- 2 -
ผมมาถึงสนามบิน พร้อมพี่สอน พี่แกเข้าไปจัดการรอรับไอ้น้องจอม ให้ผมนั่งรอ
ที่ร้านการแฟไปก่อน ผมเลยถือโอกาสจิบกาแฟไปพลางๆ
รอไม่เกินยี่สิบนาที พี่สอนก็มาพร้อมกับ อืม....ไอ้หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น สูงน่าจะ
185 ได้ รูปร่างสมส่วนหล่อใสมากเลยทีเดียว สวมแว่นกันแดดยี่ห้อดัง เสื้อยืดรัดรูปคอวีสีขาว
กางเกงยีนส์ขาเดฟสีซีด กระเป๋าห้อยไหล่กวนๆ อีกใบ ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าพี่สอนจัดการใส่รถเข็น
ให้เรียบร้อย พากันเดินตรงดิ่งมาที่ผมนั่ง
“คุณบอมย์ครับ เรียบร้อยแล้วไปกันเลยหรือเปล่าครับ...เอ่อ..นี่คุณจอมครับ” พี่สอน
จัดการแนะนำเสร็จสรรพ ผมสังเกตุไอ้เด็กนี่มันคงมองผมหลังแว่นดำอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะกล่าวทักทาย
ผมหลังจากพี่สอนแนะนำว่าผมคือใคร
“ดีพี่...” สัด...สั้นได้อีกมึง....ท่าทางมันหยิ่งกวนส้นฉิบหาย นี่มันมารยาทบ้านไหน
ของมันเนี่ยะ ผมแก่กว่ามันเป็นรอบ เสือกทักแบบนี้ มือไม้ไม่มียกไหว้เลย หรือมันโตญี่ปุ่นเสียนาน
จนไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทย แต่จะว่าไปแล้วมันพูดไทยชัดปร๋อขนาดนี้ แม่มันคงต้องสอนละหว้า?
ผมไม่อยากคิดไรมาก เลยยักหน้าง่ายๆ ก่อนจะลุกเดินนำออกมาไม่พูดกับมันสักคำ บอกตรงๆ ถึงจะ
ไม่ถือสาแต่ผมก็ไม่ค่อยพอใจกับมารยาทที่มันไม่มีสัมมาคารวะ ผมเป็นผู้ปกครองของมัน ตามหน้าที่
ระหว่างที่มันมาเรียนที่นี้ มันต้องอยู่ในความดูแลของผม แล้วดูมันทักทายผมดิ
ผมเดินตรงดิ่งมาที่ประตู กดโทรศัพท์บอกคนขับรถประจำตัวผม อาจักร
ซึ่งเป็นบอร์ดี้การ์ดมือดีควบตำแหน่งขับรถให้ผมอีกหนึ่งตำแหน่ง ให้เอารถมารับที่ประตูได้เลย ปล่อยพี่
สอนเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่ร้านกาแฟแล้วตามผมออกมา แกรู้ดีว่าควรทำอะไรยังไงให้ผมบ้าง คนพวกนี้อยู่กับ
ครอบครัวผมมานาน ตั้งกะรุ่นพ่อแม่กันแล้ว ที่สำคัญสำหรับผมพวกเค้าเห็นผมมาตั้งแต่เด็ก พอมารับใช้
ผมก็เหมือนเป็นคนในครอบครัวผมไม่ได้คิดเป็นอื่น ทุกคนรู้จักนิสัยส่วนตัวผมดี และรู้ว่าควรทำอะไรยังไง
เมื่อไหร่ ผมรู้สึกสบายใจและหายห่วงเมื่อมีพวกเค้าอยู่ด้วยเช่นนี้
พอรถอาจักรขับมาจอด พี่สอนรีบจัดการเตรียมยกกระเป๋าเสื้อผ้าไอ้เด็กจอมหยิ่ง
เพื่อเอาไปใส่ท้ายรถ แต่มันก็ยังมีข้อดี ที่เดินตรงไปจะแย่งยกไปใส่เสียเอง พี่สอนไม่ยอมเพราะไอ้เด็กนี่
มันก็อยู่ในฐานะเจ้านายคนหนึ่ง แม่ผมคงแจ้งให้พวกพี่เค้ารู้ก่อนหน้านี้แล้วเหมือนกัน มันทำปากจิ๊จ๊ะนิดหน่อย
เหมือนขัดใจ ก่อนจะเดินหน้านิ่งกลับมา ผมเปิดประตูรถด้านหลังกำลังจะก้มตัวเข้าไปนั่ง ซึ่งข้อนี้ทุก
คนต่างรู้ดีว่าไม่ต้องถึงกับคอยบริการเปิดประตูรถให้ผมหรอก ผมไม่ค่อยชอบให้บริการกันขนาดนั้น
จังหวะนั่นเอง มอร์เตอร์ไซค์ขับมาพร้อมกับห่ากระสุนระดมยิงเข้าใส่ ตัวผมถูกกระแทกให้ล้มไป
หมอบอยู่กับพื้นใช้รถเป็นกำบัง ในขณะที่เสียงปืนอยู่ใกล้ๆ หูผมก็รัวเป็นตับยิงสวนกับไปเกือบหมดลูกโม้
“ปึ๊ก!...ปังงงงงง!!!!...” เหลือบตาขึ้นมาดูอีกที ไอ้มอร์เตอร์ไซค์นิรนามก็บึ่ง
แน่บหายไปทันที พี่สอนรีบกดโทรศัพท์สั่งงานอย่างรู้หน้าที่ คงบอกพวกบอร์ดี้การ์ดตามล่าตัวมาให้ได้
คิดว่าคงไม่พ้นมือพวกของผมหรอก แต่ที่ผมแปลกใจก็ไอ้เสียงปืนที่ยิงตอบโต้ มันดันเป็นจากไอ้เด็กจอมหยิ่ง
ที่นั่งจังก้าคุกเข่าไหล่แนบตัวถังรถสับไกรัวใส่กระหน่ำ และถ้าผมคิดไม่ผิดคงเป็นมันที่กระแทกผมล้มคะมำหมอบ
กับพื้นตั้งกะตอนที่ห่ากระสุนรัวมานั่นอีกเหมือนกัน เพราะตรงนี้มีแค่มันกะผม หลังจากมันเก็บปืนเข้าเสียบ
ซองในขากางเกงตรงน่องมันเรียบร้อยมันก็ลุกยืน ทำหน้านิ่งได้อีก ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เด็กนี่มันจะมีฝีมือยิงปืน
ระดับนี้ พี่สอนตรงดิ่งมาหาผม
“คุณบอมย์โอเคนะครับ?”
“ผมไม่เป็นไร แล้วทุกคนปลอดภัยกันดีใช่ไหม?”
“ครับ...พวกผมปลอดภัยกันดี แต่ไม่มีโอกาสยิงตอบโต้มันเลย เพราะมันรัวกระสุน
มาไม่ให้มีจังหวะหายใจได้เลย ดีหน่อยที่คุณจอมยิงสะกัดมัน คิดว่าไอ้คนซ้อนคงโดนไปเต็มๆ เพราะผม
ทันเห็นมันชะงักและไหล่ตกลู่ไปข้างคงจะโดนคุณจอมยิงแน่ๆ คุณจอมฝีมือดีนะครับ ไม่เห็นวันนี้ไม่รู้เลยว่า
ยิงปืนเป็นด้วย หนำซ้ำยังคล่องแคล่วจนผมทึ่งไปเลยเหมือนกัน” พี่สอนอวยไอ้เด็กจอมหยิ่งทันที ไอ้เด็กนั่น
มันก็ยิ้มให้ไม่พูดไม่จา เอ่อ!..เอากับมันซิมึง
หลังจากเข้ามานั่งในรถกันเรียบร้อย รถไม่เสียหายไร เพราะเป็นรถกันกระสุนสั่ง
พิเศษ อาจักรก็ขับมุ่งตรงไปที่บ้านอิงดอยทันที บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาเป็นทรงไทยล้านนาเนื้อที่
กว่า 20 ไร่ รั้วรอบขอบชิด มีบอร์ดี้การ์ดสิบกว่าคน ไม่รวมคนดูแลคนรับใช้ ร่วมๆ ก็ยี่สิบกว่าคน
เป็นบ้านที่ผมพักอยู่และกะไว้เป็นเรือนหอด้วยซ้ำในอนาคต ทั้งที่ยังไม่เห็นเจ้าสาวผมเลย แต่ผมชอบเป็น
คนจัดการออกแบบตกแต่งเองกะมือตั้งแต่เลือกทำเลสถานที่ ผมเลือกเชิงเขา หลังพิงเขาหน้าหันเข้าหาตัว
เมืองเชียงใหม่ เห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมืองเพราะอยู่บนเนินเขาสูง มีสระน้ำมีทุกอย่างตามที่ผมต้องการ
หมดไปร่วมๆ กว่าสองร้อยล้าน แลกกับการที่ผมจะมาปักหลักอยู่ดูแลกิจการให้กับนายพ่อนายแม่ที่นี้หลัง
จากจบด๊อกเตอร์มาได้ไม่ถึงปี พวกท่านก็จัดการให้ทุกอย่าง ผ่านมาร่วมสี่ปีแล้วนะนี้
เอ่อ!...เพิ่งสังเกตุตรงบริเวณใต้ศอกของไอ้เด็กนี้มันถลอกเลือดซิบเป็นทางเลยเหมือนกัน
คงจังหวะที่มันพุ่งกระแทกผมลงไปหมอบกะพื้นหรือเปล่ามันถึงได้รับบาดเจ็บ ดูมันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันมีแผล
เพราะมันนั่งข้างหลังกะผม พี่สอนนั่งหน้ากับอาจักร มือไวกว่าความคิดผมคว้าหมับจับศอกมันบิดมาดูทันที
เจ้าตัวสะดุ้งนิดหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
“
ทำไร...” ไอ้เด็กเปรตนี่ มันพูดจาไม่มีหางเสียงเลยจริงๆ ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่
หรือว่ามันไม่รู้จริงว่าควรพูดอะไรยังไงกันแน่
“ศอกเลือดออก...จะดูให้...แล้วทีหลังพูดจากับผู้ใหญ่ให้มันมีหางเสียงหน่อย อย่าห้วนสั้น
ไม่มีใครเคยบอกเราบ้างหรือไง” ถือโอกาสอบรมซะหน่อย เริ่มทำหน้าที่ผู้ปกครองเลยหรือว่ะ!...กู
“อือ...ไม่ต้อง....จิ๊บๆ...ใกล้หัวใจเยอะแค่เนี่ยะไม่ตายหรอก...แล้วไอ้หางเสียงหนะ...พอรู้มี
คนสอนมาเยอะ แต่ไอ้แบบไม่มีหางฟาดไม่เลือก...ไม่เคยลอง..ไว้จะลองดู” อาห่ะ!..ดูมัน...ฟังมันพูดกะผมดิ...
จะอยู่ด้วยกันไอ้หรือเปล่าว่ะเนี่ยะ....นายแม่ส่งไอ้เด็กเปรตนี่มาให้ผมดูแล คิดผิดไปไหม...เห็นทีไม่ได้การแล้ว
งานนี้คงต้องมีคุยกันเป็นการเป็นงานสักครั้งละหวะ...พี่สอนมีอมยิ้มกับอาจักร คงขำที่ผมโดนไอ้เด็กเปรตนี่
ตอกหน้าหงาย ไอ้ไม่มีหางฟาดไม่เลือกนะไม่ใช่ผมแน่นอน แล้วไอ้เด็กนี่มันเสือกพูดมาทำไม ห่าเอ้ยยยย.....
“พี่ว่า...กลับถึงบ้านเราคงมีเรื่องคุยกันยาว พี่ชื่อพี่บอมย์...ทีหลังคุยกันเรียกพี่นำหน้าก็ได้
เราคงรู้แล้วไม่ใช่ ว่ามาที่นี้พี่เป็นผู้ปกครองเรา...คราวหน้าคราวหลัง..จะพูดจากับพี่ให้ระวังคำพูดด้วยก็จะดี”
นรก...มันเหลือบมองผมนิดเดียว หันกลับไปนั่งหน้านิ่ง ยังกะที่ผมพูดไปเมื่อตะกี้ผมพูดกะลมซะงั้น
ไอ้นี่มันกวนส้นผมได้เรื่องเลยวุ้ย ไม่รู้ดิทำไมแค่ท่าทางมันแค่นี้ยั่วผมขึ้นเลย คิดว่าหน้าผมคงฉ่าไปแล้ว
แม่งไม่เคยมีใครทำไม่เห็นหัวผมแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้ทำได้ดีที่สุดผมก็นิ่งเหมือนกัน จะหลุดฟอร์มให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ไอ้เด็กนี่แน่ใจว่ามันเพิ่งอายุ 19 ทำไมวางตัวซะโอเวอร์เกินเด็กขนาดนั้น ท่าทางหยิ่งๆ ของมันทำเอา
ผมอยากจับหัวเขกกบาลจริงเชียว ตัวมันก็ไม่ได้หนาล่ำอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้อ้อนแอ้นผอมแห้ง
มีกล้ามเนื้อพองามสมส่วน บวกความสูง 185 น่าจะได้ รูปหน้าที่ออกลูกครึ่งจมูกโด่งเรียวเป็นสัน
ริมฝีปากบางชมพู กับหน้าขาวๆ ใสๆ ไรหนวดอ่อนๆ ที่ขึ้นอยู่นั้นทำให้มันดูหล่อมากมาย
ต้องยอมรับคงทำให้สาวๆ หัวใจละลายเป็นแน่ งานนี้มช.คงได้คึกคักไม่น้อยเมื่อไอ้เด็กนี่เป็นเฟรชชี่น้องใหม่
ในคณะสถาปัตย์
มาถึงบ้าน ผมจัดการให้พี่สอนสั่งคนใช้เอากระเป๋าไอ้เด็กจอมโอหังไปเก็บบนห้องตรง
ข้ามกับห้องผม ปกติห้องนี้ผมจะไม่เคยเปิดให้ใครเข้าพักเลย ห้องของนายพ่อนายแม่ก็อีกฟากหนึ่ง
ฟากซ้ายห้องของผม กับห้องตรงข้ามเท่านั้น ส่วนห้องด้านล่างอีกสองห้องไว้สำหรับเพื่อนๆ มาเที่ยวผมถึง
เปิดให้พักกันที่นี้ สาวๆ คู่ควงผมยังไม่เคยมีใครได้เข้ามานอนในบ้านหลังนี้สักคน เพราะปกติผมจะใช้
ห้องสูทของโรงแรมในตัวเมืองซะมากกว่า เหมือนเมื่อคืนที่พาน้องปิกไปนอน เป็นห้องประจำของผม
ส่วนท๊อปชั้นบนสุดเป็นโซนออฟฟิศและห้องนอนส่วนตัวของผมทั้งฟอร์ ไม่มีใครได้เข้าไปนอนหรือยุ่มย่ามชั้น
นั้นเช่นกัน
ผมเรียกไอ้เด็กจอมโอหัง เข้าไปคุยทำความเข้าใจในฐานะที่จะมาอยู่ร่วมกันกับผม
เพื่อให้รู้กฏเกณฑ์และนิสัยส่วนตัวของผมด้วย เราคุยที่ห้องหนังสือ หลังจากมันเข้ามานั่งโซฟาตรงข้ามผม
เรียบร้อย คนรับใช้เอาน้ำมาเสริฟพร้อมปิดประตูเหลือเราสองคน ผมเปิดประเด็นพูดขึ้นทันที
“พี่ให้เธอ ถอดแว่นออกได้แล้ว นี่มันในบ้าน เราคงต้องคุยกันนานหน่อย”
ผมสั่งให้มันถอดแว่นออก มันก็ทำตามอย่างว่าง่าย คิดไว้ไม่ผิด ดวงตาโตขนตายาว กอปรกับ
คิวเรียวหนาภายใต้หลังแว่นตาดำนั่น เผยออกมา ทำให้รู้ว่าไอ้เด็กเปรตนี้มันรูปหล่อยังกะปั้นกันมาเลยทีเดียว
สมแล้วที่มันเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ผิวขาวอมชมพูเนียนละเอียด หึหึหึ...เป็นบ้าไปแล้วกูเผลอมองไอ้เด็กเปรต
นี่นานไปหน่อย
“แฮ่ม!.....เธอคงรู้จักพี่พอสมควรแล้ว ไม่ต้องแนะนำตัวอะไรกันอีก แต่สำหรับเธอ
พี่ต้องการให้เธอแนะนำตัวอย่างละเอียดให้ฟังอีกครั้ง” ผมสั่งมันแหละ
“จอมภาคย์...คูมิคาโตะ เรียกสั้นๆ ว่าจอม....แม่เป็นคนไทย พ่อญี่ปุ่น
ตายหมดแล้วทั้งบ้าน กลับมาอยู่ที่ไทยตามคำสั่งของแม่ท่านมอบให้คุณป้าเป็นคนจัดการทุกอย่างให้
คุณป้าให้มาต่อที่มช. คณะสถาปัตย์คณะเดิมที่เรียนอยู่ญี่ปุ่น” แล้วมันก็หยุดทำหน้านิ่งได้อีก
อืม...บอกละเอียดนี่มันละเอียดแล้วใช่ไหมเนี่ยะ
“พี่บอกว่าเอาแบบละเอียด ที่เธอบอกมาพี่รู้แล้ว อีกอย่างลงท้ายให้มีหางเสียงด้วย
ควรมีครับ หรือแทนตัวเองว่าผม หรือจอมก็ได้ จะได้ดูสมกับวัยตัวเอง ที่สำคัญพูดกับผู้ใหญ่มันดู
สุภาพเหมือนคนมีการศึกษา ได้รับการอบรมมาดี เข้าใจที่พูดไหม?” สอนไปแหละ มันทำตาโตจ้องมาซะงั้น
“จำเป็น...ตามจริงแล้วถ้าอยากให้พูดก็ได้...ครับ..พอใจยัง...แล้วละเอียดหนะ.เอาแบบไหน
ถึงกับต้องของที่ชอบไม่ชอบ อาหาร...รสนิยมด้วยไหม?...เอ่อ..ครับ” หึ...เหมือนมันไม่ค่อยอยากจะยอม
อ่อนข้อให้ผมสักเท่าไหร่ แต่ช่างเหอะ ค่อยสอนกันไป
“ได้ก็ดี บอกมานั่นแหละ...อยากบอกอะไรก็พูดมาให้หมด พี่จะได้รู้จักเธอไว้
รู้ไม่ใช่พี่เป็นผู้ปกครองของเธอตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พี่ต้องรู้จักตัวตนของเธอไว้ด้วย เกิดไรขึ้นมาภายหลังจะ
ได้ไม่ผิดพลาด เข้าใจใช่ไหม?....ที่นี่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ พี่มีศัตรูอยู่ก่อนแล้ว วันนี้เธอก็เห็นนี่
เฉียดตายด้วยลูกกระสุนอยู่นั่นหนะ เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของเธอด้วยเช่นกัน ควรบอกให้พี่รู้
ละเอียดจะได้วางแผนต่อไปได้ว่าจะดูแลเธอยังไง..” ผมบอกเหตุผลกับมันไป ไม่เข้าใจทำไมต้องมานั่ง
อธิบายอะไรกะมันด้วย เวรจริง ปกติถ้าเป็นคนอื่นผมสั่งก็ต้องทำ ไม่ต้องมานั่งอธิบายอะไรกันยืดยาวแบบ
นี้เลยสักครั้ง
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก เอาตัวรอดได้..เอ่อครับ....ห่วงตัวเองเหอะ..วันนี้ยังไม่ระวังเลย...
คราวหน้าคงไม่โชคดีเหมือนวันนี้ทุกครั้งหรอก..” อ้าว!...ไอ้เด็กเปรตนี่ จู่ๆ เสือกแช่งผมซะงั้น
“พี่รอดไม่ใช่ครั้งแรก เพราะฉะนั้นจะอะไรก็ช่างที่เธอช่วยพี่ไว้วันนี้ ไม่ได้หมาย
ความว่าพี่ไม่ระวัง อาจจะหละหลวมไปบ้างแต่ต่อให้เธอไม่กระแทกพี่หลบ พี่ก็เอาตัวรอดได้ ขอบใจเธอ
ด้วยที่วันนี้ช่วยพี่ไว้ ว่าแต่เรื่องของเธอ เริ่มได้หรือยัง ไม่ต้องนอกเรื่อง”
“หึ..เก่งให้มันตลอดเหอะ....” เสือกมีบ่นจิ๊จ๊ะอีก แต่ผมได้ยินนะไอ้เด็กนี่ เลยทำ
ตาดุจ้องหน้ามันแหละให้รู้ตัว คิ้วขมวดทำหน้ายุ่งก่อนจะยอมพูดขึ้นมาว่า
“จอม....อายุ 19 เสียพ่อแม่ไปกับซึนามิที่ญี่ปุ่น ไม่มีพี่น้องลูกชายคนเดียว
ชอบอาหารไทยทานรสจัดได้เพราะแม่ชอบทาน มีแฟนแล้วที่ญี่ปุ่น เป็นคนไทยเค้าเรียนอยู่ กีฬา
โปรดคือว่ายน้ำ ส่วนอื่นๆ ก็เล่นได้ไม่มีปัญหา พอใจยัง” เสือกย้อนถามผมอีก ผมพยักหน้าให้
ดันลุกยืนเฉยเลย ผมเลยจับข้อมือกระชากให้นั่งลง อาจจะเพราะอารมณ์ผมหงุดหงิดด้วย ที่ไอ้เด็กนี่มัน
นึกจะลุกก็ยืนค้ำหัวผมซะงั้น แรงกระชากเลยหนักไปหน่อย ทำให้ตัวมันเชเข้ามาล้มแหมะบนตักผมเต็มๆ
แถมแก้มดันเสือกกระแทกเข้ากับจมูกผมเข้าให้อย่างจัง
“
ตุ๊บ!...อึ๊บ!..” ผมเองตกใจไม่น้อย แต่ไอ้เด็กเปรตมันยิ่งกว่า ตัวมัน
แข็งทื่อค้างไปหลายวิ หน้าแดงก่ำ หูด้วยแล้วไม่ต้องพูดแดงเถือกยิ่งตัวขาวๆ เห็นชัดยิ่งกว่าอะไร
ผมไม่ได้คิดไปเอง กลิ่นตัวไอ้เด็กเปรตนี่มันหอมดีชะมัด ไม่ใช่หอมแบบผู้หญิง แต่มันหอมกลิ่นเด็กหนุ่ม
อือ..หอมแหะ...แก้มมันก็นุ่มดีพิลึก แม้จะสัมผัสแบบไม่ตั้งใจแต่ก็รู้สึกได้ นี่ผมคิดไรอยู่เนี่ยะ ไอ้เด็กนี่
มันเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่านั่งเกยอยู่บนตักผม กำลังจะยันตัวลุกแต่เสือกเป๋ล้มแหมะลงมาอีกซะงั้น ไอ้ผมก็ไว
รวบกอดไว้ทันที คือไม่ได้คิดไร แค่กลัวมันร่วงตกจากตัก ได้แผลกันอีกพอดี แผลที่ศอกก็ยังไม่ได้ทำ
รอยเลือดแห้งเกรอะติดแล้วนั่น
“
ปล่อย!...ปล่อยดิว่ะ!..” นั่น..เสือกมีขู่ผมฟ่อๆ..อีก....ดุชิบหาย
“อะไร...เธอกำลังจะล้มหล่นไปอยู่ร่อมร่อ พี่กันเธอไม่ให้ตกเดี๋ยวก็ได้เจ็บอีกหรอก
ทำไม...ไม่พอใจอะไร...ทำยังกะเป็นผู้หญิง...” ไอ้ปากผมก็ไวซะอีกกู...ไอ้เด็กนี่มันก็ไม่ได้สะดีดสะดิ้งไรหรอก
มันสบถแข็งๆ แต่ตัวผมใหญ่กว่ามันเยอะไง ไม่นับความหนาของผมอีก ผมสูงตั้ง 195 น้ำหนักตั้ง
84 ออกกำลังซะกล้ามเนื้อแน่นปึ๊กตั้งกะมัธยม ไม่ต้องบอกว่าผมทั้งสูงใหญ่ หนาล่ำที่สุดในบรรดาในกลุ่ม
อยู่แล้ว แม้ไอ้เด็กนี่มันจะสูงแต่เมื่อเทียบกับผมมันก็ยังบางกว่าเยอะ
“ปล่อย....ผมไม่ชอบ...ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน.” เสือกขู่อีก..ไม่เตือน...หมายความว่าไง..
อยากรู้ชะมัด นอกจากฝีมือยิงปืนที่เห็นมาแล้ว ไอ้เด็กนี่มีฝีมืออะไรอีก ผมบอมย์เบย์ก็ไม่ใช่กระจอกทุก
คนรู้อยู่แล้วว่าผมเก่งเรื่องไรบ้าง แล้วยิ่งกระดูกแข็งสะสมประสบการณ์ผ่านสนามรบมาขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าขี้คุย
ลองดูดิว่าไอ้เด็กนี่มันจะทำไง ผมเลยแกล้งเฉย ทำเป็นกอดรัดมันแน่นเข้าไปอีก เอาดิมีฝีมือไรแสดงออก
มาไอ้หนู
และไม่ต้องรอคำตอบนาน ไอ้เด็กเปรตมันยกเท้ากระแทกหลังเท้าผมทันที นี่ท่าไม่
ระวังไว้ก่อนคงได้แหกปากร้องลั่นไปเหมือนกัน ดีที่ถอยเท้าหลบทัน หึหึ..ชักสนุกเล่นมวยปล้ำกะมันสักตั้ง
ดูดิมันจะแก้ล็อคของผมยังไง ไอ้หนูจอมโอหัง....ว่าแล้วผมเหวี่ยงตัวมันหงายหลังลงไปบนโซฟา พร้อมกับ
ตัวผมก็กอดไว้ล้มทับใช้น้ำหนักตัวกดตรึงมันไว้ทั้งตัวอีกตะหาก ดูมันโดนขนาดนี้จะหลุดออกไปยังไง
มันจ้องผมตาเขม็ง ยิ่งมันทำตาดุหน้ามันยิ่งน่าดูพิลึก สนุกชะมัดผม ไม่เคยเล่น
ไรสนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ หลังจากพ้นวัยมัธยมมา นานมากแล้วที่ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ
เหมือนเด็กๆ ของผมมันไม่เกิดขึ้นเลย ตอนนี้ผมเหมือนกลับไปเป็นเด็ก ม.ปลายอีกครั้ง กำลังเพลินไอ้
เด็กเปรตมันเอาหน้าผากโขกหัวผมอยากแรง ดีที่โดนตรงหัว ถ้าต่ำกว่านั้นคงได้คิ้วแตกดั้งหักกันไปเหมือนกัน
มันโขกมาซะแรงไม่ยั้ง ไอ้ผมก็เจ็บเห็นดาววิ้งๆ เลยเหมือนกัน แต่ไอ้เด็กเปรตหน้าผากมันก็ขึ้นรอยแดงแป๊ด..
คงเจ็บไม่น้อย ดุ..ชะมัดถือว่ามันมีลูกออกที่ดี แต่บังเอิญเป็นผม มันเลยยังไม่หลุดเป็นคนอื่นคงหงายลง
ไปกองอยู่กับพื้นปล่อยมันหลุดไปแล้ว ดูมันฮึดฮัดพ่นลมออกจมูกยกใหญ่พยายามจะขยับเขยื้อนตัว แต่ผม
รู้วิธีล็อคของบอมย์เบย์ซะอย่างลองโดนผมกดล็อคติดพื้นหลุดยาก นอกจากไอ้โต๋กับตะเกียงแล้วไม่มีใครหลุด
จากล็อคผมได้หรอก เพราะสองคนนั่นเล่นใช้ลมปราณส่วนตัวสวนผมซะหงายเก๋ง
“จะปล่อยได้ยัง....ควายชิบหาย..แม่ง...ถึกขนาดนี้ยอมแล้ว ปล่อยดิ” ฟังมันว่าผม
แต่ช่างเหอะ ถือว่าเป็นคำชม ผมจ้องตามันนิ่งๆ มันก็จ้องตอบไม่มีหลบเหมือนกัน
“หากเธอโดนแบบนี้ แล้วหลุดไปไม่ได้ เธอก็มีจุดอ่อนอยู่ดี ถ้าเป็นศัตรู
เธอก็อันตรายหละนะ” ผมบอกมันไป
“เป็นคนอื่น มันหงายหลังตั้งกะหัวโขกแล้ว ไม่มีใครถึก..ขนาดนี้หรอก...พอแล้ว
ปล่อยดิ..อึดอัด” มันบ่น...มันบ่น...ยิ่งทำหน้ายุ่งไม่พอใจด้วยแล้ว ทำไมมันน่าฟัดหวะ...สมองคิดไม่ทันไร
ปากผมไปไวกว่าความคิด ดันเสือกฉกจูบลงไปบนปากบางแดงๆ ที่ขมุบขมิบบ่นผมอยู่ตรงหน้า ซึ่งหน้าเรา
ห่างกันไม่เกินคืบ ผมไม่ได้อะไรยังไงจริงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ปากบางแดงที่ขมุบขมิบมันยั่ว
ให้ผมประกบปากลงไปแบบไม่มีอะไรในหัวล่วงหน้าไว้ก่อน ไปตามความรู้สึกล้วนๆ เล่นเอาไอ้เด็กเปรตแข็ง
ทื่อไปเลยมัน คงตกใจที่จู่ๆ ผมเสือกดันจูบมันไม่มีปี่มีขลุ่ย ส่วนไอ้ผมพอประกบลงไปแนบสนิทเสือกอยาก
ได้มากกว่านี้ ปากทั้งนุ่มทั้งหวานมันยั่วให้ผมขบเม้มให้มันเปิดปากออก ไอ้เด็กปากดีจอมโอหังคงไม่ค่อยปะสี
ปะสากับจูบแน่ๆ ผมสังเกตุจากอาการตกใจพยายามจะโกยอากาศของมันเลยเปิดโอกาสให้ผมสอดลิ้นเข้าไป
สำรวจโพลงปากหวานทันที และก็ไม่ผิดหวังมันหวานจริงๆ ผมกวาดต้อนลิ้นของไอ้เด็กจอมหยิ่งจนหนำใจ
เหมือนไม่รู้จักพอ ไม่ติดว่าร่างข้างใต้เริ่มจะหายใจติดขัดเหมือนจะขาดอากาศตายไปซะก่อน ผมคงไม่ผละออก
ให้หรอก หวานชะมัดยังกะน้ำผึ้งแหนะ
เป็นดังคาด พอผมเปิดช่อง มันรีบโกยอากาศหายใจเข้าปอดอย่างหนัก