ตอนที่ 78
“อืม ง่วงๆๆๆๆ น้อง ง่วง”เสียงงึมงำงัวเงีย ตั้งแต่ตื่น อาบน้ำ ยันแต่งตัว ไม่ใช่ทำด้วยตัวเองนะครับ ผมนี่แหละต้องทำ อยู่บ้านมึงทำอย่างนี้กับป้านวลเปล่าวะ ผมรูดซิบชุดช็อปเสร็จ ก็แบกมานั่งตรงโซฟา มึงไม่บอกกูตั้งแต่ตอนแรก ว่าอยากมีพ่อมากกว่ามีผัว
“อย่าบ่น เสือกนอนดึกเอง”ผมบอกคนตาปรือที่ดูหนังจนเกือบตีหนึ่ง แล้วโดนปลุกตอนตีห้าครึ่ง เจาะนมกล่องยัดปากให้ดูดเป็นอันเสร็จพิธี ไม่สิ คาดว่าถุงเท้ากับรองเท้ารอมันใส่คงไปไม่ถึงไหนแน่ ผมไม่อยากดุมันตอนนี้ เพราะมันกำลังงัวเงียปนหน้ามึน ไอ้ฝิ่นบางครั้งมึนมากๆ เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ทีไอ้เรื่องเข้าใจยากมันกลับเข้าใจง่าย
“พี่แหละไม่ห้าม”โทษกูอีก ผมยกตีนมันใส่ถุงเท้า ตัวมันล้มนอนเหยียดแล้ว ตามด้วยผ้าใบเสร็จสรรพ เป้ อะไรอีกวะ เยลลี่ หมากฝรั่ง บุหรี่เอาไปมวนเดียวพอ ตังค์ในกระเป๋ามีอยู่ ผ้าเช็ดหน้า โอเค กูต้องเอากระติกน้ำพร้อมป้ายชื่อคล้องคอให้มึงด้วยไหมเนี่ยะเผื่อหลง
“ลุกได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”ผมเดินออกมาหลังจากเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนชุดเตรียมจะไปส่ง เอามือเสยหัว หนวดขึ้นอีกแล้วไอ้ตัวดีไม่ได้โกนให้เลย
“อย่าลีลา เดี๋ยวมึงตก กูจะสมน้ำหน้าให้”ผมจับมันลุกขึ้นนั่ง หยิบกุญแจรถยนต์ นั่งมอไซด์ แม่ง ต้องร่วงแน่
“พี่ก็ไปส่งสิ”มันยังหน้ามึนเถียงออกมา
“เดี๋ยวถีบตกโซฟา กูหมายถึงสอบไม่ผ่าน ไม่ใช่ตกรถ ลุก”ผมชักเริ่มอารมณ์จะเสียแล้ว เสียงเข้มขึ้น มันลุกเดินมากอด
“อย่าดุน้อง”มันพูดอู้อี้ เอาหัวถูอกไปมา ผมตบหัวมันเบาๆให้รู้สึก เมื่อคืนมันตัดผมตัวเอง เอาปัดตาเลี่ยนไถข้าง ไถหลัง จนเกือบรองทรง แต่ตรงกลางกับข้างหน้ายังยาวทรงรูปเดิม ตอนแรกผมก็คิดว่าจะออกมาทรงไหน พอมันตัดเสร็จเกือบจะหัวเราะออกมาหน้าโคตรเอ๋อเลย ยิ่งมันยิ้มแป้นเห็นเหล็กดัดหยิบแว่นสายตาปลอมมาใส่ เนิรด์มาก ตลกดี ก็เลยถ่ายรูปมันเล่น ๆ เก็บไว้ตัดสินรูปทุเรศตามธรรมชาติรูปไหนดีที่สุดประจำใจผม หึหึ
“มึงน่าไหมล่ะ นิสัยเสีย ตามใจชักเอาใหญ่ หน้าที่ทำอะไรให้รู้มั่ง เร็วๆ”ผมสวดมันอีกจบ เอามือเสยผมมันให้เข้ารูป ลืมหวีให้มัน
“สาธุครับหลวงพี่”ยังมาย้อนกูอีก แต่ดีขึ้นเดินตามออกมา ปิดห้องเรียบร้อย ลงมาถึงชั้นล่าง ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าประจำให้กินรองท้องก่อน เมื่อเช้าป้านวลโทรมาถามทีหนึ่งแล้วว่าตื่นหรือยัง ผมอยากจะบอกป้านวลเหลือเกินว่ากำลังเอาตีนแซะคุณน้องป้าออกจากที่นอนอยู่ แต่เกรงว่าป้าจะฟูมฟายเลยได้แต่บอกว่าตื่นแล้ว แกก็บอกอย่าลืมให้คุณน้องกินข้าวด้วย เช้าๆ บางทีมันไม่ค่อยจะกินเท่าไร ผมก็รับคำ แกสบายใจก็วางไป
“เออ นั่งหลับอยู่ข้างๆเนี่ยะ”ผมกดโฟนกรอกเสียงลงไป ไอ้แฝดน่าจะเป็นไอ้โอมโทรเข้ามา ว่าเพื่อนมันตื่นยัง
“อีกนานไหมพี่”มันถามกลับ
“ครึ่งชั่วโมง อืม หึ คราวหลังพวกมึงเอามันไปนอนด้วยนะ ปลุกยากฉิบ”ผมบอกก่อนจะบ่นนิดหน่อย
“กล้าหน่อยพี่ เอามาจริงจะนั่งร้องไห้ ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้แฝดนรกอาร์มสแทรกเสียงเข้ามา
“พวกมึงมากกว่าจะนั่งร้องไห้ เดี๋ยวจะบอกพวกไอ้กราฟ ใช้งานเด็กมึงให้ไม่มีเวลาเจอเลย”ผมขู่มันกลับเรื่องไอ้ต้าร์
“เฮ้ย อย่านะพี่ ล้อเล่นน่า พี่รีบเอามันมาเร็วๆเลย แค่นี้นะ”พวกมันพูดแทบพร้อมกันก่อนจะวางสาย กูชนะโว้ย หึหึ
“ใครโทรมา”ไอ้ตัวดีลืมตามาถาม ปลดเบลส์ลุกมานั่งตรงกลางเอามือกอดคอ หอมแก้ม เอามือลูบท้ายทอยผมไปมา
“คน โอ้ย”ผมแหย่มันเลยโดนกัดหูแค่คันๆ
“กูก็ไม่นึกว่ามึงจะคุยกับหมารู้เรื่องหรอก”มันย้อนกลับ ปากก็บี้คอผมไปมา จ๊วบบบเข้าให้ ทำรอยกูอีก
“มึงนิ”ผมเอาแขนกระทุ้งโดนพุงมัน ที่งอตัวร้องแบบแอ็คติ้งโอเวอร์
“โอ้ยยย เจ็บบบบบบ “มันร้องใส่หู ส่ายหน้าไปมา
“ร้องมากนอยื่นนะมึง”ผมว่าเอามือผลักหน้ามันออกด้วย ก่อนจะติดไฟแดง
“กระทุ้งซะแรง กูขี้แตกออกมาทำไง”มันพูดลอยหน้าใส่ ตาใสคงจะเต็มตาตื่นแล้ว
“กูทิ้งทั้งมึงทั้งรถไว้ตรงนี้แหละ”ผมบอกมัน ก่อนจะพยักหน้าให้มันหยิบข้าวเหนียวหมูปิ้งมากิน มันส่ายหน้าบอกเอาไว้ไปกินบนรถ
“แค่ขี้แตกถึงกับทิ้งกูเลยเหรอ ไหนบอกรักกูไง”มันกลับมาถามเสียงเอาเรื่อง
“ทิ้งให้ล้างเองโว้ย”ผมบอกบิดจมูกมันไปด้วย
“นั่นแหละ อีกหน่อยกูเป็นง่อยขึ้นมา ใครจะล้างให้”มันยังเอาเรื่องขี้มาโยงไปถึงเป็นง่อยมาพูดต่อ
“จ้างพยาบาล จบ”ผมตอบมันที่จิ๊ปาก
“ทำไม่มึงไม่ทำ”มันลอยหน้าใส่ต่อ
“ทำไม่ได้”ผมบอกเฉยๆ
“ไม่รักกันจริงนี่หว่า”มันทำเสียงใส่
“รัก”พูดแต่ไม่มอง
“แล้วไม่ทำเอง”มันกอดคอยื่นหน้ามาใกล้
“กูนอนเป็นง่อยอยู่ข้างๆมึงไง ดีไหม”ผมบอกมันยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ”มันหัวเราะตัวงอ เยี่ยวเล็ดแล้วมั้ง กว่าจะตั้งสติได้แต่ยังกลั้นขำอยู่นิดๆ”เย็นๆมารับด้วยนะ”อ้อนต่อ
“กี่โมง”ผมถามมัน ก่อนจะพารถจอดหน้า ม.
“เดี๋ยวโทรหา”มันทำหน้าไม่แน่ใจก่อนจะสรุปเอง”วันนี้ไปส่งงานเหรอ”มันถามต่อ
“อืม”ผมบอกแค่นั้น จับมันมานั่งตัก
“สู้ๆ”มันทำปากทำมือให้กำลังใจ
“เรื่องงาน หรือกูต่อยมัน”ผมถามมันกลับ
“ทั้งสองอย่าง คิกคิก”มันตอบพร้อมเสียงหัวเราะ “ไม่ผ่านก็ไม่ต้องดันทุรังเอาชนะเพื่อรบคำสบประมาสหรอก ปล่อยมัน”มันบอกและจุ๊บปากให้กำลังใจ
“กูไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก เกรงใจพี่วัฒน์ แกอุตส่าห์นึกถึง แต่ถ้ามันสุดวิสัยจริงๆ ก็ต้องปล่อย แต่ถ้ามันไม่ปล่อยก็จัดไป”ผมบอกมันเรียบๆไม่ได้รู้สึกหรือคิดว่าตัวเองเก่งหรอก ถ้าไอ้แทนมันจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานผมๆก็จะเลิกรับงานนี้ และถ้ายังไม่เลิกคิดกับเมียผมก็เจอกัน คุยกันได้ก็ดี ไม่อยากคุยกูก็ไม่ว่าอะไร
“ไปแล้วนะ จุ๊บๆ”มันบอกและจุ๊บอีก เมื่อได้เวลา ผมก็ไม่จุ๊บแต่จูบมัน นี่แค่มันไปเช้าเย็นกลับ ผมยังรู้สึกคิดถึงมันเลย มากกว่าตอนที่ผมไปออกค่ายซะอีก
“โทรมานะ”ผมผละออกและบอกมันที่พยักหน้ารับ ก่อนจะจุ๊บหัวเถิกอีกทีและปล่อยมันลงรถ มองจนมันเดินไปหาน้องออยที่ยืนรอรับพร้อมแฟนที่เพิ่งจะคบกัน ผมปิดกระจกและขับออกไป
*
*
*
“เออ กูกำลังจะออกไปข้างนอก”ผมติดกระดุมเสื้อ หูแนบโทรศัพท์ ไอ้หวายโทรเข้ามา
“ไอ้ฝิ่นกลับเย็นนี้เหรอ”มันถามหาเมียผม เดี๋ยวนี้ถ้าไม่เจอพวกมันถามตลอด ไอ้ฝิ่นก็ติดพวกมันเหมือนกัน ยิ่งไอ้พายนี่มันอ้อนเป็นพิเศษ ไม่ต้องบอกมั้งครับว่าคู่แข่งมันใคร ไอ้บลูที่ยืนแง่งๆๆด้วยความหมั่นไส้
“อืม เออ เดี๋ยวดูก่อน ถ้าเข้าไปก็ไปเลย เออๆ”ผมคุยกับมันอีกพักก็วาง ตรวจงานอีกทีก็ออกจากห้อง ตรงไปที่นัดหมาย
“ครับพี่ ผมกำลังไป”ผมรับสายพี่วัฒน์ที่โทรเข้ามา
“ไผ่ไปคนเดียวนะ พอดีพี่ติดลูกค้าอีกที่ โทษที”พี่วัฒน์บอกพร้อมขอโทษ อะไรจะเป๊ะเว่อร์ขนาดนี้
“ครับพี่ ว่าแต่ทางโน้นเขารู้หรือยังครับ”ผมรับคำก่อนจะถามกลับ
“พี่บอกคุณแทนแล้ว เฮ้ย แค่นี้นะ พิมเรียกแล้ว”พี่วัฒน์บอกก่อนจะรีบวางสาย ผมกดวางก่อนจะคิดว่าอะไรจะประจวบเหมาะขนาดนี้ พี่วัฒน์ไม่ได้หลอกแน่ แกคงติดธุระจริงๆ สักพักผมก็ขับรถมาถึงห้างที่มันเป็นเจ้าของอยู่ จอดรถเรียบร้อยก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้นผู้บริหาร แจ้งเลขาฯหน้าห้อง
“คุณแทนบอกให้รอสักครู่คะ ติดลูกค้าอยู่”เลขาแจ้งผมด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”ผมบอกเธอก่อนจะนั่งรอตรงโซฟาด้านนอก ไอ้ฝิ่นเคยมาแล้วกับปู่ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันไปกับคณะมันจะมาด้วย ไม่ได้อยากมาเป็นเพื่อนอะไรหรอก มันบอกเลขาหน้าห้องไอ้แทนสวย จับผิดกูซะงั้น แต่จะว่าไปก็สวยจริงๆ การพูดจา แต่งตัว เหมาะแล้วสำหรับตำแหน่งนี้
“ดื่มน้ำก่อนคะ”เธอผายมือบอก เมื่อแม่บ้านเอาน้ำมาเสริฟ์
“ขอบคุณครับ”ผมจิบพอเป็นกระษัย ทำอย่างกับยาดอง
“เอ้อ คือ”เธอจะพูดแต่ดูอึกอัก
“มีอะไรครับ”ผมถามกลับ
“ปะ เปล่าคะ คือ นัดคุณแทนไว้เหรอคะ”เธอรีบปฏิเสธก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถาม ทั้งที่ผมแจ้งเธอไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรบอกอีกทีก็ได้ เสียดายยังสาวยังสวย อัลไซเมอร์มาเยือนไวจัง ผมคิดเล่นๆ ที่จริงเธอคงไม่รู้จะคุยอะไรหรอกมั้ง เลยถามแก้เก้อ
“ครับ”ผมตอบ ก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาดู ไอ้ตัวดีส่งข้อความพร้อมหน้าที่ดำเป็นหย่อมๆ มาให้ดู ผมยิ้มกับความล้นของเมีย เลื่อนดูอีกสามสี่ภาพถ่ายกับเพื่อนมัน พอกัน เลขาฯเห็นผมไม่พูดอะไรอีก นั่งยิ้มกับไอโฟนก็เลยเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง ผมตอบกลับไปบ้าง ไม่งั้นจะมีสัญญาณว่างอนเตือนให้รู้เหมือนสัญญาณกันขโมย ตอบเสร็จผมก็นั่งตามเดิมคิดอะไรไปเรื่อย จนเกือบชั่วโมง
“เชิญคะ”เลขาฯเชิญผมที่ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย ว่าเข้าได้แล้วเหรอ ไม่เห็นมีลูกค้าเดินออกมาเลย จะว่าผมหลับหรือลุกไปไหนก็ไม่น่าใช่ ก่อนจะเข้าใจได้ว่าเจอเข้าแล้วด่านแรก ไอ้เหี้ยะแกล้งเป็นเด็ก เดี๋ยวพูดไม่สบอารมณ์กูจะกีดรถมึงให้ดู สัด
“ขอบคุณครับ”ผมพูดยกยิ้มให้เธอไม่ถามอะไร ดูเธอก็ทำหน้าแปลกใจนะที่ผมไม่ถามอะไร เธอเคาะประตูก่อนจะเปิดให้ผมเข้าไป ก็เจอมันนั่งก้มหน้าอ่านเอกสารแนบหนังสือโป๊หรือเปล่าก็ไม่รู้ นิสัยไอ้เจย์ ไม่ใช่ผมที่เปิดเผยดูจะๆเลย ผมยืนอยู่อย่างนั้นไม่ได้เอ่ยทักทายหรือว่านั่งตรงเก้าอี้ข้างหน้ามัน ผมกะเวลาให้นับหนึ่งถึงยี่สิบในใจเดี๋ยวมันต้องพูดออกมาเริ่มนับ หนึ่ง..........................ยี่สิบ
“เชิญนั่ง”ดีแล้วที่ไม่ชอบเล่นหวย ไม่งั้นโดนแดกทุกงวด เดาใจคนง่ายกว่าอีก ด่านที่สอง ผมนั่งลงตรงหน้ามัน
“งานครับ”ผมบอกก่อนจะกางแบบให้ดูพร้อมหยิบไอแพดมาเปิดควบคู่ไปด้วย มันนั่งฟังเฉยไม่หือไม่อือ ผมก็พูดไปเรื่อยจนสิ้นสุด
“อยากให้แก้อีกนิด”มันเอ่ยออกมา หมุนปากกาไปมา
“ตรงไหนครับ”ผมถามกลับ คิดว่าเรื่องงาน ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิ ยามิ อย่าลุกไปกระทืบสัตว์ สัพเพสัพตา กูไม่อยากฆ่ามึง ไอ้สัดเอ้ย
“ตรงนี้ นี่ ๆ และก็ นี่”มันชี้ๆๆๆ มึงไม่ให้กูทำใหม่เลยล่ะ ฉิบหายจิ้มแม่งเกือบทุกจุด
“ครับ”ผมได้แต่รับคำ ก่อนจะเก็บงาน”ต้องการวันไหนครับ”ผมถามมัน
“สะดวกวันไหนล่ะ”มันถามกลับ ก่อนจะจิบกาแฟ
“อาทิตย์นี้ ผมไม่ว่างแค่เสาร์-อาทิตย์ นอกนั้นได้หมด”ผมบอกออกไป ที่จริงผมสะดวกทุกวันแหละช่วงนี้ แต่คิดว่าเอาวันหยุดอ้างมันไว้ก่อนดีกว่า มันพยักหน้า
“ที่จริงผมว่าอยากจะนัดคุณวันเสาร์นะ”มันยกยิ้มพูดใส่ผม กวนตีนแหละมึง และเสือกมาถามกู สมน้ำหน้าเจอกูดักคอก่อน”แต่ไม่เป็นไร คงจะสำคัญกับคุณ”มันพูดต่อยิ้มๆ ผมยกยิ้มตอบมันกลับบ้าง
“สำคัญมากครับ แฟนผมบ่นไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเท่าไรก็เลยอยากชดเชยให้ ผมคงไม่พูดเรื่องส่วนตัวมากไปนะ แค่บอกเฉยๆ ถึงคุณจะไม่ได้ถามก็เถอะ”ผมบอกมันที่ค่อยๆหุบรอยยิ้มแบบส้นตีนๆลง
“ที่จริงพามาด้วยก็ได้ ยังไงก็รู้จักอยู่แล้ว พ่อกับผมก็เคยทานข้าวกับน้องและคุณปู่ด้วย เราทำธุรกิจร่วมกัน”มันมือวางบนโต๊ะ พูดยิ้มๆใส่ผม ดูหน้ากูบ้างก็ได้เวลาเล่า กูเม้มปาก ตัวสั่น ด้วยความอิจฉาหรือเปล่า
“เราไม่ค่อยชอบเอาเรื่องงานมาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเท่าไร กินข้าว ดูหนัง ก็อยากส่วนตัวกันสองคนมากกว่า ส่วนปู่ท่านก็โทรหาเราบ่อย เพราะรู้ว่าเราคบและอยู่ด้วยกัน แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ท่านใจดี คุณคงทราบอยู่แล้วล่ะ เพราะเคยเจอท่านแล้วนิ”ไม่ใช่นิสัยกูหรอกนะที่คุยอวด มึงเล่ากี่ไปคำกูนับไม่ทัน แต่ไม่สำคัญเท่ากับกูเล่ายาวกว่ามึง กูก็ทำเป็นไอ้บทตัวรองแอบโกงนิดหน่อย มันเหยียดมุมปากก่อนจะพิงพนักเก้าอี้ ผมก็พิงบ้าง มองหน้ากัน
“เอาอะไรหลอกให้ฝิ่นเชื่อใจได้ขนาดนี้”มันถามผมเรียบๆ หน้ามันไม่ได้อยากรู้แต่ดูสบประมาทผมมากกว่า
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณ มันเป็นเรื่องส่วนตัว”ผมตอบมันไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆพอกับมัน มือก็เก็บของเรียบร้อยแล้ว
“จำเป็น เพราะฉันไม่คิดว่าคนอย่างฝิ่นจะชอบคนแบบนี้”มันพูดออกมาอีก
“งั้นก็คิดซะ ว่าคนแบบนี้แหละที่เขาชอบ และคุณไม่มีสิทธ์มาตัดสินคนอื่นด้วยการคิดว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ อย่าคิดแทนคนอื่นให้เหมือนชื่อตัวเองสิ เพราะคิดแบบนี้ถึงได้เป็นแค่คนที่แทนไม่ใช่คนที่ใช่”ผมยกยิ้มบอกกลับมัน ที่เริ่มชักสีหน้า
“จะมากไปแล้วมั้ง ปากหมาแบบนี้ฉันไม่จ้างบริษัทนี้ทำงานก็ได้เพราะพนักงานไม่มีมารยาทกับลูกค้า”มันเริ่มเสียงดังและพูดขู่ ผมแสยะยิ้มบอกมันกลับ
“คุณคงจะเข้าใจผิด ผมไม่ได้เป็นพนักงานของที่นี่ เป็นแค่คนรับงานมาอีกต่อเท่านั้น อีกอย่างบริษัทที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ เขาคงไม่ได้รับงานคุณคนเดียวหรอกมั้ง”ผมบอกมันกลับไปอีก
“ฉันก็ไม่ได้ง้อให้เขามาทำงานให้ เพียงแต่สร้างเรื่องให้เขาเสียหายนิดๆหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”มันแสยะยิ้มพูดใส่ผมกลับมาบ้าง ทำเอาผมเงียบไป มันยกยิ้ม”ไงล่ะ ทีนี้จะหายปากหมาใส่ฉันได้หรือยัง”มันพูดอย่างได้ใจ ผมทำเสียงหึในลำคอ
“คุณนี่ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ”ผมพูดและส่ายหน้าไปด้วย
“หมายความว่าไง”มันถามเสียงเข้ม
“ก็ ผมคิดถูกแล้วที่อัดเสียงการสนทนาระหว่างคุณกับผมไว้ด้วยไง”ผมบอกมันยิ้มๆ
“ขู่กูเหรอ”มันลุกขึ้นชี้หน้า
“เปล่า พูดจริง”ผมยักไหล่ก่อนจะเปิดให้ฟัง มันอึ้งไป”กูไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ ถ้าคุยกันดีๆ”ผมพูดต่อก่อนจะเก็บไว้ พูดไม่สุภาพกับกูก็จัดให้จะได้เสมอกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ให้เกรียติ
“จะเอายังไง จะให้กูบอกว่างานมึงผ่านเหรอ”มันถามด้วยเสียงเอาเรื่องและสายตาดูถูก คิดไปว่าผมเอาคลิปเสียงมาขู่มันเรื่องงาน
“ทำบ่อยสิมึงเวลาที่อยากจะได้อะไร”ผมพูดเหยียดใส่มันบ้าง
“กูไม่เคย ความสามารถกูมากพอ ไม่งั้นกูจบเกีรตินิยมจากเมืองนอกมาได้หรอก”มันพูดกลับทันทีเมื่อโดนดูถูก
“หึ เห็นคิดก็นึกว่าเคย ถึงกูจะไม่ได้จบเมืองนอกพร้อมเกีรตินิยม แต่กูก็มั่นใจว่าสถานศึกษาในประเทศที่กูเรียน ผลิตคนมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้ที่ไหนหรอก กูก็มีความสามารถมากพอที่จะทำงานให้เป็นที่ยอมรับได้ งานชิ้นนี้กูจะกลับไปแก้ใหม่ตามที่มึงต้องการ และถ้ายังไม่เป็นที่พอใจของมึงอีกกูก็จะบอกคนจ้างกูให้หาคนใหม่ให้มึง”ผมพูดใส่มันกลับไปบ้าง
“ไหนมึงบอกว่ามีความสามารถไง แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ”มันพูดเยาะเย้ยใส่ผม
“ความสามารถกูเอาไว้ใช้กับคนที่มีความคิดและใจกุศล รู้จักแยกแยะถูกผิดได้ กูไม่ได้หลงตัวเองว่ากูเก่งหรอกนะ เพราะกูทำอย่างที่มึงต้องการทุกอย่าง ปรับในที่ควรปรับแต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ สู้เอาเวลามาแก้งานมึงไปทำอย่างอื่นที่มันไม่ถ่วงความเจริญชีวิตกูดีกว่า”ผมยกยิ้มพูดใส่มัน ที่เดินมาถึงตัวผมที่ยืนตั้งรับอยู่แล้ว ผมอยู่ในเขตของมัน ถึงจะมีกล้องวงจรปิดก็เถอะ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาผมก็เสียเปรียบมันอยู่ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำอะไร หยิบซองสีน้ำตาลที่วางไว้บนโต๊ะ
“รับไปสิ กูให้มึงคิดอีกทีถ้าจะใช้สิ่งที่มึงอัดไว้แบล็คเมล์ ของที่อยู่ในนี้คงทำให้มึงคิดได้ว่าจะต้องทำยังไง”มันแสยะยิ้มพูดก่อนจะส่งให้กับอกผมจนซองเกือบร่วงถ้าผมไม่รับไว้ซะก่อน “เปิดดูสิ ของสวยๆทั้งนั้น”มันกอดอกพูดใส่ยิ้มๆ ผมเปิดซองมองหน้ามันก่อนจะมองมือตัวเองที่หยิบรูปถ่ายเกือบสิบใบขึ้นมาดู ผมดูอย่างสงบแต่ในใจสั่นอย่างแรงด้วยความโมโหที่เรียกว่ากระทืบคนตรงหน้าให้ตายได้โทษฐานที่มันเสือกมายุ่งกับของรักและเรื่องส่วนตัวของพวกผม
“เงียบทำไม่ล่ะ รักกันมากไม่ใช่เหรอ ถ้าพาดหัวข่าว เอ หรือว่าจะทวิต ออนไลท์ทั่วดีนะ”มันพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ ผมแทบจะฉีกรูปพวกนั้นทิ้ง มันเป็นรูปของผมกับไอ้ฝิ่นที่แสดงความรักกัน แต่กับมีมือดีแอบถ่ายโดยพวกผมไม่รู้ตัว ถึงจะไม่ใช่รูปอุบาทว์แค่กอดจูบลูบคลำกันในที่มิดชิด ห้าภาพแรก ตั้งแต่ลานจอดรถจนถึงหน้าห้องที่โรงแรมที่ผมเคยพาไอ้ฝิ่นไปเมื่อตอนทำงานที่บริษัทคุณพิม ภาพหลังๆเป็นภาพที่สังขละบุรีตอนไปเที่ยวด้วยกัน ทั้งภาพเดี่ยว ภาพคู่ แม้กระทั่งภาพเกือบเปลือยตรงระเบียงห้อง จำได้ว่าผมห่อมันด้วยผ้าผืนเดียวมาดูพระอาทิตย์ตกและจูบกัน และภาพล่าสุดคือภาพที่ผมจูบเมียและยกนิ้วกลางให้มัน สิ่งที่ผมหวั่นคือนอกจากภาพพวกนี้มันยังมีคลิปเคลื่อนไหวอย่างอื่นอีกหรือเปล่า
“มึงให้คนแอบถ่ายพวกกูเหรอ”ผมถามมันกลับนิ่งๆ มือก็ดูรูปไปด้วย
“ฉลาดนักมึงก็คิดเอาสิ ถามอะไรโง่ๆทำไม”มันพูดตอกหน้าผมกลับ
“มึงทำแบบนี้ทำไม”ผมถามมันอีกอย่างใจเย็น
“กูอยากแกล้งมึง”มันพูดเน้นๆ ก่อนจะพูดต่อ” นี่แค่ภาพธรรมดา แต่มันคงพอทำให้คุณสหรัฐเล่นงานมึงได้ที่ทำให้หลานเขาพาดหัวข่าวในหัวข้อ หลานคนดังกับคู่ขาแสดงบทรักกันไม่อายสังคม”มันทำเสียงใส่ ผมแทบจะประเคนส้นตีนใส่หน้ามัน ผมไม่น่ารีบปิดที่บันทึกเสียงเลย เพราะไม่นึกว่ามันจะตลบหลังผมแบบนี้
“นอกจากภาพแล้วยังมีอย่างอื่นอีกไหม”ผมถามมันที่ตอนนี้เป็นต่อผมอยู่
“ขนาดมึงอยู่ที่ลับยังตามเก็บมาได้ และที่เหลือจะมีอีกไหม”มันเยาะผม”ลบออกซะ”มันเน้นเสียง
“มึงก็คืนภาพพวกนี้และที่เหลือให้กูสิ”ผมต่อรองมันอีก
“มึงอยากลองดีใช่ไหม”มันขู่ผมกลับ
“กูจะเชื่อใจมึงได้ไงว่าถ้ากูลบแล้วภาพพวกนี้จะไม่เผยที่ไหน”ผมพยายามใจเย็นพูดกับมัน
“กูทำแน่ถ้ามึงยังไม่ลบออก เพราะยังไงไม่มีใครเชื่อมึงอยู่แล้วว่ากูทำ มึงน่าจะรู้นะว่ากูทำได้”มันพูดบิดปากเหมือนตัวโกง ยกฐานะตัวเองมาข่ม”แสดงว่ามึงไม่รักเมียมึงจริงนี่หว่า ถึงได้ลังเล”มันพูดท้าผมอีก
“ถ้ากูจะรักใครสักคน กูไม่ใช้วิธีแบบมึงหรอก”ผมพูดจบก็หยิบออกมาลบต่อหน้ามันที่ยิ้มออก
“ก็แค่นี้”มันยักไหล่
“ที่เหลือล่ะ กูหวังว่ามึงคงรักษาคำพูดถ้ายังมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง”ผมถามส่วนที่เหลือและพูดให้มันคิด
“ก็นั่นไง กูให้แค่นั้น”มันยักคิ้วพูดใส่ผม
“มึงไม่แฟร์นี่หว่า”ผมว่ามัน
“เหลืออีกอย่างที่มึงต้องทำ”มันลุกขึ้นเดินมาใกล้ผม
“อะไร”ผมถามมันที่จ้องหน้าผม
“กูจะคืนส่วนที่เหลือให้ แต่”มันพูดเหมือนกระซิบแต่เน้นชัดทุกถ้อยคำ”มึงต้องหาวิธีเอาคืนไปเอง ก่อนมันจะหลุดออกไป ที่จริงกูอยากให้มึงเลิกกับฝิ่นซะแต่มันดูธรรมดาไปหน่อยกับวิธีแบบนี้ สู้ให้มึงใช้สติปัญญาว่าจะทำยังไงถึงจะปกป้องคนที่มึงรักได้ดีกว่า”มันเหยียดยิ้มใส่ผม
“................”
“ว่าไง วิธีมึงหาเอาเอง ถ้าไม่อยากให้คนที่มึงรักรวมไปถึงคนใกล้ชิดเขาเดือดร้อน มึงก็หาวิธีมาเอาไปซะ หรือถ้ามึงยอมกราบขอขมากู กูอาจจะเห็นใจก็ได้นะ”มันเห็นผมเงียบไม่พูดอะไรต่อก็ใส่มาอีกระลอก นี่มันนึกว่าเป็นเจ้าชีวิตคนอื่นหรือไงถึงได้มาบงการ ผมว่ามันชักเลอะเทอะแล้ว
“ถ้าทำแล้วมึงจะทำลายหลักฐานทุกอย่างใช่ไหม”ผมถามลอยๆไม่มองหน้ามัน กำมือเข้าออกอย่างระงับความรู้สึก
“แน่นอน กูก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน แต่กูพูดกับฝิ่นแล้วไม่เป็นผล ก็คงต้องพึ่งมึงแทน ให้สมชื่อกูไง น่าสนุกดีไหม”มันเอาคำผมมาย้อนใส่แสยะยิ้มอย่างพอใจ
“กูขอเวลาหน่อย”ผมตัดสินใจบอกมัน
“จะถ่วงเวลาเหรอ”มันถามกลับ
“แค่ขอเวลา กูไม่อยากให้ฝิ่นสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เมียกูเป็นคนพูดตรงๆ มึงเคยเจอกับตัวแล้วนิ”ผมบอกมันอย่างที่คิดไม่ได้ท้าทายหรือเยาะเย้ยแต่อย่างใด มันน่าจะรู้นะถ้าดูจากสีหน้าผมที่เฉยๆ
“ถ้ามึงบอกฝิ่น กูขอเตือนล่วงหน้า อย่าแม้แต่จะคิด มึงไม่มีทางหลุดรอดสายตากูไปได้หรอก นี่เป็นเรื่องที่มึงต้องจัดการด้วยตัวเอง”มันพูดดักทางผม ทั้งที่ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าไม่บอกแน่ ไม่อยากให้มันไม่สบายใจและวิตกกังวลไปด้วย อีกอย่างมันใจร้อนเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา จะเสียหายหลายฝ่าย
“มึงทำจริงเหรอ ในเมื่อมึงชอบฝิ่น”ผมหยั่งเชิงมันอีกครั้ง มันเงียบก่อนจะเอ่ยปากออกมา
“ใช่ กูเห็นแก่ตัว อยากได้มาเป็นของตัวเอง กูพูดตรงๆกับมึงเลย”มันยกยิ้มก่อนจะนั่งที่เดิม”กูจะให้เวลามึงคิด ตัดสินใจได้ก็โทรมาและระหว่างนี้อย่าได้มาขัดขวางหรือพูดหมาๆใส่กูเวลาที่เจอฝิ่นด้วย กูขอเตือน”มันยินยอมแต่ตบท้ายด้วยถ้อยคำที่ผมอยากจะเหยียบมันซะให้จมตรงนี้ แต่ทำไม่ได้ มันอัดแน่นอยู่ในอก เคยดูแต่ในหนังในละครเวลาผู้ร้ายจับนา(ย)งเอกเป็นตัวประกันและเรียกร้องให้ทำตามที่มันขอแต่มีการตลบหลังสำเร็จ แล้วผมจะทำได้ไหม เหี้ยะเอ้ย ทำไมเหตุการณ์น้ำเน่าต้องมาเกิดกับกูด้วยวะ ผู้กำกับ ตากล้อง อยู่ตรงไหน ออกมาก่อนจะโดนตีน
“ถ้ามันหลุดขึ้นมาก่อนล่ะ”ผมย้ำมันอีกครั้งให้แน่ใจ
“มึงกระทืบกูได้เลย”มันตอบกลับอย่างนักเลงเหมือนกัน และดูมั่นใจมากว่ามันจะไม่โดนผมเล่นแน่นอน ผมก็ขอให้เป็นอย่างที่มันพูด คืออยากกระทืบมันแต่ไอ้ฝิ่นต้องไม่เดือดร้อน
*
*
*
ผมขับรถกลับออกมาจากที่นั่น พยายามมีสติไม่ให้เกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวเมียเป็นหม้ายโดยใช่เหตุ อย่างน้อยขอให้ได้กระทืบมันก่อนที่ทำแบบนี้กับของรักของผม ระหว่างขับก็คิดไปว่ามันให้คนตามพวกผมตั้งแต่เมื่อไร น่าจะนานพอควรมันถึงได้รู้ว่าพวกผมทำอะไร ไปไหนกันบ้าง เรื่องขายเพื่อนไม่มีแน่นอน ไอ้คนที่มันวานต้องมืออาชีพแน่ ไอ้แทนมึงว่างมากไงวะ
“ครับพี่”พี่วัฒน์โทรเข้ามาพอดี
“เป็นไง โอเคไหม”แกถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“แก้อีกนิดหน่อยครับ”ผมบอกแกแค่นั้น ไม่อยากบอกว่าแก้แม่งทั้งหมด
“อะไรวะ พี่ว่าโอเคแล้วนะ ก็ตามที่เขาต้องการ ไผ่ ถ้าลำบากใจก็ปล่อยๆไป พี่เคลียร์เอง”แกสบทออกมาก่อนจะรับผิดชอบ
“ไม่เป็นไรพี่ ผมขอแก้ตัวอีกครั้ง ถ้ายังไม่ผ่านอีก ผมคงต้องให้พี่ช่วยแล้วล่ะ ขอโทษพี่ด้วยครับ”ผมบอกแกอย่างเกรงใจ แกก็คะยั้นคะยอให้ผมเลิกเกรงใจแก ผมก็บอกไม่เป็นไรจริงๆ ก่อนแกจะยอม
“เอางั้นเหรอ มีไรก็บอก”พี่วัฒน์พูดอีกครั้ง
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”ผมตอบรับพร้อมขอบคุณแกไปด้วย ก่อนจะวางสาย ๆ ซ้อนก็เข้ามาพอดี
“รับช้าว่ะ”เสียงต่อว่ามาทันที
“กลับยัง”ผมไม่ว่าแต่ถามกลับ
“เย็นโน่น ต้องรอรุ่นพี่ก่อน น้องน่ะเรียบร้อยแล้ว”มันพูดอย่างเซ็งๆ
“อีกนานไหม”ผมถามต่อ
“ก็เกือบทุ่มมั้ง”มันตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ถ้าไปรับกลับได้เลยเปล่า”ผมถามไปอีก อยากเจอหน้า
“ไม่ได้หรอก ต้องรวมคลาสอีก เบื่อๆๆๆๆๆ”มันโวยใส่มาตามสาย ผมนึกหน้ามันออกเลย
“ทนหน่อยสิ”ผมบอกยิ้มๆมันไม่เห็นหรอก
“เออ เป็นไงมั่ง”มันพูดเหมือนนึกขึ้นได้
“งานหรือไอ้นั่น”ผมแหย่มันกลับ
“น่วมเลยไหม คริคริ”มันก็ย้อนเข้าให้
“ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”ผมบอกมันที่หัวเราะมาตามสาย ก่อนจะเงียบ
“เป็นไร เสียงแปลกๆ”จับผิดหรือช่างสังเกตดีนะ บอกแล้วอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับผมไม่รอดมันหรอก
“เหนื่อยนิดหน่อย”ผมตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะจอดรถใต้คอนโดพอดี ล็อคเสร็จก็เดินเข้าลิฟท์
“งั้นพี่ไม่ต้องมารับหรอก เดี๋ยวน้องให้ไอ้แฝดไปส่ง อาบน้ำนอนรอเลยนะ คริคริ”มันพูดอย่างเป็นห่วงแฝงความทะเล้นมาด้วย
“อย่ามางอนแล้วกัน”ผมบอกมันก่อนจะกดชั้นที่พักอยู่
“คราวนี้อโหสิให้”มันบอก
“กูยังไม่ตาย”ผมบอกมันขำๆ คุยสักพักก็วาง
*
*
*
“เป็นไร”ผมถามไอ้ฝิ่นที่ตอนนี้เรามาเดินซื้อของที่ห้างกัน มันทำหน้าตาล่อกแล่ก
“ไม่รู้คิดไปเองเปล่า เหมือนมีคนตามเลย”มันเงยหน้ามาพูดกับผม และหันไปทางเดิม ผมมองตาม
“จะตามทำไม มึงเป็นดาราไง”ผมพูดกลบเกลื่อนออกไป ทั้งที่คิดว่าต้องมีแน่
“เออ พูดจริงก็กวนตีน จวยเอ้ย”มันตอบอย่างหงุดหงิด หลังจากมันกลับมาได้สามวัน ไอ้แทนโทรหามันเกือบตลอด มันจะไม่รับ ผมบอกให้รับเถอะ ครั้งแรกมันก็รับคุยเหมือนไม่อยากคุย ครั้งสอง สาม มันเหมือนจะสงสัยที่ผมเฉยไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา จนเกือบทะเลาะกัน
'ทำไมมึงไม่ว่าล่ะ ไหนบอกหวงกูไง’
‘กูเชื่อใจมึงไง’
‘จริงเหรอ กูว่ามึงแปลกว่ะ มีไรปิดกูเปล่า’
‘เปล่า’
‘กูรู้นะ’มันพูดและหรี่ตาใส่ ผมมองมันทันที ก่อนจะตบหัวเมียแทบทิ่มเมื่อมันพูดจบในประโยคถัดมา’มึงมีไรกับมันใช่ไหม หลังจากวันนั้น’
‘สัด คิดไปได้ พอๆ มึงเลิกพูดเลย’และมันก็เดินเชิดหน้าไป[/i]
***กลับมาปัจจุบัน****
“เดี๋ยวไปรับ”ผมบอกไอ้ฝิ่นที่วันนี้มันโทรมานัดให้ไปกินข้าวที่บ้าน มันบอกว่าพ่อให้มาชวน
“กูไม่อยากไป”มันพูดโวยวาย
“เดี๋ยวผู้ใหญ่เขาจะว่าไปถึงปู่มึงนะ”ผมพูดเอาปู่มาขู่มัน จนมันยอม ผมลงไปส่งมันข้างล่าง ที่มีรถไอ้แทนมารอรับ
“พี่ต้องไปรับนะ”มันย้ำผมอีกครั้ง
“อืม”ผมบอกมัน เอามือลูบหัว”ทนอีกนิด เชื่อพี่นะ”ผมพูดเบาๆ
“พี่พูดอะไร”มันถามงงๆ
“อย่าเพิ่งถาม”ผมจับหน้ามันพูดและจ้องตามันด้วย สื่อให้รู้ว่าผมรักมันแค่ไหน
“ครับ”มันตอบรับทั้งที่ยังงงๆอยู่
“ไปยังครับ น้องฝิ่น”ไอ้แทนเดินเข้ามาหามัน
“รู้แล้ว”มันพูดกระเง้ากระงอด เดินไปขึ้นรถ
“เมื่อไร”มันถามผม
“อีกไม่นาน มึงรอคำตอบได้เลย”ผมพูดแค่นั้น
“ไปยัง ช้าเปลี่ยนใจไม่ไปนะโว้ย”เป็นไงเห็นฤทธิ์เมียกูยัง ไอ้แทนมองหน้าผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถขับออกไป พอลับตาผมก็รับสายที่โทรเข้ามา
“อืม”ผมบอกแค่นั้น และวางสาย
/
/
/
ต่อจ๊ะ