“เรื่องเอ็กซ์นะ ...มึงอย่าเข้าไปยุ่งกับมันมากเลย”
“...”
“...”
“ทำไมล่ะ— ครืด — โอ๊ะ! ฮิมโทรมา” ผมกดรับ “พี่ฮิม”
(เรียนเสร็จหรือยังครับ)
“เสร็จแล้วแต่เลกำลังจะซ้อมหลีดต่อ” วันนี้พี่นนท์นี่นัดทันทีที่เรียนเสร็จ พี่รหัสเรียกให้ผมมาซ้อมก่อนคนอื่นเพราะผมไม่ได้ซ้อมตั้งอาทิตย์หนึ่ง “มีอะไรหรือเปล่า”
(เสร็จกี่โมง)
“น่าจะค่ำๆ ทำไมเหรอ ?”
(วันนี้พวกมันจะไปคลับ พี่ไม่อยากให้เลอยู่บ้านคนเดียว)
“จะให้เลไปด้วยเหรอ ?”
(อืม เดี๋ยวพี่ไปรับ) วันนี้ผมยังไม่ได้ขับรถมาเอง
ผมขมวดคิ้วแล้วกะเวลาที่จะซ้อมเสร็จ “สักสามทุ่ม”
(โอเค)
ติ๊ด!
ผมกดวางสายก่อนจะหมุนตัวไปหาดินที่น่าจะยืนรออยู่ทางด้านหลังแต่กลับ… หาย
เขาหายไปไหนอีกแล้ว!!
หกโมงเย็น
ผมตวัดมือกลางอากาศไปมานับสิบท่าที่พี่นนท์นี่สอนเพิ่มเติมวันนี้ โดยมีพี่เชอร์รี่กับพี่ไก่เป็นคนดู จนกระทั่งจบท่า พี่ๆ ทั้งสองจึงพยักหน้าบ่งบอกว่าผมผ่าน
“น้องเลเก่งนะเนี่ย แปปเดียวก็จำได้แถมทำท่าถูกอีก งั้นพักได้แล้วค่ะลูก”
“โหยเลเหนื่อย” ผมบ่นพร้อมกับทรุดลงกับพื้นทันที เพราะถูกพี่นนท์นี่นัดซ้อมตัวต่อตัวตั้งแต่เรียนเสร็จ นี่ผมพึ่งได้พักหลังจากยืนตวัดแขนไปมากลางอากาศคนเดียวเกือบสี่ชั่วโมงอยู่ใต้ตึก แถมอากาศยังร้อนอีก “เลอยากกินบิงซูอ่าา”
“เออพี่ก็อยาก ไว้วันพรุ่งนี้เดี๋ยวเราค่อยไปกิน” พี่ไก่สมทบ เราแปะมือกันนิดหน่อยเป็นคำสัญญาก่อนอีกฝ่ายจะดึงตัวผมขึ้นจากพื้นแล้วพาไปกินขนมที่พี่รหัสผมสั่งคนอื่นให้ไปซื้อมาให้ โชคดีมีไอติมแก้ร้อนแต่เพราะอากาศมันร้อนมากผมเลยเดินไปขอยางจากพี่ผู้หญิงที่ยังนั่งอยู่ใต้ตึกมามัดผมด้านหน้าขึ้น
แชะ!
“ถ่ายอะไรครับ” ผมถามพี่ไก่ที่กำลังยกโทรศัพท์มาทางนี้ เสียงแชะเมื่อกี้พี่ไก่ถ่ายผมชัวร์
“น้องเล๊ เซ็กซี่มาก!! ช็อตเลียไอติมเมื่อกี้ ถ้าพี่เอารูปนี้ไปขาย ขายได้หลายหมื่นแน่เลย”
“เว่อร์แล้ว”
“ไม่เว่อร์หรอกหนู รู้ไหมว่าคนอื่นเขามีประมูลเบอร์น้องเลนะ ให้ตัวละพันเลยอะ”
“หืม”
“อิจฉาาาาา” พี่ไก่ลากเสียงยาวก่อนจะโชว์รูปที่ถ่ายผมเมื่อกี้ให้ดู ไม่เห็นจะเซ็กซี่ตรงหน้า กำลังเลียไอติมแถมมีผมมัดจุกบนหัวนี่เด๋อมาก
ผมนั่งกินเงียบๆ คนเดียวจนหายเหนื่อย พอๆ กับหลีดคนอื่นที่เริ่มทะยอยมาบ้างแล้ว ผมต้องซ้อมรวมกับคนอื่นอีกหลังจากที่ได้ซ้อมคนเดียวหลายชั่วโมง มีเพื่อนหลายคนที่เข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบและทุกคนเหมือนจะเข้าใจไปในทางเดียวกันหมดก็คือผมป่วยหนักมาก กระทั่งอินมาถึง อีกฝ่ายเหมือนจะตกใจนิดๆ ที่เห็นผมมาซ้อมได้แล้วแต่กลับไม่ได้เข้ามาทักอย่างเคย ในขณะที่ผมรู้สึกว่าวันนี้ต้องคุยกับอินให้ได้ ทั้งขอบคุณในวันนั้นแล้วก็เรื่องพี่ฮิม…
เพราะถ้าอินชอบพี่ฮิมจริงๆ ผมจะบอกให้เขาตัดใจซะ…
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้… ผมรอจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็กลายเป็นสีดำสนิท การซ้อมมาราธอนทำเอาผมเหนื่อยมากกว่าคนอื่นโชคดีที่พี่รหัสยังเห็นใจ วันนี้ซ้อมมากกว่าเพื่อนแต่ผมได้พักบ่อยกว่าเพื่อนเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดตอนเกือบสามทุ่มผมถึงเดินหาอินที่กำลังตวัดมือไปมาบนอากาศ วันนี้อินไม่พูดกับผมเลย นัยน์ตากลมหันมามองผมและเหมือนเจ้าตัวจะรับรู้ได้ทันทีว่าผมต้องการคุยด้วย ร่างเล็กถึงเดินมาจับมือแล้วจูงผมไปที่อื่นทันทีในขณะที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย
อินพาผมเดินมาถึงหลังตึก ตรงนี้ไม่มีคนเพราะมืดแล้ว มีแค่แสงไฟสลัวๆ จากที่อื่นสาดมาให้เห็นหน้ากันลางๆ คนตรงหน้าผมเริ่มพูดด้วยประโยคที่ผมไม่คาดคิด
“เราโกรธเล” อึ้งนิดหน่อย ไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่อินพูด แต่มันก็ไขความสงสัยได้อย่างนึงคือที่วันนี้อินไม่พูดกับผมคงจะมีสาเหตุมาจากนี่… ซึ่งก็ยังไม่รู้อีกว่าโกรธทำไม
“ทำไมล่ะ”
เท่านั้นแหละ ใบหน้าสวยก็ดูหัวฟัดหัวเหวี่ยงขึ้นมาทันที เสียงนุ่มตะคอก “กลับก่อนทำไม!!”
“กลับอะไร ?”
“ก็วันนั้นเลหลับอยู่เราเลยลงไปซื้อข้าวมาให้ แปะโพสอิทบอกให้รอแต่พอขึ้นห้องมาแล้วคนหายแถมยังติดต่อไม่ได้นี่ต้องรู้สึกยังไงอะ”
“แล้วต้องรู้สึกยังไงเหรอ...” อินคงหมายถึงวันที่เขาพาผมไปคอนโด แล้วผมหลับไป พอตื่นผมเห็นโพสอิทที่อินเขียนบอกเอาไว้แต่ก็ใส่ชุดแล้วหนีอีกฝ่ายไปผับ
ใบหน้าหวานถอนหายใจ อีกฝ่ายคล้ายจะร้องไห้ “ก็เป็นห่วง”
“...”
“เราเป็นห่วงเล/ชอบพี่ฮิมเหรอ!” เราพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะทำหน้าเหวอกับประโยคของกันและกัน “อะไรนะ/พูดอะไรน่ะ”
“...”
“เลก่อน/อินก่อน”
“...” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คนตรงหน้าก็เหมือนกัน ก่อนผมจะพยักหน้าให้อินพูดก่อน
“เราน่ะเป็นหวงเล แต่เลพูดอะไร”
“นายชอบพี่ฮิมเหรอ”
“หา ? ชอบอะไรไม่ได้ชอบ”
ไม่ได้ชอบ ผมอ้าปากค้าง คำแก้ตัวของเขามันฟังไม่ขึ้นเลยนะ! “คนไม่ชอบที่ไหนขอเป็นสายรหัสพี่ฮิม แถมตอนติวหนังสือก็ยังมาขอติวด้วยอีก นี่เรียกว่าไม่ชอบเหรอ!!”
“ก็ใช่! เราไม่ได้ชอบพี่ฮิม! ไม่ได้ชอบเลยด้วย”
“แล้วทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร!!”
“ก็เราชอบเลไง!!!!”
“...”
“เราชอบเล ไม่เข้าใจเหรอ”
“อะ… อะไรนะ?!”
“เราชอบเล” ไม่จริงน่า… “เราขอเป็นสายรหัสพี่ฮิมเพราะมันเป็นพี่ชายเล!! ที่ขอติวด้วยก็เหมือนกัน!! ที่มาเป็นหลีดนี่ก็ด้วย!!”
ผมเบิกกว้าง อึ้งกับสิ่งที่ได้รู้แต่ยังไม่เชื่อสนิทใจ
“แต่เราชอบพี่ฮิมนะ” คราวนี้เป็นอินที่เบิกตากว้างแทน เสียงหวานพูดระรัว
“แต่นั่นมันพี่ชายเลนะ!!”
“ฮิมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ” คนตรงหน้าผมทำหน้าอึ้งเหมือนเขาจะพึ่งรู้ว่าพี่ฮิมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของผม ไม่ใช่แค่อินหรอก ผมบอกแล้วว่ายังมีอีกหลายคนในมหา’ลัยที่คิดว่าผมกับพี่ฮิมเป็นพี่น้องแท้ๆ “คนละพ่อคนละแม่ แค่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ”
“โกหกน่า…”
“อินนั่นแหละโกหก” ผมไม่เชื่อว่าเขาจะชอบผม อีกอย่าง… “แค่จะเข้าใกล้เราไม่เห็นจำเป็นต้องทำมากถึงขนาดขอพี่ฮิมเป็นสายรหัสนี่ ชอบพี่ฮิมก็พูดมาตรงๆ เถอะ!!”
ใบหน้าหวานแสดงอาการอึดอัดก่อนที่อินจะระเบิดความอึดอัดนั่นออกมาผ่านคำพูด
“เลคิดว่าคนอื่นเข้าใกล้เลได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ!!”
ผมขมวดคิ้ว “มะ… หมายความว่ายังไง”
“นี่ไม่รู้เลยว่ามันส่งคนตามเล ไล่ทุกคนที่จะเข้าหาเลออกไปหมด แม้กระทั่งเพื่อนเลเองก็ยังเป็นคนของมัน!! ถ้าเราไม่ทำถึงขนาดนั้นเราจะเข้าใกล้เลได้ยังไง!!”
“โกหก…” อินเอามือเท้าสะโพกก่อนจะถอนหายใจออกมา
“คิดดูดีๆ เราว่าเลยังไม่เคยมีแฟน แม้แต่คนมาจีบก็ไม่” ผมเม้มปากก่อนจะพยักหน้าเมื่อสิ่งที่อินพูดมามันเป็นความจริง “แล้วไม่คิดเลยเหรอว่าตัวเองสวยขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีคนมาจีบเลยสักคน ?”
“ก็เราไม่สนใจคนอื่น…” ผมมองแต่ฮิม มองแต่เขาจริงๆ แต่อินกลับทำลายความมั่นใจของผมขาดสะบั้นลง
“ไม่ใช่!!!”
“...”
“เลไม่ได้สนใจแค่มันหรอก มันต่างหากที่ไม่ให้เลไปสนใจคนอื่น!!”
“...”
“มันไม่ได้ห้ามเล แต่ห้ามไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้เล ขู่ทุกคนที่จะเข้าใกล้เล และคนที่เข้าใกล้เลได้ก็เป็นคนของมันทั้งนั้น!! แม้แต่เพื่อนเลเองก็เหมือนกัน... ” อินหอบหายใจพร่าในขณะที่ผมยังหลงอยู่ในภวังค์ของความคิด “ไม่นึกเลยเหรอว่าทำไมคนอื่นเขาถึงกลัวมัน ถ้ามันไม่ได้มีอำนาจมากพอ และมากพอที่จะทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เล เพื่อนมันก็พอๆ กันนั่นแหละ ทีนี้พอเข้าใจเหตุผลที่เราต้องทำถึงขนาดนั้นแล้วหรือยัง…”
ไม่รู้… ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
แต่ผมจะยังไม่เชื่อจนสุดใจถ้าคำยืนยันมันไม่ได้ออกมาจากปากของพี่ฮิมเอง
“น้องเล!!! อยู่ไหนลูก พี่ฮิมมารับแล้วนะ” เสียงพี่รหัสดังมาแต่ไกล ผมไม่ได้มองอินว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหน แต่เดินแยกออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงพี่นนท์นี่ “โอ๊ะ! อยู่นี่เอง เฮ้อ! พี่บอกแล้วนะว่าจะไปไหนบอกพี่ก่อน เมื่อกี้พี่ฮิมมาถามพี่ว่าเราอยู่ไหน พี่หัวใจจะวาย”
“...”
“น้องเล…”
“...”
“ใครทำอะไรเล ทำไมหนูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลย”
“เปล่าครับ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะเดินตามพี่นนท์นี่ไปหาพี่ฮิมที่กำลังยืนรออยู่ ร่างสูงเด่นมาแต่ไกล เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากับร่างกายสมบูรณ์แบบ ฮิมเดินตรงมาหาผมทันทีที่เห็นผมส่วนพี่รหัสก็ปลีกตัวออกไปทันทีที่พี่ฮิมมา ผมมองคนตรงหน้าพร้อมกับคิดตามคำพูดของอิน
‘ไม่นึกเลยเหรอว่าทำไมคนอื่นเขาถึงกลัวมัน ถ้ามันไม่ได้มีอำนาจมากพอ และมากพอที่จะทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เล เพื่อนมันก็พอๆ กันนั่นแหละ’
ปฏิกิริยาของพี่ๆ ที่กลัวพี่ฮิมทั้งแก็งโรซารี่และคนอื่นๆ มันเสริมให้คำพูดของอินน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก และถ้าพี่ฮิมทำแบบนั้นจริงๆ ละก็… ผมคงเสียใจมากๆ
“ทำไมคนดีทำหน้าแบบนั้น หืม” เขาก้มลงมาจุ๊บปากผมทีนึงแล้วละออก แขนแกร่งเลื่อนมาโอบเอวคอดอัตโนมัติก่อนจะพาผมเดินไปที่รถ กระทั่งเดินเข้ามาถึงรถผมก็ยังไม่พูดอะไร ความเงียบทำให้พี่ฮิมจับสังเกตได้ เขาเอื้อมมือมาอังหน้าผากผมแล้วถามเสียงทุ้ม “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เลเปล่า”
“...” พี่ฮิมไม่พูดอะไรต่อ แวบนึงรู้สึกว่าเขาหันมามองผมก่อนตัวรถจะเคลื่อนออกจากมหา’ลัยไป ฮิมพาผมมาที่คลับเดิม เขาเอาชุดมาให้ผมเปลี่ยนก่อนเข้าคลับด้วย เนื่องจากชุดที่ผมใส่ตอนนี้ยังเป็นชุดมหา’ลัย เกรงว่าใส่เข้าผับจะไม่เหมาะสม ชุดไม่ได้พิเศษอะไรมาก แค่เสื้อคอวีสีดำกับกางเกงยีนส์ธรรมดา เพิ่มรองเท้ารัดส้น ผมถอดยางที่มัดเป็นจุกอยู่บนหัวออกแล้วขยี้ให้มันเข้ากับศีรษะหลังจากนั้นจึงเดินไปหาพี่ฮิมที่ยืนรอหน้าห้องน้ำ นัยน์ตาคมไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาพึมพำ
“ไม่น่าหยิบเสื้อคอวีมาเลย”
“อย่างน้อยมันก็ดีกว่าชุดเอี้ยมที่เลใส่มาครั้งแรก”
“ดีกว่าชุดที่เลใส่มาครั้งก่อนด้วย” ผมนึกถึงชุดที่ใส่มาครั้งก่อนแล้วหน้าร้อนขึ้นทันที ฮิมเหมือนจะรู้ทัน เขายิ้มที่มุมปากแล้วก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม พร้อมคลอเคลียใบหน้าบริเวณลำคอขาวเบาๆ “พี่ไม่ให้ใส่แล้วนะ อยากใส่ไปใส่อยู่บ้านให้พี่เห็นคนเดียว”
“ไม่ต้องเลย” ผมตีบ่าแกร่งแรงๆ ก่อนจะโดนพี่ฮิมประกบปาก ร่างสูงดูดปากผมแรงๆ ทีนึงแล้วจึงผละออก หลังจากนั้นพี่ฮิมจึงพาผมเดินเข้าคลับทางประตูด้านหลัง (เพราะฮิมพาผมมาเปลี่ยนชุดก่อนที่ห้องน้ำด้านหลัง) แต่ถึงจะเป็นประตูหลังก็ยังมีการ์ดเฝ้า ผมทำหน้าสงสัยเมื่อตอนที่เดินเข้าไปแล้วการ์ดก็โค้งให้เหมือนเคย ตอนที่มาครั้งแรกก็นึกว่าเขาโค้งให้ทุกคนแต่ตอนมาครั้งที่สองระหว่างต่อแถวตอนจะเข้าคลับ ถ้าไม่คิดไปเองผมว่าการ์ดโค้งหัวให้ผมคนเดียวแถมตอนนั้นผมไม่โดนตรวจบัตรด้วย
มันแปลกๆ…มีไม่กี่เหตุผลที่คนๆ นึงจะยอมโค้งศีรษะให้ใครสักคนเพื่อบ่งบอกว่าคนๆ นั้นพิเศษ แต่จะพิเศษในทางไหน… และพิเศษแค่ไหนถึงยอมโค้งศีรษะให้กับผมที่เป็นแค่น้องไม่แท้ด้วย
ผมเงยหน้าขึ้นจ้องพี่ฮิม แต่ร่างสูงไม่รู้สึกตัวเพราะทันทีที่เข้ามาที่นี่ ทุกสายตาก็ล้วนจับจ้องไปที่ผู้ชายที่กำลังโอบเอวผมกันทั้งนั้น ฮิมพาผมเดินมาที่ชั้นสองของคลับเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่ได้นั่งดื่มกันด้านนอกเหมือนเมื่อก่อน เขาพาผมเดินไปที่ห้องๆ หนึ่ง จำได้ว่าเคยเข้า มันเป็นห้องสังสรรค์ เหมาะสำหรับคนที่อยากดื่มฉลองกับเพื่อนๆ ของตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อถึงหน้าห้อง ตอนที่พี่ฮิมกำลังจะเปิดประตูเข้าไป จู่ๆ พนักงานที่อยู่ด้านในก็เดินออกมา และพอเห็นพนักงานคนนั้นเห็นหน้าพี่ฮิมอีกฝ่ายก็โค้งหัวให้ก่อนที่จะเดินออกไป ผมมองและสังเกตการกระทำนั้นเงียบๆ ก่อนที่พี่ฮิมจะบิดลูกบิดประตูเข้าไปด้านใน
ในห้องมีพี่ๆ ทุกคนรออยู่ ที่แน่ๆ คือตอนนี้แต่ละคนเริ่มเมากันแล้ว ฮิมเดินนำหน้าแต่พอผมเดินเข้าไปตาม จู่ๆ ผมก็จามออกมาทันที พอปิดจมูกแล้วหันเข้าไปมองในห้องก็พบว่าพี่ๆ ส่วนใหญ่เขากำลังสูบบุหรี่กันอยู่ ทุกคนทำหน้าเหมือนเบื่อโลกที่เห็นผมก่อนจะรีบดับบุหรี่ลง ส่วนผมออกไปยืนรอหน้าห้องให้กลิ่นบุหรี่จางไปก่อนประมาณสองนาทีหลังจากนั้นจึงโดนพี่ฮิมเรียกให้เข้าไปอีกครั้ง
ผมเดินเข้าไปนั่งข้างฮิมแล้วฟังพี่ๆ เขาคุยกันเรื่อยเปื่อย จริงๆ วันนี้มันก็ไม่ได้มีโอกาสพิเศษอะไรมากมาย ก็แค่โอกาสอยากกินแอลกอฮอล์ของพวกพี่แกมันรุ่มเร้า พวกเขาก็เลยมาคลับเท่านั้นเอง ทุกคนคอแข็งมากดื่มแค่ไหนก็เมาได้แค่กริ่มๆ และส่วนใหญ่ก็คุยกันเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ นินทาอาจารย์บ้าง (ขอโทษอาจารย์ด้วยครับ) ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้แต่นั่งฟังพร้อมทั้งนั่งหาวหวอดๆ กว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นจึงขอพี่ฮิมไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
ทีแรกพี่ฮิมไม่ยอมให้ผมมาคนเดียว กระทั่งผมลงทุนโดยการเป็นฝ่ายจูบอีกฝ่ายก่อนร่างสูงจึงยอมให้ผมมาห้องน้ำคนเดียว ไม่ใช่อะไร… ผมอยากมาห้องน้ำคนเดียวเผื่อจะได้เจอพนักงานคนที่โค้งให้พี่ฮิมตอนที่อยู่หน้าห้องคนนั้น แค่อยากจะถามบางอย่างกับเขาและเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างผม เมื่อระหว่างทางผมก็ได้เจอกับพนักงานคนนั้นจริงๆ
พอถามเหตุผลที่อีกฝ่ายโค้งให้พี่ฮิม คำตอบของเขามันก็ทำให้ผมถึงกับนิ่งไป…
ยิ่งเมื่อเทียบกับสิ่งที่อินพูด คำพูดของอินมันก็ความเป็นไปได้มันก็มากเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ผมเดินกลับไปที่ห้อง พอเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงของพี่ไทด์ที่เริ่มเมาหนักกำลังร้องเพลงคาราโอเกะเสียงเพี้ยนขั้นรุนแรงแบบขำๆ กันอยู่
“แต่แล้วเธอกลับมีเขาคนนั้น ไม่เกรงใจกันไม่แคร์คนนี้
ไม่รู้ทำอย่างงั้นด้วยกันมากี่ที เธอทำได้ไงไม่รู้...ดู๊ดู— สัส! หล่อแบบนี้ใครทิ้งกูแม่งโง่อ่ะ”
“โอ๊ยย!! ไอ้ห่า”
ผมหัวเราะตอนที่พี่ๆ แต่ละคนรุมด่าพี่ไทด์ ขณะเดินไปนั่งข้างฮิม
“ทำไมไปนานจังหืม คนดีเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ เลมึนหัวนิดหน่อยเลยได้อ้วก”
“อยากกลับไหม”
“ไม่เป็นไร” ผมส่ายหน้า ขณะเอนตัวพิงไหล่พี่ฮิมพร้อมมองเสี้ยวหน้าเพราะนอนพิงไหล่มันเลยเห็นได้แค่นั้น “ฮิมเลมีคำถามด้วยนะ”
“ครับ…” แอลกอฮอล์ถูกกรอกเข้าปาก เห็นได้ชัดว่าพี่ฮิมในตอนนี้กำลังอารมณ์ดีพอสมควร “ว่ายังไงคนดี”
“เด็กพี่มีชู้ มีใครอยู่แต่เธอไม่บอก หลอกกันมาตั้งนมตั้งนาน
ไม่ทันเกมส์อย่างเรา เกือบมีเขาข้างข้างกกหู~~” พี่ไทด์ยังร้องไปเรื่อย
“จำพนักงานที่โค้งให้ฮิมก่อนที่เราจะเข้าห้องได้ไหม เลสงสัย ตอนไปห้องน้ำบังเอิญเจอพอดี เขาบอกว่า
ฮิมเป็นเจ้าของคลับนี้อะ”
กึก!
“เด็กพี่มีชู้ เจ็บจนพูดอะไรไม่ถูก จุกจนบ่นอะไรไม่ออก
โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ยตาย โตเป็นควายยังโดนเขา— เหี้ยอะไรของมึงไอ้รพจะกระตุกเสื้อกูทำไมนักหนา”
“หุบปากไปก่อน”
ผมเหล่ตามองพี่รพกับพี่ไทด์ที่กำลังเถียงกันแล้วหันหน้ามาทางฮิมต่อ ร่างสูงเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างถ้าผมไม่ยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากฮิมเสียก่อน
“ยัง… เลยังพูดไม่จบ” ผมพูดกับพี่ฮิมคนเดียว แต่คนทั้งห้องกลับเงียบหมด ตอนนี้มีแค่เสียงคาราโอเกะที่ไม่มีคนร้องยังดังเป็นจังหวะอยู่เท่านั้น เพลงมันส์แต่บรรยากาศกลับนิ่งขรึมลงเรื่อยๆ กระทั่งผมถามคำถามนี้ออก “ฮิมให้คนมาตามเลเหรอ”
ผมเชื่อว่าพี่ฮิมทำได้ ยิ่งพนักงานคนนั้นยืนยันผมก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าถ้าจะเขาจะสั่งให้คนมาตามผมจริงๆ ฮิมสามารถทำได้ เพราะบางทีอำนาจที่อินว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่พี่ฮิมเป็นเจ้าของคลับก็ได้
“...”
“ฮิมขู่คนที่จะเข้าหาเลเหรอ”
“...”
“เพื่อนของเลก็เป็นคนของฮิมเหรอ”
“...”
ไม่รู้ว่าใครกดหยุดเพลง แต่ตอนนี้ทั้งห้องเงียบ… เงียบมากจริงๆ ดังนั้นคนตรงหน้ายิ่งได้ยินคำถามของผมอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตอบมาสิครับพี่ฮิม”
(100%)
ซีนที่ชอบที่สุดของบทนี้คือฉากอินกับเล เนี่ยยย ตอนเขียนสองคนนี้ปุ๊บคิดเลยว่าสักวันฉันจะแต่ง เคะ x เคะ ส่วนสาเหตุของอินก็นั่นแหละค่ะ เพราะพี่เขาไม่ยอมคนอื่นมาใกล้น้อง อินเลยต้องยอมหน้าด้าน (คือฉันรักนางมากๆ อะไม่รู้ทำไม5555) ส่วนพี่ฮิมกับน้องเลพอหวานปุ๊บดราม่าก็ตามมาติดๆ อยากบอกว่าปมพี่ฮิมนี่ยังไม่หมดนะ ถ้าปมพี่ฮิมแค่นี้รู้สึกมันด๊อกด๋อยมาก เอาจริงๆ นะยังยี่สิบตอนแล้ว พี่ฮิมยังไม่ปล่อยความเถื่อนถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ตอนนี้มันแค่สี่สิบเองนะ55555 ไอ้คนเล่นหมากรุกตอนบทนำก็ยังไม่ค่อยมีบทบาทเลยแต่จริงๆ นางเคยโผล่มาแล้วนะ ไหนจะเรื่องของเอ็กซ์อีก บอกเลยปมมันเยอะมากขนาดคนแต่งบางทีแต่งเองยังงง
หน้าตอนที่แต่งปมปวดหัวระดับนี้...
#วิศวะแดนแฟนมีเกียร์ (สระแอเท่านั้นน้าาา อย่าใช้แท็ก #แฟนวิศวะ เลยมันไม่ใช่แท็กนิยายเรา)