/5
สายใยนอนฟุบหน้ากับโซฟาด้วยความอับอาย ในขณะที่วิลเลียมนั้นกำลังผัดข้าวให้เขากิน และลอบมองร่างบางบนโซฟาเป็นระยะด้วยความเอ็นดู
‘บ้าจริง เกือบไปแล้ว ...นี่ถ้าท้องไม่ร้องขึ้นมา จะไปถึงไหนต่อไหนกันนะเรา’ สายใยคิดในใจอย่างนึกตำหนิตัวเอง ที่ดันเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของชายหนุ่มจนเผลอลืมตัวลืมตนแบบนี้ ยิ่งนึกถึงใบหน้าตกใจกึ่งขำของอีกฝ่าย ก็ยิ่งทำให้เขาอับอายมากยิ่งขึ้น
“เสร็จแล้วครับพี่เอส มากินกันเถอะครับ พออิ่มแล้วจะได้ไม่มีอะไรขัดจังหวะอีก”
วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนที่เงยหน้ามามองหน้าแดงก่ำ แล้วก้มหน้าซุกโซฟาไปอีกรอบ
“หึ ๆ ขอโทษครับ ไม่แหย่แล้ว มากินข้าวกันเถอะครับนะ หิวไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มบอกกึ่งขำกึ่งเอ็นดู สายใยนอนอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้าขึ้น ใบหน้ายังคงแดงระเรื่ออยู่ให้เห็น จนวิลเลียมต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอ เพราะสีหน้าแบบนั้นมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาของเขา
“กินข้าวกันเถอะพี่”
วิลเลียมยิ้มน้อย ๆ ให้ ซึ่งสายใยก็พยักหน้าค่อย ๆ เพราะเขาก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน
“อร่อยดีนี่”
สายใยเอ่ยชมหลังจากที่เคี้ยวคำแรกที่ตักเข้าปาก วิลเลียมยิ้มกว้างอย่างดีใจ ทำให้คนกินชะงัก หน้าแดงน้อย ๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไปเงียบ ๆ
“อยากอยู่กับพี่แบบนี้ไปทุก ๆ วันจังเลยนะ ได้คุยกับพี่ ...เห็นพี่ยิ้ม ...เห็นพี่มีความสุข”
วิลเลียมพึมพำ แต่พอเห็นสายใยหยุดมือและมีสีหน้าลำบากใจ เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วกินข้าวผัดในจานของตนไปเงียบ ๆ เช่นเดียวกัน จนกระทั่งทั้งคู่กินหมดวิลเลียมจึงเก็บจานเปล่าไปล้าง โดยที่สายใยทักท้วงตามมา
“เดี๋ยวพี่ล้างเอง บิลไม่ต้องล้างหรอก”
“ไว้หายดีแล้วจะปล่อยให้ล้างนะครับ ตอนนี้นั่งรอเฉย ๆ ก่อนนะ”
วิลเลียมหันมาบอกยิ้ม ๆ ทำให้คนท้วงต้องนั่งเงียบ แล้วเฝ้ามองแผ่นหลังของอีกฝ่าย ก่อนจะหวนคิดถึงคำพูดและการกระทำที่ผ่านมาของชายหนุ่ม แล้วเขาก็ต้องก้มหน้ามองโต๊ะ เม้มปากน้อย ๆ อย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“พี่เอส...พี่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เหม่อเชียว”
วิลเลียมที่ล้างจานเสร็จ เดินมาถามคนที่กำลังนั่งเหม่อ สายใยสะดุ้งเฮือก เมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาจะจับไหล่เขา ท่าทางตกใจและพยายามจะเบี่ยงหลบ ทำให้วิลเลียมชะงักแล้วค่อย ๆ ดึงมือกลับมาก่อนจะฝืนยิ้ม
“ขอโทษ...พี่คงไม่ชอบสินะ”
“เอ่อ...คือพี่ไม่ได้ตั้งใจ...”
สายใยพยายามจะแก้ตัว แต่ก็ยังคงสับสนในตัวเองเช่นเดิม เขาไม่ได้รังเกียจวิลเลียม แต่ก็ไม่อยากสานสัมพันธ์ให้มันแน่นแฟ้น มากไปกว่านี้
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ... แล้วก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ เพราะยังไงผมก็เลิกรักพี่ไม่ได้อยู่ดี”
วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้มเศร้า ๆ ทำให้คนมองเจ็บแปลบที่ใจไปด้วย
“พี่จะขึ้นชั้นสองเลยหรือเปล่า ผมว่าจะไปนอนพักสักหน่อย ถ้าพี่จะไป ผมจะอุ้มพี่ขึ้นไปให้”
“...เอ่อ พี่ขอนั่งเล่นอยู่แถวนี้ดีกว่า”
สายใยปฏิเสธ ทำให้อีกฝ่ายหน้าซึมยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าตัวพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงเดินกลับขึ้นไปชั้นบน พอสายใยได้ยินเสียงปิดประตู เขาจึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
“ขอโทษนะบิล ...ยังไงพี่ก็ทำตามคำสัญญานั่นไม่ได้ ...ไม่ใช่รังเกียจบิลนะ แต่พี่...”
ชายหนุ่มกลืนคำพูดที่เหลือไว้ในลำคอ เขานอนเอนกายลงบนโซฟา หลับตาลงเพื่อข่มความสับสนในใจซึ่งกำลังเกิดขึ้นในยามนี้
สายใยนอนหลับยาวโดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกตัว แต่พอได้ยินเสียงใครคุยกันเบา ๆ แว่วมาเข้าหู เขาก็ลืมตาตื่นขึ้น แล้วก็ต้องพบว่าตนนั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง
“พี่ฝากเอสด้วยนะบิล ไว้พี่จะมาเยี่ยมใหม่”
เสียงทุ้มที่ดังลอดมาจากประตูห้องที่เปิดแง้มทิ้งไว้ ทำให้สายใยขมวดคิ้วเพราะจำได้ว่านั่นคือเสียงของสิทธาพี่ชายของตน
“ไม่ต้องห่วงนะครับพี่อาร์ม ผมจะดูแลพี่เอสเป็นอย่างดี”
เสียงของวิลเลียมตอบกลับไป แล้วจึงตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของอีกคนที่ดังขึ้น จากนั้นสายใยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ค่อย ๆ ห่างออกไป สักพักประตูห้องจึงเปิดออกมา พร้อมกับร่างของใครบางคนที่กำลังทำให้หัวใจของเขาสับสนปั่นป่วนในช่วงนี้
“อ้าว ตื่นแล้วหรือครับพี่เอส เป็นไงครับ หิวหรือยัง เดี๋ยวผมยกข้าวเย็นขึ้นมาให้พี่นะ”
วิลเลียมทักทายอย่างยิ้มแย้ม แววตานั้นก็แสดงออกว่าห่วงใยเอาใจใส่เขา จนสายใยต้องรีบหลบตา หน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เอ่อ...ขอบคุณ พี่ยังไม่หิวหรอก...อ๊ะ จริงสิ เมื่อครู่พี่อาร์มมาหรือเปล่า?”
สายใยรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ร่างสูงที่มองอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ตอบคำถามไปตามตรง
“ครับ มาได้สักพักแล้ว แต่พี่เอสหลับอยู่ ผมกับพี่อาร์มเลยไปนั่งคุยกันด้านล่าง นี่เมื่อครู่พี่อาร์มเขาก็แวะมาดูพี่อีกรอบ แต่เห็นพี่ยังไม่ตื่นก็เลยไม่ได้ปลุก ตอนนี้ก็กลับไปแล้วครับ”
สายใยพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนึกขึ้นได้อีกเรื่อง
“แล้วพี่ขึ้นมานอนบนห้องนี้ได้ไง...เอ่อ...บิลพามาหรือ”
ชายหนุ่มถามตะกุกตะกัก วิลเลียมอมยิ้มแล้วพยักหน้า
“ครับ ผมกลัวพี่จะนอนลำบาก เลยอุ้มขึ้นมา.... ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ได้ล่วงเกินอะไร”
ท้ายประโยคเจ้าตัวแย้มยิ้มน้อย ๆ แหย่ ทำให้คนฟังหน้าแดงวาบ แล้วรีบหลบตาอีกครั้ง ใจเต้นแรงอย่างไม่คิดว่าจะเป็นได้ ทั้ง ๆ ที่เฝ้าบอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจอะไรอีกฝ่ายเลยแท้ ๆ
“พี่เอส ...เป็นอะไรไปครับ ...เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
วิลเลียมแกล้งถาม ทั้งที่มองสีหน้าอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ เขาซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้าแล้วทำเป็นวิตกกังวลพร้อมกับขยับมาทรุดนั่งบนเตียงของชายหนุ่ม
“เอ่อ...พี่ ...เปล่า...คือ...ไม่ได้เจ็บอะไร”
สายใยบอกเสียงสั่น นึกโมโหตัวเองที่จะพูดจะทำอะไรก็ดูติดขัดไปเสียหมด
“หรือครับ...ถ้าอย่างนั้นผมก็โล่งอก”
วิลเลียมบอกพลางถอนหายใจ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน ทำให้คนมองสบตาด้วยหัวใจกระตุกวูบ ใบหน้าร้อนวูบวาบเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาลูบเส้นผมของตนแผ่วเบา
“คิดถึงสมัยก่อนจังนะครับ เวลาผมเจ็บหรือมีแผล พี่ก็จะคอยปลอบ คอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ ตลอด ...พี่รู้ไหม ตอนนั้นผมมีความสุขมาก จนบางครั้งผมยังแอบคิดว่า เจ็บบ่อย ๆ ก็ดีนะ จะได้มีพี่คอยห่วงแบบนี้ไปเรื่อย ๆ”
วิลเลียมเล่าถึงอดีตสมัยตนยังเป็นเด็กน้อย ทำให้สายใยนึกตามแล้วหลุดอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อลมหายใจร้อน ๆ จากคนใกล้ตัวเป่ารินรดมาใกล้ใบหน้าของเขา
“พี่เอส... ผมรักพี่นะ”
คำสารภาพรักหวาน ๆ พร้อมแววตาวาววามที่ส่งประกายความรักอย่างไม่คิดปิดบัง สะกดให้สายใยนิ่งอึ้ง ไม่คิดปฏิเสธหรือหลีกหนี เขาค่อย ๆ ปรือตาลงเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาชิดมากขึ้นทุกที
“บิล...พี่...อืม...”
เสียงเรียกชื่อชายหนุ่มแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกประทับลง ทำให้คำพูดที่คิดจะบอกออกไปถูกกลืนหายในลำคอ ทว่าผู้รุกรานก็ไม่คิดสนใจว่าร่างบนเตียงจะพูดอะไร เพราะยามนี้เจ้าตัวกำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสริมฝีปากและเรียวลิ้นหวานชื้นอย่างหรรษา
“อะ...อืม...พอเหอะบิล...”
สายใยครางกระเส่า เมื่อร่างสูงกว่าเริ่มไม่พอใจแค่ริมฝีปาก แต่กลับซุกหน้าไซ้ไปทั่วลำคอและลงมาถึงแผ่นอกเนียน เสื้อที่เขาสวมอยู่ถูกโยนไปไว้ข้างเตียง ส่วนกางเกงก็กำลังถูกอีกฝ่ายปลดเปลื้องออกอย่างไม่รีบร้อนนัก
“พี่เอส...ให้ผมเถอะนะ...ผมอยากกอดพี่”
วิลเลียมพึมพำเสียงต่ำด้วยความลุ่มหลงในสัมผัสอันแสนหวานที่ได้รับจากร่างบาง
“มะ...ไม่เอา...พี่...กลัว”
สายใยบอกเสียงสั่นเมื่อมือใหญ่ดึงกางเกงของเขาลง และลูบไล้ไปทั่วสะโพกแผ่วเบา แม้จะมีชั้นในผ้าฝ้ายนุ่มสวมอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงรู้สึกเสียววาบไปทั่วท้องอยู่ดี
“ยะ...อย่า...อ๊ะ! เจ็บ!”
สายใยหลุดอุทานเมื่อมือใหญ่บีบเค้นที่สะโพกเขาหนักขึ้นอย่างเผลอตัว ทำเอาวิลเลียมชะงัก หยุดมือ อารมณ์วาบหวามหายไปเกือบหมด
“พี่เอส! เจ็บมากไหม! ผมขอโทษ...ผมลืมไปว่าพี่เจ็บอยู่”
ชายหนุ่มผู้อ่อนเยาว์กว่าเงยหน้ามาละล่ำละลักขอโทษด้วยแววตาสำนึกผิด ทว่าสายใยกลับไม่ได้โกรธ ที่อีกฝ่ายล่วงเกินเขาเมื่อครู่แม้แต่น้อย ทว่าเจ้าตัวกลับตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและพยายามหลบตาเต็มที่
“ไม่เป็นไร...พี่อยากพักแล้ว”
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการพักผ่อนจริง แต่วิลเลียมก็จำใจพยักหน้า แล้วถอยห่างออกมายืนข้าง ๆ จ้องร่างบนเตียงด้วยใบหน้าเศร้า ๆ ก่อนจะพึมพำขอตัวกลับห้องไป
“บ้าชะมัด...ทำไมใจง่ายแบบนี้นะเรา”
สายใยพึมพำต่อว่าตัวเอง เพราะเมื่อวิลเลียมจากไปแล้ว เขากลับรู้สึกโหยหาสัมผัสเมื่อครู่จากชายหนุ่ม ใบหน้าแดงระเรื่อซุกหลบกับหมอนใบใหญ่ของตน พยายามข่มตาให้หลับ แม้จะทำได้ยากลำบากนักก็ตาม
เช้าวันถัดมา สายใยขยับตัวพร้อมกับนิ่วหน้าเล็กน้อย บริเวณสะโพกยังรู้สึกช้ำระบมจากอุบัติเหตุเมื่อวาน แต่พอหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเย็น เจ้าตัวก็ต้องหน้าแดงวาบ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะความระบมช้ำดังกล่าวจนทำให้เขาต้องหลุดร้องเจ็บออกมา มีหวังคงได้เลยเถิด แล้วต้องเจ็บบริเวณเดียวกันในอีกแบบแทนแน่
“บ้าจริง....คิดอะไรลามกแบบนี้กันนะ”
สายใยบ่น แล้วค่อย ๆ ยันกาย ลุกขึ้นช้า ๆ เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย แต่พอออกมาก็เห็นวิลเลียมนั่งรอเขาอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าห่วงใย
“พี่เอส...เป็นไงครับ เดินไหวแล้วหรือ”
สายใยชะงักก่อนจะหลบตาแล้วพึมพำตอบ
“อะ...อืม ดีขึ้นแล้ว”
วิลเลียมจ้องคนตรงหน้าที่ไม่ยอมสบตาเขานิ่ง ก่อนที่ตัวเองจะหลุบตาลง แล้วเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว
“... แต่ยังไงพี่ก็ต้องทานข้าวและทานยานะครับ เมื่อวานผมลืมไป ไม่งั้นพี่คงค่อยยังชั่วไวกว่านี้”
พอพูดถึงเมื่อวานสายใยก็หน้าแดงวาบ พยายามเบือนหน้าหนีเต็มที่ ทว่าอีกฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นมาหลังจากนั้นไม่ทันได้เห็น เลยพาลนึกไปว่าชายหนุ่มนั้นโกรธเรื่องที่ตนทำไปเมื่อวาน
“พี่...ผมขอโทษ...จะด่าว่าทุบตียังไงผมก็ยอม แต่พี่อย่าเมินผมแบบนี้เลยนะ”
สายใยสะดุ้งรีบหันกลับไปมองคนพูด แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของอีกฝ่าย
“ไม่ใช่นะ! พี่ไม่ได้โกรธบิลเลย! พี่...”
สายใยรีบแก้ตัวแล้วก็ชะงักก่อนจะหน้าแดงวาบด้วยความเอียงอาย ทำให้คนมองนิ่งอึ้ง ใบหน้าสลดกลับกลายเป็นยิ้มกว้าง แล้วลุกขึ้นมากอดคนตัวเล็กกว่าแน่นอย่างยินดี
“พี่เอส…พี่ไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดผมสินะ....แสดงว่าผมยังมีหวังใช่ไหม...”
“บิล...ปล่อยพี่เถอะ...เอ่อ...พี่หิวข้าวแล้วนะ”
สายใยบอกอาย ๆ ทำให้คนกอดอมยิ้มแล้วยอมปล่อยคนในอ้อมแขนตามมา
“งั้นไปทานข้าวเช้าด้วยกันนะครับ ...ผมทำข้าวต้มเครื่องไว้ให้พี่ พี่ไปชิมหน่อยสิว่ากินได้ไหม”
สายใยเบิกตามองคนตรงหน้าอย่างนึกทึ่ง ดูท่าอีกฝ่ายจะถนัดงานครัวเหมือนอย่างที่คุยเอาไว้เสียแล้ว
“อะ...อืม”
สายใยรีบหลบตาพยักหน้ารับคำ เพราะขืนจ้องตากันนานกว่านี้ คงไม่แคล้วจะได้อดมื้อเช้าแน่ เพราะยิ่งจ้องนัยน์ตาของอีกฝ่ายก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหวานเชื่อมขึ้นมาแทน
“หึ ๆ งั้นไปกันเถอะครับ”
ดูเหมือนวิลเลียมจะรู้ตัว เขาอมยิ้มน้อย ๆ แล้วประคองร่างบางข้างกายลงไปด้านล่าง เพื่อไปรับประทานอาหารมื้อเช้าด้วยกัน
“อร่อยจัง ...นายนี่เก่งนะ”
สายใยชิมข้าวต้มเครื่องในชามแล้วเงยหน้าไปยิ้มชมคนทำ วิลเลียมยิ้มกว้างแล้วตอบกลับไป
“ก็ฝึกเพื่อที่จะมาเป็นเจ้าบ่าวให้พี่นี่ล่ะ ...เวลาเราแต่งงานกัน ผมจะได้คอยดูแลปรนนิบัติพี่ ให้พี่มีความสุขยังไงล่ะครับ”
คำตอบหวาน ๆ ทำให้คนฟังแทบสำลักข้าวต้ม ใบหน้าขาวแดงวาบ พยายามไม่เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มจนหมดชาม
“รอสักพักค่อยทานยานะครับ”
วิลเลียมเก็บชามไปวางไว้ในอ่างล้างจาน แล้วมานั่งจ้องหน้าอีกฝ่าย จนสายใยเริ่มอึดอัด
“บิลไม่มีอะไรทำหรือ”
“มีสิครับ...ก็มองหน้าพี่ไง”
คนฟังหน้าแดง แล้วก้มหน้าหลบต่อ จนสักพักวิลเลียมก็ลุกขึ้น แล้วหยิบยาพร้อมน้ำมาวางตรงหน้าชายหนุ่ม
“ทานยานะครับ”
“อะ...อืม”
สายใยรับคำแล้วทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน และพอทานยาเรียบร้อย เขาก็ลุกขึ้น หวังจะหนีไปทำงานบนห้อง แต่อีกฝ่ายก็รวบร่างเขาช้อนขึ้นอก แล้วกระซิบบอก
“เดี๋ยวผมไปส่งให้ที่ห้องนะ”
“ตะ...แต่พี่เดินเองได้...”
สายใยอุบอิบบอก ทว่าคนอุ้มกลับแย้งกลับด้วยใบหน้าระบายยิ้ม
“... สะเทือนน้อย ๆ จะได้หายไว ๆ ไงครับ”
ชายหนุ่มหน้าแดงนิด ๆ แต่ก็ยอมพยักหน้าให้อีกฝ่ายอุ้มกลับห้อง เพราะคิดว่าต่อให้แย้งไปยังไง วิลเลียมก็คงไม่สนใจฟังอยู่ดี
เมื่อถึงห้องวิลเลียมก็วางร่างโปร่งลงบนเตียง สายใยพึมพำขอบคุณ แต่ก็ต้องชะงักคำพูดเอาไว้ เมื่อร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาประชิดแล้วขโมยชิมริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว
“ค่าอุ้ม ...ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ”
บอกแล้ววิลเลียมก็ยิ้มแย้มพลางเดินผิวปากกลับห้องอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้สายใยนั่งตะลึง พอรู้สึกตัว ชายหนุ่มก็โวยวายด้วยใบหน้าแดงก่ำ พร้อมกับเขวี้ยงหมอนไปที่ประตูอย่างหงุดหงิดแกมอาย ที่ถูกแกล้งเอาเปรียบเข้าให้อีกจนได้
...TBC...
แหม....มีแต่คนเชียร์ให้พี่เอสไม่รอด ...ก็นะ ไม่รอดแน่ แต่เป็นตอนหน้า ๆ นะคะ หุ ๆ ...ก็ติดตามกันไป เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้น เพราะงั้นอีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วจ้า ^^" อ่านเอาหวาน ๆ เติมน้ำตาลให้ชีวิตแก้ขัดกันน้อ