ

ผมทุบหลังคนแรงเยอะกว่าเพื่อจะให้เขาปล่อย  แต่หมัดที่กระทบกับหลังของเขาคงเปลี่ยนได้กับหมัดตุ๊กตา  ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำให้ร่างสูงนี้สะเทือนเลยแม้แต่น้อย

“ฉันจะทำความสะอาดให้นายทุกซอกทุกมุมเอง  หึๆ…”

ไม่…

ไม่น้า!  อ๊ากกกกกก!

 

Special  Talk :

ผมกลับขึ้นมาบนห้องหลังจากที่พอไปดูในห้องรับแขกแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่เลย  ไอ้อวกาศนอนซึมกะทือขดตัวเป็นดักแด้อยู่ที่เตียงฝั่งของตัวเอง  เห็นสภาพเหมือนคนใกล้ตายของมันแล้วหงุดหงิดเป็นบ้าเลย!

ตุ้บ…!

“เฮ้!”

“…”

ไม่มีการตอบรับจากบุคคลที่ผมเรียก

คนอุตส่าห์มานั่งอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆยังจะทำเมินกันเรอะ!

“หูหนวกหรือไง  ไม่ได้ยินที่เรียกเหรอ”

“ไม่ได้ชื่อเฮ้สักหน่อย  ชื่ออวกาศต่างหาก”

มันตอบกลับเสียงเบาเหมือนพึมพำอะไรในลำคอคนเดียว

“เลิกทำปากจู๋กับเอานิ้วมาจิ้มกันมาแล้วลุกขึ้นมาคุยดีๆจะได้ไหม!”

“คุยเหรอ  คุยอะไรล่ะ   นายจะมาคุยกับคนที่ไม่ได้ชอบทำไม”

ไม่พูดเปล่า  มันยังพลิกตัวหันหลังให้ผมอีก  นี่คิดจะวัดความอดทนกันใช่ไหม  เดี๋ยวก็พ่อจับหักคอจิ้มน้ำพริกเสียเลย!!!

“ฉันบอกให้หันมาคุยกันไง  จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอฮะ!”

“ถ้ายอมคุยด้วยแล้วนายจะชอบฉันไหมล่ะ”

“อย่ามาพูดจาเป็นเด็กนะ  แกอายุยี่สิบหกแล้วนะเฟ้ย!”

“แต่ยี่สิบหกก็เจ็บปวดกับความรักเป็นนะ…”

มันพึมพำอีกแล้ว  ไม่พอยังดึงเอาผ้าห่มมาคุมโปงหนีผมอีก!

เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุ้บๆ  ไอ้เวรนี่คงอยากจะเจ็บตัวมากเลยสินะถึงมาใช้วิธีนี้เล่นสงครามประสาทกับผม  แค่สารภาพรักไม่พอยังมาประท้วงด้วยวิธีเฮงซวยแบบนี้อีก  ผมควรเริ่มหักข้อกระดูกส่วนไหนของร่างกายมันก่อนดีนะถึงจะสาแก่ใจ

หมับ…

“เฮ้ยยย!”

แบบไม่ทันได้ตั้งตัว  ไอ้อวกาศสอดมือออกมาจากผ้านวมแล้วดึงตัวผมให้ล้มนอนลงบนเตียงก่อนจะเอาผ้านวมผืนใหญ่คลุมตัวมันกับผมเอาไว้อีกที  เผลอแป๊บเดียวผมก็ถูกมันจับคร่อมเอาไว้เสียแล้ว!

งามไส้เลยไอ้ห่าเอ๊ย  ดันเปิดช่องว่างให้มันซะได้!

“มึงจะทำอะไร”

ถามออกไปในความมืดเพราะผ้านวมหนามากจนไม่สามารถมีแสงสว่างใดเล็ดลอดออกมาได้  แถวลำคอรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่ายที่เหมือนว่าจะกำลังซุกหน้าลงมา

พรึ่บ!

ขนแขนขนขาขนทุกส่วนในร่างกายพากันลุกพรึ่บพรึ่บอย่างพร้อมเพรียง  การจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ผมตกใจจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ไปเลย

แผล่บ…

“!!!”

ดวงตาเบิกกว้างเมื่อปลายลิ้นของไอ้อวกาศตวัดเข้ากับลำคอ  พอจะปล่อยหมัดใส่ปรากฏว่าข้อมือถูกอีกฝ่ายกดลงกับเตียงไว้แน่นจนขยับไม่ได้  ส่วนล่างก็ถูกมันทับเอาไว้จนขยับไม่ได้พอกัน  ผมในตอนนี้เหมือนคนเป็นอัมพาตไม่มีผิด!

ระ…แรงแม่งเยอะโคตรๆ!

ที่ผ่านมาไม่เคยเอาจริงเลยสินะไอ้หมอนี่…

“ฉันต้องทำยังไง  นายถึงจะชอบฉันเหรอ”

“ปล่อยกู”

“ไม่ปล่อย  ถ้าปล่อยนายก็หนีฉันไปน่ะสิ”

มันตอบเสียงอ่อน  น้ำเสียงเจือไปด้วยความเศร้าจนใจผมอ่อนยวบยาบ  เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย  ทำไมวันนี้พอกลับมาถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ  ไอ้ไทม์พูดอะไรกับมันตอนออกไปข้างนอกด้วยกันหรือไง?!

“นี่…ฉันชอบนายจริงๆนะ  พอรู้ตัวว่าชอบนายเข้าแล้ว  มันก็ชอบจนแทบจะเป็นบ้าเลย”

ปลายจมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอผมไปมา  มือที่เคยกดล็อกข้อมือผมเอาไว้เลื่อนขึ้นมาสอดนิ้วประสานเข้ากับฝ่ามือของผมแทน

น่าแปลกที่ผมประสานมือตอบกลับไป…

“ขอโทษนะ”

“…”

“กูไม่รู้ว่าตอนนี้กูรู้สึกยังไง  ชอบหรือไม่ชอบมึงกันแน่  สิ่งเดียวที่กูรู้คือในใจกูยังมีไอ้ไทม์อยู่  แต่ว่า…”

ในความมืดนั้น  ผมหันหน้าไปหาไอ้อวกาศที่กำลังพรมจูบลำคอผมอย่างหลงใหล  พอหันไปแบบนั้นเลยทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันจนลมหายใจต่อลมหายใจ  ปลายจมูกแนบชิดแม้จะมองไม่เห็นหน้ากันก็ตาม

“แต่ว่าอะไร…”

“กูดีใจ  ที่มึงชอบกู”

ผมตอบสิ่งที่คิดออกไป  เรื่องที่อยากจะคุยกับมันก็คือเรื่องนี้นั่นแหละ  ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของมันด้วยการทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่มันพูด  ถึงจะยังตอบรับไม่ได้แต่อย่างน้อยถ้าได้บอกในสิ่งที่คิดออกไปตรงๆก็คงจะเป็นการให้เกียรติในความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้มากกว่า

และเพราะว่าเป็นมัน…

มันที่สำคัญกับผมไม่น้อยไปกว่าใคร

“ให้ตายสิ  พูดแบบนี้ทำเอาอยากจูบเลยนะ”

“ถ้าจูบมึงตายคาตีนกูแน่”

ผมสวนกลับในทันที  ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่ใกล้กันขนาดนี้  ริมฝีปากของเราจึงไม่น่าจะห่างกันมากเท่าไหร่

อืม…

ก็ทำให้ใจเต้นหน่อยๆเหมือนกัน

“อ้า!  อยากจะบ้าตาย  ไปไหนไม่รอดแล้วสิเรา”

สิ้นคำ  ไอ้อวกาศก็ทิ้งตัวทาบทับลงมา  น้ำหนักมันทุ่มลงมาเต็มๆบนร่างกายของผม  ฝังใบหน้าลงกับซอกคอข้างเดิม  ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของมันอย่างชัดเจน

ผมกับไอ้อวกาศ…

จินตนาการไม่ออกจริงๆนั่นแหละ

 

แอ๊ด…

“ในที่สุดมึงก็มา  กูดีใจนะที่มึงตัดสินใจแบบนี้”

ไอ้โชเล่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะกลับบ้านเรียบร้อยและกำลังนั่งรอผมอยู่บนเตียงผู้ป่วยเอ่ยอย่างดีใจเมื่อผมเปิดประตูเข้ามา

“มึงจะพากูไปพบมันใช่ไหม   ไอ้กวินทร์นั่น…”

“แน่นอนเพื่อน!  ถ้ามึงทำตามที่เขาบอก  ยังไงก็ต้องช่วยผอ.ออกมาได้แน่ๆ”

“กูถามจริงๆนะ  มึงมาทำงานให้มันได้ยังไง”

ผมเปิดประเด็นเข้าเรื่อง  เมื่อเช้าผมตื่นก่อนใครในบ้าน  รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วชิ่งออกมาก่อนจะมีใครเห็น

“พ่อกูเป็นลูกค้าประจำของบ่อนคุณกวินทร์น่ะ  เมื่อก่อนนานๆทีก็จะให้กูไปรับจ๊อบพิเศษเสิร์ฟน้ำให้พวกลูกค้าในบ่อนไรงี้  จากนั้นก็มีจ้างทำอย่างอื่นบ้างเล็กๆน้อยๆ  ล่าสุดพ่อกูเสือกติดหนี้หลายล้าน  กูเลยต้องทำอะไรที่มันมากกว่าแค่รับจ๊อบอย่างที่ผ่านมา”

“ขโมยรายงานไปซ่อน  เขียนโน้ตให้ไอ้ไทม์ไปที่โรงยิมแล้วย่างสดมันโดยหลอกว่าเป็นกู  พวกนั้น…ฝีมือมึงใช่ไหม”

ไอ้โชเล่นิ่งไป  สังเกตได้ว่าแววตามันสั่นกลัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“อะ…อือ  กูจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง  ไม่งั้นเขาจะฆ่าพ่อกู”

“กูเข้าใจ”

ผมพยักหน้ารับ  นึกเจ็บใจที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจมันเท่าที่ควร  เลยไม่รู้ว่าไอ้กวินทร์มันกำลังจะทำให้เพื่อนผมกลายเป็นอาชญากรโดยที่มือของตัวเองไม่ต้องแปดเปื้อน

“พร้อมหรือยัง  กูจะพามึงไปหาคุณกวินทร์”

“อือ  ไปเลย”

ตอบกลับหน้านิ่ง  อีกไม่นานทุกอย่างจะต้องจบลง!!!

 

ไอ้โชเล่พาผมมาแถวชุมชนที่ยังไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่นัก  โดยที่ท้ายชุมชนมีโรงงานร้างที่เหมือนกับว่ากำลังรอวันรื้อทิ้ง  หากแต่พอสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกระจายตัวกันเฝ้าอยู่เป็นจุดๆ  มองด้วยสายตาแล้วน่าจะมีมากกว่าสิบคนแฮะ…

“ในนี้แหละมึง  หวัดดีครับพี่  ผมมาหาคุณกวินทร์”

ไอ้โชเล่ยกมือไหว้คนที่ยืนเฝ้าประตู  มันจ้องมองมาด้วยสายตาน่ากลัวก่อนจะตรงเข้ามาค้นตัวไอ้โชเล่และผมอย่างละเอียดยิบเพื่อตรวจหาอาวุธ

ประตูถูกเปิดให้เข้าไปเมื่อตรวจแล้วไม่พบอาวุธใดๆ  สิ่งแรกที่เห็นคือผอ.ในสภาพไม่ได้สติและตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดูราวกับเป็นคนละคร  ไม่ไกลมีไอ้กวินทร์กำลังนั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว

รอยยิ้มเทพบุตรนั่นสินะที่ทำให้มารีอาหลงใหล  ทุเรศสิ้นดี!

“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะตัดสินใจมาร่วมมือกับผมแบบนี้”

มันเอ่ยทักอย่างสุภาพพร้อมยิ้มที่แค่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ  มันกำลังสวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มแบบที่ไอ้ไทม์เคยบอกเอาไว้จริงๆ

“ใครบอกว่ากูจะร่วมมือกับมึง!”

“หือ…พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอครับ  เพื่อนรักของคุณไม่ได้บอกเหรอว่าผมต้องการให้คุณทำอะไรหากคุณอยากให้คุณแม่ของคุณปลอดภัย”

“บอกนะครับ  ผมบอกมันไปแล้ว!  ไอ้เฟี้ยว!  พูดอะไรของมึงวะ  ไม่ใช่ว่ามาเล่นนะเว้ย!”

“กูไม่ได้บอกสักคำว่ากูจะยอมร่วมมือด้วย”

“เอ้า!  แล้วมึงขอให้กูพามาที่นี่ทำไมวะ”

ไอ้โชเล่ร้องเสียงหลงทันที  ผมจ้องเขม็งไปที่ไอ้กวินทร์ซึ่งเอาแต่นั่งไขว่ห้างยิ้มแย้มได้อย่างน่าตบ  ไอ้เหี้ยนี่มันมีอะไรดีกันนะ  ทำไมพี่ถึงได้หลงรักคนอย่างมัน!

คนอย่างมันที่ทำให้พี่กับหลานของผมต้องตาย!!!

“ที่กูมาก็เพื่อจะบอกว่า…กูไม่มีวันหักหลังสามคนนั้น!”

“คุณเฟี้ยวครับ  ผมให้โอกาสคุณคิดทบทวนดูอีกทีนะ  มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะจงรักภักดีต่อพวกเขา  ผมแค่ต้องการให้คุณเอา SD การ์ดมาให้  ไม่ได้ให้คุณไปฆ่าใครสักหน่อย  SD การ์ด  แลกกับชีวิตแม่ของคุณนะครับ”

“ยังไงก็ไม่  กูไม่มีวันหักหลังเพื่อนเหมือนอย่างมึง!!!”

ไอ้กวินทร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้  แต่แค่แป๊บเดียวมันก็กลับมาตีหน้าแป้นนั่งยิ้มแย้มเหมือนเดิม

“คุณนี่มันดื้อด้านจริงๆเลยนะครับ  เห็นทีผมคงต้องสั่งสอนให้ได้รู้สำนึกซะแล้วว่าการพยศแบบนี้มันไม่ได้ช่วยรักษาชีวิตของคุณเลย”

“เดี๋ยวครับคุณกวินทร์!  ให้ผมลองพูดกับมันก่อนนะครับ  ผมจะเกลี้ยกล่อมมันเอง  อย่าเพิ่งทำอะไรมันเลยนะครับ  ผมขอร้อง!”

ไอ้โชเล่ถลาเข้าไปกราบแทยเท้าไอ้กวินทร์  มันแสยะยิ้มมองเพื่อนผมด้วยแววตาสมเพชก่อนจะส่งซิกให้ลูกน้องของมันคนหนึ่งมาลากตัวไอ้โชเล่ออกไป

“ไม่!  ไม่!  คุณกวินทร์ผมขอร้อง  อย่าทำอะไรมันเลยนะครับ  ให้ผมพูด…อั้ก!”

ร่างของไอ้โชเล่ล้มลงกับพื้นเมื่อถูกทุบเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง  มันเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าเจ็บปวดแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะถูกเหยียบหลังเอาไว้

“ไอ้เลว!!!”

พลั่ก!!!

ทันทีที่ผมถลาจะเข้าไปจัดการไอ้กวินทร์  ลูกน้องของมันสามคนก็พุ่งเข้าใส่ผม  เสยหมัดตรงปลายคางจนหงายหลังคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น  เพียงแค่พริบตาเดียว  สหบาทาทั้งหลายก็มะรุมมะตุ้มจนร่างกายปวดร้าวไปหมด  ผมเหลือบมองไปทางไอ้โชเล่ที่พยายามตะเกียกตะกายจะเข้ามาหา  แต่ตัวมันเองก็กำลังถูกซ้อมอยู่เช่นกันเลยไม่สามารถช่วยอะไรได้

ผมยกแขนขึ้นป้องกันหัวเอาไว้  ตีนใครสักคนกระทืบเข้าเต็มๆท้องจนจุกเสียด  กลิ่นคาวเลื่อนคะคลุ้งไปทั่วโพรงปาก  บ้าเอ๊ย!  ทั้งที่อยากจะช่วยให้ไอ้โชเล่มันรอดไปได้ก่อนแท้ๆ  แต่กลับต้องมาโดนซ้อมปางตายทั้งคู่แบบนี้

พลั่ก! พลั่ก! ตุ้บ! ตั้บ!

“ไอ้เฟี้ยว!  ไอ้...อั้ก!!!”

มึงก็เลิกวอนหาเรื่องด้วยการเรียกชื่อกูได้แล้วไอ้โชเล่!!!

“พอ…”

เพียงคำสั่งเดียวนิ่งๆของไอ้กวินทร์  พวกลูกน้องหน้าตัวเมียทั้งหลายของมันก็พากันหยุด  สภาพของผมตอนนี้แต่ยังหายใจอยู่ได้ก็ถือว่าบุญแล้ว

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงของไอ้กวินทร์เดินเข้ามาหา  ผมทิ้งตัวนั่งลงยองๆตรองหน้าผมที่นอนคว่ำหน้าอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้น

หมับ!

“อั้กกก!”

ร้องออกมาเบาๆ   มือหนาจิกหัวผมแล้วดึงไปด้านหลังเพื่อให้เงยหน้าขึ้นมองมัน  ไม่ไหว…  ร่างกายผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลือจะต้านทานมันแล้ว

“เห็นแก่ที่คุณเป็นน้องชายของผู้หญิงที่ผมรัก  ผมจะให้โอกาสคุณคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ  SD การ์ด  แลกกับชีวิตของคุณ”

“กะ…กู…ไม่กลัว…ตาย”

“งั้นเหรอครับ  คุณไม่กลัวตายสินะ  แบบนี้ยิ่งดีใหญ่  ในเมื่อคุณไม่กลัวตายผมก็จะไม่ฆ่าคุณ  แต่…”

มันเว้นจังหวะ  หันไปส่งซิกกับลูกน้องของมันอีกคนที่ยืนเฝ้าผอ.อยู่  มันพยักหน้ารับคำสั่งทางสายตาของเจ้านายก่อนจะหยิบมีดออกมา  จิกหัวผอ.ให้หงายไปข้างหลังแล้วเอาปลายมีดจี้ไปที่ลำคอ!

“มึง…!”

“ว่ายังไงล่ะครับ  ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมต้องการ  ผมจะฆ่าแม่คุณซะ”

“ไอ้เลว…”

“ผมจำเป็นต้องเลวครับ  บนโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนดีหรอก”

ไอ้กวินทร์เหยียดยิ้ม  สองมือผมกำหมัดแน่น  อยากจะซัดคนที่อยู่ตรงหน้าสักครั้งแต่ก็ทำไม่ได้  ความแค้นที่มีต่อมันสุมอยู่ในอกจนผมจะบ้าอยู่แล้ว!

“คุณไม่มีทางเลือกแล้วนะครับ  ถ้าอยากช่วยชีวิตแม่ของคุณกับมารีอา  คุณต้องเอา SD การ์ดมาให้ผมเท่านั้น”

“แล้ว…แล้วกูจะมั่นใจได้ยังไง  ว่าหลังจากได้ของไปแล้ว  มึงจะปล่อยกูกับแม่จริงๆ”

“คนอย่างผมคำไหนคำนั้นอยู่แล้วครับ  คุณไม่ได้มีผลประโยชน์หรือสร้างผลเสียอะไรให้กับผม  จะอยู่หรือตายก็ค่าเท่ากัน  แต่ถ้าคุณอยากจะอยู่…คุณก็มีแค่ทางเลือกเดียวคือเอา SD การ์ดมาซะ”

ผมมองหน้ามันสลับกับผอ.และไอ้โชเล่ที่กำลังปรือตาบวมเป่งเพราถูกชกมองมาทางผม  ใบหน้ายิ้มแย้มของมารีอาแวบเข้ามาในหัว

ฉัน…จะช่วยแม่ของเธอให้ได้

“ตกลง”

“เป็นคำตอบที่น่าพอใจมากเลยครับ”

“อีกสองวันกูจะเอา SD การ์ดมาให้  และมึงต้องปล่อยตัวแม่กู”

“ผมสัญญาครับ”

มันยิ้มหวานก่อนจะปล่อยมือออกจากหัวของผมแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม  ลูกน้องที่เอามีดจี้คอผอ.อยู่ก็เก็บมีดไปเหมือนกัน

“ส่งแขกด้วย”

ไอ้กวินทร์สั่งลูกน้อง  ผมกับไอ้โชเล่ถูกหิ้วปีกลากออกไปจากโรงงานด้วยสภาพไม่ต่างจากหมาข้างถนนที่ถูกรถทับ

เจ็บใจชะมัด…

สุดท้ายกูก็ยังแข็งแกร่งไม่พอ!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  สรุปแล้วนี่คือการตัดสินใจของเฟี้ยวจริงๆเหรอเนี่ย!  จะหักหลังน้องไทม์จริงๆน่ะเหรอ!  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้นต้องติดตามนะคะ  กำลังเข้มข้นเลย  พลาดไม่ได้แล้วน้า  ขณะที่เรื่องรบยังคงวุ่นวาย  เรื่องรักของทั้งสองคู่เองก็ไม่ได้ราบรื่นเช่นกัน  รักใครเชียร์ใครก็ให้กำลังใจกันไปเนอะ  ที่สำคัญก็คือ…อย่าลืมมาเปย์หนุ่มๆกันน้า!  ตอนพิเศษอัดแน่นความฟินทั้งเล่มกำลังรออยู่วววว!

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ นายเอกฮาดี

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มาถึงตอนนี้คนแก่ก็เดาไม่ออก ว่าโชเล่เป็นคนดี หรือไม่ดีฟะ  :m28:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
มาถึงตอนนี้คนแก่ก็เดาไม่ออก ว่าโชเล่เป็นคนดี หรือไม่ดีฟะ  :m28:


โชเล่เป็นคนเทาๆค่ะ ทำเพราะอยากได้เงินอยากช่วยพ่อ ไม่ได้สนว่าไทม์จะอยู่หรือตาย แต่ว่าก็เห็นเฟี้ยวเป็นเพื่อน เลยรักและเป็นห่วงไม่อยากเห็นเพื่อนโดนทำร้ายค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
รอลุ้นต่อคะ  :katai1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฟี้ยวไม่มีทางหักหลังไทม์แน่ๆ เราว่าเฟี้ยวต้องบอกจักรวาลกับอวกาศแน่เพื่อที่ซ้อนแผนเอาของปลอมไปให้อะไรแบบนั้นชัวร์เลย

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 41

หลุมพราง…

 

“เป็นไงบ้างพี่  ใน SD การ์ดมีอะไรเหรอ”

คุณอวกาศเดินเข้าไปถามคุณจักรวาลที่เอา SD การ์ดออกมาตรวจสอบข้อมูลดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง  เมื่อวานมัวแต่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวกันเลยลืมตรวจสอบไปเสียสนิท  เมื่อเช้าพอตื่นมาคุณจักรวาลเลยรีบเอามาตรวจสอบที่ห้องรับแขก

“เยอะเลยล่ะ  คิดไม่ถึงว่ามารีอาจะหาข้อมูลพวกนี้มาได้”

“มีข้อมูลอะไรอยู่บ้างเหรอครับ”

ผมถามด้วยความอยากรู้  ตอนนี้ต่อให้อยากรู้ว่าอาจารย์มารีอาใช้วิธีอะไรในการหาข้อมูลพวกนี้แค่ไหนก็คงไม่มีทางได้รู้  เพราะคนที่จะตอบเธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว…

“บันทึกการปลอมแปลงบัญชีของบริษัทตลอดสิบแปดปี  หลักฐานการฟอกเงินโดยเอาเงินทีได้ไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำกับพวกรถยนต์นำเข้าหรูๆ  รวมถึง…บ่อนการพนัน”

“บ่อน?  พวกนั้นเปิดบ่อนการด้วยเหรอครับ?”

“ไม่แน่ใจว่าเป็นบ่อนเล็กหรือว่าใหญ่  แต่คงไม่ใช่แบบถูกกฎหมายแน่ๆ  เพราการสร้างบ่อนถูกกฏหมายจำเป็นต้องยื่นเรื่องขอสัมปทานคาสิโนเสียก่อน  และต้องใช้เงินอย่างมหาศาลเลยล่ะ  ลำพังแค่ยักยอกเอาไปคงพอแค่ยื่นเรื่องขอสัมปทานเท่านั้น  แต่คงไม่มีเงินเหลือไปสร้างหรือว่าปรังปรุงคาสิโนอะไร”

“เข้าใจละ  ถ้าเราตรวจสอบจนรู้ได้ว่าใครคือคนที่ได้เงินไปจากการยักยอกและฟอกเงิน  รวมถึงใครเป็นเจ้าของบ่อน  ก็จะจัดการตัวพ่อได้ใช่ไหมพี่”

คุณจักรวาลพยักหน้ารับแนวคิดของคุณอวกาศ  ตัวพ่องั้นเหรอ…  จะว่าไป…

“ในจดหมายของอาจารย์ที่เขียนถึงผม  เหมือนเธอต้องการให้ผมช่วยคุณกวินทร์จากการเป็นหุ่นเชิดของพ่อเขานะครับ  ผมอยากรู้ว่า…พ่อของคุณกวินทร์เป็นใคร  และเป็นคนยังไง  พอจะมีข้อมูลไหมครับ”

“ในระบบของบริษัทมีข้อมูลทุกอย่างนะ  แต่มันก็ไม่มีอะไรนอกจากประวัติส่วนตัวทั่วไปและความสามารถพิเศษ  อีกอย่าง…พ่อของหมอนั่นน่ะ…”

คุณจักรวาลเงียบไป  ผมกับคุณอวกาศมองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก  จะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ

“คุณอาไกรศรประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้มาสิบแปดปีแล้ว  ช่วงก่อนจะเกิดเรื่องกับครอบครัวของพวกเราได้ไม่กี่เดือนหรอก”

“จริงเหรอพี่!  ทำไมผมไม่เคยรู้เลยล่ะ!”

“เพราะหลังจากเกิดเรื่องระหว่างเรากับเขาก็เป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นเพียงแต่ไม่แสดงออกให้คนนอกรับรู้เท่านั้นเอง  คุณพ่อเลยไม่อยากให้นายรับรู้อะไรทั้งนั้น”

สิบแปดปี…เดินไม่ได้ถึงสิบแปดปี  แถมยังเป็นช่วงก่อนจะเกิดเรื่องกับครอบครัวของผมในตอนนั้นอีก  แปลว่าคือช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือนก่อนที่คุณกวินทร์จะเปลี่ยนไปและกลายเป็นหุ่นเชิดให้พ่อของเขามาตลอดสินะ?!

เดี๋ยวก่อน  อาจารย์มารีอาเคยเขียนไว้ในจดหมายเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงว่าคือพ่อของคุณกวินทร์ นั่นอาจจะเพราะคนที่สั่งการให้ทำทุกอย่างจริงๆคือพ่อของเขาแต่คุณกวินทร์คอยออกหน้าแทน  ประมาณว่าพ่อคือที่ปรึกษาในการทำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดหรือเปล่า?  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร  ในเมื่อความแค้นครั้งนี้จุดเริ่มต้นคือสองพ่อลูกนั่นเริ่มลงมือก่อน  แล้วทำไมอาจารย์ถึงต้องใช้คำว่าผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงล่ะ?

“ไทม์…คิดอะไรออกงั้นเหรอ”

ผมเงยหน้ามองคุณจักรวาลที่ส่งเสียงเรียก  มีบางอย่างแปลกๆแฮะ  การแก้แค้นอสังหาไม่ได้ดูเหมือนเป็นการอยากแก้แค้นของคนเป็นพ่อเพียงคนเดียว  แต่ตัวคุณกวินทร์เองก็ดูเต็มใจและอยากที่จะแก้แค้นเหมือนกัน

มันอะไรกันแน่นะ  เหตุผลที่ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่าพ่อของคุณกวินทร์คือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด  และคุณกวินทร์เป็นเพียงหุ่นเชิด!

“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อของคุณกวินทร์…คืออะไรเหรอครับ”

“รถคว่ำ  ตอนนั้นคุณพ่อเองก็รีบไปที่โรงพยาบาลเหมือนกัน  มีอะไรหรือเปล่า”

“สาเหตุที่รถคว่ำล่ะครับ”

“เกิดจากความประมาทน่ะ  ดูเหมือนจะมีการเบรกกะทันหันทำให้รถคว่ำ  คุณอาไกรศรเป็นคนขับรถไม่เก่งอยู่แล้ว  แต่วันนั้นรู้สึกว่าจะขับรถเอง  ไม่ได้ให้คนขับรถขับให้เหมือนทุกครั้ง”

ผมคิดภาพในวันเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นตามที่คุณจักรวาลเล่า  แต่มันยังมีบางอย่างคาใจ  อะไรบางอย่างติดอยู่ในหัวของผม!

“เรื่องสาเหตุของอุบัติเหตุ  คนที่ยืนยันคือใครเหรอครับ”

“จากพวกตำรวจแล้วก็ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ  มีเอกสารยืนยันให้คุณพ่อดูตอนที่คุณพ่อไปสถานีตำรวจเพื่อตามเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น”

“มีอะไรหรือเปล่าไทม์  นายสงสัยอะไรเหรอ”

“ครับ  มีบางอย่างที่ผมสงสัย”

ตอบคำถามคุณอวกาศก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวทุกอย่างในหัวใหม่อีกครั้ง  หุ่นเชิด…ทำไมอาจารย์มารีอาถึงบอกว่าคุณกวินทร์เป็นเพียงหุ่นเชิด…

“วันที่ไปสถานีตำรวจ  มีใครไปบ้างเหรอครับ”

“มีฉันกับคุณพ่อแค่สองคน  ตอนนั้นคุณอายังอยู่ที่โรงพยาบาล  ส่วนกวินทร์ก็เฝ้าคุณอาตลอดไม่ไปไหน  คุณพ่อเลยอาสาตามเรื่องให้เอง  ตกลงนายคิดอะไรอยู่กันแน่”

อย่างนี้นี่เอง  เท่ากับว่าคนที่เห็นเอกสารยืนยันการเกิดอุบัติเหตุของคุณไกรศรในวันนั้นมีเพียงคุณพ่อกับคุณจักรวาลเท่านั้น

เข้าใจล่ะ… แบบนี้เองสินะ  เพราะงั้นอาจารย์มารีอาถึงได้ใช้คำว่าหุ่นเชิดกับคุณกวินทร์  ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมคิด  ก็จะลงล็อกพอดีว่าทำไมหลังจากนั้นคุณกวินทร์ถึงเปลี่ยนไป  และเข้าพวกกับพ่อของตัวเองเพื่อแก้แค้นอสังหา!

“คุณจักรวาล  คุณอวกาศ  ผมมีเรื่องจะขอให้ช่วยครับ”

ผมมองหน้าทั้งสองคนอย่างจริงจัง  ความจริงของอุบัติเหตุคราวนั้นที่ถูกปิดตายเอาไว้  ผมนี่แหละจะเป็นคนเปิดเผยมันเอง!

จะไม่มีหุ่นเชิดที่ถูกชักใยอีกต่อไป…

 

ปี๊น! ปี๊น!

เสียงบีบแตรดังสนั่นหวั่นไหวจนพวกเราสามคนที่กำลังนั่งสุมหัวคุยกันถึงเรื่องทั้งหมดต้องรีบวิ่งออกมาดู  แม่บ้านคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาด้วยท่าทางตกใจ

“บะ…บอสคะ  นายน้อย หน้า…หน้าบ้านค่ะ…”

“ใจเย็นๆครับป้าหอม  เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ผมเข้าไปแตะไหล่ป้าหอมเบาๆเพื่อให้เธอสงบลง แต่ดูแล้วไม่น่าจะได้ผล  สีหน้าเธอดูตกใจจนหน้าซีดไปสั่นไปหมด

“บอสครับ!  แย่แล้วครับ!”

ยังไม่ทันที่ป้าหอมจะได้อธิบาย  บอดี้การ์ดที่คอยเฝ้ารอบๆบ้านคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเสียก่อน  มีอะไรกันอีกล่ะเนี่ย

“มีอะไร”

“เมื่อกี้มีรถตู้เอา…เอา…”

“เอาอะไร”

“เอาคุณเฟี้ยวกับ…ใครอีกคนก็ไม่รู้มาโยนทิ้งที่หน้าบ้านครับ”

“อะไรนะ!!!”

คราวนี้เป็นเสียงของคุณอวกาศ  เขารีบวิ่งฝ่าทุกคนออกไปทางหน้าบ้านอย่างร้อนรน  ผมกับคุณจักรวาลรีบวิ่งตามไปติดๆ  ยังไม่ทันจะถึงประตูรั้วใหญ่  บอดี้การ์ดสองคนก็แบกร่างไร้สติของไอ้เฟี้ยวกับ…

ไอ้โชเล่!!!

ทั้งสองคนถูกบอดี้การ์ดแบกเข้ามาในสภาพไม่น่าดู  ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  มีเลือดไหลซึมเสื้อผ้าออกมา  แขนของไอ้เฟี้ยวห้อยโตงเตงลงข้างตัว  บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของร่างไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกแล้ว 

ตุ้บ…

“ไทม์!”

คุณจักรวาลรีบเข้ามาประคองผมที่ล้มทั้งยืนเมื่อเห็นสภาพของไอ้เฟี้ยว  น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมา  ขณะที่ร่างของไอ้เฟี้ยวถูกส่งต่อให้คุณอวกาศ

“ตามหมอมา!  โทรตามหมอที่เก่งที่สุดมาเดี๋ยวนี้!!!”

คุณอวกาศตะโกนลั่น  เหล่าแม่บ้านกับบอดี้การ์ดรีบพากันกดโทรศัพท์ยกใหญ่  ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นถึงขนาดนี้   ผม…

“ใจเย็นๆนะ  เฟี้ยวจะต้องไม่เป็นอะไร”

“เพราะผม…เพราะผมครับ”

ผมหันไปจับตัวคนข้างๆ  ไม่สามารถหยุดน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว

“มันไม่ใช่เพราะนาย  อย่าคิดแบบนั้น”

“ฮึก…อะ…ไอ้เฟี้ยว…ตะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ  ฮึก…”

“ไม่เป็นไร  หมอนั่นจะต้องปลอดภัย  ฉันสัญญา”

คุณจักรวาลกอดผมไว้แน่น  กดศีรษะให้ซบลงกับอกแกร่งขณะที่ผมกำลังร้องไห้แทบขาดใจ  ภาพไอ้เฟี้ยวที่เต็มไปด้วยบาดแผลยังติดตาอยู่เลย

“เข้าไปข้างในกันเถอะ  ไปดูเฟี้ยวกัน”

ร่างสูงพยุงผมที่แข้งขาอ่อนแรงให้เข้าไปในบ้าน  เฟี้ยวถูกพาตัวไปที่ห้องนอนส่วนตัวของคุณอวกาศ  ส่วนโชเล่ถูกพาไปที่ห้องรับรองแขกเพื่อรอหมอมา  พวกเราสามคนมานั่งเฝ้าเฟี้ยวอยู่ที่ห้องโดยที่คุณอวกาศกำลังถอดเสื้อผ้าของมันออกเพื่อเช็ดล้างคราบเลือดที่ติดตัว

“เด็กคนนี้อึดจะตาย  ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกนะ”

ถึงจะพูดกับผมด้วยรอยยิ้มแบบนั้น  แต่มือของคุณอวกาศที่กำลังถือผ้าไล่เช็ดเลือดให้ไอ้เฟี้ยวนั้นสั่นจนคนมองอย่างผมรู้สึกได้

หมับ…

“ฉันทำเอง”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมทำเองได้”

“นายไม่ไหวหรอก  มือสั่นขนาดนี้  ถ้าสะเทือนมากๆอาจจะทำให้เฟี้ยวเจ็บแผลมากขึ้นก็ได้”

พอเจอเหตุผลนี้เข้าไป  คุณอวกาศเลยต้องยอมปล่อยให้คุณจักรวาลเป็นคนเช็ดเลือดออกให้แทน  ถึงคุณจักรวาลจะดูนิ่งที่สุดเมื่อเห็นสภาพของไอ้เฟี้ยว  แต่สายตาของเขาที่มองไปยังร่างไร้สตินั้นดูทรมานกว่าคนนอนเจ็บเองหลายร้อยเท่า

กูขอโทษ  ไอ้เฟี้ยว  กูขอโทษ…

 

“เรียบร้อยแล้วนะคะ  พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำนะ  จะได้หายเร็วๆ”

“ครับผม  ขอบคุณมากนะครับ”

พยาบาลคนสวยฉีกยิ้มหวานก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดเดินออกจากห้องไป  ไอ้โชเล่ที่มองตามหลังเธอจนมาเจอกับผมที่ยืนอยู่ตรงประตูพอดีร้องทัก

“อ้าวไอ้ไทม์  มาเยี่ยมกูเหรอ”

“ห้องมึงอยู่ห่างจากห้องกูไปแค่สิบก้าวเองนะ  พูดเหมือนกูมาไกลเพื่อมาหามึงเลย”

ผมแค่นหัวเราะ  เดินเข้าไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆมันที่นอนแบ็บอยู่บนเตียง  หลังจากวันที่มันกับไอ้เฟี้ยวถูกซ้อมปางตายก็ผ่านมาสองวันแล้ว  วันนี้เข้าวันที่สองพอดี  ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะรอดตายมาได้  หมอบอกว่าที่หมดสติไปเป็นเพราะเหนื่อยมากทั้งคู่  บาดแผลที่ได้รับมาไม่ได้ทำให้พวกมันหมดสติหรือใกล้ตายแต่อย่างใด

รู้สึกอยากจะทวงน้ำตาที่เสียไปคืนมามากๆ  วันนั้นพอหมอมาตรวจอาการทำแผลและฉีดยาให้เสร็จ  ไม่ถึงสองชั่วโมงมันสองคนก็ฟื้นลุกขึ้นมาคุยปร๋อ  แถมยังแดกเก่งกว่าปกติอีกต่างหาก  เล่นเอาพวกผมสามคนงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย

แต่ว่า…พอไอ้โชเล่ฟื้นขึ้นมา  คำถามแรกที่ออกมาจากปากมันก็คือไอ้เฟี้ยวอยู่ที่ไหน  ปลอดภัยดีหรือเปล่า  มันทำให้ผมรู้ได้ว่าถึงความเหี้ยที่มันทำไว้กับผมจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนที่มันมอบให้กับไอ้เฟี้ยวนั่นก็มาจากใจของมันด้วยเช่นกัน

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ผมจะให้อภัยในการกระทำของมัน  อาจจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจเหมือนผมกับไอ้เฟี้ยว  แต่อย่างน้อยผมก็ไม่คิดแค้นในสิ่งที่มันเคยทำไว้กับผมก็แล้วกัน  สำหรับคนที่ให้ใจกับเพื่อนรักของผมอย่างมัน  แค่ทำเป็นลืมๆเรื่องที่มันสร้างเอาไว้ซะทำไมผมจะทำไม่ได้

"ว๊ากกกก  กูบอกว่าไม่ต้องไง  กูเช็ดตัวเองได้  ออกไปเว้ยยย!”

“อะ…อีกแล้วสินะ”

ไอ้โชเล่นหันมาทำหน้าเจื่อนใส่ผมทันทีเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของไอ้เฟี้ยวดังออกมาจากห้องของมัน  นั่นก็เพราะตั้งแต่ไอ้เฟี้ยวฟื้นขึ้น  คุณอวกาศก็คอยเฝ้าและดูแลอย่างดีถึงเจ้าคนเจ็บจะออกไปไล่แค่ไหนก็ไม่เคยท้อ

ช่างมีความพยายามเป็นเลิศเหลือเกินนะพี่ชายผม!

“แล้วมึงดีขึ้นหรือยัง  ขยับตัวได้ใช่ไหม”

“สบายมาก  กูกับไอ้เฟี้ยวเจอแบบนี้กันประจำอยู่แล้ว”

“แล้วจำไม่ได้เลยเหรอว่าเป็นพวกโรงเรียนไหนที่มาดักทำร้ายพวกมึง”

“ไม่ว่ะ  มันมากันเยอะแล้วก็เร็วมาก  กระทืบเสร็จก็ยังอุตส่าห์เอาพวกกูมาส่งถึงที่อีก  จิตใจดีฉิบหาย”

ผมพยักหน้ารับในสิ่งที่มันเล่าและไม่คิดจะถามอะไรอีก  สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆกำลังตรงมาที่ห้องนี้  ไอ้เฟี้ยวในสภาพเอผ้าหลุดลุ่ยวิ่งพรวดเข้ามากระโดดขึ้นเกาะไอ้โชเล่บนเตียงราวกับคนหนีตาย

“พวกมึงช่วยกูด้วยดิ  ไอ้อวกาศแม่งจะลวนลามกูอีกแล้ว!”

“เฟี้ยว!  นายจะวิ่งหนีทำไมเนี่ย  ฉันแค่จะเช็ดตัวให้เฉยๆเองนะ”

คู่กรณีวิ่งตามมาติดๆ  ในมือถือผ้าชุบน้ำอยู่  ทว่าไอ้คนหนีมาก็ไม่ยอมจะออกไปเช่นกัน  มันดันไอ้โชเล่ให้มาช่วยบังตัวเองเอาไว้

“เช็ดตัวบ้านป้ามึงสิ!  มึงเอาแต่เช็ดตรงหัวนมกูอย่างเดียว  สะกิดไปมาอยู่ได้เป็นนาที  อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทันความคิดมึงนะไอ้พวกชอบกินเด็ก!”

อึก!

คำด่าของมันทำเอาผมสะดุ้งไปด้วยหน่อยๆ  นึกถึงคุณจักรวาลขึ้นมาทันที  อย่างคุณอวกาศอายุยี่สิบหกยังโดนเรียกว่าไอ้พวกชอบกินเด็ก  แล้วคุณจักรวาลที่อายุสามสิบห้ากับผมที่อายุเกือบจะสิบแปดล่ะ…

พรากผู้เยาว์เห็นๆเลยนี่หว่า

“ไม่เอาน่า  ที่ฉันสนใจจุดนั้นของนายเป็นพิเศษเพราะมันอมชมพูน่ารักจนอดใจไม่ไหวต่างหาก”

“เห็นไหมล่ะ!  อ๊ากกกก  กูขยะแขยง  ขนลุกโว้ยยย!”

มันยังคงหลบข้างหลังไอ้โชเล่ต่อไป  โดยที่คุณอวกาศก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้มันกลับออกไปหาเขา  ไม่เห็นหนทางความรักของคู่นี้เลยแฮะ

“อวกาศ  เลิกเล่นได้แล้ว  ไปเปลี่ยนชุด  ฉันต้องการให้นายไปที่บริษัทกับฉัน”

ความวุ่นวายเป็นอันต้องสะดุดเมื่อคุณจักรวาลในชุดสูทดูดีเตรียมพร้อมไปบริษัทเข้ามาห้ามทัพ  ผมเหลือบมองเขาเล็กน้อยด้วยรู้ดีว่าเขากำลังจะไปไหนและทำอะไร

“ไหงงั้นอ่ะ  ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะพี่  ปกติก็ไปคนเดียวได้ไม่ใช่เหรอ”

“มันเป็นเรื่องด่วน  และนายควรได้เรียนรู้เพราอีกไม่นานนายจะต้องเข้ามาช่วยฉันทำงาน”

“โห…พี่อ่ะ  ไม่ไปไม่ได้เหรอ  ผมจะอยู่กับเฟี้ยว…”

“กูอยู่คนเดียวได้!  มึงไสหัวไปเลยนะไอ้เวร!”

“อย่ามางอแง  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว  ฉันให้เวลาสิบนาที”

“สิบนาที!  สิบนาทีผมยังไม่ได้ถอดกางเกงในเลยมั้งพี่”

“แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมจะต้องถอดกางเกงในด้วย?”

คุณจักรวาลย้อนถาม  เออนั่นสิ  แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าจะถอดกางเกงในทำไม

สุดท้ายเมื่อไม่สามารถขัดคุณจักรวาลได้  คนหัวขาวก็เดินกระทืบเท้าปึงปังไปทางห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด  คงจะอารมณ์เสียเพราอดอยู่ลวนลามไอ้เฟี้ยวมากกว่า…

“ฉันไปนะ  พวกนายอยู่กันได้ใช่ไหม”

“ได้ครับ”

ผมตอบรับ  เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่มือถือดังขัดขึ้นเสียก่อนเลยกดรับสายแล้วเดินไปอีกทาง  ในห้องเหลือแค่ผม  ไอ้เฟี้ยว  กับไอ้โชเล่แล้ว

“งั้นกูขออาบน้ำห้องมึงหน่อยแล้วกันนะไอ้โช  ห้องกูเละเป็นสนามรบเลย”

“เออๆ  ตามสบายเลย”

ไอ้เฟี้ยวเดินเข้าห้องน้ำไปอีกคน  ได้ยินเสียงรถของคุณจักรวาลขับออกจากบ้านไปแล้ว  พอไม่มีคุณอวกาศบ้านนี้เงียบไปเลยแฮะ  ปกติจะต้องมีเสียงไอ้เฟี้ยวตะโกนด่าและไล่เขาดังลั่นไปทั่ว

ครืด…ครืด…

มือถือของไอ้โชเล่สั่นเบาๆ  มันละสายตาจากทีวีที่กำลังดูไปกดรับสาย  ไม่ถึงสามวินาทีหลังจากรับสาย  มันก็เสียงดังขึ้นมาเรียกความสนใจจากผมที่กำลังจะเดินกลับห้องของตัวเองจนต้องนั่งลงบนเก้าอี้ใหม่อีกครั้ง

“ว่าไงนะ  นี่พ่ออยู่ไหน  หายไปไหนมาตั้งหลายเดือน  รู้ไหมพ่อทิ้งผมให้เจอกับอะไรบ้าง!”

ยังคงโวยวายมันหยุด  มันคุยสายต่ออีกไม่ถึงนาทีก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ผมรั้งแขนมันเอาไว้ก่อนที่มันจะออกไป

“มึงจะไปไหน”

“ไปหาพ่อ  พ่อกูโทรมา”

“พ่อมึงที่ว่าหนีไปเพราะเป็นหนี้พนันเหรอ”

“ใช่  ตอนนี้พ่อกูกลับมาแล้ว  อยู่ที่บ้าน  กูจะรีบไปหาพ่อ  ให้กูไปเหอะ”

มันแกะมือผมออกแล้วเดินต่อ  แต่ยังไม่ถึงไหนก็ทรุดเสียก่อน  ผมรีบเข้าไปพยุงมันขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ไหวหรอก  มึงเพิ่งหายเจ็บนะ”

“แต่กูเป็นห่วงพ่อ”

ผมลังเล  มองใบหน้าที่ซีดเซียวของไอ้โชเล่สลับกับความคิดในหัวว่าจะเอายังไงดี

“งั้นเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน ให้มึงไปคนเดียวมีหวังเป็นลมตายกลางทางก่อนเจอพ่อแน่ๆ”

“จริงเหรอวะ  ขอบใจมากนะ!”

มันยิ้มกว้างอย่างดีใจ  ผมค่อยๆพยุงไอ้โชเล่ไปที่หน้าบ้านเพื่อเรียกแท็กซี่ขึ้น  บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่เปิดทางให้  หากผมไม่ได้เรียกใช้พวกเขาจะไม่กล้าเข้ามาถามหรือวุ่นวายอะไรทั้งนั้น

 

ไม่นานนักก็มาถึงชุมชนใต้สะพาน ไอ้โชเล่ให้แท็กซี่จอดที่ทางเข้าแล้วเดินเข้าไปข้างในกับผมแค่สองคน  บรรยากาศค่อนข้างจะคุ้นเคยเล็กน้อย  แหงล่ะสิ  เพราะผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเพื่อตรวจสอบบางอย่างนี่นา!

“นี่แหละบ้านกู”

“พ่อมึงอยู่ข้างในสินะ”

มันพยักหน้ารับแล้วจัดการเปิดประตูรั้วเตี้ยๆของบ้านตัวเอง  ส่วนผมก็ยังทำหน้าที่พยุงมันเข้าไปข้างในอยู่   เมื่อเข้ามาถึงในบ้านที่มืดและเงียบสนิทไร้สิ่งมีชีวิตได้  ผมก็กวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาพ่อของไอ้โชเล่

“ไหนพ่อมึงวะ”

“…”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ผมเรียก  ไอ้โชเล่แกะมือผมออกแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งพิงกำแพงอยู่ตรงหน้าผม

“ไอ้โช  ไหนพ่อมึงวะ”

ถามย้ำอีกครั้ง  ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมตอบ  มันแค่นหัวเราะเหมือนคนบ้าจนผมต้องขมวดคิ้วพลางคิดในใจ ‘โดนกระทืบจนสมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า’

“ไอ้ไทม์  มึงคุ้นๆกับไอ้นั่นหรือเปล่า”

มันชี้ไปยังโต๊ะวางหนังสือเตี้ยๆเหมือนโต๊ะญี่ปุ่นจนมุมห้อง  ผมนิ่งไป  รู้ว่าสิ่งที่มันกำลังชี้ให้ผมดูคืออะไร  ในเมื่อครั้งก่อนตอนมาที่นี่คนเดียว  ผมเห็นมันไปเรียบร้อยแล้ว

“นั่นมัน…”

แสร้งทำเป็นตกใจแล้วเดินไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู

“รายงานของกู…”

“ใช่  คนที่แอบเข้าไปขโมยมันน่ะ  กูเอง”

“มะ…มึงหมายความว่ายังไงวะ   ทำไมมึงต้องขโมยรายงานของกูด้วย”

“เรื่องนี้กูทำของกูเอง  ไม่มีใครสั่งหรอก  กูทำเพราะหมั่นไส้ไอ้หน้าตาไม่สนใจโลกของมึงไง”

แค่เพราะไม่ชอบหน้าตาที่ไม่สนใจโลกของกูถึงกับทำให้กูต้องทำรายงานใหม่ทั้งเล่มเนี่ยนะ  ไอ้บ้านี่…เป็นเด็กประถมหรือไงฟะ!

“แล้วก็นั่น…”

คราวนี้ชี้ไปที่ตะกร้าผ้าซึ่งมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งใส่อยู่  นั่นผมก็ตรวจสอบแล้วเหมือนกัน  ถึงได้มั่นใจว่ามันคือคนที่คิดจะย่างสดผมที่โรงยิมในวันนั้น!

“กลิ่นน้ำมัน?  รอยไหม้?”

ผมเดินไปหยิบเสื้อตัวที่อยู่บนสุดขึ้นมาดู  ทำสีหน้าตกใจมองไปทางคนที่กำลังหัวเราะที่แผนการของตัวเองสำเร็จได้ด้วยดี

“หรือว่ามึง…”

“เออ  กูเองที่เป็นคนเผาโรงยิมเพื่อฆ่ามึง”

“ทำไมวะ!  เกลียดกันถึงขั้นจะฆ่ากันให้ตายเลยเหรอ  มึงยังเด็กอยู่เลยนะไอ้โช  ทำไมถึงคิดทำเรื่องเหี้ยได้ขนาดนี้แล้วล่ะ!”

“คนจนอย่างกู  ทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด  ถ้ามึงตายได้  พ่อกูก็จะปลอดภัย  ชีวิตกูกับพ่อก็จะดีขึ้น!”

“หมายความว่ายังไง  มึงไม่ได้ทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวมึงเองแต่มีคนสั่งงั้นเหรอ!”

“หึๆ”

“หรือว่า  คนที่มึงทำงานให้ก็คือ…คุณกวินทร์!”

ไอ้โชเล่แสยะยิ้มหนักขึ้นไปอีก  ผมเหลือบตามองไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพราะได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนกำลังใกล้เข้ามา

“เดาแม่นสมกับที่เป็นนักเรียนทุนอัจฉริยะจริงๆ”

“กูจะบอกคุณจักรวาลกับคุณอวกาศเรื่องนี้  อะไรก็ตามที่มึงคิดจะทำจะไม่มีวันสำเร็จ  อั้ก!!!”

ความเจ็บปวดที่ท้ายทอยรุนแรงมากจนร่างกายทรุดลงไปกับพื้น  มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมจุดที่โดนทำร้ายเอาไว้ก่อนจะหันไปมองหน้าคนทำ

พลั่ก!!!

เพียงเสี้ยววินาทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ทำร้ายผม  อีกฝ่ายก็ยกเท้าเตะเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง…

“อะ…ไอ้เฟี้ยว”

แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดเดือดแล้ว!  แผนการของกวินทร์จะสำเร็จอย่างที่เขาต้องการจริงๆหรือเปล่า?  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องไทม์ที่ถูกทำร้ายจนหมดสติกันล่ะ?  สรุปแล้วเฟี้ยวแปรพรรคจริงๆเหรอเนี่ยยยยย~!!!  ตามลุ้นกันได้ต่อในตอนหน้าจ้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

 

รายชื่อตอนพิเศษในเล่ม

 

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)

     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)

     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)

     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!


     100 คนแรกที่โอนเงินจะได้รับมินิสเปฯ “จะรุกจนกว่าจะรัก” ฟรี! ( เรื่องของอวกาศXเฟี้ยว ) มีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่มเท่านั้นจ้า
 

พิเศษสำหรับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามา  จะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นหมอนไดคัทขนาด 24 นิ้ว  รูปจักรวาล  น้องไทม์ อวกาศ  และเฟี้ยว  ไปนอนกอดเลยจ้าาาา  ( มีลายละ 2 ใบ  สุ่มแจก  คนละ 1ใบ/1ลาย  จะมีผู้โชคดีได้ไปนอนฟัดเหวี่ยงให้หนำใจ 8 คน จ้า )

 

     สุ่มแจกเข็มกลัดลายหนุ่มๆอีก 30 รางวัล ด้วยนะคะ ( ทั้งสิ้น 30คน/1ชิ้น )

 

     และเผื่อนักอ่านจะกังวลว่าเปิดพรีฯแล้วจะอัพต่อจนจบมั้ย  ขอย้ำว่าอัพต่อจนจบนะคะ!  แต่จะอัพแค่เฉพาะเนื้อหาหลักเท่านั้น  ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะค้างคา  เนื้อหาหลักจะเฉลยปมครบถ้วนทุกอย่างจ้า  ยกเว้นตอนพิเศษที่ขอสงวนไว้ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามาเท่านั้นจ้า

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
เฟี้ยวทำได้ไง :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านแล้วขัดใจไทม์ ไม่เข้าใจความโลกสวยของไทม์จริงๆ
ที่เสนอตัวออกไปกับโชเล่ เหอะๆๆ

แล้วตัวร้ายอย่างโชเล่ก็ทำให้ไทม์รู้เรื่องรายงานที่หายไป
เรื่องไฟไหม้เผาโรงยิมเพื่อฆ่าไทม์ก็มาจากโชเล่
ก็ย้อนไปที่ไทม์โดนจม.หลอกที่ว่าเฟี้ยวนัด  ก็มาจากโชเล่อีกสินะ

แต่เฟี้ยวนี่นะที่ทำร้ายไทม์  :katai1: :katai1: :katai1:
เพื่อเข้าถึงโชเล่ หรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-09-2017 19:18:01 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 42

อดีตที่แสนเจ็บปวดของเฟี้ยวและเหตุผลของการแก้แค้น

 

Special  Talk :

“ไหนพวกมันบอกว่าแค่เอา SD การ์ดไปให้ก็พอไม่ใช่หรือไง  แล้วข้อความของมึงมันหมายความว่ายังไง!”

ผมชูข้อความที่ได้รับจากไอ้โชเล่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนให้ดู  ตอนที่กำลังอาบน้ำ  จู่ๆก็ได้รับข้อความนี้จากมัน

 

‘เปลี่ยนแผน  คุณกวินทร์ต้องการให้เอาตัวไอ้ไทม์ไปให้พร้อม SD การ์ด  กูกำลังจะหลอกมันไปที่บ้าน  มึงตามมาช่วยกันจับตัวมันส่งให้คุณกวินทร์ด้วย’

 

“ไม่รู้เหมือนกัน  อยู่ๆทางนั้นก็โทรมาบอกแบบนี้  จะให้กูทำไงวะ  ถ้าไม่ทำตาม  ที่ชีวิตแม่มึง  ชีวิตพ่อกู  แล้วไหนจะชีวิตมึงกับกูอีก  กูไม่เป็นคนดีพอถึงขนาดจะเอาชีวิตมาแลกกับไอ้ไทม์หรอกนะ”

“แล้วไงอ่ะ  ถ้ากูตามมาไม่ทันป่านนี้มันคงแจ้นไปบอกไอ้สองคนนั้นให้กลับมาฆ่ามึงไปแล้ว  จะทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองเลยนะ”

ผมโวยวายพลางมองมันที่เริ่มหน้าซีด  เพิ่งฟื้นจากการถูกซ้อมปางตายมาแค่สองวันเสือกทำเก่งออกมาข้างนอก  น่าจะปล่อยให้แม่งตายไปเลยจริงๆ!

“เออน่า  เดี๋ยวสักพักก็จะมีคนมารับพวกเรา  คุณกวินทร์สั่งให้ลูกน้องมารับแล้ว ว่าแต่มึงเหอะ  ได้มาหรือเปล่า  SD การ์ดนั่น”

“อือ  อยู่ในโน้ตบุ๊คของไอ้จักรวาล  พวกมันคงดูข้อมูลหมดแล้วล่ะ”

“แล้วมึงได้เช็คหรือเปล่าว่ามันได้โหลดข้อมูลลงคอมพ์ไว้ไหม”

“เช็คแล้ว  ไม่มี  ข้อมูลทั้งหมดอยู่ใน SD การ์ดที่ตัวกูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

ไอ้โชเล่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  ผมก้มลงมองร่างไม่ได้สติของไอ้ไทม์  พอจะก้มลงไปจัดท่าทางของมันให้ดีหน่อย  เสียงเครื่องยนต์ของรถกลับดังขึ้นเสียก่อน

“สงสัยจะมากันแล้ว  มึงแบกไอ้ไทม์คนเดียวไหวไหม”

“ไหว  มึงเหอะ  สภาพร่อแร่ใกล้ตายแบบนี้ยังจะไปอีกเหรอ  กูไปคนเดียวดีกว่า”

“จะบ้าเหรอวะ  กูจะปล่อยให้มึงไปคนเดียวได้ยังไง  ถ้าปากหมาจนโดนกระทืบมาอีก  อย่างน้อยก็จะได้แบ่งตีนกันคนละครึ่ง”

คำพูดของมันทำเอาผมโกรธเกลียดมันไม่ลงจริงๆสักที  คนนอกที่ไม่รู้  เวลามองผมกับไอ้โชเล่ที่อยู่ด้วยกันมักจะคิดว่าผมเป็นลูกพี่และไอ้โชเล่เป็นลูกกระจ๊อกที่คอยเลียแข้งเลียขา  แต่ความจริงไม่ใช่เลย   หลังจากที่ผมเริ่มทำตัวเกเรมีเรื่องกับชาวบ้านไปทั่วเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดในอดีตและตัดสินใจออกมาจากบ้านผอ.  ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือคบค้าสมาคมกับผมอีก  ทว่ามันกลับไม่ใช่แบบนั้น  ไอ้โชเล่เป็นคนเดียวที่เดินเอาซาลาเปามาแบ่งครึ่งให้ผมในตอนพักเที่ยง  เพราะผมออกมาจากบ้านผอ.แค่ตัว  ไม่ได้มีเงินติดมาเลยสักบาท  แม้ว่ามารีอาจะเอาเงินมาให้ผมก็ไม่รับ  ช่วงนั้นเลยอดอยากแทบจะทุกวัน  จนได้ไอ้โชเล่นี่แหละเข้ามา

มันไม่กลัว  ไม่รังเกียจผม  แถมยังเอาข้าวกลางวันของตัวเองที่บางวันก็ไม่ได้มีกินเหมือนกันมาแบ่งให้อีก  ตั้งแต่วันนั้นมาพวกเราเลยเป็นเพื่อนกัน  ก่อนจะเริ่มสร้างเครือข่ายลูกน้องต่างๆเพื่อคุมโรงเรียน  ไม่มีใครรู้หรอกว่าสำหรับผมแล้ว  ไอ้โชเล่คือเพื่อนสนิทคนแรกต่างหาก…

 

เป็นเวลากว่าชั่วโมงในการเดนิทางจากบ้านไอ้โชเล่กลับมายังโรงงานร้างที่ถูกซ้อมคราวก่อน  อีกไม่ถึงชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว  ผมก้มมองร่างเล็กที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด  เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทอยู่ที่ประตูทางเข้า  ก็มีคนเข้ามาฉุดกระชากไอ้ไทม์ออกไปจากผมทันที

“เฮ้ย!  จะทำอะไรวะ!”

หมับ!

“ไอ้เฟี้ยว! อย่า…”

ไอ้โชเล่รั้งตัวผมเอาไว้พลางพยักพเยิดไปที่เอวของบรรดาชายชุดดำทั้งหลายที่ยืนล้อมอยู่   โอ้โห… แค่เด็กอายุสิบแปดสามคนมา  พวกมึงถึงกับเล่นของแข็งอย่างปืนกันเลยเรอะ!

เป็นผู้ใหญ่ฉิบหาย!

“ขอบใจที่เตือนกู”

“เออ  มึงอย่าเพิ่งห้าวให้มาก  หมัดกับลูกปืนความเร็วมันต่างกันเห็นๆอยู่แล้ว”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้โชเล่กระซิบกลับมา

“เฮ้ย!  กระซิบอะไรกันวะ  ลงไปได้แล้ว  นายรออยู่”

“ครับพี่ๆ  พวกผมจะลงเดี๋ยวนี้แหละ   ไปเร็วไอ้เฟี้ยว”

ไอ้โชเล่ดันหลังผมให้ลงจากรถก่อนจะตามลงมาติดๆ  ผมมองตามไอ้ไทม์ที่หิ้วปีกเข้าไปข้างในด้วยความเป็นห่วง

แม่งยิ่งบอบบางเหมือนจะหักเป็นสองท่อนอยู่  พวกมึงช่วยจับกันเบาๆไมได้หรือไงฟะ!

“เข้าไป”

ไอ้ยักษ์เฝ้าประตูคนหนึ่งพูดพร้อมกับผลักผมกับไอ้โชเล่ให้เดินเข้าตามไปข้างใน  วันนี้นอกจากไอ้กวินทร์กับผอ.ที่ถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้แล้ว  ยังมีชายแก่สูงวัยรูปร่างท้วมนั่งอยู่บนรถวิลแชร์อีกหนึ่งคนเพิ่มมาด้วย  หรือว่านั่น…

“ทุกคนออกไปให้หมด  ถ้ามีอะไรผมจะเรียกเข้ามาเอง”

บรรดาชายชุดดำนับสิบคนที่อยู่ด้านในพากันออกไปรอข้างนอกและปิดประตูให้เมื่อได้รับคำ  ผมกระหยิ่มยิ้มในใจเมื่อข้างในมีแค่มันคนเดียว

ถ้าจัดการคงไม่ยาก…

ตาแก่อีกคนอยู่บนรถเข็นคงทำอะไรไม่ได้หรอก

กึก…

“อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆเลยนะครับคุณเฟี้ยว”

ปากกระบอกปืนถูกหันมาทางผม  ไอ้รำยะเอ๊ย  มีปืนก็ไม่บอกกูตั้งแต่แรก  ปล่อยให้ดีใจเก้ออยู่ตั้งนาน!

“ไหนล่ะครับ  SD การ์ดของผม”

มันแบมือข้างหน้า  ไอ้โชเล่ดันผมให้เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับมันที่เดินตามหลังมาแบบติดๆด้วย  ข้างๆไอ้กวินทร์มีไอ้ไทม์ที่ยังไม่ฟื้นถูกจับนั่งอยู่บนเก้าอี้

มันหลับจริงๆหรือเปล่าวะเนี่ย!

“อยู่นี่”

ผมล้วงหยิบ SD การ์ดที่ยัดใส่ไว้ในกางเกงในออกมา  ดีแค่ไหนที่มันไม่รอดผ่านรูทวารกูเข้าไปข้างใน  เฮ้อ!

“นะ…นี่คุณเก็บของสำคัญของผมไว้…เอ่อ…ตรงนั้น?”

“เออสิ  ก็เวลากูซ่อนบุหรี่ตอนไปโรงเรียนกูก็ซ่อนตรงนี้แหละ  ถึงได้รอดพ้นฝ่ายปกครองมาได้ไง  มึงเองก็ควรรู้ไว้ว่าที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซ่อนของสำคัญคือในกางเกงใน”

ชี้ไปที่เป้าของมัน  นับว่าผมใจดีมากเลยนะ  ปกติไม่เคยบอกเรื่องดีๆแบบนี้กับใครต่อหรอก

“เอามันออกจากซองนั่นแล้วส่งแค่ SD การ์ดมาให้ผมก็พอครับ”

“ทำไมไม่เอาไปทั้งซองล่ะวะ  ต้องมากงมาแกะอะไรอีก”

ทำท่าจะยัดใส่มือมันทั้งสอง  แต่อีกฝ่ายกลับชักมือกลับ  สีหน้าบ่งบอกได้ว่ารังเกียจจนแทบไม่อยากจับ

“เอาแค่ SD การ์ดพอครับ”

“มึงก็เลิกเล่นได้แล้ว  ส่งให้คุณกวินทร์ไปสิวะ”

ไอ้โชเล่เร่ง  ผมเบ้หน้าก่อนจะแกะเอา SD การ์ดออกมาแล้วยื่นส่งให้มัน  ผอ.วันนี้ก็ยังถูกทำให้หลับเหมือนเคยสินะ

“จริงสิ”

ชักมือที่กำลังจะส่งของให้กลับมาอีกรอบ  คนที่ยื่นมือมารับอย่างมันเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ  ปากกระบอกปืนถูกหันมาทางผมอีกครั้ง

ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้านหลังไอ้กวินทร์อีกทีไม่หือไม่อือหรือมีส่วนร่วมใดๆเลย  ราวกับว่าเขากำลังคอยสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ

มันเองสินะ…

ผู้อยู่เบื้องหลังที่มารีอาบอก

“คุณคิดจะเล่นอะไรอีก  รีบส่งมาให้ผมได้แล้วถ้าไม่อยากเจ็บตัวเหมือนคราวก่อน”

“เดี๋ยวเซ่  คนเขาเพิ่งมาเองนะ  อย่างน้อยๆก็น่าจะคุยกันก่อนจริงไหมล่ะ”

“ไอ้เฟี้ยว!  เล่นเหี้ยอะไรของมึงอีกวะ”

“มึงน่ะหุบปากแล้วไสหัวไปนั่งตรงมุมโน้นเลยไป”

ผมชี้ไปที่มุมๆหนึ่งก่อนจะกระโดดปุขึ้นไปนั่งบนลังไม้เก่าๆที่วางซ้อนอยู่ในโรงงาน  หน้าที่ของผมตอนนี้คือต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด  จำนวนคนข้างนอกคงใช้เวลาไม่น้อยเลย…

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่  ไม่อยากช่วยแม่ของคุณแล้วหรือไง”

“ใช่ๆๆๆๆ  เรื่องนี้แหละที่กูอยากจะพูด”

ผมยิ้มกว้าวเมื่อนึกออกแล้วว่าจะเอาเรื่องอะไรมาคุยเพื่อถ่วงเวลาดี  ไอ้กวินทร์เริ่มหุบยิ้ม  รู้สึกเหลือเกินที่ทำให้บุรุษผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มเอาไว้ตลอดเวลาอย่างมันหุบยิ้มได้

หึ…สะใจว่ะ!

“คุณอยากจะพูดอะไร”

มันขยับตัวเดินมายืนตรงหน้าผม  แต่ก็ไม่วายถือปืนค้างไว้เตรียมพร้อมลั่นไกใส่หัวผมอยู่ตลอดเวลา  ไอ้สันขวานเอ๊ย!  ถ้าปืนลั่นขึ้นมากูศพไม่สวยแน่ๆ

“ก็นะ  ถึงมึงจะเป็นคนที่พี่รัก  แต่เรื่องบางอย่างพี่คงไม่บอกให้มึงรู้อยู่แล้ว  โดยเฉพาะ…เรื่องอดีตของกู”

“คุณหมายถึงอะไร”

“หึๆ”

ผมแสยะยิ้ม  ยันตัวลุกขึ้นยืนบนลังไม้นั้นก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วหันหลังให้มันดู

ความเจ็บปวดในอดีตที่ผมปิดตายมันเอาไว้!

“หลังคุณ…!”

“น่ากลัวใช่ไหมล่ะ  กูให้มึงทายว่าใครเป็นคนทำมัน”

“…”

“ติ๊กต่อกๆๆๆๆๆ”

ผมเอียงหัวไปมาพร้อมกับแกว่งนิ้วไปด้วย  ไอ้กวินทร์ทำท่านึกอยู่พักหนึ่งก็เบิกตากว้างขึ้นราวกับว่ารู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร

“หรือว่า…”

ขวับ!

มันหันไปทางผอ.ที่หลับสนิทด้วยยาอยู่บนเก้าอี้

“ทายถูกด้วยนี่  เก่งนี่หว่า”

แปะๆๆๆๆ

ตบมือให้มันพร้อมกับหัวเราะร่วน  ทิ้งตัวลงนั่งยองๆบนลังไม้อีกรอบโดยไม่ได้ใส่เสื้อกลับ  ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเปิดเผยอดีตอันน่าทุเรศของตัวเองในเวลาแบบนี้  ให้ตายสิ!

“หมายความว่าไงวะไอ้เฟี้ยว  ทำไมผอ.ต้องทำร้ายมึงด้วย!  ผอ.เป็นแม่มึงไม่ใช่เหรอ!”

ไอ้โชเล่ที่ร่วมฟังทุกอย่างอยู่ด้วยเอ่ยถามอย่างแปลกใจ  แผลเป็นที่เกิดจากการโดนเฆี่ยนตีจนแตกเลือด  โดนเอาเตารีดร้อนๆทาบทับกลางแผ่นหลัง…

ความทรงจำที่เจ็บปวดและน่ารังเกียจพวกนั้นถูกฝังอยู่ในรอยแผลเป็นพวกนี้…

“เพราะกูไม่ใช่ลูกแท้ๆของยัยแก่นั่นน่ะสิ”

“อะไรนะ!”

ไอ้โชเล่ตกใจ  ส่วนไอ้กวินทร์ก็ดูจะตะลึงกับความจริงนี้ไม่น้อย  นอกจากตัวผอ.เอง  ผม  มารีอา  ไอ้จักรวาลและไอ้อวกาศ  ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ทันนั้น

“กูเป็นลูกของคนใช้ในบ้านหลังนั้น  แต่ว่าพ่อตายตั้งแต่แม่ยังไม่คลอด  พอแม่คลอดกูออกมาก็ตายไปอีกคน  ตอนนั้นพ่อ… กูหมายถึงคุณผู้ชาย  สามีของยัยแก่นี่สงสารเลยรับกูไปเป็นลูกบุญธรรม  โดยบอกคนอื่นๆว่ากูเป็นลูกชายคนเล็ก  แรกๆทั้งสองคนก็เลี้ยงดูกูด้วยความรักแหละนะ  กูเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี  มีความสุขในทุกๆวัน  จนคุณผู้ชายมาจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก  ยัยแก่นี่ที่ปกติเป็นแค่แม่บ้านคอยออกงานสังคมต้องขึ้นรับตำแหน่งบริหารโรงเรียนรวมถึงกิจการอื่นๆอีกมากมายของคุณผู้ชายอย่างไม่เต็มใจ  ไม่รู้วิธีการทำงาน  ไม่มีวิธีรับมือกับความกดดันต่างๆ  สุดท้ายก็เครียดจนกลายเป็นโรคประสาทอ่อนๆ  แล้วพวกมึงคิดว่าคนที่จะกลายเป็นที่ระบายความเครียดได้ดีที่สุดในตอนนั้นจะเป็นใครกันล่ะ”

ผมมองหน้าไอ้โชเล่สลับกับไอ้กวินทร์ที่นิ่งไป  ยิ่งคิดถึงเรื่องความพวกนั้น  ผมก็ยิ่งเกลียดในชะตาชีวิตของตัวเอง

“ใช่  คนที่กลายเป็นที่ระบายรองรับอารมณ์ความเครียดทั้งหมดของยัยแก่คนนั้นก็คือกู!!!  กูที่เพิ่งจะขึ้นชั้นประถมได้ไม่นาน  กูที่ไม่สามารถสู้หรือต่อต้านอะไรได้  กูที่ทำได้แค่ร้องไห้อ้อนวอนกราบตีนมันเพื่อขอให้มันอย่าทำร้ายกู!  กูที่อ่อนแอคนนั้นนั่นแหละคือผู้โชคร้าย!  และเพราะแบบนี้…มันเลยทำให้กูได้รู้ความจริงว่ากูไม่ใช่ลูกของพวกเขา  เวลาอาการกำเริบทีไร  ชาติกำเนิดที่แท้จริงของกูก็จะถูกขุดเอาออกมาพูดขณะที่แส้เส้นใหญ่กำลังฟาดลงบนหลังกู”

ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นโดยมีน้ำตาแห่งความโกรธเกลียดเอ่อล้นมารอบดวงตา  ยิ่งมองไปที่ผอ.ในตอนนี้  ผมก็ยิ่งแค้น  แต่ทั้งที่แค้นขนาดนั้นแท้ๆ  ผมกลับเจ็บใจมากกว่าที่ไม่ว่าจะยังไงก็เกลียดยัยแก่คนนี้จริงๆจังๆไม่ได้สักที!!!

ในหัวมันจดจำแค่ภาพที่เธอและสามีของเธอเลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดีด้วยความรักเท่านั้น

บัดซบจริงๆ…

“เพราะงั้นพอเริ่มขึ้นมัธยม  กูเลยเริ่มเกเร  พยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อที่สักวันหนึ่งกูจะได้หลุดพ้นออกมาจากนรกขุมนั้น!  แล้วสุดท้ายกูก็ทำสำเร็จ  วีรกรรมที่กูทำ  ความฉิบหายต่อชื่อเสียงที่กูก่อทำให้ยัยแก่ไล่กูออกจากบ้าน  ตั้งแต่นั้นมา…ตัวตนที่กูเป็นอยู่ทุกวันนี้เลยกลายเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องกูจากมารร้ายในคราบมนุษย์อย่างผู้หญิงคนนั้น!!!”

ระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างเต็มที่  ช่วงเวลาที่ถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจทำให้ผมหวาดกลัวจนแทบสูญเสียความเป็นคน  แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะมีมือของไอ้จักรวาลยื่นเข้ามาเพื่อปกป้องผมก็ตาม  แต่สิ่งที่เคยถูกกระลงไปแล้ว  มันยังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใจ…

ลบยังไงก็ไม่มีวันหายไปหรอก  เหมือนรอยแผลเป็นพวกนี้ยังไงล่ะ

“แล้วยังไง  คุณต้องการจะสื่ออะไรถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง”

“หน้าตามึงก็ดูฉลาดนะ  แต่เอาเข้าจริงมึงแม่งโง่ฉิบหาย!”

“ว่าไงนะ”

“กูเล่าขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจเหรอ”

เอียงคอถามมันพร้อมกับส่ายหัวอย่างระอา  เสียเวลาดราม่าไปเปล่าๆจริงเลยกู!

“เอางี้  มึงกับกูมายื่นหมูยื่นแมวกัน กูจะบอกว่าเรื่องที่กูเล่านั้นกูต้องการจะสื่ออะไรกันแน่  แลกกับ…”

“…”

“บอกกูมาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มึงแค้นพวกอสังหาได้มากมายขนาดนี้  ทั้งที่มึงเองก็เป็นอสังหาเหมือนกัน”

“มันก็แค่เมื่อก่อนครับ  ผมเปลี่ยนนามสกุลมาสิบแปดปีแล้วไม่รู้หรือไง”

“แต่ความจริงที่มึงคือสายเลือดของอสังหามันไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปด้วยสักหน่อย”

ผมสวนกลับไปทันที  ไอ้กวินทร์ชะงักเมื่อเจอตอกกลับด้วยคำพูดแบบนี้  ยังไงผมก็ยังต้องถ่วงเวลาต่อ  ดราม่าของตัวเองก็เกลี้ยงแล้ว  ที่เหลือก็คงแค่ต้องไล่บี้ให้มันเล่าความแค้นของตัวเองออกมาให้ได้!

“ผมไม่มีอะไรจะต่อรองกับคุณทั้งนั้น  รีบส่ง SD การ์ดมาดีกว่า”

“ไม่เอาน่า  ไหนๆก็จะได้ทุกอย่างไปเป็นของตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ  ก็แค่บอกเหตุผลมาเท่านั้นเอง  เห็นแบบนี้แต่กูก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนะ”

“ถ้าผมบอกคุณจะเลิกก่อกวนแล้วส่งของให้ผมใช่ไหม”

“แน่นอน  สาบานด้วยเกียรติของหัวหน้าลูกเสือสำรองเมื่อตอนประถมเลยเอ้า!”

ผมชูสามนิ้วขึ้นเพื่อเป็นการปฏิญาณตน  สายตาเหลือบมองไปทางประตูเป็นระยะๆ  ทำไมชักช้ากันนักวะ!

“ตกลง  ผมจะบอก  ก็ดีเหมือนกัน  คุณจะได้รู้ถึงความชั่วที่พวกอสังหามันทำไว้กับครอบครัวผม  บางทีมันอาจจะทำให้พวกคุณเลิกเข้าข้างคนผิด”

สีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของมันทำให้ผมชักจะอยากรู้จริงๆแล้วว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงสมบัติในตระกูลนี้คืออะไรกันแน่!

“สามสิบห้าปีก่อน  ก่อนที่คุณปู่จะเสียไป  ท่านได้ตั้งข้อกำหนดขึ้นมาว่า…ในบรรดาลูกชายสองคนของท่าน  ใครที่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้ก่อน  จะได้รับมรดกส่วนมากและตำแหน่งผู้บริหารไป  ตอนนั้นคุณพ่อของผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย  ท่านไม่เคยอยากได้สมบัติ  และคิดว่าถึงคุณลุงจะเป็นคนได้ไปก็ไม่เป็นไร  ดังนั้น…เมื่อคุณป้าให้กำเนิดลูกชายคุณแรกตามเงื่อนไขของคุณปู่  คุณลุงจึงได้มรดกไป  และแน่นอน  คุณพ่อของผมดีใจกับพี่ชายมาก  เพราะท่านรักและเทิดทูนคุณลุงสุดชีวิต  คุณปู่เลี้ยงให้พี่น้องรักและช่วยเหลือกันมาตลอด  ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีจนกระทั่ง…”

“…”

“ตอนที่ผมอายุได้สิบเจ็ดปี  คุณพ่อก็ได้รู้ความจริงเรื่องที่จักรวาลไม่ใช่ลูกของคุณลุง  คุณป้าแท้งลูกก่อนถึงกำหนดคลอดทำให้ความหวังที่จะได้รับมรดกของคุณลุงพังทลายเลยต้องไปเอาจักรวาลมาเป็นลูกเพื่อรับมรดก  คุณลุงได้มรดกไปอย่างไม่ชอบธรรม  พอรู้เรื่องนี้เข้า  คุณพ่อก็มาบอกกับผม  แต่พวกเราคุยและตกลงกันแล้วว่าไม่เป็นไร  คุณพ่อและผมพร้อมให้อภัยเพราะมันคือเรื่องในอดีต  อีกอย่าง  ตลอดมาตั้งแต่คุณลุงรับมรดกไป  ก็ดูแลเราสองพ่อลูกอย่างดีมาตลอด  ไม่เคยต้องลำบากหรือน้อยหน้าใคร  ทั้งที่คิดเอาไว้แบบนั้น  แต่คุณลุงกลับ…ผู้ชายคนนั้นกลับคิดฆ่าพ่อของผมเพื่อกำจัดคนที่จะได้ส่วนแบ่งจากมรดกทั้งหมดออกไป!!!!”

ไอ้กวินทร์ตะโกนกร้าวด้วยความโกรธจัด  ไม่หลงเหลือร่องรอยของหน้ากากแห่งรอยยิ้มอีกแล้ว

“คุณพ่อที่น่าสงสารของผม…คุณพ่อที่รักและเทิดทูนบูชาพี่ชายยิ่งกว่าอะไรถูกวางแผนฆ่าด้วยการตัดสายเบรกรถคันที่คุณพ่อใช้จนท่านประสบอุบัติเหตุและพิการเดินไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้!!!”

มันชี้ไปยังพ่อของตัวเองที่นั่งมองอยู่บนรถเข็น

คำว่า ‘หุ่นเชิด’ ที่พี่บอกกับไอ้ไทม์ย้อนมาในหัวทันทีเมื่อผมได้สบตากับตาแก่นั่นแบบเต็มๆ

“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงอภัยให้กับพวกอสังหาไม่ได้  พวกเขาชั่วร้ายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้!  ใช้วิธีขี้โกงเอามรดกไปยังไม่พอ  ยังคิดจะฆ่าคุณพ่อที่แสนดีของผมอีก  แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง  จะให้ผมอยู่เฉยๆนั่งรอวันที่พวกขเจะส่งคนมาฆ่าคุณพ่อของผมอีกงั้นเหรอ  ไม่มีวันหรอก!”

โครม!!!

ประตูที่ถูกปิดไว้อย่างสนิทลอยละลิ่วเข้ามากระแทกกับกำแพงด้านในจนฝุ่นตลบ  ผมผิวปากและเหยียดยิ้มกว้างต้อนรับผู้มาใหม่  ท่ามกลางสายตาตกใจของไอ้กวินทร์ที่หันไปมองเงาดำทะมึนตรงประตูนั้น…

“ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง”

“จะ…จักรวาล!”

“ฮ้าๆ!  เจ้าพวกข้างนอกน่ารำคาญชะมัด  ตอแยไม่เลิกเลยต้องจัดหนักจนได้  ทั้งที่กะจะแค่ให้ได้หลับพักผ่อนกันเฉยๆเองนะ”

“เสียงนี้มัน…อวกาศ!”

สิ้นเสียงตะโกนอย่างตกใจของไอ้กวินทร์  ไอ้จักรวาลกับไอ้อวกาศก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู!

คนหัวดำยืนเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง  ส่วนอีกข้างถือซองเอกสารบางอย่าง  ร่างกายไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

ส่วนคนหัวขาวเดินปิดปากหาวเข้ามาก่อนจะยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจไปมาและ…

“โอ๊ะ!  เฟี้ยว  นายปลอดภัยดีสินะ  ที่รักของฉัน”

มันใช่เวลาไหมเนี่ยไอ้หน้าวอก!!!

“นี่มันหมายความว่ายังไง  ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่…!”

“มันจบแล้วครับ”

อีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นนั้นทำให้ไอ้กวินทร์ตกใจยิ่งกว่า  มันหันกลับไปมองไอ้ไทม์ที่เงยหน้าขึ้นมาหลังจากแกล้งทำเป็นสลบมาตลอดเวลาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“คุณ…!”

“คุณกับพ่อของคุณ…แพ้แล้วครับ”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

วันนี้มาอัพสองตอนอีกแล้วววววว  ในที่สุดเรื่องราวก็จะคลี่คลายลงสักที!!!  รู้สึกชอบฉากเปิดตัวจักรวาลและอวกาศเหลือเกิน  มากันได้เท่ทุกท่วงท่ามากๆ 5555  อดีตอันแสนเจ็บปวดของเฟี้ยวเองก็น่าสงสารใช่ย่อย  นี่สินะคือสาเหตุที่ทำให้ต้องก้าวร้าว  มันก็เพื่อปกป้องหัวใจที่อ่อนแอของตัวเองไม่ให้ถูกทำร้ายได้อีกนั่นเอง  รวมถึงกวินทร์  ดูท่าสิ่งที่เขาได้รับรู้มากับเรื่องจริงจะถูกบิดเบือนจนเกิดเป็นความแค้นเผาไหม้ในจิตใจ  มารอติดตามกันนะคะว่าสุดท้ายแล้วน้องไทม์จะสามารถเปิดเผยความจริงได้หรือไม่?!  แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชักใยให้กวินทร์กลายเป็นหุ่นเชิดจะใช่ไกรศรหรือเปล่า…

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียดดูได้ที่ https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นั่นไงเฟี้ยวไม่ใช่ลูก ถึงถูกทรมาน

ว่าแต่พ่อกวินท์ แกล้งทำเป็นว่าถูกพ่ออวกาศตัดเอ็นที่ขา
เพื่อให้กวินท์แค้นพ่ออวกาศใช่มะ
รอความจริงเปิดเผย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้าพ่อของอวกาศ กับพ่อของกวินทร์ ต่างฝ่ายต่างโดนเสียมให้ทะเลาะกัน แล้วไผฟะเป็นคนเสียม ย้ยผอ. หรอเปล่าหว่า  :m28:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด