☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END  (อ่าน 28614 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
«ตอบ #60 เมื่อ14-01-2019 18:48:14 »

หน่วงใจมาก สงสารเตย อยากน้อง อยากทำให้น้องหลุดพ้นจากฝันร้าย อดคิดไม่ได้ว่าคนที่เอายาสลบสารพ้ดชนิดให้กินคือคนในครอบครัว หรือบางทีอาจเป็นแม่ของเตยเอง ถึงได้ฝังใจจนพาเตยมาถึงจุดนี้ อยากให้พี่ฟ้าเป็นคนที่ช่วยเตย แต่มันดูยากกว่าที่คิด เพราะพี่ฟ้าก็มีแต่ปริศนา ทุกอย่างดูอึมครึมหน่วงใจไปหมด (╥_╥)

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.2
«ตอบ #61 เมื่อ17-01-2019 21:41:30 »

10: Destroy



“มึงมันเฮงซวย!”



แรงปะทะเกิดขึ้นที่ใบหน้าของผม แรงฟาดรุนแรงจนผมเซล้ม เหลือบไปมองต้นเหตุความรุนแรงอย่างดูแคลน



“มองอะไร!”



โดนตบเข้าอีกฉาด ที่แก้มอีกข้าง ผมล้มลงนอนแนบพื้นห้อง ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ สมองสั่งการให้อยู่เฉยๆ คนแบบนี้ตอบโต้ไปก็มีแต่ผมที่เสียเปรียบ นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมจะไม่โดนมากไปกว่านี้ ถ้าแค่นอนนิ่งๆ แต่เมื่อไหร่ถ้าผมลุกขึ้นสู้ เขาจะทำร้ายผมหนักกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิม



แรงกระแทกจากฝ่าเท้าของเขาสู่เอวของผมทำให้ตัวผมไถลออกจากพื้นที่เดิมเล็กน้อย



หมอนั่นสบถคำหยาบ ถ่มถุยน้ำลายใส่ ผมนอนนิ่งไม่สนใจ



“กูไม่ได้จ่ายเงินมาเพื่อให้มึงมาทำตัวแบบนี้”



“ถ้างั้นเอาเงินของคุณคืนไป”



ผมว่า เพยิดหน้าไปที่โต๊ะหัวเตียงที่มีเงินจำนวนหนึ่งวางอยู่ไม่น้อย



เขากระฟัดกระเฟียดไปคว้าจำนวนเงินที่จะจ่ายให้ผมในค่ำคืนนี้คืนกลับไป พร้อมกับเดินออกจากห้องของผม



เมื่อรับรู้ว่าในห้องมีเพียงผมคนเดียวแล้วจึงค่อยๆ ชันกายลุกขึ้น จุกเสียดที่ท้องไม่เบา เกิดแผลถลอกไม่กี่ที่ ถือว่ายังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างที่ผมเคยเจอมาก่อนหน้านี้



ไม่เป็นไร แค่นี้เอง



ผมบอกตัวเอง ลุกขึ้นยืน กุมท้องตัวเองเดินโซซัดโซเซไปนั่งตรงปลายเตียง



ถอนหายใจ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น...



ผมทำเหมือนเดิม ปรับตัวเองให้คล้ายกับที่เคยเป็นอยู่ ร่านเริงเมือง ปล่อยให้คนเหยียดหยามไปทั่ว ออกไปข้างนอก หาคนนอนข้างกาย หาคนร่วมเซ็กซ์ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผมกลับไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับหมอนั่นเลย... มันแปลก ผมไม่เคยล้มเหลวเรื่องเซ็กซ์แบบนี้ แต่ทำยังไงผมก็ไม่อยาก ไม่มีอารมณ์ ไม่ต้องการให้เขาแตะเนื้อต้องตัว



ผมปัดป่าย ปฏิเสธสัมผัสเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเชิญเขามา สุดท้ายเขาก็หงุดหงิด ลงไม้ลงมือกับผม ตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงมากมาย ก่อนที่จะรู้ตัวว่าที่นี่เป็นห้องของผม เขาจึงเป็นฝ่ายหัวเสียออกไปเอง



เรื่องการถูกใช้ความรุนแรง ผมควรจะชิน...



คำพูดพวกนั้น ผมเคยทนได้



แต่กลับมานั่งชันเข่าไร้ความหมายที่ปลายเตียง



คิดเปรียบเทียบชีวิตว่าตอนนั้นค้างฟ้าก็ไม่เคยใช้กำลังกับผม เว้นเสียแต่ตอนที่เขาล่ามโซ่ผม แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เป็นการทำร้ายที่ไม่ใช่การแตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้น...การโดนใช้กำลังเป็นเรื่องที่ผมเจอมาตลอดชีวิต คิดว่าถ้ากลับไปเจอมันอีกก็คงไม่ส่งผลอะไร



ผมคิดผิด...ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่รู้สึกเหมือนเดิม



มันน่าหงุดหงิด น่าหงุดหงิด



สุดท้ายก็พาตัวเองลุกขึ้น คว้าเก้าอี้นั่งในห้องมาฟาดใส่ผนัง เสียงดังโครมคราม ผนังผุเป็นรู สีผนังกร่อนออกมาเห็นเนื้ออิฐเรียงรายข้างใน ขาเก้าอี้หักออกเป็นสองท่อน ผมคว้ามันกระแทกใส่โต๊ะวางของจนข้าวของบนโต๊ะแตกละเอียด เละเทะไม่มีชิ้นดี



หอบเอาลมหายใจเข้า



ผมมีปัญญาเอาอารมณ์ลงกับสิ่งไม่มีชีวิต ทำร้ายข้าวของที่ไม่มีวันทำอะไรผมได้ เท่านั้นแหละ



เสียงทุบประตูดังขึ้นหน้าห้องพร้อมคำด่าที่ผมส่งเสียงดังตอนกลางคืน ทำให้ผมหยุดทำลายของ มองเศษซากห้องเละเทะที่เกิดจากฝีมือตัวเองอยู่ในห้อง



ทำไมผมถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้



ไม่รู้สึก ไม่คิดถึงอะไร ใช้เซ็กซ์แก้ปัญหาไปแต่ละวัน



ทำไมตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ทำไมถึงรู้สึกหายใจไม่ออก มันอึดอัด เหมือนเผลอทำอะไรหล่นหายไป บางอย่างที่สำคัญแต่ผมคงไม่รู้ว่ามันสำคัญ เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร



เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ และไม่ได้คำตอบว่าทำไมตัวเองถึงเป็นเช่นนี้






เมื่อแสงอาทิตย์แรกของวันมาถึง ส่วนหนึ่งในก้นบึ้งของจิตใจร่ำร้องให้ผมกลับไปหาเขา คนที่ผมจากมา กลับไปหาเขา ไปรับอ้อมกอดอบอุ่น ไปรับรอยยิ้ม ไปรับความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่สุขใจเหลือเกินที่ได้อยู่ข้างเคียง



จุกเจ็บไปทั่วร่าง เจ็บแสบยิ่งกว่าบาดแผลนอกกาย คล้ายจะหายใจไม่ออก กลืนความคิดงี่เง่านี้ลงไป กดทับมันไว้ให้มิด



กล้ามเนื้อที่ถูกทำร้ายบวมเขียว แต่ผมไม่คิดจะทำอะไรกับมัน



ผมคล้ายคนสูญเสีย รอวันแตกสลาย



นั่งเหม่อมองพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นสู่เวิ้งฟ้า จนกระทั่งเสียงเคาะประตูเรียกให้ผมกลับมาสู่โลกความจริง



กายมาหาพร้อมกับตกใจร้องโวยวายที่สภาพห้องเละเทะเช่นนี้ ยังไม่ทันหายตกใจ เธอเบิกตาโตกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยแผลของผม



“ใครทำอะไรเตย”



“ไม่มีอะไรหรอก ไม่สำคัญอะไร”



กายไม่ตอบ หลุบตาลงต่ำ สีหน้าดูไม่ดีจนผมสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรไม่ดีออกไปรึเปล่า



“เดี๋ยวกายทำแผลให้”



เดี๋ยวนี้เธอเข้ามาหาผมบ่อยขึ้นทุกวัน มันควรจะน่าอึดอัดใจแต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตแท้ๆ



ผมปล่อยให้เธอออกไปซื้อยาต่างๆ และกลับมาทำแผลให้ผมด้วยสัมผัสเบามือ เธอค่อยๆ แต้มยาที่แผลถลอก ใช้พลาสเตอร์ปิดมันไว้ ย้ายไปทำแผลจุดอื่น ทายาและทายา ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างเรา



“เตยไม่ทำแบบนี้แล้วได้ไหม”



สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยมาก่อน



“แปลกอะไร เมื่อก่อนเตยก็เป็นแบบนี้”



“เตยเคยเป็นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดนี่”



“...”



“กายคิดว่าเตยเปลี่ยนไปหลังจากที่ไปกับเขา และมันก็ดีที่เตยจะเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับอดีต”



“เตยไม่ได้ยึดติดกับอดีต”



“เตยกำลังทำอยู่!”



“...”



“กลับมาทำตัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะไม่กล้าก้าวเดินต่อไป”



“กายไม่เข้าใจหรอก เตยทำแบบนี้เพราะมันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว”



“เตยต่างหากที่ไม่เข้าใจ การที่เตยทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เตยดีขึ้น!”



“เตยไม่ได้อยากดีขึ้น เตยแค่อยากเท่าเดิม กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน เตยเคยใช้ชีวิตแบบนั้น ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ เตยก็แค่กลับไปทำตัวเหมือนที่เคยเพราะมันทำให้เตยมีชีวิตอยู่ได้”



“เตยไม่เข้าใจ...” จากที่กายขึ้นเสียง ตอนนี้กลับเป็นว่าเธอลดเสียงตัวเองลง เบาเหมือนเสียงกระซิบ “มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่เราจะใช้ชีวิตในรูปแบบอื่น”



“แต่พอเตยทำแล้วมันไม่ได้ดีขึ้น...เตยก็แค่กลับมาเหมือนเดิมไง”



“กลับมาเป็นแบบนี้มีแต่จะทำให้แย่ลง”



“เตยไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มันแย่ลงตรงไหน”



คราวนี้กายนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะสะอื้นออกมา ดวงตาของกายเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำใสที่ล้นทะลัก ไหลอาบแก้มของเธอ



ผมยกมือไปปาดน้ำตาให้เธอ



“กายร้องไห้ทำไม”



“กายสงสารเตย...”



“เตยไม่ได้น่าสงสารสักหน่อย”



กายไม่ตอบ ทำเพียงสะอื้นหนักกว่าเดิม



เสียงสะอื้นไม่ได้เป็นการต่อบทสนทนาให้ผม ผมไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้เธอร้องไห้ แต่แปลกที่ผมเก็บคำพูดเธอมาคิด ที่ผ่านมาผมไม่คิดว่าตัวเองน่าสงสารหรือชีวิตแย่อะไร มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มจำความได้



ที่ผ่านมาผมเคยชินกับน้ำตามากกว่าเสียงหัวเราะ จมกับการร้องไห้มากกว่ารอยยิ้ม จนกระทั่งพบว่าการร้องไห้ไม่ช่วยอะไร และการดำเนินชีวิตต่อไปแบบนี้จะทำให้ผมมีชีวิต



ตอนเด็กผมอาศัยอยู่กับแม่ แต่วันหนึ่งแม่ผมจากไปโดยไม่บอกอะไร อยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ ไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากบ้านโทรมๆ สอนไว้แค่การมีเซ็กซ์เพื่อหากิน วันนั้นผมโดนใครหลายคนใช้ผมเพื่อการนั้น ร้องไห้ไม่ได้ช่วยให้ใครเห็นใจ ร้องไห้มีแต่ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ขัดขืนมีแต่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวมากขึ้น ขัดขืนมีแต่ทำให้คนพวกนั้นหาวิธีมาทำให้ผมไม่ขัดขืน ทั้งการมัดขึง ทั้งการกรอกยา



จนผมเรียนรู้ได้ว่าไม่ควรขัดขืน และไร้ประโยชน์ที่จะเสียน้ำตา



จนผมรู้ว่าถ้าตัวเองไม่มีเซ็กซ์...ก็จะไม่มีอะไรเลย...



เป็นการกล่อมตัวเองให้ความรู้สึกผิดรูป



การมีเซ็กซ์ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิต ผมแค่เรียนรู้และใช้ชีวิตแบบที่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตได้นานที่สุดได้ก็เท่านั้นเอง...



ผมจมอยู่ในความคิดตัวเอง สักพักกายก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“เตยอยากให้มันเป็นแบบนี้หรือ ชอบที่เป็นแบบนี้เหรอ”



“...”



“การที่เตยใช้ชีวิตแบบนี้มันอาจจะทำให้เตยคิดว่ามันดีแล้วก็ได้ แต่กายว่าเตยดูไม่มีความสุขเลย...”



“เตยมีความสุข...”



“จริงรึเปล่า”



ผมเงียบไปพักใหญ่ จ้องเธอพร้อมกับกะพริบตาเรียบเรียงความรู้สึกตัวเอง



“เตย...ไม่รู้” ผมตอบเสียงแผ่ว เอ่ยคำถามที่ตัวเองหาคำตอบไม่ได้ “...กาย เตยไม่เข้าใจว่าทำไมเตยถึงกลับมาใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เตยก็เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาโดยตลอด”



“มันไม่แปลกหรอกนะ เราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแค่รูปแบบเดียว ตอนนี้เตยแค่ไปเจอชีวิตที่ดีกว่า”



“มันไม่ได้ดีกว่าตรงไหน เตยไม่รู้ว่าทำไม...แต่อยู่กับเขาแล้วเตยอึดอัด อึดอัดที่เขาผิดคำพูด เสียใจที่เขาไม่อยู่ แล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่คิดแบบนี้”



“เตยก็แค่ชอบเขา”



“เตยไม่ชอบ!”



ผมเกลียดคำนี้ ทำไมใครๆ ถึงคิดว่าผมต้องชอบค้างฟ้า ทั้งกายทั้งหยกเลย





คำว่าชอบว่ารักไม่ได้เป็นความหมายที่ดีสำหรับผม แม่ผมบอกรักผมทุกวัน แต่ก็ยังใช้ผมเป็นเครื่องมือหากิน ผู้ชายแก่คนหนึ่งบอกว่าชอบผม แต่สุดท้ายเขาก็บดขยี้ผมให้แหลกเละไม่ต่างจากใครต่อใคร คำพูดนี้ก็แค่พูดให้อีกฝ่ายคล้อยตาม เหมือนกับดักของนายพราน ที่พอจับได้แล้วก็ฆ่าทั้งเป็น



แม้เคยร้องไห้ ด่าทอประชดชีวิต โทษผู้ให้กำเนิดและคนรอบตัว พาตัวเองใกล้ถึงความตาย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเสือกดิ้นรนเอาชีวิตรอด หาหลักทางให้ยังต่อลมหายใจ ปัดเอาสิ่งที่จะทำร้ายตัวเองออกไป มันก็เท่านั้น



“คำว่าชอบไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีนะเตย”



“มันไม่ดี”



ผมแย้ง ไม่เคยมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเมื่อมีคนพูดคำนี้กับผม



“คนที่ใช้คำพูดนี้กับเตยอาจจะทำให้เตยรู้สึกแย่ แต่มันเป็นคำที่ใช้แสดงบอกความรู้สึกเตยตอนนี้”



“...รู้สึก..อะไร”



“เตยชอบเขา...”



“เตย...ไม่ได้ชอบ”



ผมยังคงแย้ง ภายในใจร่ำร้องว่าต่อให้เป็นการแสดงความรู้สึกผมก็ไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับค้างฟ้า



“เราตกลงกันแล้ว...ว่าจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้ให้กัน”



“มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะเตย”



ผมก้มหน้า “มันต้องห้ามได้สิ” ยังคงเอ่ยแย้งทั้งๆ ที่ไม่มั่นใจ



กายเช็ดคราบน้ำตา ขยับตัวเข้ามาหาผม วาดอ้อมแขนโอบล้อมตัวผมไว้ แขนของกายเล็กแต่กลับทำให้ผมรู้สึกได้รับการปกป้อง และอีกหลายความรู้สึกที่ผมหาคำมาอธิบายไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แค่กอด จะเป็นใครก็กอดผมเหมือนกันไปหมดทั้งนั้น ไม่เคยมีอ้อมกอดไหนแตกต่าง...



ทำไมครั้งนี้ถึงรู้สึกอบอุ่น และนึกถึงอ้อมกอดของใครบางคนขึ้นมาเสียอย่างนั้น



“กายชอบเตยนะ...กายเคยทำให้เตยรู้สึกแย่มั้ย”



“...เตยไม่รู้”



ผมเอ่ยคำเท็จ รู้ตัวว่ากายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเธอมากขนาดนั้น ผมปรับความรู้สึกตัวเองให้เป็นเส้นตรง แต่ครั้งนี้มันสั่นสะเทือนรุนแรงอย่างห้ามไม่ได้ และมันทำให้ผมสับสน



ผมแค่อยากเชื่อว่าความคิดที่ตัวเองคิดมันถูกต้องที่สุดแล้วเท่านั้น



เพื่อที่จะไม่ต้องตกไปในบ่วงกับดักของใคร เพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตต่อไป



“เตยเหนื่อยแล้ว...นอนพักก่อนไหม เดี๋ยวกายเก็บของให้”



เธอว่า คลายอ้อมกอด ผมที่ตอนนี้ความคิดรวนจนทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ทำตามที่เธอพูด กายดันให้ผมล้มตัวนอนบนเตียง ส่วนผมปล่อยให้กายจัดการข้าวของที่เละเทะในห้อง โดยที่ตัวเองมองผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งจัดการเก็บขี้แทนผม



กายไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา เธอจัดการเก็บกวาดอย่างเงียบๆ ผมเหม่อมมองเธอบ้าง มองเพดานบ้าง ทั้งห้องไม่มีเสียงพูดคุย แต่ความคิดของผมในหัวของผมเถียงกันวุ่นวายจนเหนื่อยล้า



ผมปิดเปลือกตา



ไม่ แบบนี้ไม่ได้ ไม่ แบบนี้ถูกแล้ว ไม่ใช่ แบบนี้มันไม่ดี ไม่หรอก ไม่ได้ไม่ดีขนาดนั้น แบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ควรเกิดขึ้น แต่มันเป็นไปแล้ว เราห้ามได้ ไม่ เราห้ามไม่ได้



ไม่อยากยอมรับ แต่ระหว่างที่ความคิดในหัวตีกัน ใบหน้าของค้างฟ้าก็โผล่ขึ้นมา ผมคิดถึงค้างฟ้า...มากกว่าที่เคยคิดกับใครสักคน



ความโดดเดี่ยวอย่างแข็งแกร่งที่ผมภาคภูมิกำลังถูกคนในความคิดตีรวน ผมอยู่คนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องมีใคร โอ้อวดกับตัวเองเช่นนั้นตลอดมาหลายปี จนกระทั่งเมื่อกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง ครานี้พกใครอีกคนในความทรงจำติดมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ



ความคิดสุดท้ายที่โผล่เข้ามาในหัว ก่อนที่จะจับใจความอะไรไม่ได้



...ผมอยากเจอเขาเหลือเกิน...











ตอนหน้าจะเป็นตอนของค้างฟ้าแล้วค่ะ TvT

#น้ำค้างฟ้าขุ่น

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
«ตอบ #62 เมื่อ18-01-2019 00:24:49 »

แงง น้องบูดเบี้ยวมากจริง ๆ
อยากกอดเอาไว้แล้วปกป้องน้องง  :hao5: :sad4:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
«ตอบ #63 เมื่อ18-01-2019 11:49:18 »

ตอนแรกนึกว่าแม่นี่แหล่ะจับกรอกยาสลบให้รับแขก แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ความรักของแม่แท้ๆทำร้ายเด็กน้อย มันไม่ต่างจากโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุดในชีวิต มันฝังใจทรมานจนต้องกระเสือกกระสนหารอดให้กับตัวเองด้วยเซ็กซ์ น้องสับสนและไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีให้ฟ้า เพราะกลัว ที่จะต้องแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพี่ฟ้าก็  :katai1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
«ตอบ #64 เมื่อ18-01-2019 14:56:18 »

ชีวิตมันโหดร้ายเกิน  :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
«ตอบ #65 เมื่อ31-01-2019 15:03:08 »

11: Dealing



เตยหายไป



ผมอาละวาดใส่เน็ตแทบบ้าเมื่อเขาให้คำตอบผมไม่ได้ ไปหอหยกเหรอ แล้วอยู่ไหนล่ะ ไอ้คนชื่อหยกก็ตอบผมไม่ได้ว่าเตยหายไปไหน เขาหายไปตอนหยกหลับ ทิ้งโทรศัพท์ไว้ ทิ้งกระเป๋าตังค์ไว้ แท็กซี่คันนั้นบอกแค่ส่งเตยลงที่ถนนเส้นหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเตยจะไปไหนต่อ



เตยหายไปไหน



บัดซบ



ผมทั้งหงุดหงิดทั้งพะว้าพะวงใจถึงขั้นสุด เตยหายไปไหน เขาไม่เคยออกไปนอกสายตาของผม



นอกจากนั้น ผมรู้สึกผิดสุดชีวิต...ผมไม่น่าทิ้งเขาไว้เลย...



รู้ทั้งรู้ว่าความคิดเตยไม่ปกติ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิดคำพูดซ้ำๆ รู้ว่าไม่ควรปล่อยเขาไว้ลำพัง อาจฟังเหมือนแก้ตัว แต่ผมทำทุกอย่างไปเพื่อเตยจริงๆ



ถ้าความรักสำหรับคนทั่วไปคือรูปหัวใจ ความรักของเตยคือหัวใจที่บิดเบี้ยว เขาวาดภาพความรักด้วยรูปทรงประหลาด เตยไม่เข้าใจความรัก และเป็นผมเองที่ทำให้รูปทรงมันบิดเป็นทรงพิลึกมากกว่าเดิม... เมื่อก่อนผมหลอกใช้ความคิดเช่นนี้ของเตยเพื่อตัวเอง แต่ตอนนี้ผมพยายามทำให้เตยเข้าใจว่าความรักที่แท้จริงเป็นแบบไหน



สี่ปีก่อนผมเจอเตยในห้องน้ำชายที่ปั๊มน้ำมัน ห่างจากตัวเมืองออกไปค่อนข้างมาก ความประทับใจแรกที่เจอเตยไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เขากำลัง...ทำอย่างว่ากับผู้ชายอีกสองคน พอพวกนั้นเห็นผมคงเกิดความเขินอายล่ะมั้งเลยหนีเตลิดไป ทิ้งเตยไว้ให้นั่งอยู่ในห้องน้ำโสโครก พร้อมกับร่องรอยน้ำรักที่เปรอะเต็มใบหน้าสวยหวาน



“คุณทำให้ผมเสียลูกค้า” เขาว่าอย่างนั้น



และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อสบตากับแววตาของเตย ราวกับผมโดนกับดักของสัตว์ร้ายที่แสนงดงาม ล่อลวงให้เข้าไปหา ผมพิจารณาเตยตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาดูดีมากแม้จะอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ อะไรสักอย่างบอกให้ผมเดินเข้าไปใกล้ คว้าทิชชู่มาเช็ดคราบน้ำเลอะเทอะบนใบหน้าให้เขา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำที่คิดว่าตัวเองไม่ได้พูดออกไป



“มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะ”



ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมเอ่ยชวนเขาเช่นนั้นกับคนแปลกหน้า เป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่ผมคิดว่าตัวเองคิดในใจ แต่เสียงที่ออกไปนั้นเป็นของผมแน่ล่ะ และผมก็จ้องเขาไม่วางตา



“ได้เงินดีไหม”



ผมในตอนนั้นมีปัญหากับครอบครัว ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิต ผมปวดหัวกับปัญหาห่วยแตก ที่พอเรียนจบแล้วเรื่องราวก็ดันงี่เง่ามากขึ้นทุกที จึงขับรถหนีออกมาตอนกลางคืนเพื่อจะหาที่ไปไกลๆ ทว่าดันจอดรถเติมน้ำมันที่นี่เสียก่อน



พอเจอเขา ทำให้เกิดความคิดหนึ่งในหัว



ความคิดเวทนาที่เห็นเป็นเขาแบบนี้จนอยากครอบครอง และประชดประชันครอบครัว



“ได้ทุกอย่าง”



เตยเหมือนสัตว์ป่า ไม่เชื่อง เขามองผมอย่างระแวง เอ่ยถามอย่างระวัง เขาเจนโลกมากพอที่จะรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี



“แลกกับอะไร”



“ข้อกำหนดบางอย่าง เป็นของฉัน ทำตามที่ฉันสั่ง”



“ผมมั่นใจว่าทำได้ข้อเดียว”



“ข้อไหน”



“เป็นของคุณ”



“...”



“อย่างอื่นผมไม่มั่นใจ แต่ถ้าของตอบแทนมากพอล่ะก็อาจจะทำให้ได้”



“โอเค ถ้างั้นเรามาตกลงกัน”



ผมเริ่มพันธะสัญญากับเตยในวันนั้น เตยจบมัธยมหกมาปีหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้เรียนต่อ เป็นเรื่องโชคดีตรงที่เขาค่อนข้างหัวดี ทำให้ผมพาเขาเข้ามหาลัย ในคณะที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ผมเรียนมาตลอดได้ ผมให้เขาพักอาศัยกับผมในห้องคอนโดหรู หาห้องแยกไว้ให้ เผื่อว่าเมื่อผมจำเป็นต้องพาใครเข้ามา เขาจะได้ไม่เกะกะ



เตยทำหน้าที่ได้ดี แม้ไม่ถึงกับตั้งใจเรียน แต่ผลคะแนนเขาไม่ขี้เหร่ เตยทำหน้าที่ได้ดี ในส่วนของการปรนเปรอร่างกายด้วยเช่นกัน ผมให้เน็ตที่เป็นญาติคอยติดตามเขาอยู่เสมอเพื่อความแน่ใจว่าเตยจะไม่หนีไป เพราะไหนๆ ก็เรียนที่เดียวกันแล้ว เน็ตก็เชื่อฟังผมอย่างดี เขามักเกรงใจผมตั้งแต่เด็กๆ แล้วซึ่งผมก็ใช้นิสัยของเขาตรงนี้ในการขอร้องแกมบังคับให้เขาเป็นหูเป็นตาให้



เตยเป็นผู้ชายที่สวย ถ้าจะให้บรรยายจริงๆ ใบหน้าเขาคงใกล้เคียงกับคำว่าจิ้มลิ้ม ดึงดูดทุกเพศวัย น่าเข้าหาและน่าค้นหา ล้นด้วยเสน่ห์เพียงแค่เขาปรายตามอง ใครก็ตามที่เห็นล้วนตกเป็นทาสสายตาของเขาแทบทันที ทว่าเพราะความคิดของเตยที่บิดเบี้ยวผิดแปลกทำให้เขาไม่มีเพื่อนสักคน



ถ้าไม่นับเพื่อนร่วมเตียง



เตยดูไม่สนใจเรื่องนั้น และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมสนใจเรื่องเขา



ในสองปีแรก เราดำเนินชีวิตด้วยข้อสัญญาพันธะ รักษากฎซึ่งกันและกันเสมอ เตยเรียน มีเซ็กซ์กับผม รองรับอารมณ์ได้อย่างดีจนน่าสงสัยว่าเขามีความรู้สึกหรือไม่ สองปีให้หลังผมเริ่มเกิดความผูกพัน หลงใหลรูปร่างหน้าตาเขาจนอยากแสดงความเป็นเจ้าของมากขึ้นทุกวัน พาเขาไปสักชื่อตัวเองเพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าเขาเป็นของผม พยายามไม่ให้เขาไปที่ไหนอื่น แต่ไม่เคยทำได้ เตยไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เขาไม่เคยเชื่อง วันไหนผมไม่อยู่เขาก็จะออกไปหาคนใหม่



อันที่จริง การที่เขาออกไปหาใครสักคนมานอนด้วยเป็นเรื่องที่เขามักทำตอนที่ผมไม่สามารถกลับไปหาเขาได้ ในทีแรก ผมไม่ติดใจอะไรมาก เขาบอกจะเป็นของผม เขาก็เป็นแล้ว มอบร่างกายให้ในยามที่ผมต้องการ



หลังจากนั้น ความผูกพันเริ่มมากขึ้นอย่างน่าสงสัย ผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรู้สึกลึกซึ้งกับเตย กะอีแค่คนที่เก็บมาได้ข้างทางเท่านั้น ถึงกับต้องพาไปสักชื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่จับจองไว้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ไม่รู้เลยจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าเตยทำงานอะไร แต่ผมไม่ชอบใจที่เขาออกไปนอนกับใครต่อใครเมื่อผมไม่อยู่



ผมถามว่าทำไมถึงต้องออกไป



เขาบอกว่านอนไม่ได้ถ้าไม่มีเซ็กซ์



ผมถามว่าทำไมอีกครั้ง



เขายักไหล่ ไม่มีคำตอบให้



ความรู้สึกต้องการกักขังไว้เกิดขึ้น และมากขึ้นทุกที...ผมอยากให้เขาเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว เพียงแต่ผมไม่เคยบังคับเขาได้ ผมไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา ทำได้แค่ไปตามเขากลับมาเท่านั้น



ส่วนปัญญาที่บ้าน ก็คาราราซังจนน่ารำคาญใจ



พ่อแม่บังคับให้ผมเรียนคณะที่เกี่ยวกับด้านการแพทย์ เพื่อที่จะได้มาต่อยอดธุกิจที่บ้าน ผมประชดพวกเขา ลงเรียนคณะดุริยางคศิลป์ ไม่ข้องเกี่ยวกับการแพทย์ ไม่ยุ่งกับเรื่องธุรกิจที่บ้าน ต่อต้านก้าวร้าวและหันมาทำวงดนตรีของตัวเอง



ผมหมดความอดทน อยากเททิ้งทุกอย่าง หนีไปไกลๆ แต่เพราะได้เจอกับเตยระหว่างทาง จึงทำได้แค่หนีไปอย่างครึ่งๆ กลางๆ



ผมเกิดความคิดใช้เขาประชดครอบครัว อยากได้คนช่วยธุรกิจที่บ้านงั้นเหรอ เอาคนนี้ไปสิ ผมเก็บมาได้ เรียนใช้ได้เลยล่ะ คงช่วยธุรกิจพ่อแม่ได้ไม่น้อย แต่ถ้าไม่ไว้ใจก็ให้เขาเป็นผู้ช่วยเน็ตไป ส่วนผมน่ะเหรอ ขอไประเริงสุขอยู่กับความฝันของตัวเองเถอะ



จนกระทั่งที่บ้านบังคับให้ผมแต่งงานกับเอม เพื่อผฃประโยชน์ทางธุรกิจ พวกเขาโต้กลับด้วยการบังคับหมั้นหมาย อย่างที่ผมหาทางขัดไม่ได้



เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ดี กลับกัน เอมดีกับผมมาก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก เธอจบแพทย์ตามที่ครอบครัวต้องการ ส่วนผมแม้จะอยู่คนละคณะแต่เราก็ยังติดต่อหากันเสมอ



เราไม่เคยรักกันในเชิงชู้สาว และไม่ต้องการที่ถูกบังคับให้แต่งงาน



ความคิดโบราณแบบนี้ควรหมดไปเสียที



ผมไม่เข้าว่าทำไมทางบ้านต้องมาจำกัดชีวิตของผมมากมายนัก ผมเลือกสิ่งที่ผมอยากเป็นได้ ผมเลือกผู้หญิงด้วยตัวเองได้ เลือกคู่ครองเองได้ ไม่ต้องการคำบัญชาจากใคร ถึงแม้เอมจะเป็นคนดีแต่ผมไม่คิดรัก เราทั้งคู่ต่างอยู่ในวังวนแห่งความอึดอัด เธอเองก็ไม่อยากแต่งงานกับผม เราต่างอยากมีอิสระ



แล้วสุดท้ายผมก็ค้นพบตัวเองจากอ้อมกอดของเตย



ทุกปัญหาดับสูญด้วยไออุ่นของเขา เตยไม่เคยรู้ว่าเขาสำคัญกับผมมากขนาดไหน



ผมรักเตย...



อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็กล้าพูดคำนี้



เพียงแต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะรักเขา และสอนให้เขาเลิกเกลียดคำว่ารัก



เขาปกป้องผมจากความอ่อนแอโดยที่เขาไม่รู้ตัว รวมถึงผมก็เริ่มมีความรู้สึกอยากปกป้องเขาจากทุกสิ่งที่เขาเคยประสบ อยากโอบกอดมอบไออุ่น ปลอบประโลมให้เขาฝันดีโดยที่ไม่ต้องพึ่งเซ็กซ์ อยากช่วยให้เขายิ้มออกมาได้จากใจ หาใช่เพื่อการค้า อยากให้เขาถอดหน้ากากและเกราะป้องกันตัวเอง ไม่ต้องแข็งข้อระแวดระวังเมื่ออยู่กับผม



อยากเป็นทุกอย่างให้เขาพึ่งพาได้ อยากพาเขาหลุดจากกรอบความคิดบิดเบี้ยว ไปสู่ความสุขที่แท้จริง กว่าจะรู้ว่าควรปฏิบัติกับเขาเฉกเช่นมนุษย์ก็เรียกได้ว่าสายไป



จนกระทั่งปีที่แล้ว ผมบอกความในใจของตนให้เขาฟัง อาจเรียกได้ว่าเป็นความพลั้งเผลอ แต่ก็ตั้งใจให้รับรู้



เพียงแต่ผมไม่คิดว่าเตยจะเกลียดคำนี้ถึงขั้นจะเป็นจะตาย เตยแสดงการต่อต้านทุกการกระทำที่ผมอ่อนโยน ตะโกนโหวกเหวกเพื่อไม่รับฟังคำพูดของผม ความคิดของเตยบิดเบี้ยวจนกู่ไม่กลับ ผมอับจนหนทางอีกครั้ง



สุดท้ายก็จบลงที่ผมบอกเขาว่าล้อเล่น เอ่ยคำลวงว่าเป็นเรื่องโกหก ใช้เอมอรมาอ้างถึง



‘พี่พูดเล่น ไม่ได้ชอบเตยหรอก วางใจได้ พี่มีเอมแล้ว’



ผมไม่อยากให้เขาเสียสติแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาเข้าใจคำว่ารัก



อ่อนโยนไม่ได้ เอ่ยรักไม่ได้ เตยอยากให้ผมทำรุนแรงเหมือนที่แล้วมา แต่ผมไม่อยากทำร้ายเขาอีกแล้ว อยากตระกองกอดเขาไว้ โอบอุ้มให้เขาพึ่งพิง...เตยไม่ต้องการ เรียกได้ว่าต่อต้านจนไม่สนเหตุผลอื่นใด เขามองว่าความคิดของเขาเป็นทางเลือกที่ถูกที่สุดแล้ว เป็นหลักยึดที่เขาไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง



แขยงคำว่ารัก และไม่เข้าใจการกระทำที่ผมพยายามสื่อออกไป



‘อย่าทำดีกับผม เพราะตัวผมไม่ดีพอสำหรับคุณ’



‘อย่าใจดีกับผม เพราะสุดท้ายคุณก็จะใจร้ายไม่ต่างจากคนที่ผ่านมา’



เขาเคยกล่าว ผมอยากบอกว่าไม่จริง สรรหาคำพูดมากมายเพื่อให้เขาเปลี่ยนความคิด



แต่เตยไม่รับฟัง



ในระหว่างนั้นปัญหากับที่บ้านก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับวงดนตรีที่ร่วมเล่นกับเพื่อน ทะเลาะกับที่บ้านเสร็จก็ไปทะเลาะต่อกับหุ้นส่วน จนดึกดื่น เหนื่อยล้าเกินกว่าจะกลับไปหาเขา และถึงแม้ผมจะพยายามถ่อตัวเองไปหาเขาเพื่อนอนกอดเขาไว้ เขาก็ไม่ต้องการเช่นนั้น



ถ้าผมกลับไปหาเตย ผมต้องมีเซ็กซ์กับเขาเท่านั้น บอกตัวเองว่าอย่าอ่อนโยนกับเขาให้มากนัก มันจะทำให้เขาเสียสติ แต่บ่อยครั้งที่ผมมักห้ามตัวเองไม่ได้ ค่อยๆ ตระกองกอดเขาไว้ในอ้อมแขนจนเตยหัวเสีย



ทุกอย่างที่ผมอยากทำกับเตย เตยไม่ชอบให้ทำ ทุกครั้งที่ผมพยายามจะอยู่ร่วมกับเตย ล้วนมีอุปสรรค แล้วจะให้ผมทำยังไง



ผมบอกเตยว่าไปหาเอม อย่างที่เตยต้องการให้มันเป็น



แต่อันที่จริง...ผมไม่ได้ไปหาเอม การหมั้นหมายของเราจะไม่มีวันเป็นไปได้ ผมเจอเตยที่บิดเบี้ยว และต้องการจะรับทุกอย่างของเขาไว้ ความปรารถนาอยากให้เตยมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่ผมตัดสินใจยอมละทิ้งฝัน ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวยอมรับเตยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม



มันน่ารำคาญ บางทีผมก็อยากหอบเขาหนีไปด้วยซ้ำ อยากให้เรื่องราวมันจบ แต่ผมก็ทำไม่ได้...



หลากหลายปัจจัยทำให้ผมติดรั้งอยู่ที่เดิมเหมือนถูกล่ามด้วยโซ่ วิ่งวนไปมาในระยะแคบๆ จะไปไกลกว่านี้ก็ไม่ได้ จะทำลายโซ่ให้พังก็ไม่สามารถ



ผมจัดการเรื่องของเตยและเรื่องของที่บ้านไปพร้อมกันไม่ไหว ไร้ศักยาภาพมากพอที่จะทำให้มันออกมาดีที่สุด กลับไปที่บ้านเตยก็ออกไปหาคนอื่น พอไปหาเตย ที่บ้านก็มีปัญหา



สุดท้าย ความคิดผมขาดสะบั้น คิดจะรั้งเตยไว้และจัดการเคลียร์เรื่องราวให้จบให้สิ้น



สุดท้าย มันแย่ลงเมื่อผมล่ามตรวนเตยไว้ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง



เขาอาละวาด คล้ายกับตอนที่ผมบอกรักเขา สัตว์ร้ายไม่พึงประสงค์จะถูกกักขังอิสระ สัตว์ร้ายไร้ซึ่งความศรัทธาและหวาดกลัวในรัก ผมไม่รู้ว่าที่ที่เตยจากมามีสภาพเป็นอยู่อย่างไร เพียงแต่ทุกการกระทำของเขาบอกว่ามันไม่ใช่ที่ที่ดี และเพราะแบบนั้นความคิดของเตยจึงบิดเบี้ยวผิดปกติ



ผมทำผิดพลาด การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้เตยยอมอยู่กับที่ การอ่อนโยนกับเตยก็ไม่ช่วยให้เตยอยากอยู่กับผม กลับกัน เตยมักรังเกียจท่าทางอ่อนโยนที่ผมมอบให้ ผมพยายามใส่ใจเขา คอยยิ้มให้เขาเสมอ แม้พยายามส่งความรู้สึกที่มีให้มากเท่าไหร่ ก็มีเพียงแต่สายตาระแวดระวังมากกว่าเก่ากลับมาเท่านั้น



ผมเสียใจ ผมรู้ว่าผมทำเขาเสียใจ แม้ไม่ต้องเห็นน้ำตาแต่ผมรู้ว่าเตยเปราะบางมากแค่ไหน



ยิ่งเสียกว่าแก้ว เขาอาจจะเป็นเศษแก้วที่ประกอบร่างขึ้นมาใหม่ ประคับประคองตัวเองให้คงรูปด้วยกาวเชื่อมประสานราคาถูก ใกล้เคียงกับคำว่าแตกสลายตลอดเวลา



สุดท้าย ทุกอย่างที่ผมพยายามประคับประคองมาถึงวันที่มันแตกสลายในที่สุด



เตยตัดสินใจหนีไป จงใจให้ผมตามหาไม่เจอ



การตามหาคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่รู้จักเส้นสายก็ไม่ใช่เรื่องยาก มันยากตรงที่เตยอยู่กับผมนานพอที่จะรู้วิธีหลบเลี่ยงผม เขาฉลาด ผมรู้ แต่นั่นไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาจะมีความสุขกับที่อยู่ใหม่



ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องตามหาเขาให้เจอ



ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องตามเก็บหัวใจของตัวเองไว้ให้ได้











ที่ผ่านมาเราอ่านในมุมมองของเตยมาตลอด ครั้งนี้มาลองอ่านมุมมองของค้างฟ้าดูบ้างกันค่ะ

อันที่จริง ค้างฟ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เตยคิด พี่รักน้องมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แต่แสดงออกไปไม่ได้ เพราะเตยไม่เข้าใจ

ยิ่งแสดงออกมากเ่าไหร่ยิ่งทำให้เตยกลัว เป็นความรักที่จะบอกว่ารักออกไปไม่ได้

เราไม่ได้เขียนเรื่องนี้จากต้นเรื่อง แต่เริ่มจากกลางเรื่อง ที่ผ่านจุดที่พวกเขาตกหลุมรักกันมาแล้ว

อย่างที่ใครหลายๆ คนคิดไว้ว่าอันที่จริงแล้วเตยก็ชอบค้างฟ้า แต่น้องไม่อยากยอมรับตัวเอง เพราะเกลียดและกลัวคำนี้

ปฏิเสธมันมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็แตกหัก



แต่ที่อยากสื่อก็คือมุมมองความรักที่บิดเบี้ยวของเตย ความรักที่ไม่ได้เป็นความหมายในทางที่ดี

เพราะเราเชื่อว่าประสบการณ์และสถานการณ์ตั้งแต่เด็กที่แต่ละคนพบเจอมาไม่เหมือนกัน

และมันจะหล่อหลอมให้เราโตมาในรูปแบบต่างๆ



ถ้าใครไม่เข้าใจตรงไหนก็บอกกันได้นะคะ

หวังว่าตอนนี้จะเข้าใจค้างฟ้าและเตยกันมากขึ้นน้า



ปล.เรื่องนี้เขียนยากมากจริงๆ ค่ะ TvT แต่มาได้ครึ่งทางแล้วล่ะ!



#น้ำค้างฟ้าขุ่น




ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
«ตอบ #66 เมื่อ31-01-2019 23:16:01 »

แงง เห็นใจทั้งคู่เลยค่ะ ค้างฟ้าก็ต้องแก้ปัญหาในทุกๆด้านเลย

เตยก็มีความคิดที่บูดเบี้ยวจนมองสิ่งต่างๆผิดไปหมดเลย

อยากให้พอเค้าเจอกันแล้วเอาน้องเตยไปปรึกษาคุณหมอ หรือบำบัดเลยอ่าา
เตยจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปตลอดไม่ได้ พูดแล้วก็สงสาร :o12: :o12:

ออฟไลน์ yodyahyee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
«ตอบ #67 เมื่อ09-02-2019 22:50:55 »

พออ่านบทนี้....ก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างละ
เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของค้างฟ้า รัก...แต่แสดงออกไม่ได้
เข้าใจความคิดที่บิดเบี้ยวของเตย รัก...เป็นสิ่งที่น่ากลัวในสายตาของเตย

จะรอให้เค้ากลับมาทำความเข้าใจ และรักกันได้อย่างเต็มหัวใจนะ

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
«ตอบ #68 เมื่อ12-02-2019 21:56:50 »

12: Disappear



เน็ตกับหยกช่วยตามหาเตยอย่างเต็มที่ ถึงแม้หยกจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่เขาก็ยืนยันที่จะช่วย เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถรั้งเตยไว้ได้ ทั้งๆ ที่เตยมาหาเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนจะหายไป แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก



โอเค ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยชอบหยกนิดหน่อย ทำไงได้ เน็ตบอกว่าเตยมักไปหาหยกอยู่บ่อยๆ และผมที่อยากให้เตยเป็นของผมแค่เพียงคนเดียวแทบตายกลับทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองและรับรู้ว่าเตยไปไหนต่อไหนกับใคร ก็หึงนั่นแหละ แต่ไม่อยากแสดงออก กลัวเตยจะหนีไป



ข่าวคราวของเตยไม่คืบหน้า ปัญหาที่บ้านไม่สะสาง



ถึงอย่างนั้นก็มีข่าวดีอย่างหนึ่ง ผมกับเอมยกเลิกการหมั้นแล้ว



เป็นเราทั้งคู่ที่ช่วยกันคุยกับทางผู้ใหญ่ ยืนกรานว่ายังไงก็จะไม่แต่ง ผมรู้ว่าพวกเขาอยากให้พวกเราครองคู่กันเพื่อที่จะได้ประคับประคองธุรกิจไปด้วยกัน การแต่งงานจะมีสิทธิหลายอย่างที่จะช่วยเหลือได้มากกว่า แต่เราก็เสนอทางออกว่าเราสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้กันได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงานกัน



เรื่องนี้แลกมากับการที่ผมต้องเรียนป.โทเกี่ยวกับด้านบริหาร



มันคุ้มค่ามากพอที่จะแลก ขอเพียงแค่ให้เตยกลับมาและเข้าใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้มีเอม ผมมีเพียงเขา



ผมพักเรื่องราวที่บ้านไว้เท่านี้ ตอนนี้ที่ผมต้องทำคือตามหาเตยให้เจอ ไม่ว่าเขาจะอยากเจอผมหรือไม่ก็ตาม การที่เตยหายไปอาจจะแปลว่าเขาไม่อยากอยู่กับผมแล้ว ไม่อยากเจอหน้าผมอีก รำคาญ รังเกียจ หรืออะไรก็ตามแต่ ผมอยากเจอเขา และต้องการรู้ว่าเขาแข็งแรงมีความสุขดี



ต้องเป็นเช่นนั้น และเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ถ้าเตยไม่ต้องการผม...ก็คงปล่อยเขาไป...



หรือไม่ก็เริ่มจีบเขาใหม่



ในใจเอนเอียงไปตัวเลือกหลังมากกว่า



ผมเชื่อว่าตัวเองจะทำให้เขามีความสุขได้ แม้ก่อนหน้านี้จะทำไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะทำให้ได้ ขอเพียงแค่เขาไม่ปฏิเสธผม ผมก็พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกเรื่องราว



การที่ผมรักเขาไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาของเตยที่ดึงดูดเพียงอย่างเดียว จากการที่ได้อยู่ร่วมกันมาสี่ปี ผมเห็นร่องรอยเว้าแหว่ง โดดเดี่ยว เห็นความบิดเบี้ยวในใจเขา เห็นความไม่ไว้ใจมนุษย์ เห็นความไม่ศรัทธาในรัก



ทุกอย่างที่เตยขาดหาย ผมอยากเป็นฝ่ายเติมเต็ม



ทุกครั้งที่เขาออกไปหาใครต่อใคร ผมทั้งหึงและหวง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมเป็นฝ่ายปล่อยให้เขาต้องอยู่คนเดียวเอง และเตยก็ยึดติดกับความคิดที่ต้องออกไปหาเพื่อนร่วมนอน



ทุกครั้งที่ผมอยากจะแสดงความรัก เขาต่อต้าน



ทุกครั้งที่ผมอยากจะร่วมรัก เขาร้องขอให้มันเป็นแค่เซ็กซ์



ทุกอย่างที่มันบิดเบี้ยว ผมอยากเป็นคนทำให้มันเข้าสู่เส้นทางที่ปกติ ในความหมายที่ดีขึ้น



ในทีแรก ผมคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เตยเป็นแบบนี้ ปล่อยปละละเลยจนเกินเยียวยา ผมคิดทบทวนตัวเองทุกครั้งว่ามันเป็นความรักหรือความสงสาร ผมอยากช่วยเตยเพราะรักจริงหรือ



คำตอบชัดเจนขึ้นทุกวัน



ผมคงไม่สนธุรกิจที่บ้านถ้าไม่เจอเตย ผมอาจจะแต่งๆ กับเอมไป ตัดปัญหาน่ารำคาญ แต่เพราะเจอเตย ทำให้ผมรู้ว่าแท้จริงแล้วผมต้องการอยู่กับใคร และมันต้องแลกกับอะไร



แน่นอนที่สุดเมื่อเขาหายไป ผมกลายเป็นบ้าทันที



เรียกได้ว่าแทบไร้สติ เน็ตเป็นคนบอกให้ผมใจเย็น ดึงให้ผมกลับมามีสติทุกครั้งที่ผมทำอะไรไม่ถูก โวยวายไปไม่ช่วยให้หาเตยเจอ ที่ผมควรทำคืออย่าใจร้อนผลีผลาม ค่อยๆ คิดหาทางออก เราช่วยกันตามหาเตยในสถานที่ต่างๆ ที่เตยชอบไป หยกและเน็ตเองก็ออกแรงช่วยเต็มที่



แต่สุดท้ายเราก็ยังหาเตยไม่เจอ เขาไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรไว้เลย และผมก็กลับมาโกรธตัวเองอีกครั้งที่ไม่เคยรู้ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับเตยเลยสักนิด ส่วนหนึ่งคิดว่าเพราะเขาไม่อยากเล่า อีกส่วนคือข้อมูลของเตยในช่วงก่อนที่จะมาเจอกับผมมีน้อยมาก



ผมรู้ว่าเขาเรียนโรงเรียนอะไรสมัยมัธยม ผมไปถึงโรงเรียนนั้นแล้ว แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้หาเขาเจอ ไม่มีใครรู้ว่าเตยจบแล้วไปที่ไหนต่อ เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่ดีอะไรขนาดนั้น ทั้งสภาพโรงเรียนที่ทรุดโทรม ทั้งการพูดจาของคนเป็นครูที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่ เด็กนักเรียนค่อนข้างไร้มารยาท นอกเหนือจากนั้น ผมไม่รู้อะไรแล้ว



แน่นอนว่าผมขับรถไปยังปั๊มน้ำมัน ที่ที่เคยเจอครั้งแรก หลายต่อหลายครั้ง บ่อยถี่ขึ้นจนเรียกได้ว่าไปทุกวัน แม้ว่าจะไม่เจออะไรนอกจากความว่างเปล่า รู้ว่าถึงไปกี่ครั้งก็ไม่มีอะไรตรงนั้นแต่ก็ยังดึงดันจะไป ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่น่าจะอยู่ใกล้กับเตยที่สุดแล้ว



ผมลองขับรถวนเวียนอยู่แถวนั้น แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร



ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเตยถึงมาอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ และไม่เคยรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาอาศัยที่ไหน เบาะแสน้อยมากจนน่าท้อใจ แต่ไม่ถอดใจ



ไปหาทั้งกลางวัน ไม่เจอก็ขับตระเวนแถวนั้น กลางคืนวนกลับมาใหม่ ไม่มีแม้แต่เงา ผมเป็นห่วงเขาแทบบ้าแล้ว



มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ผมต้องเจอเขาสิ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม



สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ...เตยจะไม่อยู่แล้ว



ความคิดของเตยบิดเบี้ยวจนน่ากลัว ผมกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง แค่คิดก็แทบล้ม หายใจแบไม่ออก หัวใจเหมือนโดนบีบรัดจนปวดร้าวไปหมด ผมนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เริ่มเข้าใจความรู้สึกเตยมากขึ้น มันน่าโมโหจริงๆ เวลานอนไม่พอ



หนำซ้ำยังมีฝันร้ายซ้ำๆ ผมฝันว่าเตยไม่อยู่แล้ว...ไม่อยู่ที่แปลว่าไม่อยู่บนโลกนี้



ในฝันผมคว้าจับเขาไม่ได้ ร่างเงาบอบบางเลือนราง ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองกัน แผ่นหลังสวยสลายหายไปในอากาศ ไม่ก็ทิ้งตัวดิ่งลงไปสู่ผืนดิน ต่อหน้าต่อตา ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมคงตายทั้งเป็น



แต่เมื่อตื่นแล้วยังไม่พบความจริง ผมก็ต้องตามหาเขาต่อไป ผมเชื่อว่าเตยเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองที่ขาดหายไป



ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา



ออกเครื่อง สตาร์ทรถ ขับวนไปยังที่ที่เขาหายไป วนไปมาอยู่อย่างนั้น  ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันแล้ววันเล่า ส่งให้เน็ตช่วยเหลือในทางอื่น ทั้งตามหาคนหาย อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่ค้นพบ ส่งหยกไปตามย่านสถานที่บันเทิงต่างๆ ไร้ซึ่งวี่แวว ราวกับว่าเตยได้หายไปจากโลกนี้จริงๆ










ตระเวนไปจนทั่ว กระทั่งหยุดพักที่ปั๊มน้ำมันที่เดิม ผมถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก่อนจะดับเครื่อง ก้าวออกมาพร้อมบุหรี่หนึ่งซอง



ปั๊มน้ำมันที่นี่ยังคงเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน รกร้างสกปรก ไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไหร่



แน่นอน ผมเดินเข้าห้องน้ำชายที่นี่ไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ไม่มีวี่แวว ถึงอย่างนั้นการเดินเข้าไปดูรอบที่หนึ่งร้อยหนึ่งก็ไม่เสียหาย ข้างในห้องน้ำยังคงสกปรกเช่นเคย และไร้ร่องรอยของเตยเช่นเดิม ผมเดินกลับไปที่รถ แต่ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปข้างในพาหนะกลับมีเสียงเรียกขึ้นมาก่อน



“พี่คะ”



เมื่อหันกลับไปหาต้นเสียง ปรากฏเป็นเด็กปั๊มที่ผมมักเจอเธอบ่อยๆ ในช่วงกลางคืน



ผมเลิกคิ้วแทนเอ่ยเสียงตอบ มองเจ้าหล่อนที่รูปร่างหน้าตาธรรมดา และคิดว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน



“พี่ใช่ค้างฟ้าใช่มั้ยคะ”



“...ครับ”



แม้จะแปลกใจที่หล่อนรู้จักชื่อผม แต่ก็ตอบรับกลับไปทั้งๆ ที่ยังมุ่นคิ้วสงสัย



“หนูเห็นพี่มาที่นี่หลายวันแล้ว... ตามหาใครอยู่รึเปล่าคะ”



ผมขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ผมไม่มีอารมณ์ในการเล่นลองใจหรือลองเชิงในตอนนี้ การที่เธอถามมาแบบนี้ไม่ต่างกับว่าเธอรู้คำตอบอยู่แล้ว ผมมาที่นี่หลายครั้ง สาเหตุไม่จำเป็นต้องเป็นการตามหาใครสักคนก็ได้ มีหลายเหตุผลให้อ้างถึงหรือนึกถึง แต่เธอกลับเลือกถามว่าตามหาใครอยู่



“ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว?”



“...”



หญิงสาวมีท่าทีอึกอักเมื่อโดนจับได้ ผมจ้องเธอเงียบเชียบ กดดันจนอีกฝ่ายยอมเปิดปาก



“หนูชื่อกาย...” ประโยคแรกไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ “เป็นเพื่อนของเตย...”



แต่ประโยคถัดมาทำให้ผมเบิกตาโพลง



สองขาเข้าประชันชิดอีกฝ่ายโดยที่ตัวผมเองก็ไม่ทันรู้ตัว สองแขนเอื้อมจับต้นแขนของเธอแน่น แทบจะเขย่าตัวร่างผอมบาง



“เตยอยู่ไหน”



ไม่ใช่คำตะโกน ไม่ได้ตะคอก แต่ว่าเป็นคำสั่ง บัญชาการให้เอ่ยคำตอบทันทีที่ได้ยิน



หญิงสาวตรงหน้าตกใจเฮือกใหญ่ที่จู่ๆ ผมก็เข้าคุกคามเธอ ผมปล่อยมือ แต่ยังคงยืนจ้องเขม็ง กายอึกอักเล็กน้อย แสดงสีหน้ากลัวเกรง แต่ก็เม้มปากแน่น เลือกที่จะยังไม่เอ่ยถึงสถานที่ที่เตยอยู่ ผมเห็นหญิงสาวรวบรวมความกล้าเฮือกหนึ่งเอ่ยคำถามแทนเอ่ยคำตอบ



“หนูต้องรู้ก่อนว่าพี่ตามหาเตยทำไม”



พลันหงุดหงิด ในใจงุ่นง่าน แต่ก็ยังพยายามใจเย็น หาคำตอบมาให้เบาะแสเดียวที่มีอยู่



“ผมอยากเจอเขา”



“ทำไมถึงอยากเจอล่ะคะ”



“อยากรู้ว่าสบายดีไหม อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร อยากรู้ว่ากำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่า”



“ถ้าพี่รู้แล้วจะทำไงต่อคะ”



“ถ้าที่นั่นเตยอยู่ไม่สบาย ไม่มีความสุขก็จะพากลับ”



“ทั้งๆ ที่เตยเลือกที่จะหนีพี่มาน่ะเหรอ”



“อืม ครั้งนี้จะดูแลให้ดีกว่าเดิม”



กายเม้มริมฝีปากแน่น เงียบไปพักใหญ่ สบตาผมเป็นระยะก่อนหลุบลง ราวกับใช้ความคิด ความเงียบลอยผ่านพวกเราอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกายก็เป็นฝ่ายเอ่ย



“เตยกลับไปอยู่แถวที่บ้านเดิม...”



“ที่ไหน”



“บอกยาก พี่ไปไม่ถูกหรอก...”



“แล้วเตยเป็นยังไงบ้าง”



ประกายในแววตาของกายหม่นลงทันที เธอหลุบตามองพื้นไปสักพัก่อนเงยหน้าขึ้นมาตอบผม



“แย่”



เป็นคำที่ฟังแล้วยิ่งเป็นห่วง อยากเจอ



“หนูว่าเตยต้องการพี่...” เธอวรรค “แต่หนูไม่รู้ว่าพี่ต้องการเขาอยู่ไหม”



“ทำไมจะไม่ ผมออกตามหาเตยตั้งแต่วันแรกที่เตยหายไป”



“หนูรู้ หนูเห็นพี่มาที่นี่แทบทุกวัน แต่หนูก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ถ้าที่ที่เตยเคยอยู่มามันดีแล้วเตยจะออกมาทำไม...ออกมาอยู่ในที่เดิมทำไม ทำตัวแบบเดิมทำไม”



“...”



“หนูไม่มั่นใจว่าพี่จะทำให้เขากลับมายิ้มเหมือนเดิมได้ไหม... แต่หนูก็ไม่มีทางเลือก เตยในตอนนี้ก็แย่จนหนูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”



ผมนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเตยกำลังทำอะไรอยู่ในระหว่างที่ผมกำลังหาเขา ไม่รู้ว่าเตยกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่เมื่อไม่มีผมอยู่ด้วย และผมต้องการที่จะรู้ อยากเจอเขาใจจะขาด



“เตยอยู่ที่ไหน บอกที่อยู่เตยมาสิ”



“พี่ไปไม่ถูกหรอก เอารถยนต์เข้าไปก็จอดยาก แถมยังอาจจะโดนทุบกระจกปล้นเอาของข้างในก็ได้ ถ้าจะไปก็ไปกับหนู”



“ไปสิ” ผมเอ่ยทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด พร้อมที่จะไปเสียตอนนี้



แต่ไม่ได้ดั่งใจ กายบอกให้ผมรอเธอเลิกงานอีกสักประเดี๋ยว แม้ในใจอยากจะพุ่งไปหาเตยแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ นั่งรอที่ริมฟุตบาท จับจ้องไปที่ร่างผอมๆ ของเธอที่ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ให้คลาดสายตา เพราะกลัวว่าเบาะแสเดียวจะหายไป



กายอาจจะหลอกผมก็ได้ แต่ผมไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย



จนในที่สุด กายก็เลิกงาน เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน



เธอบอกให้ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์เธอ และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย กายสตาร์ทเครื่องยนต์เก่าๆ ก่อนขับออกจากปั๊มน้ำมันไป สายลมเย็นตีพัดผ่านหน้าผม แทนที่จะรู้สึกสบายใจแต่กลับกัน ใจผมในตอนนี้รีบร้อนยิ่งกว่าสายลม นึกถึงแต่ใบหน้าของเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร



ระยะทางออกห่างจากปั๊มน้ำมันตรงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้จักเส้นทางนี้ หรือต่อให้รู้ ก็คงไม่คิดจะมา ถนนข้างทางเปลี่ยวและรกร้าง ไฟข้างถนนมีบ้างไม่มีบ้าง หญ้ารกขึ้นข้างทาง และอย่างที่กายว่า ถ้านำรถยนต์เข้ามาคงลำบาก ความกว้างของถนนไม่มากพอสำหรับการขับรถยนต์ หลังจากที่เข้ามาในซอยรกร้างลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เริ่มเห็นบ้านคนตั้งอยู่ริมรายทาง



กายยังคงขับรถต่อไป ครั้งนี้นอกจากบ้านคนที่ดูทรุดโทรมแล้วยังมีผู้คนบางส่วนออกมานั่งๆ นอนๆ กันแถวนี้ ผมมองทัศนียภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่ ยิ่งนึกกังวลถึงคนที่กำลังจะไปเจอ



ในที่สุดกายก็หยุดรถตรงที่ตึกแห่งหนึ่ง มันน่าจะเป็นตึกที่สูงอันดับต้นๆ ของที่แห่งนี้ เพราะส่วนใหญ่ผมเห็นแต่บ้านชั้นเดียว สถานที่แปลกตาทำให้ผมสังเกตรอบตัวไม่หยุด



กายดับเครื่อง



“ถึงแล้วหรือ”



“ค่ะ เตยพักที่หอนี้...แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่ห้องไหม” เธอกล่าว “เดี๋ยวหนูพาเข้าไปค่ะ”



ว่าจบเธอก็เปิดประตูหอพักทันที ให้ตาย หอพักประเภทไหนกัน ไม่ล็อกประตูทางเข้า แบบนี้ใครก็เข้าได้งั้นหรือ ความปลอดภัยอยู่ที่ไหนกัน ในหัวผมบ่นเรื่องนี้ยาวเหยียด แต่ไม่พูดอะไรออกไปให้กายรำคาญ เดินตามหลังเธอต้อยๆ ขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่เตยอยู่



กายเดินนำอย่างชำนาญทาง ก่อนหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง มือผอมเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู และพบว่ามันล็อก เธอไม่ได้ตกใจเรื่องนั้น หยิบเอาพวงกุญแจมากมายของตนขึ้นมา เลือกลูกกุญแจอันหนึ่งมาสอดเข้าไปไขประตู



ใจผมเต้นระทึก



ประตูเปิดออก ในห้องมืดมิด



ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของคนข้างๆ จึงหันหน้าไปหา กายยกยิ้มให้พร้อมเอ่ย



“เตยนอนอยู่...เข้าไปสิคะ หนูส่งแค่ตรงนี้นะ”



“อืม...” ผมไม่รู้จะตอบอะไรเธอกลับไป จึงทำได้แค่ส่งเสียงตอบรับในลำคอ “ขอบคุณ”



กายพยักหน้า “คุยกันดีๆ นะคะ อย่าทำร้ายเตย...และถ้าเป็นไปได้...พาเตยกลับไปอยู่กับคุณ ดูแลเตยให้ดีอย่างที่คุณบอก”



“ผมจะทำเช่นนั้น”



ผมบอก ก้าวเข้าไปในห้องมืดมิดและมีกลิ่นอับชื้นตีเข้ามา



กายปิดประตู ส่วนผมค่อยๆ ลากขาตัวเองไปหาร่างที่คุ้นเคยที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยความมืดทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัด ในใจผมถามตัวเองเสมอว่าใช่เขาใช่ไหม สองขาเร่งก้าวเข้าไปหาจนถึงขอบเตียง



ผมนั่งลง ชะโงกหน้ามองคนหลับ



ทันทีที่เห็นหน้าเตย ผมแทบร้องไห้



ภาพตรงหน้าเลือนและเบลอด้วยหยาดน้ำใส ผมสูดหายใจเข้า รวบรวมสติ กลั้นน้ำตาไว้...



ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาร้องไห้ ในตอนนี้หากร้องไห้ผมจะเห็นหน้าเขาไม่ชัด ผมกลืนก้อนสะอื้นลงไป



ความรู้สึกหลายอย่างตีกันจนหาทางออกไม่ได้ แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมอดทนเฝ้ารอและตามหามันมานานก็อยู่ตรงหน้าแล้ว



ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา เตยดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ผมไล่นิ้วมือตัวเองเกลี่ยเส้นผมเขาทัดหู เพื่อที่จะได้มองหน้าเขาให้ชัดกว่านี้ ลากไล่มาจนถึงต้นคอที่ยังคงมีชื่อของผมจารึกไว้ชัดเจน ผมยิ้มอย่างอ่อนแรง



ก่อนสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนบาง ค่อยๆ ตระกองกอดเขาไว้



ซบใบหน้าตัวเองเข้ากับแผ่นหลังบอบบาง การตามหาเตยได้สิ้นสุดลง และผมก็เจอที่พักใจอีกครั้ง



ครานี้จะไม่ปล่อยให้ไปไหนอีก



ไม่ใช้โซ่ล่ามอีกต่อไป แต่จะผูกเขาไว้ด้วยความรักของผม











#น้ำค้างฟ้าขุ่น



ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
«ตอบ #69 เมื่อ12-02-2019 22:08:36 »

เจอแล้ววว สู้ๆนะค้างฟ้า ช่วยเตยให้ได้
ให้เตยได้รับรู้ถึงความรักที่ดีซักที  :sad4: :sad4: :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
« ตอบ #69 เมื่อ: 12-02-2019 22:08:36 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
«ตอบ #70 เมื่อ12-02-2019 22:24:05 »

เตยจะเปิดโอกาสให้ตัวเองหรือเปล่า

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
«ตอบ #71 เมื่อ18-02-2019 17:21:27 »

13: Debility



ผมตื่นมาในอ้อมแขนของใครบางคน... ที่พอตั้งสติได้ก็แปลกใจ เมื่อคืนผมไม่ได้พาใครเข้ามานอนด้วย อันที่จริงผมไม่ได้พาใครมานอนด้วยมาสักพักแล้ว



ผมพลิกตัว หันไปหาคนแปลกหน้า



พลันหัวใจก็ตกลงสู่ผืนดิน



ใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีก



ค้างฟ้าหลับอยู่ ไม่นานหัวคิ้วเขาก็กระตุก พลันค่อยๆ ลืมตาช้าๆ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผสมปนเปกัน จนกระทั่งเขาตื่นเต็มตา ผมก็ยังไม่กล้าขยับตัว แกนกลัวเหลือเกินว่าถ้าหากสัมผัสเขาแล้ว เขาจะสลายไป ตอกย้ำว่านี่เป็นเพียงภาพฝันมายา



เพียงแต่ลมหายใจอีกฝ่ายที่รดรินมาทำให้ผมใจเต้นด้วยความระทึก ตื่นเต้นเหลือเกินหากมันไม่ใช่ความฝัน



ค้างฟ้าขยับมือมาลูบกรอบใบหน้าผมแผ่วเบา



หัวใจที่สั่นระรัวเปลี่ยนเป็นหยุดนิ่ง ชะงักจนแทบลืมหายใจ



“ตื่นแล้วเหรอ”



พร้อมกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย ปลุกผมจากฝันร้ายยาวนาน



ผมหาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่กดหน้าตอบเขาไป แต่ก็จ้องเขาไม่วางตา แทบไม่อยากกะพริบตา กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหายไป หากผมไม่ระวังตัว ทั้งๆ ที่เป็นคนจากมาเองแท้ๆ แต่กลับโหยหาจนแทบบ้า



ผมมองร่างกายสูงใหญ่ เขาไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก จะมีที่เห็นชัดก็คือแก้มที่ตอบลงไปหน่อย เส้นผมยาวขึ้นกว่าเดิม ค้างฟ้าชันตัวลุกขึ้น หันมามองผม



“เช้านี้อยากกินอะไร”



เอ่ยถามด้วยประโยคง่ายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ไม่ต่างจากชีวิตประจำวันทั่วไป



ผมส่ายหน้าตอบ ไม่รู้จะกินอะไร ปกติกายเป็นคนนำข้าวมาให้ และผมก็แค่กินข้าวกล่องที่กายเลือก ถ้าวันไหนกายไม่มา ผมก็ไม่กิน ไม่มีความอยากออกไปไหนอีกแล้ว แม้กระทั่งออกไปกินข้าวก็ตาม



ค้างฟ้าเดินวนรอบห้องผมอยู่พักหนึ่ง ส่วนผมก็มองเขาไม่วางตา



“ค้างฟ้า...” หลุดปากพูดชื่อออกมา



ชื่อที่แสนคะนึงหา...



เจ้าของชื่อหยุดเดิน หันมาสบตาผมพร้อมกับยกยิ้ม รอยยิ้มของค้างฟ้า...ผมไม่เคยสังเกตว่ามันอบอุ่นจนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายได้ขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่ามันเจิดจ้าจนแสงอาทิตย์ในตอนนี้ส่องแสงสู้ไม่ได้



“ครับ” เขาตอบรับ ส่วนผมไม่มีคำพูดไหนไปตอบโต้



ค้างฟ้าหยุดการสำรวจห้องผม เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเดินพุ่งตรงมาที่เตียง ที่ที่ผมนั่งอยู่



เมื่อเขาก้าวถึงตัวผม โลกตรงหน้าพลันมืดลง แต่มีกลิ่นหอมที่คุ้นเคย และไออุ่นที่แผ่ซ่าน เขากอดผมไว้แน่น ใบหน้าของผมฝังลงกับแผ่นอกของเขา แขนสองข้างของค้างฟ้ารัดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ผมที่คล้ายว่ากำลังถูกเขาบีบอัดกลับไม่รู้สึกเจ็บหรือต่อต้านเลยสักนิด



กอดผมอีก แรงมากกว่านี้อีก ให้รู้ว่าผมยังมีชีวิต ให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้



ใช้เวลานานกว่าผมจะรวบรวมกำลังแรงแขน เอื้อมโอบกอดเขากลับ ซุกไซร้ใบหน้ากับผืนอก คลอเคลียอย่างคุ้นเคย ออดอ้อนเขาตามสัญชาตญาณเก่า



ในหัวผมมีแต่คำว่าค้างฟ้า ค้างฟ้า ค้างฟ้า



และเขาก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว รูป กลิ่น เสียงที่คุ้นเคยและโหยหามาโดยตลอด



พอคิดอย่างนั้นแล้วก็น่าสมเพช ทั้งๆ ที่หนีออกมาเองแท้ๆ กลับมารู้ตัวว่าต้องการเขามากยิ่งกว่าสิ่งไหนก็ตอนนี้ ความรู้สึกที่มีต่อค้างฟ้าถูกสลักลึกลงไปในหัวใจ นานจนเอาออกไม่ได้ แม้จะไม่เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรก็ตาม



แค่เพียงตอนนี้ หัวใจไม่ปวดแล้ว หายใจเป็นปกติแล้ว



ผมหลับตาลงในอ้อมกอดของเขา



สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนมาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน เบาบางแต่อ่อนละมุนราวกับขนนก



สัมผัสแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเคยพบเจอไหม



แต่ว่า...รู้สึกดีจัง...



ขณะที่หลับตา ผมได้ยินเสียงกระซิบของค้างฟ้าชื่อผมวนไปวนมา



เตย เตย เตย เตย



...เตยอยู่นี่ ผมตอบเขาในใจ เอนรับสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือใหญ่



“เตย...ผอมลงไปเยอะเลยนะ ได้กินอะไรบ้างไหม”



“ก็กินบ้าง...”



“งั้นเช้านี้ไปหาอะไรกินกัน แถวนี้มีอะไรกินบ้าง”



ผมเงียบไปสักพัก “เดี๋ยวเตยไปซื้อมาให้”



ก่อนจะโดนขัดด้วยเสียงดุ “ไม่ต้อง...ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”



ผมเม้มปากแน่น ไม่อยากให้เขาออกไปจากที่นี่เลย ไม่อยากให้เขารับรู้เรื่องโสมมที่ผมเคยทำ ไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้แคร์



“พี่กลัวเตยหายไป...” เขาสารภาพ ก่อนที่ทั้งห้องจะตลบไปด้วยมวลความเงียบพักใหญ่



“แถวหน้าซอยมีร้านตามสั่ง...” ผมยอมเอ่ยตัดความเงียบ “แต่พี่ฟ้ารออยู่ที่นี่-“



“ไปด้วยกัน”



มันเป็นคำสั่งมากกว่าคำเชิญชวน ผมกดหน้ารับไปอย่างช่วยไม่ได้ ขัดใจค้างฟ้าน่ะหรือ ปกติแล้วผมก็ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว...



พวกเราใช้เวลาเตรียมตัวเล็กน้อย ส่วนผมใช้เวลาในการทำใจอย่างยากลำบาก ก่อนจะออกจากหอพัก ไปเผชิญโลกที่ตัวเองเข้าไปคลุกเขรอะจนโสมม



ก้าวแรกหนักอึ้ง ค้างฟ้าจับมือผมไว้ ถึงได้เดินต่อไปได้



ระยะห่างออกจากหอเพียงไม่กี่เมตร ผมก็เจอคนคุ้นหน้านั่งอยู่รายทาง



“อีเตย ผัวใหม่มึงหรือ ก็ว่าไม่ค่อยมาหากูเลยนะ”



“น้องเตย ลีลาพี่ไม่เด็ดพอเหรอจ๊ะ ถึงได้ไปเอาไอ้หน้าจืดนี่”



“อ้าวอีเตย ไม่เจอตั้งนานได้ผัวใหม่แล้วเหรอ”



และอีกสารพัดถ้อยคำถาโถม ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาก้าวเดินต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้างกาย เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากออกจากห้อง และไม่อยากให้ค้างฟ้าออกมารับรู้ว่าสกปรกของตัวเอง



หัวใจเหมือนถูกบีบรัด หายใจไม่ทั่วท้อง ผมกลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้แท้ๆ ทำไมต้องกังวลกลัวว่าค้างฟ้าจะรังเกียจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาก็รู้ว่าผมไปนอนกับคนอื่นตั้งมากมาย



ไม่รู้ทำไม แต่ผมไม่อยากให้ค้างฟ้ารู้จักผมในด้านนี้เลย



ใช้เวลาไม่นานในการเดินไปหน้าปากซอย แม้ว่าจะโดนค่อนแคะตามรายทางมาเรื่อยๆ จนทำให้เวลาเหมือนเดินช้ากว่าเดิมก็ตาม เราหยุดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำของผม สาเหตุก็เพราะมันอยู่ใกล้และราคาไม่แพงเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ช่วงหลังมาผมหลีกเลี่ยงการออกจากหอ จึงมีเพียงข้าวกล่องของกายหนึ่งมื้อประทังชีวิตไว้ไปวันๆ



เจ้าของร้านเห็นหน้าผม ตะโกนถาม



“อีเตย ไม่เห็นหน้าตั้งนาน คนข้างๆ นั่นผัวใหม่มึงเหรอ”



ผมไม่ตอบอะไร แต่ค้างฟ้ากลับพูดออกไป



“ขอข้าวผัดหมูสองจาน ใส่กล่องกลับบ้านครับ”



เอ่ยสั่งรายการอาหาร เจ้าของร้านเหมือนจะเอ่ยอะไรอีก แต่ก็ปิดปาก หันหน้าไปทำตามรายการอาหารที่สั่ง










จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้พูดกับค้างฟ้าสักคำ ค้างฟ้าเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเช่นกัน มันอึดอัด...อึดอัดมากๆ เสียจนอยากจะร้องไห้



ผมไม่รู้ว่าค้างฟ้ามาหาผมทำไม แต่ผมดีใจที่เขามาหา ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าค้างฟ้าจะดีใจที่เจอผมไหม เขาหาผมเจอได้ยังไงผมก็ไม่อาจรู้ ผมอาจจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจจนเขาต้องออกมาหาถึงที่ก็ได้



ระหว่างทางเดินกลับมีแต่ความคิดลบเต็มอยู่ในหัว



ถ้าครั้งนี้ค้างฟ้ามาแล้วจากไป ผมจะทำอย่างไรดี... ผมมีสิทธิ์จะจับมือรั้งเขาไว้อยู่ไหม ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายจากมาก่อนแท้ๆ



ค้างฟ้าเดินนำทาง มือข้างนึงหิ้วกับข้าวส่วนอีกข้างจับมือผมแน่นไม่ปล่อยให้หลุดมือแม้แต่ครั้งเดียว ผมได้แต่ก้มหน้างุด ไม่รู้เลยว่าถึงหอพักตอนไหน



และระหว่างเรายังคงเงียบงัน



ค้างฟ้าเปิดประตูเข้าห้อง มองดูสภาพโดยรอบก็ถามถึงโต๊ะทานข้าว ผมบอกเขาอ้อมแอ้มไปว่าไม่มี...เพราะผมเพิ่งทำมันพังไป และกลายเป็นว่าผมเกรงใจที่สถานที่ที่ผมอยู่ไม่สามารถเอื้ออำนวยความสะดวกให้ค้างฟ้าได้



ค้างฟ้านั่งลงบนพื้นห้อง หยิบข้าวกล่องออกมาสองกล่อง



“เอ๊ะ เราลืมซื้อน้ำมาด้วย ห้องเตยมีน้ำไหม”



ผมหันไปมองขวดน้ำหนึ่งลิตรที่พร่องไปครึ่งขวด ขวดน้ำนี้กายก็เป็นคนเอามาให้เช่นกัน



ค้างฟ้าไปหยิบมันมาวางข้างๆ อย่างไม่ใคร่ใส่ใจ



ผมละอายใจเหลือเกิน



“พี่ฟ้า...มาที่นี่ทำไม”



กว่าจะทำใจรวบรวมคำพูดเอ่ยออกไปก็ยากลำบาก



ค้างฟ้ายกยิ้มให้ “เตยกินข้าวก่อน แล้วพี่จะเล่าให้ฟังนะ”



ไม่ว่าเปล่า เขาตักข้าวผัดในกล่องมาหนึ่งคำ ยื่นจ่อหน้าผม...



การกระทำเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่ผมมักรู้สึกประหลาดกับการกระทำเช่นนี้เสมอ ไม่เคยมีใครมาป้อนอะไรดีๆ ใส่ปากผมบ่อยนักหรอก และผมรู้ว่าค้างฟ้าก็แค่ป้อนข้าวผัดที่ไม่ได้มีพิษมีภัย แต่มันก็แค่ไม่ชิน...



ผมอ้าปากงับช้อนที่เขาส่งมา



เคี้ยวอาหารในปากจนย่อยเป็นชิ้นเล็กก่อนกลืนลงคอ ไม่นานค้างฟ้าก็ป้อนคำใหม่มาให้



เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข้าวหมดกล่อง



ผมกินเองก็ได้แท้ๆ แต่กลับไม่เอ่ยแย้ง ปล่อยตัวเป็นง่อย อ้าปากรับข้าวในช้อนของเขาราวกับเป็นผู้ป่วยดูแลตัวเองไม่ได้ เมื่อก่อนผมเคยบอกว่าไม่ชอบแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมให้เขาดูแล...



ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง



แต่เมื่อข้าวหมดกล่องแล้ว เขาก็ยื่นน้ำมาให้ผม ก่อนจะลงมือกินข้าวกล่องของตัวเอง ยังไม่ถึงเวลาตอบคำถาม ผมรอให้ค้างฟ้ากินข้าวในกล่องโฟมจนหมด รอจนเขากระดกยกน้ำดื่มเสร็จสรรพ จนกระทั่งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง



ค้างฟ้าไม่พูดอะไร แต่จ้องหน้าผมไม่วางตา



ส่วนผมไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มพูดอะไรเสียที ใช้เวลาทำใจนานเกินไปแล้วมั้ง...



ทำไงได้ ผมไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่แบบกะทันหันเช่นนี้มาก่อน ตื่นมาก็เจอค้างฟ้านอนอยู่ข้างๆ ทั้งหัวใจทั้งสมองผมก็ตื๊อไปหมด มีทั้งความสงสัยทั้งความวิตกกังวลอยู่ในหัวจนเริ่มกลัวที่จะรู้ความจริง



“พี่ฟ้า...” ผมเอ่ยได้แค่นั้นก็เสียงสั่นจนเอ่ยประโยคถัดมาแทบไม่ได้ “...มาทำไม”



เขายิ้มให้ ภายใต้รอยยิ้มของเขาไม่เหมือนรอยยิ้มที่ผมเคยเจอ มันบริสุทธิ์ และดูจริงใจ ต่างจากพวกคนข้างล่างโดยสิ้นเชิง ผมไม่เคยสังเกตรอยยิ้มของเขาดีๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้วหรือค้างฟ้าเพิ่งยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก



ก่อนหน้านี้เขายิ้มยังไงนะ ทำไมผมถึงได้หวาดกลัวรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นนี้ของเขา



“พี่มาหาเตย”



“มา...ทำไม...”



“มาพาเตยกลับไป”



“ไปที่ไหน...”



“ที่เดิม...ที่เตยหนีมา”



“ทำไม...”



“พี่อยู่ไม่ไหวถ้าไม่มีเตย”



“ทำไมล่ะ...พี่ฟ้ามีคุณเอมอยู่แล้วนี่”



ผมห้ามตัวเองให้เสียงไม่สั่นไม่ได้เลยจริงๆ จากที่เคยคิดว่าความรู้สึกอ่อนแออ่อนไหวแบบนี้ผมสามารถกดมันลงไปให้อยู่ลึกที่สุดของหัวใจได้ แต่ตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พอมีเขาอยู่ตรงหน้า ผมกลับแสดงความอ่อนไหวออกมาโดยไม่จำเป็น แต่ก็บังคับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนแต่ก่อน



ราวกับว่า พอได้เจอเขา ทุกอย่างที่เคยทำได้ก็ล้มเหลวไปหมด กลายเป็นไอ้ไก่อ่อนเงอะๆ งะๆ น่ารำคาญ



“พี่ไม่เคยมีคุณเอมมาตั้งแต่แรกแล้ว”



ค้างฟ้าเริ่มเอ่ย ประโยคที่ทำให้ผมชวนสงสัย



“ที่ผ่านมา พี่มีแค่เตย...ที่บอกไปหาคุณเอมน่ะ...ก็แค่ข้อแก้ตัว”



เขาเริ่มเล่าเรื่องออกมาทีละนิด เรื่องราวถูกปล่อยออกมาทีละน้อย ผมฟังเขาพร้อมคิดตาม บางทีก็คิดจนใจลอย ค้างฟ้าเรียกสติผมให้กลับมาฟังเขาต่อ โดยที่ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ผมที่ใจลอยไปกับแทบทุกประโยคของค้างฟ้าทำให้บทสนทนายืดยาวกว่าที่ควรจะเป็น



“พี่รักเตย”



เป็นคำที่ทำให้ใจผมลอยไปไกลอยู่นาน



ค้างฟ้าไม่ได้มีคุณเอมเหรอ?



เขาชอบผมเหรอ?



ชอบ...ในแบบที่ไม่ได้แปลว่าจะทำร้ายงั้นหรือ



ปัญหาที่บ้าน? เขาใช้ผมเป็นเครื่องมือใช่ไหม?



แต่ค้างฟ้าก็บอกว่าหลังจากนี้จะไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาแล้ว



เน็ตกับหยกช่วยกันตามหาผม?



ค้างฟ้าขอให้ผมกลับมาอยู่กับเขา



จะเป็นไปได้หรือ?



“เตย?” ผมสะดุ้งจากภวังค์ “ฟังอยู่รึเปล่า”



“ฟัง...อยู่” ผมตอบ ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าประโยคเมื่อครู่เขาพูดถึงอะไร



เขายิ้มน้อยๆ โยกหัวไปมา เหมือนจะรู้ว่าผมไม่ได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร



“ถ้างั้นมาอยู่กับพี่นะ” เขาเอ่ย



ผมนั่งมองใบหน้าของเขานิ่ง “กลับมาอยู่ด้วยกันนะ”



“ได้หรือ?” ผมถามเขากลับ “ทั้งๆ ที่ผมไม่มีอะไรให้เลยเนี่ยนะ”



“เตยมี... พี่อยู่กับเตยแล้วมีความสุข มาเป็นความสุขของพี่ได้ไหมครับ”



ผมก้มหน้านิ่ง



ความสุขคืออะไรกันแน่



ผมที่ยังไม่เคยค้นพบคำนี้กลับถูกใครบางคนบอกว่าตัวเองเป็นความสุขให้เขา... ผมสับสนไปหมดแล้ว



“ผมไม่เข้าใจ...” ผมตอบตามตรง “ผมกลับไปแล้วพี่ฟ้าจะได้อะไร ข้อตกลงนั่นเราต่างก็ไม่มีใครทำได้ ไม่มีใครได้ผลประโยชน์อะไรต่อกัน ผมไปมีแต่จะเป็นภาระให้พี่ฟ้าเปล่าๆ”



“ขอแค่เตยอยู่ด้วย ก็ช่วยพี่ได้มากแล้ว”



“เตยจะไปทำอะไรได้...”



พลันนึกถึงข้อดีข้อเดียวที่ตัวเองมี เข้าใจแล้ว เขากำลังเริ่มข้อตกลงใหม่ใช่รึเปล่า



“พี่ฟ้าหมายถึงเราจะทำข้อตกลงกันใหม่ใช่ไหม ให้ผมเป็นคนของพี่เหมือนเดิม มีอะไรกันตอนที่พี่ฟ้าต้องการ อย่างนั้นใช่ไหม”



“ไม่ใช่”



เขาเอ่ยเสียงดัง ไม่ใช่การตวาด แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ผมสะดุ้งเล็กน้อย ค้างฟ้าขมวดคิ้วเป็นปม ทำหน้าคล้ายจะดุแต่ก็เหมือนจะสับสน



เขาถอนหายใจ ทิ้งตัวใส่ผม วาดอ้อมแขนกอดผมอีกครั้ง



“พี่อยากอยู่กับเตย...แบบคนรัก”



ผมขมวดคิ้วแน่น บอกตัวเองว่าไม่เข้าใจคำนี้ ให้ถอยห่างออกมาจากคำนี้ ทว่าความรู้สึกอะไรบางอย่างกลับจุกอยู่ในอกจนทำอะไรไม่ถูก



“พี่รักเตย อยากทำให้เตยมีความสุข”



“ตอนนี้...เตยก็มีความสุข...ดีอยู่แล้ว” จู่ๆ มันก็ยากที่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่น



เขาผละตัวออกมายิ้มให้ผม



“ถ้างั้นพี่จะทำให้เตยมีความสุขยิ่งขึ้นไปกว่านี้”



พร้อมก้มมาจุมพิตที่หน้าผาก สัมผัสนุ่มละมุนอุ่นวาบจนตัวผมสั่นสะท้าน ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร ใช่ความรักเหมือนที่หยกกับกายพยายามพร่ำบอกกับผมไหม



เป็นความรู้สึกที่แปลกหน้าเหลือเกิน



ผมหาคำตอบไม่ได้ ต่อบทสนทนาไม่ได้



ทั้งห้องเงียบสนิท ค้างฟ้ากอดผมไว้แน่น



คำพูดของเขาแค่ไม่กี่คำ...ดันให้การกระทำที่ผมกักเก็บมันไว้ตลอดหลายสิบปีพุ่งทะยานทะลักออกมา



ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอไปด้วยหยดน้ำตา ไหลออกมาเป็นหยาด



ในห้องที่เงียบสงัด มีแต่เสียงร้องไห้ของผมที่ดังไม่หยุด



เสียงร้องไห้ใสบริสุทธิ์ราวกับเด็กทารกแรกเกิด เสียงดังไม่เป็นภาษา หวีดเสียงแหลมปะปน ผมจิกเสื้อของเขาแน่น ราวกับค้นพบที่พึ่งพิงที่สุดท้ายก่อนร่วงลงไปในหุบเหว



ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองทะลักล้นออกมา









ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ และยังไม่ทอดทิ้งพี่ฟ้ากับน้องเตยมาจนถึงทุกวันนี้นะคะ

หวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่อง คอยเอาใจช่วยทั้งคู่ไปด้วยกันน้า

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจมากจริงๆ ค่ะ


#น้ำค้างฟ้าขุ่น


ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
«ตอบ #72 เมื่อ18-02-2019 20:46:12 »

น้องเตยจะมีความสุขแล้ว ขอให้เตยสัมผัสถึงความรักพี่ฟ้าได้มากๆนะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
«ตอบ #73 เมื่อ18-02-2019 20:48:43 »

จากนี้ไปเตยคงยิ้มได้ทั้งปากและตาแล้วสินะ :hao5:

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
«ตอบ #74 เมื่อ19-02-2019 01:59:06 »

เตยเริ่มคลายปมแล้วว
หวังว่าเตยจะได้เข้าใจความรักแบบที่ไม่เคยเจอซักทีนะะ  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
«ตอบ #75 เมื่อ24-02-2019 14:18:46 »

14: Destiny



ค้างฟ้าไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมร้องไห้โฮแต่ก็กอดผมไม่ปล่อย ลูบหัวลูบหลังคล้ายปลอบขวัญเด็กน้อย ผมไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว พอร้องทีก็หาวิธีหยุดไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้มานานแสนนานไหลออกไปไม่หยุด ร้องจนเสียงที่เคยแผดดังลดเหลือเพียงการสะอื้น ร้องจนปวดตาไปหมด



เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย



แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็ตาม



ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมร้องไห้ทำไม รู้แค่มันเก็บไว้ต่อไม่ได้แล้ว ร่างกายต่อต้านการกระทำแบบกักเก็บ บางทีมันอาจจะไม่มีพื้นที่เหลือให้เก็บความรู้สึกอีกแล้ว คล้ายเขื่อนทำนบแตก ผมร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด ร้องไห้จนเหนื่อย



สุดท้ายเสียงร้องไห้ก็หายไป น้ำตาที่ไหลเป็นสายก็เหลือเพียงคราบหยาดน้ำเกาะที่แก้มเจือจาง



ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของค้างฟ้า เหมือนตัวเองเป็นเด็กไม่ได้เรื่องคนนึง



เขาลูบหัวผมไม่หยุด แม้ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มอบให้ จริงใจและบริสุทธิ์ การกอดเพื่อปลอบประโลมไม่ใช่เพื่อเล้าโลม ช่างแตกต่างอะไรกันขนาดนี้



เมื่อการร้องไห้ที่หนักหน่วงได้จบลง ผมทำอะไรไม่ถูก แช่ค้างอยู่ในอ้อมกอดเขา ค้างฟ้ายังคงลูบหัวผมเบาๆ



“เหนื่อยไหม”



เขาถาม เมื่อเวลาพาความเงียบมาเยือนได้สักพัก



ผมพยักหน้าตอบในอ้อมแขนของเขา ยังคงไม่อยากผละตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นที่แสนคิดถึง



“เหนื่อยก็พักนะ อยากนอนไหม”



ผมไม่ตอบ แต่เริ่มจะตาปรือ ค้างฟ้าเห็นผมเงียบไปจึงอุ้มผมขึ้น พาผมไปยังเตียงนอนใกล้ๆ เราล้มตัวแผ่อยู่บนฟูกแข็งๆ นี่ด้วยกัน เขาหันหน้ามาจ้องหน้าผมพร้อมวาดรอยยิ้มเบาบาง



มือใหญ่เอื้อมมาลูบใต้ตาของผมที่บวมช้ำจากการร้องไห้



ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาไม่มีแหวนสวยมาครอบครองแล้ว



“พี่ดีใจนะ ถ้าเตยร้องไห้เพราะพี่”



“เตย...” ผมตอบได้แค่นั้นก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ การร้องไห้เมื่อกี้ทำเอาน้ำในตัวผมแห้งเหือดไปหมด ไม่เหลือแม้แต่น้ำลาย คอแห้งอย่างไม่รู้ตัว



ค้างฟ้าไม่รอช้า เขาลุกไปหยิบขวดน้ำที่วางไว้ข้างข้าวกล่องขึ้นมา นำมันมาให้ผม



เพราะไม่มีแก้วน้ำ จึงต้องดื่มมันจากขวดโดยตรง



“เตย...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม” ผมเอ่ยบอกเขา



“งั้นหรือ...เตยเสียใจอยู่รึเปล่า”



เสียใจงั้นหรือ ผมอยู่กับความรู้สึกนี้มาชั่วชีวิต แน่นอนว่าไม่ใช่ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ผมร้องไห้



ผมส่ายหน้า



“ถ้างั้นก็ดีใจ?”



“ถ้าดีใจผมจะร้องไห้ทำไม”



“ดีใจก็ร้องไห้ได้ หรือถ้าไม่ใช่เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นการปลดปล่อย”



งั้นหรือ... ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับไป ค้างฟ้าก็ไม่คาดเค้น ยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ เช่นเดิม



“ยังไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้ เตยคงจะเหนื่อย พักผ่อนก่อนก็ได้”



เขาบอก เสมือนเป็นคำอนุญาต ผมปิดเปลือกตาลง คราวนี้การหลับใหลไม่ได้ยากเหมือนที่ผ่านมา ผมจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิด ไร้เสียง ไร้ภาพใด แต่สัมผัสได้ว่าค้างฟ้ายังคงอยู่ข้างกายไม่ห่าง



ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ลอยอยู่กลางหัว



ค้างฟ้ายังคงนอนอยู่ข้างผมไม่ไปไหน บ่งบอกว่าผมไม่ได้ฝันไป พอผมขยับตัวเขาก็หันมามองผม พร้อมมอบรอยยิ้มให้เช่นเดิม



ทำไมกันนะ... ทำไมจู่ๆ ผมก็คิดว่าถ้าตื่นมาแล้วได้เห็นรอยยิ้มของเขาแบบนี้ไปตลอดก็คงดี



แต่ผมเรียนรู้ตลอดมาว่าตลอดไปไม่มีจริง



“หลับสบายไหม” เขาถาม พร้อมกับหยิบน้ำเปล่าที่เทใส่แก้วกระดาษยื่นมาให้ผม เสมือนว่าคำถามก่อนหน้าไม่ได้สำคัญอะไร ผมจึงไม่ได้ตอบ จิบน้ำที่เขารินให้ดื่มอย่างเงียบๆ



ค้างฟ้าคงออกไปซื้อตอนผมหลับ ว่าแต่เขารู้จักร้านสะดวกซื้อได้ยังไง



อันที่จริงผมก็สงสัยบางอย่างอยู่สักพักแล้วเหมือนกัน



“พี่ฟ้า...หาเตยเจอได้ยังไง”



“เพราะพี่ไม่เคยหยุดหาเตย” เขาตอบ คำตอบของเขาทำให้ผมใจกระตุก ค้างฟ้ายกยิ้มอีกครั้ง “พี่เจอเพื่อนเตย ที่ชื่อกาย เธอเป็นคนพามา” ก่อนเฉลยความจริง



ผมพยักหน้า



“แต่ที่บอกว่าไม่เคยหยุดหาเตยนี่พี่พูดจริงนะ” เขาว่า “พี่ตามหาเตยตั้งแต่วันแรกที่เตยหายไป หาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ก็เลยไปที่ปั๊มน้ำมันที่เราเจอกันครั้งแรก ไปบ่อยจนกายจำได้ ก็เลยได้เจอเตย”



เอ่ยเรื่องราวพร้อมรอยยิ้ม



ผมไม่ได้เจอเขามา...เดือนกว่าแล้วมั้ง นั่นหมายถึงตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่ตามหาผมอย่างนั้นหรือ



“เตยสำคัญอะไร ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้นี่” ผมว่า “ก็แค่คนคนหนึ่งหายไปจากโลก ไม่ได้ทำให้โลกที่เป็นอยู่แย่ลงหรอก”



“ก็ใช่ที่โลกใบนี้คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่...เตยหายไป มันส่งผลต่อพี่...มาก” ค้างฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ลงเสียงหนักเน้นย้ำคำสุดท้าย “เตยสำคัญสำหรับพี่ เพราะอย่างนั้นพี่ถึงได้ตามหามาตลอด”



“ดีใจแทบบ้าที่ยังเห็นเตยอยู่ตรงนี้ เกือบเป็นบ้าเหมือนกันตอนที่หาเตยไม่เจอ”



“...”



“เตยสำคัญมากนะ รู้ตัวไหม”



“เตยไม่เห็นว่าตัวเองสำคัญตรงไหน...”



“อย่าคิดแบบนั้น”



“เตยไม่เข้าใจว่าพี่จะใจดีกับผมทำไม เพราะชอบเหรอ รักเหรอ? ชอบนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เตยไม่เคยเข้าใจคนที่บอกว่าชอบแล้วเข้ามาใจดีด้วย เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใจร้ายกับเตยอยู่ดี”



“แต่พี่ไม่ใช่แบบนั้น... พี่จะไม่ทำแบบนั้น”



“แล้วพี่ฟ้าจะทำยังไง”



เขายิ้ม



“เตยต้องมาอยู่กับพี่ก่อนถึงจะรู้”



“เตยเคยอยู่ด้วยแล้วไง”



“ตอนนั้นเตยยังไม่รู้ความจริงนี่ เตยยังไม่เปิดใจรับคำว่ารักคำว่าชอบเลย จะไปเข้าใจได้ยังไง”



“แล้วตอนนี้เตยเปิดใจตรงไหนกัน”



“ตรงที่อย่างน้อยเตยก็ไม่อาละวาดพอได้ยินพี่บอกว่าพี่ชอบเตย”



“...”



ผมก้มหน้าเงียบ



“เตยครับ” จนพี่ฟ้าต้องสะกิด “ฟังพี่นะครับ”



“พี่รักเตย มาอยู่ด้วยกันนะ”



“เตย...ไม่เข้าใจ เตยต้องรักพี่ไหม แล้วรักมันเป็นยังไง”



“โอเค เอาใหม่...มาอยู่กับพี่นะ” เขายิ้ม “เท่านี้ก่อนเป็นไง”



“แลกกับอะไร”



“ไม่มี”



“ไม่มีไม่ได้หรอก ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ”



“ถ้างั้นก็แลกกับการที่เตยต้องออกจากที่นี่”



“...นั่นก็ไม่ได้หมายความต่างจากเดิมเลยไม่ใช่หรือไง”



“ก็ใช่ พี่ไม่อยากให้ระหว่างเรามีข้อกำหนดอะไรต่อกันแล้ว แค่อยู่ด้วยกันเท่านั้น”



“ให้เตยไปอยู่กับพี่ฟ้า? บ้านของพี่ฟ้า? ทุกอย่างพี่ฟ้าเป็นคนออกค่าใช้จ่าย? แล้วเอาเตยไปเป็นภาระทำไม เตย...ไม่เข้าใจ”



“ที่เตยอยากบอกคือเตยอยากทำอะไรสักอย่างตอบแทนพี่รึเปล่า?”



“ก็ไม่เชิง เตยคิดว่ามันไม่แฟร์ที่พี่ให้ผมไปอยู่ด้วยเฉยๆ และมันก็น่ากลัวเกินไปด้วย ข้อสัญญาที่ไม่มีอะไรเลยเนี่ย...”



ผมว่า มันน่ากลัวจริงๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้าผมไปอยู่กับค้างฟ้า แต่ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเราจะต้องจากกันขึ้นมา เขาอาจจะไล่ผม หรือผมอาจจะหนีออกมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น...ใจผมจะรับได้อยู่ไหม



ถึงตอนนั้นหากเกิดขึ้นจริง ผมยังจะหายใจได้เหมือนตอนนี้อยู่ไหม



“ถ้างั้นเตยอยากทำอะไรให้พี่ล่ะ...”



“เตยไม่รู้...ว่าเตยทำอะไรให้พี่ฟ้าได้บ้าง”



“พี่บอกแล้วแค่เตยอยู่เฉยๆ ข้างพี่...”



“นั่นไม่เรียกว่าทำสักหน่อย...พี่ฟ้า เตยสับสนไปหมดแล้วจริงๆ นะ พี่บอกว่าชอบเตยมาตั้งนานแล้วแต่เตยยังไม่เข้าใจคำนี้เลยสักนิด เตยไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดเวลาที่พี่ไม่มาหา จนต้องหนีออกมาเพราะคิดว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ยังดีกว่าไปเผชิญหน้ากับอะไรไม่รู้”



เพราะเขาเอาแต่พูดให้อยู่ข้างกายซ้ำๆ ทำให้ในหัวผมปั่นป่วน จนพรั่งพรูคำพูดออกไปไม่หยุด



“แต่เตย...เตยไม่เข้าใจเลยอีกนั่นแหละ ช่วงเวลาที่ไม่มีพี่ฟ้า...เตยคิดว่ามันเลวร้ายกว่าเดิม...ทีแรกเตยคิดว่าคงคิดไปเอง แต่กายก็เข้ามาสอนอะไรหลายๆ อย่างให้เตยรู้ อย่างน้อยก็รู้ว่าความรักกับความชอบไม่ได้แปลว่าเป็นการทำร้าย”



ค้างฟ้ายังคงนั่งฟัง



“แล้วเตย...ก็ไม่รู้แล้ว เตยนอนกับใครไม่ได้แล้ว คิดถึงแต่หน้าพี่ฟ้า พอคิดว่าพี่ฟ้าคงมีความสุขกับคุณเอมเตยก็...เสียใจ ไม่รู้ทำไมถึงต้องเสียใจด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เตยไม่เข้าใจอะไรสักนิด แล้วในระหว่างที่เตยยังหาทางออกไม่เจอ พี่ก็โผล่มา บอกว่ารักกัน...” เสียงผมแผ่วลงตอนท้าย ส่วนค้างฟ้ายังคงไม่พูดอะไร



“เตย...จะมั่นใจได้ไงว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่...ในตอนนี้เตยรู้สึกดีกว่าตอนอยู่เดียว พี่ฟ้าอยู่กับเตยที่ห้องนี้...เตยไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่รู้อะไรแล้ว”



ผมว่าอย่างอับจนหนทาง พรั่งพรูอย่างไม่รู้ว่าค้างฟ้าจะจับใจความถ้อยคำที่ไม่ได้เรียบเรียงให้ดีก่อนของผมได้ไหม ไม่รู้อะไรแล้วจริงๆ สับสนไปหมดแล้ว



ดีใจที่เขามาหา แต่ก็ระแวงที่เขามาหา พอไม่มีเขาก็ได้แต่นอนไปวันๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึงแต่หน้าของค้างฟ้า ผมไม่รู้จะจำกัดความรู้สึกนี้ว่ายังไง มันทั้งสุขสมทั้งทรมาน



“ใจเย็นๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เขาเข้ามาใกล้ผมตอนไหนก็ไม่รู้



ร่างใหญ่ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมกอดของเขา...ราวกับได้รับการปลอบประโลม ทำให้ผมมีความคิดว่าอยากอยู่ในนี้ตลอดไป...



“พี่ขอโทษที่ทำให้เตยอึดอัด”



ผมส่ายหน้า มันไม่ใช่ความรู้สึกอึดอัด มันเหมือนถูกเร่งเอาคำตอบในตอนที่ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง



เรามักจะกลัวอะไรที่ไม่รู้จัก



แต่รู้ไหม...แค่กอดของเขาก็ทำลายความคิดวุ่นวายในหัวของผมจนหายสิ้น ผมซุกซบอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างไร้หนทาง



“เตยยังไม่ต้องคิดอะไรก็ได้”



“...”



“ขอโทษที่เร่งเอาคำตอบนะ”



“เตย...ดีใจที่พี่มาหา”



อย่างน้อยในหัวของผมก็มีคำนี้ที่สามารถพูดออกไปได้อย่างไม่สับสน










เขายิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ยิ้มเฉยๆ ค้างฟ้ากดหน้าลงมาบรรจงจูบที่ริมฝีปากของผม ไม่มีการรุกล้ำ จาบจ้วง แค่ริมฝีปากแตะกัน จูบราวกับเด็กอนุบาลเล่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบาโง่ๆ แค่นี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะลอยได้



ผมจูบเขากลับ ไม่ปล่อยให้เป็นการจูบไร้เดียงสาแบบเด็กน้อย บดเบียดลิ้นของตัวเอง สอดเข้าไปในโพรงปากของเขา รสน้ำหวานที่คุ้นเคย โพรงปากที่คุ้นชิน สัมผัสตลอดสี่ปีที่ผ่านมาปลุกความทรงจำในตัวของผม รับรู้ว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะพอใจ



สัมผัสที่โหยหามานานทำให้สติผมกระเจิง รุกเข้าหาเขาตามสัญชาตญาณดิบ ผมไม่ได้นอนกับใครมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว พอได้เริ่มต้นสัมผัส ก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป



ค้างฟ้าไม่ขัดขืน ปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ ล้วงฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของผมช้าๆ



เมื่อผมผละออกจากจุมพิต เขาก็ใช้จังหวะนี้ผลักให้ผมนอนราบลงบนเตียง เสื้อยืดถูกถลกขึ้นจนเห็นผิวเนื้อข้างใน...ผมไม่เคยพูดถึงมัน เพราะรังเกียจร่องรอยแผลพวกนี้เหลือเกิน มันไม่ได้ขาวใสเนียนเหมือนภายนอก กลับกันเลยด้วยซ้ำ พื้นผิวใต้ร่มผ้าของผมไม่น่ามองนัก...เพราะมันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น



ค้างฟ้าลูบจากจุดไหม้จากบุหรี่ที่เหนือหน้าอกฝั่งซ้าย ไล่มาจนกลางอก มีรอยแผลเป็นจากการถูกใบมีดกรีดเป็นรอยลึกลงไปประมาณห้าเซ็น ถัดจากนั้นที่สีข้างมีรอยน้ำร้อนลวกอยู่ เขาสัมผัสอย่างแผ่วเบา ไล่ไปจนถึงต้นขาที่เป็นรอยมีดกรีดเช่นกัน จากนั้นมือใหญ่ก็วนไล่ไปลูบแผ่นหลังของผม ตรงสะบักข้างขวามีร่องรอยแผลเป็นจากการโดนของแข็งฟาด ค้างฟ้าไล่นิ้วไปทีละจุด คงเป็นรอยแผลเป็นจากการถูกบุหรี่จี้เมื่อครั้งสมัยยังเด็ก



จบการสำรวจรอยแผลเป็น เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผม ก่อนลากไปที่ซอกคอ ที่ซึ่งมีรอยสักชื่อของเขาอยู่...



ก่อนหน้าที่มันจะเป็นรอยสัก มันเคยเป็นแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการถลอกลึก จนกระทั่งชื่อของค้างฟ้ากลบมันมิด จุมพิตของเขาเสมือนยาสมุนไพร ปัดเป่าความเจ็บปวดที่เคยมีหายเป็นปลิดทิ้ง



“พี่ฟ้า” ผมเรียกชื่อเขา เบียดสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย เต็มไปด้วยราคะความต้องการจากเซ็กซ์



“ชู่ว์” เขากระซิบข้างหู “เด็กดีของพี่”



เขาจับมือสองข้างของผมให้คล้องคอเขาไว้ ค้างฟ้ายกยิ้มอยู่บนร่างผม พลันทำให้ผมคิดถึงอดีตทันที...เมื่อก่อน...เขาก็เคยยิ้มแบบนี้รึเปล่านะ...



ค้างฟ้าก้มจูบ ผมหลับตารับสัมผัส มือหยาบล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ไล่มือวนไปมาช้าๆ บีบเคล้นตรงจุดอ่อนไหวของผมที่เขามักรู้ดีเสมอว่าเป็นที่สะโพก กดเคล้นจนผมอดส่ายเอวอาดๆ ดิ้นเร่าอยู่ใต้อาณัติของเขา



“มีถุงยางไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า ผมส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะลุกออกไป ผมดึงแขนเขาไว้



“พี่ฟ้า...เตยอยากให้พี่ฟ้าเข้ามา...”



“...”



“เถอะนะ...นะครับ”



เขายิ้มพร้อมถอนหายใจ จับคางผมให้เชิดขึ้น พร้อมรับจุมพิตของเขาอีกครั้ง



ผมตวัดขาเกี่ยวเอวเขาไว้ สัมผัสได้ถึงความร้อนกลางลำตัวของค้างฟ้า ไม่รีรอ ผมบดเบียดส่วนกลางของตัวเองเข้ากับแก่นกายของเขา ปลุกเร้าอารมณ์อย่างที่ตัวเองถนัด ค้างฟ้าครางเสียงแหบต่ำลอดออกมา มือใหญ่จับขอบกางเกงผมก่อนดึงมันลงไป ถอดทิ้งให้พ้นทาง



ผมอ้าขาออก รอรับตัวตนของเขา



“มีเจลไหม”



ผมพยักหน้า เอี้ยวตัวไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างหัวเตียง หยิบขวดเจลหล่อลื่นออกมา หลังจากนั้น ค้างฟ้าเป็นคนจัดการเทมันลงบนฝ่ามือตัวเอง



ก่อนจะนำสองนิ้วสอดเข้ามาในตัวผม



ผมแอ่นสะโพก สัมผัสสุขสมที่ไม่ได้รู้สึกมานานทำเอาผมแทบคลั่ง แก่นกายชูชันตั้งตึงจนแทบถึงขีดสุด



“พี่ฟ้า..เตยจะ...”



เพราะขาดเรื่องเซ็กซ์มานาน และโดยปกติแล้วไม่มีใครเล้าโลมผมเช่นนี้ การที่ค้างฟ้าไม่ยอมพาตัวตนของเขาเข้ามาสักทีจะทำให้ผมเสร็จก่อน ทว่าค้างฟ้าดูจะไม่สนใจเสียงเรียกร้อง



ผมจับแก่นกายของผม ขยับรูดรั้งมันขึ้นลง นิ้วโป้งเกลี่ยนส่วนปลาย รู้สึกดีจนแทบบ้า



“พี่ฟ้า...เอาเข้ามาได้แล้ว...เตยจะ...ไม่ไหว”



คำพูดของผมเหมือนส่งไปไม่ถึง เมื่อค้างฟ้ายังไม่แม้แต่จะปลดกางเกงตัวเองออก เขากดหน้าท้องผมไม่ให้ลุกขึ้นมาขัดขืน ส่วนมืออีกข้างก็ปัดมือผมทิ้ง ก่อนค่อยๆ ขยับรูดรั้งแก่นกายของผมช้าๆ อย่างรู้จังหวะ



ผมร้องครวญครางไม่เป็นภาษา จนสุดท้ายก็พาหยาดน้ำขุ่นล้นทะลักใส่ฝ่ามือของเขา



แต่แค่นี้ไม่ทำให้ผมอิ่ม ผมแยกขาออก อ้อนวอนเขา



“พี่ฟ้า...เข้ามานะ”



“เตยจะไม่ไหวเอานะ” เขาบอก



“เตยไหว” ผมค้าน



“พี่ไม่อยากทำให้เตยเหนื่อย”



“เตยไม่ได้เหนื่อย พี่ฟ้า...พี่ฟ้า...” ผมเรียกเขาเสียงแหบ ต้องการเขาแทบบ้า อย่ามาหยุดกลางทางแบบนี้นะ



“ครับๆ” เขายิ้ม ยอมปลดกระดุมกางเกงตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายใหญ่ตั้งตระหง่าน



เขาจับมันจ่อกับช่องทางลับ ก่อนที่เราจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ค้างฟ้าเอ่ยกระซิบข้างหู



“หลังจากนี้มาอยู่ด้วยกันนะ”



ผมพยักหน้ารับอย่างไม่รู้ตัว ค้างฟ้าจึงค่อยๆ ดันแก่นกายของตัวเองเข้ามาในตัวผมทีละนิด ราวกับหยอกแหย่ ปั่นหัวกันเล่น แต่ผมรู้...ผมขาดเรื่องแบบนี้ไปนาน ช่องทางเริ่มปิดตัวทำให้ไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ เหมือนทุกที...การกระทำของค้างฟ้าไม่ใช่การแหย่เหย้า แต่น่าจะคงเพราะเขาเป็นห่วงว่าผมจะเจ็บ...



เป็นการกระทำที่ไม่คุ้นชินเพราะแทบไม่เคยเจอ



ผมไม่เจ็บหรอก เข้ามาได้แล้ว



ได้แต่คิด เพราะมือของเขายังคงขยับรูดแก่นกายของผมไม่หยุด จนร้องออกมาไม่เป็นภาษา



เขาเข้ามาจนสุดแล้ว ค้างฟ้าแช่มันไว้อย่างนั้นสักพัก จนผมต้องขยับสะโพก พอค้างฟ้าเห็นอาการต่อต้านเขาก็จับเอวผมแน่น ป้องกันไม่ให้ผมทำตามใจ



เสียแต่ผมต้องการเขา...จนแทบทนไม่ไหว



เหมือนเขาจะรู้ความคิด ค้างฟ้าวาดรอยยิ้ม ก้มมาจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากหนึ่งที ก่อนค่อยๆ ขยับตัวสอดเข้าออก ผมแอ่นสะโพกรับสัมผัส



ให้ตายสิ ไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนกันนะ...



เซ็กซ์ที่อ่อนโยนที่เคยเกลียดเข้าไส้ ตอนนี้ผมกลับชอบมันจนน้ำตาคลอ สัมผัสของค้างฟ้าที่ค่อยๆ ละเลียดชิมราวกับผมเป็นของมีค่า แตกต่างจากคนพวกนั้นที่ผมเคยนอนด้วยอย่างสิ้นเชิง



มันดีกว่ามากๆ ร้อยเท่า พันเท่า



ผมร้องเสียงดังขึ้นเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน คนบนร่างผมเองก็ครางเสียงแหบแผ่ว เขยื้อนขยับสะโพกอีกไม่กี่ครั้งเราทั้งคู่ก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกัน



ผมหอบฮัก ภาพตรงหน้าเบลอเพราะดวงตาถูกเคลือบด้วยหยาดน้ำใส ค้างฟ้าถอนแก่นกายออก ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับลูบใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน สัมผัสของเขาทำให้ผมผ่อนคลาย จนต้องปิดเปลือกตา คล้อยหลับไป



และหลังจากนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในยามตะวันลาคล้อยลับไป



 ผมตัดสินใจที่จะกลับไปกับเขา



เรานั่งรถออกมาจากสถานที่โสโครกแห่งนั้นท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน



ด้วยหวังว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นเช้าที่สดใส








#น้ำค้างฟ้าขุ่น

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
«ตอบ #76 เมื่อ24-02-2019 14:55:34 »

จากนี้ขอให้มีแต่ความสุขนะทั้งสองคน จับมือไปด้วยกันนะ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
«ตอบ #77 เมื่อ24-02-2019 16:20:21 »

กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วววว :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
«ตอบ #78 เมื่อ25-02-2019 00:27:31 »

ฮือออออ เข้าใจกันกลับไปอยู่ด้วยกันแล้ววว
สงสารเตยมาก ที่น้องหวาดกลัวความรัก อยากกอดเตย แต่น้องมีพี่ฟ้ากอดแล้ววว

แอบบอกว่าในพาทพี่ฟ้า รู้ย้อนแย้งกับพี่ฟ้ามาก เหตุและผลมันดูขัดๆกันยังไม่รู้ อาจเพราะตอนแรกคิดว่าพี่ฟ้าอยู่ในวัยทำงานเป็นหนุ่มใหญ่ แต่ดูเหมือนพี่ฟ้าจะเด็กกว่านั้น เหตุผลการกระทำเลยเป็นไปตามวัย แต่เห็นกับความรักที่ไม่คิดจะหยุดตามหาเตย ได้ใจตรงนี้

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
«ตอบ #79 เมื่อ25-02-2019 04:15:04 »

เดินเรื่องด้วยความรู้สึกอึดอัด ขมุกขมัว มันไม่ใช่หมอกหนาทำอากาศเย็นบดบังความสดใสชัดเจน แต่เหมือนถูบังคับให้ลืมตาในน้ำที่มีแต่ขุ่นตะกอนที่ทำให้แสบเคืองตาและหายใจไม่ได้

พอถึงตอนล่าสุดเหมือนมือที่คอยกดหัวเราไว้ เปลี่ยนเป็นกระชากเราขึ้นมาแทน หวังว่าคงไม่มีใครมือบอนมากดซ้ำอีกนะ จะตีให้มือหักเชียวว!!!


ความหงุดหงิดโกรธเคืองกับการนอนไม่หลับและจมกับฝันร้ายเป็นอะไรที่สะเทือนใจ เราคือคนที่นอนหลับและน้อยครั้งที่จะถูกกระชากให้ตื่นด้วยฝัน ดังนั้นความรู้สึกตอนนั้นจึงเป็นอะไรที่ชัดเจนเสมอ แค่คิดว่าจะไม่ได้นอนหรือว่าต้องถูกทำให้ตื่นด้วยฝันก็หงุดหงิดแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
« ตอบ #79 เมื่อ: 25-02-2019 04:15:04 »





ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #80 เมื่อ02-03-2019 20:10:02 »

15: Debase



ข้าวของของผมมีไม่มาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรเลย เสื้อผ้าที่ผมซื้อมาในราคาถูกๆ ก็ไม่ได้อยากเก็บไว้ใช้ต่อ ที่ผมพกมามีเพียงถุงใส่เงิน และเสื้อผ้าที่ใส่ในวันที่จากค้างฟ้ามา เพราะเป็นตัวที่มีราคาที่สุด



ค้างฟ้าเองก็ไม่ได้พกอะไรมาเช่นกัน เราพากันออกจากหอพักอย่างไร้พาหนะ มีเพียงสองเท้าเดินชมความมืดรกร้างไปจนถึงปั๊มน้ำมันที่กายทำงานอยู่ แน่นอนว่าผมเข้าไปบอกลาเธอ กายฉีกยิ้มกว้าง...รอยยิ้มของกายแสดงความยินดีจากใจจริง



ตอนนี้ผมเริ่มแยกได้แล้วว่าอันไหนจริงใจ อันไหนเสแสร้ง จากที่แต่ก่อนคิดว่าคนเรามีแต่การเสแสร้งใส่กัน



แต่มันไม่ใช่เสมอไป คนที่ห่วงใยผมอย่างจริงใจก็ยังมีอยู่...ขอเพียงผมเปิดใจ มองโลกให้กว้างมากขึ้นเท่านั้นเอง



กายอวยพรให้ผมมีความสุข พร้อมบอกว่าจะจัดการเรื่องหอพักให้ ค้างฟ้าจึงมอบเงินให้เธอส่วนหนึ่ง แต่กายไม่รับ เธอพูดเพียงแค่ขอให้ค้างฟ้าดูแลผมให้ดี ก่อนรีบไปทำงานต่อ



และเราก็ออกมาจากสถานที่แห่งนั้น...



ผมไม่รู้ว่านี่เรียกว่าเป็นการด่วนตัดสินใจไหม



การที่ค้างฟ้ามาหาผมแค่คืนเดียว การที่พอได้กอดเขาแค่ครั้งเดียว ผมก็กลายมาเป็นหมาของเขา เดินตามตูดต้อยๆ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด



แต่มันก็แค่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตเหลวเป้วเป็นวงจรอุบาทว์ แก้ให้ตายยังไงผมก็มีแต่จะพาลแย่ลงทุกวัน เพราะฉะนั้นกะอีแค่การที่ได้เจอค้างฟ้าแค่วันเดียวจึงทำให้ผมเหมือนค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง



พบว่าตัวเองอยากอยู่กับเขา



อยากอยู่ในอ้อมกอดเขา อยากอยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นเขาได้ตลอดเวลา



ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว...



ต่อให้ผมอาจจะโดนทิ้งหรือพรากจากเขาอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ผมในตอนนี้แค่อยากซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ ของค้างฟ้าไปนานๆ เท่านั้นเอง



ผมเข้าใจแล้วว่าต่อให้ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมก็คงทำไม่ได้แล้ว...ถ้าหากผมยังคิดถึงแต่ค้างฟ้าเช่นนี้



ตอนนี้เขามาขอให้ผมอยู่กับเขา ผมก็ขอทำตามความต้องการนั้นก่อนจะเป็นไร



ค้างฟ้าขับรถออกจากปั๊มน้ำมันที่นั่นจนถึงคอนโดของเขาในเวลาเกือบเช้า แม้เขาบอกให้ผมหลับไปก่อนก็ได้แต่ผมยังไม่รู้สึกง่วง แค่เพลียนิดหน่อยและอยากจะมองทิวทัศน์ที่จากมาเป็นครั้งสุดท้าย



ผมตั้งใจว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีก



นานๆ ทีอาจจะไปหากายบ้าง แต่จะไม่อยู่อาศัยอีกแล้ว ผมตระหนักและค้นพบแล้วว่าสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่สำหรับผมเหมือนเคยอีกต่อไป



เขาขับรถไปเรื่อยๆ ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นส่องแสงกลบความมืดยามค่ำคืน ไม่นานรถยนต์วนเข้าที่จอดรถ ค้างฟ้าพาผมเข้ามาในคอนโดแห่งเดิม ขึ้นลิฟต์ตัวเดิม กดชั้นเดิม และเปิดประตูเข้าห้องเดิม ห้องที่ผมมักใช้อยู่อาศัยตลอดสี่ปีที่ผ่านมา



มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย



เมื่อเดินเข้าไปยังห้องนอน ก็ยังคงสภาพเดียวกันกับตอนล่าสุดที่ผมจากมา



ค้างฟ้าเดินมาสวมกอดผมจากข้างหลัง จากนั้นตะวันก็เริ่มลอยสู่ท้องฟ้าเพื่อฉายแสง เข้าสู่เช้าวันใหม่



แขนแกร่งกอดรัดเอวผมแน่น เขาเอาหน้ามาเกยไหล่ผม ทว่าไม่นานผมก็หมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้าเขา ก่อนจะดึงใบหน้าแสนคิดถึงลงมาประทับรอยจูบ



หลังจากที่มีอะไรกับค้างฟ้าผมก็ยังไม่ได้นอน แต่ตัดสินใจออกมาจากที่นั่นทันที จนถึงตอนนี้เข้าเช้าวันใหม่ ผมยังไม่ง่วงแต่ก็เพลียอยู่หน่อยๆ แม้ค้างฟ้าจะบอกให้ผมนอน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากนอน เพราะนอนมาเยอะแล้ว



กลิ้งไปมาอยู่บนเตียงตัวเดิมกับค้างฟ้าได้สักพักเขาก็มุ่นคิ้วเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ



และขอตัวออกไปโทรศัพท์ที่นอกระเบียง



ผมพยักหน้ารับคำ ค้างฟ้ายกมือลูบใบหน้าผมหนึ่งครั้ง ผมรับสัมผัสพลางมองแผ่นหลังของเขาที่ลุกจากเตียง ออกไปที่ระเบียงช้าๆ



คงเป็นเรื่องทางบ้าน เพราะสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากที่เขาเล่าให้ฟังก็คงมีแต่เรื่องนี้ที่ทำให้เขาเครียด



ผมนอนหนุนหมอน สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคย หันหน้าออกระเบียงมองดูแผ่นหลังเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ยังคอยถามตัวเองอยู่ซ้ำๆ ว่านี่เป็นความฝันรึเปล่า ผมได้มาอยู่กับค้างฟ้าจริงๆ หรือ นี่เป็นความสุขที่ผมตามหาใช่ไหม



ระหว่างคิด นิ้วมือก็ลูบต้นคอที่สลักชื่อของเขาไว้



เจ้าของของผมนับจากนี้...คงมีแต่เขาแล้วล่ะมั้ง...



ผมนอนจ้องแผ่นหลังเขาผ่านประตูกระจกสักพักก็นึกอยากกอดขึ้นมา แม้จะเกรงว่าจะไปรบกวนเขาแต่ก็ยังดึงดันที่จะลุกจากเตียง เดินไปยังประตูบานเลื่อนที่ระเบียงห้อง แง้มมันออกมาเล็กน้อย พลันต้องชะงัก



เมื่อได้ยินเสียงค้างฟ้าตวาดใส่โทรศัพท์ดังลั่น



“อย่าเอามาปนกันได้ไหม ถ้าพ่อกับแม่ไม่ชอบเตยก็ไม่ต้องมายุ่ง ผมจะดูแลเอง!”



“เอาคนแบบนั้นมาอยู่ด้วยมีแต่จะเสื่อมทรามสถุล ไร้สกุล!”



“แล้วนี่เหรอคือคำพูดของคนมีสกุล! ถ้างั้นผมขอบอกว่าผมไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ถ้าผมแคร์พ่อกับแม่ตั้งแต่แรกคงเลือกเรียนแพทย์ตามที่แม่ต้องการไปแล้ว แต่ผมไม่แคร์ ผมไม่อยากใช้นามสกุลพ่อแม่เป็นใบเบิกทาง ผมมีทางของผมเอง”



“ทางที่ว่านั่นคือการไปร้องเล่นเพลงไร้สาระกับเก็บเด็กขายตัวมาเลี้ยงน่ะนะ!?”



“มันคงไร้สาระสำหรับพ่อกับแม่ แต่มันมีคุณค่าสำหรับผม ถ้าไม่มีเตยป่านนี้ผมก็คงยังไปร้องเล่นเพลงไร้สาระนั่นอยู่นั่นแหละ! ไอ้โรงพยาบาลกับร้านขายยาของพวกคุณผมคงไม่อยากจะมอง!”



“เอาเด็กคนนั้นมาแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร เลิกทำอะไรไร้สาระได้แล้ว”



“มีประโยชน์ต่อผมก็แล้วกัน...นี่พวกคุณสร้างผมมาเพื่อให้มีชีวิต หรือสร้างมาเพื่อต้องการบงการชีวิตผมกันแน่”



ผมฟังถึงแค่นี้ก่อนปิดประตูระเบียงอย่างเงียบเชียบ ถอยกลับไปนั่งที่เตียง จ้องแผ่นหลังของค้างฟ้าอย่างไม่วางตาอีกครั้ง



ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะสมสำหรับการกอด และผมรู้สึกว่าตัวเองไร้มารยาทชะมัดที่ไปแอบฟังคนอื่นคุยกัน



เวลาผ่านไปครึ่งค่อนยาม กว่าค้างฟ้าจะคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่ยังยกยิ้มให้ผม... อย่างไม่รู้ตัว ผมพุ่งเข้าไปกอดเขาแน่น และค้างฟ้าก็กอดผมกลับแน่นเช่นกัน



เรากอดกันอย่างนั้นอยู่หลายนาที



อันที่จริง...ผมไม่ค่อยได้กอดใครเฉยๆ แบบนี้มานานแล้ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมัน แต่ร่างกายกลับขยับไปตามใจชอบ ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกว่าอยากมอบไออุ่นให้คนคนนี้ เหมือนกับที่เขามอบให้ผม



“พี่รักเตย”



เขากระซิบข้างหูก่อนจะผละตัวออก ถ้อยคำไม่กี่คำที่ทำให้ผมใจชาวาบ



อีกแล้ว ความรู้สึกแปลกหน้านี้อีกแล้ว...



ผมจ้องหน้าค้างฟ้า อีกฝ่ายยิ้มตอบ ยกมือเกี่ยวเส้นผมของผมไปทัดหู ไล่มือลงมาลูบต้นคอผมที่มีชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา



“พี่คงต้องกลับบ้านสักพัก”



ผมเม้มปากแน่น อยากอยู่กับเขานานกว่านี้ แต่รู้ดีว่าค้างฟ้ากำลังเจอปัญหาหนัก จึงไม่อยากงอแง ได้แต่พยักหน้าตอบรับ



“...ไปแป๊บเดียว ตอนเย็นจะกลับมา”



พยักหน้ารับอีกครั้ง



เขาบอกว่ามีธุระต้องไปคุยกับที่บ้าน แต่ไม่อยากปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว...



ผมบอกว่าตัวเองโอเคดี



แต่ค้างฟ้าไม่คิดเช่นนั้น



แม้ว่าจะบอกเขาไปหลายครั้งแล้วว่าผมไม่ไปไหน และไม่เป็นไรหากต้องอยู่ลำพัง แต่สุดท้ายค้างฟ้าเรียกเน็ตกับหยกมาอยู่เป็นเพื่อนผม รอจนสองคนนั้นมาถึง เขาถึงไว้ใจยอมออกจากห้อง...



เน็ตกับหยกนั่งอยู่ตรงข้าม จ้องหน้าผม



ดูเหมือนว่าค้างฟ้าเพิ่งจะบอกถึงการมาถึงของผมให้กับสองคนนี้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...



เน็ตทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร ส่วนหยกทำท่าเหมือนอยากกระโจนเข้ามาใส่



“ไม่เจอกันนานนะ” ผมทักพวกเขาพร้อมยกยิ้ม



ความเงียบผ่านไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะมีเสียงของเน็ตขึ้นมา



“อืม” คำตอบสมกับเป็นเน็ต



ส่วนหยกยังคงอ้ำอึ้ง สีหน้าเขาแสดงออกมาว่ามีอะไรอยากพูดกับผมมากมาย สุดท้ายเขาก็ช้อนตามาสบมอง



“ดีใจที่กลับมา”



ผมหัวเราะขำกับท่าทีของเขา ปกติหยกจะหยิ่งผยอง เชิดใบหน้าขึ้นเสมอ ไม่ใช่ทำหน้าจ๋องแบบนี้



ผมเดินเข้าไปรวบตัวเขามากอด



“เดี๋ยวเถอะ เตย”



โดนเน็ตดุไปตามระเบียบ



“รู้แล้วรู้แล้ว” ผมว่า คลายอ้อมกอด ผมแค่รู้สึกผิดนิดหน่อยที่เลือกใช้หอของหยกเป็นที่สุดท้ายก่อนจะหายไป ผมคงทำเขาลำบาก ทั้งๆ ที่หยกกับผมไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายแท้ๆ ที่กอดก็เพราะอยากขอโทษ ไม่ใช่เพราะกามารมณ์เหมือนที่ผ่านมา



พอผละออกมา หยกก็ตีผมดังปั่ก



“นิสัยไม่ดี” โดนดุอีกคน



“ขอโทษนะ” ผมว่า ยกยิ้มให้คนตัวเล็กพร้อมกับลูบหัวเขาเบาๆ ผมน่าจะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่านี้



แต่ก็เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีคนเป็นห่วงผมอย่างจริงใจถึงขนาดนี้...คิดว่าการหายไปของผมคงไม่ทำให้ใครลำบาก แต่กลับไม่ใช่ ค้างฟ้าบอกว่าต้องการผม แถมหยกกับเน็ตยังพยายามตามหาผม...



เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามีที่ให้ตัวเองยืนอยู่



ผมชอบที่ตัวเองมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับค้างฟ้า...



ผมดีใจที่อยู่กับเน็ตกับหยกมากกว่าที่ตัวเองต้องอยู่คนเดียว



มนุษย์...ท้ายสุดแล้วก็ต้องอยู่คนเดียว เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด แต่มันจะเป็นไรไปถ้าหากระหว่างทางก่อนการอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะมาถึง เราจะมีใครสักคนให้พักพิง ไม่เห็นจำเป็นต้องปิดกั้นตัวเอง...



“แล้วไปไหนมา” เน็ตเอ่ยถาม ขัดจังหวะการลูบหัวหยกของผม



“กลับบ้านเกิดน่ะ”



“แล้ว...ดีไหม”



ผมยิ้ม ส่ายหน้า



“ทำไมถึงหนีไป”



“ก็ไม่คิดว่าจะมีใครต้องการนี่”



“แล้วตอนนี้คิดออกรึยังว่ามีใครต้องการ”



ผมพยักหน้า เน็ตยังคงใจแข็งเสมอต้นเสมอปลาย ไม่อ่อนโยนเอาเสียเลย เดี๋ยวก็ไม่มีแฟนหรอก



“เรื่องพี่ฟ้า...เน็ตคิดว่าเตยพอจะช่วยอะไรได้ไหม” ผมเอ่ยถามเพื่อนในมหาลัยเพียงคนเดียว เน็ตเป็นญาติกับค้างฟ้า เขาต้องรู้ปัญหาภายในบ้างแหละ



ถ้าค้างฟ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมได้อยู่ด้วย ผมเองก็อยากคอยช่วยเหลือเขาเท่าที่จะทำได้เช่นกัน



เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะช่วยเหลือใครสักคน อยากจะตอบแทนใครสักคนอย่างจริงใจ



“เรื่องนั้น...คงยาก”



“ที่พี่ฟ้าให้เตยเรียนเภสัช...ยังจำเป็นอยู่รึเปล่า?”



เพราะรู้มาว่าแต่แรกแล้วว่าเขาตั้งใจใช้ผมเป็นเครื่องมือแทนตัวเอง ผมเรียนให้เขา แลกกับการมาเป็นคนของเขา



“ตอนที่มึงหายไป มันกินเวลาหลายเดือน เขาเลยให้ดร็อปไว้ก่อน”



“...อ่าห้ะ”



“เรื่องเรียนต่อ เขาเคยบอกว่าแล้วแต่เตย เขาไม่บังคับแล้ว”



“แล้วถ้าเตยอยากเรียนต่อ...?”



“ก็ต้องรอเทอมต่อไป” เน็ตว่า เคลือบรอยยิ้มบางเบา “ตอนนั้นเตยต้องเรียนคนเดียวแล้วนะ”



ผมยิ้มตอบ “รู้แล้วหน่า”



“ไหวเหรอ”



“ไหวสิ”



ถ้าการเรียนคณะนี้มันช่วยค้างฟ้าได้สักนิดแล้วล่ะก็ ผมพร้อมทำอย่างสุดความสามารถ



“พี่ฟ้าคงดีใจ”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เตยก็จะดีใจ”



“ถ้างั้นเดี๋ยวจัดการเรื่องนี้ให้”



“เตยช่วยอะไรได้บ้าง”



ผมว่า เดินเข้าหาเขาอยากหยอกล้อ แต่เน็ตเป็นยังไงก็อย่างนั้น พอเขารู้ว่าผมตั้งท่าจะทำอะไรก็รีบถอยออกมาหนึ่งก้าว ดันแว่นตาหนึ่งที เอ่ยเสียงติดดุ



“ช่วยอย่าออกไปไหนตามลำพัง”



“จะขังเตยเหรอ”



“เปล่า ถ้าอยากจะไปไหนให้บอก จะไปด้วย”



“เน็ต~” ผมอ้อนเขาเสียงหวาน แต่ใจจริงแล้วจงใจกวนประสาทมากกว่า



แล้วหยกก็พุ่งเข้ามากอดผมหมับ



“เตยลืมผมเหรอครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแสนหวานน่าเอ็นดู



เมื่อนั้น ผมพลันหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะแตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เป็นเสียงหัวเราะที่ผมเองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยหัวเราะได้แบบนี้กับเขาด้วย



สดใส กังวาน









เน็ตกับหยกอยู่เป็นเพื่อนผมจนกระทั่งฟ้ามืด เรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ หยกเล่าว่าเขาต้องไปตามหาผมที่ไหนอย่างไรบ้าง ส่วนเน็ตก็ไล่ถามอดีตคู่ขาของผม เรื่องราวระหว่างที่ผมหายไปมีอะไรเปลี่ยนไปก็มาก บางอย่างไม่เปลี่ยนก็มี



แต่ที่สังเกตได้ชัดคือ...หยกกับเน็ต...ดูจะมีความสัมพันธ์ที่...พิเศษ?



ไม่รู้สิ ปกติผมไม่ค่อยเห็นเน็ตยอมใครขนาดนี้ และก็ไม่ค่อยเห็นหยกในมุมน่ารักบ่อยนัก แต่พอทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วอาการเหล่านี้มันแสดงออกมาอย่างชัดเจน ผมไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตัวไหม...แต่สำหรับผม ถือเป็นเรื่องที่ดี



เพราะตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าทั้งคู่เองก็พิเศษสำหรับผม การที่พวกเขาได้พบเจอสิ่งดีๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย



แค่เปลี่ยนมุมมองความคิด มันทำให้ผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยหรือ...



เมื่อก่อนคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่กับตัวเองตลอดมา เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยคิดอยากญาติดีกับใคร เพราะติดอยู่กับความคิดที่ว่ายังไงเสียก็ไม่มีใครคิดดีกับตัวเองอยู่แล้ว



มาตอนนี้พอรู้ตัวกลับพบว่ายังมีคนรักผมอีกมากมาย อย่างน้อยก็ควรรักตัวเองบ้าง



ระหว่างความคิดและบทสนทนา ค้างฟ้าก็กลับมาตอนนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มเศษ



สีหน้าเขาอ่อนล้า แต่ยังคงประทับรอยยิ้มไว้



ร่างสูงกว่าเดินมากดจูบที่กลางกระหม่อมผม ก่อนขอตัวเข้าห้องน้ำ คงไปล้างหน้าล้างตา ผมหันไปหาเน็ต... ส่งสายตากังวล



“มันจะไม่เป็นไร” เน็ตบอก “อย่างน้อยเขาก็ยิ้ม”



“แต่พี่ฟ้าดูเหนื่อย”



“เชื่อสิว่าตอนที่มึงหายไปพี่ฟ้าเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า ไม่มีครั้งไหนที่เขายิ้มเลยด้วยซ้ำ”



จบการลอบคุยลับหลัง ค้างฟ้าออกมาจากห้องน้ำ เอ่ยไล่สองคนนั้นกลับบ้านกลับช่อง เสียแต่ดึกแล้ว เน็ตเลยชวนให้หยกค้างที่ห้อง



หืม... เน็ตเนี่ยนะ?



แถมหยกก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย



พอพวกเขาเอ่ยคำลาและจากไป ผมก็หันไปขอคำตอบจากค้างฟ้าที่กำลังกลั้นหัวเราะเพราะสีหน้าผมอยู่



“สรุปเน็ตกับหยก...?”



“อืม ดูใจกันอยู่มั้ง”



“...”



“อกหักเหรอเตย พี่อยู่ตรงนี้นะ”



“เปล่าสักหน่อย”



ผมว่า ต่อให้เน็ตจะเป็นคนที่ผมพยายามเล่นด้วยและเข้าหา และต่อให้หยกเป็นคนที่ผมเคยนอนด้วยมากที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อพวกเขาจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่มีให้ค้างฟ้า



ความรู้สึกที่รู้สึกกับเขาแค่คนเดียว



คงเรียกได้ว่าเป็นความพิเศษ



ว่าจบก็มุดตัวเข้าอ้อมกอดของค้างฟ้า จบคืนที่เหนื่อยล้าไปอีกคืน



ผมภาวนาให้ทุกค่ำคืนเป็นค่ำคืนที่ธรรมดาแต่แสนสุขเหมือนวันนี้



อย่างน้อยก็ตลอดไป








#น้ำค้างฟ้าขุ่น

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #81 เมื่อ02-03-2019 23:34:28 »

แงงง น่าร้ากก
เตยพอเปลี่ยนมุมมองก็ค่อยยังชั่วหน่อย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ส่วนเรื่องที่บ้านฟ้า คงต้องค่อยๆแก้กันไปแหละนะ
เครียด  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #82 เมื่อ03-03-2019 02:18:51 »

สนุกดีค่ะ แต่ก็โคตรเครียดเลย :hao7:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #83 เมื่อ03-03-2019 21:27:47 »

เครียดแทนพี่ฟ้า  :a6: :a6:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #84 เมื่อ04-03-2019 15:56:16 »

พอเตยเริ่มเปิดใจ กำลังจะดี มีเรื่องที่บ้านพี่ฟ้าเข้ามาอี๊ก  :katai1:

แต่แอบดีจุย หนุ่มเนิร์ดมีคู่แล้วววว  :katai2-1:


ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #85 เมื่อ05-03-2019 23:15:33 »

กว่าจะผ่านมาถึงตอนนี้หนักหน่วงมากค่ะ ฮืออ อ่านไปร้องไห้ไป ไม่เข้าใจพี่ฟ้าในมุมของเตย พอไปมุมพี่ฟ้าก็อยากให้น้องรับรู้ด้วย พอเค้าคุยกันเปิดใจให้กันแบบนี้แล้วมันดีมากเลยค่ะ เป็นส่วนเติมเต็มของกันและกันเนอะ กอดกันไว้แล้วไปด้วยกันน :heaven

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
«ตอบ #86 เมื่อ06-03-2019 01:29:32 »

สถาณการณ์เริ้มดีขึ้น ดีใจจริงๆ ชอบตอนช้วงต้นเรื่องที่หน่วงได้ใจกับความรักที่บิดเบี้ยว

ช่วงต่อมาดีใจที่ทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน เตยก็จะเรียนต่อด้วย ดีใจจจจ หวังว่าทั้งสองคนจะประคับประครองความรักครั้งนี้ให้เป็นไปด้วยดี  :o8: :o8:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ สู้ๆๆๆๆ :impress2:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
«ตอบ #87 เมื่อ09-03-2019 22:01:36 »

16: Decontrol



รสสัมผัสการกอดก่ายที่แสนคะนึงถึง ผมกับเขานอนกอดกัน ร่างเนื้อบดเบียดอยู่บนเตียงแลกไออุ่น สองมือปัดป่ายร่างกายซึ่งกัน ลูบไล้ไปทั่วผืนเนื้อ แต่ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น มันเป็นแค่การกอด การกอดที่รู้สึกมากกว่าคำว่าอยากกอดเฉยๆ



อยากกอดแน่นๆ จนฝังจมหายไปในแผ่นอกของเขา



อยากกอดเขาเพื่อปลอบประโลมทุกสิ่งที่ผ่านมา เหมือนที่เขาได้ให้กับผม



อยากมีความสามารถมากกว่านี้



เรื่องที่พ่อแม่ค้างฟ้าพูดถึงผม...มันจริงทุกข้อ จริงจนไม่สามารถเถียงได้สักข้อ



เอาผมมาแล้วได้อะไร มีแต่ทำให้สถุลเสื่อมทราม ผมมันไร้สกุล แค่เด็กขายตัวจะไปมีปัญญาทำอะไรให้มันดี...ถึงอย่างนั้นคนอย่างผมเขากลับบอกว่าต้องการ และพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ผมได้มาอยู่ข้างกาย



คนอย่างผม...ควรทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง ที่นอกจากการอยู่เฉยๆ



ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ที่ตัวเองด้อยค่าได้ถึงเพียงนี้



พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ค้างฟ้ามักออกจากห้องไปในช่วงระหว่างวัน ก่อนจะกลับมาหากันในตอนกลางคืน ผมทำได้แค่นั่งรอเขากลับมาอย่างว่างเปล่า เน็ตกับหยกไม่สามารถมาหาผมได้ทุกวัน



จนกระทั่งวันหนึ่ง ค้างฟ้าบอกผมให้ลองไปคุยกับหมอคนหนึ่ง



มันจำเป็นตรงไหนกัน



เขาบอกว่าแค่ไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวทั้งวันแบบนี้ เพราะเน็ตและหยกไม่สามารถอยู่กับผมได้ตลอด พวกเขามีเรียน มีหน้าที่ที่ต้องทำ



ผมถามเขาว่าหมออะไร



ค้างฟ้าบอกว่าเป็นหมอทางจิตเวช



ผมยิ่งมุ่นคิ้ว ผมไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เอ่ยปฏิเสธเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น



แต่ค้างฟ้าก็ไม่ยอม เขาไกล่เกลี่ยอยู่นานกว่าผมจะยอมกดหน้าตกลง...



ที่ตกลงไม่ใช่เพราะอยากไปเจอหมออะไรนั่นหรอก ผมอยากให้เขาสบายใจมากกว่า แล้วก็ตามคาด ค้างฟ้ายิ้มกว้างอย่างยินดี บอกว่าจะให้หมอมาที่นี่ช่วงบ่ายๆ นั่งคุยกันสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง อย่างน้อยผมก็จะได้มีอะไรทำระหว่างวัน



แม้คิดว่าไม่จำเป็น แต่ก็ทำตาม



ค้างฟ้าคงปวดหัวกับเรื่องของเขามากพอแล้ว และผมไม่อยากดื้อรั้นให้เป็นภาระเขาอีก



หมอที่มาเป็นชายสูงอายุ ท่าทางเป็นมิตรใจดี เขาไม่ได้สวมเสื้อกาวน์แบบที่ผมคิด แต่กลับสวมเสื้อไพรเวทตามปกติ เอ่ยทักทายผมอย่างสุภาพแต่ไม่ห่างเหินจนเกินไป แล้วบทสนทนาของเราก็เริ่มต้นขึ้น



“เป็นยังไงบ้าง”



เป็นคำถามที่ค้างฟ้าถามขึ้นทันทีเมื่อเขากลับมาถึงห้อง ซึ่งผมต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามเขา



“ก็ดี”



“คุยอะไรกันบ้าง”



“เรื่องทั่วไป...มันก็แปลกดี ผมไม่ค่อยได้คุยเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ใครฟังเท่าไหร่”



“มันไม่ได้แย่ใช่ไหม”



“อืม ไม่ได้แย่” ผมว่า การคุยกับหมอคนนี้ไม่ได้เกร็งอย่างที่คิด เขามีวิธีพูดที่ทำให้ผมไม่หนักใจที่จะต้องตอบ แถมยังคุมบรรยากาศให้ไม่เครียดเกินไป เรียกได้ว่าเหมือนเป็นการเล่าเรื่องให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง...



แต่คงเพราะเขาไม่ใช่เพื่อนจริงๆ ทั้งยังเป็นคนไกลตัว ผมถึงได้กล้าเล่าอะไรหลายๆ อย่างให้เขาฟัง



“ถ้าพี่อยากให้เตยคุยกับเขาไปเรื่อยๆ ก่อน เตยจะว่ายังไง”



“...ยังไงก็ได้”



“หมออาจจะไม่ได้มาทุกวัน แต่ระหว่างนั้นเขามีกิจกรรมให้เตยทำใช่ไหม”



“อืม”



ผมพยักหน้า หมอให้ผมบันทึกอารมณ์ตัวเองวันต่อวัน เหมือนบันทึกไดอารี่...เอาเข้าจริงผมไม่รู้จักการบันทึกไดอารี่อะไรนั่นหรอก ผมไม่เคยต้องจดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง แต่พอเขาบอกว่าคล้ายกับการจดบันทึกสำรวจชีวิตประจำวัน ก็พอจะเข้าใจขึ้นมา คงเพราะที่ผ่านมาผมเรียนศาสตร์วิชาที่ต้องมีการทดลองและทำการบันทึกตลอดเวลา



พอเปรียบเทียบแบบนี้ก็พอจะนึกออกได้ว่าต้องทำประมาณไหน



“แล้วพี่ฟ้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง” ผมถามเขากลับ ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวหรอกนะที่มีความรู้สึกเป็นห่วง



ค้างฟ้ายิ้มเหมือนเคย “เดี๋ยวมันจะดีเอง”



เขาว่าเช่นนั้น กดจูบลงบนหน้าผากของผม ก่อนชวนไปกินข้าวที่ห้องอาหาร และจบวันด้วยการนอนกอดกันเหมือนทุกคืน



การนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้อง อ่านหนังสือเตรียมสำหรับการเรียนเทอมต่อไป รอวันที่จะได้พบเจอพูดคุยกับหมอ หรือไม่ก็มีบางวันที่หยกกับเน็ตมานั่งเล่นด้วย แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับผม



ชีวิตเรียบง่ายแสนธรรมดา มันน่าเบื่อ แม้ไม่ได้เลวร้าย แต่ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับอะไรแบบนี้



ผมอยากหาทางช่วยค้างฟ้าแบบที่ผมสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ด้วยตาตัวเอง เพียงแต่ยังคิดวิธีไหนไม่ออก นอกจากทำตามชีวิตประจำวันที่เขากำหนดมาให้



จะว่าไป เราก็ไม่ได้มีเซ็กซ์ร่วมกันมานานแล้ว



ผมอาจจะหงุดหงิดเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่านะ



ค้างฟ้าเคยบอกว่าอยากให้ผมเลิกเรื่องเซ็กซ์ไปสักพัก ถึงได้พาหมอมาพูดคุยด้วย แต่ทำไงได้ ผมอยู่กับเซ็กซ์มาตั้งแต่จำความได้ เสพติดมันมากเกินกว่าจะหายขาดได้ภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์



แต่พอตั้งท่าจะกอดเขา ค้างฟ้าก็จะหยุดผมไว้เสมอ เขาทำมากที่สุดเพียงช่วยปลดปล่อย ซึ่งนั่นมันไม่พอ



ผมระบายเรื่องนี้ใส่ทั้งหมอ ทั้งหยกและเน็ต



แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับผม ทำไมล่ะ ผมอึดอัดจะบ้าตายแล้ว



ผมเรียกร้องให้ค้างฟ้ากอดผม แต่เขาบอกเหนื่อยเกินไปที่จะทำเรื่องอย่างว่า แม้จะต่อรองขอให้เขานอนเฉยๆ แล้วที่เหลือผมจัดการเองก็ได้ ค้างฟ้าก็ไม่ยอม ได้แต่หัวเราะ แล้วคว้าผมไปกอดแน่น ไม่ให้ลุกมาจับเขาปล้ำ มันอาจจะขำขัน แต่ผมไม่ขำด้วย มันอึดอัด



แม้ว่าช่วงนี้จะนอนได้โดยไม่ต้องพึ่งเซ็กซ์ ผมเปลี่ยนมาติดอ้อมกอดของเขาแทน



แต่ไม่ได้แปลว่าผมไม่ต้องการมัน



ผมอดทนกับการไม่ได้มีอะไรกับเขาเกือบสองสัปดาห์ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างเชื่องๆ ตามที่เขาได้ขีดเส้นไว้ให้ วนไปวนมาซ้ำซาก



จนกระทั่งวันหนึ่ง ค้างฟ้าโทรมาหาผมตอนสี่ทุ่ม บอกว่าที่บ้านมีปัญหา คงกลับไปนอนด้วยไม่ได้



ผมตอบเขาไปว่าไม่เป็นไร



ค้างฟ้าขอโทษผมอีกหลายครั้ง



และแล้ววันที่ต้องอยู่คนเดียวก็กลับมาบรรจบอีกครั้ง...



หรือนี่จะเป็นคำตอบให้กับทางเลือกของผม...



มันจะผิดทางอีกแล้วใช่ไหม...



ห้องนอนว่างเปล่า นอนอย่างอ้างว้าง ไร้กลิ่นหอมของเขาชวนหลับฝัน ไร้ไออุ่นของเขาคอยประคองกอด



ผมอาจจะทนคืนแรกได้ แต่ไม่อาจทนคืนต่อมาได้



ค้างฟ้าไม่กลับห้องสองคืนติด และในคืนที่สาม...เขามีท่าทีที่จะไม่กลับมา



แล้วผมควรทำอย่างไร เมื่อเหตุการณ์เดิมกำลังจะมาหลอกหลอนผม



รู้ตัวอีกทีผมก็ออกมาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่คุ้นเคย...











เสียงเพลงดังจนหนวกหู ผมเคยชอบมันเพราะมันดังจนกลบความคิดของตัวเอง ผู้คนเดินเบียดนัวเนียกันไปมา ผมเคยชอบที่ถูกคนพวกนั้นมาเสียดสี เพราะมันทำให้ผมลืมว่าตัวเองเป็นใคร สายตาของใครสักคนที่ส่งมาเพื่อเชิญชวน ผมเคยชอบ เพราะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคืนนั้นผมจะนอนหลับ



แต่น่าแปลก วันนี้ผมพาตัวเองมาที่แห่งเดิม แต่กลับยืนเฉย เฉื่อยชาต่อทุกสถานการณ์ที่เคยชอบ



จ้องมองผู้คนที่ไหลไปมา ไม่แม้แต่จะแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำเพียงเลือกมุมที่คนน้อยที่สุด ยืนจ้องบรรยากาศในร้าน



ผมมาทำอะไรที่นี่



มันเคยเป็นความเคยชินในวันที่ค้างฟ้าไม่กลับมา ผมมักจะออกหาใครสักคนอยู่เสมอ โดยที่ลืมตัวไปว่าผมนอนกับใครไม่ได้แล้วหากไม่ใช่เขา



มีหลายคนเดินมาเสนอตัว หลายคนเป็นแบบที่ผมชอบ ทั้งชายและหญิง



แต่กลับไม่นึกอยากกอดพวกเขาเหล่านั้น ทำได้แค่เพียงยิ้มปฏิเสธให้พวกเขา



ไม่ใช่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผมอีกแล้ว ผมไม่สามารถหาความสุขได้จากที่นี่...



แล้วผมจะหาความสุขได้จากที่ไหนอีก... ห้องของค้างฟ้าที่ไม่มีค้างฟ้า...ไม่ใช่ความสุขของผม



กระนั้นออกมาที่อื่นก็ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่



ผมสับสน ไม่รู้จะเลือกทางไหน ได้แต่ยืนโง่ๆ อยู่ในร้าน เหม่อลอยจนเพลงในร้านก็ไม่อาจสู้กับความคิดในหัวของตัวเองได้ จวบจนถึงเวลาร้านปิด



ผมก้าวออกจากร้าน พาความรู้สึกยุ่งเหยิงกลับไปยังคอนโดของค้างฟ้า



แค่คิดว่าจะต้องกลับไปเผชิญกับห้องที่ว่างเปล่า เส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิงในหัวก็ยิ่งพันกันเป็นปมใหญ่มากขึ้นไปอีก ผมควรทำอย่างไรถึงจะหลุดออกจากความคิดที่หาทางออกไม่ได้แบบนี้ได้



ทว่าพอเปิดประตูเข้าไป ผมเจอคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดสองวันยืนอยู่กลางห้อง



“เตย ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



เมื่อนั้น หลากความรู้สึกเข้าโจมตี



“เตย...ปิดเสียงไว้”



ผมว่า พร้อมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่ปิดการแจ้งเตือนขึ้นมาดู เพื่อพบว่าค้างฟ้าโทรเข้าเบอร์ของผมมากกว่ายี่สิบครั้ง เมื่อเงยหน้า ผมเห็นเขาพุ่งเข้ามา ผมหลับตาปี๋ เตรียมรับการโดนโจมตี แต่ได้รับอ้อมกอดอุ่นโอบกอดตัวเองไว้



“อย่าทำแบบนี้...อย่าหายไปแบบนี้อีก”



เส้นด้ายยุ่งเหยิงที่พันกันในหัวค่อยๆ คลายออกทีละนิด



“เตย...” ผมเงียบไปนาน กว่าจะเอ่ยประโยคถัดมาได้ “เตยไม่รู้จะทำยังไง”



“ทำอะไร”



“พี่ฟ้าหายไป...สองคืนติดกัน เตยนอนไม่หลับ รู้ตัวอีกทีก็ออกไปผับแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เตยต้องการ”



“แล้วเตยต้องการอะไร”



“พี่ฟ้า”



“ครับ?”



“เตยต้องการพี่ฟ้า”



เขาเงียบไปพักหนึ่ง ซบหน้าลงกับไหล่ของผม



“พี่ขอโทษ...ที่ไม่ได้กลับมาหา”



“เตยก็ขอโทษ...ที่ทำอะไรให้ไม่ได้เลย ดีแต่สร้างปัญหา”



“มันไม่ใช่อย่างนั้น อย่าโทษแต่ตัวเองเลย พี่เองก็ไม่ดีที่ทิ้งเตยไว้” เขาว่า ถอนอ้อมกอดออก “พี่ไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย แต่ที่บ้านไม่ยอมให้พี่กลับมาเลยสักนิด”



ผมพยักหน้า พยายามที่จะเข้าใจและรับฟัง



“พี่ก็ดีใจที่เตยกลับมานะ”



เขายืนอยู่ในระยะที่ผมสามารถเห็นรอยยิ้มได้เต็มตา



“พี่เป็นห่วงเตย ไม่ได้คิดว่าเตยสร้างปัญหา” เขาวรรค ยิ้มกว้างขึ้น “อีกอย่าง...พรุ่งนี้ไปพบพ่อกับแม่ของพี่กันนะ”



ผมทำหน้าไม่เข้าใจ



“ไปเจอพวกเขาทำไม”



“อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้พี่ยอมกลับมารับทำกิจการที่บ้านต่อ”



ค้างฟ้าว่า ผมยังไม่เข้าใจดีนัก แต่คิดว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี อย่างน้อยมันก็เป็นคืนที่ดีที่ผมได้นอนกอดกับเขาอีกครั้ง และรับรู้อย่างแท้จริงแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากเขา








ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ มันเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่ใช่บ้านของค้างฟ้า ผมมองไปรอบๆ ขณะที่ค้างฟ้าจับมือผมไว้ เดินนำทาง มีเจ้าหน้าที่หลายคนหันมามองทางเรา บางคนค้างฟ้าเอ่ยทักทาย บางคนเขาเดินผ่านไปเฉยๆ สถานที่แห่งนี้ผมแทบไม่ค่อยได้เข้า ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรขนาดนั้น หรือถ้าบาดเจ็บอะไรมาก็มักจะรักษาตัวอยู่คนเดียวมากกว่า



กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยเต็มอากาศไปหมด



ค้างฟ้าพาผมเดินตามทางเดิน ผ่านคนไข้ประปราย จนมาถึงสุดทางเดินที่แปะป้ายหน้าส่วนนี้ว่าเฉพาะเจ้าหน้าที่ เขาเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะพาไปยังห้องข้างในอีก



ผมกลั้นหายใจเมื่อเจอคนในห้อง



แม้ไม่ได้เอ่ยแนะนำ แต่ผมรู้ว่าสองคนที่นั่งอยู่ในห้องอำนวยการคือพ่อกับแม่ของค้างฟ้า



ริมฝีปากขบเม้มแน่นจนได้กลิ่นเลือด



“พ่อแม่ นี่เตย...คนที่ผมพูดถึง”



แม่ของค้างฟ้าเบะปาก เบ้หน้าหนีคล้ายไม่อยากมอง... ส่วนพ่อของเขาสบตาผมเพียงแวบเดียวก่อนหันไปทางค้างฟ้า...



อึดอัดแทบบ้า แต่ผมก็ยกมือไหว้



ถึงจะไร้สกุลรุนชาติ แต่เรื่องมารยาทผมก็ยังพอมีติดตัว



“ถือว่าผมพามาให้รู้จักแล้วนะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ส่วนเรื่องที่บ้านถ้ามีอะไรก็บอกผม”



เขาว่าแค่นั้น ก่อนจะจับมือผม กลับหลังหันเตรียมออกจากห้อง ทว่าเสียงของผู้ชายที่ทุ้มต่ำคล้ายเสียงของค้างฟ้าดังขึ้นมาก่อน



“เดี๋ยวก่อน”



ค้างฟ้าหยุด หันหน้ากลับไป แต่ไม่ได้ตอบอะไร



“เตย...ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใครมาจากไหน”



ค้างฟ้าตั้งท่าจะพูด แต่พ่อของเขาพูดขัดเสียก่อน



“แต่อย่าทำให้ลูกผมเสียงานการ และก็ขอบคุณที่ทำให้ฟ้ามันยอมกลับมาทำงานที่บ้าน”



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงก้มหัวให้หนึ่งครั้ง



“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปล่ะ” ค้างฟ้าตัดบทสนทนา ลากผมออกจากห้อง โดยที่ยังไม่ได้ไหว้ลา ผมได้แต่ก้มหัวงกๆ ให้ทั้งสองคนแทนการไหว้



“ทำไมรีบไปล่ะ”



ผมถามเขาเมื่อเดินออกจากเขตของพนักงานแล้ว



“จุดประสงค์ของพี่ไม่ได้มาเพื่อคุย แต่พามาให้รู้จักเฉยๆ” ว่าจบก็หันมายิ้ม “ทุกอย่างจะโอเค”



“พี่ฟ้า...” ผมเรียกชื่อเขาบ้าง ค้างฟ้าเลิกคิ้ว เป็นสัญญาณให้ผมเอ่ยประโยคถัดไป



“ผมอยากช่วยพี่ฟ้า...ผมอยากเรียนต่อในเทอมหน้า หรือทำอย่างอื่นก็ได้ อยากช่วยอะไรก็ได้ที่ผมพอจะทำได้”



ผมรู้ว่าค้างฟ้ามีศักยภาพมากพอที่จะให้ผมเริ่มเรียนต่อได้เลย แต่นั่นมันจะไม่แฟร์กับกฎของมหาวิทยาลัย ผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าค้างฟ้าทำอย่างนั้น เขาจะเสียชื่อเสียงเอา คนที่เสียหายจะเป็นเขาและครอบครัวมากกว่า ผมจึงไม่รั้นที่จะเริ่มเรียนทันที ปฏิบัติตามกฎ รอทำตามเวลาที่เหมาะสมนั่นแหละดีแล้ว



เขาฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น



“ขอบคุณครับ”



“พี่ฟ้า ผมพูดจริงนะ”



“พี่รู้แล้ว เน็ตบอกพี่แล้วว่าเตยอยากเรียนต่อ”



“ให้เตยทำอย่างอื่นก็ได้ อะไรก็ได้ที่ได้ช่วยพี่ฟ้า เตยไม่อยากอยู่เฉยๆ”



“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร นอกจากเตรียมตัวเรียนกับอยู่ข้างพี่”



“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วนี่”



ผมตอบกลับแทบทันที เขายิ้ม ไม่พูดอะไร เดินนำผมออกจากโรงพยาบาลไปยังลานจอดรถ ก่อนหยุดเดิน ที่นี่เงียบเหงาไม่มีคนเดินขวักไขว่วุ่นวายเหมือนข้างใน



เขาหันมามองผม



“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้เตยอยู่ด้วยกันแบบไร้ข้อผูกมัด ไม่ต้องมีพันธะอะไร เตยอยากทำอะไรก็ทำ พี่จะสนับสนุน ขอแค่อย่าจากไปไหน”



ผมพยักหน้า



“ผมจะไม่ไปไหน ถ้าพี่ฟ้าไม่ไล่ก่อนล่ะก็นะ”



“พี่ไม่ไล่เตยอยู่แล้ว”



“ถ้างั้น” ผมตอบกลับ นึกคิดอยู่สักพักว่าสมควรพูดออกไปไหม “...พี่ฟ้าเองก็อย่าไปจากเตยด้วยได้ไหม...”



ผมเอื้อนเอ่ยคำถาม คล้ายคำอ้อนวอน ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ขอร้องเขาไหม แต่คำตอบของเขาทำให้ผมแย้มยิ้มออกมาได้



“เรื่องนั้น...มันแน่นอนอยู่แล้ว”







 

ใกล้จบแล้วน้า

#น้ำค้างฟ้าขุ่น



ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
«ตอบ #88 เมื่อ09-03-2019 23:19:19 »

งุ้ยยย อ่อนลงเยอะเลยย

เริ่มเข้ารับการรักษาแล้วสินะ  o13 o13

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
«ตอบ #89 เมื่อ10-03-2019 07:38:58 »

ทุกอย่างมันจะดีขึ้น  :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด