---ตอนที่ 31---
แฟง's part
"แฟง ไปแ*กข้าวกัน หิว วันนี้คนไข้เยอะชิบหาย" นาทีที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์เอ่ยขึ้น พรางเอาแขนพาดไหล่ผมที่ยืนอ่านข้อมูลคนไข้ที่มาใหม่เมื่อเช้านี้จากแฟ้มข้อมูงที่พยาบาลยื่นให้ที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่
"มึงไปก่อนเดี๋ยวตามไป" ผมยังคงอ่านข้อมูลคนไข้รายนี้ต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะปิดแฟ้มข้อมูลคนไข้แล้วยื่นคืนให้พยาบาลคนเดิม
"ทำไมไม่ไปพร้อมกัน ให้กูรอก็ได้นะ เพื่อนรัก"
"หื่อ ไม่ต้อง มึงไปก่อนเลย" ผมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลโดยมีนาทีเดินเอาแขนพาดไหล่ผมเดินมาข้างๆกัน เรามีส่วนสูงใกล้เคียงกันเพราะฉะนั้นการที่มันโอบไหล่ผมแล้วเดินไปแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก แล้วมันก็ชอบทำด้วย ไม่รู้เป็นไรชอบเอาแขนมาพาดไหล่ผม บางทีก็นึกสงสัยว่ามันเมื่อยไม่รู้จะเอาแขนไปวางที่ไหนรึเปล่า
"แหนะ มีพิรุจวะ" นาทียื่นหน้ามาใกล้ๆ แถมยังจ้องตาผมเหมือนจะจับผิดอะไรผมสักอย่าง
"พิรุจพ่องงง รีบไสหัวไปไกลๆ" ผมผลักหัวมันออกไปไกลๆ
"กูไม่ไป จะยืนจับผิดคนอยู่ตรงนี้แหละ"
"กวนตีน"
"เรื่องของกู หน้ามึงโคตรมีซัมติงอะ"
"ซัมติงบ้างพ่องง ไหนบอกหิว ก็ไปหาอะไรแ*กสิวะ จะมายืนเกาะกูเป็นปลิงดูดเลือดอยู่ทำไม รำคาญ" ผมจับมือมันที่พาดไหล่อยู่ออก ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปทางประตูหน้าโรงพยาบาล ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพักเมื่อไม่เห็นนาทีเดินตามมาก็คิดว่ามันปลีกตัวไปหาอะไรกินที่โรงอาหารแล้ว
"หึ กูรู้แล้วว่ามึงยืนทำหล่ออะไรอยู่ตรงนี้" แต่จู่ๆมันก็โผล่มายืนช้อนหลังผมแล้วกระซิบเบาๆ
"อะไรของมึงเนี่ย" เชี่ยยย กูตกใจหมด เสียงแม่งหลอนสัส แล้วแม่งไม่รู้เป็นห่าอะไรต้องทำเสียงแหบๆเบา โคตรจะขนลุก
"โน่นไง มาโน่นแล้ว ที่แท้ก็มีปิ่นโตภัตตาคารจีนสั่งตรงจากปักกิ่งมาส่งนี่หว่า" มันใช้ปากยื่นๆของมันชี้ไปทางถนนหน้าโรงพยาบาลที่มีคนตัวเล็กถือปิ่นโตสีขาวลายมารีกำลังเดินมาหาผม วันนี้คุนคุนในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีครีมอ่อนดูน่ารักสดใสยิ่งกว่าทุกวัน
"ยุ่ง" เสือกทุกวินาทีจริงๆ เปลี่ยนชื่อเถอะ จากนาที เป็นวินาที โคตรจะเข้ากับหน้าตาสอดรู้สอดเห็นของมันตอนนี้ชิบหาย
"พี่แฟงคร้าบบบ รอนานมั้ยเอ่ย อ้าวพี่นาทีสวัสดีครับผม" คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้นาทีทันทีที่เดินมาหยุดยืนด้านหน้าผม
"ไม่ต้องไหว้ๆ ไม่อยากแก่ วันหลังเดินมากอดเฉยๆเป็นพิธีพอ มาๆมากอดกันหน่อย" ว่ายังไม่ทันจบประโยคดี ไอ้คนที่พูดปาวๆเมื่อครู่ว่าเป็นเพื่อนรักผมก็โผลจะเข้าไปกอดคุนคุนที่ยกมือไหว้ค้างไว้อยู่
"เอ่อ..."
"กอดพ่องงง ไปไกลๆตีนกู เกะกะน่ารำคาญ" ผมรีบยื่นมือเข้าไปดึงคอเสื้อกาวน์นาทีไว้ก่อนที่มันจะเข้าประชิดตัวคุนคุน
"โอ้ย อะไรวะ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคนนี้เนี่ย" สงสัยจะดึงแรงไปหน่อย อีกฝ่ายเซถอนหลังไปเกือบชนเสาข้างๆ
"หิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า วันนี้มีอะไรมากิน" นาทีโวยวายเป็นวรรคเป็นเวรแต่ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจมัน เดินเข้าไปโอบเอวคุนคุรแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น เป้าหมายของเราวันนี้คือเก้าอี้ในสวนหย่อมข้างโรงพยาบาลเนี่ยแหละ ตรงนั้นบรรยากาศดี ไม่อุดอู้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลายคนก็มานั่งทานอาหารกลางวันกันตรงนี้เหมือนกัน
"วันนี้คุนมีสลัดแซลม่อน กับปลาหิมะย่างเกลือมาให้พีาแฟงครับ แล้วก็มีผลไม้ กับ..." คนตัวเล็กแกะปิ่นโตลายมารีออก ก่อนจะสาธยายอาหารด้านในที่ล้วนน่าตาน่าทานทั้งนั้น ผมท้าวคางนั่งมองหน้าคนตัวเล็กที่ขยับปากสีแดงระเรื่ออธิบายเมนูนี้ทีเมนูโน้นที สามวันมานี้ผมไม่แตะข้าวโรงพยาบาลอีกเลยครับ มื้อเช้าคุนคุนก็ทำใส่กล่องทาให้ ส่วนมื้อกลางวันก็เอาใส่ปิ่นโตมานั่งทานด้วยกันที่โรงพยาบาล อาหารคุนคุนอร่อยกว่าของโรงพยาบาลเยอะ แถมยังได้กินข้าวกับไอ้หน้าจิ้มลิ้มทุกเที่ยงอีก เพื่อนๆในโรงพยาบาลนี่อิจฉาผมกันทั้งนั้น ทำไงได้ละก็แฟนเรามันแม่ศรีเรือนนี่เนอะ
"มึงจะตามติดกูเป็นขี้อีกนานมั้ยนาที" แต่โมเมนต์สีชมพูวิ้งๆก็หายวับไปกับตาเมื่อเพื่อนรักหน้ามึนหน้าหนาเหมือนโบกปูนซีเมนต์ไว้สิบชั้นมานั่งหน้าสลอนร่วมโต๊ะกับผมซะงั้น
"ก็กูหิว" ยังหน้าด้านตอบมาได้ดูมัน
"มึงหิวก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารโน่น"
"ไม่ กูจะกินปลาหิมะ!" นาทีไม่นั่งเฉย หยิบปิ่นโตปลาหิมะของผมไปวางตรงหน้ามันอีก หน้าด้านไม่มีใครเกิน
"กูไม่ให้กิน! จะไปไหนก็ไป ไปแ*กข้าวกับเพื่อนใหม่มึงโน่น นั่นไงมันลงมาจากตึกแล้ว" ผมแย่งปิ่นโตปลาหิมะมาจากมัน เหลือบไปเห็นธันวากำลังเดินลงมาจากตึกพอดีเลยเสนอให้มันไปกินข้าวด้วยกัน ช่วงนี้ธันวามันมากินข้าวกับพวกผมบ่อยครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มมันได้ไปขึ้นวอร์ดแผนกฉุกเฉินเลยกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลา ต่างจากพวกเราที่ได้วอร์ดอายุรกรรมเลยโชคดีนิดหน่อย แต่ความโชคดีนี้อยู่ได้ไม่นานหรอกเพราะอีกไม่กี่เดือนก็ต้องสลับกันไปวอร์ดอื่นอยู่ดี
"ไม่ๆ วันนี้เบื่อขี้หน้ามัน เบื่อโรงอาหารโรงพยาบาล เบื่ออาหารโรงพยาบาล อยากกินอาหารของน้องคุนคนน่ารัก พี่กินด้วยนะคร้าบบบ" พอผมแย่งปลาหิมะมาจากมัน มันก็เอื้อมมือไปลากปิ่นโตสลัดแซลม่อนมาแทน
"ไม่" แต่มีหรือที่ผมจะยอม คุนคุนทำมาให้ผมนะโว้ย ผมแย่งคืนแม่งเลย กลายเป็นสงครามแย่งปิ่นโตไปในทันที
"เฮ้ย ไรวะ ขัดขวางหรอมึงอะ ไม่ทำงี้ดิเพื่อนรัก"
"นาทีไปเล่นไกลๆ" ผมวางปิ่นโตในมือลง ก่อนจะมองหน้ามันด้วยสายตาที่บอกว่าไม่เล่นด้วยแล้ว มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามากวนตีนกู! เราสองคนจ้องหน้ากันได้สักพัก คุนคุนก็เอ่ยขึ้นมา คงกลัวว่าเราจะฆ่ากันด้วยสายตาตายไปก่อนจะได้กินอาหารมื้อนี้ที่ตั้งใจเตรียมมาให้
"เอ่อ พี่นาทีครับ คือคุนไม่ได้ทำมาเผื่ออะครับ" คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำมาเผื่อส่วนเกินอย่างนาที
"ได้ยินรึยัง ไสหัวไป กูจะไปนั่งแ*กข้าวกับที่รักกู"
"แหมๆๆ เต็มปากเต็มคำเลยนะตัวเอง แล้วเค้าอะ ลืมเค้าแล้วอ่ออออ" มันยังไม่ไปอีกนะ ไล่ขนาดนี้แล้ว แถมยังมีหน้ามาทำท่าเล่นหูเล่นตากับผมอีก เอ๊ะไอ้นี่!
"ฮ่าๆๆๆ" คุนคุนเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา
"กวนส้นตีน ไปไกลๆ" แต่ผมไม่อยากเล่นด้วยไงตอนนี้ เสียเวลาแ*กข้าว เสียเวลาจู๋จี๋กับที่รักกู!
"หรือถ้าพี่นาทีอยากทานงั้นทานส่วนของคุนก็ได้ครับ" อ้าว ไอ้คุนนี่ก็ใจดีเข้าไปอีก โอ้ยน้อ!
"เชี่ย น้ำใจงามสุดๆ"
"ซึ้งมั้ย ถ้าซึ้งก็บีบน้ำตาออกมา กูจะแบ่งเศษผักให้สักสองสามใบ"
"ส่วนเพื่อนแฟงก็เ*ยสุดๆ หิวเว้ย ไปชวนไอ้ธันหาไรอร่อยๆแ*กนอกมหาลัยดีกว่า เชิญมึงจู๋จี๋กับที่รักของมึงตามสบาย พี่ไปแล้วน้องถั่วงอก" ว่าแล้วมันก็ลูกขึ้นปัดตูดสองสามทีแล้วก็เดินไปหาเพื่อนคนใหม่ของมันที่ยืนอยู่หน้าอาคาร มันคงนัดกันไว้แล้วแหละ แต่ตั้งใจมากวนตีนผมฆ่าเวลารอธันวาเท่านั้นเอง เป็นเพื่อนกันมานานทำไมจะไม่รู้นิสัยของมัน
"เออ รีบๆไปรำคาญ"
"คร้าบผม" ไอ้ตัวเล็กยิ้มแก้มปริ โบกไม้โบกมือให้นาทีที่เดินห่างออกไป
"ยิ้มให้มันทำไมห้ามยิ้ม เก็บปากเดี๋ยวนี้เลย"
"ยิ้มไม่ได้หรอครับ เพื่อนพี่แฟงตลกนิครับ"
"ห้ามยิ้ม กูหวง" จบมั้ย?!!
พอมารผจญจากไป โลกสีชมพูของเราก็สงบสุขอีกครั้ง เราใช้เวลาในการทานอาหารไม่นาน ตัวผมเป็นคนกินเร็วอยู่แล้ว ด้วยการเป็นจะหมอนั้นเวลาเป็นสิ่งสำคัญจะมาเอ้อระเหยลอยชายแ*กข้าวเคี้ยวข้าวทีละเม็ดมันทำไม่ได้ไง เลยติดนิสัยกินเร็วมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ส่วนคุนเองด้วยมีพื้นฐานเป็นคนจีนอยู่แล้ว กินเร็วเหมือนกันถึงสปีดการกินจะไม่เร็วเท่าความเร็วแสงเหมือนผม แต่ก็จัดได้ว่าเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่ประมาณหนึ่ง
"เออ อาทิตย์หน้่วันหยุดยาว ทางสโมสรนักศึกษาแพทย์จะไปออกค่ายช่วยเหลือชุมชนที่เชียงใหม่นะ ไปห้าวัน" ผมเอ่ยขึ้นทันทีที่ทานอาหารเสร็จ
"นานจัง" คนตัวเล็กที่กำลังเก็บปิ่นโตซ้อนทับกันอยู่หันหน้ามามองผมด้วยสายตาละห้อยทันที
"ไม่ต้องทำหน้าหงอย" แม่งเอ้ย ทำหน้าแบบนี้ทีไร ใจกูอ่อนปวกเปียกทุกที
"ก็คุนคิดถึง"
"ก็เดี๋ยวคอลหาก็ได้"
"ไปด้วยสิ" คนตัวเล็กวางปิ่นโตลง ก่อนจะนั่งท้าวคางแล้วหันหน้ามาทำตาปริบๆเชิงอ้อนส่งให้ผม
"อยากไปหรอ" ผมเลยถามออกไป
"อะฮะ" อีกฝ่ายรีบทำตาโตกระพริบตาปริบๆ เหมือนแมวเวลาอยากกินขนมยังไงยังงั้น
"ไปไม่ได้ มันร้อน แดดแรง" ด้วยค่ายอาสาที่ผมจะไปนั้นนอกจากจะไปบริจาคสิ่งของพวกเครื่องดนตรีกับอุปกรณ์กีฬา แต่ต้องไปทำนุบำรุงอาคารเรียนตากแดดตากฝนห้าวันด้วย เพราะยอดเงินบริจาคที่ได้มานั้นเกินเป้าที่ตั้งไปเยอะมาก จากที่ตั้งยอดบริจาคไว้ที่สองแสน ผลตอบรับคลิปวีดีโอนั้นท่วมท้น ทำให้มียอดบริจาคเข้ามาเกือบแปดแสน ผมเห็นยอดละงงเลยครับ นี่มันยิ่งกว่ายอดกฐินวัดแถวบ้านอีกนะ หรือผมจะลาออกจากเรียนหมอแล้วไปเป็นนักร้องดีวะ เงินดีชิบหาย
"คุนทาครีมกันแดดได้ เอ่อ ใส่หมวกด้วยก็ได้" ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมง่ายๆ ขนาดครีมกันแดดที่ไม่ชอบทายังเสนอตัวว่าจะทาซะด้วย
"หึๆ อยากไปขนาดนั้นเชียว"
"ก็อยู่คอนโดคนเดียวคุนเหงา ยังไม่เปิดเทอมด้วยสองแฝดก็ออกไปเที่ยวตลอด ไม่มีเพื่อนเล่นเลย" ฟังเหตุผลแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ช่วงนี้สองแฝดแม่งก็เดินสายออกนอกคอนโดเป็นว่าเล่นจริงๆนัานแหละ อยู่ไม่ติดคอนโดเลยสักวัน ไอ้ทัพนั้นพอรู้อยู่ว่ามันไปถ่ายแบบ ถ่าย MV อะไรของมัน แต่ไอ้ขุนนี่สิ เลิกกับแฟนมาได้สักพักแล้วยังไม่มีข่าวว่าจีบใครสักหน่อยแล้วแม่งออกไปไหนทุกวันวะ ทีเมื่อก่อนตอนกูจีบคุนใหม่ๆนี่มาคอยเคาะห้องกูเช้า กลางวัน เย็น เลยนะมึง
"ไปไม่ได้หรอก อาจารย์จุไรรัตน์ไม่ให้คนนอกไปด้วย" ผมตอบไปตามตรง แม้ใจจริงจะวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะเอาคุนคุนไปด้วย แต่พอไปคุยกับอาจารย์จุไรรัตน์ที่ปรึกษาสโมฯ แกกลับไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องไปด้วย คือก็เข้าใจแกแหละ เพราะแกต้องรับผิดของชีวิตนักศึกษาร่วมกว่ายี่สิบชีวิต ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันจะมีปัญญาภายหลังนะสิ
"พี่ถามแล้วหรอ" อีกฝ่ายหน้าหงอยกับคำตอบที่ได้รับจากผมทันทีอย่างเห็นได้ชัด
"อืม ถามแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกก็ว่าจะพาไปด้วยแหละ กูว่ากูก็คงคิดถึงมึงเหมือนกัน"
"พี่แฟงน่ารักที่สุด ทานฝรั่งนี่เยอะๆครับ คุนปลอกมาใหม่ๆ หวานกรอบมากครับ" คุณเป็นคนพูดง่ายและมีเหตุผลเสมอ พอรู้ว่าไปไม่ได้จริงๆก็ไม่ได้เซ้าซี้ แต่ก็ยังทำหน้าหงอยเป็นลูกแมวหิวขนมอยู่เหมือนเดิม
"อือ กรอบดี หวานด้วย ไม่ทำหน้าหงอยแบบนั้นสิ เดี๋ยวเลิกแล้วพาไปกินขนม"
"ก็ได้ครับ"
คนหน้าหงอยมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย สฃสัยอยากไปด้วยมากมากขนาดเอาขนมมาล่อยังไม่ดีใจเลย เห็นแล้วก็สงสารจับใจ อดไม่ได้ที่จะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด เราคุยกันอีกสักพักผมก็ต้องเข้าเรียนคลาสบ่ายแล้ว ส่วนคุนคุนก็ขับรถผมกลับคอนโด ตั้งแต่กลับมาจากปักกิ่งคุนคุนก็ทำหน้าที่เป็นสารถีให้ผมครับ มาส่งตอนเช้า มาทานมื้อกลางวันด้วยกันที่โรงพยาบาล ส่วนตอนเย็นก็ขับรถมารับ เจ้าตัวบอกว่าปาป๊าเพิ่งสอนขับรถมาเลยอยากฝึกขับรถให้เก่งขึ้น ผมก็เป็นพวกตามใจไง อยากทำไรก็ทำเลย แล้วอีกอย่างคอนโดเราก็อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยด้วยเลยไม่ต้องห่วงมากนัก ถนนแถวนี้ก็ไม่มีพวกขับรถเร็วด้วย ถือว่าสบายใจไปเปราะหนึ่ง
.
.
.
.
.
.
วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเดินทางไปเชียงใหม่กับทางมหาวิทยาลัยครับ อาจารย์นัดให้มารวมตัวกันตอนแปดโมงที่หน้าคณะแพทยศาสตร์
"นักศึกษานำกระเป๋ามาไว้ใต้ท้องรถได้เลยคะ อีกสิบนาทีเราจะเดินทางกันแล้ว" อาจารย์โยธินหัวหน้าภาควิชาตะโกนบอกนักศึกษาที่เพิ่งมาถึง ซึ่งนั่นรวมถึงผมที่ยืนอยู่ข้างรถSLK ของตัวเองด้วย
"ต้องไปแล้ว" ผมหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกมาจากรถ
"พี่แฟง" คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อผมหันหลังทำท่าจะเดินไปที่รถบัส
"อะไร" ผมหันกลับมาตามเสียง เห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับเดินตามผมมาติดๆ
"คอลหาคุนทุกวันได้มั้ยครับ"
"ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วพี่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองดีๆ ห้ามไปซนที่ไหนรู้มั้ย" ผมยกมือขึ้นไปขยี้หัวฟูๆของคุนคุนทันทีที่อีกคนเดินเข้ามาใกล้
"โอเคครับ" คนตัวเล็กตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าทุกที ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าตัวเริ่มจะงอแงแล้ว แต่คงจะพยายามเก็บอาการอยู่ พอตอบรับผมเสร็จก็รีบหันหลังจะเดินกลับรถทันที
"คุน" ผมรีบเรียกอีกคนไว้ทันที
"ครับ" อีกฝ่ายตอบรับเสียงอ่อยทั้งๆที่ไม่หันหน้ามาหาผมด้วยซ้ำ อีหรอบนี้คือน้ำตาซึมอยู่แน่ๆ โถเด็กน้อยเอ้ย
"มากอดก่อน"
"..."
"ห้าวันเอง ไม่งอแง" ผมเดินเข้าไปใกล้จับตัวอีกคนหันหน้าเข้ามาซุกอกก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดไว้แน่นๆ โชคดีที่ตรงนี้มีต้นไม่ใหญ่สองสามต้นกั้นไว้ทำให้คนในรถมองไม่เห็นว่าเรากอดกันอยู่
"จะไม่งอแงได้ไง ในเมื่อพี่แฟงทำให้คุนติดพี่แฟงจนขาดไม่ได้เแบบนี้" นั่นไง บอกแล้วว่ากำลังงอแงอยู่แน่ๆ ฟังเสียงก็รู้แล้วเนี่ย
"หืม? ติดจนขาดไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ"
"ก็ใช่นะสิ คนขี้โกง" น้ำตาซึมแหงๆ รู้สึกเย็นๆหน้าอกขึ้นมาทันที
"งั้นกลับมาจะให้กอดสามวันสามคืนไม่ลุกออกจากเตียงเลยดีมั้ย" ผมรีบกอดอีกคนแน่นขึ้นแล้วก็หอมลงไปบนหัวอีกสองสามที
"ห้ามคืนคำนะ"
"พี่เคยโกหกคุนรึไง เด็กดื้อ"
"ไปได้แล้วครับ คนในรถรอแล้ว" คุนคุนยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้
"จะให้ไปก็ปล่อยก่อนมั้ย เล่นกอดแน่นแบบนี้จะไปได้ไง ไม่งอแงนะ เป็นเด็กดีด้วย" ปากก็บอกให้ผมรีบไป แต่แจนที่โอบรอบเอวนี่แน่นกว่ากอดตอนแรกๆอีกนะ ผมจับหน้าอีกคนเงยขึ้นก่อนก้มลงไปจูบริมฝีปากแดงระเรื่อนั้นเบาๆอย่างอ่อนโยน
"อื้อ"
"ต้องไปแล้ว ไม่งอแง ถึงแล้วจะโทรหา"
"คร้าบบ"
.
.
.
.
.
.
#คุนแฟง
by ppeachmm