Part End
หลังจากเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นใหญ่โตในวันนั้น ผมขอย้ายตัวเองพร้อมข้าวของจำเป็นมาอาศัยอยู่ที่โรงแรมคนเดียว ไม่กล้าสู้หน้าแม่ และผมคิดว่าแม่เองก็คงไม่อยากจะเห็นหน้าผมซักเท่าไร ถึงแม่จะว่าร้ายตฤณต่าง ๆ นานา แต่ผมดูออกจากแววตาของแม่ว่าแท้จริงแล้วแม่ก็ยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ
ช่วงที่อยู่โรงแรมผมเอาแต่เรียนและอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบปลายภาคที่โรงเรียนคุณตาพ่อบ้านช่วยผมเตรียมเอกสารหลายอย่างเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกลางคืนที่ไหนอย่างที่เคยทำประจำและไม่นาน วันที่ผมต้องจากทุกคนที่เมืองไทยก็มาถึง
วันเดินทางแม่ไม่มาส่งผมที่สนามบินมีเพียงตฤณและคุณตาพ่อบ้านเท่านั้นที่มาส่ง คุณตายื่นจดหมายฉบับเล็ก ๆ ให้ผมพร้อมกับบอกว่าแม่ฝากมา และยังกำชับให้เปิดอ่านตอนอยู่บนเครื่องแล้ว
ตฤณดึงผมเข้ามากอดแน่นกดจูบที่หน้าผากพร้อมกระซิบขอโทษผมแผ่วเบา เหมือนกับว่านี่จะเป็น
ครั้งสุดท้ายของเราเขาพูดอะไรอีกแต่ว่าผมเดินห่างออกมาแล้วทั้งยังเสียงประกาศในสนามบินที่ดังกลบเสียงของร่างสูงอีก ผมจึงไม่ได้ยินที่เขาพูด ผมทำท่าจะเดินกลับมาหาแต่เขาโบกมือแล้วขยับปากว่าไปเถอะ ผมจึงเดินผ่านตม.เข้าไปด้านใน
จนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเพียงลำพัง วันนี้เป็นวันปีใหม่มองไปก็เห็นคู่รักเดินกอดกันเป็นคู่ ๆ บางครอบครัวก็พาลูกและภรรยาออกมาเดินเล่นชมพลุวันปีใหม่กันทั้งนั้น นั่นสินะ อยู่กันเป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ใคร ๆ ก็คงอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนี้กันทั้งนั้น
ผมที่ไม่มีใครรู้จักเดินเล่นอยู่ลำพัง มีเพียงเพื่อนต่างชาติที่รู้จักกันผิวเผิน ไม่มีคนที่จะคอยให้กำลังใจหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวได้อย่างสบายใจเหมือนอยู่บ้าน บ้านที่ไม่รู้ว่าจะกล้าแบกหน้าเอาความอัปยศกลับไปเมื่อไหร่ คนที่นั่นคงไม่มีใครต้องการผมแล้ว ผมออกมาซะได้ก็คงดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
แต่อย่างน้อยชีวิตโดดเดี่ยวที่นี่ก็สร้างความสบายใจให้ผมมากกว่าตอนอยู่ที่เมืองไทยเสียด้วยซ้ำ อย่างน้อยผมก็รู้สึกว่าไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรืออยู่ด้วยความหวาดระแวงอีกต่อไป
แม่ไม่ติดต่อมาเลยตฤณเองก็เช่นกัน ถึงจะเสียใจอยู่บ้าง แต่การใช้ชีวิตเพียงลำพังทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น
ผมยังจำจดหมายที่แม่ฝากคุณตาพ่อบ้านมาให้ได้ขึ้นใจ เนื้อความในจดหมายไม่ได้ยาวอะไรมากมาย แม่เพียงแต่เขียนบอกว่า
'แม่เสียใจ และขอโทษที่ทำร้ายลูก ทำให้ลูกต้องเจอกับเรื่องแย่ ๆ เป็นตราบาปในชีวิต ต่อจากนี้ขอให้ลูกตั้งใจเรียนเพราะความรู้คือสิ่งที่ไม่ว่าใคร จะยิ่งใหญ่มีอำนาจรวยล้นฟ้ามาจากไหนก็ไม่สามารถพรากมันจากลูกไปได้ ชีวิตนับจากนี้แม่จะเฝ้าดูความเจริญของลูก ขอให้ลูกพบเจอแต่สิ่งที่ดี’
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องขอโทษผมด้วยทั้ง ๆ ที่ประโยคนี้ควรจะเป็นผมต่างหากที่ขอโทษ ความผิดและบาปที่ผมก่อขึ้นไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ด้วยอะไรถึงจะสาสม
แม้จะไม่ได้รับเมลล์ตอบกลับจากแม่หรือตฤณเลยก็ตาม แต่ผมยังส่งอีเมลล์บอกเล่าเรื่องราวชีวิตในแต่ละวันกลับไปหาคุณตาพ่อบ้านเสมอรวมถึงเพื่อนรักของผมซึ่งคนทั้งสองไม่ละเลยผม พวกเขายังคงส่งอีเมลล์มาคุยให้ผมคลายเหงาจากอาการคิดถึงบ้านอยู่เสมอ แม้ว่าบ้านที่อยู่จะไม่ได้เป็นบ้านแสนสุขในฝันเหมือนอย่างบ้านคนอื่น แต่อย่างน้อยที่นั่นก็มีคนที่ผมรักอยู่หลายคนทีเดียวและคน ๆ เดียวที่ผมยังคิดถึงอยู่เสมอ
คุณตาเขียนอีเมลล์มาบอกเล่าถึงชีวิตของคนในบ้าน ทุกคนมีความสุขปกติดี แม่ก็มีความสุขกับงานศิลปะไปแกลลอรี่ของเพื่อนสนิทอยู่ทุกวันไม่ได้เศร้าซึมอยู่แต่บ้านอย่างตอนเกิดเรื่องใหม่ ๆ
ตฤณเองก็ทำงานหนักเหมือนเคย ผมบอกคุณตาให้ดูแลเขาเป็นพิเศษไม่รู้ว่าคุณตาจะว่าว่าผมอวดรู้หรือเปล่าที่เอาแต่บอกว่าตฤณชอบอะไร ไม่ชอบอะไรทั้งที่อีกฝ่ายก็ดูแล ตฤณมาแต่เล็ก ๆ
หลัง ๆ มานี้คุณตาบอกว่าตฤณอารมณ์ดีขึ้นมาก ไม่เหวี่ยงวีนลูกน้องรุนแรงเวลาที่ทำงานพลาดเหมือนเคยอีกแล้ว กลับมาเป็นคุณตฤณ เจ้านายใจดีคนเดิมเกือบ 100% ผมได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจอยากเจออีกครั้งจัง ผู้ชายที่ใจดีคนนั้น คนที่ยังติดอยู่ในใจทุกครั้งที่หลับตา
คิดดูแล้ว ถ้าหลาย ๆ อย่างมันจะลงเอยด้วยดีแบบนี้ ผมคงจะตัดสินมาเรียนเมืองนอกกลางคันก่อนที่แม่จะรู้เรื่องแล้ว สิ่งที่เป็นตราบาปในใจผมมาตลอด ไม่ใช่เรื่องที่ว่าผมเลวระยำแค่ไหนที่ไปยอมมอบกายถวายตัวให้ตฤณ หรือเผลอไผลรักอีกคนเต็มหัวใจ หากแต่เป็นบาปที่ผมทำให้แม่ต้องรับรู้และเสียใจ ผิดหวังในตัวผม ทำให้แม่กับสามีของแม่ต้องบาดหมางกัน
รู้ว่าผิดแต่ก็ยอม อย่างที่เคยบอก ภิฌาคนนี้ยอมจำนนต่อผู้ชายที่ชื่อตฤณอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ แต่ในวันนี้เมื่อรู้แล้วว่าคนที่ผมรักทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างปกติสุขแล้ว ที่นั่นบ้านหลังนั้นใหญ่โตแค่ไหนก็คงไม่มีที่อยู่ของผมอีกต่อไป ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่รู้สึกผิดว่าผมทิ้งแม่ ผู้หญิงที่แสนวิเศษของผม ชีวิตต่อจากนี้ของผมคงต้องอยู่ที่อังกฤษ มองดูลอนดอน อาย และบิ๊กเบนสว่างไสวภายใต้พลุปีใหม่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไป
ภิฌาคนนี้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงไม่อ่อนไหวไปกับอารมณ์ และจะไม่มีวันกลับไปสร้างความเดือนร้อนให้คนที่บ้านอีกแล้ว ผมจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีกแล้วครับ
ถึงจะรักแค่ไหน แต่ผมต้องทนให้ได้ ทนอยู่กับความเจ็บปวดที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง แล้วปล่อยให้คู่สามีภรรยาเขาได้ใช้ชีวิตปกติอย่างที่ควรจะเป็น
มนุษย์เราเป็นสัตว์ประเสริฐมีสมองและสติที่สามารถยับยั้งชั่งอารมณ์ของตนได้ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้มันหรือเปล่าเท่านั้นเอง อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจิตใจจนกลายเป็นตราบาปของชีวิต
บาปที่เราสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของเราเองEnd
จบแล้วค่า ^^
พรทิวามีเพจนะคะเข้าไปพูดคุยกันได้ >>
พรทิวา